วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ใช้หนี้บอล...ด้วยความเสียว 9

"แค่กลับไปคิดว่าเคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันกูก็จะอ๊วกแล้ว" เกมส์พูดพร้อมถอนหายใจ
ผมกับป้องไม่พูดอะไรต่อ แค่มองหน้ากัน ผมไม่รู้ป้องคิดยังไง แต่สำหรับผมที่พึ่งเคยมีอะไรกับผู้ชาย ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร แค่มันรู้สึกแปลกนิดหน่อยเท่านั้นเอง

"แล้วพวกนายหล่ะ เป็นยังไงบ้าง" เกมส์ถามพวกเรากลับบ้าง
ผมอ้ำๆอึ้งที่จะพูด ถึงมันจะไม่เหลืออะไรให้อายแล้วก็เถอะ แต่ผมก็ไม่อยากให้เกมส์รู้ว่า
"ผม" กับ "ป้อง" มีอะไรกันแล้ว
"ก็ไปบริการแขกที่โรงแรมในเมืองหน่ะ"" ป้องตอบเกมส์ขึ้นมา
"แล้วนายรู้มั๊ยว่า เราจะต้องไปไหนกันอีก" ผมถามเกมส์ เพราะเกมส์น่าจะเป็นคนรู้ดีสุดว่า เราจะต้องไปทำอะไรกันอีก
"กูก็ไม่รู้ว่ะ รู้แค่ว่าเป็นกลุ่มเดิม แต่กูก็ไม่รู้นะว่าพวกนั้นมันจะทำอะไรกับกู พวกแม่งนั่นไม่ได้คุยกับกูโดยตรง กูก็รู้ผ่านเสี่ย เสี่ยก็ได้แต่พูดว่าแล้วแต่คุณผู้หญิง แกไม่มีสิทธิ์ยุ่ง"
"คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง คงเหมือนวันก่อนแหละ" ป้องพูดให้กำลังใจเกมส์
"กูก็ขอให้เป็นอย่างนั้น" เกมส์ฝืนพูด แต่หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเรากลับเข้ามาสู่เรื่องที่ว่าอะไรรออยู่ข้างหน้า

ถ้าผมเป็นเกมส์ผมก็คงจะกลัวมากกว่าเกมส์อีก เพราะเท่าที่ผ่านมาผมก็รู้แล้วว่า พวกผู้หญิงนั่นโหดร้ายแค่ไหน ทำได้ทุกอย่าง เพราะคิดแค่ว่าผู้ชายอย่างเราเป็นแค่สัตวส์ตัวนึงเอาไว้ให้ระบาย ยิ่งไปมีเรื่องอีก ยิ่งไม่อยากคิดไปใหญ๋ ผมก็ได้แต่เฝ้าขอให้มันจบเร็วๆ และไม่มีอะไรต่ออีก

ป้องเริ่มพยามยามเปลี่ยนเรื่องคุยไปคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งมันก็พอจะช่วยให้บรรยากาศความเครียดลดลงไปบ้าง

ลูกน้องเสี่ยเอาข้าวเย็นมาให้ แต่ก็ยังไม่มีข่าวอะไรชัดเจนออกมาว่าพวกเราจะต้องไหทำงานสุดท้ายกันเมื่อไหร่ ผมกินข้าวเสร็จก็นอนเพราะวันนี้ก็เหนื่อยมามากแล้ว

"ตื่นได้แล้ว" ป้องเขย่าตัวผมเบาๆ
"เช้าแล้วเหรอ"
"อืมม ลุกขึ้นไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะได้ ไปทำงานให้มันจบๆ"
ผมยังงัวเงียอยู่ แต่ป้องอายน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ป้องบอกผมว่าเมื่อคืนตอนที่ผมหลับลูกน้องเสี่ยเข้ามาบอกว่าวันนี้จะให้ไปทำงานให้เสร็จๆ คุณผู้หญิงนัดมาแล้ว ให้ไปทำงานตั้งแต่วันนี้ตอนเช้า

รถตู้คันเดิม ลูกน้องเสี่ยก็กลุ่มเดิม พวกเราก็กลุ่มเดิม แต่คราวนี้มันเป็นความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม คราวที่แล้วเราไปอย่างไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง ไม่ได้คิดถึงภาพที่โหดร้าย ซาดิส แต่คราวนี้ภาพต่างๆที่เราเคยผ่านมา แล่นเข้ามาในสมองผมอย่างไม่หยุด ยังไงก็เถอะก็ยังมีส่วนดีบ้างตรงที่ ผมรู้ว่างานนี้จะเป็น "งานสุดท้าย"

