“ช่วยด้วยยยยยย!!” ผมตะโกนสุดเสียง ก่อนจะโดนมือหนาของอาจายร์ปิดปากสนิท
“อยากให้คนอื่นมาเห็นมึงสภาพแบบนี้ใช่ไหม หา?” อาจารย์ตวาด
“มาทำแบบนี้หนังสือโป๊ของมึงกันดีกว่า มึงชอบแบบนี้ไม่ใช่หรอ” อาจารย์ชัยพูดเสร็จก็งัดควญใหญ่ออกมาฟาดหน้าผมอย่างแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจออะไรน่ารังเกียจแบบนี้
“กูไม่ได้เป็นเกย์จังไรแบบมึง แต่วันนี้มึงต้องทำให้ควญกูแข็งและน้ำแตกให้ได้ ไม่งั้นกูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ ไอ้ลูกศิษย์ทรพี”
อาจารย์ชัยกดหัวผม บังคับให้อ้าปากและอมควญของอาจารย์เข้าไป ผมแทบจะอ้วกออกมาตรงนั้น เพราะมันทั้งเหม็นอับและสกปรก แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกท่อนควญของอาจารย์สวนแทงเข้ามาในโพรงปากลึกขึ้นเรื่อยๆ
“สะใจกูจริงๆ ได้คนที่หล่อที่สุดของมหาลัยมาอมควญให้แบบนี้ ฮ่าๆๆ” อาจารย์หัวเราะเยาะผม พร้อมดันควญที่เริ่มแข็งแทงคอหอยผมจนหายใจไม่ออก โดยมีไอ้เพิร์ทเก็บภาพอย่างใกล้ชิด
“เป็นไงควญกูใหญ่เต็มปากมึงดีไหม แม่งเงี่ยนเลย” ส่วนเพิร์ทถ่ายคลิปไปควญก็แข็งไป อาจารย์ยัดควญเข้าออกปากของผมอย่างเมามัน จนตอนนี้ควญอาจารย์ชัยแข็งเต็มที่ เพิร์ทถ่ายคลิปไปก็หัวเราะชอบใจใหญ่
“เชี่ยย เสียวว่ะ กูใกล้ละ ซิ๊ดสสสสส์”
“แตกใส่ปากมันเลยครับอาจารย์” เพิร์ทยุ
“หิวไหมไอ้หน้าหล่อ กูจะเอาน้ำให้มึงกิน” ผมสบัดหน้าหนีไปมา
“มึงต้องตอบว่าหิวสิ” อาจารย์ตบหน้าผมอย่างแรง
“หะ หิวครับ” ผมตอบอย่างไม่เต็มใจ
“อ่าาาาาา แตกแล้วเว้ยๆๆ” น้ำควญอาจารย์พุ่งใส่ปากผมสามสี่ระลอก ผมหลับตาปี๋เตรียมจะบ้วนทิ้ง “กลืนมันลงไปให้หมด”
“ห๊ะ!” ผมตกใจ
“กูบอกให้กลืนลงไปเดี๋ยวนี้ หรือมึงอยากให้เรื่องนี้ถึงฝ่ายปกครอง” ผมจำยอม ตัดสินใจกลืนน้ำว่าวอาจารย์ลงไป กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั้งปากแทบจะอ๊วก
“เอาละคราวนี้ยืนขึ้น ถอดเสื้อออก” ผมลังเลก่อนจะยอมถอดเสื้อออกแต่โดยดี
“อื้อหือ หุ่นดีจริงๆนะมึง อกเป็นอก กล้ามท้องเป็นกล้ามท้องเลย”
จริงๆ แล้ว ยามที่ภีตอยู่ในชุดนักศึกษานี่ดูขัดกับภาพลักษณ์สุดๆ เพราะด้วยความที่ร่างกายเป็นถึงเทพ หุ่นดีก็ดี กล้ามก็แน่น หน้าตานี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าเดินมาด้วยกันเป็นกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิงก็จะมองภีตก่อนเป็นคนแรก
“ถอดกางเกงเดี๋ยวนี้” ผมขัดขืน
“จะถอดไหมไอ้สัส อยากให้เรื่องนี้รู้กันทั่วหน้าใช่ไหมมึง?” อาจารย์เร่ง
ผมจำใจค่อยๆ ถอดกางเกงออก สภาพผมตอนนี้คือล่อนจ้อน มีเพียงกางเกงในสีขาวตัวเดียว พอกางเกงหลุดลง อาจารย์อึ้งไปพักใหญ่เลย เพราะกางเกงในมันบาง จนเห็นควญผมกำลังแข็งเป็นลำ พาดขึ้นข้างบน จนหัวควญเลยขอบกางเกงใน เกือบถึงสะดือ แถมขนาดหัวควญนี่ไม่ธรรมดาเลย ใหญ่พอๆ กับลูกปิงปอง
“แม่งหัวควญโคตรใหญ่ยังกับไม่ใช่ของมนุษย์ มึงจะสมบูรณ์แบบอะไรอย่างนี้” อาจารย์ถึงกับตะลึง “ถอดกางเกงในออกด้วย” อาจารย์สั่ง ผมได้แต่ยืนอึ้ง ไม่คิดว่าต้องมาโชว์ควญต่อหน้าอาจารย์แบบนี้
“มึงเงี่ยนไม่ใช่เหรอวะ ควญตุงเชียวนะไอ้เกย์” ไอ้เพิร์ทตรงมาจับขอบกางเกงในสองข้างของผม ก่อนจะดึงลงไปที่หัวเข่า ควญขนาดใหญ่เด้งหวือลงมาขนานกับพื้นห้องน้ำ
“โห!!!! ควญแม่งงงงงง” อาจารย์อุทานในความใหญ่ยาวของควญผม แม้แต่เพิร์ทเองถึงจะเคยแอบดูควญภีตที่บ้านมาบ้างก็ยังต้องกลืนน้ำลาย ไข่แฝดใบใหญ่ห้อยยาน ลำควญอวบอ้วนยาว หัวควญขนาดใหญ่ผงกงึกๆ แล้วน้ำเงี่ยนใสๆ ก็ไหลออกมา เพิร์ทเดินเข้าไปซูมควญผมใกล้ๆ ความใหญ่ยาวของควญถูกบันทึกในวีดีโอเรียบร้อย ผมอายมาก ทำตัวไม่ถูก
“ต่อไปให้มึงว่าวให้น้ำแตก” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าอาจารย์จะสั่งอะไรน่าอายแบบนี้
ผมรู้ดีว่าคงโดนแน่ๆ ขัดขืนไปก็เท่านั้นเลยยอมว่าวแต่โดยดี ให้เรื่องจบๆ ไปดีกว่า ไหนๆ ก็เงี่ยนขนาดนี้แล้วด้วย ผมหลับตาใช้มือซ้ายเขี่ยหัวนมตัวเอง จินตนาการว่ากำลังร่วมเพศกับสาวสวย มือขวาก็กำควญตัวเอง ชักว่าวต่อหน้าอาจารย์และกล้องบันทึกภาพ ผมรูดไปได้ซักพัก
“จะแตกละครับ อ่าสสส์”
“เออ แตกออกมาเลย คงเงี่ยนมากสิ มึงไม่เอาน้ำออกมากี่วันหล่ะ แตกมาให้สะใจกูเลยไอ้สัส”
“ซิ๊ดสสสส์” ไข่หดเกร็ง สองมือของผมจับควญรูดถี่ยิบ ถึงตอนนี้อะไรก็ฉุดผมไม่อยู่แล้ว
“แตกแล้วววววววววววว”
ด้วยพลังน้ำควญของเทพ น้ำควญมหาศาลพุ่งอย่างแรงออกมาจากรูควญ ตรงไปยังอีกฝั่งของห้องน้ำที่มีหนังสือโป๊เกย์วางอยู่
“โห! พุ่งแรงฉิบหาย เสียดายแทนคนในประเทศนี้ ที่ไม่รู้ว่าเดือนมหาลัยของเรา ควญใหญ่น้ำเยอะแค่ไหน” อาจารยหัวเราะสะใจ
น้ำควญระลอกสอง สาม สี่พุ่งทะลักออกมาเป็นสายยาวไม่หยุด ไอ้เพิร์ทถือกล้องบันทึกภาพ อึ้งจนมือสั่น ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ทั้งหมด น้ำของผมแตกกระจายไปไกล จนเพิร์ทต้องถอยหลังออกให้เห็นระยะที่ควญไอ้ภีตกำลังฉีดน้ำออกมา
ผมลืมตามองดูควญเจ้าปัญหาของตัวเองฉีดน้ำควญออกมาไม่หยุด ทุกครั้งที่แตก ผมจะแตกทีน้ำเยอะมาก ไม่รู้ไปเอามาจากไหนถึงเยอะขนาดนี้ ผมชักไปฉีดน้ำไป จนหัวควญขาวเป็นฟองฟอดจากน้ำเงี่ยนตัวเอง น้ำควญมันก็ยังออกมาเรื่อยๆ
ปรี๊ดดดดด ปรี๊ดดดดด อาจารย์นับคร่าวๆ ได้ร่วมสิบกว่ากระฉอก กว่าน้ำควญจะหมด พื้นห้องน้ำขาวโพลนไปด้วยคราบน้ำควญ กลิ่นคาวคุ้งเต็มห้องน้ำ หนังสือโป๊เกย์ท่วมไปด้วยน้ำควญขาวข้นกองโต
“เห้ยแม่ง คนอะไรน้ำเยอะขนาดนี้วะ แม่งเกิดมากูไม่เคยเห็น” ผมไม่รู้ครับ ผมน้ำแตกทีไรมันก็ออกมาประมาณนี้ทุกที
เมื่อเสร็จกิจกาม อาจารย์ชัยคุมตัวผมออกมาจากห้องน้ำ แล้วพามายังหน้าลานที่มีเพื่อนๆ นั่งรออยู่ โชคดีที่มีเสื้อผ้าใส่อยู่ไม่งั้นผมคงต้องเอาหน้ามุดดินแน่ๆ
“ครูมีเรื่องจะแจ้งกับทุกคน ฟังให้ดีๆ”
“ครูตามนายภีตเข้าไปในห้องน้ำ.....และจับได้ว่านายภีตแอบหนีไปชักว่าว”
อาจารย์ชัยประกาศต่อหน้าเพื่อนๆ ร่วมวิชาของผม สร้างเสียงฮือฮาไปทั่ว หลายคนทำหน้าไม่เชื่อ เพราะทุกคนรู้ดีว่าผมเป็นตัวอย่างที่ดีมาโดยตลอด ไม่มีทางทำเรื่องน่าอดสูแบบนี้ได้แน่นอน
“จริงไหมนายภีต? ตอบ!” อาจารย์ชัยหันมาถามผมเสียงแข็ง พร้อมกับไอ้เพิร์ทที่โชว์กล้องถ่ายรูปให้ผมดู เหมือนส่งสัญญาณว่าหากผมพูดอะไรไม่ถูกใจ มันจะปล่อยภาพและคลิปหลุดของผมทันที
“จะ...จริงครับ” ผมจำใจตอบ กำหมัดแน่นทั้งสองข้าง เกิดเสียงฮือฮายิ่งกว่าเดิมในหมู่เพื่อน
“ยอมสารภาพมาให้หมดนายภีต ยอมรับต่อหน้าเพื่อนๆ นายนี่แหละ” อาจารย์ชัยบังคับ
“คืออ..ผมชื่อนายภีตครับ หือๆๆ ผมเป็นถึงระดับเดือนมหาลัยของที่นี่ แต่ผมเกิด...อารมณ์เงี่ยนขึ้นกลางห้องเรียน ท่ามกลางผู้ชายด้วยกัน เพราะผมเป็นเกย์ครับ ผมแอบไปชักว่าวในห้องน้ำยิมจนน้ำแตก น้ำเงี่ยนผมยังติดมือกับหนังสือโป๊อยู่เลยครับ หือออๆๆ” ผมสะอืน พูดตามที่อาจารย์ชัยสั่ง น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ ต่อหน้าเพื่อนผู้ชายด้วยกันเอง
อาจารย์ชัยโชว์หนังสือโป๊เกย์ที่เต็มไปด้วยน้ำเงี่ยนเคลือบจนมันวาว พร้อมทั้งจับมือผมยกขึ้นให้เพื่อนๆ ทุกคนดูกับตา คราบน้ำเงี่ยนของผม ทั้งขาวขุ่นและเหนียวยืดไปตามข้อนิ้ว ไหลย้อยมาถึงฝ่ามือและหลังมือ ถูกสายตาเพื่อนๆ มองอย่างรังเกียจ
“พวกมึงเห็นกับตาแล้วใช่ไหมว่าไอ้ภีตมัน***แค่ไหน เกิดอารมณ์กับพวกมึงได้ ถ้าวันดีคืนดีมันจับพวกมึงเป็นเมียมันจะทำไงว่ะ” ไอ้เพิร์มเสริม ทุกคนเริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่มันพูด
“เราจะไม่ยอมให้เดือนสุดหล่อประจำมหาลัยของพวกเรา มีพฤติกรรมชั่วๆ อย่างที่มันทำวันนี้”
“ครูว่าเราทุกคนต้องช่วยกันสั่งสอนนายภีตว่าผู้ชายแท้ๆ เขาเป็นยังไง!” อาจารย์ชัยพูด ผมเริ่มใจคอไม่ดี ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นและยืนไม่อยู่ เมื่อวานผมยังเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนอยู่เลย มาวันนี้ทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเสียแล้ว
ซู่เริ่น - อดีตเคยเป็นมนุษย์ผู้ถูกกระทำ ปัจจุบันเป็นเทพทรงพลัง หื่นจัด พร้อมเอาคืนในบทนาย
ภีต - อดีตเคยเป็นเทพมากเล่ห์ผู้กระทำ ปัจจุบันกลายเป็นคนสามัญ เตรียมรับกรรมในบททาส
เอ้าเทียน – เทพรักสงบ ผู้เป็นอิสระ พร้อมเข้าพลิกสถานการณ์ ช่วยเหลือคนดีได้ทุกเมื่อ
ซู่เหวิ่น – มนุษย์รักสงคราม ผู้ถูกจองจำ รอวันสำเร็จโทษ จากคนโฉดใจชั่วได้ทุกเวลา
ไหนจะชายปริศนา คุณลุงปรานต์ภพ ลุงแดง อาจารย์ชัย เพื่อนร่วมมหาลัย พ่วงด้วยมิติเวลาที่เชื่อมระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคต .....เกิดเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน..รอวันเฉลย
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558
สิ้นลาย...ยอดขุนพล 14
ไม่รอช้า อดีตเพื่อนสนิทเดินตรงไปหาซู่เริ่นที่น่าสงสาร ด้วยหน้าตาที่เปี่ยมไปด้วยความเงี่ยนปนความแค้นอย่างเต็มที่ เขาปลดกางเกงออก เดินฆวยโด่เข้าไปกลางลานแสดง
“อมฆวยให้ข้าซะ เอาให้น้ำลายชุ่มๆ จะได้ยัดเข้าตูดเอ็งง่ายๆ” หงเวยสั่ง
ซู่เริ่นไม่มีทางหนีได้ หากไม่ทำก็ต้องถูกตัดไข่แน่นอน หากไม่อมก็ต้องทรมานเมื่อโดนฆวยเพื่อนรักยัดเข้ารูตูดที่ปิดสนิท ยามนี้เขาจึงจำใจอ้าปากดูดฆวยให้เพื่อนของตนเอง พยายามทำให้อดีตเพื่อนรักเสียวที่สุด หวังให้มีน้ำหล่อลื่นออกมาบรรเทาความเจ็บปวดยามถูกฆวยสอดใส่เข้าก้น
“อมฆวยเก่งทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะ ตระกูลมึงเกิดมาเพื่อดูดฆวยจริงๆ” หงเวยครางด้วยความเสียว
เมื่อความเสียวได้ที่แล้ว หงเวยดึงฆวยออกจากปากองค์ชาย แล้วเดินอ้อมกลับไปด้านหลัง ก่อนใช้สองมือแหวกก้นองค์ชายออกอย่างตื่นเต้น
“ยังปิดสนิทไม่เหมือนของพ่อมึงเลย วันนี้กูรับรอง รูตูดมึงจะบานยิ่งกว่าของพ่อมึงอีกแน่ๆ”
หงเวยจับท่อนฆวยแท่งใหญ่อันเดียวกับที่เคยใช้แทงเข้าตูดแม่ทัพซู่เหวิ่น จ่อเข้าตรงปากรูตูดของซู่เริ่นแล้วอาศัยน้ำหล่อลื่นและน้ำลายเป็นตัวขับเคลื่อนลำฆวยเข้าไป
อยู่ๆ หงเวยก็นึกถึงภาพตนเองถูกเอ้าเทียนเย้ดอย่างไม่ปราณี ความโกรธแค้นที่สะสมไว้ปะทุขึ้น พร้อมๆ กับที่หงเวยยัดฆวยพรวดเดียวเข้ารูตูดของเพื่อนรักอย่างแรง เกิดเสียงฉีกขาดของเนื้อเยื่อเบาๆ แต่เสียงกรีดร้องของเจ้าของเนื้อเยื่อกลับดังสนั่น
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” ซู่เริ่นร้องสุดเสียง แต่คนดูกลับยิ่งชอบใจ
สองขาของซู่เริ่นสั้นดิกๆ ตัวกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่หงเวยไม่สนใจ ถอนฆวยออกมาครึ่งลำและยัดกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งด้วยความแรงและเร็ว จนเกิดขึ้นเนินฆวยกระทบกับผิวก้นดังพลั่บๆๆ
“เสียวจริงๆ ตูดมึงนี่แน่นยิ่งกว่าของพ่อมึงอีก กูภูมิใจมากที่เกิดมาได้เมียเป็นสองพ่อลูกตระกูลซู่”
ซู่เริ่นร้องไห้น้ำตาไหล เขาเจ็บปวดและแสบบริเวณรูตูดมาก อีกทั้งยังรู้สึกจุกเข้าไปถึงในท้องน้อย กระนั้นฆวยของเขาก็ยังแข็งโด่จากยากระตุ้น ขณะที่หงเวยก็กระเด้าฆวยเข้าออกอย่างแรงทุกครั้ง อัดกระแทกด้วยความเงี่ยนระคนความแค้น
“ซิ๊ดดดด...อ่าส์ พ่อมึงกลายเป็นเมียกูเรียบร้อย แต่มึงมัน*** มึงเสือกมาเป็นเมียน้อยกูอีกคน ฮ่าๆๆๆ” หงเวยเยาะเย้น ระบายความแค้นออกมาผ่านลำฆวยที่เย้ดอย่างไม่หยุดยั้ง
“ถ้าจะเป็นเมียที่สมบูรณ์เหมือนพ่อมึง มึงต้องรับน้ำเชื้อของกูเข้าไป มึงต้องให้กูฉีดน้ำฆวยกูเข้าตูดมึงเหมือนที่พ่อมึงเคยทำไว้” หงเวยเร่งซอยฆวยเข้าตูดที่เริ่มบานของซู่เริ่นด้วยความสะใจ
“อย่าๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าทำอย่างนั้น อย่านะ หยุดนะ” องค์ชายเริ่นดิ้นรนร้องขอ
“ไม่ทันแล้วโว้ยย ไอ้ทาสชั่ว กูจะแตกแล้ว รับน้ำกูไปซะ...อ่าสสสสส์” หงเวยกระตุกพวยพ้นน้าอสุจิจำนวนมากเข้ารูตูดสวยขององค์ชาย เป็นครั้งแรกที่ซู่เริ่นรู้สึกถึงการหลั่งของน้ำฆวยเข้ามาในตัวของเขา ปกติยามที่เขาเย้ดกับผู้หญิงก็มักจะแตกใน แต่ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกเป็นเช่นไร จนวันนี้
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นไงบ้างเพื่อนรัก กูเย้ดเสียวไหมว่ะ ตูดมึงคงอร่อยกับน้ำเงี่ยนกูเลยสิ” หงเวยหยาม
“ขอเชิญคนต่อไป***สดไอ้คุณชายเริ่นหน้าหล่อหุ่นดีคนนี้ให้ถึงใจ กฏคือทุกคนต้องปล่อยน้ำฆวยข้างในตัวมัน แล้วให้คนต่อไปใช้น้ำเงี่ยนของคนก่อนเป็นหล่อลื่นฆวยตนเองเพื่อ***ไอ้หล่อคนนี้”
ซู่เริ่นแทบไม่เชื่อหูตนเอง ที่เขาเห็นตอนนี้คือผู้ชายกว่ายี่สิบคนที่เข้าแถวรอเป็นสามีของเขา ทั้งที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเสียความเป็นชาย และเสียให้กับเพื่อนที่เคยเชี่อใจกันมาด้วย แถมผู้ชายอีกหลายคน เขาหมดแล้วซึ่งเกียรติยศที่เคยมี องค์ชายที่ต้องการของทุกคนกลายเป็นทาสที่คนรวยหน้าไหนก็ยัดเยียดความเป็นผัวให้ได้
กิจกรรมกามดำเนินไปเรื่อยๆ ซู่เริ่นต้องทนถูกทั้งคนแก่ คนหนุ่ม รุม***อย่างไม่ปราณี รูตูดเขาชาไปหมดแล้ว ลีลาแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา บางคนก็แทงฆวยเสยเข้าอัดลำไส้ของเขาอย่างรุนแรง บางก็ทำแบบนุ่มนวลแต่หนักหน่วง บางก็ควงฆวยขยายรูตูดของเขาจนบานอ้าน่าเกลียด
ในช่วงหลังๆ ตูดซู่เริ่นไม่สามารถรับน้ำฆวยได้อีกต่อไป ทำให้น้ำเงี่ยนไหลทะลักออกมายืดยานจากตูดหนุ่มหล่อหยดถึงพื้นดินเบื้องล่างอย่างน่าอับอาย
“ฆวยก็อัปลักษณ์ รูตูดก็บานโร่ มึงมีอะไรดีเหลืออยู่อีกบ้างว่ะ?” ชายคนหนึ่งเย้ย
“เตรียมตูดมึงไว้ดื่มน้ำเงี่ยนกูนะ กูจะฉีดเข้าไปแล้วสุดหล่อ”
“โอ๊ยยย ซี๊ดดดด น้ำเงี่ยนเต็มโพรงตูดเลยว่ะ เสียบฆวยเข้าไปแล้วลื่นไปหมด”
“ตูดฉีกแล้วองค์ชาย ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“เป็นผู้ชายหล่อๆ ให้สาวติดไม่ชอบ เสือกชอบโดนเย้ดอย่างสัตว์”
“เสียดายแทนพวกคนจนที่ไม่มีเงิน อดเย้ดตูดองค์ชายรูปงามอย่างพวกข้า ฮ่าๆๆ”
“เมียรัก ขอให้ฆวยผัวคนนี้เข้าไปสำรวจข้างในหน่อยนะ เดี๋ยวแถมน้ำเชื้อให้ สะใจจริงๆ”
ซู่เริ่นต้องทนฟังคำพูดหยามเหยียดต่างๆ นานา ได้แต่ขอให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปเสียที ก่อนจะรู้ตัวว่าคิดผิด เมื่อกิจกรรมทำลายตูดของเขาจบลง เสียงประกาศก็ดังขึ้นอีก
“ต่อไปจะเป็นการรีดน้ำฆวยขององค์ชายออกมา พร้อมไหมทุกท่าน” โฆษกประกาศ
ทหารตรงกับมาใช้เชือกรัดตั้งแต่โคนฆวยของคุณหนูเริ่น แล้วพันรอบขึ้นมาอย่างแน่นสุด ด้วยความใหญ่อวบของฆวยทำให้เชือกที่เตรียมมาเกือบรัดไม่พอ เมื่อทำการรัดฆวยเรียบร้อย กิจกรรมกามก็เริ่มขึ้นทันที
“จ่ายเพียงสิบอัฐ ได้เข้าไปรีดน้ำฆวยออกจากองค์ชาย” หงฟู่กล่าวเสียงดัง
เมื่อได้ลูกค้าสมใจอยาก หงฟู่ก็อนุญาติให้เข้าไปรีดเอาน้ำฆวยขององค์ชายออกมา แต่ละคนตรงเข้าไปบีบท่อนฆวยเหมือนเหมือนรีดนมวัว แต่ด้วยความใหญ๋และยาว ทำให้มือของลูกค้าแต่ละคนกำแทบไม่รอบฆวยของเริ่น
ผู้คนต่างพากันมาชักฆวยให้เริ่นอย่างสนอกสนใจ บางคนก็เอานิ้วหมุนวนที่ปลายหัวฆวย บางคนก็กำรูดตั้งแต่โคนขึ้นมาถึงคอหยัก ก่อนจะสลับมือทำเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ บางคนก็เค้นคลึงไข่ไปทั่ว
“ซิ๊ดดด อ่าสสส์ อ่าส์ อาส์....หลั่งแล้วววว” ซู่เริ่นทนไม่ไหวแล้ว ผู้ชายหน้าไหนโดนแบบนี้ย่อมทนไม่ได้เป็นธรรมดา
ซู่เริ่นกระตุกฆวยและร่างอย่างแรงกลางอากาศ ฆวยผงกหัวงึกๆ อนิจจังเชือกที่รัดฆวยไว้กลับขัดขวางการหลั่งของน้ำเงี่ยน ซู่เริ่นทำได้เพียงแค่กระตุกฆวย กระเด้าลมในอากาศ แต่ไร้ซึ่งหยาดน้ำเงี่ยนแม้เพียงหยดเดียว
“หือๆๆ เงี่ยน เงี่ยนๆๆๆ แก้เชือกให้ข้าเถอะ ข้าเงี่ยน ปวดฆวยไปหมดแล้ว” ซู่เริ่นคำราม
ไม่มีใครสนใจ กลับตรงเข้าไปรูดฆวยรีดน้ำเงี่ยนอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งสะใจ บางคนชักฆวยองค์ชายรัวๆ บางคนดึงไข่ทั้งพวงขององค์ชายอย่างแรง ก่อนที่องค์ชายจะกระตุกฆวยน้ำแตกอีกครั้ง
น้ำที่ไหลออกมาจากโรงผลิตที่ใข่ทั้งสองใบหลั่งออกมาเจอทางตัน ก็ไหลย้อนกลับเข้าไปในไข่อีกครั้ง ซู่เริ่นโดนทำเช่นนี้อยู่หลายรอบ จนไข่บวมเป่ง อัดแน่นเป็นด้วยน้ำเงี่ยนที่มิอาจหลั่งออกจากปากฆวยบานได้
“เงี่ยนเหลือเกิน ข้าเงี่ยนฆวยเหลือเกิน ข้ายอมแล้ว ยอมทุกอย่างแล้ว” ผู้ชายทุกคนรู้ดีว่าหากเงี่ยนแต่น้ำแตกไม่ได้นั้นทรมานแค่ไหน
“ยอมทุกอย่าง? งั้นกราบตีนกูซะ แล้วกูจะช่วยให้มึงสมใจอย่าก” หงเวยท้า
“ได้ๆๆ ข้ายอมแล้ว ยอมแล้ว ขอน้ำแตกทีเถอะ ปวดฆวยเหลือเกิน” ซู่เริ่นยอมรับชะตากรรม
“ตกลง ข้าจะปล่อยเอ็งลงมา แต่ต้องคลานเข้ามากราบตีนข้าซะ” หงเวยสะใจสุดๆ
ซู่เริ่นพยักหน้ายอมรับเงื่อนไข หงเวยจึงสั่งให้ทหารปรับคานไม้ให้ตั้งขึ้นแล้วแก้มัดมือขององค์ชายออก ก่อนที่องค์ชายจะกลั้นใจคุกเข่าลงกับพื้น แล้วคลานเหมือนหมาเข้าไปหาหงเวย
หงเวยยืนรอดูอย่างสะใจ ภาพองค์ชายที่เหนือกว่าเขาทุกด้าน ทั้งหน้าตารูปร่าง ฝีมือ คารม ทุกอย่างหงเวยล้วนเป็นรอง แต่บัดนี้คุณชายกลับต้องคลานเข่ามาหาเขาเหมือนสัตว์ตัวหนึ่งที่อ้อนวอนขอชักว่าวด้วยความเงี่ยน ช่างน่าสมเพชเสียจริง
ซู่เริ่นคลานมาถึงเท้าของหงเวยแล้ว สองมือประกบกันขึ้นก่อนเขาจะโน้มหัวลงไปแทบเท้าของหงเวย สร้างความพอใจให้หงเวยมาก เขายกเท้าขึ้นมาขยี้หัวของเริ่นอย่างสะใจ ลืมความโกรธแค้นที่เคยมี เปลี่ยนเป็นความชอบใจอย่างถึงที่สุด
“ดีมากไอ้ทาสจอมเงี่ยน ข้าอนุญาตให้เอ็งน้ำแตกต่อหน้าคนดูทีนี่ได้” หงเวยพูด มองหน้าให้สัญญาณทหารรับใช้ข้างๆ
ทหารรับใช้เดินเข้ามาหิ้วตัวซู่เริ่นไปนั่งคุกเข่าบนโต๊ะกลางลานให้ทุกคนเห็นโดยทั่ว ก่อนจะคลายมัดเชือกที่รัดฆวยไว้ แล้วเอาวงแหวนเหล็กใส่เข้าไปใต้เงี่ยงฆวย ตรงคอหยัก
“ชักว่าวได้ แต่ห้ามถูกหัวฆวย ห้ามเลยขึ้นมาถึงขอบวงแหวนนี้” หงเวยสั่ง
ซู่เริ่นไม่สนใจสิ่งใดแล้ว ทันทีที่เขาเป็นอิสระ สองมือก็เข้าประกบกำรอบท่อนฆวยแล้วรูดหนังขึ้นลงอย่างเสียวซ่าน แม้จะรูดได้ไม่สุดถึงหัวฆวยเพราะมีวงแหวนจำกัดบริเวณอยู่ แต่ด้วยความยาวของท่อนฆวยที่เหลืออยู่ก็สร้างความพอใจให้เจ้าของฆวยได้มากโข
“อ่าสส์ ซิ๊ดดดดด...เสียววว” ซู่เริ่นโยกสะโพกไปมาอย่างลืมตัวว่ามีคนดูเขาสำเร็จความใครอยู่
เขาบ้วนน้ำลายใส่มือแล้วกำรอบลำฆวย หนังฆวยกับหนังฝ่ามือสัมผัสกัน เกิดเป็นจินตนาการว่ากำลังได้เย้ดคนอื่นอยู่ แม้จะยุ่งกับหัวฆวยไม่ได้ แต่องค์ชายก็อาศัยความเสียวจากลำฆวยแทนได้ เขาใช้สองมือกำต่อกันรอบลำฆวย แต่กระนั้นก็ยังมีส่วนฆวยที่โผล่พ้นออกมาอยู่ดี
“เสียวเหลือเกิน เสียวอะไรอย่างนี้ ทนไม่ไหวแล้ว กลั้นไม่อยู่แล้ววววว อ่าสสสส์” ซู่เริ่นคำรามลั่น
น้ำฆวยเคลื่อนที่ออกจากไข่บวมจนเห็นหนังข้างนอกเต่งตึง ก้อนน้ำเชื้อเก่ารวมกับน้ำเชื้อใหม่ที่พึ่งผลิตค่อยๆ วิ่งมาที่โคนฆวย ก่อนองค์ชายกระตุกจะฆวยเพียงครั้งเดียว หัวฆวยเบ่งบานขึ้นจนวงแหวนที่ครอบไว้กระเด็นหลุดเพราะแรงดัน ห่าน้ำเงี่ยนพวยพุ่งหลั่งไหลออกมา ทะลักไปข้างหน้าซู่เริ่นกว่าห้าเมตร
“ไอ้ฉิบหาย นั่นน้ำฆวยองค์ชายหรอว่ะ? เยอะ***ๆ” คนดูร้อง ขณะที่ซู่เริ่นปล่อยน้ำออกมาเรื่อยๆ นับได้ตอนนี้ก็มากกว่าสิบห้าระลอกแล้ว
“ขนาดแตกออกมาเยอะแล้ว ยังพุ่งไกลทุกครั้งเลยว่ะพวกเรา” อีกคนทัก ขณะที่ฆวยซู่เริ่นยังคงกระตุกหลั่งน้ำออกมาเติมใส่กองอสุจิที่อยู่บนพื้นข้างหน้าไม่มีท่าว่าจะหยุด
“ความเสียวทะลุออกมาจากใบหน้ามันแล้ว ดูสิเงยหน้าซิ๊ดปากใหญ่เลย” สองมือของซู่เริ่นยังกำรอบฆวย ขณะที่ใบหน้าเผยความเสียวอย่างชัดเจน
“โห้ น้ำแม่งเยอะจริงๆ ผู้หญิงที่โดนไอ้หล่อนี้แตกใน คงท้องโตแน่ๆ เลย” หนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
“น้ำเชื้อคุณภาพทั้งนั้น น่าจะเก็บไว้ให้คนรับใช้ที่ตำหนัก เห็นบ่นว่าอยากมีลูก” ชายคนหนึ่งเอ่ย
“น้ำเงี่ยนมันขาวข้นจริงๆ เหนียวยืดไปหมด ข้าชอบว่ะ” คนดูกล่าว
“ฆวยใหญ่ๆ ก็เหมาะกับน้ำเงี่ยนเยอะๆ แบบนี้ใครก็ชอบ” อีกคนตอบ
“ข้ายอมจ่ายทองคำสามชั่ง ช่วยกรีดเอาไข่คุณชายคนนี้ออกมาให้ข้าสักข้างหนึ่งได้ไหม” เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉาซู่เริ่น
“ตอนมันเลย! ตอนมันเลย! ตอนมันเลย!” คนอื่นๆ ส่งเสียงเชียร์ด้วยความอยากรู้เหมือนกันว่าหากเหลือไข่เพียงข้างเดียว น้ำเงี่ยนจะยังเยอะแบบนี้อยู่ไหม
หงฟู่หน้าเงินเมื่อได้ขอเสนอที่ถูกใจเช่นนี้ก็รีบรับคำขอทันที ก่อนสั่งให้ทหารจับตัวซู่เริ่นไว้ให้แน่น ล็อคตัวไว้จนซู่เริ่นที่หน้าเริ่มถอดสีขยับตัวไม่ได้ ทหารอีกคนถือมีดคมกรีบเดินเข้ามา
“อย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าทำหมันข้า อย่าตัดไข่ข้านะ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ซู่เริ่นน้ำตาไหล ดิ้นเหมือนคนบ้า
ทหารที่ถือมีดนั่งลงตรงฆวยของซู่เริ่นพอดี นี่ขนาดน้ำแตกไปแล้ว ยังคงขนาดใหญ่ไว้ได้อีก อึดสมกับเป็นชายชาติทหารจริงๆ ปลายมีดถูกถือจ่อไว้ตรงไข่ข้างซ้าย คมมีดเตรียมปาดเข้าไปทันทีที่มีคำสั่งจากหงฟู่
“ตัดเลย!” หงฟู่กล่าวสั้นๆ แต่ซู่เริ่นถึงกับหมดเรี่ยวแรงทันที
ปลายคมค่อยๆ ปักเข้าไปในหนังไข่เพียงเล็กน้อย ก่อนทหารรอบๆ ตัวซู่เริ่นจะกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทางจากพลังปราณในระยะไกล เกิดฝุ่นควันตลบ พร้อมการปรากฏตัวของเอ้าเทียนและแม่ทัพซู่เหวิ่น
“ขอโทษที่มาช้านะ เรามาช่วยแล้ว” จิ้งจอกเงินปลอบ
เหมือนเหตุการณ์หยุดนิ่ง จิ้งจอกหนุ่มยืนคู่กับแม่ทัพซู่เหวิ่นข้างๆ เวทีไม่ไกลมากจากซู่เริ่น ขณะที่ซู่เริ่นยืนอยู่คนเดียวกลางลานแสดง ก่อนที่ซู่เริ่นจะถูกชายปริศนาคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางคนดู กระโดดออกมาจากอัฒจรรย์ด้วยวิชาตัวเบา ตรงเข้าจับล็อคตัวซู่เริ่นไว้จากข้างหลัง
“หยุดนะ ถ้าไม่อยากให้ซู่เริ่นตาย” ชายปริศนาสั่งเอ้าเทียน
“เจ้าเองสินะ คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง” เอ้าเทียนจำได้ ชายคนนี้คือคนเดียวกับที่มาหาเขาที่ถ้ำงูดำ
ชายปริศนาถือมีดเล่มหนึ่งไว้ในมือพร้อมปาใส่ซู่เริ่น ขณะที่อีกมือถือหน้าไม้ที่เล็งไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น พร้อมอัดลูกศรเตรียมยิงเสร็จสรรพ
“มาดูกันว่าใครจะเร็วกว่ากัน” ชายปริศนาพูด
เหมือนเวลาค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ ปลายนิ้วของชายปริศนาค่อยๆ เหนี่ยวไกหน้าไม้ พร้อมกับลูกศรแหลมที่ค่อยๆ วิ่งออกจากหน้าไม้มุ่งไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ขว้างมีดบินตรงไปยังซู่เริ่นทันที
จิ้งจอกเงินมองเห็นทุกอย่างชัดเจนดี ทางหนึ่งเป็นแม่ทัพซู่เหวิ่นที่กำลังถูกลูกศรพุ่งเข้าใส่ อีกทางเป็นซู่เริ่นที่มีมีดบินตรงเข้ามาเรื่อยๆ ในยามนี้เขาหนึ่งคนต้องช่วยสองคนในเวลาเดียวกัน สมองรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วแข่งกับอาวุธที่ใกล้เป้าหมายเข้ามาเรื่อยๆ
เอ้าเทียนไม่รีรอ รีบตัดสินใจทันที มือข้างหนึ่งรีบผลักตัวแม่ทัพซู่เหวิ่นออกให้พ้นระยะของลูกศร ก่อนจะกระโจนเขาไปรับตัวซู่เริ่นให้ออกจากเส้นทางของมีดบิน
จังหวะเดียวกันกับที่ผลักตัวแม่ทัพออกไปพ้นระยะของลูกศร ชายปริศนาก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบา พุ่งตรงเข้าจับร่างของแม่ทัพซู่เหวิ่น
พร้อมกับที่เอ้าเทียนคว้าตัวของซู่เริ่นได้อย่างปลอดภัย แต่หารู้ไม่ว่ามีดบินกลับวนย้อนกลับมาเหมือนบูมเมอแรง ตรงเข้าปักอกของซู่เริ่นเต็มๆ
เวลากลับมาเดินปกติอีกครั้ง ชายปริศนากับแม่ทัพซู่เหวิ่นหายไปจากลานแสดงเรียบร้อยแล้ว ส่วนซู่เริ่นทรุดร่างลงบนตักของเอ้าเทียนที่ล้มนั่งลงกับพื้น เลือดแดงฉานไหลออกมาจากอกองค์ชายเริ่นไม่หยุด เอ้าเทียนสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นแผ่วลงเรื่อยๆ ของซู่เริ่น พร้อมกับลมหายใจรวยริน
“เจ้ากำลังจะตาย” เอ้าเทียนพูดเสียงสั่น เขาช่วยอะไรซู่เริ่นไม่ได้อีกแล้ว
เลือดซู่เริ่นทะลักไหลออกจากอกไม่หยุด พร้อมกับชีพจรที่แผ่วลงเรื่อยๆ เอ้าเทียนเองก็รู้ดีว่าบัดนี้ไม่มีใครช่วยซู่เริ่นได้อีกแล้ว เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตชายหนุ่มนักรบคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
ซู่เริ่นไม่แสดงออกถึงความกลัวใดๆ เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ หากเขาลาโลกนี้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น
“ปล่อยให้ข้าตายอย่างสงบเถอะ อึกกก!” ซู่เริ่นกระอักเลือดออกปาก
เอ้าเทียนไม่เข้าใจ เหตุใดสวรรค์จึงปิดหูปิดตาเช่นนี้ คนดีๆ อย่างซู่เริ่น ทำคุณให้แผ่นดินมากมาย แต่กลับต้องมาถูกคนชั่วข่มเหงและจบชีวิตลงอย่างน่าอเนจอนาจ เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ในเวลาเช่นนี้คงมีเพียงยมบาลเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินความเป็นความตายของซู่เริ่นได้ หากแม้นซู่เริ่นมีพลังอย่างเอ้าเทียน เหตุการณ์น่าอดสูเช่นนี้คงไม่เกิด แต่น่าเสียดาย ซู่เริ่นเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดา
“มนุษย์เดินดินธรรมดา?” เอ้าเทียนพูดย้ำ พร้อมกับความร้อนลุ่มจากภายในร่างที่ประทุออกมา
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของเอ้าเทียน --- หนทางเดียวที่จะปลดปล่อยพลังเทวานี้ออกไป คือต้องหาร่างใหม่ที่ใกล้เคียงกับเอ้าเทียนมากที่สุด เพื่อถ่ายทอดพลังออกจากตัวเอ้าเทียน ซึ่งในปฐพีนี้คงหาคนที่เหมือนเอ้าเทียนไม่ได้อีกแล้ว --- ข้อความนี้ดูจะไม่เป็นจริงเสียแล้ว
จิ้งจอกเงินรู้สึกถึงพลังเทวาที่หลั่งไหลแผ่ซ่านออกมาทั่วกาย ราวกับพบเจอเจ้าของร่างใหม่ที่แท้จริงตรงหน้าชั่วขณะเดียวกัน ผู้คนที่กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่รอบๆ กลับนิ่งสนิทไม่เคลื่อนไหว แม้แต่แมลงวันยังบินค้างอยู่ในอากาศ ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่เว้นแม้แต่เวลาของโลก มีเพียงเอ้าเทียนและซู่เริ่นเท่านั้นที่ไม่ตกอยู่ในอำนาจของห้วงเวลานี้
“เจ้าสินะ เจ้าของพลังเทวาที่แท้จริง!!!!” เอ้าเทียนกล่าวกับซู่เริ่น
“นี่คงเป็นหนทางเดียวแล้วล่ะที่จะช่วยเจ้าได้ คุณชายเริ่น” เอ้าเทียนพูดต่อ
ซู่เริ่นที่กำลังจะตายรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากร่างเอ้าเทียนที่แผ่ซ่านออกมาหาเขา ลำแสงสีทองอร่ามพุ่งไหลออกเป็นสายสู่ร่างของเขาไม่ลดละ พร้อมกับความเจ็บปวดที่ค่อยๆ จางหายไป
แสงทองส่องสว่างไหลอาบชโลมไปทั่วร่างของซู่เริ่น ชีพจรที่ใกล้ดับกลับเต้นระรัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ กำลังวังชาเพิ่มขึ้นทวีคูณ บาดแผลที่เคยถูกกระทำต่างๆ นานา รวมทั้งความทุกข์ทรมานทั้งหลายมลายหายสิ้น ก่อนจะเกิดแสงสว่างจ้า วาบไปทั่วลานกว้าง
เมื่อแสงสว่างหายไป เอ้าเทียนค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น และต้องยืนนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อเขาเห็นซู่เริ่นที่บัดนี้ร่างกายเปล่งแสงสวย ผิวกายอาบไปด้วยสีทองผ่อง ใบหน้าสว่างสดใส อยู่ในชุดไหมทองสง่างามปลิ้วไสว ยืนสง่างามอย่างเทพหนุ่มชวนหลงไหล
ท่ามกลางเวลาที่หยุดนิ่ง เซียนหนุ่มรูปงามสองคนยืนอยู่กลางลานใหญ่ คนหนึ่งร่างกายเปล่งแสงออร่าสีเงิน ใบหน้าคมคายพร้อมไรผมสีขาวประกายเงิน อยู่ในชุดคลุมยาวสีเงินขลิบขอบขาว อีกคนมีร่างออร่าสีทอง ใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ริ้วผมดำสนิทปลิ้วสลวย อยู่ในชุดคลุมยาวสีทองขลิบขอบดำ
คนหนึ่งเหมือนจิ้งจอกตัวแทนของดวงจันทร์ ให้ความรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือก เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา อีกคนเหมือนราชสีห์ตัวแทนของดวงอาทิตย์ ให้ความรู้สึกถึงรัศมีความร้อน เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญมุ่งมั่น ยามที่บุรุษสองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกัน เหมือนความแตกต่างที่ลงตัวที่สุด
“สดชื่นจริงๆ เลยยย ฮ่าๆๆๆ” ซู่เริ่นร่างเทพพูดประโยคแรก
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ เจ้าพึ่งรับพลังเข้าไป เรายังไม่รู้ว่าพลังของเจ้าเป็นแบบไหน? อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้นะ” เอ้าเทียนปราม
“พลังของข้ารึ? ฮ่าๆๆ ทำไมเจ้าของพลังอย่างข้าจะไม่รู้” ซู่เริ่นตอบพลางอมยิ้ม พร้อมกล่าวต่อ
“พลังของเจ้าคือเปิดมิติเวลาและเร่งไปยังอนาคตข้างหน้าได้ พลังของข้านั้นก็ตรงกันข้ามกับของเจ้าโดยสิ้นเชิง” ซู่เริ่นพูด
“ถ้าเช่นนั้น...?” เอ้าเทียนไม่พูดต่อ เขาเข้าใจทุกอย่างได้ทันที พลังของเขาคือเร่งเวลาให้เดินไปข้างหน้า เหมือนที่เขาเคยส่งจอมมารงูดำอู่ท่งไปยังอนาคตได้ ส่วนพลังของซู่เริ่นก็...
“ใช่! ข้าสามารถย้อนเวลาถอยหลัง กลับไปยังอดีตได้” ซู่เริ่นพูดอย่างร่าเริง
คนหนึ่งปรับเวลาไปสู่อนาคต คนหนึ่งย้อนเวลากลับสู่อดีต ยามที่เทพทั้งสองอยู่ด้วยกันจึงสามารถควบคุมเวลาได้ทั้งหมด เหมือนกับตอนนี้ที่เวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างไม่เคลื่อนไหว นั่นก็เพราะเวลาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยพลังเวทย์จากซู่เริ่น
หรือเวลาที่เอ้าเทียนกระโดดสลายร่างหายไปในอากาศแล้วไปโผล่อีกที่หนึ่ง นั้นไม่ใช่การหายตัวจากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่เป็นเพราะเวทย์เร่งเวลาของเอ้าเทียน ที่ทำให้เวลาของเขาเดินเร็วกว่าคนอื่น เร็วจนคนทั่วไปไม่ทันรู้สึกอะไร แต่นานพอให้เขาย้ายตัวเองไปยังปลายทางได้ กว่ามนุษย์จะทันรู้ตัว ก็เห็นเอ้าเทียนตรงหน้าหายไปเสียแล้ว
“ถึงเวลาเอาคืนคนพวกนี้แล้วล่ะ” ซู่เริ่นกล่าว พร้อมคลายพลังออกให้เวลาเดินตามปกติ
......................................................................................................................................................................