ตลอดทางผมไม่พยายามพูดอะไร พยายามข่มใจให้สงบ และพร้อมที่จะเจอกับอะไรต่างๆที่เข้ามา แต่เกมส์ดูเหมือนอยู่นิ่งๆไม่ได้ พยายามถามลูกน้องเสี่ยว่าจะไปไหน จะเป็นยังไง ลูกน้องเสี่ยคนนี้ก็ดูเหมือนจะรู้ดี ด้วยคงเคยขับรถส่า "เด็กเสี่ย" ให้กับคนนู้นคนนี้เยอะ

เท่าที่รู้คือคราวนี้เราไปงานของอีกคนนึง แต่ก็กลุ่มเดียวกันนั่นแหละครับ พวกเราสามคนไปในนามของคุณผู้หญิงที่เอาเราสามคนไปงานคืนแรก ไปที่เมืองกาญ ลูกน้องเสี่ยบอกว่าใหญ๋มากๆ เจ้าของเค้ามาซื้อเหมาเขาเป็นลูกๆเลย อยู่ห่างไกลจากบ้านคนมากเลย ถนนก็ตัดเข้าไปที่บ้านเค้าคนเดียว ลูกน้องเสี่ยเล่าให้ฟังว่าสนิทกับแม่บ้านที่นั่น ก็เลยรู้อะไรมาเยอะ

เจ้าของบ้านชื่อ "คุณปราณี"เป็นคุณนายอดีตนายพลใหญ่ แต่เดิมท่านายพลมาสร้างไว้ กะเอาไว้เป็นที่พักผ่อนตอนแก่ แต่ท่านมาเสียกะทันหัน คุณปราณีเลยใช้ที่นี่เป็นสถานที่เชือดเด็กหนุ่มไปเลย เห็นเขาเล่าๆกันมาว่าเธอเก็บกดจากท่านนายพลที่ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย พอท่านเสีย เธอก็เลยสำแดงเดชซะเต็มที่เลย

ผมฟังแล้วก็ไม่อยากฟังต่อ เพราะจะว่าไปถึงรู้ไปก่อนก็มีแต่จะยิ่งกลัว ไหนๆก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ก็ไว้ไปเจอเลยดีกว่า แต่เกมส์ก็ยังอยากรู้ไม่จบ ถามนู่นถามนี่ ลูกน้องเสี่ยก็ดูถ้าอยากจะเล่า ให้ดูเหมือนคนรู้เยอะ ผิดถูกก็ยังไม่รู้ อย่างวันก่อนตอนกลับมา แกว่าเกมส์ถูกไฟลน แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ว่า แต่ยังไงซะเรื่องที่แกเล่าก็ทำให้ผมได้รู้จักคนพวกนี้ดีขึ้น

ผมพอสรุปคร่าวได้ว่า พวกสาวแก่ไฮโซที่ชอบกินเด็กผู้ชายมีเยอะครับ กลุ่มที่พวกเราไปเจอนี่ก็เป็นแกลุ่มนึงครับ มันก็เหมือนงานสังสรรค์ไฮโซ ไปออกสมาคนนั่นแหละครับ เพียงแต่เป็นเรื่องไพรเวท ไม่ได้ไปเดินโชว์แหวนเพชรกันในงานหรูตามโรงแรมเท่านั้นเอง คนที่มาก็ใช่จะจริงจังจริงใจอะไรมากนัก มาก็มาอวดกันเอง เกทับกันเองว่าชั้นแน่กว่า มีเด็กเด็ดกว่า แรงได้มากกว่า เหมือนกับไปโดนโชว์แหวนเพชรว่าชั้นใหญ่กว่านะอะไรประมาณนั้น