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
“และค่ำคืนนี้ เราได้ผู้ชนะในการประกวดดาว-เดือนของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้วครับทุกๆ ท่าน ขอเสียงปรบมือให้ผู้เข้าประกวดทุกคนในที่นี้ด้วยครับบบ” พิธีกรชายกล่าว
บนเวทีเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อสาวสวยยืนเรียงกันหลายสิบคน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปกปิดความโดดเด่นของชายหนุ่มหนึ่งในผู้เข้าประกวดได้ ด้วยใบหน้าที่แตกต่างโดดเด่นออกมาจากผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ อย่างชัดเจน
“และผู้ที่ชนะในการประกวดเดือนสุดหล่อของเรา ได้แก่....”พิธีกรชายพูด พร้อมเสียงดนตรีบรรเลงอย่างลุ้นระทึก
“นายธวัลเทพ นิลนาคา หรือน้องภีต ตัวเต่งอันดับหนึ่งของเรานั่นเองครับบบบบบ” เสียงปรบมือ พร้อมเสียงกริ๊ดกร๊าดจากผู้ชมดังลั่นไปทั่ว
ใช่แล้ว พิธีกรประกาศเรียกชื่อผม นี่ผมได้รางวัลรึ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองหล่อหรือดูดีอะไรเลย จริงๆ ไม่ได้สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาด้วยซ้ำ
สิ่งที่ผมให้ความสนใจมากกว่าก็คือความทรงจำของผมต่างหาก ผมจำอะไรไม่ได้เลยนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถชนตอนที่ผมกำลังข้ามถนน ผมจำได้ครั้งสุดท้ายว่าไปดูการแข่งขันรักบี้อะไรสักอย่าง สิ่งเดียวที่ผมจำได้คือผมชื่อภีต ชื่อจริงก็อย่างที่พิธีกรประกาศไปนั่นแหละครับ
ส่วนครอบครัวผมน่ะหรอ? ผมก็จำไม่ได้เลยสักนิด ไม่มีประกาศตามตัวคนหายหรืออะไรสักอย่าง ในอดีตผมคงเป็นคนเลวมาก ขนาดญาติพี่น้องยังไม่แสดงตัวช่วยเหลือ
โชคดีที่คุณลุงที่ขับรถชนผมเค้ามีความรับผิดชอบ แกชื่อปรานต์ภพครับ แกยอมให้ผมพักอาศัยในบ้านของแกไปก่อน และเลี้ยงดูผมเหมือนลูกคนหนึ่ง อีกทั้งยังใช้เส้นสายให้ผมได้เข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้ด้วย นับว่ามีบุญคุญกับผมมากจริงๆ
จะว่าไปคุณลุงปรานต์ภพที่ช่วยผมก็รวยนะ บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็ใหญ่อย่างกับคฤหาสถ์ ในบ้านมีคุณลุงอาศัยอยู่กับลูกชายคนหนึ่งชื่อเพิร์ท เห็นว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณลุงหรอกครับ แต่เป็นลูกที่ติดมาจากภรรยาใหม่ แต่โชคร้ายที่ภรรยาเสียไปซะก่อน
เพิร์ทก็อายุใกล้กับผมนี่แหละครับ แถมเรายังเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันอีกด้วย สรุปเราสามคนคือผมกับคุณลุงและเพิร์ทก็เลยต้องอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ ยังดีที่มีคนรับใช้ ไม่งั้นคงเก็บกวาดไม่ไหวแน่ๆ
“น้องภีตครับ!!!! น้องได้รางวัลที่หนึ่งครับ” เสียงพิธีกรชายดังขึ้นทำลายความคิดของผม
“อ่อครับๆ” ผมพยักหน้ารับ รีบก้าวออกจากแถว เดินมาหน้าเวที ไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องมาที่ผม ทำเอาแสบตาไปหมด มองไปข้างหน้าแทบไม่เห็นอะไร นอกจากกลุ่มคนดูจำนวนมาก
“เออ...ผมขอขอบคุณมากจริงๆ ครับสำหรับตำแหน่งนี้” ผมพูดแบบไม่มีสคลิป เพราะไม่คิดว่าจะชนะด้วยซ้ำ เสียงกริ๊ดหยุดลง ทุกคนดูตั้งหน้าตั้งตาฟังสิ่งที่ผมจะพูด
“จริงๆ ผมก็ดีใจนะครับที่ได้รับรางวัลนี้ แต่ลึกๆ ผมอยากให้เราทุกคนมองกันที่ภายในมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกนะครับ” เสียงปรับมือดังไปทั่วเมื่อผมพูดจบ
“สมแล้วครับกับตำแหน่งเดือนมหาลัยในปีนี้ หล่อทั้งข้างนอกและข้างในจริงๆ นะครับ ไม่แปลกใจเลยที่น้องภีตจะเป็นที่รักของทุกๆ คนด้วยคะแนนโหวตที่ล้นหลามขนาดนี้” พิธีกรกล่าว
“ใช่ค่ะ สำหรับน้องภีตของเรานั้น เป็นหนุ่มหล่อรูปร่างดี เรียนเก่ง เล่นกีฬาได้ นิสัยก็ดี มีแต่คนชื่นชม Perfect อะไรอย่างนี้” พิธีกรหญิงประกาศ พร้อมเสียงเชียร์จากคนดูดังกระหึ่ม
ทุกคนแสดงความยินดีกับภีตกันถ้วนหน้า ยกเว้นเพิร์ทที่อยู่ในกลุ่มคนดู เขายืนกำมัดแน่นด้วยความอิจฉาริษยาในตัวภีต เด็กหนุ่มที่พ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก ต้องทนอยู่กับแม่ซึ่งแต่งงานใหม่กับคุณลุงปรานต์ภพที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ และตอนนี้ยังมีภีตเข้ามาวุ่นวายอีกคน
“ไอ้ภีต แกต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” เพิร์ทกัดฟันนิ่ง ท่ามกลางเสียงกริ๊ดจากคนดูให้เดือนคนใหม่
“อมฆวยให้ข้าซะ เอาให้น้ำลายชุ่มๆ จะได้ยัดเข้าตูดเอ็งง่ายๆ” หงเวยสั่ง
ซู่เริ่นไม่มีทางหนีได้ หากไม่ทำก็ต้องถูกตัดไข่แน่นอน หากไม่อมก็ต้องทรมานเมื่อโดนฆวยเพื่อนรักยัดเข้ารูตูดที่ปิดสนิท ยามนี้เขาจึงจำใจอ้าปากดูดฆวยให้เพื่อนของตนเอง พยายามทำให้อดีตเพื่อนรักเสียวที่สุด หวังให้มีน้ำหล่อลื่นออกมาบรรเทาความเจ็บปวดยามถูกฆวยสอดใส่เข้าก้น
“อมฆวยเก่งทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะ ตระกูลมึงเกิดมาเพื่อดูดฆวยจริงๆ” หงเวยครางด้วยความเสียว
เมื่อความเสียวได้ที่แล้ว หงเวยดึงฆวยออกจากปากองค์ชาย แล้วเดินอ้อมกลับไปด้านหลัง ก่อนใช้สองมือแหวกก้นองค์ชายออกอย่างตื่นเต้น
“ยังปิดสนิทไม่เหมือนของพ่อมึงเลย วันนี้กูรับรอง รูตูดมึงจะบานยิ่งกว่าของพ่อมึงอีกแน่ๆ”
หงเวยจับท่อนฆวยแท่งใหญ่อันเดียวกับที่เคยใช้แทงเข้าตูดแม่ทัพซู่เหวิ่น จ่อเข้าตรงปากรูตูดของซู่เริ่นแล้วอาศัยน้ำหล่อลื่นและน้ำลายเป็นตัวขับเคลื่อนลำฆวยเข้าไป
อยู่ๆ หงเวยก็นึกถึงภาพตนเองถูกเอ้าเทียนเย้ดอย่างไม่ปราณี ความโกรธแค้นที่สะสมไว้ปะทุขึ้น พร้อมๆ กับที่หงเวยยัดฆวยพรวดเดียวเข้ารูตูดของเพื่อนรักอย่างแรง เกิดเสียงฉีกขาดของเนื้อเยื่อเบาๆ แต่เสียงกรีดร้องของเจ้าของเนื้อเยื่อกลับดังสนั่น
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” ซู่เริ่นร้องสุดเสียง แต่คนดูกลับยิ่งชอบใจ
สองขาของซู่เริ่นสั้นดิกๆ ตัวกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่หงเวยไม่สนใจ ถอนฆวยออกมาครึ่งลำและยัดกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งด้วยความแรงและเร็ว จนเกิดขึ้นเนินฆวยกระทบกับผิวก้นดังพลั่บๆๆ
“เสียวจริงๆ ตูดมึงนี่แน่นยิ่งกว่าของพ่อมึงอีก กูภูมิใจมากที่เกิดมาได้เมียเป็นสองพ่อลูกตระกูลซู่”
ซู่เริ่นร้องไห้น้ำตาไหล เขาเจ็บปวดและแสบบริเวณรูตูดมาก อีกทั้งยังรู้สึกจุกเข้าไปถึงในท้องน้อย กระนั้นฆวยของเขาก็ยังแข็งโด่จากยากระตุ้น ขณะที่หงเวยก็กระเด้าฆวยเข้าออกอย่างแรงทุกครั้ง อัดกระแทกด้วยความเงี่ยนระคนความแค้น
“ซิ๊ดดดด...อ่าส์ พ่อมึงกลายเป็นเมียกูเรียบร้อย แต่มึงมัน*** มึงเสือกมาเป็นเมียน้อยกูอีกคน ฮ่าๆๆๆ” หงเวยเยาะเย้น ระบายความแค้นออกมาผ่านลำฆวยที่เย้ดอย่างไม่หยุดยั้ง
“ถ้าจะเป็นเมียที่สมบูรณ์เหมือนพ่อมึง มึงต้องรับน้ำเชื้อของกูเข้าไป มึงต้องให้กูฉีดน้ำฆวยกูเข้าตูดมึงเหมือนที่พ่อมึงเคยทำไว้” หงเวยเร่งซอยฆวยเข้าตูดที่เริ่มบานของซู่เริ่นด้วยความสะใจ
“อย่าๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าทำอย่างนั้น อย่านะ หยุดนะ” องค์ชายเริ่นดิ้นรนร้องขอ
“ไม่ทันแล้วโว้ยย ไอ้ทาสชั่ว กูจะแตกแล้ว รับน้ำกูไปซะ...อ่าสสสสส์” หงเวยกระตุกพวยพ้นน้าอสุจิจำนวนมากเข้ารูตูดสวยขององค์ชาย เป็นครั้งแรกที่ซู่เริ่นรู้สึกถึงการหลั่งของน้ำฆวยเข้ามาในตัวของเขา ปกติยามที่เขาเย้ดกับผู้หญิงก็มักจะแตกใน แต่ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกเป็นเช่นไร จนวันนี้
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นไงบ้างเพื่อนรัก กูเย้ดเสียวไหมว่ะ ตูดมึงคงอร่อยกับน้ำเงี่ยนกูเลยสิ” หงเวยหยาม
“ขอเชิญคนต่อไป***สดไอ้คุณชายเริ่นหน้าหล่อหุ่นดีคนนี้ให้ถึงใจ กฏคือทุกคนต้องปล่อยน้ำฆวยข้างในตัวมัน แล้วให้คนต่อไปใช้น้ำเงี่ยนของคนก่อนเป็นหล่อลื่นฆวยตนเองเพื่อ***ไอ้หล่อคนนี้”
ซู่เริ่นแทบไม่เชื่อหูตนเอง ที่เขาเห็นตอนนี้คือผู้ชายกว่ายี่สิบคนที่เข้าแถวรอเป็นสามีของเขา ทั้งที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเสียความเป็นชาย และเสียให้กับเพื่อนที่เคยเชี่อใจกันมาด้วย แถมผู้ชายอีกหลายคน เขาหมดแล้วซึ่งเกียรติยศที่เคยมี องค์ชายที่ต้องการของทุกคนกลายเป็นทาสที่คนรวยหน้าไหนก็ยัดเยียดความเป็นผัวให้ได้
กิจกรรมกามดำเนินไปเรื่อยๆ ซู่เริ่นต้องทนถูกทั้งคนแก่ คนหนุ่ม รุม***อย่างไม่ปราณี รูตูดเขาชาไปหมดแล้ว ลีลาแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา บางคนก็แทงฆวยเสยเข้าอัดลำไส้ของเขาอย่างรุนแรง บางก็ทำแบบนุ่มนวลแต่หนักหน่วง บางก็ควงฆวยขยายรูตูดของเขาจนบานอ้าน่าเกลียด
ในช่วงหลังๆ ตูดซู่เริ่นไม่สามารถรับน้ำฆวยได้อีกต่อไป ทำให้น้ำเงี่ยนไหลทะลักออกมายืดยานจากตูดหนุ่มหล่อหยดถึงพื้นดินเบื้องล่างอย่างน่าอับอาย
“ฆวยก็อัปลักษณ์ รูตูดก็บานโร่ มึงมีอะไรดีเหลืออยู่อีกบ้างว่ะ?” ชายคนหนึ่งเย้ย
“เตรียมตูดมึงไว้ดื่มน้ำเงี่ยนกูนะ กูจะฉีดเข้าไปแล้วสุดหล่อ”
“โอ๊ยยย ซี๊ดดดด น้ำเงี่ยนเต็มโพรงตูดเลยว่ะ เสียบฆวยเข้าไปแล้วลื่นไปหมด”
“ตูดฉีกแล้วองค์ชาย ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“เป็นผู้ชายหล่อๆ ให้สาวติดไม่ชอบ เสือกชอบโดนเย้ดอย่างสัตว์”
“เสียดายแทนพวกคนจนที่ไม่มีเงิน อดเย้ดตูดองค์ชายรูปงามอย่างพวกข้า ฮ่าๆๆ”
“เมียรัก ขอให้ฆวยผัวคนนี้เข้าไปสำรวจข้างในหน่อยนะ เดี๋ยวแถมน้ำเชื้อให้ สะใจจริงๆ”
ซู่เริ่นต้องทนฟังคำพูดหยามเหยียดต่างๆ นานา ได้แต่ขอให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปเสียที ก่อนจะรู้ตัวว่าคิดผิด เมื่อกิจกรรมทำลายตูดของเขาจบลง เสียงประกาศก็ดังขึ้นอีก
“ต่อไปจะเป็นการรีดน้ำฆวยขององค์ชายออกมา พร้อมไหมทุกท่าน” โฆษกประกาศ
ทหารตรงกับมาใช้เชือกรัดตั้งแต่โคนฆวยของคุณหนูเริ่น แล้วพันรอบขึ้นมาอย่างแน่นสุด ด้วยความใหญ่อวบของฆวยทำให้เชือกที่เตรียมมาเกือบรัดไม่พอ เมื่อทำการรัดฆวยเรียบร้อย กิจกรรมกามก็เริ่มขึ้นทันที
“จ่ายเพียงสิบอัฐ ได้เข้าไปรีดน้ำฆวยออกจากองค์ชาย” หงฟู่กล่าวเสียงดัง
เมื่อได้ลูกค้าสมใจอยาก หงฟู่ก็อนุญาติให้เข้าไปรีดเอาน้ำฆวยขององค์ชายออกมา แต่ละคนตรงเข้าไปบีบท่อนฆวยเหมือนเหมือนรีดนมวัว แต่ด้วยความใหญ๋และยาว ทำให้มือของลูกค้าแต่ละคนกำแทบไม่รอบฆวยของเริ่น
ผู้คนต่างพากันมาชักฆวยให้เริ่นอย่างสนอกสนใจ บางคนก็เอานิ้วหมุนวนที่ปลายหัวฆวย บางคนก็กำรูดตั้งแต่โคนขึ้นมาถึงคอหยัก ก่อนจะสลับมือทำเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ บางคนก็เค้นคลึงไข่ไปทั่ว
“ซิ๊ดดด อ่าสสส์ อ่าส์ อาส์....หลั่งแล้วววว” ซู่เริ่นทนไม่ไหวแล้ว ผู้ชายหน้าไหนโดนแบบนี้ย่อมทนไม่ได้เป็นธรรมดา
ซู่เริ่นกระตุกฆวยและร่างอย่างแรงกลางอากาศ ฆวยผงกหัวงึกๆ อนิจจังเชือกที่รัดฆวยไว้กลับขัดขวางการหลั่งของน้ำเงี่ยน ซู่เริ่นทำได้เพียงแค่กระตุกฆวย กระเด้าลมในอากาศ แต่ไร้ซึ่งหยาดน้ำเงี่ยนแม้เพียงหยดเดียว
“หือๆๆ เงี่ยน เงี่ยนๆๆๆ แก้เชือกให้ข้าเถอะ ข้าเงี่ยน ปวดฆวยไปหมดแล้ว” ซู่เริ่นคำราม
ไม่มีใครสนใจ กลับตรงเข้าไปรูดฆวยรีดน้ำเงี่ยนอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งสะใจ บางคนชักฆวยองค์ชายรัวๆ บางคนดึงไข่ทั้งพวงขององค์ชายอย่างแรง ก่อนที่องค์ชายจะกระตุกฆวยน้ำแตกอีกครั้ง
น้ำที่ไหลออกมาจากโรงผลิตที่ใข่ทั้งสองใบหลั่งออกมาเจอทางตัน ก็ไหลย้อนกลับเข้าไปในไข่อีกครั้ง ซู่เริ่นโดนทำเช่นนี้อยู่หลายรอบ จนไข่บวมเป่ง อัดแน่นเป็นด้วยน้ำเงี่ยนที่มิอาจหลั่งออกจากปากฆวยบานได้
“เงี่ยนเหลือเกิน ข้าเงี่ยนฆวยเหลือเกิน ข้ายอมแล้ว ยอมทุกอย่างแล้ว” ผู้ชายทุกคนรู้ดีว่าหากเงี่ยนแต่น้ำแตกไม่ได้นั้นทรมานแค่ไหน
“ยอมทุกอย่าง? งั้นกราบตีนกูซะ แล้วกูจะช่วยให้มึงสมใจอย่าก” หงเวยท้า
“ได้ๆๆ ข้ายอมแล้ว ยอมแล้ว ขอน้ำแตกทีเถอะ ปวดฆวยเหลือเกิน” ซู่เริ่นยอมรับชะตากรรม
“ตกลง ข้าจะปล่อยเอ็งลงมา แต่ต้องคลานเข้ามากราบตีนข้าซะ” หงเวยสะใจสุดๆ
ซู่เริ่นพยักหน้ายอมรับเงื่อนไข หงเวยจึงสั่งให้ทหารปรับคานไม้ให้ตั้งขึ้นแล้วแก้มัดมือขององค์ชายออก ก่อนที่องค์ชายจะกลั้นใจคุกเข่าลงกับพื้น แล้วคลานเหมือนหมาเข้าไปหาหงเวย
หงเวยยืนรอดูอย่างสะใจ ภาพองค์ชายที่เหนือกว่าเขาทุกด้าน ทั้งหน้าตารูปร่าง ฝีมือ คารม ทุกอย่างหงเวยล้วนเป็นรอง แต่บัดนี้คุณชายกลับต้องคลานเข่ามาหาเขาเหมือนสัตว์ตัวหนึ่งที่อ้อนวอนขอชักว่าวด้วยความเงี่ยน ช่างน่าสมเพชเสียจริง
ซู่เริ่นคลานมาถึงเท้าของหงเวยแล้ว สองมือประกบกันขึ้นก่อนเขาจะโน้มหัวลงไปแทบเท้าของหงเวย สร้างความพอใจให้หงเวยมาก เขายกเท้าขึ้นมาขยี้หัวของเริ่นอย่างสะใจ ลืมความโกรธแค้นที่เคยมี เปลี่ยนเป็นความชอบใจอย่างถึงที่สุด
“ดีมากไอ้ทาสจอมเงี่ยน ข้าอนุญาตให้เอ็งน้ำแตกต่อหน้าคนดูทีนี่ได้” หงเวยพูด มองหน้าให้สัญญาณทหารรับใช้ข้างๆ
ทหารรับใช้เดินเข้ามาหิ้วตัวซู่เริ่นไปนั่งคุกเข่าบนโต๊ะกลางลานให้ทุกคนเห็นโดยทั่ว ก่อนจะคลายมัดเชือกที่รัดฆวยไว้ แล้วเอาวงแหวนเหล็กใส่เข้าไปใต้เงี่ยงฆวย ตรงคอหยัก
“ชักว่าวได้ แต่ห้ามถูกหัวฆวย ห้ามเลยขึ้นมาถึงขอบวงแหวนนี้” หงเวยสั่ง
ซู่เริ่นไม่สนใจสิ่งใดแล้ว ทันทีที่เขาเป็นอิสระ สองมือก็เข้าประกบกำรอบท่อนฆวยแล้วรูดหนังขึ้นลงอย่างเสียวซ่าน แม้จะรูดได้ไม่สุดถึงหัวฆวยเพราะมีวงแหวนจำกัดบริเวณอยู่ แต่ด้วยความยาวของท่อนฆวยที่เหลืออยู่ก็สร้างความพอใจให้เจ้าของฆวยได้มากโข
“อ่าสส์ ซิ๊ดดดดด...เสียววว” ซู่เริ่นโยกสะโพกไปมาอย่างลืมตัวว่ามีคนดูเขาสำเร็จความใครอยู่
เขาบ้วนน้ำลายใส่มือแล้วกำรอบลำฆวย หนังฆวยกับหนังฝ่ามือสัมผัสกัน เกิดเป็นจินตนาการว่ากำลังได้เย้ดคนอื่นอยู่ แม้จะยุ่งกับหัวฆวยไม่ได้ แต่องค์ชายก็อาศัยความเสียวจากลำฆวยแทนได้ เขาใช้สองมือกำต่อกันรอบลำฆวย แต่กระนั้นก็ยังมีส่วนฆวยที่โผล่พ้นออกมาอยู่ดี
“เสียวเหลือเกิน เสียวอะไรอย่างนี้ ทนไม่ไหวแล้ว กลั้นไม่อยู่แล้ววววว อ่าสสสส์” ซู่เริ่นคำรามลั่น
น้ำฆวยเคลื่อนที่ออกจากไข่บวมจนเห็นหนังข้างนอกเต่งตึง ก้อนน้ำเชื้อเก่ารวมกับน้ำเชื้อใหม่ที่พึ่งผลิตค่อยๆ วิ่งมาที่โคนฆวย ก่อนองค์ชายกระตุกจะฆวยเพียงครั้งเดียว หัวฆวยเบ่งบานขึ้นจนวงแหวนที่ครอบไว้กระเด็นหลุดเพราะแรงดัน ห่าน้ำเงี่ยนพวยพุ่งหลั่งไหลออกมา ทะลักไปข้างหน้าซู่เริ่นกว่าห้าเมตร
“ไอ้ฉิบหาย นั่นน้ำฆวยองค์ชายหรอว่ะ? เยอะ***ๆ” คนดูร้อง ขณะที่ซู่เริ่นปล่อยน้ำออกมาเรื่อยๆ นับได้ตอนนี้ก็มากกว่าสิบห้าระลอกแล้ว
“ขนาดแตกออกมาเยอะแล้ว ยังพุ่งไกลทุกครั้งเลยว่ะพวกเรา” อีกคนทัก ขณะที่ฆวยซู่เริ่นยังคงกระตุกหลั่งน้ำออกมาเติมใส่กองอสุจิที่อยู่บนพื้นข้างหน้าไม่มีท่าว่าจะหยุด
“ความเสียวทะลุออกมาจากใบหน้ามันแล้ว ดูสิเงยหน้าซิ๊ดปากใหญ่เลย” สองมือของซู่เริ่นยังกำรอบฆวย ขณะที่ใบหน้าเผยความเสียวอย่างชัดเจน
“โห้ น้ำแม่งเยอะจริงๆ ผู้หญิงที่โดนไอ้หล่อนี้แตกใน คงท้องโตแน่ๆ เลย” หนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
“น้ำเชื้อคุณภาพทั้งนั้น น่าจะเก็บไว้ให้คนรับใช้ที่ตำหนัก เห็นบ่นว่าอยากมีลูก” ชายคนหนึ่งเอ่ย
“น้ำเงี่ยนมันขาวข้นจริงๆ เหนียวยืดไปหมด ข้าชอบว่ะ” คนดูกล่าว
“ฆวยใหญ่ๆ ก็เหมาะกับน้ำเงี่ยนเยอะๆ แบบนี้ใครก็ชอบ” อีกคนตอบ
“ข้ายอมจ่ายทองคำสามชั่ง ช่วยกรีดเอาไข่คุณชายคนนี้ออกมาให้ข้าสักข้างหนึ่งได้ไหม” เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉาซู่เริ่น
“ตอนมันเลย! ตอนมันเลย! ตอนมันเลย!” คนอื่นๆ ส่งเสียงเชียร์ด้วยความอยากรู้เหมือนกันว่าหากเหลือไข่เพียงข้างเดียว น้ำเงี่ยนจะยังเยอะแบบนี้อยู่ไหม
หงฟู่หน้าเงินเมื่อได้ขอเสนอที่ถูกใจเช่นนี้ก็รีบรับคำขอทันที ก่อนสั่งให้ทหารจับตัวซู่เริ่นไว้ให้แน่น ล็อคตัวไว้จนซู่เริ่นที่หน้าเริ่มถอดสีขยับตัวไม่ได้ ทหารอีกคนถือมีดคมกรีบเดินเข้ามา
“อย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าทำหมันข้า อย่าตัดไข่ข้านะ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ซู่เริ่นน้ำตาไหล ดิ้นเหมือนคนบ้า
ทหารที่ถือมีดนั่งลงตรงฆวยของซู่เริ่นพอดี นี่ขนาดน้ำแตกไปแล้ว ยังคงขนาดใหญ่ไว้ได้อีก อึดสมกับเป็นชายชาติทหารจริงๆ ปลายมีดถูกถือจ่อไว้ตรงไข่ข้างซ้าย คมมีดเตรียมปาดเข้าไปทันทีที่มีคำสั่งจากหงฟู่
“ตัดเลย!” หงฟู่กล่าวสั้นๆ แต่ซู่เริ่นถึงกับหมดเรี่ยวแรงทันที
ปลายคมค่อยๆ ปักเข้าไปในหนังไข่เพียงเล็กน้อย ก่อนทหารรอบๆ ตัวซู่เริ่นจะกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทางจากพลังปราณในระยะไกล เกิดฝุ่นควันตลบ พร้อมการปรากฏตัวของเอ้าเทียนและแม่ทัพซู่เหวิ่น
“ขอโทษที่มาช้านะ เรามาช่วยแล้ว” จิ้งจอกเงินปลอบ
เหมือนเหตุการณ์หยุดนิ่ง จิ้งจอกหนุ่มยืนคู่กับแม่ทัพซู่เหวิ่นข้างๆ เวทีไม่ไกลมากจากซู่เริ่น ขณะที่ซู่เริ่นยืนอยู่คนเดียวกลางลานแสดง ก่อนที่ซู่เริ่นจะถูกชายปริศนาคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางคนดู กระโดดออกมาจากอัฒจรรย์ด้วยวิชาตัวเบา ตรงเข้าจับล็อคตัวซู่เริ่นไว้จากข้างหลัง
“หยุดนะ ถ้าไม่อยากให้ซู่เริ่นตาย” ชายปริศนาสั่งเอ้าเทียน
“เจ้าเองสินะ คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง” เอ้าเทียนจำได้ ชายคนนี้คือคนเดียวกับที่มาหาเขาที่ถ้ำงูดำ
ชายปริศนาถือมีดเล่มหนึ่งไว้ในมือพร้อมปาใส่ซู่เริ่น ขณะที่อีกมือถือหน้าไม้ที่เล็งไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น พร้อมอัดลูกศรเตรียมยิงเสร็จสรรพ
“มาดูกันว่าใครจะเร็วกว่ากัน” ชายปริศนาพูด
เหมือนเวลาค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ ปลายนิ้วของชายปริศนาค่อยๆ เหนี่ยวไกหน้าไม้ พร้อมกับลูกศรแหลมที่ค่อยๆ วิ่งออกจากหน้าไม้มุ่งไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ขว้างมีดบินตรงไปยังซู่เริ่นทันที
จิ้งจอกเงินมองเห็นทุกอย่างชัดเจนดี ทางหนึ่งเป็นแม่ทัพซู่เหวิ่นที่กำลังถูกลูกศรพุ่งเข้าใส่ อีกทางเป็นซู่เริ่นที่มีมีดบินตรงเข้ามาเรื่อยๆ ในยามนี้เขาหนึ่งคนต้องช่วยสองคนในเวลาเดียวกัน สมองรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วแข่งกับอาวุธที่ใกล้เป้าหมายเข้ามาเรื่อยๆ
เอ้าเทียนไม่รีรอ รีบตัดสินใจทันที มือข้างหนึ่งรีบผลักตัวแม่ทัพซู่เหวิ่นออกให้พ้นระยะของลูกศร ก่อนจะกระโจนเขาไปรับตัวซู่เริ่นให้ออกจากเส้นทางของมีดบิน
จังหวะเดียวกันกับที่ผลักตัวแม่ทัพออกไปพ้นระยะของลูกศร ชายปริศนาก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบา พุ่งตรงเข้าจับร่างของแม่ทัพซู่เหวิ่น
พร้อมกับที่เอ้าเทียนคว้าตัวของซู่เริ่นได้อย่างปลอดภัย แต่หารู้ไม่ว่ามีดบินกลับวนย้อนกลับมาเหมือนบูมเมอแรง ตรงเข้าปักอกของซู่เริ่นเต็มๆ
เวลากลับมาเดินปกติอีกครั้ง ชายปริศนากับแม่ทัพซู่เหวิ่นหายไปจากลานแสดงเรียบร้อยแล้ว ส่วนซู่เริ่นทรุดร่างลงบนตักของเอ้าเทียนที่ล้มนั่งลงกับพื้น เลือดแดงฉานไหลออกมาจากอกองค์ชายเริ่นไม่หยุด เอ้าเทียนสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นแผ่วลงเรื่อยๆ ของซู่เริ่น พร้อมกับลมหายใจรวยริน
“เจ้ากำลังจะตาย” เอ้าเทียนพูดเสียงสั่น เขาช่วยอะไรซู่เริ่นไม่ได้อีกแล้ว
เลือดซู่เริ่นทะลักไหลออกจากอกไม่หยุด พร้อมกับชีพจรที่แผ่วลงเรื่อยๆ เอ้าเทียนเองก็รู้ดีว่าบัดนี้ไม่มีใครช่วยซู่เริ่นได้อีกแล้ว เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตชายหนุ่มนักรบคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
ซู่เริ่นไม่แสดงออกถึงความกลัวใดๆ เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ หากเขาลาโลกนี้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น
“ปล่อยให้ข้าตายอย่างสงบเถอะ อึกกก!” ซู่เริ่นกระอักเลือดออกปาก
เอ้าเทียนไม่เข้าใจ เหตุใดสวรรค์จึงปิดหูปิดตาเช่นนี้ คนดีๆ อย่างซู่เริ่น ทำคุณให้แผ่นดินมากมาย แต่กลับต้องมาถูกคนชั่วข่มเหงและจบชีวิตลงอย่างน่าอเนจอนาจ เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ในเวลาเช่นนี้คงมีเพียงยมบาลเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินความเป็นความตายของซู่เริ่นได้ หากแม้นซู่เริ่นมีพลังอย่างเอ้าเทียน เหตุการณ์น่าอดสูเช่นนี้คงไม่เกิด แต่น่าเสียดาย ซู่เริ่นเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดา
“มนุษย์เดินดินธรรมดา?” เอ้าเทียนพูดย้ำ พร้อมกับความร้อนลุ่มจากภายในร่างที่ประทุออกมา
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของเอ้าเทียน --- หนทางเดียวที่จะปลดปล่อยพลังเทวานี้ออกไป คือต้องหาร่างใหม่ที่ใกล้เคียงกับเอ้าเทียนมากที่สุด เพื่อถ่ายทอดพลังออกจากตัวเอ้าเทียน ซึ่งในปฐพีนี้คงหาคนที่เหมือนเอ้าเทียนไม่ได้อีกแล้ว --- ข้อความนี้ดูจะไม่เป็นจริงเสียแล้ว
จิ้งจอกเงินรู้สึกถึงพลังเทวาที่หลั่งไหลแผ่ซ่านออกมาทั่วกาย ราวกับพบเจอเจ้าของร่างใหม่ที่แท้จริงตรงหน้าชั่วขณะเดียวกัน ผู้คนที่กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่รอบๆ กลับนิ่งสนิทไม่เคลื่อนไหว แม้แต่แมลงวันยังบินค้างอยู่ในอากาศ ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่เว้นแม้แต่เวลาของโลก มีเพียงเอ้าเทียนและซู่เริ่นเท่านั้นที่ไม่ตกอยู่ในอำนาจของห้วงเวลานี้
“เจ้าสินะ เจ้าของพลังเทวาที่แท้จริง!!!!” เอ้าเทียนกล่าวกับซู่เริ่น
“นี่คงเป็นหนทางเดียวแล้วล่ะที่จะช่วยเจ้าได้ คุณชายเริ่น” เอ้าเทียนพูดต่อ
ซู่เริ่นที่กำลังจะตายรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากร่างเอ้าเทียนที่แผ่ซ่านออกมาหาเขา ลำแสงสีทองอร่ามพุ่งไหลออกเป็นสายสู่ร่างของเขาไม่ลดละ พร้อมกับความเจ็บปวดที่ค่อยๆ จางหายไป
แสงทองส่องสว่างไหลอาบชโลมไปทั่วร่างของซู่เริ่น ชีพจรที่ใกล้ดับกลับเต้นระรัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ กำลังวังชาเพิ่มขึ้นทวีคูณ บาดแผลที่เคยถูกกระทำต่างๆ นานา รวมทั้งความทุกข์ทรมานทั้งหลายมลายหายสิ้น ก่อนจะเกิดแสงสว่างจ้า วาบไปทั่วลานกว้าง
เมื่อแสงสว่างหายไป เอ้าเทียนค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น และต้องยืนนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อเขาเห็นซู่เริ่นที่บัดนี้ร่างกายเปล่งแสงสวย ผิวกายอาบไปด้วยสีทองผ่อง ใบหน้าสว่างสดใส อยู่ในชุดไหมทองสง่างามปลิ้วไสว ยืนสง่างามอย่างเทพหนุ่มชวนหลงไหล
ท่ามกลางเวลาที่หยุดนิ่ง เซียนหนุ่มรูปงามสองคนยืนอยู่กลางลานใหญ่ คนหนึ่งร่างกายเปล่งแสงออร่าสีเงิน ใบหน้าคมคายพร้อมไรผมสีขาวประกายเงิน อยู่ในชุดคลุมยาวสีเงินขลิบขอบขาว อีกคนมีร่างออร่าสีทอง ใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ริ้วผมดำสนิทปลิ้วสลวย อยู่ในชุดคลุมยาวสีทองขลิบขอบดำ
คนหนึ่งเหมือนจิ้งจอกตัวแทนของดวงจันทร์ ให้ความรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือก เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา อีกคนเหมือนราชสีห์ตัวแทนของดวงอาทิตย์ ให้ความรู้สึกถึงรัศมีความร้อน เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญมุ่งมั่น ยามที่บุรุษสองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกัน เหมือนความแตกต่างที่ลงตัวที่สุด
“สดชื่นจริงๆ เลยยย ฮ่าๆๆๆ” ซู่เริ่นร่างเทพพูดประโยคแรก
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ เจ้าพึ่งรับพลังเข้าไป เรายังไม่รู้ว่าพลังของเจ้าเป็นแบบไหน? อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้นะ” เอ้าเทียนปราม
“พลังของข้ารึ? ฮ่าๆๆ ทำไมเจ้าของพลังอย่างข้าจะไม่รู้” ซู่เริ่นตอบพลางอมยิ้ม พร้อมกล่าวต่อ
“พลังของเจ้าคือเปิดมิติเวลาและเร่งไปยังอนาคตข้างหน้าได้ พลังของข้านั้นก็ตรงกันข้ามกับของเจ้าโดยสิ้นเชิง” ซู่เริ่นพูด
“ถ้าเช่นนั้น...?” เอ้าเทียนไม่พูดต่อ เขาเข้าใจทุกอย่างได้ทันที พลังของเขาคือเร่งเวลาให้เดินไปข้างหน้า เหมือนที่เขาเคยส่งจอมมารงูดำอู่ท่งไปยังอนาคตได้ ส่วนพลังของซู่เริ่นก็...
“ใช่! ข้าสามารถย้อนเวลาถอยหลัง กลับไปยังอดีตได้” ซู่เริ่นพูดอย่างร่าเริง
คนหนึ่งปรับเวลาไปสู่อนาคต คนหนึ่งย้อนเวลากลับสู่อดีต ยามที่เทพทั้งสองอยู่ด้วยกันจึงสามารถควบคุมเวลาได้ทั้งหมด เหมือนกับตอนนี้ที่เวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างไม่เคลื่อนไหว นั่นก็เพราะเวลาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยพลังเวทย์จากซู่เริ่น
หรือเวลาที่เอ้าเทียนกระโดดสลายร่างหายไปในอากาศแล้วไปโผล่อีกที่หนึ่ง นั้นไม่ใช่การหายตัวจากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่เป็นเพราะเวทย์เร่งเวลาของเอ้าเทียน ที่ทำให้เวลาของเขาเดินเร็วกว่าคนอื่น เร็วจนคนทั่วไปไม่ทันรู้สึกอะไร แต่นานพอให้เขาย้ายตัวเองไปยังปลายทางได้ กว่ามนุษย์จะทันรู้ตัว ก็เห็นเอ้าเทียนตรงหน้าหายไปเสียแล้ว
“ถึงเวลาเอาคืนคนพวกนี้แล้วล่ะ” ซู่เริ่นกล่าว พร้อมคลายพลังออกให้เวลาเดินตามปกติ
......................................................................................................................................................................
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
“และค่ำคืนนี้ เราได้ผู้ชนะในการประกวดดาว-เดือนของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้วครับทุกๆ ท่าน ขอเสียงปรบมือให้ผู้เข้าประกวดทุกคนในที่นี้ด้วยครับบบ” พิธีกรชายกล่าว
บนเวทีเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อสาวสวยยืนเรียงกันหลายสิบคน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปกปิดความโดดเด่นของชายหนุ่มหนึ่งในผู้เข้าประกวดได้ ด้วยใบหน้าที่แตกต่างโดดเด่นออกมาจากผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ อย่างชัดเจน
“และผู้ที่ชนะในการประกวดเดือนสุดหล่อของเรา ได้แก่....”พิธีกรชายพูด พร้อมเสียงดนตรีบรรเลงอย่างลุ้นระทึก
“นายธวัลเทพ นิลนาคา หรือน้องภีต ตัวเต่งอันดับหนึ่งของเรานั่นเองครับบบบบบ” เสียงปรบมือ พร้อมเสียงกริ๊ดกร๊าดจากผู้ชมดังลั่นไปทั่ว
ใช่แล้ว พิธีกรประกาศเรียกชื่อผม นี่ผมได้รางวัลรึ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองหล่อหรือดูดีอะไรเลย จริงๆ ไม่ได้สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาด้วยซ้ำ
สิ่งที่ผมให้ความสนใจมากกว่าก็คือความทรงจำของผมต่างหาก ผมจำอะไรไม่ได้เลยนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถชนตอนที่ผมกำลังข้ามถนน ผมจำได้ครั้งสุดท้ายว่าไปดูการแข่งขันรักบี้อะไรสักอย่าง สิ่งเดียวที่ผมจำได้คือผมชื่อภีต ชื่อจริงก็อย่างที่พิธีกรประกาศไปนั่นแหละครับ
ส่วนครอบครัวผมน่ะหรอ? ผมก็จำไม่ได้เลยสักนิด ไม่มีประกาศตามตัวคนหายหรืออะไรสักอย่าง ในอดีตผมคงเป็นคนเลวมาก ขนาดญาติพี่น้องยังไม่แสดงตัวช่วยเหลือ
โชคดีที่คุณลุงที่ขับรถชนผมเค้ามีความรับผิดชอบ แกชื่อปรานต์ภพครับ แกยอมให้ผมพักอาศัยในบ้านของแกไปก่อน และเลี้ยงดูผมเหมือนลูกคนหนึ่ง อีกทั้งยังใช้เส้นสายให้ผมได้เข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้ด้วย นับว่ามีบุญคุญกับผมมากจริงๆ
จะว่าไปคุณลุงปรานต์ภพที่ช่วยผมก็รวยนะ บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็ใหญ่อย่างกับคฤหาสถ์ ในบ้านมีคุณลุงอาศัยอยู่กับลูกชายคนหนึ่งชื่อเพิร์ท เห็นว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณลุงหรอกครับ แต่เป็นลูกที่ติดมาจากภรรยาใหม่ แต่โชคร้ายที่ภรรยาเสียไปซะก่อน
เพิร์ทก็อายุใกล้กับผมนี่แหละครับ แถมเรายังเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันอีกด้วย สรุปเราสามคนคือผมกับคุณลุงและเพิร์ทก็เลยต้องอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ ยังดีที่มีคนรับใช้ ไม่งั้นคงเก็บกวาดไม่ไหวแน่ๆ
“น้องภีตครับ!!!! น้องได้รางวัลที่หนึ่งครับ” เสียงพิธีกรชายดังขึ้นทำลายความคิดของผม
“อ่อครับๆ” ผมพยักหน้ารับ รีบก้าวออกจากแถว เดินมาหน้าเวที ไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องมาที่ผม ทำเอาแสบตาไปหมด มองไปข้างหน้าแทบไม่เห็นอะไร นอกจากกลุ่มคนดูจำนวนมาก
“เออ...ผมขอขอบคุณมากจริงๆ ครับสำหรับตำแหน่งนี้” ผมพูดแบบไม่มีสคลิป เพราะไม่คิดว่าจะชนะด้วยซ้ำ เสียงกริ๊ดหยุดลง ทุกคนดูตั้งหน้าตั้งตาฟังสิ่งที่ผมจะพูด
“จริงๆ ผมก็ดีใจนะครับที่ได้รับรางวัลนี้ แต่ลึกๆ ผมอยากให้เราทุกคนมองกันที่ภายในมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกนะครับ” เสียงปรับมือดังไปทั่วเมื่อผมพูดจบ
“สมแล้วครับกับตำแหน่งเดือนมหาลัยในปีนี้ หล่อทั้งข้างนอกและข้างในจริงๆ นะครับ ไม่แปลกใจเลยที่น้องภีตจะเป็นที่รักของทุกๆ คนด้วยคะแนนโหวตที่ล้นหลามขนาดนี้” พิธีกรกล่าว
“ใช่ค่ะ สำหรับน้องภีตของเรานั้น เป็นหนุ่มหล่อรูปร่างดี เรียนเก่ง เล่นกีฬาได้ นิสัยก็ดี มีแต่คนชื่นชม Perfect อะไรอย่างนี้” พิธีกรหญิงประกาศ พร้อมเสียงเชียร์จากคนดูดังกระหึ่ม
ทุกคนแสดงความยินดีกับภีตกันถ้วนหน้า ยกเว้นเพิร์ทที่อยู่ในกลุ่มคนดู เขายืนกำมัดแน่นด้วยความอิจฉาริษยาในตัวภีต เด็กหนุ่มที่พ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก ต้องทนอยู่กับแม่ซึ่งแต่งงานใหม่กับคุณลุงปรานต์ภพที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ และตอนนี้ยังมีภีตเข้ามาวุ่นวายอีกคน
“ไอ้ภีต แกต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” เพิร์ทกัดฟันนิ่ง ท่ามกลางเสียงกริ๊ดจากคนดูให้เดือนคนใหม่
สิ้นลาย...ยอดขุนพล 13
ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนหลังจากได้ชมการมีเพศสัมพันธ์สุดเร้าร้อนของเชื้อสายกษัตริย์ ผู้ที่ได้ได้สติคืนกลับมาก่อนใครคือเอ้าเทียน หลังจากที่เขาคว้าเสื้อผ้าอาภรณ์มาปกปิดร่างกายเสร็จสรรพ เขาก็เริ่มมองหาตัวแม่ทัพซู่เหวิ่นทันที
เป้าหมายของเขาถูกเหล่าทหารหลายคนคุมตัวไว้ใกล้ๆ กับเวทีแสดง เมื่อจิ้งจอกเงินเห็นเช่นนั้น จึงรีบปรี่เข้าไปหาแม่ทัพซู่เหวิ่นหวังจะชิงตัวแม่ทัพออกมา ร่างจำแลงเป็นมนุษย์ถลาเข้าไปยังเหล่าทหารที่ยืนคุมตัวแม่ทัพไว้
เมื่อเหล่าทหารเห็นราชบุตรหมายเลขหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาด้วยท่าไม่ดี จึงรีบยกอาวุธขึ้นเตรียมป้องกัน แต่ไม่ทันทีจะทำอะไร องค์ชายหนึ่งก็เข้าถึงตัวทหารคนแรกแล้ว ตามด้วยการปล่อยหมัดหนักตรงเข้าท้องน้อยของทหารจนล้มลงไปกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ทหารคนที่สองยังไม่ทันหายตกใจ ก็ถูกเอ้าเทียนซัดลงไปนอนกับพื้น
ทหารที่เหลือรีบชักกระบี่ออกจากฝัก ฟาดฟันคมมีดหมายหยุดยั้งองค์ชายหนึ่ง แต่กระบี่กลับทำได้เพียงแหวกผ่านอากาศไปเฉยๆ เพราะเอ้าเทียนหลบคมกระบี่นับสิบได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจนมองตามแทบไม่ทัน ก่อนใช้สันมือฟาดต้นคอทหารที่เหลือจนหมดสติ ล้มระเนระนาด ในที่สุดเอ้าเทียนก็เข้าไปประคองตัวแม่ทัพได้สำเร็จพร้อมๆ กับเสียงของหลี่เฉิน
“ยิงงงงงงง!!!!!!!” หลี่เฉินแผดเสียงสั่งพลธนูที่วิ่งเข้ามาสมทบ
ลูกศรปลายแหลมแหวกผ่านอากาศมานับไม่ถ้วน มุ่งตรงเข้าหาร่างเอ้าเทียนและแม่ทัพซู่ จิ้งจอกเงินประเมินแล้วว่าจำนวนและความเร็วของลูกศรระดับนี้ ไม่สามารถหลบได้ทันแน่ๆ ในระหว่างที่สมองกำลังคิดอยู่นั้น ลูกศรคมกริบก็พุ่งเข้าเกือบถึงตัวทั้งสองคน เอ้าเทียนจึงรีบสบัดผ้าคลุมขึ้นกางอากาศ ทำให้ห่าลูกศรทั้งหมดพุ่งย้อนกลับไปหาต้นทางที่ยิงมา
ทหารทั้งหลายรีบหลบกันจ้าระหวั่น โชคดีที่พลิกตัวหลบทันเสียก่อน ทำให้ศรคมเฉียดไหล่ทหารหลายนาย แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้ขวัญเสียไม่น้อย
เมื่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจบลง ทุกคนตกอยู่ในสภาวะแน่นิ่ง เมื่อเห็นศรตรงเข้าปักกลางอกของพระมเหสีผู้โชคร้าย ด้วยนางไม่ทันระวังตัว จึงไม่สามารถหลบคมศรที่พุ่งมาได้ทัน เลือดแดงไหลค่อยๆ ซึมออกมาจากอกกระเทยสาว
หลี่เฉินรีบตรงเข้าไปนั่งประคองร่างพระมเหสีที่ทิ้งตัวลงกับพื้น ใบหน้าซีดเผือก เขามือไม้สั่นตกใจจนไม่กล้าทำอะไร ได้แต่เขย่าตัวพระมเหสีที่ค่อยๆ ไร้สติลงเรื่อยๆ เปลือกตางามทั้งสองค่อยๆ หลี่ลงจนเกือบปิดสนิท
“ขะ...ขะ...ข้า ไม่..ไหวแล้ววว” พระมเหสีกระอักเลือดออกจากปาก
ในห้วงเวลานี้ นางคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เคยทำเอาไว้ ทั้งหลอกลวงแม่ทัพให้หลงรัก แล้วก็ถูกนางหักหลัง นางนึกถึงภาพของแม่ทัพซู่เหวิ่นที่ดีกับนางทุกอย่าง แต่นางกลับจับซู่เหวิ่นไปทรมานอย่างหนักเกินกว่ามนุษย์คนหนึ่งจะรับได้ แต่น่าเสียดายที่นางรู้สึกผิดในวินาทีสุดท้ายของชีวิต
“ข้าขอโทษนะซู่เหวิ่น” มเหสีมองไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น หยาดน้ำตาไหลริน ก่อนหมดลมหายใจลงอย่างสงบ ร่างไร้วิญญาณแน่นิ่ง มือทั้งสองทิ้งตัวลงกับพื้น
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” หลี่เฉินตะโกนลั่น
ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในบริเวณนั้น เอ้าเทียนกับแม่ทัพซู่ก็หายตัวไปเสียแล้ว
..........................................................................................................................................................
หลังจากเหตุการณ์น่าสลดที่เกิดขึ้น เหล่าราชบุตรทั้งหลายได้ทยอยกลับเมืองของตนเองพร้อมประสบการณ์แปลกใหม่ที่ได้ลองร่วมรักกับเพศเดียวกัน และหนึ่งในนั้นคือหงเวย-ราชบุตรหมายเลขสี่ตี๋หล่อที่ได้ทะลวงก้นแม่ทัพ ก่อนถูกเอ้าเทียนขมขืนทางประตูหลัง
หงเวยเดินทางกลับถึงเมืองของตนด้วยจิตใจขุ่นมัว ทันทีที่ถึงบ้านเกิด เขารีบตรงเข้าไปหาหงฟู่ผู้เป็นบิดาทันที ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สองมือกำหมัดแน่น ฟันขบกันดังกรอดๆ
“อ้าว เป็นยังไงบ้างลูกรัก? กลับมาแล้วรึ?” ชายอ้วนทักทายลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ขะ..ข้าเกลียดๆๆๆๆ เกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับแคว้นต้าเหลียน” หงเวยปัดชุดถ้วยน้ำชาราคาแพงลนโต๊ะตกแตกกระจายเต็มพื้น
“ลูกรักของพ่อ ใครทำอันใดเจ้า บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้” หงฟู่ร้อนรนแทนลูกชาย
“ขะ...ข้าถูก....” หงเวยไม่กล้าเล่าให้ผู้เป็นพ่อฟัง
“เจ้าถูกอะไร บอกพ่อมา ใครทำอะไรเจ้า พ่อจะฆ่ามันเอง” หงฟู่ซัก
“เพราะไอ้แม่ทัพซู่คนเดียว มันทำให้ข้าเสื่อมเสียเกียรติของลูกผู้ชาย” หงเวยโยนความผิดให้ซู่เหวินคนเดียว เพราะแม่ทัพซู่ทำให้เขาต้องถูกชายแปลกหน้ารูปงามเปิดบริสุทธิ์บั้นท้าย
“ไอ้ซู่เหวินหรอ?? หึหึ มันทำให้ลูกของพ่อต้องเจ็บปวดใช่ไหม? ดี!! เจ้าตามพ่อมาทางนี้ พ่อมีอะไรให้เจ้าดู รับรองเจ้าต้องถูกใจแน่ๆ” หงฟู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
ก่อนที่หงฟู่จะพาหงเวยที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นตรงไปยังห้องคุมขังซู่เรินสุดหล่อ ลูกชายคนเดียวของแม่ทัพซู่เหวิน ที่บัดนี้กลายเป็นนักแสดงทำให้เงินเฒ่าแก่เจ้าเล่ห์ได้มากมาย
ชายแก่พาลูกรักไปที่ห้องคุมขังซู่เริน ลูกชายสุดที่รักของแม่ทัพซู่เหวิน ที่บัดนี้นอนสลบอยู่ในสภาพที่แทบจำไม่ได้ หากไม่รู้จักกันมาก่อนคงยากที่จะเชื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเคยเป็นคนหล่อเหลาและเป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมาย
“นี่มัน…ซะ..ซะ...ซู่เริ่น! ใช่ไหมท่านพ่อ?” หงเวยถามอย่างไม่เชื่อสายตา
“ใช่แล้ว ซู่เริ่นคนเดียวกับที่เคยเป็นเพื่อนเจ้าตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ คนเดียวกับที่เป็นลูกชายของไอ้คนที่ทำให้ลูกโกรธแค้นอยู่ตอนนี้ไง” หงฟู่ยิ้มอย่างมีความสุข
“แล้วทำไม? ทำไมมันถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ล่ะท่านพ่อ?” หงเวยถามด้วยความอยากรู้
“เจ้าอย่าได้สนใจไปเลย รู้เพียงว่าตอนนี้มันเป็นทาสของเราแล้ว เราจะทำอะไรกับมันก็ได้ คืนนี้พ่อจะเปิดโชว์พิเศษของมัน ลูกไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ฮ่าๆๆๆ” สองพ่อลูกหัวเราะร่า
..........................................................................................................................................................
“ท่านๆ ไม่ต้องกลัวนะ เราช่วยท่านออกมาสำเร็จแล้ว” เอ้าเทียนพยายามป้อนน้ำจากกระบอกไม้ให้แม่ทัพซู่ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากสลบไปนาน
“พวกเราอยู่ที่ไหน?” แม่ทัพพยายามส่งเสียงถาม
“เราพาท่านมาซ่อนตัวอยู่ในป่านอกเมือง อยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องกังวล” จิ้งจอกหนุ่มตอบ
ซู่เหวินค่อยๆ ตั้งสติ เขาปวดระบมไปทั่วร่างกาย เหตุการณ์ที่ผ่านมาค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมอง เขารู้ดีว่าไม่ได้ฝันไป บัดนี้เขาแทบจะไร้สิ้นซึ่งเกียรติยศแห่งลูกผู้ชาย ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ไม่มีทหารรับใช้สักคน คิดได้ดังนี้ความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของซู่เหวิน
“ท่านฟื้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปหาอะไรให้ท่านกิน แล้วจะรีบกลับมา ท่านซ่อนตัวอยู่ที่นี่สักครู๋เดียว” เอ้าเทียนพูดแทรกทำลายความเจ็บปวดของแม่ทัพ
หลังจากแม่ทัพรับคำ เอ้าเทียนก็วิ่งโฉบเฉี่ยวพุ่งจากต้นไม้หนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งด้วยความว่องไว หายลับเข้าป่าไปในพริบตา
“ซู่เริ่น ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนกัน?” แม่ทัพพึมพาขณะนั่งอิงหลังพิงต้นไม้ใหญ่
..........................................................................................................................................................
“เห้ยยย!! พวกเรา คืนนี้มีโชว์พิเศษที่เมืองจางโจว คนแสดงเป็นถึงลูกชายสุดหล่อของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเหลียนเลยนะ” ชายคนหนึ่งพูดกับกลุ่มเพื่อนขณะกำลังล่าสัตว์ด้วยกันในป่าใหญ่
“ข้าก็ได้ข่าวมาเหมือนกัน แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ เอ็งคิดดูสิเป็นถึงเจ้าคนนายคน จะมาเล่นบทเป็นทาสหาเงินทำไมว่ะ?” เพื่อนอีกคนตอบ
“ไม่รู้ว่ะ แต่อย่างไรเสีย พวกเราแวะไปดูด้วยกันสักหน่อยก็ดีนะ คิดซะว่าคลายเครียด ฮ่าๆๆๆ” อีกตอบแสดงความเห็น
ระหว่างที่กลุ่มชายทั้งหลายพูดคุยกันอยู่นั้น เอ้าเทียนที่หลบอยู่บนยอดไม้สูงก็ได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน สีหน้าครุ่นคิดก่อนสบัดปลายเท้าหายวับไปจากตำแหน่งนั้นทันที
“พวกเรามีเรื่องต้องไปสะสางกันคืนนี้ที่เมืองจางโจว ไปช่วยซู่เริ่นกันเถอะ” เอ้าเทียนกลับไปหาแม่ทัพซู่เหวิน ก่อนจะหาเสื้อผ้าและชุดคลุมปิดใบหน้าให้แม่ทัพสวมใส่อำพรางตัว
“ปล่อยข้าไปๆๆ ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย” ซู่เริ่นร้องขอความช่วยเหลือ ทั้งที่รู้ตัวดีว่าคงไม่มีใครมาช่วย ความรู้สึกเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง มันร้าวไปถึงขั้วกระดูก ไล่ตั้งแต่หัวที่ปวดแทบจะระเบิด กล้ามเนื้อที่อุตสาห์สร้างมาอย่างลำบาก ตอนนี้กลับมีแต่รอยขีดช่วนเปรอะเปื้อน
ซู่เริ่นใช้สองมือลูบเนื้อตัวหวังจะปัดทำความสะอาดสิ่งสกปรก แต่ปลายนิ้วก็ดันไปสัมผัสกับข้อความที่เกิดจากรอยแผลเป็นนูนที่หน้าท้อง เขารู้ดีว่ามันเขียนว่าอะไร
“ไอ้พวกเดรัจฉาน” เขาโกรธเกลียดทุกคนที่ทำร้ายเขา เกลียดคำว่าหลงฆวยบนหน้าท้องของเขา ต่อไปซู่เริ่นคงไม่กล้าถอดเสื้อให้ใครดูกล้ามท้องอีกแล้ว
“ตื่นแล้วหรอไอ้ซู่เริ่น” เสียงคุ้นหูดังขึ้น
“ปล่อยข้าไปนะ ข้าจะฆ่าแก ไอ้เฒ่าโรคจิต” ซู่เริ่นไม่อยากเชื่อเลยว่าหงฟู่ที่เขานับถือมานานจะเป็นคนแบบนี้
“เตรียมตัวมันให้พร้อม คืนนี้สนุกแน่ๆ” หงฟู่สั่งทหารรับใช้
ฝูงทหารเปิดกรงเหล็กเข้ามาจับตัวซู่เริ่น แม้จะดิ้นเอาตัวรอดอย่างไรก็ไม่หลุด ก่อนใช้ผ้าสกปรกยัดอุดปากซู่เริ่น และใช้เชือกหยาบมัดข้อมือ ก่อนจะจับหนุ่มหล่อไปสาดน้ำล้างตัว ความเย็นของน้ำกระเซ็นสาดลาดไปตัวผิวกาย หลังจากนั้นพวกทหารโฉดก็จับซู่เริ่นแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสง่างาม
..........................................................................................................................................................
“ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่สมรภูมิกามมม” พิธีกรประกาศลั่น
“ขอเสียงปรบมือทุกท่านให้นักแสดงสุดหล่อของเราในคืนนี้ด้วย” เสียงปรบมือดังสนั่น ท่ามกลางเสียงเฮลั่นของผู้ชมที่ดูจะมีจำนวนมากเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้ รวมทั้งหงเวยเพื่อนสนิทของซู่เริ่นด้วย
ร่างของซู่เริ่นถูกนำออกมายังลานแสดง ปรากฏแก่สายตาหื่นกระหายของผู้ชม คืนนี้เขาช่างดูหล่อเหล่ามากเมื่ออยู่ในชุดนักรบอย่างสง่างาม จนคนดูแทบจะอดใจรอชมสิ่งที่อยู่ใต้ชุดสวยไม่ไหว ชายหนู่มถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ตัวใหญ่ลายมังกร พร้อมผ้าปิดปากแน่นสนิท
“ขอเข้าสู่การแสดงแรกกันเลย ข้าเปิดโอกาสให้ท่านผู้ชมท่านใดก็ตามที่ยอมจ่ายสามตำลึงได้รับสิทธิ์เข้าไปปลดเสื้อผ้าของหนุ่มหล่ออย่างซู่เริ่น” หงฟู่บอกอย่างสะใจ
คนดูหลายคนรีบยกไม้ยกมือ ยอมควักเงินจ่ายให้ผู้จัดแสดง ก่อนจะเดินไปเข้าแถวข้างลานแสดงตามลำดับการจ่ายเงิน คนแรกตรงเข้าไปถอดชุดเกราะนักรบออกจากตัวซู่เริ่นที่นั่งดิ้นรนอยู่อย่างกระวนกระวาย
“ชุดเกราะนี่สวยจริงๆ ข้าขอเอาไปใช้รองเยี่ยวหมาที่ตำนักหน่อยนะ ฮ่าๆๆ” หนุ่มคนแรกแย่งชุดเกราะไปจากซู่เริ่น พร้อมกับชายคนที่สองที่ตรงเข้าใช้มีดกระตุกปมเสื้อขาวจนขาด
“ขอดูกล้ามอกมึงหน่อยนะว่าจะสวยแค่ไหน?” ชายคนนั้นพูด ขณะกระชากเสื้อขาวขาดกระจุย เสียงคนดูร้องโห่ด้วยความชอบใจ เมื่อเห็นท่อนบนของบุรุษหนุ่มรูปงามที่มีมัดกล้ามมันวาวพร้อมคำว่าหลงฆวย
“ไหนๆ ก็ถอดเสื้อแล้ว ข้าถอดกางเกงให้แล้วกัน” ชายคนที่สามคว้าขอบกางเกงดึงลงพื้น เผยให้เห็นผ้าเตียวขาวที่ปกปิดลำฆวยแทบไม่มิดของซู่เริ่น นักรบหนุ่มพยายามเอี่ยวตัวหลบสายตาคนดู แต่กลับยิ่งทำให้ผ้าฝืนเล็กร่นขึ้นจนหัวฆวยบางส่วนโผล่ออกมาดูโลกภายนอก
แม้จะโผล่ออกมาแค่หัวถอก แต่ก็สร้างความตะลึงให้คนดูได้ไม่น้อย นั่นก็เพราะฆวยที่ผ่านการทรมานมาอย่างหนัก ทั้งฉีด ทั้งฝัง ทั้งผ่า บัดนี้ดูใหญ่โตจนน่ากลัว แค่หัวฆวยครึ่งเดียวก็ใหญ่เกือบครึ่งหัวปลาช่อนแล้ว
“โอ้โห้ คุณชายสุดหล่อคงจะอายน่าดู บิดตัวหลบใหญ่เลย ฮ่าๆๆ” พิธีให้เสียง
“เอาละ ต่อไปข้าคิดห้าตำลึงสำหรับใครก็ตามที่อยากเข้าไปทรมานทาสตัวนี้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามถูกเนื้อต้องตัวมัน” หงฟู่ประกาศ
เหมือนเช่นเคย คนดูรีบแย่งกันจ่ายเงินเพื่อหวังได้มีโอกาสสักครั้งในชีวิตที่ได้ทรมานชายชาติทหารอย่างซู่เริ่น เริ่มจากคนแรกที่ตรงเข้าไปถุยน้ำลายใส่หัวคุณชาย
“เป็นไงบ้างว่ะ น้ำลายกูเต็มหัวมึงเลย สะใจจริงๆ” ชายคนแรกเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
ผู้ชมคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยเข้าไปบ้วนน้ำลายใส่หน้า ใส่ตัวของคุณหนูจนหยาดเยิ้มเต็มไปหมด ซู่เริ่นได้แต่ถูกพันธนาการนั่งนิ่งรับน้ำลายจากชายแปลกหน้าจำนวนมาก
“น้ำลายยืดเต็มตัวแบบนี้ เดี๋ยวข้าช่วยชำระล้างให้นะ” ชายคนหนึ่งตรงเข้าไปควักท่อนฆวยออกมา หลั่งน้ำเยี่ยวเหลืองสาดรดเข้าไปตรงหัวของคุณหนู
คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็เริ่มคึก ไม่รอช้า ตรงเข้ายืนล้อมคุณชาย แต่ละคนต่างดึงฆวยของตนออกมา และเบ่งปัสสาวะ จนสายเยี่ยวสีเหลืองจำนวนมากตรงเข้าใบหน้าของคุณชาย บางคนก็ตั้งใจเน้นให้ตรงกับปากของเป้าหมาย บางคนก็อัดเยี่ยวเหม็นใส่จมูกโด่งของคุณหนู
“ขอเยี่ยวใส่ฆวยมึงหน่อยนะไอ้หน้าหล่อ” ชายคนหนึ่งปล่อยน้ำเยี่ยวฉีดใส่ผ้าเตี่ยวของซู่เริ่นจนเริ่มมองเห็นฆวยน่าเกลียดของเขาแล้ว
“ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้เยี่ยวใส่หน้านักรบอนาคตไกล” ชายอีกคนสบัดฆวยไล่หยดเยี่ยวที่ค้างอยู่ในกระบอกฆวยของตนใส่หน้าซู่เริ่นที่นั่งหลับตาปี๋ เรียกได้ว่าตอนนี้ร่างหล่อมีแต่น้ำสกปรกทั้งเยี่ยวทั้งน้ำลายชะโลมไปทั่ว
ซู่เริ่นไม่กล้าเปิดปากออกด่าประนามพวกชั่วโฉดเพราะเกรงว่าน้ำเยี่ยวของพวกมันจะกระเด็นเข้าปากของตน จึงได้แต่นั่งทนรับน้ำฉี่เหม็นๆ จากแต่ละคนที่ยอมจ่ายเงินเพื่อมาทรมานเขา
ตอนนี้ทหารรับใช้เข้ามาจับซู่เริ่นลุกออกจากเก้าอี้ แล้วนำตัวไปพาดติดกับไม้ที่มัดสูงและขนานกับพื้น ในลักษณะที่สองมือและสองเท้าถูกรวบติดกัน ทิ้งลำตัวให้ห้อยลงมา หน้ามองพื้น และผ้าเตี่ยว ผืนเล็กที่แม้จะยังผูกติดกับเอว แต่ก็ทิ้งน้ำหนักลงตามแรงโน้มถ่วง ทำให้ฆวยใหญ่ยาวชี้ลงสู่ลาน
“ต่อไปจะเป็นการฉีดยาใส่ฆวยของคุณชายท่านนี้เพื่อทำให้หนอนน้อยผงาดขึ้นมังกรใหญ่” หงฟู่ประกาศ
ครั้งนี้หงเวยผู้เป็นลูกรับอาสาทำหน้าที่นี้ด้วยตนเอง เขาตรงไปกลางลานแสดงที่บัดนี้ได้เตรียมปลายเข็มแหลมผ่านการชุบว่านปลาไหลเผือกไว้พร้อม
“หงง..เวยยย หงเวย นี่ข้าเอง ช้าซู่เริ่นไง” ซู่เริ่นพยายามชอความช่วยเหลือผ่านผ้าอุดปากชุ่มเยี่ยว
“มึงมันเป็นไอ้ทาสนางโลม มึงรู้ไหมเพราะพ่อมึงคนเดียวที่ทำให้กูต้องเสียความเป็นชาย วันนี้มึงเตรียมรับความผิดแทนพ่อสุดที่รักของมึงได้เลย ไอ้สัตว์นรก” หงเวยหยิบเข็มแหลมขึ้นมา
ซู่เริ่นหน้าถอดสีทันที พยายามเบี่ยงตัวหลบไปมาอย่างน่าสมเพชบนคานไม้ใหญ่ แต่หงเวยไม่สนใจ เขาจ้องมองไปที่ฆวยอัปลักษณ์น่าเกลียดของซู่เริ่น เพื่อหาจุดที่จะปักเข็มลงไปได้ แต่มองไปทางไหนก็มีแต่รอยตะปุ่มตะป่ำของไขวาฬที่ฉีดเข้าฆวย ร่วมกับอัญมลีสีสวยที่ฝังลึกลงตรงหนังฆวย
แต่ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ จุดที่น่าปักเข็มลงไปมากที่สุด หงเวยจ้องสายตาไปตรงหัวฆวยขนาดครึ่งหัวปลาช่อนของซู่เริ่น และเสียบเข็มชุบยาที่มีสรรพคุณทำให้เงี่ยนเข้าไปตรงหัวบานโตของคุณชาย
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!” คุณชายร้องสุดเสียง ดื้นเหมือนปลาถูกทุบหัว
“ฮิ้ววววววววววววววววว” เสียงคนดูโห่ร้องอย่างชอบใจที่เห็นคุณชายทุรนทุราย
ไม่นานนักเมื่อหงเวยถอดเข็มออก ลำฆวยของซู่เริ่นก็คอยๆ พองขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้เจ้าตัวจะพยายามข่มใจไว้เท่าไรก็ไม่อาจหยุดยั้งการขยายขนาดของเจ้าโลกได้ ตอนนี้ซู่เริ่นน้อยแพร่ขยายออกไปทุกทิศทางทั้งความยาวและความกว้าง เส้นเลือดต่างๆ เริ่มปูดขึ้นเป็นเส้นชัด
ที่น่าตกใจที่สุดคือหัวฆวยที่ถูกเข็มปัก เพราะตอนนี้มันพองจนเนื้อแทบจะปริออกจากกัน เต็มไปด้วยเลือดแดงฉาด ทำให้หัวฆวยกลายเป็นสีแดงสด เงี่ยงใต้หัวฆวยก็บานใหญ่จนแทบจะใช้แทนตะขอเกี่ยวได้
ด้วยฤทธิ์ยารวมกับฆวยที่ผ่านการดัดแปลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้ตอนนี้ทุกสายตาจ้องมองไปที่ฆวยของซู่เริ่นด้วยความอิจฉา เพราะมันทั้งใหญ่ทั้งยาว คาดคะเนด้วยสายตาจากระยะใกล้แล้ว ความใหญ่น่าจะมากกว่าฆวยคนธรรมดาสองอันมัดรวมกัน ส่วนความยาวนั้นไม่ต้องพูดถึง สองมือกำแล้วยังมีส่วนหัวฆวยโผล่ออกมาแน่นอน
“เอาละๆ ข้ามีกิจกรรมดีๆ เพียงวันนี้วันเดียวเท่านั้น ข้าจะคิดเพียงสองชั่งเท่านั้นสำหรับผู้ที่ต้องการน้ำหล่อลื่นขององค์ชายสุดหล่อคนนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” หงฟู่ชอบใจ
ครั้งนี้มีผู้ยอมจ่ายเช่นเดิม แม้จะมีราคาสูงลิบแต่ของดีมีค่าเช่นนี้ หากไม่รีบคว้าไว้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยอมจ่ายได้รับถ้วยแก้วหยกอย่างดี ก่อนเดินลงไปที่ลานแสดง
“คุณชาย ข้าขอน้ำหล่อลื่นสดๆ จากฆวยของท่านไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะ” ชายหนุ่มพูดอย่างสะใจ
ชายหนุ่มหยิบถ้วยหยกจ่อไว้ที่ปากฆวยบานของซู่เริ่นที่น่าสงสาร น้ำหล่อลื่นบางส่วนใหญ๋ย้อยลงมาตามความเงี่ยนที่เกิดขึ้น แม้ซู่เริ่นจะพยายามหักห้ามใจ แต่น้ำฆวยนั้นไม่สามารถสั่งการได้เลย มันหลั่งรินลงมายืดย้อยลงสู่ปากถ้วยแก้วที่รองอยู่ สร้างความพอใจให้ผู้เสียเงินเป็นอย่างมาก
“ข้ายอมจ่ายห้าชั่ง แต่ขอน้ำหล่อลื่นไอ้หนุ่มน้อยคนนี้เต็มถ้วยหยก” ชายมีอายุคนหนึ่งร้องขึ้น ผู้คนต่างหันไปมองเป็นทางเดียวกัน
“ห้าชั่งงง ห้าชั่งเชียวหรือ ได้ๆๆๆๆ ขอรับคุณชาย ได้ทุกอย่างเลยขอรับ” หงฟู่กระหายเงินยอมรับขอเสนอ รีบประเคนถ้วยหยกใบใหญ่ให้ลูกค้าด้วยความดีใจ
“ข้าว่าเราต้องกระตุนองค์ชายของเราเสียหน่อยเพื่อให้ได้น้ำหล่อลื่นเยอะๆ ทหารจัดการที” หงฟู่หันไปสั่งทหารรับใช้
ไม่ช้า เหล่าทหารบางส่วนนำน้ำบางอย่างทาบริเวณหัวนมของซู่เริ่น อีกส่วนรีบน้ำโต๊ะยาวมาวางไว้ใต้คานไม้ที่มัดตัวซู่เริ่นไว้ ก่อนปล่อยสุนัขหลายคนกระโดดขึ้นบนโต๊ะ ทันทีที่ฝูงหมาขึ้นโต๊ะเสร็จ พวกมันก็ดมหากลิ่นอาหาร จนพบว่าเป้าหมายคือหัวนมสีชมพูขององค์ชายเริ่นนั่นเอง
พวกหมายกหน้าแลบลิ้นขึ้นไปเลียหัวนมของซู่เริ่นอย่างกระหายหิว แต่ละตัวไม่ยอมกัน ต่างแย่งกันดมแย่งกันเลียยิ่งกว่าสตรีหน้าไหน ลิ้นสากๆ ลื่นๆ ของสัตว์เดรัขฉานสัมผัสผิวนมสร้างความเสียวจนแทบหยุดหายใจให้ซู่เริ่น
“ข้าแก่แล้ว แต่ความเงี่ยนยังมากเหลือเกิน เสียดายที่อายุมาก น้ำหล่อลื่นก็น้อยลงเป็นธรรมดา ข้าจึงตั้งใจจะเอาน้ำจากฆวยเด็กหนุ่มอย่างเจ้าไปใช้หล่อลื่นฆวยคนแก่อย่างข้า” เศรษฐีมีอายุกล่าว พร้อมวางถ้วยแก้วตรงปากฆวยซู่เริ่น
ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝูงหมาที่คอยกระตุ้นความเงี่ยนให้ซู่เริ่น เพื่อปลดปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมาให้ชายชรานำไปใช้เย้ดคนอื่น
“ไอ้คุณชายยยยย มึงมันเกินไปแล้ว เงี่ยนแม้กระทั่งหมาหรอว่ะ?” คนดูเฮ
“*** ให้หมาเลียนม แล้วฆวยกระตุกๆ ปล่อยน้ำไม่หยุดเลยมึง” อีกคนพูด
“อิจฉาเศรษฐีคนนั้นจริงๆ ได้น้ำหล่อลื่นสดๆ ขององค์ชายไปใช้ คงจะเสียวน่าดู” อีกคนตอบ
“ถ้วยใหญ่ขนาดนั้นจะเต็มได้หรอ ไม่น่าเชื่อ” อีกคนตั้งข้อสังเกตุ
“เอ็งดูเสียก่อน น้ำแม่งยืดยาวเป็นสายใส เกือบเต็มถ้วยแล้ว” คนดูชี้
ชายชราพึงพอใจมาก เขาหยิบถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นจากหนุ่มน่าหล่อระดับองค์ชายไปเต็มถ้วยก่อนปิดฝาอย่างดี และเดินกลับไปสู่ที่นั่งดูอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามฝูงหมายังไม่ยอมหยุดเลีย หน่ำซ้ำยังเดินไปดมๆ แถวๆ หัวฆวยของซู่เริ่น แล้วเลียกินน้ำหล่อลื่นเหมือนดื่มน้ำจากท่อ ยามปล่อยลิ้นหมาแตะเข้ากับหัวฆวย ซู่เริ่นถึงกับตัวสั่นเทาๆ
“มึงมันต่ำยิ่งกว่าสัตว์ ดูสิหมาเลียฆวยมึงไม่หยุดเลย สงสัยมันจะชอบน้ำมึงนะ” ซู่เวยเพื่อนสนิทพูด
“ทุกท่านโปรดฟัง ครั้งนี้ท่านมีโอกาสให้คุณหนูอมฆวยและกินน้ำเงี่ยนของพวกท่านได้ เพียงจ่ายข้ามาแค่ห้าชั่งเท่านั้น” หงฟู่เริ่มเกมต่อ
แน่นอนว่ามีผู้คนสนใจมากมาย นี่นับเป็นโอกาสทองที่จะได้สอดฆวยเข้าปากคุณชาย ได้ปล่อยให้ฆวยเบียดเข้าออกโพรงปากหนุ่มหล่อ ได้ครูดฆวยกับริมฝีปากงดงามของนักรบ ได้ปล่อยน้ำฆวยเข้าสู่ลำคอของชายผู้เป็นที่หมายปองของสาวทั่วแดน ใครก็ยอมจ่ายเพื่อโอกาสดีๆ แบบนี้
ผู้คนที่จ่ายเงินเดินเข้าไปหาซู่เริ่นที่ถูกมัดอยู่ ทหารคนหนึ่งจับหัวซู่เริ่นตั้งขึ้น่มองไปข้างหน้า เพื่อให้มองเห็นบุคคลที่จะเอาฆวยมาใส่ปากของตนชัดๆ ผ้าปิดปากถูกนำออก พร้อมกับที่ทหารคนหนึ่งนำกรรไกรมาจ่อไว้ที่พวงไข่ของคุณหนู
“หากร้องโวยวายหรือกัดฆวยลูกค้า ข้าจะตัดไข่ท่านทิ้งทันที” ทหารกล่าว
ซู่เริ่นน้ำตาไหลออกมาไม่ต่างจากน้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกมาจากการถูกฝูงหมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ปากสวยๆ ของคุณชายค่อยๆ อ้าเปิดออกอย่างไม่เต็มใจ ใบหน้าถูกบังคับให้มองฆวยลูกค้าคนแรกที่เข้ามา มันทั้งดำทั้งสกปรก มีคราบขาวติดตรงหัวฆวย แต่เจ้าของฆวยกลับไม่สนใจ
“อมเข้าไปลึกๆ ดูดทำความสะอาดให้ข้าด้วยนะคุณชาย” ลูกค้าคนแรกสอดฆวยทิ่มเข้าปาก บังคับให้คุณชายที่ทำหน้าพะอืดพะอมดูดฆวยของตนให้สะอาด
“ดูดแรงๆ เน้นตรงหัวให้ข้าด้วย ข้าเสียเงินไปแล้ว ทำให้คุ้มค่าหน่อย” ชายแปลกหน้ากล่าว
ซู่เริ่นรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นแต่ต้องฝืนใจกลืนเข้าไปอย่างลำบาก ทหารจับหัวของเขาก้มเข้าไป จนฆวยลูกค้าทิ่มลิ้นไก่ลึกเข้าไปในคอ ทำเอาคุณชายหายใจไม่ทัน
“ดีๆ แบบนั้นแหละ ดีมาก ใช้ลิ้นวนๆ ตรงหัวฆวยให้ด้วย” ลูกค้าสั่ง
“โอ๊ยย เสียวจริงๆ เสียวมาก ซิ๊ดดดดด ไม่คิดเลยว่าคุณชายจะอมฆวยเก่งแบบนี้”
“อ่าสสสสส์ ข้าจะแตกแล้ว อ้าปากๆ อ้าปากกว้างๆ ข้าจะฉีดน้ำฆวยเข้าไป อ่าส์” ชายแปลกหน้าเกร็งตัวจิกเท้า พ่นน้ำคาวฉีดใส่โพรงปากของคุณชายเริ่นไม่ยั้ง ความเหนี่ยวข้นและกลิ่นคาวทำให้คุณชายทำท่าจะอ้วก แต่กรรไกรที่จ่อรอไว้ที่ไข่ยานเตรียมงับตัดลงมา เขาจึงต้องฝืนใจทนกลืนน้ำเงี่ยนทั้งหมดเข้าไป
ลูกค้าคนที่สองมาพร้อมฆวยยาว คนนี้สั่งให้ซู่เริ่นแลบลิ้นออกมายาวๆ แล้วใช้ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าไปในรูฆวยของตน ตวัดไปมาเพื่อให้ลิ้มรสน้ำหล่อลื่น ก่อนจะประคองหัวคุณหนูไว้นิ่งๆ แล้วกระเด้าปากหนุ่มหล่อเข้าออกโดยไม่แยแสความเจ็บปวดของผู้ถูกกระทำ จนในที่สุดก็ปล่อยน้ำเสียวรินลงลิ้นและฟันของคุณชายเต็มไปหมด
“เอาลิ้นปาดทำความสะอาดปากตัวเองซะ ไอ้หล่อตกอับ” ลูกค้าสั่ง
ซู่เริ่นต้องยอมเอาลิ้นกวาดคราบน้ำเงี่ยนที่ติดอยู่ตามกระพุ้งแก้มและฟันออก ขณะที่ตุ่มรับรสบนลิ้นก็ทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน คุณชายรับรสเค็มอ่อนๆ ของน้ำเงี่ยนได้ทั้งหมด ก่อนจะปิดปากกลืนเศษน้ำรักเหล่านี้ลงไปในคอ
คนที่สามมาถึงตรงหน้าซู่เริ่น คราวนี้ควักพวงไข่ที่เต็มไปด้วยหมอยดำยื่นให้ซู่เริ่นเลีย องค์ชายต้องอมไข่ลูกใหญ่ที่มีแต่ขนดำไว้ในปาก ขณะที่ฝูงหมาก็เลียฆวยและหัวนมของเขาเช่นกัน ระหว่างที่เลียและอมไข่ให้ลูกค้าอยู่นั้น น้ำฆวยลูกค้าก็ทะลักออกมาเต็มหน้าของซู่เริ่นที่ไม่ทันระวังตัว
คนที่สี่จับฆวยของตนเองปาดเอาน้ำเงี่ยนของคนก่อนหน้ามา แล้วฟาดใส่ปากของซู่เริ่นดังป๊าบๆ ก่อนจะยัดท่อนฆวยที่ชะโลมน้ำเงี่ยนของลูกค้าคนก่อนไว้เข้าปากเด็กหนุ่ม แล้วซอยเย้ดปากโดยอาศัยน้ำเงี่ยนและน้ำลายเป็นตัวหล่อลื่น จนในที่สุดก็หลั่งน้ำกามออกมา พร้อมกดฆวยให้ลึกที่สุดเพื่อฉีดเข้า
ลูกค้าคนอื่นๆ ก็ทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ ใช้ปากองค์ชายเป็นที่ระบายความเสียวไม่หยุด จนปากและท้ององค์ชายมีแต่น้ำเงี่ยนของคนแปลกหน้าเต็มไปหมด บางคนก็บังคับให้เขาห่อปากแล้วยัดฆวยเข้ามา บางคนก็จับฆวยฟาดหน้าเขาอย่างไม่ให้เกียรติ บางคนพอน้ำแตกแล้วก็ฉี่ใส่ปากซ้ำอีกรอบ
“ดีมากครับทุกท่าน ต่อไปจะเป็นช่วงสำคัญ ใครที่มีความฝันว่าอยากจะเย้ดองค์ชายสักครั้งในชีวิต วันนี้เป็นโอกาสของท่านแล้ว เพียงแลกความฝันของท่านกับทองคำหนึ่งชั่งเท่านั้น ที่สำคัญองค์ชายของเรายังบริสุทธิ์อยู่ด้วย รับรองว่าก้นองค์ชายต้องรัดตอดแน่นอย่างแน่นอน” หงฟู่หน้าเงินกล่าว
มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมากมาย ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนเป็นพวกมีเงินทั้งนั้น เมื่อชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ทุกคนก็เตรียมเรียงลำดับตามคิว ต่อแถวยืนเรียงราย รอเย้ดองค์ชายสุดหล่อ
“ข้าขอเปิดบริสุทธิ์มันด้วยตัวเองก่อน” หงเวยพูดขึ้น
เป้าหมายของเขาถูกเหล่าทหารหลายคนคุมตัวไว้ใกล้ๆ กับเวทีแสดง เมื่อจิ้งจอกเงินเห็นเช่นนั้น จึงรีบปรี่เข้าไปหาแม่ทัพซู่เหวิ่นหวังจะชิงตัวแม่ทัพออกมา ร่างจำแลงเป็นมนุษย์ถลาเข้าไปยังเหล่าทหารที่ยืนคุมตัวแม่ทัพไว้
เมื่อเหล่าทหารเห็นราชบุตรหมายเลขหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาด้วยท่าไม่ดี จึงรีบยกอาวุธขึ้นเตรียมป้องกัน แต่ไม่ทันทีจะทำอะไร องค์ชายหนึ่งก็เข้าถึงตัวทหารคนแรกแล้ว ตามด้วยการปล่อยหมัดหนักตรงเข้าท้องน้อยของทหารจนล้มลงไปกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ทหารคนที่สองยังไม่ทันหายตกใจ ก็ถูกเอ้าเทียนซัดลงไปนอนกับพื้น
ทหารที่เหลือรีบชักกระบี่ออกจากฝัก ฟาดฟันคมมีดหมายหยุดยั้งองค์ชายหนึ่ง แต่กระบี่กลับทำได้เพียงแหวกผ่านอากาศไปเฉยๆ เพราะเอ้าเทียนหลบคมกระบี่นับสิบได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจนมองตามแทบไม่ทัน ก่อนใช้สันมือฟาดต้นคอทหารที่เหลือจนหมดสติ ล้มระเนระนาด ในที่สุดเอ้าเทียนก็เข้าไปประคองตัวแม่ทัพได้สำเร็จพร้อมๆ กับเสียงของหลี่เฉิน
“ยิงงงงงงง!!!!!!!” หลี่เฉินแผดเสียงสั่งพลธนูที่วิ่งเข้ามาสมทบ
ลูกศรปลายแหลมแหวกผ่านอากาศมานับไม่ถ้วน มุ่งตรงเข้าหาร่างเอ้าเทียนและแม่ทัพซู่ จิ้งจอกเงินประเมินแล้วว่าจำนวนและความเร็วของลูกศรระดับนี้ ไม่สามารถหลบได้ทันแน่ๆ ในระหว่างที่สมองกำลังคิดอยู่นั้น ลูกศรคมกริบก็พุ่งเข้าเกือบถึงตัวทั้งสองคน เอ้าเทียนจึงรีบสบัดผ้าคลุมขึ้นกางอากาศ ทำให้ห่าลูกศรทั้งหมดพุ่งย้อนกลับไปหาต้นทางที่ยิงมา
ทหารทั้งหลายรีบหลบกันจ้าระหวั่น โชคดีที่พลิกตัวหลบทันเสียก่อน ทำให้ศรคมเฉียดไหล่ทหารหลายนาย แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้ขวัญเสียไม่น้อย
เมื่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจบลง ทุกคนตกอยู่ในสภาวะแน่นิ่ง เมื่อเห็นศรตรงเข้าปักกลางอกของพระมเหสีผู้โชคร้าย ด้วยนางไม่ทันระวังตัว จึงไม่สามารถหลบคมศรที่พุ่งมาได้ทัน เลือดแดงไหลค่อยๆ ซึมออกมาจากอกกระเทยสาว
หลี่เฉินรีบตรงเข้าไปนั่งประคองร่างพระมเหสีที่ทิ้งตัวลงกับพื้น ใบหน้าซีดเผือก เขามือไม้สั่นตกใจจนไม่กล้าทำอะไร ได้แต่เขย่าตัวพระมเหสีที่ค่อยๆ ไร้สติลงเรื่อยๆ เปลือกตางามทั้งสองค่อยๆ หลี่ลงจนเกือบปิดสนิท
“ขะ...ขะ...ข้า ไม่..ไหวแล้ววว” พระมเหสีกระอักเลือดออกจากปาก
ในห้วงเวลานี้ นางคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เคยทำเอาไว้ ทั้งหลอกลวงแม่ทัพให้หลงรัก แล้วก็ถูกนางหักหลัง นางนึกถึงภาพของแม่ทัพซู่เหวิ่นที่ดีกับนางทุกอย่าง แต่นางกลับจับซู่เหวิ่นไปทรมานอย่างหนักเกินกว่ามนุษย์คนหนึ่งจะรับได้ แต่น่าเสียดายที่นางรู้สึกผิดในวินาทีสุดท้ายของชีวิต
“ข้าขอโทษนะซู่เหวิ่น” มเหสีมองไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น หยาดน้ำตาไหลริน ก่อนหมดลมหายใจลงอย่างสงบ ร่างไร้วิญญาณแน่นิ่ง มือทั้งสองทิ้งตัวลงกับพื้น
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” หลี่เฉินตะโกนลั่น
ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในบริเวณนั้น เอ้าเทียนกับแม่ทัพซู่ก็หายตัวไปเสียแล้ว
..........................................................................................................................................................
หลังจากเหตุการณ์น่าสลดที่เกิดขึ้น เหล่าราชบุตรทั้งหลายได้ทยอยกลับเมืองของตนเองพร้อมประสบการณ์แปลกใหม่ที่ได้ลองร่วมรักกับเพศเดียวกัน และหนึ่งในนั้นคือหงเวย-ราชบุตรหมายเลขสี่ตี๋หล่อที่ได้ทะลวงก้นแม่ทัพ ก่อนถูกเอ้าเทียนขมขืนทางประตูหลัง
หงเวยเดินทางกลับถึงเมืองของตนด้วยจิตใจขุ่นมัว ทันทีที่ถึงบ้านเกิด เขารีบตรงเข้าไปหาหงฟู่ผู้เป็นบิดาทันที ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สองมือกำหมัดแน่น ฟันขบกันดังกรอดๆ
“อ้าว เป็นยังไงบ้างลูกรัก? กลับมาแล้วรึ?” ชายอ้วนทักทายลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ขะ..ข้าเกลียดๆๆๆๆ เกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับแคว้นต้าเหลียน” หงเวยปัดชุดถ้วยน้ำชาราคาแพงลนโต๊ะตกแตกกระจายเต็มพื้น
“ลูกรักของพ่อ ใครทำอันใดเจ้า บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้” หงฟู่ร้อนรนแทนลูกชาย
“ขะ...ข้าถูก....” หงเวยไม่กล้าเล่าให้ผู้เป็นพ่อฟัง
“เจ้าถูกอะไร บอกพ่อมา ใครทำอะไรเจ้า พ่อจะฆ่ามันเอง” หงฟู่ซัก
“เพราะไอ้แม่ทัพซู่คนเดียว มันทำให้ข้าเสื่อมเสียเกียรติของลูกผู้ชาย” หงเวยโยนความผิดให้ซู่เหวินคนเดียว เพราะแม่ทัพซู่ทำให้เขาต้องถูกชายแปลกหน้ารูปงามเปิดบริสุทธิ์บั้นท้าย
“ไอ้ซู่เหวินหรอ?? หึหึ มันทำให้ลูกของพ่อต้องเจ็บปวดใช่ไหม? ดี!! เจ้าตามพ่อมาทางนี้ พ่อมีอะไรให้เจ้าดู รับรองเจ้าต้องถูกใจแน่ๆ” หงฟู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
ก่อนที่หงฟู่จะพาหงเวยที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นตรงไปยังห้องคุมขังซู่เรินสุดหล่อ ลูกชายคนเดียวของแม่ทัพซู่เหวิน ที่บัดนี้กลายเป็นนักแสดงทำให้เงินเฒ่าแก่เจ้าเล่ห์ได้มากมาย
ชายแก่พาลูกรักไปที่ห้องคุมขังซู่เริน ลูกชายสุดที่รักของแม่ทัพซู่เหวิน ที่บัดนี้นอนสลบอยู่ในสภาพที่แทบจำไม่ได้ หากไม่รู้จักกันมาก่อนคงยากที่จะเชื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเคยเป็นคนหล่อเหลาและเป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมาย
“นี่มัน…ซะ..ซะ...ซู่เริ่น! ใช่ไหมท่านพ่อ?” หงเวยถามอย่างไม่เชื่อสายตา
“ใช่แล้ว ซู่เริ่นคนเดียวกับที่เคยเป็นเพื่อนเจ้าตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ คนเดียวกับที่เป็นลูกชายของไอ้คนที่ทำให้ลูกโกรธแค้นอยู่ตอนนี้ไง” หงฟู่ยิ้มอย่างมีความสุข
“แล้วทำไม? ทำไมมันถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ล่ะท่านพ่อ?” หงเวยถามด้วยความอยากรู้
“เจ้าอย่าได้สนใจไปเลย รู้เพียงว่าตอนนี้มันเป็นทาสของเราแล้ว เราจะทำอะไรกับมันก็ได้ คืนนี้พ่อจะเปิดโชว์พิเศษของมัน ลูกไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ฮ่าๆๆๆ” สองพ่อลูกหัวเราะร่า
..........................................................................................................................................................
“ท่านๆ ไม่ต้องกลัวนะ เราช่วยท่านออกมาสำเร็จแล้ว” เอ้าเทียนพยายามป้อนน้ำจากกระบอกไม้ให้แม่ทัพซู่ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากสลบไปนาน
“พวกเราอยู่ที่ไหน?” แม่ทัพพยายามส่งเสียงถาม
“เราพาท่านมาซ่อนตัวอยู่ในป่านอกเมือง อยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องกังวล” จิ้งจอกหนุ่มตอบ
ซู่เหวินค่อยๆ ตั้งสติ เขาปวดระบมไปทั่วร่างกาย เหตุการณ์ที่ผ่านมาค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมอง เขารู้ดีว่าไม่ได้ฝันไป บัดนี้เขาแทบจะไร้สิ้นซึ่งเกียรติยศแห่งลูกผู้ชาย ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ไม่มีทหารรับใช้สักคน คิดได้ดังนี้ความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของซู่เหวิน
“ท่านฟื้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปหาอะไรให้ท่านกิน แล้วจะรีบกลับมา ท่านซ่อนตัวอยู่ที่นี่สักครู๋เดียว” เอ้าเทียนพูดแทรกทำลายความเจ็บปวดของแม่ทัพ
หลังจากแม่ทัพรับคำ เอ้าเทียนก็วิ่งโฉบเฉี่ยวพุ่งจากต้นไม้หนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งด้วยความว่องไว หายลับเข้าป่าไปในพริบตา
“ซู่เริ่น ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนกัน?” แม่ทัพพึมพาขณะนั่งอิงหลังพิงต้นไม้ใหญ่
..........................................................................................................................................................