พวกนี้ก็ชอบจัดงานตามเซฟเฮ้าส์ของตัวเอง สลับกันจัดไป ไปบ้านนู้นบ้างบ้านนี้บ้าง ไม่เปิดเผยไปเที่ยวโจ๋งครึ่มแบบที่คนทั่วไปทำกัน พวกไฮโซชอบบอกว่าแบบนั้นหน่ะเสียเกรด แต่จริงๆแล้วผมว่าใกล้กล้ามากกว่า แคร์หน้าตาตัวเอง ก็เลยมาจัดแบบนี้แทน แบบกูมีเงินกูจะทำอะไรก็ได้ เด็กก็มีให้เลือกเยอะแยะครับ พวกนี้เค้ารู้จักไปหมดว่าจะหาเด็กมาจากไหนได้บ้าง แต่พวกกลุ่มนี้จะพิเศษนิดนึงตรงที่มีพวกแปลกๆ ซาดิสอยู่เยอะ และก็ชอบพวกที่ไม่ช้ำมาก่อน พวกนี้เลยไม่ค่อยจะไปเอาเด็กที่ทำงานแบบนี้อยู่แล้ว แต่จะติดต่อผ่านพวกอิทธิพลมือดอย่างนี้มากกว่า เพราะสั่งอะไรเด็กก็ต้องทำตาม ขัดไม่ได้ ยิ่งบางคนเป็นพวกที่ไม่ใช่คนไทยยิ่งโดนหนักไปอีก

ผมฟังแล้วก็ดีใจนะที่ตัวเองไม่ได้เกิดมารวย ไม่ต้องคอยมานั่งกดดันจากสังคม ห่วงชื่อเสียง ห่วงหน้าตา จนเก็บกดมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับต้องมาระบายกับคนที่ด้อยกว่า ไม่มีทางสู้แบบนี้

ความจริงในสังคมมันไม่ได้มีแค่นี้หรอกครับ "ทุนนิยม" ทำมห้ทุกคนคิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่คิดถึงความถูกต้องดีงาม และ "เงิน" เท่านั้นที่จะสั่งให้ใครทำอะไรให้ พวกมีเงินก็อยู่กันอย่างพระเจ้า ส่วนคนไม่มีเงินก็อยู่กันอย่างทาส

ที่ๆเรากำลังไปไกลจริงๆด้วยครับ ไม่ได้อยู่แค่ตัวเมืองกาญ ยังออกไปอีกไกล ไปในเส้นทางทีคนไม่ค่อยไปกัน จากเห็นบ้านคนชุมชน ก็กลายเป็นป่าเป็นเขา บ้านคนก็นานๆเห็นทีนึง โดยเฉพาะสิบกิโลสุดท้ายนี่ไม่เห็นบ้านคนกันเลย ทางลาดยางคยๆเล็กๆ ไม่มีใครสวนมางหรือตามเรามาเลย ผมลองเดาดูก็คงคิดว่ามันคงเป็นที่ป่าหรืออะไรสักอย่าง แต่ไม่ใช่ที่ๆคนอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายแน่ๆ มีแต่พวกมีอำนาจเท่านั้นที่จะไปครอบครองได้ เหมือนกับที่ผมเคยอ่านตามหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆว่าไปยึดที่หลวง ไปสร้างบนที่ป่าไม้ ถนนเส้นนี้ก็ดูเหมือนจะตัดเข้าไปที่บ้านนี้โดยเฉพาะเลย เพราะถนนมาสุดแค่หน้าบ้าน "คุณปราณี" เท่านั้น

ที่นี่ใหญ่จริงๆครับ ตัวบ้านหลังใหญ่ยังกับวัง สร้างสไตล์คันทรีย์ อยู่กลางหุบเขา และก็มีโรงเรือนอีกหลายโรง มีสนามหญ้าใหญ่ๆ ด้านหลังบ้านต้นไม้ใหญ่ๆขึ้นครึ้มไปหมด ถ้าผมเข้ามาเองก็คงต้องนึกว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทกลางหุบเขาแน่ๆเลย

รถตู้ของพวกเราเล่นเข้ามาในเขตรั้วของบ้าน ตรงทางเข้ามีผู้ชายหน้าโหดสองคนนั่งประจำการอยู่ พอรถตู้ผ่านบริเวณนั้น ลูกน้องเสี่ยก็ลดกระจกลงพร้อมกับบอกพวกนั้นว่ามาส่งเด็ก สองคนนั่นเลยอนุญาตให้รถเข้าไปได้ ตอนนี้ที่จอดรถของบ้านมีรถจอดอยู่หลายคันแล้ว แต่ละคันก็แพงๆทั้งนั้น คงจะเป็นของบรรดาแขกที่มางานนี้

"รออยู่ในรถก่อนนะ" ลูกน้องเสี่ยบอกเราสามคน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ไม่นานนักลูกน้องเสี่ยก็เดินออกมาพร้อมกับคุณผู้หญิงที่เราเคยเจอ เธอเดินตรงมาที่รถตู้ ลูกน้องเสี่ยอีกคนรีบกุลีกุจอเปิดประตูรถให้
"ขอโทษพวกเธอสองคนด้วยนะที่รบกวนพวกเธอมางานนี้อีก จริงๆแล้วชั้นก็ไม่อยากจะให้พวกเธอมาหรอกนะงานนี้หน่ะ แต่พอดีว่าคุณนิดเพื่อนชั้นหน่ะเค้าไม่ยอม ยังไงก็ต้องเอาเพื่อนพวกเธอมาที่นี่ให้ได้ ชั้นเลยคิดว่ายังไงพวกเธอก็เพื่อนกัน ก็มาพร้อมกันเลยแล้วกัน แล้วยังไงชั้นจะให้พวกเธอสองคนๆละสามหมื่นแล้วกัน อีกอย่างพวกเธอสองคนไม่ต้องกลัวหรอกพวกเธอมาในนามเด็กของชั้น ยังไงมันก็ไม่น่าจะมีอะไรมากมายหรอก"
"แล้วเพื่อนผมหล่ะครับ" ผมอดไม่ได้ที่จะถามคุณผู้หญิงถึงเกมส์
"อันนี้ชั้นก็ตอบไม่ได้นะ เพราะเพื่อนเธอหน่ะคุณนิดเค้าขอไว้ ดังนั้นเพื่อนเธอถือว่ามากับคุณนิด ชั้นคงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าเข้าใจแล้วก็ลงมาจะได้เข้าไปในงาน"
ผมกับป้องพยักหน้ารับคุณผู้หญิงเหลือแต่เกมส์ที่ดูเหมือนจะอึ้งๆไป

คุณผู้หญิงพาเราเข้ามาในงาน ด้านหน้าบ้านกับข้างในค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ดูจากด้านหน้าเป็นบ้านใหญ่โต ดูทะมึนอยู่กลางเขา แต่พอเข้ามาข้างใน บ้านพยายามทำให้โปร่ง มีที่ว่างตรงกลางให้แสงแดดส่องเข้ามาถึง ด้านหลังจากตัวตึกไป เป็นระเบียงชานใหญ่ๆ ที่ตอนนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายนั่งคุยกันอยู่ ถัดออกไปเป็นสนามหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ เลยออกไปช่วยรอยต่อกับส่วนที่เป็นป่า

เราสามคนเดินเข้ามา แขกบริเวณชานบ้านหันมามองเราทั้งสามคน หนึ่งในนั้นมีคุณนิดด้วย ผมเองไม่แน่ใจหรอก แต่เท่าที่จำได้น่าจะใช่คนนี้ เธอจดจ้องมาที่เกมส์ แล้วยิ้มที่มุมปากอย่างผู้มีชัยชนะ

คุณผู้หญิงส่งเราต่อให้แม่บ้านหน้าดุ ดูไม่เป็นมิตรคนนึง พร้อมบอกเธอว่าผมกับป้องเป็นเด็กของเธอมาช่วยงาน ส่วนเกมส์เป็นเด็กของคุณนิดที่ส่งเข้าประมูล เรายังงงๆกับคำพูดของคุณผู้หญิง แต่ก่อนที่เราจะได้ถามอะไร เธอก็เดินจากพวกเรากลับไปร่วมกลุ่มสังสรรค์ตามเดิม