“เห้ยยย!! พวกเรา คืนนี้มีโชว์พิเศษที่เมืองจางโจว คนแสดงเป็นถึงลูกชายสุดหล่อของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเหลียนเลยนะ” ชายคนหนึ่งพูดกับกลุ่มเพื่อนขณะกำลังล่าสัตว์ด้วยกันในป่าใหญ่
“ข้าก็ได้ข่าวมาเหมือนกัน แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ เอ็งคิดดูสิเป็นถึงเจ้าคนนายคน จะมาเล่นบทเป็นทาสหาเงินทำไมว่ะ?” เพื่อนอีกคนตอบ
“ไม่รู้ว่ะ แต่อย่างไรเสีย พวกเราแวะไปดูด้วยกันสักหน่อยก็ดีนะ คิดซะว่าคลายเครียด ฮ่าๆๆๆ” อีกตอบแสดงความเห็น
ระหว่างที่กลุ่มชายทั้งหลายพูดคุยกันอยู่นั้น เอ้าเทียนที่หลบอยู่บนยอดไม้สูงก็ได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน สีหน้าครุ่นคิดก่อนสบัดปลายเท้าหายวับไปจากตำแหน่งนั้นทันที
“พวกเรามีเรื่องต้องไปสะสางกันคืนนี้ที่เมืองจางโจว ไปช่วยซู่เริ่นกันเถอะ” เอ้าเทียนกลับไปหาแม่ทัพซู่เหวิน ก่อนจะหาเสื้อผ้าและชุดคลุมปิดใบหน้าให้แม่ทัพสวมใส่อำพรางตัว
“ปล่อยข้าไปๆๆ ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย” ซู่เริ่นร้องขอความช่วยเหลือ ทั้งที่รู้ตัวดีว่าคงไม่มีใครมาช่วย ความรู้สึกเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง มันร้าวไปถึงขั้วกระดูก ไล่ตั้งแต่หัวที่ปวดแทบจะระเบิด กล้ามเนื้อที่อุตสาห์สร้างมาอย่างลำบาก ตอนนี้กลับมีแต่รอยขีดช่วนเปรอะเปื้อน
ซู่เริ่นใช้สองมือลูบเนื้อตัวหวังจะปัดทำความสะอาดสิ่งสกปรก แต่ปลายนิ้วก็ดันไปสัมผัสกับข้อความที่เกิดจากรอยแผลเป็นนูนที่หน้าท้อง เขารู้ดีว่ามันเขียนว่าอะไร
“ไอ้พวกเดรัจฉาน” เขาโกรธเกลียดทุกคนที่ทำร้ายเขา เกลียดคำว่าหลงฆวยบนหน้าท้องของเขา ต่อไปซู่เริ่นคงไม่กล้าถอดเสื้อให้ใครดูกล้ามท้องอีกแล้ว
“ตื่นแล้วหรอไอ้ซู่เริ่น” เสียงคุ้นหูดังขึ้น
“ปล่อยข้าไปนะ ข้าจะฆ่าแก ไอ้เฒ่าโรคจิต” ซู่เริ่นไม่อยากเชื่อเลยว่าหงฟู่ที่เขานับถือมานานจะเป็นคนแบบนี้
“เตรียมตัวมันให้พร้อม คืนนี้สนุกแน่ๆ” หงฟู่สั่งทหารรับใช้
ฝูงทหารเปิดกรงเหล็กเข้ามาจับตัวซู่เริ่น แม้จะดิ้นเอาตัวรอดอย่างไรก็ไม่หลุด ก่อนใช้ผ้าสกปรกยัดอุดปากซู่เริ่น และใช้เชือกหยาบมัดข้อมือ ก่อนจะจับหนุ่มหล่อไปสาดน้ำล้างตัว ความเย็นของน้ำกระเซ็นสาดลาดไปตัวผิวกาย หลังจากนั้นพวกทหารโฉดก็จับซู่เริ่นแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสง่างาม
..........................................................................................................................................................
“ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่สมรภูมิกามมม” พิธีกรประกาศลั่น
“ขอเสียงปรบมือทุกท่านให้นักแสดงสุดหล่อของเราในคืนนี้ด้วย” เสียงปรบมือดังสนั่น ท่ามกลางเสียงเฮลั่นของผู้ชมที่ดูจะมีจำนวนมากเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้ รวมทั้งหงเวยเพื่อนสนิทของซู่เริ่นด้วย
ร่างของซู่เริ่นถูกนำออกมายังลานแสดง ปรากฏแก่สายตาหื่นกระหายของผู้ชม คืนนี้เขาช่างดูหล่อเหล่ามากเมื่ออยู่ในชุดนักรบอย่างสง่างาม จนคนดูแทบจะอดใจรอชมสิ่งที่อยู่ใต้ชุดสวยไม่ไหว ชายหนู่มถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ตัวใหญ่ลายมังกร พร้อมผ้าปิดปากแน่นสนิท
“ขอเข้าสู่การแสดงแรกกันเลย ข้าเปิดโอกาสให้ท่านผู้ชมท่านใดก็ตามที่ยอมจ่ายสามตำลึงได้รับสิทธิ์เข้าไปปลดเสื้อผ้าของหนุ่มหล่ออย่างซู่เริ่น” หงฟู่บอกอย่างสะใจ
คนดูหลายคนรีบยกไม้ยกมือ ยอมควักเงินจ่ายให้ผู้จัดแสดง ก่อนจะเดินไปเข้าแถวข้างลานแสดงตามลำดับการจ่ายเงิน คนแรกตรงเข้าไปถอดชุดเกราะนักรบออกจากตัวซู่เริ่นที่นั่งดิ้นรนอยู่อย่างกระวนกระวาย
“ชุดเกราะนี่สวยจริงๆ ข้าขอเอาไปใช้รองเยี่ยวหมาที่ตำนักหน่อยนะ ฮ่าๆๆ” หนุ่มคนแรกแย่งชุดเกราะไปจากซู่เริ่น พร้อมกับชายคนที่สองที่ตรงเข้าใช้มีดกระตุกปมเสื้อขาวจนขาด
“ขอดูกล้ามอกมึงหน่อยนะว่าจะสวยแค่ไหน?” ชายคนนั้นพูด ขณะกระชากเสื้อขาวขาดกระจุย เสียงคนดูร้องโห่ด้วยความชอบใจ เมื่อเห็นท่อนบนของบุรุษหนุ่มรูปงามที่มีมัดกล้ามมันวาวพร้อมคำว่าหลงฆวย
“ไหนๆ ก็ถอดเสื้อแล้ว ข้าถอดกางเกงให้แล้วกัน” ชายคนที่สามคว้าขอบกางเกงดึงลงพื้น เผยให้เห็นผ้าเตียวขาวที่ปกปิดลำฆวยแทบไม่มิดของซู่เริ่น นักรบหนุ่มพยายามเอี่ยวตัวหลบสายตาคนดู แต่กลับยิ่งทำให้ผ้าฝืนเล็กร่นขึ้นจนหัวฆวยบางส่วนโผล่ออกมาดูโลกภายนอก
แม้จะโผล่ออกมาแค่หัวถอก แต่ก็สร้างความตะลึงให้คนดูได้ไม่น้อย นั่นก็เพราะฆวยที่ผ่านการทรมานมาอย่างหนัก ทั้งฉีด ทั้งฝัง ทั้งผ่า บัดนี้ดูใหญ่โตจนน่ากลัว แค่หัวฆวยครึ่งเดียวก็ใหญ่เกือบครึ่งหัวปลาช่อนแล้ว
“โอ้โห้ คุณชายสุดหล่อคงจะอายน่าดู บิดตัวหลบใหญ่เลย ฮ่าๆๆ” พิธีให้เสียง
“เอาละ ต่อไปข้าคิดห้าตำลึงสำหรับใครก็ตามที่อยากเข้าไปทรมานทาสตัวนี้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามถูกเนื้อต้องตัวมัน” หงฟู่ประกาศ
เหมือนเช่นเคย คนดูรีบแย่งกันจ่ายเงินเพื่อหวังได้มีโอกาสสักครั้งในชีวิตที่ได้ทรมานชายชาติทหารอย่างซู่เริ่น เริ่มจากคนแรกที่ตรงเข้าไปถุยน้ำลายใส่หัวคุณชาย
“เป็นไงบ้างว่ะ น้ำลายกูเต็มหัวมึงเลย สะใจจริงๆ” ชายคนแรกเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
ผู้ชมคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยเข้าไปบ้วนน้ำลายใส่หน้า ใส่ตัวของคุณหนูจนหยาดเยิ้มเต็มไปหมด ซู่เริ่นได้แต่ถูกพันธนาการนั่งนิ่งรับน้ำลายจากชายแปลกหน้าจำนวนมาก
“น้ำลายยืดเต็มตัวแบบนี้ เดี๋ยวข้าช่วยชำระล้างให้นะ” ชายคนหนึ่งตรงเข้าไปควักท่อนฆวยออกมา หลั่งน้ำเยี่ยวเหลืองสาดรดเข้าไปตรงหัวของคุณหนู
คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็เริ่มคึก ไม่รอช้า ตรงเข้ายืนล้อมคุณชาย แต่ละคนต่างดึงฆวยของตนออกมา และเบ่งปัสสาวะ จนสายเยี่ยวสีเหลืองจำนวนมากตรงเข้าใบหน้าของคุณชาย บางคนก็ตั้งใจเน้นให้ตรงกับปากของเป้าหมาย บางคนก็อัดเยี่ยวเหม็นใส่จมูกโด่งของคุณหนู
“ขอเยี่ยวใส่ฆวยมึงหน่อยนะไอ้หน้าหล่อ” ชายคนหนึ่งปล่อยน้ำเยี่ยวฉีดใส่ผ้าเตี่ยวของซู่เริ่นจนเริ่มมองเห็นฆวยน่าเกลียดของเขาแล้ว
“ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้เยี่ยวใส่หน้านักรบอนาคตไกล” ชายอีกคนสบัดฆวยไล่หยดเยี่ยวที่ค้างอยู่ในกระบอกฆวยของตนใส่หน้าซู่เริ่นที่นั่งหลับตาปี๋ เรียกได้ว่าตอนนี้ร่างหล่อมีแต่น้ำสกปรกทั้งเยี่ยวทั้งน้ำลายชะโลมไปทั่ว
ซู่เริ่นไม่กล้าเปิดปากออกด่าประนามพวกชั่วโฉดเพราะเกรงว่าน้ำเยี่ยวของพวกมันจะกระเด็นเข้าปากของตน จึงได้แต่นั่งทนรับน้ำฉี่เหม็นๆ จากแต่ละคนที่ยอมจ่ายเงินเพื่อมาทรมานเขา
ตอนนี้ทหารรับใช้เข้ามาจับซู่เริ่นลุกออกจากเก้าอี้ แล้วนำตัวไปพาดติดกับไม้ที่มัดสูงและขนานกับพื้น ในลักษณะที่สองมือและสองเท้าถูกรวบติดกัน ทิ้งลำตัวให้ห้อยลงมา หน้ามองพื้น และผ้าเตี่ยว ผืนเล็กที่แม้จะยังผูกติดกับเอว แต่ก็ทิ้งน้ำหนักลงตามแรงโน้มถ่วง ทำให้ฆวยใหญ่ยาวชี้ลงสู่ลาน
“ต่อไปจะเป็นการฉีดยาใส่ฆวยของคุณชายท่านนี้เพื่อทำให้หนอนน้อยผงาดขึ้นมังกรใหญ่” หงฟู่ประกาศ
ครั้งนี้หงเวยผู้เป็นลูกรับอาสาทำหน้าที่นี้ด้วยตนเอง เขาตรงไปกลางลานแสดงที่บัดนี้ได้เตรียมปลายเข็มแหลมผ่านการชุบว่านปลาไหลเผือกไว้พร้อม
“หงง..เวยยย หงเวย นี่ข้าเอง ช้าซู่เริ่นไง” ซู่เริ่นพยายามชอความช่วยเหลือผ่านผ้าอุดปากชุ่มเยี่ยว
“มึงมันเป็นไอ้ทาสนางโลม มึงรู้ไหมเพราะพ่อมึงคนเดียวที่ทำให้กูต้องเสียความเป็นชาย วันนี้มึงเตรียมรับความผิดแทนพ่อสุดที่รักของมึงได้เลย ไอ้สัตว์นรก” หงเวยหยิบเข็มแหลมขึ้นมา
ซู่เริ่นหน้าถอดสีทันที พยายามเบี่ยงตัวหลบไปมาอย่างน่าสมเพชบนคานไม้ใหญ่ แต่หงเวยไม่สนใจ เขาจ้องมองไปที่ฆวยอัปลักษณ์น่าเกลียดของซู่เริ่น เพื่อหาจุดที่จะปักเข็มลงไปได้ แต่มองไปทางไหนก็มีแต่รอยตะปุ่มตะป่ำของไขวาฬที่ฉีดเข้าฆวย ร่วมกับอัญมลีสีสวยที่ฝังลึกลงตรงหนังฆวย
แต่ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ จุดที่น่าปักเข็มลงไปมากที่สุด หงเวยจ้องสายตาไปตรงหัวฆวยขนาดครึ่งหัวปลาช่อนของซู่เริ่น และเสียบเข็มชุบยาที่มีสรรพคุณทำให้เงี่ยนเข้าไปตรงหัวบานโตของคุณชาย
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!” คุณชายร้องสุดเสียง ดื้นเหมือนปลาถูกทุบหัว
“ฮิ้ววววววววววววววววว” เสียงคนดูโห่ร้องอย่างชอบใจที่เห็นคุณชายทุรนทุราย
ไม่นานนักเมื่อหงเวยถอดเข็มออก ลำฆวยของซู่เริ่นก็คอยๆ พองขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้เจ้าตัวจะพยายามข่มใจไว้เท่าไรก็ไม่อาจหยุดยั้งการขยายขนาดของเจ้าโลกได้ ตอนนี้ซู่เริ่นน้อยแพร่ขยายออกไปทุกทิศทางทั้งความยาวและความกว้าง เส้นเลือดต่างๆ เริ่มปูดขึ้นเป็นเส้นชัด
ที่น่าตกใจที่สุดคือหัวฆวยที่ถูกเข็มปัก เพราะตอนนี้มันพองจนเนื้อแทบจะปริออกจากกัน เต็มไปด้วยเลือดแดงฉาด ทำให้หัวฆวยกลายเป็นสีแดงสด เงี่ยงใต้หัวฆวยก็บานใหญ่จนแทบจะใช้แทนตะขอเกี่ยวได้
ด้วยฤทธิ์ยารวมกับฆวยที่ผ่านการดัดแปลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้ตอนนี้ทุกสายตาจ้องมองไปที่ฆวยของซู่เริ่นด้วยความอิจฉา เพราะมันทั้งใหญ่ทั้งยาว คาดคะเนด้วยสายตาจากระยะใกล้แล้ว ความใหญ่น่าจะมากกว่าฆวยคนธรรมดาสองอันมัดรวมกัน ส่วนความยาวนั้นไม่ต้องพูดถึง สองมือกำแล้วยังมีส่วนหัวฆวยโผล่ออกมาแน่นอน
“เอาละๆ ข้ามีกิจกรรมดีๆ เพียงวันนี้วันเดียวเท่านั้น ข้าจะคิดเพียงสองชั่งเท่านั้นสำหรับผู้ที่ต้องการน้ำหล่อลื่นขององค์ชายสุดหล่อคนนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” หงฟู่ชอบใจ
ครั้งนี้มีผู้ยอมจ่ายเช่นเดิม แม้จะมีราคาสูงลิบแต่ของดีมีค่าเช่นนี้ หากไม่รีบคว้าไว้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยอมจ่ายได้รับถ้วยแก้วหยกอย่างดี ก่อนเดินลงไปที่ลานแสดง
“คุณชาย ข้าขอน้ำหล่อลื่นสดๆ จากฆวยของท่านไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะ” ชายหนุ่มพูดอย่างสะใจ
ชายหนุ่มหยิบถ้วยหยกจ่อไว้ที่ปากฆวยบานของซู่เริ่นที่น่าสงสาร น้ำหล่อลื่นบางส่วนใหญ๋ย้อยลงมาตามความเงี่ยนที่เกิดขึ้น แม้ซู่เริ่นจะพยายามหักห้ามใจ แต่น้ำฆวยนั้นไม่สามารถสั่งการได้เลย มันหลั่งรินลงมายืดย้อยลงสู่ปากถ้วยแก้วที่รองอยู่ สร้างความพอใจให้ผู้เสียเงินเป็นอย่างมาก
“ข้ายอมจ่ายห้าชั่ง แต่ขอน้ำหล่อลื่นไอ้หนุ่มน้อยคนนี้เต็มถ้วยหยก” ชายมีอายุคนหนึ่งร้องขึ้น ผู้คนต่างหันไปมองเป็นทางเดียวกัน
“ห้าชั่งงง ห้าชั่งเชียวหรือ ได้ๆๆๆๆ ขอรับคุณชาย ได้ทุกอย่างเลยขอรับ” หงฟู่กระหายเงินยอมรับขอเสนอ รีบประเคนถ้วยหยกใบใหญ่ให้ลูกค้าด้วยความดีใจ
“ข้าว่าเราต้องกระตุนองค์ชายของเราเสียหน่อยเพื่อให้ได้น้ำหล่อลื่นเยอะๆ ทหารจัดการที” หงฟู่หันไปสั่งทหารรับใช้
ไม่ช้า เหล่าทหารบางส่วนนำน้ำบางอย่างทาบริเวณหัวนมของซู่เริ่น อีกส่วนรีบน้ำโต๊ะยาวมาวางไว้ใต้คานไม้ที่มัดตัวซู่เริ่นไว้ ก่อนปล่อยสุนัขหลายคนกระโดดขึ้นบนโต๊ะ ทันทีที่ฝูงหมาขึ้นโต๊ะเสร็จ พวกมันก็ดมหากลิ่นอาหาร จนพบว่าเป้าหมายคือหัวนมสีชมพูขององค์ชายเริ่นนั่นเอง
พวกหมายกหน้าแลบลิ้นขึ้นไปเลียหัวนมของซู่เริ่นอย่างกระหายหิว แต่ละตัวไม่ยอมกัน ต่างแย่งกันดมแย่งกันเลียยิ่งกว่าสตรีหน้าไหน ลิ้นสากๆ ลื่นๆ ของสัตว์เดรัขฉานสัมผัสผิวนมสร้างความเสียวจนแทบหยุดหายใจให้ซู่เริ่น
“ข้าแก่แล้ว แต่ความเงี่ยนยังมากเหลือเกิน เสียดายที่อายุมาก น้ำหล่อลื่นก็น้อยลงเป็นธรรมดา ข้าจึงตั้งใจจะเอาน้ำจากฆวยเด็กหนุ่มอย่างเจ้าไปใช้หล่อลื่นฆวยคนแก่อย่างข้า” เศรษฐีมีอายุกล่าว พร้อมวางถ้วยแก้วตรงปากฆวยซู่เริ่น
ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝูงหมาที่คอยกระตุ้นความเงี่ยนให้ซู่เริ่น เพื่อปลดปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมาให้ชายชรานำไปใช้เย้ดคนอื่น
“ไอ้คุณชายยยยย มึงมันเกินไปแล้ว เงี่ยนแม้กระทั่งหมาหรอว่ะ?” คนดูเฮ
“*** ให้หมาเลียนม แล้วฆวยกระตุกๆ ปล่อยน้ำไม่หยุดเลยมึง” อีกคนพูด
“อิจฉาเศรษฐีคนนั้นจริงๆ ได้น้ำหล่อลื่นสดๆ ขององค์ชายไปใช้ คงจะเสียวน่าดู” อีกคนตอบ
“ถ้วยใหญ่ขนาดนั้นจะเต็มได้หรอ ไม่น่าเชื่อ” อีกคนตั้งข้อสังเกตุ
“เอ็งดูเสียก่อน น้ำแม่งยืดยาวเป็นสายใส เกือบเต็มถ้วยแล้ว” คนดูชี้
ชายชราพึงพอใจมาก เขาหยิบถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นจากหนุ่มน่าหล่อระดับองค์ชายไปเต็มถ้วยก่อนปิดฝาอย่างดี และเดินกลับไปสู่ที่นั่งดูอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามฝูงหมายังไม่ยอมหยุดเลีย หน่ำซ้ำยังเดินไปดมๆ แถวๆ หัวฆวยของซู่เริ่น แล้วเลียกินน้ำหล่อลื่นเหมือนดื่มน้ำจากท่อ ยามปล่อยลิ้นหมาแตะเข้ากับหัวฆวย ซู่เริ่นถึงกับตัวสั่นเทาๆ
“มึงมันต่ำยิ่งกว่าสัตว์ ดูสิหมาเลียฆวยมึงไม่หยุดเลย สงสัยมันจะชอบน้ำมึงนะ” ซู่เวยเพื่อนสนิทพูด
“ทุกท่านโปรดฟัง ครั้งนี้ท่านมีโอกาสให้คุณหนูอมฆวยและกินน้ำเงี่ยนของพวกท่านได้ เพียงจ่ายข้ามาแค่ห้าชั่งเท่านั้น” หงฟู่เริ่มเกมต่อ
แน่นอนว่ามีผู้คนสนใจมากมาย นี่นับเป็นโอกาสทองที่จะได้สอดฆวยเข้าปากคุณชาย ได้ปล่อยให้ฆวยเบียดเข้าออกโพรงปากหนุ่มหล่อ ได้ครูดฆวยกับริมฝีปากงดงามของนักรบ ได้ปล่อยน้ำฆวยเข้าสู่ลำคอของชายผู้เป็นที่หมายปองของสาวทั่วแดน ใครก็ยอมจ่ายเพื่อโอกาสดีๆ แบบนี้
ผู้คนที่จ่ายเงินเดินเข้าไปหาซู่เริ่นที่ถูกมัดอยู่ ทหารคนหนึ่งจับหัวซู่เริ่นตั้งขึ้น่มองไปข้างหน้า เพื่อให้มองเห็นบุคคลที่จะเอาฆวยมาใส่ปากของตนชัดๆ ผ้าปิดปากถูกนำออก พร้อมกับที่ทหารคนหนึ่งนำกรรไกรมาจ่อไว้ที่พวงไข่ของคุณหนู
“หากร้องโวยวายหรือกัดฆวยลูกค้า ข้าจะตัดไข่ท่านทิ้งทันที” ทหารกล่าว
ซู่เริ่นน้ำตาไหลออกมาไม่ต่างจากน้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกมาจากการถูกฝูงหมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ปากสวยๆ ของคุณชายค่อยๆ อ้าเปิดออกอย่างไม่เต็มใจ ใบหน้าถูกบังคับให้มองฆวยลูกค้าคนแรกที่เข้ามา มันทั้งดำทั้งสกปรก มีคราบขาวติดตรงหัวฆวย แต่เจ้าของฆวยกลับไม่สนใจ
“อมเข้าไปลึกๆ ดูดทำความสะอาดให้ข้าด้วยนะคุณชาย” ลูกค้าคนแรกสอดฆวยทิ่มเข้าปาก บังคับให้คุณชายที่ทำหน้าพะอืดพะอมดูดฆวยของตนให้สะอาด
“ดูดแรงๆ เน้นตรงหัวให้ข้าด้วย ข้าเสียเงินไปแล้ว ทำให้คุ้มค่าหน่อย” ชายแปลกหน้ากล่าว
ซู่เริ่นรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นแต่ต้องฝืนใจกลืนเข้าไปอย่างลำบาก ทหารจับหัวของเขาก้มเข้าไป จนฆวยลูกค้าทิ่มลิ้นไก่ลึกเข้าไปในคอ ทำเอาคุณชายหายใจไม่ทัน
“ดีๆ แบบนั้นแหละ ดีมาก ใช้ลิ้นวนๆ ตรงหัวฆวยให้ด้วย” ลูกค้าสั่ง
“โอ๊ยย เสียวจริงๆ เสียวมาก ซิ๊ดดดดด ไม่คิดเลยว่าคุณชายจะอมฆวยเก่งแบบนี้”
“อ่าสสสสส์ ข้าจะแตกแล้ว อ้าปากๆ อ้าปากกว้างๆ ข้าจะฉีดน้ำฆวยเข้าไป อ่าส์” ชายแปลกหน้าเกร็งตัวจิกเท้า พ่นน้ำคาวฉีดใส่โพรงปากของคุณชายเริ่นไม่ยั้ง ความเหนี่ยวข้นและกลิ่นคาวทำให้คุณชายทำท่าจะอ้วก แต่กรรไกรที่จ่อรอไว้ที่ไข่ยานเตรียมงับตัดลงมา เขาจึงต้องฝืนใจทนกลืนน้ำเงี่ยนทั้งหมดเข้าไป
ลูกค้าคนที่สองมาพร้อมฆวยยาว คนนี้สั่งให้ซู่เริ่นแลบลิ้นออกมายาวๆ แล้วใช้ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าไปในรูฆวยของตน ตวัดไปมาเพื่อให้ลิ้มรสน้ำหล่อลื่น ก่อนจะประคองหัวคุณหนูไว้นิ่งๆ แล้วกระเด้าปากหนุ่มหล่อเข้าออกโดยไม่แยแสความเจ็บปวดของผู้ถูกกระทำ จนในที่สุดก็ปล่อยน้ำเสียวรินลงลิ้นและฟันของคุณชายเต็มไปหมด
“เอาลิ้นปาดทำความสะอาดปากตัวเองซะ ไอ้หล่อตกอับ” ลูกค้าสั่ง
ซู่เริ่นต้องยอมเอาลิ้นกวาดคราบน้ำเงี่ยนที่ติดอยู่ตามกระพุ้งแก้มและฟันออก ขณะที่ตุ่มรับรสบนลิ้นก็ทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน คุณชายรับรสเค็มอ่อนๆ ของน้ำเงี่ยนได้ทั้งหมด ก่อนจะปิดปากกลืนเศษน้ำรักเหล่านี้ลงไปในคอ
คนที่สามมาถึงตรงหน้าซู่เริ่น คราวนี้ควักพวงไข่ที่เต็มไปด้วยหมอยดำยื่นให้ซู่เริ่นเลีย องค์ชายต้องอมไข่ลูกใหญ่ที่มีแต่ขนดำไว้ในปาก ขณะที่ฝูงหมาก็เลียฆวยและหัวนมของเขาเช่นกัน ระหว่างที่เลียและอมไข่ให้ลูกค้าอยู่นั้น น้ำฆวยลูกค้าก็ทะลักออกมาเต็มหน้าของซู่เริ่นที่ไม่ทันระวังตัว
คนที่สี่จับฆวยของตนเองปาดเอาน้ำเงี่ยนของคนก่อนหน้ามา แล้วฟาดใส่ปากของซู่เริ่นดังป๊าบๆ ก่อนจะยัดท่อนฆวยที่ชะโลมน้ำเงี่ยนของลูกค้าคนก่อนไว้เข้าปากเด็กหนุ่ม แล้วซอยเย้ดปากโดยอาศัยน้ำเงี่ยนและน้ำลายเป็นตัวหล่อลื่น จนในที่สุดก็หลั่งน้ำกามออกมา พร้อมกดฆวยให้ลึกที่สุดเพื่อฉีดเข้า
ลูกค้าคนอื่นๆ ก็ทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ ใช้ปากองค์ชายเป็นที่ระบายความเสียวไม่หยุด จนปากและท้ององค์ชายมีแต่น้ำเงี่ยนของคนแปลกหน้าเต็มไปหมด บางคนก็บังคับให้เขาห่อปากแล้วยัดฆวยเข้ามา บางคนก็จับฆวยฟาดหน้าเขาอย่างไม่ให้เกียรติ บางคนพอน้ำแตกแล้วก็ฉี่ใส่ปากซ้ำอีกรอบ
“ดีมากครับทุกท่าน ต่อไปจะเป็นช่วงสำคัญ ใครที่มีความฝันว่าอยากจะเย้ดองค์ชายสักครั้งในชีวิต วันนี้เป็นโอกาสของท่านแล้ว เพียงแลกความฝันของท่านกับทองคำหนึ่งชั่งเท่านั้น ที่สำคัญองค์ชายของเรายังบริสุทธิ์อยู่ด้วย รับรองว่าก้นองค์ชายต้องรัดตอดแน่นอย่างแน่นอน” หงฟู่หน้าเงินกล่าว
มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมากมาย ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนเป็นพวกมีเงินทั้งนั้น เมื่อชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ทุกคนก็เตรียมเรียงลำดับตามคิว ต่อแถวยืนเรียงราย รอเย้ดองค์ชายสุดหล่อ
“ข้าขอเปิดบริสุทธิ์มันด้วยตัวเองก่อน” หงเวยพูดขึ้น
สิ้นลาย...ยอดขุนพล 12
หลังจากส่งอู๋ทงงูพิษข้ามมิติไปแล้ว บัดนี้เอ้าเทียนในร่างแปลงกายเป็นอู๋ทงก็ยึดถ่ำที่อยู่แห่งนี้เป็นของตน เพื่อรอเวลาให้นายใหญ่ผู้บงการอยู่เบื้องหลังปรากฏตัว
ไม่นานนัก ก็เกิดกลุ่มควันฟุ้งกระจายพร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง ที่เอ้าเทียนรู้สึกคุ้นหน้ามากเหมือนเคยพบเจอมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยพบเจอที่ไหนหรือเมื่อไร
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?” ชายปริศนาถามเสียงทุ้มต่ำ
“เรียบร้อยดี ท่านไม่ต้องกังวล” อู๋ทงตัวปลอมตอบ
“ตอนนี้ข้าต้องการตัวแม่ทัพซู่เหวิน เจ้าจงไปเอาตัวแม่ทัพมาให้ข้าโดยเร็ว” ชายปริศนากล่าวต่อ
“ไม่มีปัญหา ว่าแต่จะให้ข้านำตัวแม่ทัพไปให้ท่านที่ไหน?” เอ้าเทียนหลอกถาม
“ถึงตอนนั้นข้าจะบอกอีกที รีบไปจัดการซะ” ชายปริศนาสั่ง
เมื่อออกคำสั่งเสร็จ ชายปริศนาก็ปาระเบิดควันจำนวนหนึ่งลงที่พื้นจนเกิดกลุ่มควันโขม่งแทบมองอะไรไม่เห็น กินเวลาอยู่ช่วงหนึ่งกว่ากลุ่มควันจะสลายหายไป ถึงตอนนี้ชายปริศนาก็หายไปพร้อมกับกลุ่มควันเสียแล้ว
“ชายคนนี้เป็นใครกันนะ? ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ได้เบาะแสเพิ่มเติม ตอนนี้ไปช่วยแม่ทัพซู่
เหวินก่อนดีกว่า” เอ้าเทียนพูดพร้อมกับหมุนตัวสลายร่างหายไปในอากาศ
..........................................................................................................................................................
ยามค่ำคืน ณ คุกใต้ดินที่ซู่เหวินถูกคุมขังอยู่หลังจากโดนรุมลงแขกจากบรรดาราชบุตรแคว้นต่างๆ บัดนี้แม่ทัพนอนขดตัวเปลือยเปล่า ร่างกายบอบช้ำพอๆ กับจิตใจที่หดหู่อย่างที่ถึงที่สุด
กลุ่มควันสีเงินปรากฏขึ้นภายในคุกที่เงียบสงบ เพราะมีผ้ายันต์วิเศษที่เคยให้แม่ทัพซู่ไว้ทำให้เอ้าเทียนสามารถหายตัวเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เสมือนว่าผ้ายันต์เป็นประตูมิติที่เปิดให้เอ้าเทียนเข้าออกได้ตามใจชอบ
“เรามาช่วยท่านแล้วแม่ทัพซู่ ทำใจดีๆ ไว้นะ” เอ้าเทียนนั่งข้างกายแม่ทัพ เขย่าร่างซู่เหวินให้ตื่น
“จะ..เจ้ากลับมาแล้ว ช่วยข้าด้วย พาข้าออกไปจากชุมนรกนี้เสียที” แม่ทัพค่อยๆ ลืมตาขึ้น พูดเสียงแหบ ก่อนจะสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย
เอ้าเทียนใช้พลังปราณแสงสีเงิน ตัดโซ่ตรวนที่มัดแม่ทัพเอาไว้ทั้งแขนและขาออกจนหมด ทำให้แม่ทัพเป็นอิสระอีกครั้ง เอ้าเทียนประคองร่างแม่ทัพที่ไม่ได้สติให้ค่อยๆ ลุกขึ้น
“ไปจากที่นี่กันเถอะ” เอ้าเทียนพูดคนเดียว
ก่อนจะสลายร่างหายไป เขาก็พลันเหลือบไปเห็นแสงจันทร์เต็มดวงผ่านช่องลมสี่เหลี่ยมของกำแพงคุก คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ส่องแสงเหลืองทอง สว่างสดใส กระทบเข้าดวงตาดำสวยของเอ้าเทียน
“โธ่เอ๊ย มาเต็มดวงเอาอะไรตอนนี้!!!” เอ้าเทียนสบง
ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าในวัยเด็กของเอ้าเทียนนั้น เขายอมสละร่างเทพจิ้งจอกเงินของตัวเองเพื่อใช้ที่เป็นปิดผนึกพลังเทวาด้านมืดเอาไว้ ร่างของเขาจึงเป็นเสมือนที่อยู่ของพลังร้าย หนทางเดียวที่จะปลดปล่อยพลังมืดนี้ออกไปคือต้องหาร่างใหม่ที่ใกล้เคียงกับเอ้าเทียนมากที่สุด เพื่อถ่ายทอดพลังเทวาออกจากตัวเอ้าเทียน ซึ่งในปฐพีนี้คงหาคนที่เหมือนเอ้าเทียนไม่ได้อีกแล้ว
พลังเทพจิ้งจอกเงินรวมกับพลังเทวาที่ถูกกดไว้ทำให้เอ้าเทียนกลายเป็นบุรุษที่ทรงเสน่ห์ที่สุดในใต้หล้า เอ้าเทียนสามารถใช้ชีวิตที่มีสองพลังในร่างเดียวได้อย่างสมดุล แต่กระนั้นพลังเทวามืดนี้ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาในทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง
หากพลังเทวาถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เอ้าเทียนจะจำเหตุการณ์ในช่วงนั้นไม่ได้เลย เขาจะกลายเป็นอีกคนที่แตกต่างจากปกติ ทั้งการพูด การคิด และการกระทำ
เมื่อแสงจันทร์วันเพ็ญในคืนนี้ตกกระทบเข้ากับร่างของเอ้าเทียน กายเทพสีเงินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามกลืนไปกับแสงจันทรา เส้นผมสีเงินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำขลับไล่ตั้งแต่โคนผมไปจนถึงปลายผม ชุดไหมสีเงินก็พลันเปลี่ยนเป็นสีทอง ขลิบขอบดำสนิท ทำให้ดูสง่าองค์อาจแฝงความลึกลับ ราวกับราชสีห์หนุ่ม
“เฮ้ออ คราวนี้จะเกิดเรื่องวุ่นๆ อะไรอีกนะ” เอ้าเทียนที่ยังพอเหลือสติอยู่ รีบใช้โซ่ตรวนในคุกจองจำตัวเองไว้อย่างแน่นหนา หวังเพียงว่าร่างมืดจะไม่ออกไปสร้างความวุ่นวายใดๆ อีก
เมื่อจัดการขังตัวเองเสร็จ เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ได้แต่หลับตาหวังว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นสติของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มชวนหลงไหล ร่างใหม่แสยงยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัว
“ได้ออกมาสูดอากาศสักที ฮ่าๆๆๆ” เอ้าเทียนร่างมืดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รุ่งเช้า ทหารจำนวนหนึ่งรับคำสั่งให้มาพาตัวแม่ทัพและราชบุตรหมายเลขหนึ่งซึ่งก็คือเอ้าเทียนที่ถูกจับมาเพราะปากพล่อยไปกล่าวหาพระมเหสีว่าไม่ใช่ผู้หญิงแท้
ไม่มีใครรู้เลยว่าองค์ชายหนึ่งตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ภายใต้ร่างมนุษย์ที่หล่อเหลานี้คือร่างเทวาที่ออกมาเล่นสนุก
ทหารเข้าไขกุญแจคุกใต้ดินออก และตรงเข้าจับร่างแม่ทัพที่สลบไสลไม่ได้สติ พร้อมกับตรงเข้าไปปลดโซ่ตรวนที่มัดองค์ชายหมายเลขหนึ่งที่นั่งยิ้มอย่างสบายใจออก ทั้งสองถูกกุมตัวในลานกว้างกลางเมือง
ผู้คนนับร้อยมารอชมการประกาศผลการคัดเลือกราชบุตร ราชบุตรทั้งแปดคนยืนเรียงกันในสภาพผ้าเตี่ยวรัดเป้าผืนเดียว ทำให้เห็นหุ่นกล้ามของราชบุตรทั้งเก้าชัดเจน ฆวยของเหล่าราชบุตรยังอยู่ในสภาพอ่อนตัว
ขณะที่หลี่เฉินกำลังจะประกาศ เอ้าเทียนก็ถูกนำตัวมาหน้าเวทีพอดี เสียงฮือฮาจากประชาชนดังขึ้นทันทีที่เอ้าเทียนปรากฏ เล่นเอาคนทั้งงานรวมถึงราชบุตรทั้งแปดเองก็อึ้งไปตามๆ กัน
“เจ้าดูไอ้รูปหล่อเนี่นสิ ทำไมมันถึงได้หล่อ มีออร่าอย่างนั้นวะ” ชาวเมืองตะลึงงัน
“เธอๆ คนที่เราเห็นตอนเข้าเมืองไง ผู้ชายคนนี้ หล่อจริงๆ กรี๊ดดด” สาวกลุ่มใหญ่ส่งเสียงกริ๊ด
“ได้ยินว่าวันนี้จะประกาศผล แต่เจ้าลืมใครไปหรือเปล่า?” เอ้าเทียนร่างมืดพูดขึ้น
“ไม่ลืม แต่เจ้ามันปากสามหาว ข้าต้องคัดเจ้าออกจากผู้ประกวด” มเหสีชิงตอบ
“อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมสิ ข้าเข้ารอบมาคนแรกด้วยซ้ำ ยังไม่ทันได้ร่วมประกวดกับเหล่าราชบุตรพวกนี้เลย” เอ้าเทียนร่างมืดแย้ง
“ปากดีนัก! รู้หรือไม่ว่าหลังจากที่ข้าจับเจ้าออกไป เหล่าราชบุตรนี้ประกวดแข่งขันอะไรกัน” มเหสีตอบ
“ข้าไม่รู้เรื่องการประกวดงี่เง่าอะไรของเจ้าหรอก” เอ้าเทียนร่างมืดพูดไปเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าราชบุตรพวกนี้ผ่านการประกวดอะไรมา
“ได้สิ! ถ้าเจ้าชนะละก็นะ ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชนะ แต่คงจะยากหน่อยละ เพราะราชบุตรพวกนี้มีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้น” พระมเหสีตอบพร้อมกับหัวใจพองโต
จริงๆ หล่อนได้เล็งเอ้าเทียนไว้ตั้งแต่รอบแรกๆ แล้วด้วยซ้ำ เพราะความหล่อที่โดดเด่น และหุ่นที่ล้ำหน้าราชบุตรคนอื่น จึงไม่แปลกที่กระเทยสาวจะออกหน้าออกตา ยอมให้เอ้าเทียนกลับมาเล่นเกมกามอีกรอบ หัวใจก็สั่นระรัว ยามที่จะได้เห็นของดีที่เฝ้ารอ
“ไง ไอ้หน้าหล่อ เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกข้า ทั้งมันส์ ทั้งสนุกกันมาก ข้าบอกเลยว่าของลับและลีลาแต่ละคน เจ้าเห็นแล้วจะหนาว หน้าอย่างเจ้าเนี่ยจะได้สักครึ่งนึงของพวกข้าไหมวะ ฮ่าๆ” ราชบุตรคนหนึ่งข่มทับ
เอ้าเทียนร่างมืดได้ยินดังนั้นก็พอจะเดาออกว่าคงเป็นทดสอบสมรรคภาพของเครื่องเพศแน่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เทพอย่างเขาวิตกกังวลแม้แต่น้อย แม้ว่าจะอยู่ในร่างที่เป็นเพียงหนึ่งในสี่ของเทพก็ตาม แถมตอนนี้เขาซึ่งอยู่ในร่างมืดกลับรู้สึกตื่นเต้นด้วยซ้ำ ที่จะได้โชว์ของดีของตัวเองต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
“เอาละครับท่านผู้ชม ตอนนี้มีองค์ชายหมายเลขหนึ่งกลับมาท้าดวล แต่ถ้าหากเขาแพ้......... เขาจะยอมเป็นทาสของมเหสีไปตลอดกาล” เอ้าเทียน ตกใจที่หลี่เฉินพูดแบบนั้นออกไป
“ข้าไปพูดแบบนั้นตอนไหน เจ้านี้มันช่างเล่นสกปรกซะจริง” เอ้าเทียนพึมพำ
“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราทดสอบต่อหน้าประชาชนที่นี้เลยแล้วกัน ...การทดสอบแรก เนื่องจากตระกูลซู่มีขนาดของฆวยที่ใหญ่มากมาทุกรุ่น การจะคัดราชบุตรเขยจึงต้องวัดขนาดฆวยเพื่อคงพันธุ์กรรมเด่นนี้ไว้” หลี่เฉินเอย
“ก่อนอื่นข้าจะอ่านข้อมูลของแต่ละคนที่ประกวดไปแล้วให้เจ้าฟังก่อนแล้วก่อน องค์ชายหมายเลขสองมีฆวยยาวหกนิ้วครึ่ง รอบวงหกนิ้ว องค์ชายหมายเลขสามมี....” หลี่เฉินประกาศข้อมูลขององค์ชายแต่ละคนจนครบ
“เจ้าจะยอมถอนตัวซะตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้นะ พวกข้าจะได้ไม่เสียเวลา ฮ่าๆ” ราชบุตรเยาะเย้ย
“เป็นไงเจอขนาดฆวยแปดนิ้วข้าเข้าไป ตะลึงเลยสิเจ้า” องค์ชายแปดโอ้อวด
อันที่จริงเอ้าเทียนก็ไม่เคยวัดขนาดของตัวเองมาก่อน ไม่รู้ว่าที่มีอยู่มันใหญ่ยาวกว่ามาตรฐานทั่วไปหรือไม่ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษ เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าขนาดของตนจะด้อยกว่าพวกมนุษย์ที่ได้ชื่อว่ามีฆวยยาวที่สุดหรือไม่
“เอาละมาวัดกันเลยดีกว่า” เอ้าเทียนร่างมืดบอก
เอ้าเทียนก้าวมายืนกลางเวทีพร้อมปลดเสื้อผ้าออกจนหมด เหลือเพียงผ้าเตี่ยวตัวเดียว บัดนี้แววตาของบรรดาผู้ชมเป็นประกายกว่าเดิม ที่ได้เห็นท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเอ้าเทียน ทั้งกล้ามแขน กล้ามหน้าอกที่นูนเด่น ต่ำลงไปเป็นกล้ามหน้าท้องแปดลูกเรียงตัวอย่างสวยงาม
จุดรวมสายตาที่ทำให้คนทั้งงานทึ่งก็คือผ้าเตี่ยว ที่ห่อหุ้ม***ของเอ้าเทียนเอาไว้ มันนูนเต่งจนเหมือนเอาอะไรไปยัดไว้
“แหม! ฆวยโด่รอเชียวนะไอ้เงี่ยน” องค์ชายสี่แซวเอ้าเทียน
“ใครบอกเจ้าว่าของข้าแข็งตัวแล้ว?” เอ้าเทียนตอบหน้าเฉย
“หยุดโม้สะทีไอ้หน้าหล่อ” ราชบุตรได้ยินถึงกับอึ้ง เป้าตุงแทบปริ้นแบบนั้น ฆวยจะยังหดอยู่ได้อย่างไร
“ข้าไม่ได้โม้ ถ้าพวกเจ้าอยากเห็นมันแข็งตัว ก็มาทำให้ข้ามีอารมณ์สิ ฮ่าๆๆๆ” ราชสีห์ร่างมืดตอบ
พวกราชบุตรแม้ว่าใจจะหมั่นไส้เอ้าเทียนมาก แต่พอเห็นเอ้าเทียนในสภาพแบบนี้ก็เล่นเอาราชบุตรทั้งหลายเงี่ยนได้เหมือนกัน หลังจากที่ได้เย้ดแม่ทัพใหญ่ เหล่าราชบุตรก็เริ่มติดใจในการสมสู่กับเพศเดียวกัน จนลืมไปเสียสนิทว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสมัครเป็นสวามีของบุตรสาวแม่ทัพ ตอนนี้องค์ชายบางคนเริ่มเข้าไปสำรวจกล้ามแขนกล้ามท้องของเอ้าเทียน
บรรดาชาวเมืองเองก็เหมือนปรับตัวกับเรื่องแบบนี้ได้แล้ว หลังจากที่ได้เห็นแม่ทัพใหญ่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองด้วยวิธีพิศดารต่างๆ นานา เหล่าประชาชนไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมา ตรงกันข้ามกลับแสดงความสนอกสนใจอย่างออกนอกหน้าด้วยซ้ำ ที่โชคดีได้เห็นของลับจากบรรดาเชื้อสายกษัตริย์
“หุ่นแม่งดีจริงๆ ข้ายอมรับ” องค์ชายคนนึงเดินเข้ามาเขี่ยหัวนมเอ้าเทียน ทำให้เอ้าเทียนเริ่มเงี่ยนขึ้นมาแล้ว พลังงานในตัวเทพเริ่มไหลจากร่างกายเข้าสู่ท่อนฆวยที่ยังสงบ จนค่อยๆ ขยายขนาดขึ้น ผ้าเตี่ยวตอนนี้เริ่มดูบวมขึ้น เต่งขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่ขึ้นๆ จนแทบระเบิดออกมา
“ไม่น่าเชื่อ ตอนนี้เป้าองค์ชายหนึ่งในผ้าเตี่ยวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตุงขึ้น เต่งขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท่าทางขนาดของเขาจะไม่ธรรมดาจริงๆ ซะแล้ว” โฆษกประกาศ
องค์ชายอีกคนเห็นเอ้าเทียนแล้วเงี่ยนจนทนไม่ไหวอ้อมไปอีกข้างเพื่อดูดนมเอ้าเทียน ทำให้ตอนนี้เอ้าเทียนนั้นโดนรุมจากบรรดาราชบุตรอย่างเมามัน ทันทีที่ปากขององค์ชายอีกคนสัมผัสกับหัวนมเอ้าเทียน ความเงี่ยนก็พุ่งทะยาน พลังงานแห่งเทพไหลเข้าไปในท่อน***เอ้าเทียนอย่างรวดเร็ว
เอ้าเทียนเสียวจนหลับตาครางซิ๊ด ฆวยเทพที่ใหญ่ขึ้นไม่หยุดทำให้ผ้าเตี่ยวรัดตึงแน่นเปรี้ยะ จนในที่สุด! เมื่อเอ้าเทียนเกิดความเงี่ยนขึ้นแล้ว อะไรก็มาฉุดไม่อยู่ เอ้าเทียนรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงลืมตามองไปข้างหน้าผู้ชม และบรรดาราชบุตรที่กำลังจ้องตาเป็นมัน
และแล้วเอ้าเทียนก็กระดกฆวย พรืดดดดดดดดด!! ปมของผ้าเตี่ยวไม่อาจทนกับขนาดความใหญ่ของลำฆวยเอ้าเทียนได้อีกต่อไป มันแน่นจนร่นลงมาแล้วคลายออกจากกัน เนื่องจากเอ้าเทียนเก็บฆวยโดยพาดไว้ข้างบน พอผ้าเตี่ยวหลุด ***ขนาดมหึมาก็เด้งออกมาทันที
และทั้งสนามประลองก็แทนที่ด้วยความเงียบสนิทเหมือนเวลาหยุดเดิน เอ้าเทียนยิ้มมุมปาก รอฟังสิ่งที่จะเกิดขึ้น ลานประลองฮือฮายิ่งกว่าเสียงนกกระจิบนกกระจอกอีกครั้งเมื่อทุกคนคืนสติ หลังจากเห็นขนาดฆวยของเอ้าเทียน
“เกินไปแล้วววว? นั่นฆวยจริงๆ หรือ? ช่างใหญ่ยาวอะไรได้ถึงเพียงนี้ ข้าว่าราชบุตรที่ทดสอบไปก่อนหน้านี้ก็ใหญ่แล้วนะ ราชบุตรคนนี้ใหญ่กว่าอีก” ทหารกลุ่มหนึ่งพูดขึ้น
ทั้งชายทั้งหญิงวิจารณ์กันขรม พอ***เป็นอิสระมันก็พองเต็มเหยียด และสิ่งที่ตามมาก็คือน้ำเงี่ยน แน่นอนน้ำเงี่ยนระดับเทพมีปริมาณไม่ธรรมดา มันไหลเป็นสาย จากปลายหัว***ใหญ่ของเอ้าเทียนลงสู้พื้นลานประลองอย่างมากมาย
“โหหหห ดูน้ำเงี่ยนของมันสิ ช่างมากมายอะไรอย่างนี้” บรรดาราชบุตรเห็นแล้วก็อึ้งไปตามๆ กัน
“เอาละ ข้าพร้อมแล้ว มาวัดกันเลยไหม?” เอ้าเทียนพูดพรางยืนแอ่นเอวให้เหล่าราชบุตร