แม่บ้านให้เราตามเธอไปออกไปด้านเรือนแถวด้านข้าง ซึ่งถ้าปกติก็คงเป็นเรือนคนใช้ ตรงนั้นมีผู้ชายใส่ชุดลายพรางทหารอยู่สามสี่คน พวกนั้นมองเราด้วยเชิงข่ม แม่บ้านพาเราเดินต่อมาจนถึงห้องด้านหลัง แม่บ้านเปิดประตูให้เราเข้าไปปแล้วบอกให้ถามคนในห้องว่าต้องใส่ชุดอะไร ส่วนเกมส์เธอกลับบอกให้ตามเธอไป ดูเกมส์เหมือนจะไม่อยากไปแต่ก็ฝืนเดินตามเธอออกไป
"พวกมึงปล่อยกู" เสียงเกมส์ร้องลั่นออกมาจากด้านนอก ผมรีบเปิดประตูออกไปดูแต่ก็ไม่เห็นเกมส์ซะแล้ว ผมกำลังจะเดินตามเสียงไป แต่พอผมจะก้าวตามไป มือหยาบๆหนักก็มาจับที่ไหล่ผมและผลักผมเข้าไปในห้อง ผู้ชายชุดทหารพูดกับผมด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจ แล้วปิดประตูห้องดังปัง ผมรู้สึกเป็นห่วงเกมส์ แต่ตอนนี้สภาพของผมไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยอะไรเกมส์ได้ ผมหันกลับมาดูในห้อง นอกจากผมกับป้องยังมีคนอื่นอยู่ในห้องก่อนหน้าเราแล้ว ทุกคนล้วนเป็นผู้ชายหน้าตาดี หุ่นดี สายตาผมไปสะดุดอยู่ที่ผู้ชายคนนึง ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา คิ้วเข้ม ผิวขาวจั๊วยิ่งกว่าผู้หญิง เรียกได้ว่าผู้หญิงเห็นยังอาย ผมจ้องดูชายคนนั้นด้วยตาไม่กระพริบ เขาเหมือนจะรู้สึกตัวว่าผมมอง เลยหันกลับมาจ้องหน้ากัน..... "ต้น..." ผู้ชายคนนั้นเรียกชื่อผมออกมาด้วยความตกใจ

"ท๊อป...มาได้ยังไง" ผู้ชายคนนั้นคือท๊อป เพื่อนของผมตอนเรียนม.ปลาย เราไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่จบม.ปลาย รู้แค่ว่าท๊อปไปเรียนนิเทศน์มหาลัยเอกชน ตอนนี้ท๊อปดูดีดีกว่าเดิม ทั้งๆที่เมื่อก่อนท๊อปก็หล่อจนสาวๆในโรงเรียนกรี๊ดกันไปทั่ว
"แล้วต้นหล่ะ" ท๊อปยังคนมองผมด้วยสีหน้าตกใจปนประหลาดใจ

ผมเล่าให้ท๊อปฟังว่าผมถูกผู้หญิงเลวๆคนนึงหลอกมา ให้ต้องมาใช้หนี้บอลแทน ท๊อปเองก็เล่าให้ผมฟังว่าเค้าเองมาทำที่นี่ก็เพราะต้องใช้หนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่หนี้บอลแบบผม แต่เป็นหนี้ของบ้านที่เอาไปจำนองไว้กับคุณปราณี ตอนมอหกบ้านท๊อปจะถูกยึด เรื่องนี้ผมก็พอรู้มาบ้างเหมือนกันว่าตั้งแต่พ่อท๊อปธุรกิจล้มละลาย พ่อท๊อปล้มป่วยไม่นานก็เสีย เหลือแต่แม่ที่สุขภาพไม่ค่อยดี ฐานะทางการเงินเริ่มฝืดเคือง จากที่ผมรู้จักท๊อปแรกๆ ท๊อปเป็นลูกคุณหนูมีรถมารับส่งทุกวัน พอตอนใกล้จะจบท๊อปต้องขึ้นรถเมล์มาเรียนเอง ตอนนั้นผมเองก็ยังเด็กเลยไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ว่าเพื่อนมีความทุกข์อะไรมั๊ย

สมบัติชิ้นสุดท้ายตอนนั้นคือ "บ้าน" ที่สองแม่ลูกใช้เป็นที่พึ่งพิงที่สุดท้าย ท๊อปตัดสินใจเข้าไปหาเจ้าหนี้ซึ่งคือคุณปราณี สุดท้ายท๊อปต้องยอมพลีกายเป็นของคุณปราณีตั้งแต่ยังไม่จบมอปลาย จนมาถึงทุกวันนี้

"แล้วนายอยู่ได้เหรอ...เราได้ยินมาว่าคุณปราณีอะไรนั่นโหดไม่ใช่เหรอ" ท๊อปฟังคำถามผมแล้วอึ้งไปเล็กน้อย
"ต้นรู้เหรอ"
"ไม่รู้อะไรจริงจังหรอก คนขับรถที่มาส่งเค้าเล่าให้ฟัง"
ท๊อปลุกขึ้นยืนแล้วดึงมือผมเข้าไปในห้องน้ำ "ตามเรามา"

"มีไรว่ะ" ตอนนี้ผมอยู่กับท๊อปสองคนในห้องน้ำ กลอนถูกกดปิด ท๊อปไม่ตอบอะไรผมแต่รูดกางเกงและกางเกงในที่ตัวเองใส่อยู่
"ท๊อปจะทำอะไร" ผมตกใจกับการกระทำของท๊อป
"ต้นดูนี่สิ" ท๊อปจับมังกรหิมะที่ตอนนี้ยังหลับสนิทอยู่ขึ้นมา ตรงกลางลำแท่งมีเหมือนรอยอะไรสักอย่างอยู่ ผมดูไม่รู้เรื่อง แต่ดูเหมือนเป็นตราอะไรสักอย่าง
"นี่คือตราประทับความเป็นเจ้าของ" ท๊อปพูดพร้อมโชว์มันให้ผมเห็นชัดๆ
"ตราอะไรว่ะ" ผมยังงงอยู่กับคำพูดของท๊อป ท๊อปบอกผมว่ามันคือตราสัญลักษณ์ของคุณปราณี เหมือนกับ "วัว" ที่ถูกเจ้าของประทับตราความเป็นเจ้าของไว้ ท๊อปบอกผมว่าวิธีการประทับตราส่วนสำคัญที่สุดของท๊อปก็ไม่ต่างอะไรไปจาก "วัว"

วันที่ท๊อปไปหาคุณปราณีครั้งแรกเรื่องบ้าน คุณปราณียื่นข้อเสนอนี้ให้กับเขา โดยให้ท๊อปมาเป็นของเขาแทนบ้าน คุณปราณีให้เวลาเขาตัดสินใจครึ่งชั่วโมง แม้ว่าท๊อปจะไม่อยากแต่หนทางอื่นมันไม่มีแล้วสำหรับเด็กนักเรียนม.ปลายคนนึง ท๊อปตัดสินใจรับปากคุณปราณี และในคืนนั้นคุณปราณีสั่งให้เขาโทรบอกแม่ว่าไปอ่านหนังสือบ้านเพื่อน และคืนนั้น "ท๊อป" ก็ตกเป็นของคุณปราณี ก่อนที่ท๊อปจะเริ่มการปรนเปรอความสุขให้แม่ม่ายไฮโซ คุณปราณีสั่งให้คนจับท๊อปมัดไว้กับเตียงเหล็ก และจัดการปั่นจนแข็ง แล้วมัดให้มันแข็งตรึงอยู่ในสภาพนั้น สุดท้ายเหล็กแดงๆร้อนก็ประทับลงบนส่วนสำคัญที่สุดของท๊อป ความเจ็บปวดที่ท๊อปไม่มีวันลืม ไม่เพียงแค่ตราที่ถูกประทับไมโครชิฟก็ยังถูกฟังลงไปด้วยที่โคนมังกรเผือกของท๊อป

ผมฟังท๊อปแล้วสงสารเพื่อนคนนี้จับใจ สิ่งที่เขาโดนมันมากกว่าที่ผมโดนมากนัก
"แล้วทำไมตอนนี้นายต้องยอมเค้าด้วยหล่ะ"
"คุณปราณีเคยบอกว่าถ้าอยากไปจากเค้าก็ไม่ห้าม อยากไปก็ไป แต่ต้องคืนตราให้เขาก่อน...นายเข้าใจใช่มั๊ยว่าเราต้องคืนยังไง" ผมพนักหน้าตอบรับท๊อป
"อีกอย่างเงินตอนนี้ที่เราใช้จ่าย ค่าเทอม ค่ายาแม่ อะไรต่ออะไรคุณเค้าก็เป็นคนออก"
"นายเป็นคนโปรดของเค้าใช่มั๊น" ผมถามท๊อป
"จะว่าแบบนั้นก็ได้" ท๊อปเล่าให้ผมฟังอีกว่าตั้งแต่มอหกเค้าต้องปรนเปรอความสุขหญิงแก่มากด้วยราคะคนนี้ ถึงแม้คุณปราณีชอบที่จะเปลี่ยนผู้ชายไปเรื่อยๆ แต่เธอก็ต้องการผู้ชายสักคนที่เป็นของเธอประจำ จนเธอเบื่อเธอก็จะเปลี่ยนคนประจำคนใหม่ แม้แต่เรื่องเซ็ก คุณปราณีก็ไม่ยอมให้ท๊อปไปมีอะไรกับใครที่ไม่ใช่เธอ หรือ คนที่เธอไม้ได้สั่ง เวลาท๊อปไม่ได้อยู่กับเธอ ท๊อปจะต้องใส่กางเกงในพิเศษ ที่มีรหัสล๊อก ท๊อปจะทำอะไรไม่ได้นอกปล่อยของเสียออกจากร่างกาย

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...