หลี่เฉินสั่งให้ทหารเอาสายวัดมาวัด นายทหารนั่งลงข้างๆ ฆวยเอ้าเทียน ตาก็มองดูฆวยที่สำรอกน้ำเงี่ยนไหลออกมาไม่หยุดเป็นทางยาวอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เอาละเริ่มวัดได้ เริ่มจากเส้นรอบวง สถิติความอวบตอนนี้เป็นขององค์ชายเจ็ดซึ่งมีความอวบคือเจ็ดนิ้วครึ่ง” หลี่เฉินเร่งทหารที่นั่งอึ้งตรงหน้าเอ้าเทียน
ขณะนี้ทหารกำลังนำสายวัดทาบจากด้านข้างลำฆวยเวียนมาจนครบรอบ ทหารอ่านเลขบนสายวัดเสียงสั่น
“เจ็ดนิ้วกับอีกแปดหุนขอรับ”
“อะไรนะ ข้าไม่ได้ยิน” หลี่เฉินตวาด จริงๆ แล้วเขาได้ยินชัด เพียงแต่ไม่เชื่อหูตนเอง
“เจ็ดนิ้วกับอีกเจ็ดหุนครับ” ทหารตอบเสียงดังก้องทั่วลาน
ผู้ที่ได้ยินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ความอวบขนาดนี้มันเทียบเท่าบ้องไม้ไผ่ลำโตๆ เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะวัดความยาวในขั้นถัดมา เอ้าเทียนหันไปถามบรรดาราชบุตรว่าใครคือคนที่มีฆวยยาวที่สุดในตอนนี้
“ขะ...ข้าเอง ขะ..ข้ามีฆวยยาวแปดนั้ว”องค์ชายแปดตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนมาวัดความยาวฆวยข้า พวกเจ้าหลบไปก่อน” เอ้าเทียนพูดพร้อมยื่นสายวัดจากทหารให้กับองค์ชายแปด
ฆวยเอ้าเทียนแข็งไม่ยอมหด องค์ชายแปดทาบสายวัดตั้งแต่โคนฆวยของเอ้าเทียน เลขหนึ่งเลขสองผ่านไป จนถึงเลขเจ็ดองค์ชายที่แปดถึงกับตาโต เพราะสายวัดยังทาบอยู่บน “ลำ”ฆวยของเอ้าเทียนเท่านั้น ผ่านไปถึงเจ็ดนิ้วแล้วยังไม่ถึงหัวฆวยเอ้าเทียนเลย
พอถึงเลขแปดก็มาถึงตรงคอหยัก ราชบุตรคนที่แปดทาบสายวัดยาวไปสุดหัวฆวยที่เลขเก้าครึ่งพอดี หมายความว่าหัวฆวยของเอ้าเทียนนั้นใหญ่จริงๆ ตอนนี้องค์ชายแปดหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“ไหนบอกซิว่าฆวยข้ายาวกี่นิ้ว” เอ้าเทียนพูดกับองค์ชายแปดผู้เคยหยิ่งทะนงในความยาวของฆวย
“กะ... เก้านิ้วครึ่ง” องค์ชายแปดระล่ำระลัก
“ดังๆ สิวะะะะะะ แล้วบอกด้วยบนเวทีนี้ใครที่ฆวยใหญ่ยาวที่สุด” เอ้าเทียนร่างมืดตวาด
“ราชบุตรที่***ใหญ่และยาวที่สุดก็คือราชบุตรหมายเลขหนึ่ง ด้วยความยาวเก้านิ้วครึ่ง รอบวงเจ็ดจุดแปดนิ้ว!!!” ราชบุตรคนที่แปดพูดเสียงดังอย่างอับอาย
ประชาชนหันไปซุบซิบกัน เสียงฮือฮาดังลั่นลานประกวด บัดนี้ราชบุตรทุกคนเจอเสน่ห์ของเอ้าเทียนก็กลับมาตกอยู่ในพะวังอีกครั้ง ยืนฆวยแข็งไปตามๆ กัน
“เอาหล่ะสำหรับการประกวดที่สองคือลีลาร่วมรัก ทำให้คู่นอนได้เสียวจนถึงใจ ก่อนหน้านี้ราชบุตรที่สี่ได้ทำลีลาไว้ได้เด็ดที่สุด เจ้าจะสู้ได้หรือไม่?” หลี่เฉินออกปาก
“ข้าไม่รู้นะว่าลีลาของเจ้านั้นเด็ดแค่ไหน แต่ถ้าเจ้าเป็นเมียข้า เจ้าจะโดนแบบนี้” ว่าแล้วเอ้าเทียนก็กระชากราชบุตรที่สี่มาดูดปากอย่างเมามันและหนักหน่วง
ราชบุตรสี่ถึงกับเคลิ้ม เสียงเอ้าเทียนบดปากกับองค์ชายสี่นั้นดังจ๊วบจ๊าบไม่หยุด จนองค์ชายสี่ต้องขอหยุดพัก หอบหน้าแดง เมื่อปากแยกออกจากกัน เอ้าเทียนก็โชว์ลีลาเล้าโลมต่อทันที ตอนนี้เอ้าเทียนหันหน้าสู่ประชาชนเบื้องล่าง ราชบุตรหมายเลขสี่ประกบอยู่ด้านหน้า
เอ้าเทียนสอดมือสองข้างเข้าไปที่หลังราชบุตรสี่ แล้วใช้ปากและลิ้นไซร้ต้นคออย่างหื่นกระหาย ตั้งแต่ใบหู จนมาถึงลำคอ ราชบุตรร้องคราง แล้วเอ้าเทียนก็งับที่หัวนม แล้วใช้พลังชิวหาที่กระหายของเทพ รัวลิ้นอย่างไม่ยั้ง
ราชบุตรเสียวจนต้องจิกเท้า เอ้าเทียนจับราชบุตรหันไปด้านหน้าเวทีทางเดียวกัน โดยเอ้าเทียนประกบด้านหลัง แล้วเอ้าเทียนก็จับขาหนุ่มตี๋หล่อแยกออกจากกัน สองมือแหวกแก้มก้นออก ทำให้เอ้าเทียนเห็นภาพรูทวารของราชบุตรอย่างชัดเจน ก่อนจะยิ้มมุมปาก แล้วเอ้าหน้าซุก พร้อมใช้ลิ้นมหากาฬเลียรัวอย่างไม่ยั้ง
“โอ้ยยยยย เสียวโว้ยยยยยยยย” ราชบุตรสี่ครางไม่เปนศัพท์ต่อหน้าประชาชน ชายหญิงเบื้องล่างแห่กันเข้ามาติดขอบเวทีเพื่อดูลีลาของเอ้าเทียนซึ่งทั้งเลีย ดูด ตวัดลิ้น ใช้ลิ้นดันเข้าไป ทั้งประชาชนและราชบุตรคนอื่นๆ เองก็ซูฮกในลีลาของเอ้าเทียนจนเริ่มใช้มือจับฆวยตัวเองเบาๆ
บัดนี้เอ้าเทียนคิดว่าถึงเวลาสมควรที่จะโชว์ของจริงแล้ว ปล่อยลิ้นจากทวารของราชบุตร แล้วยืนเอาน้ำเงี่ยนที่ไหลยืด มาลูบฆวยยาวๆ ตัวเอง และเอาไปทาตรงตูดของราชบุตรหมายเลขสี่
“นี่... เจ้าจะทำอะไร!?!?!?!” ราชบุตรหมายเลขสี่ถาม ตัวสั่นดิกๆ
ยังไม่ทันที่จะหนี เอ้าเทียนก็จับแขนสองข้างของราชบุตรไว้ทางด้านหลัง แล้วค่อยๆ แอ่นฆวยเข้าไปจ่อที่รูทวารขององค์ชายสี่ องค์ชายสี่เอี้ยวคอมาดูเห็นฆวยขนาดใหญ่กำลังจ่อรูตัวเองอยู่ก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ดิ้นไม่หยุด แต่ด้วยกำลังแขนของเอ้าเทียนไม่มีทางปล่อยให้องค์ชายสี่หลุดไปได้
“ตอนนี้องค์ชายหมายเลขหนึ่งกำลังจะแสดงลีลาการ***ให้ทุกท่านได้ดูแล้ว โปรดจับตามองให้ดี” โฆษกของงานประกาศ
เอ้าเทียนยิ้มอย่างสะใจก่อนจะค่อยๆ กดหัวฆวยขนาดใหญ่เข้าไปที่รูทวารของราชบุตร แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เนื่องจากหัวฆวยนั้นมีขนาดใหญ่กว่ามาก เอ้าเทียนจึงแอบเกร็งฆวยกระดกให้น้ำหล่อลื่นตัวเองออกมาเพิ่มขึ้น มันได้ผลเพราะหัวฆวยเริ่มยัดเข้าไปได้ทีละน้อย
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก.....!!!! อ้ากกกกกกกกก” องค์ชายสี่ตะโกนลั่นอย่างคนบ้า
เสียงร้องของราชบุตรไม่ได้ทำให้เอ้าเทียนสงสารแต่อย่างใด กับสะใจยิ้มมุมปากและแทงหัวฆวยสวนเข้าไปเรื่อยๆ เสียงร้องขององค์ชายสี่ดังลั่นลานประกวด จนซักพักหัวฆวยก็เข้าไปได้หมด ประชาชนยังอึ้งเพราะที่ยังเหลือคือความยาวของลำฆวยอีกกว่าเจ็ดนิ้ว
“พร้อมจะโดน***หรือยัง? เจ้าไก่อ่อน...” เอ้าเทียนกระซิบข้างหูราชบุตร
องค์ชายสี่น้ำตาไหลอาบแก้ม กำลังจะอ้าปากด่า เอ้าเทียนมองตาองค์ชายแล้วก็แทงลำฆวยเข้าไป พรวดดดดดด องค์ชายสี่กรีดร้องจนไม่มีเสียง หลับตาปี๋ เปนภาพที่เอ้าเทียนสะใจมาก แล้วก็ค่อยๆ ถอนฆวยออกแล้วเสียบเข้าไปใหม่ช้าๆ
ประชาชนมองที่***เอ้าเทียนก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างระหว่างที่เอ้าเทียนกำลังแทงฆวยเข้าตูด นั่นก็คือฆวยของเอ้าเทียนไม่สามารถแทงเข้าไปได้หมด แม้ว่าเอ้าเทียนจะดันฆวยจนสุดก็ยังเหลืออยู่อีกราวๆ สองนิ้ว
ตอนนี้ภาพบนเวทีเปรียบเหมือนหนังสดโรงใหญ่ ทุกคนที่มาชมตอนนี้มีอารมณ์ร่วมจนเริ่มช่วยตัวเองตามไปด้วย ราชบุตรอีกเจ็ดคนก็เช่นกัน จากจังหวะช้าๆ เอ้าเทียนเริ่มซอยเร็วขึ้นจนราชบุตรที่สี่ต้องครางด้วยความเสียว เอ้าเทียนซอยท่าหมาไปเกือบยี่สิบนาที
“อยากตื่นเต้นกว่านี้ไหม?...” เอ้าเทียนหยุดกระเด้าแล้วกระซิบข้างหูเมียใหม่
<ราชบุตรอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร จากท่ายืนซ้อนกันหันหน้าออกสู่เวที เอ้าเทียนใช้แขนกำยำของตัวเองสอดไปด้านหน้าและโอบต้นขาสองข้างของราชบุตรไว้ ด้วยไหวพริบในหัวราชบุตรก็นึกออกทันทีว่าตนเองกำลังโดนสิ่งเดียวกับที่เคยทำไว้กับซู่เหวิน
สายตาประชาชนจ้องมาที่เอ้าเทียนว่าจะทำอะไรกันแน่ และแล้วเอ้าเทียนก็ใช้แขนอันแข็งแกร่งประสานกันรวบต้นขาราชบุตร ยกราชบุตรขึ้นมาเป็นท่าลิงอุ้มแตง เล่นเอาราชบุตรที่เหลืออ้าปากค้าง ประชาชนทนกับภาพตรงหน้าไม่ไหวช่วยตัวเองกันอย่างไม่อายใคร
มันไม่ใช่ท่าลิงอุ้มแตงธรรมดา แต่เอ้าเทียนจงใจให้ราชบุตรสี่หันหน้าไปด้านเดียวกับตน เพื่อให้เกิดความอับอาย เอ้าเทียนเริ่มกระเด้าอีกครั้ง ภาพจากมุมด้านล่างเวทีนั้นดีที่สุด เพราะเห็นฆวยใหญ่ๆ ของเอ้าเทียนจมมิดเข้าไปในรูตูดของราชบุตรชัดเจน
“แม่งสุดยอดเลยว่ะ ท่านี้ถ้าไม่แข็งแรงจริงทำไม่ได้นะเนี่ย” คนดูฮือฮา
แล้วเอ้าเทียนก็ เอาฆวยเทพซอยตูดราชบุตรอย่างไม่ยั้ง เสียงแก้มก้นกระแทกกับโคน***เอ้าเทียนดัง ป๊าบ ป๊าบ ลั่นไปทั่วบริเวณ ราชบุตรที่น่าสงสารทำหน้าเหยเก ปากก็โดนดูดอย่างหนัก ร่างก็ขยับหนีไม่ได้ บั้นท้ายก็โดนรัวกระเด้า นี้คือสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับแม่ทัพซู่ทั้งนั้น
“โอ้ววว...เมียของข้า..โอ้ว.. ***มันส์อะไรอย่างนี้ โอว..” เทพคราง
พร้อมกับเปลี่ยนท่าใหม่ เอ้าเทียนนอนลงกับเวที ขณะฆวยยาวยังคาอยู่ในตูดของราชบุตรขาวตี๋ ทำให้บัดนี้ ภาพที่ทุกคนเห็นตอนนี้คือราชบุตรนั่งหันหน้าไปทางเอ้าเทียน หันก้นออกไปทางประชาชน
เอ้าเทียนใช้สองมือแหกแก้มกันของราชบุตรสุดหล่อออก ทำให้ตอนนี้ทุกคนยืนนิ่งไปตามๆ กัน เพราะสิ่งที่ชายหญิงเห็นคือฆวยยาวจมเข้าไปในรูตูดสวยสีชมพูไร้เส้นขน ถึงตอนนี้เอ้าเทียนเริ่มซอยฆวยมุดเข้ามุดออกจากรูบาน เป็นภาพที่ชวนให้เงี่ยนได้ไม่น้อย
ราชบุตรดวงซวยได้แต่นั่งให้เอ้าเทียนยกสะโพกขึ้นมาอัดตูดตนเอง เดชะบุญที่รูตูดเริ่มปรับสภาพได้บ้างแล้ว จึงคลายความเจ็บปวดลงไปมาก และเริ่มถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน
“อ่าส์...ซิ๊ดดดด.....” ราชบุตรกัดฟันหน้าร้องครางออกมาตามไรฟัน หลังจากโดนเย้ดท่านี้เกือบสิบกว่านาที
สองร่างบุรุษโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อเคลือบผิวกาย แต่กระนั้นเอ้าเทียนก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้ง กลับผลักร่างตี๋ลงนอนหงายลงบนพื้น ขณะที่เขาลุกขึ้นนั่งคุกเข่าหันหน้าออกไปทางประชาชน ดันตัวราชบุตรจนศีรษะเลยออกไปจากขอบเวที ทำให้ราชบุตรต้องปล่อยหัวลงไปมองประชาชน
และแล้วเอ้าเทียนก็เย้ดเมียใหม่อีกครั้ง ท่านี้แม้ประชาชนจะมองไม่เห็นตูดของราชบุตร แต่ก็เห็นหน้าราชบุตรเต็มๆ แม้จะหลับตาอยู่แต่ก็ดูออกว่าผู้ทุกกระทำนั้นเสียวมากแค่ไหน
ช่วงล่างของเอ้าเทียนโยกไม่ยั้ง เข้าออกตูดราชบุตรอย่างช่ำชอง อีกฝ่ายได้แต่นอนฆวยแข็ง ใบหน้าเหยเกด้วยความเสียวระดับทะลุฟ้า ส่งเสียงร้องระงม
“ข้าขอหลั่งในกายเจ้านะ” เอ้าเทียนก้มไปกระซิบข้างหูหนุ่มตี๋
“ยะ...อย่าๆๆๆๆ อย่าทำเช่นนั้นนะ ข้าขอร้องละ ...อ่าส์” ราชบุตรในสภาพกึ่งมีสติ ร้องอ้อนวอน
ไม่ทันเสียแล้ว ในที่สุดเอ้าเทียนร่างมืดก็ถึงคราวยุติบทสามีใหม่ของราชบุตร เอ้าเทียนซอยฆวยอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นฟ้า กระแทกอัดฆวยใส่ตูดดังป๊าบๆๆ
และทะลักน้ำรักพ่นเข้าใส่ร่างราชบุตรชุดใหญ่ จนราชบุตรเองยังรู้สึกได้ถึงความร้อนของน้ำเอ้าเทียนที่พุ่งอัดใส่กระเพาะของเขา เอ้าเทียนกระดกพวยพ่นปริมาณน้ำคาวออกมาไม่หยุด จนท้องราชบุตรมีเต็มน้ำกามของเอ้าเทียน
เมื่อฆวยเทพยังคงหลั่งไหลน้ำออกมาเรื่อยๆ แต่ช่องที่รองรับมีพื้นที่จำกัด จึงไม่อาจทนรับน้ำเงี่ยนได้อีกต่อไป สุดท้ายจึงเกิดแรงดันจากน้ำเงี่ยนที่เอ่อล้น ผลักให้ฆวยเอ้าเทียนต้องหลุดออกมาจากตูดของราชบุตร พร้อมกับน้ำเงี่ยนที่ไหลทะลักย้อนกลับออกมาเจิ่งนอง
ที่น่าตกใจกว่านั้น แม้ฆวยเอ้าเทียนจะหลั่งน้ำใส่ก้นเมียหนุ่มไปมากแล้ว แต่เมื่อฆวยเอ้าเทียนหลุดออกมาจากร่างหนุ่มตี๋ น้ำชายกลับยังคงกระฉูดออกมาไม่หยุด พุ่งแรงเลยไปถึงหัวและหน้าของราชบุตร ชะโลมทั้งตาจมูกปาก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ราชบุตรหลั่งน้ำเงี่ยนออกมาเองโดยไม่ต้องชัก
น้ำเงี่ยนของราชบุครพุ่งขึ้นฟ้าราวกับน้ำพุและตกลงมาเป็นเม็ดเหมือนห่าฝน กระทบร่างหนุ่มของเขาเสียงดังแปะๆๆๆ อยู่นานจนเริ่มแผ่วลง ใกล้เคียงกับของเอ้าเทียนที่แม้จะแตกไปก่อนแล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งปริมาณและความแรงเทียบเท่ากับมนุษย์ที่พึ่งแตกได้ไม่นาน บัดนี้น้ำฆวยทั้งสองหยุดหลั่งแล้ว มีเพียงหยาดน้ำชายที่ไหลยืดย้อยเป็นสายออกจากปากฆวย
หยาดน้ำแห่งความสุขหลั่งชะโลมร่างที่น่าสงสารของราชบุตรหมายเลขสี่จนชุ่มฉ่ำ เนื้อตัวมันวาว นอนแช่น้ำเงี่ยนกองโต หน้าแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างเพราะเต็มไปด้วยของเหลวสีขาว ก้นก็ปล่อยน้ำกามไหลออกมาเต็มพื้นเวที
เอ้าเทียนแสดงสีหน้ามีความสุขอย่างที่สุด เมื่อได้ปลดปล่อยความกำหนัดที่สะสมไว้ สติของเอ้าเทียนเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับพลังมืดที่เริ่มสลายหายไป เอ้าเทียนเริ่มคว้าเสื้อผ้ามาปกปิดร่างของตนอย่างรวดเร็ว
“โธ่เอ๊ยยยยย! นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ยยยย” จิ้งจอกเงินหัวเสีย
ไม่นานนัก ก็เกิดกลุ่มควันฟุ้งกระจายพร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง ที่เอ้าเทียนรู้สึกคุ้นหน้ามากเหมือนเคยพบเจอมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยพบเจอที่ไหนหรือเมื่อไร
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?” ชายปริศนาถามเสียงทุ้มต่ำ
“เรียบร้อยดี ท่านไม่ต้องกังวล” อู๋ทงตัวปลอมตอบ
“ตอนนี้ข้าต้องการตัวแม่ทัพซู่เหวิน เจ้าจงไปเอาตัวแม่ทัพมาให้ข้าโดยเร็ว” ชายปริศนากล่าวต่อ
“ไม่มีปัญหา ว่าแต่จะให้ข้านำตัวแม่ทัพไปให้ท่านที่ไหน?” เอ้าเทียนหลอกถาม
“ถึงตอนนั้นข้าจะบอกอีกที รีบไปจัดการซะ” ชายปริศนาสั่ง
เมื่อออกคำสั่งเสร็จ ชายปริศนาก็ปาระเบิดควันจำนวนหนึ่งลงที่พื้นจนเกิดกลุ่มควันโขม่งแทบมองอะไรไม่เห็น กินเวลาอยู่ช่วงหนึ่งกว่ากลุ่มควันจะสลายหายไป ถึงตอนนี้ชายปริศนาก็หายไปพร้อมกับกลุ่มควันเสียแล้ว
“ชายคนนี้เป็นใครกันนะ? ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ได้เบาะแสเพิ่มเติม ตอนนี้ไปช่วยแม่ทัพซู่
เหวินก่อนดีกว่า” เอ้าเทียนพูดพร้อมกับหมุนตัวสลายร่างหายไปในอากาศ
..........................................................................................................................................................
ยามค่ำคืน ณ คุกใต้ดินที่ซู่เหวินถูกคุมขังอยู่หลังจากโดนรุมลงแขกจากบรรดาราชบุตรแคว้นต่างๆ บัดนี้แม่ทัพนอนขดตัวเปลือยเปล่า ร่างกายบอบช้ำพอๆ กับจิตใจที่หดหู่อย่างที่ถึงที่สุด
กลุ่มควันสีเงินปรากฏขึ้นภายในคุกที่เงียบสงบ เพราะมีผ้ายันต์วิเศษที่เคยให้แม่ทัพซู่ไว้ทำให้เอ้าเทียนสามารถหายตัวเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เสมือนว่าผ้ายันต์เป็นประตูมิติที่เปิดให้เอ้าเทียนเข้าออกได้ตามใจชอบ
“เรามาช่วยท่านแล้วแม่ทัพซู่ ทำใจดีๆ ไว้นะ” เอ้าเทียนนั่งข้างกายแม่ทัพ เขย่าร่างซู่เหวินให้ตื่น
“จะ..เจ้ากลับมาแล้ว ช่วยข้าด้วย พาข้าออกไปจากชุมนรกนี้เสียที” แม่ทัพค่อยๆ ลืมตาขึ้น พูดเสียงแหบ ก่อนจะสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย
เอ้าเทียนใช้พลังปราณแสงสีเงิน ตัดโซ่ตรวนที่มัดแม่ทัพเอาไว้ทั้งแขนและขาออกจนหมด ทำให้แม่ทัพเป็นอิสระอีกครั้ง เอ้าเทียนประคองร่างแม่ทัพที่ไม่ได้สติให้ค่อยๆ ลุกขึ้น
“ไปจากที่นี่กันเถอะ” เอ้าเทียนพูดคนเดียว
ก่อนจะสลายร่างหายไป เขาก็พลันเหลือบไปเห็นแสงจันทร์เต็มดวงผ่านช่องลมสี่เหลี่ยมของกำแพงคุก คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ส่องแสงเหลืองทอง สว่างสดใส กระทบเข้าดวงตาดำสวยของเอ้าเทียน
“โธ่เอ๊ย มาเต็มดวงเอาอะไรตอนนี้!!!” เอ้าเทียนสบง
ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าในวัยเด็กของเอ้าเทียนนั้น เขายอมสละร่างเทพจิ้งจอกเงินของตัวเองเพื่อใช้ที่เป็นปิดผนึกพลังเทวาด้านมืดเอาไว้ ร่างของเขาจึงเป็นเสมือนที่อยู่ของพลังร้าย หนทางเดียวที่จะปลดปล่อยพลังมืดนี้ออกไปคือต้องหาร่างใหม่ที่ใกล้เคียงกับเอ้าเทียนมากที่สุด เพื่อถ่ายทอดพลังเทวาออกจากตัวเอ้าเทียน ซึ่งในปฐพีนี้คงหาคนที่เหมือนเอ้าเทียนไม่ได้อีกแล้ว
พลังเทพจิ้งจอกเงินรวมกับพลังเทวาที่ถูกกดไว้ทำให้เอ้าเทียนกลายเป็นบุรุษที่ทรงเสน่ห์ที่สุดในใต้หล้า เอ้าเทียนสามารถใช้ชีวิตที่มีสองพลังในร่างเดียวได้อย่างสมดุล แต่กระนั้นพลังเทวามืดนี้ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาในทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง
หากพลังเทวาถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เอ้าเทียนจะจำเหตุการณ์ในช่วงนั้นไม่ได้เลย เขาจะกลายเป็นอีกคนที่แตกต่างจากปกติ ทั้งการพูด การคิด และการกระทำ
เมื่อแสงจันทร์วันเพ็ญในคืนนี้ตกกระทบเข้ากับร่างของเอ้าเทียน กายเทพสีเงินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามกลืนไปกับแสงจันทรา เส้นผมสีเงินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำขลับไล่ตั้งแต่โคนผมไปจนถึงปลายผม ชุดไหมสีเงินก็พลันเปลี่ยนเป็นสีทอง ขลิบขอบดำสนิท ทำให้ดูสง่าองค์อาจแฝงความลึกลับ ราวกับราชสีห์หนุ่ม
“เฮ้ออ คราวนี้จะเกิดเรื่องวุ่นๆ อะไรอีกนะ” เอ้าเทียนที่ยังพอเหลือสติอยู่ รีบใช้โซ่ตรวนในคุกจองจำตัวเองไว้อย่างแน่นหนา หวังเพียงว่าร่างมืดจะไม่ออกไปสร้างความวุ่นวายใดๆ อีก
เมื่อจัดการขังตัวเองเสร็จ เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ได้แต่หลับตาหวังว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นสติของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มชวนหลงไหล ร่างใหม่แสยงยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัว
“ได้ออกมาสูดอากาศสักที ฮ่าๆๆๆ” เอ้าเทียนร่างมืดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รุ่งเช้า ทหารจำนวนหนึ่งรับคำสั่งให้มาพาตัวแม่ทัพและราชบุตรหมายเลขหนึ่งซึ่งก็คือเอ้าเทียนที่ถูกจับมาเพราะปากพล่อยไปกล่าวหาพระมเหสีว่าไม่ใช่ผู้หญิงแท้
ไม่มีใครรู้เลยว่าองค์ชายหนึ่งตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ภายใต้ร่างมนุษย์ที่หล่อเหลานี้คือร่างเทวาที่ออกมาเล่นสนุก
ทหารเข้าไขกุญแจคุกใต้ดินออก และตรงเข้าจับร่างแม่ทัพที่สลบไสลไม่ได้สติ พร้อมกับตรงเข้าไปปลดโซ่ตรวนที่มัดองค์ชายหมายเลขหนึ่งที่นั่งยิ้มอย่างสบายใจออก ทั้งสองถูกกุมตัวในลานกว้างกลางเมือง
ผู้คนนับร้อยมารอชมการประกาศผลการคัดเลือกราชบุตร ราชบุตรทั้งแปดคนยืนเรียงกันในสภาพผ้าเตี่ยวรัดเป้าผืนเดียว ทำให้เห็นหุ่นกล้ามของราชบุตรทั้งเก้าชัดเจน ฆวยของเหล่าราชบุตรยังอยู่ในสภาพอ่อนตัว
ขณะที่หลี่เฉินกำลังจะประกาศ เอ้าเทียนก็ถูกนำตัวมาหน้าเวทีพอดี เสียงฮือฮาจากประชาชนดังขึ้นทันทีที่เอ้าเทียนปรากฏ เล่นเอาคนทั้งงานรวมถึงราชบุตรทั้งแปดเองก็อึ้งไปตามๆ กัน
“เจ้าดูไอ้รูปหล่อเนี่นสิ ทำไมมันถึงได้หล่อ มีออร่าอย่างนั้นวะ” ชาวเมืองตะลึงงัน
“เธอๆ คนที่เราเห็นตอนเข้าเมืองไง ผู้ชายคนนี้ หล่อจริงๆ กรี๊ดดด” สาวกลุ่มใหญ่ส่งเสียงกริ๊ด
“ได้ยินว่าวันนี้จะประกาศผล แต่เจ้าลืมใครไปหรือเปล่า?” เอ้าเทียนร่างมืดพูดขึ้น
“ไม่ลืม แต่เจ้ามันปากสามหาว ข้าต้องคัดเจ้าออกจากผู้ประกวด” มเหสีชิงตอบ
“อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมสิ ข้าเข้ารอบมาคนแรกด้วยซ้ำ ยังไม่ทันได้ร่วมประกวดกับเหล่าราชบุตรพวกนี้เลย” เอ้าเทียนร่างมืดแย้ง
“ปากดีนัก! รู้หรือไม่ว่าหลังจากที่ข้าจับเจ้าออกไป เหล่าราชบุตรนี้ประกวดแข่งขันอะไรกัน” มเหสีตอบ
“ข้าไม่รู้เรื่องการประกวดงี่เง่าอะไรของเจ้าหรอก” เอ้าเทียนร่างมืดพูดไปเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าราชบุตรพวกนี้ผ่านการประกวดอะไรมา
“ได้สิ! ถ้าเจ้าชนะละก็นะ ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชนะ แต่คงจะยากหน่อยละ เพราะราชบุตรพวกนี้มีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้น” พระมเหสีตอบพร้อมกับหัวใจพองโต
จริงๆ หล่อนได้เล็งเอ้าเทียนไว้ตั้งแต่รอบแรกๆ แล้วด้วยซ้ำ เพราะความหล่อที่โดดเด่น และหุ่นที่ล้ำหน้าราชบุตรคนอื่น จึงไม่แปลกที่กระเทยสาวจะออกหน้าออกตา ยอมให้เอ้าเทียนกลับมาเล่นเกมกามอีกรอบ หัวใจก็สั่นระรัว ยามที่จะได้เห็นของดีที่เฝ้ารอ
“ไง ไอ้หน้าหล่อ เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกข้า ทั้งมันส์ ทั้งสนุกกันมาก ข้าบอกเลยว่าของลับและลีลาแต่ละคน เจ้าเห็นแล้วจะหนาว หน้าอย่างเจ้าเนี่ยจะได้สักครึ่งนึงของพวกข้าไหมวะ ฮ่าๆ” ราชบุตรคนหนึ่งข่มทับ
เอ้าเทียนร่างมืดได้ยินดังนั้นก็พอจะเดาออกว่าคงเป็นทดสอบสมรรคภาพของเครื่องเพศแน่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เทพอย่างเขาวิตกกังวลแม้แต่น้อย แม้ว่าจะอยู่ในร่างที่เป็นเพียงหนึ่งในสี่ของเทพก็ตาม แถมตอนนี้เขาซึ่งอยู่ในร่างมืดกลับรู้สึกตื่นเต้นด้วยซ้ำ ที่จะได้โชว์ของดีของตัวเองต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
“เอาละครับท่านผู้ชม ตอนนี้มีองค์ชายหมายเลขหนึ่งกลับมาท้าดวล แต่ถ้าหากเขาแพ้......... เขาจะยอมเป็นทาสของมเหสีไปตลอดกาล” เอ้าเทียน ตกใจที่หลี่เฉินพูดแบบนั้นออกไป
“ข้าไปพูดแบบนั้นตอนไหน เจ้านี้มันช่างเล่นสกปรกซะจริง” เอ้าเทียนพึมพำ
“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราทดสอบต่อหน้าประชาชนที่นี้เลยแล้วกัน ...การทดสอบแรก เนื่องจากตระกูลซู่มีขนาดของฆวยที่ใหญ่มากมาทุกรุ่น การจะคัดราชบุตรเขยจึงต้องวัดขนาดฆวยเพื่อคงพันธุ์กรรมเด่นนี้ไว้” หลี่เฉินเอย
“ก่อนอื่นข้าจะอ่านข้อมูลของแต่ละคนที่ประกวดไปแล้วให้เจ้าฟังก่อนแล้วก่อน องค์ชายหมายเลขสองมีฆวยยาวหกนิ้วครึ่ง รอบวงหกนิ้ว องค์ชายหมายเลขสามมี....” หลี่เฉินประกาศข้อมูลขององค์ชายแต่ละคนจนครบ
“เจ้าจะยอมถอนตัวซะตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้นะ พวกข้าจะได้ไม่เสียเวลา ฮ่าๆ” ราชบุตรเยาะเย้ย
“เป็นไงเจอขนาดฆวยแปดนิ้วข้าเข้าไป ตะลึงเลยสิเจ้า” องค์ชายแปดโอ้อวด
อันที่จริงเอ้าเทียนก็ไม่เคยวัดขนาดของตัวเองมาก่อน ไม่รู้ว่าที่มีอยู่มันใหญ่ยาวกว่ามาตรฐานทั่วไปหรือไม่ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษ เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าขนาดของตนจะด้อยกว่าพวกมนุษย์ที่ได้ชื่อว่ามีฆวยยาวที่สุดหรือไม่
“เอาละมาวัดกันเลยดีกว่า” เอ้าเทียนร่างมืดบอก
เอ้าเทียนก้าวมายืนกลางเวทีพร้อมปลดเสื้อผ้าออกจนหมด เหลือเพียงผ้าเตี่ยวตัวเดียว บัดนี้แววตาของบรรดาผู้ชมเป็นประกายกว่าเดิม ที่ได้เห็นท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเอ้าเทียน ทั้งกล้ามแขน กล้ามหน้าอกที่นูนเด่น ต่ำลงไปเป็นกล้ามหน้าท้องแปดลูกเรียงตัวอย่างสวยงาม
จุดรวมสายตาที่ทำให้คนทั้งงานทึ่งก็คือผ้าเตี่ยว ที่ห่อหุ้ม***ของเอ้าเทียนเอาไว้ มันนูนเต่งจนเหมือนเอาอะไรไปยัดไว้
“แหม! ฆวยโด่รอเชียวนะไอ้เงี่ยน” องค์ชายสี่แซวเอ้าเทียน
“ใครบอกเจ้าว่าของข้าแข็งตัวแล้ว?” เอ้าเทียนตอบหน้าเฉย
“หยุดโม้สะทีไอ้หน้าหล่อ” ราชบุตรได้ยินถึงกับอึ้ง เป้าตุงแทบปริ้นแบบนั้น ฆวยจะยังหดอยู่ได้อย่างไร
“ข้าไม่ได้โม้ ถ้าพวกเจ้าอยากเห็นมันแข็งตัว ก็มาทำให้ข้ามีอารมณ์สิ ฮ่าๆๆๆ” ราชสีห์ร่างมืดตอบ
พวกราชบุตรแม้ว่าใจจะหมั่นไส้เอ้าเทียนมาก แต่พอเห็นเอ้าเทียนในสภาพแบบนี้ก็เล่นเอาราชบุตรทั้งหลายเงี่ยนได้เหมือนกัน หลังจากที่ได้เย้ดแม่ทัพใหญ่ เหล่าราชบุตรก็เริ่มติดใจในการสมสู่กับเพศเดียวกัน จนลืมไปเสียสนิทว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสมัครเป็นสวามีของบุตรสาวแม่ทัพ ตอนนี้องค์ชายบางคนเริ่มเข้าไปสำรวจกล้ามแขนกล้ามท้องของเอ้าเทียน
บรรดาชาวเมืองเองก็เหมือนปรับตัวกับเรื่องแบบนี้ได้แล้ว หลังจากที่ได้เห็นแม่ทัพใหญ่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองด้วยวิธีพิศดารต่างๆ นานา เหล่าประชาชนไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมา ตรงกันข้ามกลับแสดงความสนอกสนใจอย่างออกนอกหน้าด้วยซ้ำ ที่โชคดีได้เห็นของลับจากบรรดาเชื้อสายกษัตริย์
“หุ่นแม่งดีจริงๆ ข้ายอมรับ” องค์ชายคนนึงเดินเข้ามาเขี่ยหัวนมเอ้าเทียน ทำให้เอ้าเทียนเริ่มเงี่ยนขึ้นมาแล้ว พลังงานในตัวเทพเริ่มไหลจากร่างกายเข้าสู่ท่อนฆวยที่ยังสงบ จนค่อยๆ ขยายขนาดขึ้น ผ้าเตี่ยวตอนนี้เริ่มดูบวมขึ้น เต่งขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่ขึ้นๆ จนแทบระเบิดออกมา
“ไม่น่าเชื่อ ตอนนี้เป้าองค์ชายหนึ่งในผ้าเตี่ยวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตุงขึ้น เต่งขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท่าทางขนาดของเขาจะไม่ธรรมดาจริงๆ ซะแล้ว” โฆษกประกาศ
องค์ชายอีกคนเห็นเอ้าเทียนแล้วเงี่ยนจนทนไม่ไหวอ้อมไปอีกข้างเพื่อดูดนมเอ้าเทียน ทำให้ตอนนี้เอ้าเทียนนั้นโดนรุมจากบรรดาราชบุตรอย่างเมามัน ทันทีที่ปากขององค์ชายอีกคนสัมผัสกับหัวนมเอ้าเทียน ความเงี่ยนก็พุ่งทะยาน พลังงานแห่งเทพไหลเข้าไปในท่อน***เอ้าเทียนอย่างรวดเร็ว
เอ้าเทียนเสียวจนหลับตาครางซิ๊ด ฆวยเทพที่ใหญ่ขึ้นไม่หยุดทำให้ผ้าเตี่ยวรัดตึงแน่นเปรี้ยะ จนในที่สุด! เมื่อเอ้าเทียนเกิดความเงี่ยนขึ้นแล้ว อะไรก็มาฉุดไม่อยู่ เอ้าเทียนรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงลืมตามองไปข้างหน้าผู้ชม และบรรดาราชบุตรที่กำลังจ้องตาเป็นมัน
และแล้วเอ้าเทียนก็กระดกฆวย พรืดดดดดดดดด!! ปมของผ้าเตี่ยวไม่อาจทนกับขนาดความใหญ่ของลำฆวยเอ้าเทียนได้อีกต่อไป มันแน่นจนร่นลงมาแล้วคลายออกจากกัน เนื่องจากเอ้าเทียนเก็บฆวยโดยพาดไว้ข้างบน พอผ้าเตี่ยวหลุด ***ขนาดมหึมาก็เด้งออกมาทันที
และทั้งสนามประลองก็แทนที่ด้วยความเงียบสนิทเหมือนเวลาหยุดเดิน เอ้าเทียนยิ้มมุมปาก รอฟังสิ่งที่จะเกิดขึ้น ลานประลองฮือฮายิ่งกว่าเสียงนกกระจิบนกกระจอกอีกครั้งเมื่อทุกคนคืนสติ หลังจากเห็นขนาดฆวยของเอ้าเทียน
“เกินไปแล้วววว? นั่นฆวยจริงๆ หรือ? ช่างใหญ่ยาวอะไรได้ถึงเพียงนี้ ข้าว่าราชบุตรที่ทดสอบไปก่อนหน้านี้ก็ใหญ่แล้วนะ ราชบุตรคนนี้ใหญ่กว่าอีก” ทหารกลุ่มหนึ่งพูดขึ้น
ทั้งชายทั้งหญิงวิจารณ์กันขรม พอ***เป็นอิสระมันก็พองเต็มเหยียด และสิ่งที่ตามมาก็คือน้ำเงี่ยน แน่นอนน้ำเงี่ยนระดับเทพมีปริมาณไม่ธรรมดา มันไหลเป็นสาย จากปลายหัว***ใหญ่ของเอ้าเทียนลงสู้พื้นลานประลองอย่างมากมาย
“โหหหห ดูน้ำเงี่ยนของมันสิ ช่างมากมายอะไรอย่างนี้” บรรดาราชบุตรเห็นแล้วก็อึ้งไปตามๆ กัน
“เอาละ ข้าพร้อมแล้ว มาวัดกันเลยไหม?” เอ้าเทียนพูดพรางยืนแอ่นเอวให้เหล่าราชบุตร
หลี่เฉินสั่งให้ทหารเอาสายวัดมาวัด นายทหารนั่งลงข้างๆ ฆวยเอ้าเทียน ตาก็มองดูฆวยที่สำรอกน้ำเงี่ยนไหลออกมาไม่หยุดเป็นทางยาวอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เอาละเริ่มวัดได้ เริ่มจากเส้นรอบวง สถิติความอวบตอนนี้เป็นขององค์ชายเจ็ดซึ่งมีความอวบคือเจ็ดนิ้วครึ่ง” หลี่เฉินเร่งทหารที่นั่งอึ้งตรงหน้าเอ้าเทียน
ขณะนี้ทหารกำลังนำสายวัดทาบจากด้านข้างลำฆวยเวียนมาจนครบรอบ ทหารอ่านเลขบนสายวัดเสียงสั่น
“เจ็ดนิ้วกับอีกแปดหุนขอรับ”
“อะไรนะ ข้าไม่ได้ยิน” หลี่เฉินตวาด จริงๆ แล้วเขาได้ยินชัด เพียงแต่ไม่เชื่อหูตนเอง
“เจ็ดนิ้วกับอีกเจ็ดหุนครับ” ทหารตอบเสียงดังก้องทั่วลาน
ผู้ที่ได้ยินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ความอวบขนาดนี้มันเทียบเท่าบ้องไม้ไผ่ลำโตๆ เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะวัดความยาวในขั้นถัดมา เอ้าเทียนหันไปถามบรรดาราชบุตรว่าใครคือคนที่มีฆวยยาวที่สุดในตอนนี้
“ขะ...ข้าเอง ขะ..ข้ามีฆวยยาวแปดนั้ว”องค์ชายแปดตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนมาวัดความยาวฆวยข้า พวกเจ้าหลบไปก่อน” เอ้าเทียนพูดพร้อมยื่นสายวัดจากทหารให้กับองค์ชายแปด
ฆวยเอ้าเทียนแข็งไม่ยอมหด องค์ชายแปดทาบสายวัดตั้งแต่โคนฆวยของเอ้าเทียน เลขหนึ่งเลขสองผ่านไป จนถึงเลขเจ็ดองค์ชายที่แปดถึงกับตาโต เพราะสายวัดยังทาบอยู่บน “ลำ”ฆวยของเอ้าเทียนเท่านั้น ผ่านไปถึงเจ็ดนิ้วแล้วยังไม่ถึงหัวฆวยเอ้าเทียนเลย
พอถึงเลขแปดก็มาถึงตรงคอหยัก ราชบุตรคนที่แปดทาบสายวัดยาวไปสุดหัวฆวยที่เลขเก้าครึ่งพอดี หมายความว่าหัวฆวยของเอ้าเทียนนั้นใหญ่จริงๆ ตอนนี้องค์ชายแปดหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“ไหนบอกซิว่าฆวยข้ายาวกี่นิ้ว” เอ้าเทียนพูดกับองค์ชายแปดผู้เคยหยิ่งทะนงในความยาวของฆวย
“กะ... เก้านิ้วครึ่ง” องค์ชายแปดระล่ำระลัก
“ดังๆ สิวะะะะะะ แล้วบอกด้วยบนเวทีนี้ใครที่ฆวยใหญ่ยาวที่สุด” เอ้าเทียนร่างมืดตวาด
“ราชบุตรที่***ใหญ่และยาวที่สุดก็คือราชบุตรหมายเลขหนึ่ง ด้วยความยาวเก้านิ้วครึ่ง รอบวงเจ็ดจุดแปดนิ้ว!!!” ราชบุตรคนที่แปดพูดเสียงดังอย่างอับอาย
ประชาชนหันไปซุบซิบกัน เสียงฮือฮาดังลั่นลานประกวด บัดนี้ราชบุตรทุกคนเจอเสน่ห์ของเอ้าเทียนก็กลับมาตกอยู่ในพะวังอีกครั้ง ยืนฆวยแข็งไปตามๆ กัน
“เอาหล่ะสำหรับการประกวดที่สองคือลีลาร่วมรัก ทำให้คู่นอนได้เสียวจนถึงใจ ก่อนหน้านี้ราชบุตรที่สี่ได้ทำลีลาไว้ได้เด็ดที่สุด เจ้าจะสู้ได้หรือไม่?” หลี่เฉินออกปาก
“ข้าไม่รู้นะว่าลีลาของเจ้านั้นเด็ดแค่ไหน แต่ถ้าเจ้าเป็นเมียข้า เจ้าจะโดนแบบนี้” ว่าแล้วเอ้าเทียนก็กระชากราชบุตรที่สี่มาดูดปากอย่างเมามันและหนักหน่วง
ราชบุตรสี่ถึงกับเคลิ้ม เสียงเอ้าเทียนบดปากกับองค์ชายสี่นั้นดังจ๊วบจ๊าบไม่หยุด จนองค์ชายสี่ต้องขอหยุดพัก หอบหน้าแดง เมื่อปากแยกออกจากกัน เอ้าเทียนก็โชว์ลีลาเล้าโลมต่อทันที ตอนนี้เอ้าเทียนหันหน้าสู่ประชาชนเบื้องล่าง ราชบุตรหมายเลขสี่ประกบอยู่ด้านหน้า
เอ้าเทียนสอดมือสองข้างเข้าไปที่หลังราชบุตรสี่ แล้วใช้ปากและลิ้นไซร้ต้นคออย่างหื่นกระหาย ตั้งแต่ใบหู จนมาถึงลำคอ ราชบุตรร้องคราง แล้วเอ้าเทียนก็งับที่หัวนม แล้วใช้พลังชิวหาที่กระหายของเทพ รัวลิ้นอย่างไม่ยั้ง
ราชบุตรเสียวจนต้องจิกเท้า เอ้าเทียนจับราชบุตรหันไปด้านหน้าเวทีทางเดียวกัน โดยเอ้าเทียนประกบด้านหลัง แล้วเอ้าเทียนก็จับขาหนุ่มตี๋หล่อแยกออกจากกัน สองมือแหวกแก้มก้นออก ทำให้เอ้าเทียนเห็นภาพรูทวารของราชบุตรอย่างชัดเจน ก่อนจะยิ้มมุมปาก แล้วเอ้าหน้าซุก พร้อมใช้ลิ้นมหากาฬเลียรัวอย่างไม่ยั้ง
“โอ้ยยยยย เสียวโว้ยยยยยยยย” ราชบุตรสี่ครางไม่เปนศัพท์ต่อหน้าประชาชน ชายหญิงเบื้องล่างแห่กันเข้ามาติดขอบเวทีเพื่อดูลีลาของเอ้าเทียนซึ่งทั้งเลีย ดูด ตวัดลิ้น ใช้ลิ้นดันเข้าไป ทั้งประชาชนและราชบุตรคนอื่นๆ เองก็ซูฮกในลีลาของเอ้าเทียนจนเริ่มใช้มือจับฆวยตัวเองเบาๆ
บัดนี้เอ้าเทียนคิดว่าถึงเวลาสมควรที่จะโชว์ของจริงแล้ว ปล่อยลิ้นจากทวารของราชบุตร แล้วยืนเอาน้ำเงี่ยนที่ไหลยืด มาลูบฆวยยาวๆ ตัวเอง และเอาไปทาตรงตูดของราชบุตรหมายเลขสี่
“นี่... เจ้าจะทำอะไร!?!?!?!” ราชบุตรหมายเลขสี่ถาม ตัวสั่นดิกๆ
ยังไม่ทันที่จะหนี เอ้าเทียนก็จับแขนสองข้างของราชบุตรไว้ทางด้านหลัง แล้วค่อยๆ แอ่นฆวยเข้าไปจ่อที่รูทวารขององค์ชายสี่ องค์ชายสี่เอี้ยวคอมาดูเห็นฆวยขนาดใหญ่กำลังจ่อรูตัวเองอยู่ก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ดิ้นไม่หยุด แต่ด้วยกำลังแขนของเอ้าเทียนไม่มีทางปล่อยให้องค์ชายสี่หลุดไปได้
“ตอนนี้องค์ชายหมายเลขหนึ่งกำลังจะแสดงลีลาการ***ให้ทุกท่านได้ดูแล้ว โปรดจับตามองให้ดี” โฆษกของงานประกาศ
เอ้าเทียนยิ้มอย่างสะใจก่อนจะค่อยๆ กดหัวฆวยขนาดใหญ่เข้าไปที่รูทวารของราชบุตร แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เนื่องจากหัวฆวยนั้นมีขนาดใหญ่กว่ามาก เอ้าเทียนจึงแอบเกร็งฆวยกระดกให้น้ำหล่อลื่นตัวเองออกมาเพิ่มขึ้น มันได้ผลเพราะหัวฆวยเริ่มยัดเข้าไปได้ทีละน้อย
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก.....!!!! อ้ากกกกกกกกก” องค์ชายสี่ตะโกนลั่นอย่างคนบ้า
เสียงร้องของราชบุตรไม่ได้ทำให้เอ้าเทียนสงสารแต่อย่างใด กับสะใจยิ้มมุมปากและแทงหัวฆวยสวนเข้าไปเรื่อยๆ เสียงร้องขององค์ชายสี่ดังลั่นลานประกวด จนซักพักหัวฆวยก็เข้าไปได้หมด ประชาชนยังอึ้งเพราะที่ยังเหลือคือความยาวของลำฆวยอีกกว่าเจ็ดนิ้ว
“พร้อมจะโดน***หรือยัง? เจ้าไก่อ่อน...” เอ้าเทียนกระซิบข้างหูราชบุตร
องค์ชายสี่น้ำตาไหลอาบแก้ม กำลังจะอ้าปากด่า เอ้าเทียนมองตาองค์ชายแล้วก็แทงลำฆวยเข้าไป พรวดดดดดด องค์ชายสี่กรีดร้องจนไม่มีเสียง หลับตาปี๋ เปนภาพที่เอ้าเทียนสะใจมาก แล้วก็ค่อยๆ ถอนฆวยออกแล้วเสียบเข้าไปใหม่ช้าๆ
ประชาชนมองที่***เอ้าเทียนก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างระหว่างที่เอ้าเทียนกำลังแทงฆวยเข้าตูด นั่นก็คือฆวยของเอ้าเทียนไม่สามารถแทงเข้าไปได้หมด แม้ว่าเอ้าเทียนจะดันฆวยจนสุดก็ยังเหลืออยู่อีกราวๆ สองนิ้ว
ตอนนี้ภาพบนเวทีเปรียบเหมือนหนังสดโรงใหญ่ ทุกคนที่มาชมตอนนี้มีอารมณ์ร่วมจนเริ่มช่วยตัวเองตามไปด้วย ราชบุตรอีกเจ็ดคนก็เช่นกัน จากจังหวะช้าๆ เอ้าเทียนเริ่มซอยเร็วขึ้นจนราชบุตรที่สี่ต้องครางด้วยความเสียว เอ้าเทียนซอยท่าหมาไปเกือบยี่สิบนาที
“อยากตื่นเต้นกว่านี้ไหม?...” เอ้าเทียนหยุดกระเด้าแล้วกระซิบข้างหูเมียใหม่
<ราชบุตรอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร จากท่ายืนซ้อนกันหันหน้าออกสู่เวที เอ้าเทียนใช้แขนกำยำของตัวเองสอดไปด้านหน้าและโอบต้นขาสองข้างของราชบุตรไว้ ด้วยไหวพริบในหัวราชบุตรก็นึกออกทันทีว่าตนเองกำลังโดนสิ่งเดียวกับที่เคยทำไว้กับซู่เหวิน
สายตาประชาชนจ้องมาที่เอ้าเทียนว่าจะทำอะไรกันแน่ และแล้วเอ้าเทียนก็ใช้แขนอันแข็งแกร่งประสานกันรวบต้นขาราชบุตร ยกราชบุตรขึ้นมาเป็นท่าลิงอุ้มแตง เล่นเอาราชบุตรที่เหลืออ้าปากค้าง ประชาชนทนกับภาพตรงหน้าไม่ไหวช่วยตัวเองกันอย่างไม่อายใคร
มันไม่ใช่ท่าลิงอุ้มแตงธรรมดา แต่เอ้าเทียนจงใจให้ราชบุตรสี่หันหน้าไปด้านเดียวกับตน เพื่อให้เกิดความอับอาย เอ้าเทียนเริ่มกระเด้าอีกครั้ง ภาพจากมุมด้านล่างเวทีนั้นดีที่สุด เพราะเห็นฆวยใหญ่ๆ ของเอ้าเทียนจมมิดเข้าไปในรูตูดของราชบุตรชัดเจน
“แม่งสุดยอดเลยว่ะ ท่านี้ถ้าไม่แข็งแรงจริงทำไม่ได้นะเนี่ย” คนดูฮือฮา
แล้วเอ้าเทียนก็ เอาฆวยเทพซอยตูดราชบุตรอย่างไม่ยั้ง เสียงแก้มก้นกระแทกกับโคน***เอ้าเทียนดัง ป๊าบ ป๊าบ ลั่นไปทั่วบริเวณ ราชบุตรที่น่าสงสารทำหน้าเหยเก ปากก็โดนดูดอย่างหนัก ร่างก็ขยับหนีไม่ได้ บั้นท้ายก็โดนรัวกระเด้า นี้คือสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับแม่ทัพซู่ทั้งนั้น
“โอ้ววว...เมียของข้า..โอ้ว.. ***มันส์อะไรอย่างนี้ โอว..” เทพคราง
พร้อมกับเปลี่ยนท่าใหม่ เอ้าเทียนนอนลงกับเวที ขณะฆวยยาวยังคาอยู่ในตูดของราชบุตรขาวตี๋ ทำให้บัดนี้ ภาพที่ทุกคนเห็นตอนนี้คือราชบุตรนั่งหันหน้าไปทางเอ้าเทียน หันก้นออกไปทางประชาชน
เอ้าเทียนใช้สองมือแหกแก้มกันของราชบุตรสุดหล่อออก ทำให้ตอนนี้ทุกคนยืนนิ่งไปตามๆ กัน เพราะสิ่งที่ชายหญิงเห็นคือฆวยยาวจมเข้าไปในรูตูดสวยสีชมพูไร้เส้นขน ถึงตอนนี้เอ้าเทียนเริ่มซอยฆวยมุดเข้ามุดออกจากรูบาน เป็นภาพที่ชวนให้เงี่ยนได้ไม่น้อย
ราชบุตรดวงซวยได้แต่นั่งให้เอ้าเทียนยกสะโพกขึ้นมาอัดตูดตนเอง เดชะบุญที่รูตูดเริ่มปรับสภาพได้บ้างแล้ว จึงคลายความเจ็บปวดลงไปมาก และเริ่มถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน
“อ่าส์...ซิ๊ดดดด.....” ราชบุตรกัดฟันหน้าร้องครางออกมาตามไรฟัน หลังจากโดนเย้ดท่านี้เกือบสิบกว่านาที
สองร่างบุรุษโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อเคลือบผิวกาย แต่กระนั้นเอ้าเทียนก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้ง กลับผลักร่างตี๋ลงนอนหงายลงบนพื้น ขณะที่เขาลุกขึ้นนั่งคุกเข่าหันหน้าออกไปทางประชาชน ดันตัวราชบุตรจนศีรษะเลยออกไปจากขอบเวที ทำให้ราชบุตรต้องปล่อยหัวลงไปมองประชาชน
และแล้วเอ้าเทียนก็เย้ดเมียใหม่อีกครั้ง ท่านี้แม้ประชาชนจะมองไม่เห็นตูดของราชบุตร แต่ก็เห็นหน้าราชบุตรเต็มๆ แม้จะหลับตาอยู่แต่ก็ดูออกว่าผู้ทุกกระทำนั้นเสียวมากแค่ไหน
ช่วงล่างของเอ้าเทียนโยกไม่ยั้ง เข้าออกตูดราชบุตรอย่างช่ำชอง อีกฝ่ายได้แต่นอนฆวยแข็ง ใบหน้าเหยเกด้วยความเสียวระดับทะลุฟ้า ส่งเสียงร้องระงม
“ข้าขอหลั่งในกายเจ้านะ” เอ้าเทียนก้มไปกระซิบข้างหูหนุ่มตี๋
“ยะ...อย่าๆๆๆๆ อย่าทำเช่นนั้นนะ ข้าขอร้องละ ...อ่าส์” ราชบุตรในสภาพกึ่งมีสติ ร้องอ้อนวอน
ไม่ทันเสียแล้ว ในที่สุดเอ้าเทียนร่างมืดก็ถึงคราวยุติบทสามีใหม่ของราชบุตร เอ้าเทียนซอยฆวยอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นฟ้า กระแทกอัดฆวยใส่ตูดดังป๊าบๆๆ
และทะลักน้ำรักพ่นเข้าใส่ร่างราชบุตรชุดใหญ่ จนราชบุตรเองยังรู้สึกได้ถึงความร้อนของน้ำเอ้าเทียนที่พุ่งอัดใส่กระเพาะของเขา เอ้าเทียนกระดกพวยพ่นปริมาณน้ำคาวออกมาไม่หยุด จนท้องราชบุตรมีเต็มน้ำกามของเอ้าเทียน
เมื่อฆวยเทพยังคงหลั่งไหลน้ำออกมาเรื่อยๆ แต่ช่องที่รองรับมีพื้นที่จำกัด จึงไม่อาจทนรับน้ำเงี่ยนได้อีกต่อไป สุดท้ายจึงเกิดแรงดันจากน้ำเงี่ยนที่เอ่อล้น ผลักให้ฆวยเอ้าเทียนต้องหลุดออกมาจากตูดของราชบุตร พร้อมกับน้ำเงี่ยนที่ไหลทะลักย้อนกลับออกมาเจิ่งนอง
ที่น่าตกใจกว่านั้น แม้ฆวยเอ้าเทียนจะหลั่งน้ำใส่ก้นเมียหนุ่มไปมากแล้ว แต่เมื่อฆวยเอ้าเทียนหลุดออกมาจากร่างหนุ่มตี๋ น้ำชายกลับยังคงกระฉูดออกมาไม่หยุด พุ่งแรงเลยไปถึงหัวและหน้าของราชบุตร ชะโลมทั้งตาจมูกปาก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ราชบุตรหลั่งน้ำเงี่ยนออกมาเองโดยไม่ต้องชัก
น้ำเงี่ยนของราชบุครพุ่งขึ้นฟ้าราวกับน้ำพุและตกลงมาเป็นเม็ดเหมือนห่าฝน กระทบร่างหนุ่มของเขาเสียงดังแปะๆๆๆ อยู่นานจนเริ่มแผ่วลง ใกล้เคียงกับของเอ้าเทียนที่แม้จะแตกไปก่อนแล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งปริมาณและความแรงเทียบเท่ากับมนุษย์ที่พึ่งแตกได้ไม่นาน บัดนี้น้ำฆวยทั้งสองหยุดหลั่งแล้ว มีเพียงหยาดน้ำชายที่ไหลยืดย้อยเป็นสายออกจากปากฆวย
หยาดน้ำแห่งความสุขหลั่งชะโลมร่างที่น่าสงสารของราชบุตรหมายเลขสี่จนชุ่มฉ่ำ เนื้อตัวมันวาว นอนแช่น้ำเงี่ยนกองโต หน้าแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างเพราะเต็มไปด้วยของเหลวสีขาว ก้นก็ปล่อยน้ำกามไหลออกมาเต็มพื้นเวที
เอ้าเทียนแสดงสีหน้ามีความสุขอย่างที่สุด เมื่อได้ปลดปล่อยความกำหนัดที่สะสมไว้ สติของเอ้าเทียนเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับพลังมืดที่เริ่มสลายหายไป เอ้าเทียนเริ่มคว้าเสื้อผ้ามาปกปิดร่างของตนอย่างรวดเร็ว
“โธ่เอ๊ยยยยย! นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ยยยย” จิ้งจอกเงินหัวเสีย
สิ้นลาย...ยอดขุนพล 11
“มาเป็นเมียข้าเถอะนะ...เอ้าเทียน” อู๋ทงกระซิบข้างหูเอ้าเทียนด้วยเสียงกระเส้า ริมฝีปากชิดติดกับติ่งหู ลมหายใจอุ่นรดต้นคอขาว ทำเอาเอ้าเทียนขนลุกซู่
พูดไม่ทันขาดคำ อู่ทงก็ก้มลงไประรัวลิ้นบนยอดอกขาวของเอ้าเทียน ปลายลิ้นอุ่นสัมผัสกับปลายหัวนมสีชมพู ลิ้นของอู๋ทงตวัดขึ้นลงอย่างชำนาญ ก่อนจะใช้ปากประทับติดกับอกเอ้าเทียน บรรจงดูดและใช้ปลายฟันขาวกัดขบเนินนมของจิ้งจอกหนุ่ม จนร่างแทบไม่มีเรี่ยวแรง
“ยะ...อย่าทำแบบนั้นนน อ่าสสสส์” เอ้าเทียนคราง
อู่ทงเงยหน้าขึ้นมามองเอ้าเทียนช่วงครู่ สายตาจับจ้องซึ่งกันและกัน หนึ่งใบหน้าคือเทพเจ้าเสน่ห์ อีกหนึ่งใบหน้าคือมารสุดเท่ รอยยิ้มปรากฏบนมุมปากของอู๋ทง แม้จะรวมเร็วแต่ก็ไม่พ้นสายตาของเอ้าเทียน
อู่ทงปลดเชือกออกจากข้อมือเอ้าเทียน แต่ยังคงใช้มือข้างหนึ่งรวบสองมือของเอ้าเทียนไว้แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ อีกมือยังคงซุกซนลูบไล้ร่างกายอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง เอ้าเทียนที่ถูกจี้จุดไว้จึงยังไม่สามารถขยับร่างกายได้
ตอนนี้อู่ทงกำลังขยับปากร่ายเวทมนต์ ปล่อยงูอาคมออกมาโอบรัดร่างของเอ้าเทียน งูจำนวนมากเลื้อยอย่างแผ่วเบาไปบนผิวของเอ้าเทียน บางส่วนเลื้อยไปตามกล้ามแขนใหญ่ บางส่วนก็รัดพันอกและกล้ามท้อง บางส่วนเริ่มมุดเข้าไปในกางเกงผ้าไหมเงินของเทพจิ้งจอก
“ดูเหมือนงูอาคมของข้าจะเจอกับพญางูของจริงในกางเกงของเจ้าเสียแล้ว” อู๋ทงแซว
ความกำหนัดของอู๋ทงทะลุจุดที่จะควบคุมได้แล้ว เขาถอยตัวออกห่างจากเอ้าเทียน ก่อนจะปลดชุดคลุมสีดำส่วนบนออก เผยให้เห็นร่างกายที่กำย่ำแล้วงดงามของอู่ทง
อู่ทงที่มีผิวเข้มตัดกับสีผิวของเอ้าเทียน แต่มีมัดกล้ามเนื้อสวยไม่แพ้กัน จะมีจุดต่างกันอยู่บางตรงที่เอ้าเทียนมีผิวใสเนียนละเอียด ใบหน้าดูสะอาดสะอ้าน ขณะที่อู๋ทงจะมีไรขนบางๆ ขึ้นตามหน้าอกใหญ่ล่ามลงไปถึงหน้าท้อง กรอบหน้ามีเคราสั้นขึ้นขับให้ใบหน้าดูสมชายชาตรี
เมื่อทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ บทเพลงกามก็เริ่มบรรลงขึ้น ร่างเข้มเข้าประกบร่างขาวอย่างหื่นกระหาย กอดรัดราวกับพบของมีค่าที่สุด พร้อมกับไซร้ซอกคอเนียนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เคราสั้นๆ ถูไถไปกับผิวของเอ้าเทียน สร้างความเคลิบเคลื้มได้ไม่ใช่น้อย
มือของอู๋ทงไม่อยู่นิ่ง เริ่มลูบไล้ลอนกล้ามท้องแล้วล้วงผ่านกางเกงของเอ้าเทียนเข้าไป มือหยาบเข้าสัมผัสกับท่อนเนื้อละเอียดอุ่น แม้จะยังไม่แข็งตัวชูชัน แต่กะขนาดคร่าวๆ ด้วยมือแล้วไม่ธรรมดาแน่ๆ มารงูดำถึงกับตาโต และอมยิ้มอย่างพอใจ
“ใครจะรู้ เทพจิ้งจอกเงินไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น” อู๋ทงแซว จนเอ้าเทียนหน้าแดงเป็นลูกท้อ
“ขอให้ข้าให้เห็นของดีล้ำค่าในกางเกงเจ้าสักครั้งในชีวิตเถอะนะ” อู่ทงรุกต่อพร้อมกับสอดนิ้วเข้าตรงขอบเกงเกงของเอ้าเทียน
ไม่ช้า ขอบเกงเกงของเอ้าเทียนก็ถูกดึงรูดลงสู่ปลายเท้า หัวใจอู๋ทงตอนนี้เต้นรัวด้วยความตื่นเต้น สายตาแทบจะกลืนกินร่างของเทพหนุ่มตรงหนา แต่ไม่ทันทีจะได้ก้มมองของดีของเอ้าเทียน จู่ๆ ก็ถูกส้นมือเข้ากระแทกที่ต้นคอ ทำเอาจอมมารถึงกับโซซัดโซเซ
“สวัสดีอีกครั้ง จอมมารอู๋ทง” เจ้าของสันมือทักทาย
อู๋ทงที่ตอนนี้สับสนมึนงงไปหมด มองดูคู่สนธนาอย่างโมโห ทันใดนั้นใบหน้าก็เผยความประหลาดใจขึ้นอย่างปกปิดไม่ได้ เพราะคนตรงหน้าเขาคือเอ้าเทียนใสสภาพสง่างาม ในขณะที่เอ้าเทียนคนที่เขาลวนลามเมื่อสักครู่นี้กลายเป็นท่อนไม้ไปเสียแล้ว
“ในยามที่ซู่เหวินกำลังยับเยิน ซู่เวินกำลังย่ำแย่แบบนี้ หากข้าไม่แยบยลคงพากันจบเห่” เอ้าเทียนเริ่มพูดต่อ
“ตั้งสติซะ เราจะเฉลยให้ฟัง เหตุการณ์ในคุกใต้ดินเจ้าบอกว่ามีนายใหญ่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง นายใหญ่สั่งให้เจ้ามาขัดขวางข้า ตอนนั้นเราก็คิดได้ทันทีว่าหากต้องการรู้ว่านายใหญ่เป็นใคร สืบจากเจ้าคงจะง่ายที่สุด” เอ้าเทียนกล่าว พร้อมเดินไปมาอย่างสบายใจ
“เราก็เลยจงใจเผยจุดอ่อนให้เจ้าเห็น แล้วเจ้าก็ตกหลุมพลางที่เราวางไว้ เราแยกร่างจริงออกมาทันก่อนที่เจ้าจะสะกัดจุดและพาร่างปลอมของเรามา...ลวมลาม” เอ้าเทียนพูดทำหน้าขนลุก
“ที่แท้ข้าก็หลงกลจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หรอเนี่ย” อู่ทงบ่นตัวเองก่อนจะเริ่มร่ายท่องคาถาร่ายเวทมนต์ดำ
“สภาพแบบนี้อย่าฝืนสู้กับเราเลย จะเอาชีวิตมาตายเสียเปล่าๆ” เอ้าเทียนพูด
มนต์ดำของอู่ทงเริ่มแผ่ขยายทิศทางไปรอบๆ สรรพสิ่งที่อยู่ในอาณาเขตกลับกลายเป็นก้อนหินไปทั้งหมด ในขณะที่ไสยเวทค่อยๆ คืบคลานเข้าหาร่างของเอ้าเทียน
เอ้าเทียนก้าวถอยหลังมาตั้งหลัก สองมือวาดลวดลายในอากาศ เกิดแสงสีเงินขึ้นตามมือที่ขยับไปมา ก่อนจะเกิดช่องว่างมิติขึ้นระหว่างเอ้าเทียนกับอู๋ทง
“มะ..มะ...ไม่จริงใช่ไหม? มนต์ที่เจ้าใช้...เวทมนต์โบราณ...” อู๋ทงระล่ำระลัก
“ใช่...มนต์มิติเวลา เจอกันโลกหน้านะ สุดหล่อ” เอ้าเทียนยิ้มและกระพริบตาให้อู่ทง
ก่อนที่ร่างของอู๋ทงเริ่มถูกมิติเวลาของเอ้าเทียนดูดกลืนเข้าไป แม้จอมมารจะพยายามทรงตัวและยึดร่างไว้แน่นหนาเพียงใด ก็มิอาจทนแรงดูดจากช่องว่างสีเงินได้ ในที่สุดอู๋ทงก็หลุดเข้าไปในมิติเวลา
“เอ้าเทียนนนนน ข้าจะกลับมาให้ได้ ข้าจะกลับมาเจอเจ้าอีกแน่นอนนนนน!!!!” อู่ทงคำรามลั่น
ก่อนจะสิ้นเสียงสุดท้าย ร่างของจอมมารก็กลืนหายไปกับมิติเวลา บัดนี้เหลือเพียงเอ้าเทียนยืนอยู่ท่ามกลางมวลก้อนหินจำนวนมากในถ้ำใหญ่
“ทีเหลือก็แค่รอให้นายใหญ่ติดต่อมา” เอ้าเทียนพึมพา ขณะแปลงร่างเป็นอู๋ทง
เอ้าเทียนในร่างอู่ทงล้มตัวลงนอนกันโขดหิน มือก่ายหน้าผา ในใจในถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น ภาพอู๋ทงที่กำลังลวมลามตนเองผุดขึ้นมาในหัว เหมือนติดตรึงอยู่ในส่วนลึกของจิดใจ สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
“นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย?” เอ้าเทียนหลุดปาก
..........................................................................................................................................................
ท่ามกลางมุมหนึ่งที่ลับสายตาคน เกิดช่องว่างสีเงินขึ้นกลางอากาศ พร้อมกันร่างของอู่ทงที่หลุดออกมาจากมิติของเทพจิ้งจอกเงิน
อู่ทงประคองตัวเองลุกยืนขึ้นอย่างลำบาก สับสนงุนงงไปหมด สายตาเริ่มปรับสภาพแล้วมองไปล้อมๆ แต่ก็ไม่ช่วยอะไร มองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งแปลกตา ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ปากเริ่มร่ายเวทมนต์อีกครั้ง แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
“ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์มันส่งข้ามาที่ไหนกันแน่? เวทมนต์ข้าใช้ไม่ได้แล้วหรือ? บัดซบที่สุด!!!” อู่ทงพึมพำ มือนวดขมับทั้งสองข้าง
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!” อยู่ๆ ก็เสียงเสียงร้องของผู้หญิงแถวนั้น
อู่ทงหันไปมอง พบหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวประหลาด วิ่งหนีออกไปอย่างตกใจ เขาก้มมองตัวเองจึงพบว่าอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เผยร่างกำย่ำทุกรูขุมขนให้ผู้หญิงคนนั้นดูอย่างถึงใจ
“เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้ารึไง? เห้ออ..ข้าต้องมาหาเสื้อผ้าใส่ให้ดได้ก่อนสินะ แล้วค่อยหาทางกลับ” อู่ทงบ่น พร้อมกับหลบตัวเองเข้ามุมมืด ปลอดสายตาคนแถวนั้น
ไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านมา แม้อู่ทงจะไร้ซึ่งมนต์ดำ แต่วิชายุทธ์ยังติดตัวอยู่เหมือนเดิม เมื่อหนุ่มน้อยแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้อู่ทง ก็ถูกกระบวนท่าของจอมมารซัดจนสลบไปกับพื้น ก่อนอู๋ทงจะยึดเสื้อผ้าของหนุ่มโชคร้ายมาเป็นของตน
“เสื้อผ้าที่นี่แปลกจริงๆ ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย” อู่ทงบ่นไปตลอดทาง
บัดนี้เขากลายเป็นชายหนุ่มรูปงามเจ้าเสน่ห์ ใบหน้ายังคงไว้ซึ่งความคมเข้มแบบที่หาไม่ได้ในยุคสมัยนี้ ร่างกายสูงใหญ่พร้อมมัดกล้ามสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ที่แม้จะเข้าฟิตเนสหรือกินเวย์โปรตีนในสมัยนี้ก็ไม่อาจเทียบได้ ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างแตกต่าง ไร้ซึ่งศัลยกรรมใดๆ ทำให้ชายหนุ่มเป็นที่สนใจจากคนรอบข้าง
จอมมารหน้าหล่ออยู่ในชุดเครื่องแบบเท่ ใส่เสื้อเชิตติดกระดุม พร้อมกางเกงสแลคสีดำ ทุกอย่างขับให้เขาดูโดดเด่นกว่าคนในยุคปัจจุบัน ชนิดที่ดาราดาวรุ่งยังต้องยอมแพ้ในรูปร่างและหน้าตา
“ไปสำรวจดีกว่าว่าที่นี่คือที่ไหน?” อู่ทงเริ่มตั้งสติ ไม่สนใจสายตาหวานที่จ้องมองมาจากบรรดาหญิงสาวที่เขาเดินผ่าน หรือเสียงแซวจากเหล่าสาวประเภทสองที่จ้องมองเขาราวกับจะกลืนกิน
อู๋ทงเดินมาเรื่อยๆ จนถึงลานขนาดใหญ่ มีเสียงเชียร์ดังสนั่น พร้อมผู้คนและนักข่าวจำนวนมากมายกำลังสัมภาษณ์เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่
“เตรียมตัวอยู่นานไหมคะสำหรับวันนี้” นักข่าวสาวถามเด็กหนุ่มหล่อ
“พวกเราซ้อมกันหนักมากครับ พวกเราตั้งใจจะทำให้ออกมาดีที่สุดและจะทำสถิติคว้าแชมป์สี่สมัยซ้อนให้ได้” เด็กหนุ่มตอบ
อู๋ทงมองไปรอบๆ มีผู้คนเต็มไปหมดทั้งชายและหญิง เหมือนมารวมตัวกันเพื่องานอะไรสักอย่าง แม้จะยังไม่ชิน แต่เขาเริ่มปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว สายตาสาดส่องไปทั่วจนเจอเข้ากับประโยคหนึ่ง
“ยินดีต้อนรับสู่จตุรเทพเกมส์ ครั้งที่ 22” อู๋ทงอ่านข้อความนั้นในใจ พร้อมความสงสัยเต็มไปหมด
“เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” อู่ทงพูดขึ้น ก่อนจะเดินตามผู้คนเข้าไปหาที่นั่งชมการแข่งกีฬา
อู๋ทงเลือกที่นั่งอยู่ระดับกลางๆ ไม่ติดขอบสนาม แต่ก็ไม่ใช่ตำแหน่งบนสุด ระหว่างนี้เป็นช่วงที่รอให้นักกีฬาเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน ความสนใจของผู้ชมเลยพุ่งมาตกที่อู๋ทงแทน
“เห้ยย มึงๆ ดูผู้ชายคนนั้นดิ แม่งหล่อฉิบหายวายวอดเลยว่ะ” ผู้หญิงแถวหลังชี้ให้เพื่อนข้างๆ ดู
“เป็นดาราป่าววะ? ได้สักครั้งจะตั้งใจเรียนจนไปถึงปริญญาเอกเลย 555” เพื่อนตอบ
“แม่ง อิจฉาผู้หญิงที่ได้นั่งข้างๆ โว๊ยยย เราเปลี่ยนที่นั่งทันไหมว่ะเนี่ย” สาวคนแรกหงุดหงิด
ตอนนี้สาวที่นั่งติดกับอู๋ทงพยายามเก็บอาการให้ดูปกติที่สุด แต่หัวใจเต้นแรงและเร็วจนเกือบหลุดจากอก แถมยังทำเนียนขยับตัวเข้าไปนั่งชิดติดกับอู่มงอีกต่างหาก
“อู้ยยย คนอะไรจะหล่อปานนี้ หล่อวัวตายควายล้ม” สาวที่นั่งข้างๆ คิดในใจ ใบหน้าแดงฉ่ำ
สาวสวยนั่งจินตนาการ ซึมซาบความอุ่นจากร่างที่นั่งติดกันของอู๋ทง สูดกลิ่นกายหอมสดชื่อ แต่ไม่ทันที่สาวสวยจะได้ทำอะไรต่อ หนุ่มอีกคนที่นั่งข้างอู๋ทงก็เปิดฉากพูดคุยไปเสียก่อนแล้ว
“สวัสดีครับ วันนี้เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?” หนุ่มข้างๆ ทักทายอู๋ทง
“ก็...เอิ่มมม...ข้าควร “เชียร์” ทีมไหนดีล่ะ?” อู๋ทงไม่เข้าใจความหมายที่หนุ่มข้างๆ พูดเท่าไร?
“แทนตัวเองว่าผมก็ได้ครับ 555 ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอครับ?” หนุ่มน้อยชวนคุย
“ข้า...เอ้ยยย..ผมชื่ออู๋....เอ่ออ...เรายังไม่มีชื่อเลยครับ” อู๋ทงเลียนแบบการพูดของคู่สนธนา
“ไม่มีชื่อ? 555 งั้นเรามาตั้งชื่อกันดีไหมครับ ระหว่างรอเกมเริ่ม” หนุ่มน้อยเสนอความคิด
“ตั้งชื่อหรอ? ได้สิ ฉันขอช่วยด้วยคนนะ อิอิ” สาวอีกข้างโผล่เข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นายอยากได้ชื่อแบบไหนล่ะ? ถือเคล็ดอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถาม
“ชื่ออะไรก็ได้ เอามาสักชื่อเถอะ” อู๋ทงตอบ
“เอางี้ นายมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษไหม? แบบนึกถึงตลอดเวลาไรงี้” สาวสวยพูดระริกระรี้
“เทพจิ้งจอกเงิน!!!!” อู๋ทงตอบทันที เอ้าเทียนคือคนที่เค้าคิดถึงที่สุดในตอนนี้
“หา???? เทพจิ้งจอกเงินเนี่ยนะ? ยากจุง” สาวสวยพยายามคิดชื่อ
“เอาเป็น “ธวัลเทพ” ดีป่ะ? เพราะดีนะ” หนุ่มน้อยเร่งทำแต้ม
“ธวัลแปลว่าสีขาว ส่วนเทพก็หมายถึงเทพบุตร โดยรวมจะแปลว่า “เทพสีขาว” เราว่าใกล้เคียงกับโจทย์ของนายมากที่สุดละ แล้วชื่อนี้ก็เพราะและเหมาะกับนายมากเลย” หนุ่มข้างๆ เสนอ
“ธวัลเทพ-เทพสีขาว ชื่อนี้ก็ได้” อู๋ทงยอมรับ เขาชอบชื่อนี้เพราะทำให้นึกถึงเอ้าเทียนทุกครั้งที่พูด
“ไม่ยอมๆ งั้นขอเราคิดนามสกุลละกันนะ คริคริ” ผู้หญิงข้างๆ ไม่ยอมแพ้
“นายมีอะไรที่บ่งบอกความเป็นนายไหม เอาชัดๆ ตรงๆ ง่ายๆ” ฝั่งผู้ชายรีบถาม
“ความเป็นตัวเองหรอ? งูดำละมั้ง 5555” อู๋ทงเริ่มพูดได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน
“นี่เลย-นิลนาคา-แปลว่างูดำ เราเก่งป่ะละ คิดแปปเดียวเอง” หญิงสาวดีใจ นั่งเบียดอู๋ทงไปมา
“ชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเพราะดีจีง ถึงความหมายจะแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ” เด็กหนุ่มพูด
“แล้วชื่อเล่นนายล่ะ? ชื่ออะไรหรอ?” หญิงสาวยังคงมีความสุขยามได้ยินเสียงของอู่ทงสุดหล่อ
อู๋ทงทำหน้างงไม่เข้าใจ โลกนี้ทำไมซับซ้อนไปหมด มีทั้งชื่อหนึ่ง ชื่อสอง แล้วยังถามหาชื่อสามอีก ในอดีตเรียกอู๋ทงคำเดียวก็เข้าใจแล้ว อย่างมากก็แค่เติมคำว่าจอมมาร อสูร ปีศาจเข้าไปในชื่อ
“อย่าบอกนะว่าจะให้เล่นเกมตั้งชื่อเล่นอีก” หญิงสาวยิ้มแย้ม หน้าแทบจะซบไหล่อู๋ทง
“ก็คงอย่างนั้น คิดมาให้สักชื่อหนึ่งนะครับ” นายธวัลเทพ นิลนาคาอ้อนเพื่อนใหม่
“เวลาคนพูดถึงแล้วนาย เค้าจะนึกถึงอะไรกันบ้างละ?” เด็กหนุ่มข้างๆ ถามบ้าง
“ส่วนใหญ่ก็จะเป็น-พิษงู-หรือไม่ก็-กลัว-กันนะ แหะๆ” อู๋ทงตอบ
“กลัว? นายหล่อปานเทพบุตรขนาดนี้ ใครกลัวก็บ้าแล้ว” เด็กหนุ่มข้างๆ แซว
“อะไรแปลว่ากลัวบ้างน้า?” หญิงสาวใช้ความคิด
“ภีตะไง แปลว่ากลัว แต่ไม่เหมาะกับชื่อเล่นเท่าไร เรียกยากไปหน่อย” เด็กหนุ่มชิงตอบ
“ภีตเป็นไง!! ออกเสียงใกล้เคียงคำว่าพิษ แถมแปลว่ากลัวอีกต่างหาก คริคริ” หญิงสาวรีบแย่งไอเดีย
“สรุปผมชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเล่นคือภีต….วันนี้มาดูการแข่งขันกีฬา” อู๋ทงท่องจำในใจ
ขณะที่สองคนข้างๆ นั่งซึมซับความสุขที่ได้ชิดใกล้กับคนหล่อระดับดารา และไม่พลาดที่จะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับภีตก่อนอัพโหลดภาพอยู่โซเชียลมีเดีย สร้างความอิจฉาให้กลุ่มเพื่อนที่เห็นรูปคู่ได้ไม่น้อย ขณะที่ยอดไลท์พุ่งทะล่มทะลายภายในเวลาไม่นาน พร้อมคอมเม้นต์มากมาย
“ว๊ายยย ตายแล้ว ไปถ่ายกับนายแบบที่ไหนมาย่ะ”
“กดไลท์รัวๆ อยากได้เป็นผัวจัง”
“ไปดูกีฬาหรือไปดูผู้ชายกันแน่”
“ห่อกลับบ้านมาด้วยนะเมิง”
อู๋ทง ไม่สิ... ตอนนี้ต้องเรียกว่าภีต ไม่ได้สนใจกับเทคโนโลยีในปัจจุบันมากนัก เพราะตอนนี้เขากำลังเก็บข้อมูลรอบตัวให้ได้มากที่สุด พอสรุปได้ว่ามิติที่เขาหลุดเข้ามานั้นค่อนข้างเจริญมาก มีอุปกรณ์มากมายที่ราวกับมีเวทมนต์ อย่างเช่น ไมโครโฟนที่ทำให้เสียงมนุษย์ดังขึ้นหลายสิบเท่า จอภาพที่มีรูปมนุษย์เคลื่อนไหวอยู่ภายใน หรือกล้องถ่ายรูปที่สามารถดูดรายละเอียดของมนุษย์เข้าไปได้
ความสนใจของภีตถูกขัดด้วยเสียงเชียร์ที่กระหึ่มดังสนั่นกึกก้อง พร้อมกับเสียงประกาศชื่อนักกีฬาในวันนี้ เหล่านักกีฬารูปร่างใหญ่วิ่งลงสนามอย่างกระตือรือร้น แต่ภีตก็จำความผิดปกติและสีหน้าของนักกีฬาในทีมได้ ในขณะที่คนดูก็แสดงความสับสนออกมาเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?” ภีตกระซิบถามผู้หญิงข้างๆ
“อ่ออ สงสัยจะเปลี่ยนกัปตันเฉยๆ อ่ะ จากตอนแรกเป็นพี่บิ๊ก เปลี่ยนเป็นพี่เอแทน” สาวสวยตอบ
“บิ๊กหรออ?” ภีตนึกถึงหน้าเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่ถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์เมื่อตอนเขาเข้ามาในสนาม
ภีตนั่งดูการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆ จึงเข้าใจว่าเป็นกีฬาที่ให้ผู้ชายวิ่งแย่งลูกบอลกัน ฝ่ายไหนวิ่งพาบอลถึงจุดหมายก่อนเป็นฝ่ายได้คะแนน แต่ผลการประเมินเห็นชัดว่าสองทีมนี้มีฝีมือทิ้งห่างกันเกินไป ทีมของกัปตันที่ชื่อเอทำคะแนนได้น้อยมาก ขณะทีมฝ่ายตรงข้ามกลับทำคะแนนติดๆ กันจนจบครึ่งแรกของการแข่งขัน
ครึ่งหลังกำลังจะเริ่มขึ้น จู่ๆ คนที่ชื่อบิ๊กก็ปรากฏตัวขึ้นข้างสนาม ภีตจ้องมองไปที่บิ๊กและคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อายุดูน้อยกว่าไม่มากแต่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์จัด
“คนที่อยู่ข้างๆ พี่บิ๊กคือใครหรอครับ?” ภีตหันไปถามเด็กหนุ่มข้างๆ
“อ่อ น้องชายเค้าเองครับ ชื่อบอล เป็นนักกีฬาเหมือนกัน” หนุ่มน้อยตอบอย่างยิ้มแย้ม
ภีตเห็นบอลถือโทรศัพท์หันไปทางพี่บิ๊ก ทันทีที่พี่บิ๊กเห็นบางอย่างในโทรศัพท์ก็หน้าถอดสี และวิ่งไล่น้องชายถึงกลางสนาม ก่อนจะรัวหมัดใส่หน้าบอลไม่ยั้ง ท่ามกลางสายตาของผู้ดูในสนาม เกิดความวุ่นวายชุลมุน จน รปภ. เข้ามากุมตัวพี่บิ๊กออกไปจากสนาม
บรรดาแฟนคลับและคนดูต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงตาจับจ้องไปที่พี่บิ๊กที่ผันตัวเองจากนักกีฬากลายเป็นนักเลงไปเสียแล้ว ขณะที่จอมมารอสรพิษผู้มีสายตาเฉียบคม ก็จับความพึงพอใจที่ปรากฏออกมาผ่านสีหน้าของคนที่ชื่อบอลได้
“ไม่ต้องถึงเอ้าเทียนเทพแห่งปัญญา ก็ดูออกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ คนชื่อบี๊กกำลังตกที่นั่งลำบาก ส่วนคนชื่อบอลกำลังเล่นละครตบตาคนดูทั้งสนาม” ภีตพึมพำออกมา
การแข่งขันครึ่งหลังเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไร้วี่แววของกัปตันบิ๊ก ถึงกระนั้นผู้ชมก็ยังคงเชียร์ทีมตัวเองเสียงดังลั่น ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาชมภาพการแข่งขันเบื้องล่าง ตรงกันข้ามกับภีตที่ไม่สนใจเกมการแข่งเลยแม้แต่น้อย สายตากลับจ้องมองสูงขึ้นไปบนกระจกบานใหญ่ตรงห้องวีไอพี
ภาพที่เห็นช่างน่าสลดใจเหลือเกิน เพราะภีตกำลังเห็นภาพกับตันบิ๊กถูกมัดด้วยโซ่ ตัวลอยสูง ท่อนขามีเหล็กยาวมัดติดอยู่ ทำให้ขากางออกสี่สิบห้าองศา มือถูกมัดไพร่หลัง ที่สำคัญกำลังถูกรุมข่มขืนทางประตูหลังจากกลุ่มชายหลายคน จนในที่สุดเสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน ผลปรากฏว่าทีมพี่บิ๊กแพ้ย่อยยับ ตกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ภีตยังคงจ้องมองบิ๊กที่น่าสงสารอยู่ ตอนนี้ชายคนหนึ่งกำลังจับควญพี่บิ๊กขักเป็นจังหวะ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ภีตก็สามารถอ่านปากบิ๊กได้ชัดเจนว่ากำลังพูดอะไรอยู่
“ผมกัปตันบิ๊ก สิทธิศักด์ ปฐมวงศ์ ทำให้ทีมรักบี้มหาลัยตกรอบ ขออนุญาตน้ำแตกฉลองความพ่ายแพ้นี้ครับ” ภีตอ่านปากของอดีตกัปตัน
“เมืองนี้แปลกดีจัง มีการทารุณมนุษย์ด้วยวิธีแบบนี้ด้วยหรอ ชักน่าสนใจแล้วสิ” ภีตพูดกับตัวเอง
ภีตไม่รู้เลยว่าประโยคแบบนี้เคยหลุดออกมาจากปากเอ้าเทียนครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่จิ้งจอกหนุ่มยืนมองดูกลุ่มชายชั่วทารุณแม่ทัพซู่เหวินกลางลานฝึก ต่อจากนั้นไม่นานเอ้าเทียนก็เข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ ตามแก้ปัญหาไม่หวั่นไม่ไหว
บัดนี้สถานการณ์ไม่แตกต่างกันเลย ภีตหลุดประโยคเหมือนเอ้าเทียน หลังจากที่มองกลุ่มชายหลายคนทารุณกัปตันทีมรักบี้กลางสนามแข่งขัน ถ้าเหมือนกันเช่นนี้ ต่อไปภีตอาจต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องชั่วๆ ของมนุษย์ เหมือนที่เอ้าเทียนกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้
พูดไม่ทันขาดคำ อู่ทงก็ก้มลงไประรัวลิ้นบนยอดอกขาวของเอ้าเทียน ปลายลิ้นอุ่นสัมผัสกับปลายหัวนมสีชมพู ลิ้นของอู๋ทงตวัดขึ้นลงอย่างชำนาญ ก่อนจะใช้ปากประทับติดกับอกเอ้าเทียน บรรจงดูดและใช้ปลายฟันขาวกัดขบเนินนมของจิ้งจอกหนุ่ม จนร่างแทบไม่มีเรี่ยวแรง
“ยะ...อย่าทำแบบนั้นนน อ่าสสสส์” เอ้าเทียนคราง
อู่ทงเงยหน้าขึ้นมามองเอ้าเทียนช่วงครู่ สายตาจับจ้องซึ่งกันและกัน หนึ่งใบหน้าคือเทพเจ้าเสน่ห์ อีกหนึ่งใบหน้าคือมารสุดเท่ รอยยิ้มปรากฏบนมุมปากของอู๋ทง แม้จะรวมเร็วแต่ก็ไม่พ้นสายตาของเอ้าเทียน
อู่ทงปลดเชือกออกจากข้อมือเอ้าเทียน แต่ยังคงใช้มือข้างหนึ่งรวบสองมือของเอ้าเทียนไว้แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ อีกมือยังคงซุกซนลูบไล้ร่างกายอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง เอ้าเทียนที่ถูกจี้จุดไว้จึงยังไม่สามารถขยับร่างกายได้
ตอนนี้อู่ทงกำลังขยับปากร่ายเวทมนต์ ปล่อยงูอาคมออกมาโอบรัดร่างของเอ้าเทียน งูจำนวนมากเลื้อยอย่างแผ่วเบาไปบนผิวของเอ้าเทียน บางส่วนเลื้อยไปตามกล้ามแขนใหญ่ บางส่วนก็รัดพันอกและกล้ามท้อง บางส่วนเริ่มมุดเข้าไปในกางเกงผ้าไหมเงินของเทพจิ้งจอก
“ดูเหมือนงูอาคมของข้าจะเจอกับพญางูของจริงในกางเกงของเจ้าเสียแล้ว” อู๋ทงแซว
ความกำหนัดของอู๋ทงทะลุจุดที่จะควบคุมได้แล้ว เขาถอยตัวออกห่างจากเอ้าเทียน ก่อนจะปลดชุดคลุมสีดำส่วนบนออก เผยให้เห็นร่างกายที่กำย่ำแล้วงดงามของอู่ทง
อู่ทงที่มีผิวเข้มตัดกับสีผิวของเอ้าเทียน แต่มีมัดกล้ามเนื้อสวยไม่แพ้กัน จะมีจุดต่างกันอยู่บางตรงที่เอ้าเทียนมีผิวใสเนียนละเอียด ใบหน้าดูสะอาดสะอ้าน ขณะที่อู๋ทงจะมีไรขนบางๆ ขึ้นตามหน้าอกใหญ่ล่ามลงไปถึงหน้าท้อง กรอบหน้ามีเคราสั้นขึ้นขับให้ใบหน้าดูสมชายชาตรี
เมื่อทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ บทเพลงกามก็เริ่มบรรลงขึ้น ร่างเข้มเข้าประกบร่างขาวอย่างหื่นกระหาย กอดรัดราวกับพบของมีค่าที่สุด พร้อมกับไซร้ซอกคอเนียนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เคราสั้นๆ ถูไถไปกับผิวของเอ้าเทียน สร้างความเคลิบเคลื้มได้ไม่ใช่น้อย
มือของอู๋ทงไม่อยู่นิ่ง เริ่มลูบไล้ลอนกล้ามท้องแล้วล้วงผ่านกางเกงของเอ้าเทียนเข้าไป มือหยาบเข้าสัมผัสกับท่อนเนื้อละเอียดอุ่น แม้จะยังไม่แข็งตัวชูชัน แต่กะขนาดคร่าวๆ ด้วยมือแล้วไม่ธรรมดาแน่ๆ มารงูดำถึงกับตาโต และอมยิ้มอย่างพอใจ
“ใครจะรู้ เทพจิ้งจอกเงินไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น” อู๋ทงแซว จนเอ้าเทียนหน้าแดงเป็นลูกท้อ
“ขอให้ข้าให้เห็นของดีล้ำค่าในกางเกงเจ้าสักครั้งในชีวิตเถอะนะ” อู่ทงรุกต่อพร้อมกับสอดนิ้วเข้าตรงขอบเกงเกงของเอ้าเทียน
ไม่ช้า ขอบเกงเกงของเอ้าเทียนก็ถูกดึงรูดลงสู่ปลายเท้า หัวใจอู๋ทงตอนนี้เต้นรัวด้วยความตื่นเต้น สายตาแทบจะกลืนกินร่างของเทพหนุ่มตรงหนา แต่ไม่ทันทีจะได้ก้มมองของดีของเอ้าเทียน จู่ๆ ก็ถูกส้นมือเข้ากระแทกที่ต้นคอ ทำเอาจอมมารถึงกับโซซัดโซเซ
“สวัสดีอีกครั้ง จอมมารอู๋ทง” เจ้าของสันมือทักทาย
อู๋ทงที่ตอนนี้สับสนมึนงงไปหมด มองดูคู่สนธนาอย่างโมโห ทันใดนั้นใบหน้าก็เผยความประหลาดใจขึ้นอย่างปกปิดไม่ได้ เพราะคนตรงหน้าเขาคือเอ้าเทียนใสสภาพสง่างาม ในขณะที่เอ้าเทียนคนที่เขาลวนลามเมื่อสักครู่นี้กลายเป็นท่อนไม้ไปเสียแล้ว
“ในยามที่ซู่เหวินกำลังยับเยิน ซู่เวินกำลังย่ำแย่แบบนี้ หากข้าไม่แยบยลคงพากันจบเห่” เอ้าเทียนเริ่มพูดต่อ
“ตั้งสติซะ เราจะเฉลยให้ฟัง เหตุการณ์ในคุกใต้ดินเจ้าบอกว่ามีนายใหญ่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง นายใหญ่สั่งให้เจ้ามาขัดขวางข้า ตอนนั้นเราก็คิดได้ทันทีว่าหากต้องการรู้ว่านายใหญ่เป็นใคร สืบจากเจ้าคงจะง่ายที่สุด” เอ้าเทียนกล่าว พร้อมเดินไปมาอย่างสบายใจ
“เราก็เลยจงใจเผยจุดอ่อนให้เจ้าเห็น แล้วเจ้าก็ตกหลุมพลางที่เราวางไว้ เราแยกร่างจริงออกมาทันก่อนที่เจ้าจะสะกัดจุดและพาร่างปลอมของเรามา...ลวมลาม” เอ้าเทียนพูดทำหน้าขนลุก
“ที่แท้ข้าก็หลงกลจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หรอเนี่ย” อู่ทงบ่นตัวเองก่อนจะเริ่มร่ายท่องคาถาร่ายเวทมนต์ดำ
“สภาพแบบนี้อย่าฝืนสู้กับเราเลย จะเอาชีวิตมาตายเสียเปล่าๆ” เอ้าเทียนพูด
มนต์ดำของอู่ทงเริ่มแผ่ขยายทิศทางไปรอบๆ สรรพสิ่งที่อยู่ในอาณาเขตกลับกลายเป็นก้อนหินไปทั้งหมด ในขณะที่ไสยเวทค่อยๆ คืบคลานเข้าหาร่างของเอ้าเทียน
เอ้าเทียนก้าวถอยหลังมาตั้งหลัก สองมือวาดลวดลายในอากาศ เกิดแสงสีเงินขึ้นตามมือที่ขยับไปมา ก่อนจะเกิดช่องว่างมิติขึ้นระหว่างเอ้าเทียนกับอู๋ทง
“มะ..มะ...ไม่จริงใช่ไหม? มนต์ที่เจ้าใช้...เวทมนต์โบราณ...” อู๋ทงระล่ำระลัก
“ใช่...มนต์มิติเวลา เจอกันโลกหน้านะ สุดหล่อ” เอ้าเทียนยิ้มและกระพริบตาให้อู่ทง
ก่อนที่ร่างของอู๋ทงเริ่มถูกมิติเวลาของเอ้าเทียนดูดกลืนเข้าไป แม้จอมมารจะพยายามทรงตัวและยึดร่างไว้แน่นหนาเพียงใด ก็มิอาจทนแรงดูดจากช่องว่างสีเงินได้ ในที่สุดอู๋ทงก็หลุดเข้าไปในมิติเวลา
“เอ้าเทียนนนนน ข้าจะกลับมาให้ได้ ข้าจะกลับมาเจอเจ้าอีกแน่นอนนนนน!!!!” อู่ทงคำรามลั่น
ก่อนจะสิ้นเสียงสุดท้าย ร่างของจอมมารก็กลืนหายไปกับมิติเวลา บัดนี้เหลือเพียงเอ้าเทียนยืนอยู่ท่ามกลางมวลก้อนหินจำนวนมากในถ้ำใหญ่
“ทีเหลือก็แค่รอให้นายใหญ่ติดต่อมา” เอ้าเทียนพึมพา ขณะแปลงร่างเป็นอู๋ทง
เอ้าเทียนในร่างอู่ทงล้มตัวลงนอนกันโขดหิน มือก่ายหน้าผา ในใจในถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น ภาพอู๋ทงที่กำลังลวมลามตนเองผุดขึ้นมาในหัว เหมือนติดตรึงอยู่ในส่วนลึกของจิดใจ สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
“นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย?” เอ้าเทียนหลุดปาก
..........................................................................................................................................................
ท่ามกลางมุมหนึ่งที่ลับสายตาคน เกิดช่องว่างสีเงินขึ้นกลางอากาศ พร้อมกันร่างของอู่ทงที่หลุดออกมาจากมิติของเทพจิ้งจอกเงิน
อู่ทงประคองตัวเองลุกยืนขึ้นอย่างลำบาก สับสนงุนงงไปหมด สายตาเริ่มปรับสภาพแล้วมองไปล้อมๆ แต่ก็ไม่ช่วยอะไร มองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งแปลกตา ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ปากเริ่มร่ายเวทมนต์อีกครั้ง แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
“ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์มันส่งข้ามาที่ไหนกันแน่? เวทมนต์ข้าใช้ไม่ได้แล้วหรือ? บัดซบที่สุด!!!” อู่ทงพึมพำ มือนวดขมับทั้งสองข้าง
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!” อยู่ๆ ก็เสียงเสียงร้องของผู้หญิงแถวนั้น
อู่ทงหันไปมอง พบหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวประหลาด วิ่งหนีออกไปอย่างตกใจ เขาก้มมองตัวเองจึงพบว่าอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เผยร่างกำย่ำทุกรูขุมขนให้ผู้หญิงคนนั้นดูอย่างถึงใจ
“เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้ารึไง? เห้ออ..ข้าต้องมาหาเสื้อผ้าใส่ให้ดได้ก่อนสินะ แล้วค่อยหาทางกลับ” อู่ทงบ่น พร้อมกับหลบตัวเองเข้ามุมมืด ปลอดสายตาคนแถวนั้น
ไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านมา แม้อู่ทงจะไร้ซึ่งมนต์ดำ แต่วิชายุทธ์ยังติดตัวอยู่เหมือนเดิม เมื่อหนุ่มน้อยแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้อู่ทง ก็ถูกกระบวนท่าของจอมมารซัดจนสลบไปกับพื้น ก่อนอู๋ทงจะยึดเสื้อผ้าของหนุ่มโชคร้ายมาเป็นของตน
“เสื้อผ้าที่นี่แปลกจริงๆ ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย” อู่ทงบ่นไปตลอดทาง
บัดนี้เขากลายเป็นชายหนุ่มรูปงามเจ้าเสน่ห์ ใบหน้ายังคงไว้ซึ่งความคมเข้มแบบที่หาไม่ได้ในยุคสมัยนี้ ร่างกายสูงใหญ่พร้อมมัดกล้ามสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ที่แม้จะเข้าฟิตเนสหรือกินเวย์โปรตีนในสมัยนี้ก็ไม่อาจเทียบได้ ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างแตกต่าง ไร้ซึ่งศัลยกรรมใดๆ ทำให้ชายหนุ่มเป็นที่สนใจจากคนรอบข้าง
จอมมารหน้าหล่ออยู่ในชุดเครื่องแบบเท่ ใส่เสื้อเชิตติดกระดุม พร้อมกางเกงสแลคสีดำ ทุกอย่างขับให้เขาดูโดดเด่นกว่าคนในยุคปัจจุบัน ชนิดที่ดาราดาวรุ่งยังต้องยอมแพ้ในรูปร่างและหน้าตา
“ไปสำรวจดีกว่าว่าที่นี่คือที่ไหน?” อู่ทงเริ่มตั้งสติ ไม่สนใจสายตาหวานที่จ้องมองมาจากบรรดาหญิงสาวที่เขาเดินผ่าน หรือเสียงแซวจากเหล่าสาวประเภทสองที่จ้องมองเขาราวกับจะกลืนกิน
อู๋ทงเดินมาเรื่อยๆ จนถึงลานขนาดใหญ่ มีเสียงเชียร์ดังสนั่น พร้อมผู้คนและนักข่าวจำนวนมากมายกำลังสัมภาษณ์เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่
“เตรียมตัวอยู่นานไหมคะสำหรับวันนี้” นักข่าวสาวถามเด็กหนุ่มหล่อ
“พวกเราซ้อมกันหนักมากครับ พวกเราตั้งใจจะทำให้ออกมาดีที่สุดและจะทำสถิติคว้าแชมป์สี่สมัยซ้อนให้ได้” เด็กหนุ่มตอบ
อู๋ทงมองไปรอบๆ มีผู้คนเต็มไปหมดทั้งชายและหญิง เหมือนมารวมตัวกันเพื่องานอะไรสักอย่าง แม้จะยังไม่ชิน แต่เขาเริ่มปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว สายตาสาดส่องไปทั่วจนเจอเข้ากับประโยคหนึ่ง
“ยินดีต้อนรับสู่จตุรเทพเกมส์ ครั้งที่ 22” อู๋ทงอ่านข้อความนั้นในใจ พร้อมความสงสัยเต็มไปหมด
“เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” อู่ทงพูดขึ้น ก่อนจะเดินตามผู้คนเข้าไปหาที่นั่งชมการแข่งกีฬา
อู๋ทงเลือกที่นั่งอยู่ระดับกลางๆ ไม่ติดขอบสนาม แต่ก็ไม่ใช่ตำแหน่งบนสุด ระหว่างนี้เป็นช่วงที่รอให้นักกีฬาเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน ความสนใจของผู้ชมเลยพุ่งมาตกที่อู๋ทงแทน
“เห้ยย มึงๆ ดูผู้ชายคนนั้นดิ แม่งหล่อฉิบหายวายวอดเลยว่ะ” ผู้หญิงแถวหลังชี้ให้เพื่อนข้างๆ ดู
“เป็นดาราป่าววะ? ได้สักครั้งจะตั้งใจเรียนจนไปถึงปริญญาเอกเลย 555” เพื่อนตอบ
“แม่ง อิจฉาผู้หญิงที่ได้นั่งข้างๆ โว๊ยยย เราเปลี่ยนที่นั่งทันไหมว่ะเนี่ย” สาวคนแรกหงุดหงิด
ตอนนี้สาวที่นั่งติดกับอู๋ทงพยายามเก็บอาการให้ดูปกติที่สุด แต่หัวใจเต้นแรงและเร็วจนเกือบหลุดจากอก แถมยังทำเนียนขยับตัวเข้าไปนั่งชิดติดกับอู่มงอีกต่างหาก
“อู้ยยย คนอะไรจะหล่อปานนี้ หล่อวัวตายควายล้ม” สาวที่นั่งข้างๆ คิดในใจ ใบหน้าแดงฉ่ำ
สาวสวยนั่งจินตนาการ ซึมซาบความอุ่นจากร่างที่นั่งติดกันของอู๋ทง สูดกลิ่นกายหอมสดชื่อ แต่ไม่ทันที่สาวสวยจะได้ทำอะไรต่อ หนุ่มอีกคนที่นั่งข้างอู๋ทงก็เปิดฉากพูดคุยไปเสียก่อนแล้ว
“สวัสดีครับ วันนี้เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?” หนุ่มข้างๆ ทักทายอู๋ทง
“ก็...เอิ่มมม...ข้าควร “เชียร์” ทีมไหนดีล่ะ?” อู๋ทงไม่เข้าใจความหมายที่หนุ่มข้างๆ พูดเท่าไร?
“แทนตัวเองว่าผมก็ได้ครับ 555 ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอครับ?” หนุ่มน้อยชวนคุย
“ข้า...เอ้ยยย..ผมชื่ออู๋....เอ่ออ...เรายังไม่มีชื่อเลยครับ” อู๋ทงเลียนแบบการพูดของคู่สนธนา
“ไม่มีชื่อ? 555 งั้นเรามาตั้งชื่อกันดีไหมครับ ระหว่างรอเกมเริ่ม” หนุ่มน้อยเสนอความคิด
“ตั้งชื่อหรอ? ได้สิ ฉันขอช่วยด้วยคนนะ อิอิ” สาวอีกข้างโผล่เข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นายอยากได้ชื่อแบบไหนล่ะ? ถือเคล็ดอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถาม
“ชื่ออะไรก็ได้ เอามาสักชื่อเถอะ” อู๋ทงตอบ
“เอางี้ นายมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษไหม? แบบนึกถึงตลอดเวลาไรงี้” สาวสวยพูดระริกระรี้
“เทพจิ้งจอกเงิน!!!!” อู๋ทงตอบทันที เอ้าเทียนคือคนที่เค้าคิดถึงที่สุดในตอนนี้
“หา???? เทพจิ้งจอกเงินเนี่ยนะ? ยากจุง” สาวสวยพยายามคิดชื่อ
“เอาเป็น “ธวัลเทพ” ดีป่ะ? เพราะดีนะ” หนุ่มน้อยเร่งทำแต้ม
“ธวัลแปลว่าสีขาว ส่วนเทพก็หมายถึงเทพบุตร โดยรวมจะแปลว่า “เทพสีขาว” เราว่าใกล้เคียงกับโจทย์ของนายมากที่สุดละ แล้วชื่อนี้ก็เพราะและเหมาะกับนายมากเลย” หนุ่มข้างๆ เสนอ
“ธวัลเทพ-เทพสีขาว ชื่อนี้ก็ได้” อู๋ทงยอมรับ เขาชอบชื่อนี้เพราะทำให้นึกถึงเอ้าเทียนทุกครั้งที่พูด
“ไม่ยอมๆ งั้นขอเราคิดนามสกุลละกันนะ คริคริ” ผู้หญิงข้างๆ ไม่ยอมแพ้
“นายมีอะไรที่บ่งบอกความเป็นนายไหม เอาชัดๆ ตรงๆ ง่ายๆ” ฝั่งผู้ชายรีบถาม
“ความเป็นตัวเองหรอ? งูดำละมั้ง 5555” อู๋ทงเริ่มพูดได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน
“นี่เลย-นิลนาคา-แปลว่างูดำ เราเก่งป่ะละ คิดแปปเดียวเอง” หญิงสาวดีใจ นั่งเบียดอู๋ทงไปมา
“ชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเพราะดีจีง ถึงความหมายจะแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ” เด็กหนุ่มพูด
“แล้วชื่อเล่นนายล่ะ? ชื่ออะไรหรอ?” หญิงสาวยังคงมีความสุขยามได้ยินเสียงของอู่ทงสุดหล่อ
อู๋ทงทำหน้างงไม่เข้าใจ โลกนี้ทำไมซับซ้อนไปหมด มีทั้งชื่อหนึ่ง ชื่อสอง แล้วยังถามหาชื่อสามอีก ในอดีตเรียกอู๋ทงคำเดียวก็เข้าใจแล้ว อย่างมากก็แค่เติมคำว่าจอมมาร อสูร ปีศาจเข้าไปในชื่อ
“อย่าบอกนะว่าจะให้เล่นเกมตั้งชื่อเล่นอีก” หญิงสาวยิ้มแย้ม หน้าแทบจะซบไหล่อู๋ทง
“ก็คงอย่างนั้น คิดมาให้สักชื่อหนึ่งนะครับ” นายธวัลเทพ นิลนาคาอ้อนเพื่อนใหม่
“เวลาคนพูดถึงแล้วนาย เค้าจะนึกถึงอะไรกันบ้างละ?” เด็กหนุ่มข้างๆ ถามบ้าง
“ส่วนใหญ่ก็จะเป็น-พิษงู-หรือไม่ก็-กลัว-กันนะ แหะๆ” อู๋ทงตอบ
“กลัว? นายหล่อปานเทพบุตรขนาดนี้ ใครกลัวก็บ้าแล้ว” เด็กหนุ่มข้างๆ แซว
“อะไรแปลว่ากลัวบ้างน้า?” หญิงสาวใช้ความคิด
“ภีตะไง แปลว่ากลัว แต่ไม่เหมาะกับชื่อเล่นเท่าไร เรียกยากไปหน่อย” เด็กหนุ่มชิงตอบ
“ภีตเป็นไง!! ออกเสียงใกล้เคียงคำว่าพิษ แถมแปลว่ากลัวอีกต่างหาก คริคริ” หญิงสาวรีบแย่งไอเดีย
“สรุปผมชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเล่นคือภีต….วันนี้มาดูการแข่งขันกีฬา” อู๋ทงท่องจำในใจ
ขณะที่สองคนข้างๆ นั่งซึมซับความสุขที่ได้ชิดใกล้กับคนหล่อระดับดารา และไม่พลาดที่จะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับภีตก่อนอัพโหลดภาพอยู่โซเชียลมีเดีย สร้างความอิจฉาให้กลุ่มเพื่อนที่เห็นรูปคู่ได้ไม่น้อย ขณะที่ยอดไลท์พุ่งทะล่มทะลายภายในเวลาไม่นาน พร้อมคอมเม้นต์มากมาย
“ว๊ายยย ตายแล้ว ไปถ่ายกับนายแบบที่ไหนมาย่ะ”
“กดไลท์รัวๆ อยากได้เป็นผัวจัง”
“ไปดูกีฬาหรือไปดูผู้ชายกันแน่”
“ห่อกลับบ้านมาด้วยนะเมิง”
อู๋ทง ไม่สิ... ตอนนี้ต้องเรียกว่าภีต ไม่ได้สนใจกับเทคโนโลยีในปัจจุบันมากนัก เพราะตอนนี้เขากำลังเก็บข้อมูลรอบตัวให้ได้มากที่สุด พอสรุปได้ว่ามิติที่เขาหลุดเข้ามานั้นค่อนข้างเจริญมาก มีอุปกรณ์มากมายที่ราวกับมีเวทมนต์ อย่างเช่น ไมโครโฟนที่ทำให้เสียงมนุษย์ดังขึ้นหลายสิบเท่า จอภาพที่มีรูปมนุษย์เคลื่อนไหวอยู่ภายใน หรือกล้องถ่ายรูปที่สามารถดูดรายละเอียดของมนุษย์เข้าไปได้
ความสนใจของภีตถูกขัดด้วยเสียงเชียร์ที่กระหึ่มดังสนั่นกึกก้อง พร้อมกับเสียงประกาศชื่อนักกีฬาในวันนี้ เหล่านักกีฬารูปร่างใหญ่วิ่งลงสนามอย่างกระตือรือร้น แต่ภีตก็จำความผิดปกติและสีหน้าของนักกีฬาในทีมได้ ในขณะที่คนดูก็แสดงความสับสนออกมาเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?” ภีตกระซิบถามผู้หญิงข้างๆ
“อ่ออ สงสัยจะเปลี่ยนกัปตันเฉยๆ อ่ะ จากตอนแรกเป็นพี่บิ๊ก เปลี่ยนเป็นพี่เอแทน” สาวสวยตอบ
“บิ๊กหรออ?” ภีตนึกถึงหน้าเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่ถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์เมื่อตอนเขาเข้ามาในสนาม
ภีตนั่งดูการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆ จึงเข้าใจว่าเป็นกีฬาที่ให้ผู้ชายวิ่งแย่งลูกบอลกัน ฝ่ายไหนวิ่งพาบอลถึงจุดหมายก่อนเป็นฝ่ายได้คะแนน แต่ผลการประเมินเห็นชัดว่าสองทีมนี้มีฝีมือทิ้งห่างกันเกินไป ทีมของกัปตันที่ชื่อเอทำคะแนนได้น้อยมาก ขณะทีมฝ่ายตรงข้ามกลับทำคะแนนติดๆ กันจนจบครึ่งแรกของการแข่งขัน
ครึ่งหลังกำลังจะเริ่มขึ้น จู่ๆ คนที่ชื่อบิ๊กก็ปรากฏตัวขึ้นข้างสนาม ภีตจ้องมองไปที่บิ๊กและคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อายุดูน้อยกว่าไม่มากแต่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์จัด
“คนที่อยู่ข้างๆ พี่บิ๊กคือใครหรอครับ?” ภีตหันไปถามเด็กหนุ่มข้างๆ
“อ่อ น้องชายเค้าเองครับ ชื่อบอล เป็นนักกีฬาเหมือนกัน” หนุ่มน้อยตอบอย่างยิ้มแย้ม
ภีตเห็นบอลถือโทรศัพท์หันไปทางพี่บิ๊ก ทันทีที่พี่บิ๊กเห็นบางอย่างในโทรศัพท์ก็หน้าถอดสี และวิ่งไล่น้องชายถึงกลางสนาม ก่อนจะรัวหมัดใส่หน้าบอลไม่ยั้ง ท่ามกลางสายตาของผู้ดูในสนาม เกิดความวุ่นวายชุลมุน จน รปภ. เข้ามากุมตัวพี่บิ๊กออกไปจากสนาม
บรรดาแฟนคลับและคนดูต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงตาจับจ้องไปที่พี่บิ๊กที่ผันตัวเองจากนักกีฬากลายเป็นนักเลงไปเสียแล้ว ขณะที่จอมมารอสรพิษผู้มีสายตาเฉียบคม ก็จับความพึงพอใจที่ปรากฏออกมาผ่านสีหน้าของคนที่ชื่อบอลได้
“ไม่ต้องถึงเอ้าเทียนเทพแห่งปัญญา ก็ดูออกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ คนชื่อบี๊กกำลังตกที่นั่งลำบาก ส่วนคนชื่อบอลกำลังเล่นละครตบตาคนดูทั้งสนาม” ภีตพึมพำออกมา
การแข่งขันครึ่งหลังเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไร้วี่แววของกัปตันบิ๊ก ถึงกระนั้นผู้ชมก็ยังคงเชียร์ทีมตัวเองเสียงดังลั่น ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาชมภาพการแข่งขันเบื้องล่าง ตรงกันข้ามกับภีตที่ไม่สนใจเกมการแข่งเลยแม้แต่น้อย สายตากลับจ้องมองสูงขึ้นไปบนกระจกบานใหญ่ตรงห้องวีไอพี
ภาพที่เห็นช่างน่าสลดใจเหลือเกิน เพราะภีตกำลังเห็นภาพกับตันบิ๊กถูกมัดด้วยโซ่ ตัวลอยสูง ท่อนขามีเหล็กยาวมัดติดอยู่ ทำให้ขากางออกสี่สิบห้าองศา มือถูกมัดไพร่หลัง ที่สำคัญกำลังถูกรุมข่มขืนทางประตูหลังจากกลุ่มชายหลายคน จนในที่สุดเสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน ผลปรากฏว่าทีมพี่บิ๊กแพ้ย่อยยับ ตกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ภีตยังคงจ้องมองบิ๊กที่น่าสงสารอยู่ ตอนนี้ชายคนหนึ่งกำลังจับควญพี่บิ๊กขักเป็นจังหวะ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ภีตก็สามารถอ่านปากบิ๊กได้ชัดเจนว่ากำลังพูดอะไรอยู่
“ผมกัปตันบิ๊ก สิทธิศักด์ ปฐมวงศ์ ทำให้ทีมรักบี้มหาลัยตกรอบ ขออนุญาตน้ำแตกฉลองความพ่ายแพ้นี้ครับ” ภีตอ่านปากของอดีตกัปตัน
“เมืองนี้แปลกดีจัง มีการทารุณมนุษย์ด้วยวิธีแบบนี้ด้วยหรอ ชักน่าสนใจแล้วสิ” ภีตพูดกับตัวเอง
ภีตไม่รู้เลยว่าประโยคแบบนี้เคยหลุดออกมาจากปากเอ้าเทียนครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่จิ้งจอกหนุ่มยืนมองดูกลุ่มชายชั่วทารุณแม่ทัพซู่เหวินกลางลานฝึก ต่อจากนั้นไม่นานเอ้าเทียนก็เข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ ตามแก้ปัญหาไม่หวั่นไม่ไหว
บัดนี้สถานการณ์ไม่แตกต่างกันเลย ภีตหลุดประโยคเหมือนเอ้าเทียน หลังจากที่มองกลุ่มชายหลายคนทารุณกัปตันทีมรักบี้กลางสนามแข่งขัน ถ้าเหมือนกันเช่นนี้ ต่อไปภีตอาจต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องชั่วๆ ของมนุษย์ เหมือนที่เอ้าเทียนกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้
สิ้นลาย...ยอดขุนพล 10
บรรดาราชบุตรยืนฆวยแข็ง ลังเลกับสถานการณ์ตรงหน้า ใจหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง อีกใจหนึ่งก็นึกเอาเย้ดแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นสักครั้งในชีวิต
“มัวระอะไรกันเล่าพวกท่าน ราชโอรสองค์ใดสามารถร่วมรักกับแม่ทัพจนทำให้แม่ทัพหลั่งน้ำกามออกมาได้ ถือว่าเป็นผู้ชนะ มีความเป็นเลิศทั้งทางด้านร่างกาย และพร้อมผลิตทายาทให้สกุลซู่” มเหสีกล่าว
ราชบุตรทั้งหลายเมื่อได้รับอนุญาต จึงค่อยๆ เดินมาล้อมรอบแม่ทัพซู่ ที่ถูกกดไว้แน่นิ่ง กลุ่มชายแปดคนจากต่างแคว้น แต่ละคนฆวยไม่ธรรมดา แตกต่างกันไป แต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการเป็นลูกเขยแม่ทัพ ถึงแม้วิธีการจะแปลกสักหน่อย แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เจ้าชายทุกพระองค์ก็ยอมทำ
“ท่านหมายเลขสี่ ท่านบอกว่าลีลาท่าเด็ดเล้าใจ ไหนท่านลองแสดงให้พวกเราดูสักครั้งเถิด” เจ้าชายคนหนึ่งพูดขึ้นกลางวง
องค์ชายสี่มองหน้าคนอื่นๆ ก่อนจะพยักหน้ารับคำท้า เดินอ้อมไปอยู่หลังบั้นท้ายของแม่ทัพซู่ ก่อนจะคุกเข่าลง ก้มหน้าเข้าไปเลียรูสวาทอย่างช่ำช่อง ปลายลิ้นถูกแลบออกมาสัมผัสเนื้อนุ่มรอบๆ วงจีบของแม่ทัพใหญ่ ก่อนจะตวาดขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จนองค์ชายคนอื่นจ้องตาค้าง
แม่ทัพซู่เหวินยามถูกเลียก้นจากลิ้นอุ่นๆ เช่นนี้ก็เสียวสะท้าน แม้จะพยายามขัดขืน แต่เหมือนธรรมขาติสร้างให้จุดเสียวไปกองรวมอยู่ตรงกันที่รูก้น ต่อให้เป็นชายแท้ทั้งแท่ง เจอลิ้นจี้จุดเสียวเช่นนี้ก็ย่อมฝืนธรรมชาติไม่ได้ ฟ้องออกมาชัดเจนผ่านลำฆวยที่ค่อยๆ ชูชันขึ้น
องค์ชายสี่หน้าตี๋หล่อกดหน้าลงเข้าไปในแก้มก้นสวยของว่าที่พ่อตา ตั้งใจเล้าโลมสุดชีวิตหวังเป็นลูกเขยที่น่าภูมิใจ ขณะที่องค์ชายคนอี่นๆ เริ่มหวั่นใจว่าจะแพ้ลิ้นรัวของราชโอรสหมายเลขสี่ จึงรีบแทรกตัวเข้าไปเล่นกับพ่อตาบ้าง
องค์ชายหกเจ้าของฆวยแท่งตรง กับองค์ชายเก้าเจ้าของใบหน้าหล่อเข้ม จับแม่ทัพซู่พลิกหงายตัวขึ้น ยืนประกอบซ้ายขวา ใช้นิ้วมือหยาบบี้หัวนมแม่ทัพจนแข็งขึ้นไปไต ขณะที่ขาสองขาถูกองค์ชายเจ็ดและแปดจับยกขึ้น ให้องค์ชายสี่ระรัวลิ้นนุ่มจี้จุดเสียว
ไม่นานนับหลังจากลูกเขยทั้งหลายเล้าโลมพ่อตาอย่างไม่ปราณี ทำให้ฆวยใหญ่แปดนิ้วของแม่ทัพซู่ขึ้นเด่ชี้หน้าราชโอรสทั้งแปด สร้างความตกตะลึงให้ลูกเขยทุกคน เพราะความใหญ่และยาวของฆวยแม่ทัพชณะนี้ชนะพวกเขาทุกคน
เมื่อเห็นเช่นนั้น องค์ชายที่เหลืออีกสามคนไม่รอช้า คนหนึ่งรีบเข้าไปชักฆวยให้แม่ทัพใหญ่ อีกสองคนเข้าไปลูบไล้ เล่นกับพวงไข่แฝดขนาดมหึมา ที่ห้อยยานลงตรงขอบโต๊ะพอดี
แม่ทัพซู่ได้แต่นอนเสียวซ่านไปทั่วร่างกาย ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เนื่องจากท่อนบนก็ถูกกระตุ้นหัวนมหนุ่มอย่างต่อเนื่อง ท่อนล่างก็ถูกรูดขึ้นลง ไข่ก็ถูกเล่น ตูดก็ถูกดูด แทบไม่เหลือส่วนรับความรู้สึกไหนที่ไม่ถูกกระตุ้นได้อีก จึงได้แต่นอนปล่อยกายให้เป็นไปตามธรรมชาติ
เมื่อไรแม่ทัพหนุ่มไม่ว่าอะไร ว่าที่บุตรชายทั้งหลายก็เริ่มยกระดับเป็นขึ้นถัดไป องค์ชายสี่ลุกขึ้นยืนปล่อยให้องค์ชายสองที่ยืนฆวยบานแดงเข้าประจำตำแหน่ง ระดับฆวยและรูก้นของแม่ทัพอยู่แนวเดียวกัน ก่อนที่องค์ชายสองจะจับท่อนฆวยหกนิ้วครึ่งจ่อเข้าตรงรูสวย แล้วสบัดขึ้นลงไปมา หัวฆวยแดงหลั่งน้ำหล่อลื่นมาปนกับน้ำลายขององค์ชายสี่ ละเลงไปทั่วรูก้นแม่ทัพหนุ่ม
องค์ชายสองค่อยๆ กดหัวฆวยบานขนาดใหญ่ตรงเข้ารูรัก แม่ทัพสะดุ้งตัวเฮือก เกร็งไปทั่วร่าง ราชบุตรองค์อื่นๆ เห็นดังนั้นจึงรีบเล้าโลมดูดหัวนมให้ท่านแม่ทัพเท่าที่ มือองค์ชายสองก็กำรูดฆวยให้แม่ทัพ จนชายหนุ่มเริ่มผ่อนคลายอีกครั้ง
จังหวะนั้นเอง องค์ชายสองรีบกดหัวฆวยจมเข้ารูสวาทของแม่ทัพเหวินทันที ขุ่นศึกรู้สึกตึงๆ และเจ็บเล็กน้อยในระดับที่พอทนได้ องค์ชายสองได้ใจ จึงถุยน้ำลายใส่แท่งฆวยจนชุ่มแล้วโยกสะโพกสอดลำฆวยแทงทะลุผ่านรูจีบแม่ทัพอย่างง่ายดาย
“โอ้ววววส์....แน่นดีเหนือเกิน อ่าสสสส์” องค์ชายสองร้องอย่างลืมตัว
“ดูฆวยเจ้าสิ เข้าไปในร่างแม่ทัพใหญ่แล้ว ไม่น่าเชื่อ” องค์ชายห้าทัก
“เป็นอย่างไรบ้างองค์ชายสอง ความรู้สึกเหมือนของสตรีหรือไม่?” หลี่เฉินถาม
“ข้าว่ามันโอบรัดและแน่นกว่าของผู้หญิงมาก บีบท่อนฆวยข้าไปทั้งลำเลยล่ะ” องค์ชายสองตอบ
ไม่ช้า องค์ชายสองก็ค่อยๆ โยกสะโพกเข้าออก เย้ดแม่ทัพหนุ่มอย่างชอบใจ เบื้องลึกของชายหนุ่มเหล่านี้ล้วนมีความต้องการอยู่เหนือผู้อื่นอยู่แล้ว วันนี้ได้มีโอกาสจับแม่ทัพซู่เหวินมาเป็นเมีย จึงนับว่าสะใจบรรดาองค์ชายทั้งแปดเป็นอย่างมาก
ซู่เหวินนอนปล่อยกายให้องค์ชายสองกระเด้าต่อไป ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกสอดใส่เข้ามาในร่างคือตอนที่ถูกบังคับให้ร่วมรักกับซู่เรินที่ยังไม่รู้ว่าเป็นบุตรของใคร มาครั้งนี้กลับถูกเย้ดสดจากบรรดาลูกเขย คิดแล้วก็น่าอนาจใจ
ขณะที่องค์ชายสองเย้ดอยู่นั้น องค์ชายก็อื่นๆ ก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง ต่างเข้าประชิดตัว สัมผัสจุดเสียวทั่วกาย ทั้งหัวนม รักแร้ ต้นคอ หน้าท้อง ขนหมอย เนินฆวย แท่งฆวย อัณฑะ ซฮกขา แก้มก้น รูก้น เจอแบบนี้เข้าไป เป็นใครก็ไร้เรี่ยวแรงด้วยกันทั้งนั้น
เกมกามดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหมือนจะในจุดสิ้นสุดขององค์ชายสอง เหมือนแท่งฆวยมิอาจอดกลั้นต่อความเสียวครั้งนี้ได้ เตรียมปล่อยน้ำลูกเชยใส่ตัวพ่อตา
“อ้าส์ อู้ววววส์ ...อู้วว จะ-ไม่-ไหว-แล้ว ข้าจะแตกแล้วววว ซีดดด” องค์ชายสองแอ่นสะโพก กดฆวยแช่ไว้ในรูก้นซู่เหวิน หลั่งทะลักน้ำเงี่ยนออกจากฆวยปริมาณมากมาย กระตุกอยู่ในร่องรักอยู่หลายที ก่อนจะทิ้งตัวหมดแรงลงบนร่างแม่ทัพใหญ๋
ซู่เหวินรู้สึกได้ถึงปริมาณน้ำอุ่นที่หลั่งเสียดแทงเข้ามาในท้อง รู้สึกถึงการพุ่งกระแทกเป็นระลอกๆ ไม่นานองค์ชายสองก็ถอนฆวยออกจากรู ทำให้เห็นน้ำกามขาวข้นของลูกกษัตรย์ต่างแคว้นไหลเยิ้มออกจากรู้ ไล่ลงมาถึงต้นขา
เมื่อทางโล่งแล้ว องค์ชายห้าจึงจับท่อนฆวยมาสอดใส่โดยอาศัยน้ำเงี่ยนขององค์ชายสอง ช่วยหล่อลื่นฆวยใหญ่ ก่อนกดแทงทีเดียวมิดด้าม
“ซิ๊ดดด..ข้างในนี้ดีเหลือเกิน ทั้งแน่นทั้งอุ่น” องค์ชายห้าหลุดปาก
“ขอให้ข้าได้แสดงฝีมือการ***ให้ท่านดูนะขอรับ แม่ทัพซู่” องค์ชายห้าพูดคำสุดท้าย ก่อนจะซอยฆวยไม่ยั้ง เข้าออกร่องเสียว เสียดสีบี้อัด จนแม่ทัพต้องหลับตากลั้นความเสียวไว้
องค์ชายเก้าเห็นแล้วทนไม่ได้ จึงเข้าไปร่วมในการสังวาสขุ่นศึกพร้อมกับองค์ชายห้า ร่างแม่ทัพถูกบรรดาราชโอรสจับยกขึ้น เพื่อให้องค์ชายเก้าสอดตัวไประหว่างแม่ทัพกับพื้นโต๊ะ
บัดนี้ซู่เหวินนอนทับตัวองค์ชายเก้า เจ้าของร่างที่มีขนหน้าอกอุยๆ ทิ่มแทงแผ่นหลังใหญ่ของขุ่นศึก ขณะที่เบื้องล่างกำลังเจอกับฆวยลำเขื่องงอนสวยที่พยายามหารูเงี่ยนของแม่ทัพอยู่
ราชบุตรคนอื่นไม่นิ่งดูดาย จับฆวยขององค์เก้าลำโตจ่อเข้ารูที่มีฆวยขององค์ชายห้าคาอยู่ เมื่อระบุเป้าหมายชัดเจนแล้ว องค์ชายเก้าก็เสียบกระบอกขนาดเจ็ดนิ้วครึ่งเข้าไปสำรวจร่องชายพร้อมกับฆวยขององค์ชายห้า
“ไอ้สัตว์ นี่มันร่องสวรรค์ชัดๆ เสียวฆวยฉิบหาย” องค์ชายเก้าเผยสัญชาตญาตการสมสู่ที่แท้จริงออกมาต่อหน้าคนอื่นๆ
“โอ้ยยย ***มันเลย แทงมันแรงๆ แทงเข้าไปลึกๆ อ่าส์” องค์ชายห้าเห็นองค์ชายเก้าปลดปล่อยเต็มที่ ตนจึงไม่เขินอายอีกต่อไป
ซู่เหวินต้องทนรับศึกนัก สองแท่งฆวยขนาดไม่ใช่เล็กๆ สอดประสานแทงเข้าแทงออกอย่างเป็นจังหวะรับกัน ไม่ปล่อยให้มีช่วงเวลาหายใจทั่วท้องเลยสักครั้ง บัดนี้เขารู้สึกเหมือนรู้ก้นจะฉีกออกไปเสี่ยงๆ รู้สึกได้ถึงความบานที่ต้องรับฆวยของโอรสกษัตรย์ทั้งสอง แม่ทัพได้แต่นอนขมิบร่องก้น ปล่อยน้ำหล่อลื่นใสไหลไม่หยุด ออกเป็นสายจากปลายฆวย
“ไอ้ฆวยใหญ่ แม่งตอดฆวยพวกกูเหลือเกิน เสียวจริงๆ เสียวโว๊ยยย” องค์ชายสองคราง
“กูจะไม่ไหวแล้ว กูจะหลั่งแล้ว จะแตกใส่มึงแล้ว ไอ้เวรตะไล” องค์ชายเก้าหลับตาร้องซิ้ด
“อ้าสสสสสสสส์ แตกแล้ว กูจะแตกแล้ววว ไอ้เหิ้ย” สองโอรสร้องพร้อมกัน ไม่เหลือคราบเจ้าชายเรียบร้อย
สองฆวยผลัดกันกระตุกพ่นได้เงี่ยนรวมกัน ไหลนองเต็มท้องแม่ทัพ จนรู้สึกร้อนในช่วงท้องส่วนล่าง ก่อนทั้งคู่จะดึงฆวยออก เห็นรูตูดบานปิดไม่มิดของแม่ทัพ พร้อมของเหลวขุ่นไหลอยู่ภายในจนล้นยืดยาวออกจากรูหยดแปะๆ หยดบนพื้นห้องเป็นกองใหญ่
องค์ชายสามและองค์ชายหกรีบเข้ามาแทนที่ทันที โดยองค์ชายสามนอนใต้แม่ทัพในตำแหน่งเดิมจององค์ขายเก้า ก่อนกดแท่งฆวยกลืนหายไปในรูบานน้ำชุ่ม
“อู้ววส์ ดีฉิบหายเลยว่ะ กูติดใจตูดมึงแล้วว ไอ้ควาย” องค์ชายสามปล่อยอารมณ์เต็มที่
ขณะที่องค์ชายหกผู้มีฆวยเจ็ดนิ้วครึ่ง เข้ามายืนตรงหว่างขาแม่ทัพ แล้วจับฆวยของตนกับแม่ทัพมาชนกัน ลำฆวยของพ่อตาแนบขนานกับไปลำฆวยของลูกเขย เทียบขนาดให้เห็นกันจะๆ ว่าฆวยซู่เหวินนั้นยาวกว่าของลูกเขยอยู่ค่อนข้อนิ้ว ความอวบของแม่ทัพชนะขาดลอย
“เรามาชักว่าวไปพร้อมๆ กันนะ คุณพ่อ” องค์ชายหกพูด พร้อมกับใช้สองมือกำแท่งฆวยใหญ่ทั้งสองรวบติดกัน รูดขึ้นรูดลงอย่างเสียวสะท้าน หนังฆวยสัมผัสกัน เสียดสีกันไปมา ขณะที่น้ำหล่อลื่นก็แข่งกันทะลักออกมา ชะโลมฆวยทั้งคู่จนลื่นไปหมด
ท่านี้ทำให้แม่ทัพเสียวถึงขั้วหัวใจ เพราะตูดก็ถูกฆวยยาวแทงกระหน่ำเข้าจุดรวมปราณ ท่อนฆวยก็ยังถูกชักว่าวให้ต่อเนื่อง ทำให้แม่ทัพถึงกันนอนส่ายตัวไปมาด้วยความเสียวเกินจะทน
อนิจจังแม่ทัพนั้นอึดกว่ามาก ฆวยหนุ่มราชบุตรทั้งสองมิอาจทนความเสียวต่อไปได้อีก หลั่งทะลักน้ำเชื้อเหนียวออกมาเต็มไปหมด โดยเฉพาะขององค์ชายหกที่กระตุกน้ำฆวยพุ่งลอยสูงขึ้นไปในอากาศหลายเมตร ก่อนจะทิ้งตัวตกกระทบกับลำตัวและใบหน้าของซู่เหวินกระจายไปทั่ว สร้างความเสีย่วสนุกให้ราชบุตรคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก
“สุดยอดเลยพะยะค่ะ พ่นน้ำเงี่ยนใส่หน้า ใส่ตัว ใส่ตูดแม่ทัพ เต็มไปหมด” หลี่เฉินลุกขึ้นปรบมือ
ถึงคราวองค์ชายสี่ลีลาเด็ด ตรงเข้าจับแม่ทัพพลิกคว่ำ ชันแชนและเข่าอยู่ในท่าเหมือนหมากำลังคลาน สองมืดแหกรูตูดแม่ทัพจนเนื้อชมพูปริ้น ก่อนจะจับฆวยขาวกระแทกสุดโคน
“มึงเสียวไหม ไอ้สัตว์หมา กูเสียวฉิบหายเลย มึงกับกูมาติดเป่งพร้อมกันเถอะ” องค์ชายสี่พูดเสียงสั่น ขณะเริ่มซอยฆวยอย่างเร็ว
ทุกคนเชื่อแล้วว่าลีลาของเจ้าชายหน้าตี๋นี่ไม่ธรรมดา ด้วยฆวยขนาดใหญ่เป็นทุนเดิม บวกกับลีลาท่าเย้ดขั้นปรมาจารย์ ทำเอาซู่เหวินถึงกับหมดเรี่ยวแรง ฟุบตัวลงกับโต๊ะ แอ่นตูดให้องค์ชายสี่เสพสมเต็มที่
เมื่อเห็นแม่ทัพก้มหัวลง องค์ชายสี่ที่กำลังเงี่ยนจัด กระชากผมแม่ทัพซู่ขึ้นจนหน้าเชิด แล้วกระเด้าสะโพกอัดใส่รูแม่ทัพอย่างไม่กลัวฉีก บิดซ้ายทีชวาที แทงเสยขึ้นไป จนแม่ทัพตัวสั่นดิกๆ
“เสียวไหม เสียวไหม กูถามมึงว่าเสียวตูดไหม? ไอ้สุนัขขี้เรื้อน” องค์ชายสี่ฟาดมือไปที่ก้นแม่ทัพหลายครั้ง จนเนื้อเหลวไปหมด แก้มก้นมีแต่รอยนิ้วมือราชบุตร
“มึงมันหมาร่าน แหกตูดให้ใครก็ใครเย้ด มึงติดสัตว์แล้วใช่ไหม ไอ้เหิ้ย” องค์ชายสี่หลุดคำหยาบออกมามากมาย ราวกับว่าเก็บกดมานาน
“กูไม่แตกง่ายๆ หรอกโว๊ย กูจะเย้ดมึงไปจนกว่าตูดมึงจะบานเท่ากำมือ” ตี๋หล่อคำรามก่อนเปลี่ยนท่าเย้ดเป็นท่าอุ้มแม่ทัพ แล้วเสยฆวยแท่งจากด้านล่าง
“เมียจ๋า เมียของผัว เมียชอบท่านี้ของผัวไหม ผัวจะเย้ดเมียแล้วนะ” ราชบุตรหมายเลขสี่เริ่มเย้ดอีกครั้ง
ภาพตอนนี้สร้างความตะลึงให้ทุกคน เมื่อแม่ทัพถูกลูกเขยอุ้มไว้ ทิ้งก้นบรรจบกับฆวยบาน ที่สอดแทงเข้าออกให้เห็นได้อย่างชัดเจน จนน้ำเงี่ยนของราชบุตรคนก่อนๆ ไหลเยิ้มชะโลมทั่วฆวยของหนุ่มหล่อหน้าตี๋
“ติดใจฆวยผัวแล้วใช่ไหม? ชอบฆวยผัวคนนี้ใช่ไหม?” แต่ละคำหลั่งไหลออกจากปากราชบุตร
“แบบนี้ชอบไหมที่รักของผัว?” องค์ชายสี่พูดก่อนอัดฆวยแทงแรงสุด กระแทกก้นแม่ทัพเสียงดังตับๆๆๆๆ ก่อนจะชะลอลงแล้วเปลี่ยนมาบดบี้ฆวยอัดลึกเข้าไปในร่างแม่ทัพ
เจอท่านี้เข้าไปแม่ทัพถึงกับขนลุกซู่ เพราะหัวฆวยหนุ่มตี๋แทงจี้ตรงจุดเสียวในร่าง ฆวยแม่ทัพกระดกงึกๆ อยู่ระหว่างร่างตนเองกับบุตรเขย
“เงี่ยนละสิมึงหน่ะ กระดกฆวยเด้งใหญ่เชียวนะมึง ฮ่าๆๆ” ไม่ช้าองค์ชายสี่ก็เร่งซอยกระเด้าฆวยใส่ขุนศึกอีกครั้ง คราวนี้แม่ทัพตาลอย เสียวจนอยากจะแตกเสียตรงนี้ให้ได้
เหลือโอรสอีกสองพระองค์ เจ้าของรางวัลฆวยใหญ่กับฆวยยาว เมื่อเห็นองค์ชายสี่ผู้มากด้วยลีลาท่าเย้ดจนแม่ทัพเกือบตาย ก็ไม่รอให้พลาดโอกาส ตรงเข้าไปร่วมผสมโรงทันที
องค์ชายแปดตรงเข้าคว้าฆวยแปดนิ้วของตน ยัดใส่ตูดแม่ทัพทางด้านหลัง เข้าไปร่วมกับฆวยขององค์ชายสี่ ส่วนองค์ชายเจ็ดสอดตัวไปตรงกลางระหว่างองค์ชายสี่กับองค์ชายแปด เสียบฆวยเข้าไปอีกอัน จนรู้สึกได้ว่ารูตูดแม่ทัพฉีกออกกว้างเลยทีเดียว
“ตูดฉีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ สะใจฆวยพวกกูจริงๆ” องค์ชายเจ็ดร้อง
“เสียวสุดๆ เลย ซิ้ดดด..เสียวฆวยฉิบหาย” องค์ชายสี่คราง
“มาเย้ดพร้อมกันเถอะ ข้าชอบความรู้สึกนี้จริงๆ” องค์แปดบอก
แม่ทัพต้องเจอกับสุดยอดราชบุตรสั้งสาม คนหนึ่งก็ใหญ่ที่สุด คนนี้ก็ยาวที่สุด อีกคนก็ลีลาเด็ดที่สุด เจอแบบนี้พร้อมกันในรูเดียว แม่ทัพถึงกับปล่อยสติหลุดลอย
“ดูสิ เลือดไหลมาชะโลมฆวยพวกเราแล้วว่ะ ฮ่าๆๆ” องค์ชายแปดสะใจ เมื่อตูดแม่ทัพฉีกขาด
ทั้งสามเริ่มบรรเลงเพลงรักกับขุ่นศึกอีกครั้ง คนหนึ่งเสียบ คนหนึ่งถอย คนหนึ่งควงฆวยไปมา สร้างความเสียวให้กันและกันอย่างที่สุด
ทุกคนกระหน่ำแทงฆวยไม่ยั้ง เหมือนแข่งกันซึมซาบความเสียวให้ได้มากที่สุดจากก้นใหญ่แม่ทัพ จนในที่สุดองค์ชายเจ็ดก็ทนไม่ไหว ถอดฆวยออก จับแม่ทัพนั่งคุกเข่ากับพื้น และพวยพ้นน้ำฆวยออกมาอย่างแรง กระฉูดพุ่งกระทบหน้าและอกของแม่ทัพอย่างแรง ขึ้นเป็นรอยจ้ำแดงเป็นวง หยาดเยิ้มไปทั่วใบหน้าและลำตัว
เมื่อเห็นเพื่อนหลั่งออกไปแล้ว องค์ชายสี่ที่เย้ดมานานก็ทนต่อไปไม่ไหว กระแทกฆวยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปล่อยฆวยออกมาฟาดใบหน้าซู่เหวินและทะลักสายน้ำขุ่นขาวเหมือนฆวยออกมาไม่หยุดยั้ง พุ่งรดราดลงบนหัวของแม่ทัพจนชุ่ม เหนียวเปื้อนเส้นผมไปทั่วศีรษะ
“อู้ววส์...น้ำฆวยผัวจะออกแล้วเมียจ๋า ผัวจะหลั่งลูกๆ ตัวน้อยแล้ว เมียรับน้ำเชื้อของผัวไปให้หมดนะ” องค์ชายแปดฆวยยาวก็ทนไม่ไหว คำรามร้องออกมาด้วยความเสียวแทงฆวยยาวเข้าตูดบาน และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่แม่ทัพซู่ก็ถึงจุดสุดยอดเหมือนกัน
ทั้งสองปล่อยน้ำฆวยออกมาพร้อมกัน คนหนึ่งปล่อยออกใส่ร่างแม่ทัพซู่อย่างสะใจ หลั่งไหลลูกๆ ตัวน้อยเข้าไปแหวกว่ายเต็มโพรงอุ่น ขณะที่แม่ทัพซู่ก็กระฉูดน้ำเงี่ยนออกมาอย่างแรง พุ่งขึ้นเหนืออากาศ สูงเลยหัวของตน ก่อนจะสาดเทลงมาราวกับห่าฝนใหญ่ หยดกระจายเต็มไปทั่วพื้นห้อง
ในห้องตอนนี้มีแต่กลิ่นน้ำกามของราชโอรสทั้งหลายรวมกับของซู่เหวิน เป็นเมือกขุ่นขาวอยู่ทั้งบนพื้นและบนร่างของแม่ทัพ เหตุการณ์น่าอดสูครั้งนี้ทำให้รู้ว่ายามเงี่ยนจัดแม้แต่กษัตริย์ก็ยังไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป บางทีอาจจะเก็บกดและปลดปล่อยรุนแรงกว่าเสียด้วยซ้ำ
ซู่เรินถูกจับจองเป็นเป้าสายตาจากบรรดาผู้ชมในอัฒจรรย์ใหญ่ ร่างกายล่ำบึกที่เขาตั้งใจดูแลรักษามาตั้งแต่เด็กกลับกลายเป็นอาหารทางตาของผู้ชมโรคจิต เครื่องเพศที่ปกปิดไว้มาตลอดเปิดให้ดวงตาทุกคู่เข้ามาสอดส่องไม่เว้นสักบริเวณ
“อู้หู้ กล้ามสวยจริงๆ ว่ะ ไอ้เริน” เพื่อนเก่าทักด้วยความอิจฉา
“ทำไมฆวยเอ็งเป็นแบบนั้นว่ะ ฆวยวิปริตน่าเกลียด ฝังอะไรไว้ข้างไหนว่ะนั่น” คนชมร้องถาม
“สักฆวยซะสวยเชียวนะองค์ชาย แถมประทับคำว่าหลงฆวยอีก ข้าชอบจริงๆ” อีกคนตะโกน
“หัวนมน่าดูดจริงๆ พวกเราดูสิ ชมพูอะไรปานนั้น” ทหารเอาบ้าง
“ขนรักแรสวยว่ะ ขึ้นเต็มวงแขนขาวเลย” จอหวอนคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตุ
“เอาล่ะทุกท่าน ประเดี๋ยวจะเริ่มการแสดงชุดแรกแล้ว เตรียมรับชมให้ดี” หงฟู่ประกาศ
“อันดับแรก ข้าขอเชิญเหล่าทหารที่เคยถูกคุณหนูเรินไล่ออกเพราะดื่มสาเกในค่ายฝึก ลงมาที่ลานแห่งนี้ด้วย” ชายอ้วนตะโกน ไม่ช้าเหล่าทหารทั้งหลายรีบลุกจากที่นั่ง ตรงเข้าไปในลานโล่ง
“วันนี้ ข้าเตรียมสุราไว้หลายไห อยากหาคนป้อนให้คุณหนูรูปงามคนนี้หน่อย” หงฟู่พูดกับเหล่าทหาร
เมื่อพูดจบ เหล่าทหารทั้งหลายเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ก่อนจะหยิบไหสุราใหญ่ เดินเข้าไปหาซู่เริน แล้วเทสุราราดลงบนหัวของซู่เรินให้ไหลไปทั่วร่างที่เปลื่อยเปล่า
“ปล่อยข้า ข้าไม่ชอบดื่มของพวกนี้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ซู่เรินดิ้นรน
“มึงไม่ชอบให้กินเหล้าใช่ไหม? คราวนี้กูจะให้มึงกินจนหน่ำใจเลย” ทหารพูดพร้อมจับซู่เรินกรอกปาก รินสุราเข้าไปจนสำลึก ไหแล้วไหเล่า จนในท้องซู่เรินมีแต่สุรา เนื้อตัวเหม็นโชย
เมื่อได้รับสุราเข้าไปในปริมาณมาก ทำให้สติซู่เรินไม่อยู่เนื้อกับตัว สมองมึนงงสับสนไปหมด อยากจะอาเจียนออกมาตรงหน้า
“ฮ่าๆๆๆ เป็นอย่างไรบ้างท่านผู้ชม คุณหนูเรินแสดงการดื่มเหล้าเข้าไปกว่าสิบไหแล้ว เราไปพบคชกับความสนุกขั้นตอนไปเลยดีกว่า” หงฟู่ประกาศ
ทันใดนั้นลูกน้องก็ตรงเข้าไปทางซู่เริน พร้อมกับใช้มือหมุนกงล้อวงกลม ให้หัวคุณชายชี้ลงพื้น ปลายเท้าชี้ขึ้นฟ้า สภาพน่าสังเวชเหลือทน
“กินน้ำเข้าไปเยอะขนาดนี้ คงต้องฉี่ออกมาสักหน่อย ไหนๆ เนื้อตัวก็เหมือนเหล้าหึ่งขนาดนี้ เอาเยี่ยวตัวเองมาล้างคงไม่เป็นไร” หงฟู่จอมโฉดเริ่มแผนต่อ
“เยี่ยวเลย เยี่ยวเลย เยี่ยวเลย” เสียงคนดูตะโกนเชียร์อย่างสะใจ
แม้ร่างกายจะได้รับปริมาณน้ำไปเยอะ แต่ให้ปัสสาวะทันทีคงเป็นไปไม่ได้ หงฟู่รู้ความจริงข้อนี้ดี จึงสั่งให้ลูกน้องนำสายยางขนาดเล็กสีใสขึ้นมาแสดงกลางแท่นโชว์
“สงสัยว่าคุณหนูเรินจะอายที่ต้องฉี่ให้พวกเราในที่นี้ดูต่อหน้า งั้นข้าถือวิสาสะช่วยอีกแรงแล้วกัน” หันซู่ประกาศ ก่อนเดินเข้าไปทางซู่เริน
ชายแก่ทำในสิ่งที่ซู่เรินไม่คิดมาก่อน เขาจับท่อนฆวยสีดำสนิทตั้งขึ้น ก่อนจะใช้ปลายสายยางสอดเข้าไปในรูฆวยบานที่เคยถูกขยายถ่างไว้ด้วยแท่งเหล็กเมื่อครั้งเป็นทาสอยู่ที่หน้าเหมืองแร่ สายยางถูกสอดลึกลงไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอย่างไม่กระพริบของบรรดาผู้ชม
ในที่สุดปลายสายยางก็แทงเข้ากระเพาะปัสสาวะของหนุ่มหล่อ และอยู่ๆ ก็ทำให้เจ้าของร่างรู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างทันที แม้เจ้าตัวจะพยายามอั้นไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานปริมาณน้ำที่พร้อมจะไหลออกจากท้อง
ของเหลวสีเหลืองใสหลั่งไหลออกมาจากฆวยผ่านท่อยางเล็ก ฉีดออกมาเป็นสายน้ำเยี่ยว สร้างเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจให้คนดูทั่วอัฒจรรย์ ก่อนที่หงฟู่จะจับปลายสายยาง ฉีดล้างตัวให้คุณชายซู่เรินที่ห้อยหัวอยู่
“โอ๊ยยย...สะใจฉิบหาย ได้เห็นคนหล่อระดับคุณชายเยี่ยวให้พวกเราดู” คนดูร้องอย่างสนุก
“ดูดิ เยี่ยวเหลืองใสราดใส่ตัวเอง เหม็นทั้งเยี่ย เหม็นทั้งเหล้า ไม่เหลือความเป็นผู้ดีแล้ว” อีกคนพูด
“ให้มันกินน้ำเยี่ยวจากตัวมันเองเลย ไม่อยากกินเหล้าก็ให้กินเยี่ยวแทน” ทหารร้องขอ
เยี่ยวใสยังคงไหลออกมาจากฆวยน่าเกลียดของซู่เรินเรื่อยๆ ขณะเดียวกันหงฟูกับจับปลายสายยางแทงเข้าปากให้ซู่เรินดูดดื่มน้ำเยี่ยวจากร่างตัวเองจนอ้วกออกมาเต็มหน้าหล่อๆ
“คุณหนูแม่งจังไรจริงๆ เยี่ยวออกมาแล้วก็ดื่มกลับเข้าไปใหม่” อีกคนพูด
“อ้วกเต็มหน้าเลย เอาฉี่ล้างให้มันหน่อยเร็ว” คนดูเริ่มสนุก
หงฟู่ฉีดน้ำเยี่ยวล้างหน้าให้คุณหนูสุดหล่อ จนน้ำเยี่ยวเหม็นไหลเข้าจมูกเข้าตา ชะโลมเส้นผมจนเปียกชุ่มไปทั่ว
“หล่อจริงๆ โดนขนาดนี้แล้ว แม่งยังหน้าตาดีกว่าพวกเราอีกว่ะ” คนดูกลุ่มหนึ่งโห่ร้อง
“เอาอีก ทรมานมันอีก เอาให้คุ้มกับเงินที่เสียไปวันนี้” คนดูเร่งให้แกล้งคุณชายต่อ
“ใจเย็นๆ ทุกๆ ท่าน เมื่อสักครู่เห็นว่ามีเพื่อนเก่าของไอ้เรินเยี่ยวเหลืองคนนี้ ขอเชิญเพื่อนรักสมัยเรียนกระบี่ด้วยกันลงมาตรงนี้ด้วย” ชายอ้วนประกาศเรียก
“ข้าเองๆ ข้าคือคนที่มันเคยหักหน้าข้าสมัยประลองกระบี่กัน ครั้งนั้นข้ายังแค้นไม่หาย” หนุ่มคนหนึ่งอายุไล่เรี่ยกับซู่เริน แต่หน้าตาเทียบไม่ติด
หนุ่มคนนั้นวิ่งออกมาถึงกลางลานที่บัดนี้มีกระบี่เตรียมไว้ให้เล่มหนึ่ง หงฟู่บอกว่าใช้กระบี่นี้ทำอะไรกับซู่เรินก็ได้ตามใจเขา สร้างความพอใจให้หนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก
“โอ้โห้ ไอ้เริน มึงคิดว่าเก่งมากใช่ไหม? วันนี้ข้าจะสอนให้ว่าใครใช้กระบี่ได้เก่งกว่ากัน” เพื่อนสมัยเด็กพูดก่อนจะใช้คมกระบี่ลากปาดขนรักแร้ใต้วงแขนที่ถูกแยกออก จนขนสวยร่วงโรยลงพื้น ลูกน้องของหงฟู่เข้ามาเก็บ แล้วโปรยขึ้นฟ้า ปล่อยให้ร่วงลงมาต่อหน้าซู่เริน ที่กลับหัวมองอย่างปวดใจ
ยังไม่จบเท่านั้น กระบี่ยังคงถูกนำไปใช้ตัดขนหมอยของซู่เรินอีกครั้ง จนแทบไม่เหลือไว้ให้ดูสักเส้น ร่วงลงบนหน้าไปรวมกับฉี่ของซู่เริน ดูน่าสังเวชเหลือทน แต่กลับสร้างความพอใจให้คนดูได้มาก
“หน้าหล่อมากนักใช่ไหม? มึงคิดว่าหล่อมากนักใช่ไหม?” เพื่อนสมัยเด็กยังคงระบายความแค้น
ก่อนจะใช้กระบี่โกนเส้นผมและขนคิ้วดกของซู่เรินออกจนเกลี้ยง สภาพซู่เรินเหมือนบุรุษที่กำลังสละเพศฆราวาส หัวไม่มีผม หน้าไม่มีคิ้ว เนื้อตัวไร้ขนตั้งแต่รักแร้ ถึงหัวหน่าว
“โอ๊ยยย อยากจะให้สาวๆ ทั้งหลายมาเห็นคุณหนูที่ว่ากันว่าหล่อเหลาที่สุด ถ้ามาเจอในสภาพแบบนี้จะยังมีใครชอบอีกไหมว่ะ? ฮ่าๆๆ” คนดูชอบใจ
“เอาละๆ เรามาเริ่มการแสดงต่อไปกันเลยดีกว่า” พิธีกรประกาศอีกครั้ง
“อย่างที่ทุกท่านเห็นชัดแล้วว่าฆวยของซู่เรินนั้นแปลกประหลาด ข้าจึงคิดว่าเรามาร่วมกันสร้างสรรค์ฆวยแท่งนี้ได้ไม่ธรรมดายิ่งขึ้นกันเถอะ” หงฟู่พูดอย่างคึกคะนอง
สิ้นคำประกาศ รถเข็นที่มีหลอดฉีดขนาดเล็กวางเรียงรายถูกเข็นออกมากลางลานแสดง สร้างความสงสัยให้คนดูได้ไม่น้อย
“ในเข็มนี้บรรจุไขจากวาฬทะเลน้ำลึกหายาก วันนี้เราจะมาร่วมกันฉีดสิ่งนี้เข้าฆวยคุณชายเรินกัน วันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ที่คุณหนูเรินต้องจดจำไปชั่วชีวิต” หงฟู่ลั่น
คนดูไม่รอช้ารีบวิ่งลงมาต่อแถวหยิบหลอดฉีดคนและแท่ง วงล้อถูกหมุนกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ชมสามารถฉีดฆวยให้สุดหล่อได้อย่างสะดวกสบาย
“ขอให้ฆวยท่านใหญ่ๆ ยิ่งขึ้นไปอีกนะ คุณชายเรินรูปงาม” คนแรกของแถวพูด พร้อมกันปักเข็มเข้ากลางลำของซู่เริน ก่อนดันไขวาฬสีขาวใสไหลลงไปใต้ผิวฆวย สร้างความทรมานให้ซู่เรินอย่างมาก
“ฆวยแท่งนี้จะตกถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ของประเทศ” คนที่สองตรงเข้ามาจับฆวยของคุณชาย แล้วแทงเข็มเข้าไปตรงโคนฆวย ปล่อยไขขาวเติมเข้าไปให้ฆวยของหนุ่มหน้าหยก
“ข้าขอให้ท่านภาคภูมิใจกับฆวยแท่งนี้นะคุณชาย จดจำมันไว้ให้ดีก่อนที่มันจะไม่เหมือนเดิมอีก” คนที่สามใช้เข็มสอดเขาใต้แก่นฆวย ฉีดสารหายากใส่เข้าฆวยจนบวมเป่ง
แต่ละคนทยอยช่วยกันรังสรรค์ฆวยให้คุณชายซู่เรินอย่างตั้งอกตั้งใจ ตรงไหนที่เห็นว่าเล็กก็ฉีดเติมเข้าไปให้จนใหญ่อวบยิ่งกว่ากระบอกไม่ไผ้ลำใหญ่ๆ เสียอีก
“หือออ...ๆ...ๆ...พอทีเถอะ ข้าขอร้อง ฆวยข้าไม่เหลืออะไรดีอีกแล้ว ไม่มีใครชอบฆวยข้าอีกแล้ว หือออ เอาฆวยอันเดิมของข้าคืนมา” ซู่เรินร้องอย่างคนเมาสุราไม่ได้สติ
“ข้าว่าหลังจากนี้ท่านคงไม่มีโอกาสได้เย้ดกับใครอีกแล้วล่ะ โถ้ อดเย้ดตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น น่าสงสารจริงเชียว” จอหวอนคนหนึ่งกล่าว
“เอาล่ะ วันนี้ข้าว่าพอแค่นี้ก่อน ให้คุณหนูได้พักเสียหน่อย เด๋วจะตายเสียก่อน ของดีต้องเก็บไว้ใช้เรื่อยๆ” หงฟู่ทักขึ้น กลัวจะเสียตัวแสดงหลักที่เรียกเงินให้เขาได้มากโข
“งั้นก็ได้ แต่วันนี้พวกเราขอเอาฆวยยัดปากคุณชายรูปหล่อคนนี้หน่อยได้ไหม” คนดูคนหนึ่งขอ
“นั่นสิ ข้าฝันมาตลอดว่าอยากจะมีคนหล่อหุ่นดียอมมาอมฆวยให้ข้าสักครั้ง” ชายแก่อ้วนพูดขึ้น
“ใช่ๆ พวกเราเสียเงินไปแล้ว ขอแค่ได้ปากของคุณชายครอบฆวยให้หน่อยคงไม่ว่ากัน” อีกคนเสริม
เมื่อเห็นว่ามีหลายคนเรียกร้อง หงฟูก็ไม่อยากขัดลูกค้า เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงสั่งให้ปลดร่างซู่เรินสุดหล่อสิ้นสภาพคุณชายลงมานั่งกองบนพื้นบริเวณทางออกของลาน
“ข้าอนุญาตให้พวกท่านเอาฆวยยัดปากหนุ่มหล่อคนนี้ได้ที่ทางออก ชอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ” ชายอ้วนกล่าวปิดท้าย สร้างความพอใจให้คนดูเป็นอย่างมาก
ซู่เรินที่ถูกมัดนั่งอยุ่ตรงประตูทางออก ต้องใช้ปากบริการความเงี่ยนให้แขกที่มารับชมกันถ้วนหน้า โดยเลือกไม่ได้ ทุกคนต้องผ่านประตูนี้เหมือนกันหมด ปากซู่เรินจึงเหมือนด่านมอบความสุขสุดท้ายให้คนดูก่อนเดินทางกลับ
ชายแก่พุงยื่นเดินตรงเข้ามาควักฆวยเหม็นขึ้นมาสอดใส่ปากหนุ่มหล่อกล้ามโต ก่อนจะกระเด้าปากคุณหนู จนพุงกระแทกหน้าซู่เรินไปจังหวะ ก่อนจะปล่อยน้ำเงี่ยนเหม็นคาวสกปรกเข้าปากซู่เริน
“กินเข้าไปเยอะๆ นะซู่เริน น้ำฆวยดีๆ ของข้าทั้งนั้น” พูดจบก็ควักฆวยออกมาสบัดน้ำใส่หน้าซู่เรินก่อนเดินออกประตูไปอย่างสบายกาย
คนต่อมาเป็นทหารเก่าในจวน เดินตรงเด่เข้ามากดหัวซู่เรินให้อมแท่งฆวยขนาดกลาง ก่อนจะแทงลงมิดคอหอยของสุดหล่อ จนคุณชายสำลักหน้าแดง
“ฆวยของบ่าวเป็นอย่างไรบ้างคุณหนู อร่อยดีไหมพะยะค่ะ” ทหารตบหัวซู่เรินอย่างชอบใจ
“อมเข้าไป โอ๊ยย..เสียว ได้เย้ดปากคุณขายลูกแม่ทัพ บุญฆวยของบ่าวแล้ว” ทหารคราง ก่อนจะฉีดพ่นน้ำเสียวออกมารดใบหน้าหล่อของซู่เรินจนเยิ้มไปหมด
คนต่อมาเป็นจอหวอนหนุ่มหน้าตาดี มีการศึกษา ถือเป็นหัวกะทิลำดับต้นๆ ของประเทศ แต่ยิ่งร่ำเรียนมากก็ยิ่งเงี่ยนมาก ต้องมาหาระบายในสถานที่อโคจรเช่นนี้
“เราไม่เคยมีความแค้นอะไรต่อกัน ข้าเพียงมาหาที่ปลดปล่อย โปรดท่านหน้าที่ของท่านด้วย คุณชาย” จอหวอนหนุ่มพูดเสร็จ ก็รูดกางเกงลง แทงฆวยเข้าปากคุณชาย ก่อนจับหัวซู่เรินประคองไว้แล้วกระเด้าปากสวยเข้าออกอยู่นาน จนในที่สุดก็พ่นน้ำคาวหลั่งชะโลมหัวของซู่เรินไปทั่ว
การบริการด้วยปากครั้งนี้ผ่านไปอย่างยาวนาน ซู่เรินต้องดูดฆวยและดื่มน้ำกามเข้าไปจนท้องโต บัดนี้เนื้อตัวและใบหน้าซู่เรินแทบไม่เหลือเค้าคุณชายรูปงามเมื่อครั้งก่อน โดยเฉพาะท่อนฆวยที่ใครเห็นเป็นต้องขนลุกชัน ขณะที่เจ้าของร่างนอนหมดสติบนกองน้ำเงี่ยนของทั้งคนรู้จักและคนแปลกหน้า
“มัวระอะไรกันเล่าพวกท่าน ราชโอรสองค์ใดสามารถร่วมรักกับแม่ทัพจนทำให้แม่ทัพหลั่งน้ำกามออกมาได้ ถือว่าเป็นผู้ชนะ มีความเป็นเลิศทั้งทางด้านร่างกาย และพร้อมผลิตทายาทให้สกุลซู่” มเหสีกล่าว
ราชบุตรทั้งหลายเมื่อได้รับอนุญาต จึงค่อยๆ เดินมาล้อมรอบแม่ทัพซู่ ที่ถูกกดไว้แน่นิ่ง กลุ่มชายแปดคนจากต่างแคว้น แต่ละคนฆวยไม่ธรรมดา แตกต่างกันไป แต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการเป็นลูกเขยแม่ทัพ ถึงแม้วิธีการจะแปลกสักหน่อย แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เจ้าชายทุกพระองค์ก็ยอมทำ
“ท่านหมายเลขสี่ ท่านบอกว่าลีลาท่าเด็ดเล้าใจ ไหนท่านลองแสดงให้พวกเราดูสักครั้งเถิด” เจ้าชายคนหนึ่งพูดขึ้นกลางวง
องค์ชายสี่มองหน้าคนอื่นๆ ก่อนจะพยักหน้ารับคำท้า เดินอ้อมไปอยู่หลังบั้นท้ายของแม่ทัพซู่ ก่อนจะคุกเข่าลง ก้มหน้าเข้าไปเลียรูสวาทอย่างช่ำช่อง ปลายลิ้นถูกแลบออกมาสัมผัสเนื้อนุ่มรอบๆ วงจีบของแม่ทัพใหญ่ ก่อนจะตวาดขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จนองค์ชายคนอื่นจ้องตาค้าง
แม่ทัพซู่เหวินยามถูกเลียก้นจากลิ้นอุ่นๆ เช่นนี้ก็เสียวสะท้าน แม้จะพยายามขัดขืน แต่เหมือนธรรมขาติสร้างให้จุดเสียวไปกองรวมอยู่ตรงกันที่รูก้น ต่อให้เป็นชายแท้ทั้งแท่ง เจอลิ้นจี้จุดเสียวเช่นนี้ก็ย่อมฝืนธรรมชาติไม่ได้ ฟ้องออกมาชัดเจนผ่านลำฆวยที่ค่อยๆ ชูชันขึ้น
องค์ชายสี่หน้าตี๋หล่อกดหน้าลงเข้าไปในแก้มก้นสวยของว่าที่พ่อตา ตั้งใจเล้าโลมสุดชีวิตหวังเป็นลูกเขยที่น่าภูมิใจ ขณะที่องค์ชายคนอี่นๆ เริ่มหวั่นใจว่าจะแพ้ลิ้นรัวของราชโอรสหมายเลขสี่ จึงรีบแทรกตัวเข้าไปเล่นกับพ่อตาบ้าง
องค์ชายหกเจ้าของฆวยแท่งตรง กับองค์ชายเก้าเจ้าของใบหน้าหล่อเข้ม จับแม่ทัพซู่พลิกหงายตัวขึ้น ยืนประกอบซ้ายขวา ใช้นิ้วมือหยาบบี้หัวนมแม่ทัพจนแข็งขึ้นไปไต ขณะที่ขาสองขาถูกองค์ชายเจ็ดและแปดจับยกขึ้น ให้องค์ชายสี่ระรัวลิ้นนุ่มจี้จุดเสียว
ไม่นานนับหลังจากลูกเขยทั้งหลายเล้าโลมพ่อตาอย่างไม่ปราณี ทำให้ฆวยใหญ่แปดนิ้วของแม่ทัพซู่ขึ้นเด่ชี้หน้าราชโอรสทั้งแปด สร้างความตกตะลึงให้ลูกเขยทุกคน เพราะความใหญ่และยาวของฆวยแม่ทัพชณะนี้ชนะพวกเขาทุกคน
เมื่อเห็นเช่นนั้น องค์ชายที่เหลืออีกสามคนไม่รอช้า คนหนึ่งรีบเข้าไปชักฆวยให้แม่ทัพใหญ่ อีกสองคนเข้าไปลูบไล้ เล่นกับพวงไข่แฝดขนาดมหึมา ที่ห้อยยานลงตรงขอบโต๊ะพอดี
แม่ทัพซู่ได้แต่นอนเสียวซ่านไปทั่วร่างกาย ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เนื่องจากท่อนบนก็ถูกกระตุ้นหัวนมหนุ่มอย่างต่อเนื่อง ท่อนล่างก็ถูกรูดขึ้นลง ไข่ก็ถูกเล่น ตูดก็ถูกดูด แทบไม่เหลือส่วนรับความรู้สึกไหนที่ไม่ถูกกระตุ้นได้อีก จึงได้แต่นอนปล่อยกายให้เป็นไปตามธรรมชาติ
เมื่อไรแม่ทัพหนุ่มไม่ว่าอะไร ว่าที่บุตรชายทั้งหลายก็เริ่มยกระดับเป็นขึ้นถัดไป องค์ชายสี่ลุกขึ้นยืนปล่อยให้องค์ชายสองที่ยืนฆวยบานแดงเข้าประจำตำแหน่ง ระดับฆวยและรูก้นของแม่ทัพอยู่แนวเดียวกัน ก่อนที่องค์ชายสองจะจับท่อนฆวยหกนิ้วครึ่งจ่อเข้าตรงรูสวย แล้วสบัดขึ้นลงไปมา หัวฆวยแดงหลั่งน้ำหล่อลื่นมาปนกับน้ำลายขององค์ชายสี่ ละเลงไปทั่วรูก้นแม่ทัพหนุ่ม
องค์ชายสองค่อยๆ กดหัวฆวยบานขนาดใหญ่ตรงเข้ารูรัก แม่ทัพสะดุ้งตัวเฮือก เกร็งไปทั่วร่าง ราชบุตรองค์อื่นๆ เห็นดังนั้นจึงรีบเล้าโลมดูดหัวนมให้ท่านแม่ทัพเท่าที่ มือองค์ชายสองก็กำรูดฆวยให้แม่ทัพ จนชายหนุ่มเริ่มผ่อนคลายอีกครั้ง
จังหวะนั้นเอง องค์ชายสองรีบกดหัวฆวยจมเข้ารูสวาทของแม่ทัพเหวินทันที ขุ่นศึกรู้สึกตึงๆ และเจ็บเล็กน้อยในระดับที่พอทนได้ องค์ชายสองได้ใจ จึงถุยน้ำลายใส่แท่งฆวยจนชุ่มแล้วโยกสะโพกสอดลำฆวยแทงทะลุผ่านรูจีบแม่ทัพอย่างง่ายดาย
“โอ้ววววส์....แน่นดีเหนือเกิน อ่าสสสส์” องค์ชายสองร้องอย่างลืมตัว
“ดูฆวยเจ้าสิ เข้าไปในร่างแม่ทัพใหญ่แล้ว ไม่น่าเชื่อ” องค์ชายห้าทัก
“เป็นอย่างไรบ้างองค์ชายสอง ความรู้สึกเหมือนของสตรีหรือไม่?” หลี่เฉินถาม
“ข้าว่ามันโอบรัดและแน่นกว่าของผู้หญิงมาก บีบท่อนฆวยข้าไปทั้งลำเลยล่ะ” องค์ชายสองตอบ
ไม่ช้า องค์ชายสองก็ค่อยๆ โยกสะโพกเข้าออก เย้ดแม่ทัพหนุ่มอย่างชอบใจ เบื้องลึกของชายหนุ่มเหล่านี้ล้วนมีความต้องการอยู่เหนือผู้อื่นอยู่แล้ว วันนี้ได้มีโอกาสจับแม่ทัพซู่เหวินมาเป็นเมีย จึงนับว่าสะใจบรรดาองค์ชายทั้งแปดเป็นอย่างมาก
ซู่เหวินนอนปล่อยกายให้องค์ชายสองกระเด้าต่อไป ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกสอดใส่เข้ามาในร่างคือตอนที่ถูกบังคับให้ร่วมรักกับซู่เรินที่ยังไม่รู้ว่าเป็นบุตรของใคร มาครั้งนี้กลับถูกเย้ดสดจากบรรดาลูกเขย คิดแล้วก็น่าอนาจใจ
ขณะที่องค์ชายสองเย้ดอยู่นั้น องค์ชายก็อื่นๆ ก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง ต่างเข้าประชิดตัว สัมผัสจุดเสียวทั่วกาย ทั้งหัวนม รักแร้ ต้นคอ หน้าท้อง ขนหมอย เนินฆวย แท่งฆวย อัณฑะ ซฮกขา แก้มก้น รูก้น เจอแบบนี้เข้าไป เป็นใครก็ไร้เรี่ยวแรงด้วยกันทั้งนั้น
เกมกามดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหมือนจะในจุดสิ้นสุดขององค์ชายสอง เหมือนแท่งฆวยมิอาจอดกลั้นต่อความเสียวครั้งนี้ได้ เตรียมปล่อยน้ำลูกเชยใส่ตัวพ่อตา
“อ้าส์ อู้ววววส์ ...อู้วว จะ-ไม่-ไหว-แล้ว ข้าจะแตกแล้วววว ซีดดด” องค์ชายสองแอ่นสะโพก กดฆวยแช่ไว้ในรูก้นซู่เหวิน หลั่งทะลักน้ำเงี่ยนออกจากฆวยปริมาณมากมาย กระตุกอยู่ในร่องรักอยู่หลายที ก่อนจะทิ้งตัวหมดแรงลงบนร่างแม่ทัพใหญ๋
ซู่เหวินรู้สึกได้ถึงปริมาณน้ำอุ่นที่หลั่งเสียดแทงเข้ามาในท้อง รู้สึกถึงการพุ่งกระแทกเป็นระลอกๆ ไม่นานองค์ชายสองก็ถอนฆวยออกจากรู ทำให้เห็นน้ำกามขาวข้นของลูกกษัตรย์ต่างแคว้นไหลเยิ้มออกจากรู้ ไล่ลงมาถึงต้นขา
เมื่อทางโล่งแล้ว องค์ชายห้าจึงจับท่อนฆวยมาสอดใส่โดยอาศัยน้ำเงี่ยนขององค์ชายสอง ช่วยหล่อลื่นฆวยใหญ่ ก่อนกดแทงทีเดียวมิดด้าม
“ซิ๊ดดด..ข้างในนี้ดีเหลือเกิน ทั้งแน่นทั้งอุ่น” องค์ชายห้าหลุดปาก
“ขอให้ข้าได้แสดงฝีมือการ***ให้ท่านดูนะขอรับ แม่ทัพซู่” องค์ชายห้าพูดคำสุดท้าย ก่อนจะซอยฆวยไม่ยั้ง เข้าออกร่องเสียว เสียดสีบี้อัด จนแม่ทัพต้องหลับตากลั้นความเสียวไว้
องค์ชายเก้าเห็นแล้วทนไม่ได้ จึงเข้าไปร่วมในการสังวาสขุ่นศึกพร้อมกับองค์ชายห้า ร่างแม่ทัพถูกบรรดาราชโอรสจับยกขึ้น เพื่อให้องค์ชายเก้าสอดตัวไประหว่างแม่ทัพกับพื้นโต๊ะ
บัดนี้ซู่เหวินนอนทับตัวองค์ชายเก้า เจ้าของร่างที่มีขนหน้าอกอุยๆ ทิ่มแทงแผ่นหลังใหญ่ของขุ่นศึก ขณะที่เบื้องล่างกำลังเจอกับฆวยลำเขื่องงอนสวยที่พยายามหารูเงี่ยนของแม่ทัพอยู่
ราชบุตรคนอื่นไม่นิ่งดูดาย จับฆวยขององค์เก้าลำโตจ่อเข้ารูที่มีฆวยขององค์ชายห้าคาอยู่ เมื่อระบุเป้าหมายชัดเจนแล้ว องค์ชายเก้าก็เสียบกระบอกขนาดเจ็ดนิ้วครึ่งเข้าไปสำรวจร่องชายพร้อมกับฆวยขององค์ชายห้า
“ไอ้สัตว์ นี่มันร่องสวรรค์ชัดๆ เสียวฆวยฉิบหาย” องค์ชายเก้าเผยสัญชาตญาตการสมสู่ที่แท้จริงออกมาต่อหน้าคนอื่นๆ
“โอ้ยยย ***มันเลย แทงมันแรงๆ แทงเข้าไปลึกๆ อ่าส์” องค์ชายห้าเห็นองค์ชายเก้าปลดปล่อยเต็มที่ ตนจึงไม่เขินอายอีกต่อไป
ซู่เหวินต้องทนรับศึกนัก สองแท่งฆวยขนาดไม่ใช่เล็กๆ สอดประสานแทงเข้าแทงออกอย่างเป็นจังหวะรับกัน ไม่ปล่อยให้มีช่วงเวลาหายใจทั่วท้องเลยสักครั้ง บัดนี้เขารู้สึกเหมือนรู้ก้นจะฉีกออกไปเสี่ยงๆ รู้สึกได้ถึงความบานที่ต้องรับฆวยของโอรสกษัตรย์ทั้งสอง แม่ทัพได้แต่นอนขมิบร่องก้น ปล่อยน้ำหล่อลื่นใสไหลไม่หยุด ออกเป็นสายจากปลายฆวย
“ไอ้ฆวยใหญ่ แม่งตอดฆวยพวกกูเหลือเกิน เสียวจริงๆ เสียวโว๊ยยย” องค์ชายสองคราง
“กูจะไม่ไหวแล้ว กูจะหลั่งแล้ว จะแตกใส่มึงแล้ว ไอ้เวรตะไล” องค์ชายเก้าหลับตาร้องซิ้ด
“อ้าสสสสสสสส์ แตกแล้ว กูจะแตกแล้ววว ไอ้เหิ้ย” สองโอรสร้องพร้อมกัน ไม่เหลือคราบเจ้าชายเรียบร้อย
สองฆวยผลัดกันกระตุกพ่นได้เงี่ยนรวมกัน ไหลนองเต็มท้องแม่ทัพ จนรู้สึกร้อนในช่วงท้องส่วนล่าง ก่อนทั้งคู่จะดึงฆวยออก เห็นรูตูดบานปิดไม่มิดของแม่ทัพ พร้อมของเหลวขุ่นไหลอยู่ภายในจนล้นยืดยาวออกจากรูหยดแปะๆ หยดบนพื้นห้องเป็นกองใหญ่
องค์ชายสามและองค์ชายหกรีบเข้ามาแทนที่ทันที โดยองค์ชายสามนอนใต้แม่ทัพในตำแหน่งเดิมจององค์ขายเก้า ก่อนกดแท่งฆวยกลืนหายไปในรูบานน้ำชุ่ม
“อู้ววส์ ดีฉิบหายเลยว่ะ กูติดใจตูดมึงแล้วว ไอ้ควาย” องค์ชายสามปล่อยอารมณ์เต็มที่
ขณะที่องค์ชายหกผู้มีฆวยเจ็ดนิ้วครึ่ง เข้ามายืนตรงหว่างขาแม่ทัพ แล้วจับฆวยของตนกับแม่ทัพมาชนกัน ลำฆวยของพ่อตาแนบขนานกับไปลำฆวยของลูกเขย เทียบขนาดให้เห็นกันจะๆ ว่าฆวยซู่เหวินนั้นยาวกว่าของลูกเขยอยู่ค่อนข้อนิ้ว ความอวบของแม่ทัพชนะขาดลอย
“เรามาชักว่าวไปพร้อมๆ กันนะ คุณพ่อ” องค์ชายหกพูด พร้อมกับใช้สองมือกำแท่งฆวยใหญ่ทั้งสองรวบติดกัน รูดขึ้นรูดลงอย่างเสียวสะท้าน หนังฆวยสัมผัสกัน เสียดสีกันไปมา ขณะที่น้ำหล่อลื่นก็แข่งกันทะลักออกมา ชะโลมฆวยทั้งคู่จนลื่นไปหมด
ท่านี้ทำให้แม่ทัพเสียวถึงขั้วหัวใจ เพราะตูดก็ถูกฆวยยาวแทงกระหน่ำเข้าจุดรวมปราณ ท่อนฆวยก็ยังถูกชักว่าวให้ต่อเนื่อง ทำให้แม่ทัพถึงกันนอนส่ายตัวไปมาด้วยความเสียวเกินจะทน
อนิจจังแม่ทัพนั้นอึดกว่ามาก ฆวยหนุ่มราชบุตรทั้งสองมิอาจทนความเสียวต่อไปได้อีก หลั่งทะลักน้ำเชื้อเหนียวออกมาเต็มไปหมด โดยเฉพาะขององค์ชายหกที่กระตุกน้ำฆวยพุ่งลอยสูงขึ้นไปในอากาศหลายเมตร ก่อนจะทิ้งตัวตกกระทบกับลำตัวและใบหน้าของซู่เหวินกระจายไปทั่ว สร้างความเสีย่วสนุกให้ราชบุตรคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก
“สุดยอดเลยพะยะค่ะ พ่นน้ำเงี่ยนใส่หน้า ใส่ตัว ใส่ตูดแม่ทัพ เต็มไปหมด” หลี่เฉินลุกขึ้นปรบมือ
ถึงคราวองค์ชายสี่ลีลาเด็ด ตรงเข้าจับแม่ทัพพลิกคว่ำ ชันแชนและเข่าอยู่ในท่าเหมือนหมากำลังคลาน สองมืดแหกรูตูดแม่ทัพจนเนื้อชมพูปริ้น ก่อนจะจับฆวยขาวกระแทกสุดโคน
“มึงเสียวไหม ไอ้สัตว์หมา กูเสียวฉิบหายเลย มึงกับกูมาติดเป่งพร้อมกันเถอะ” องค์ชายสี่พูดเสียงสั่น ขณะเริ่มซอยฆวยอย่างเร็ว
ทุกคนเชื่อแล้วว่าลีลาของเจ้าชายหน้าตี๋นี่ไม่ธรรมดา ด้วยฆวยขนาดใหญ่เป็นทุนเดิม บวกกับลีลาท่าเย้ดขั้นปรมาจารย์ ทำเอาซู่เหวินถึงกับหมดเรี่ยวแรง ฟุบตัวลงกับโต๊ะ แอ่นตูดให้องค์ชายสี่เสพสมเต็มที่
เมื่อเห็นแม่ทัพก้มหัวลง องค์ชายสี่ที่กำลังเงี่ยนจัด กระชากผมแม่ทัพซู่ขึ้นจนหน้าเชิด แล้วกระเด้าสะโพกอัดใส่รูแม่ทัพอย่างไม่กลัวฉีก บิดซ้ายทีชวาที แทงเสยขึ้นไป จนแม่ทัพตัวสั่นดิกๆ
“เสียวไหม เสียวไหม กูถามมึงว่าเสียวตูดไหม? ไอ้สุนัขขี้เรื้อน” องค์ชายสี่ฟาดมือไปที่ก้นแม่ทัพหลายครั้ง จนเนื้อเหลวไปหมด แก้มก้นมีแต่รอยนิ้วมือราชบุตร
“มึงมันหมาร่าน แหกตูดให้ใครก็ใครเย้ด มึงติดสัตว์แล้วใช่ไหม ไอ้เหิ้ย” องค์ชายสี่หลุดคำหยาบออกมามากมาย ราวกับว่าเก็บกดมานาน
“กูไม่แตกง่ายๆ หรอกโว๊ย กูจะเย้ดมึงไปจนกว่าตูดมึงจะบานเท่ากำมือ” ตี๋หล่อคำรามก่อนเปลี่ยนท่าเย้ดเป็นท่าอุ้มแม่ทัพ แล้วเสยฆวยแท่งจากด้านล่าง
“เมียจ๋า เมียของผัว เมียชอบท่านี้ของผัวไหม ผัวจะเย้ดเมียแล้วนะ” ราชบุตรหมายเลขสี่เริ่มเย้ดอีกครั้ง
ภาพตอนนี้สร้างความตะลึงให้ทุกคน เมื่อแม่ทัพถูกลูกเขยอุ้มไว้ ทิ้งก้นบรรจบกับฆวยบาน ที่สอดแทงเข้าออกให้เห็นได้อย่างชัดเจน จนน้ำเงี่ยนของราชบุตรคนก่อนๆ ไหลเยิ้มชะโลมทั่วฆวยของหนุ่มหล่อหน้าตี๋
“ติดใจฆวยผัวแล้วใช่ไหม? ชอบฆวยผัวคนนี้ใช่ไหม?” แต่ละคำหลั่งไหลออกจากปากราชบุตร
“แบบนี้ชอบไหมที่รักของผัว?” องค์ชายสี่พูดก่อนอัดฆวยแทงแรงสุด กระแทกก้นแม่ทัพเสียงดังตับๆๆๆๆ ก่อนจะชะลอลงแล้วเปลี่ยนมาบดบี้ฆวยอัดลึกเข้าไปในร่างแม่ทัพ
เจอท่านี้เข้าไปแม่ทัพถึงกับขนลุกซู่ เพราะหัวฆวยหนุ่มตี๋แทงจี้ตรงจุดเสียวในร่าง ฆวยแม่ทัพกระดกงึกๆ อยู่ระหว่างร่างตนเองกับบุตรเขย
“เงี่ยนละสิมึงหน่ะ กระดกฆวยเด้งใหญ่เชียวนะมึง ฮ่าๆๆ” ไม่ช้าองค์ชายสี่ก็เร่งซอยกระเด้าฆวยใส่ขุนศึกอีกครั้ง คราวนี้แม่ทัพตาลอย เสียวจนอยากจะแตกเสียตรงนี้ให้ได้
เหลือโอรสอีกสองพระองค์ เจ้าของรางวัลฆวยใหญ่กับฆวยยาว เมื่อเห็นองค์ชายสี่ผู้มากด้วยลีลาท่าเย้ดจนแม่ทัพเกือบตาย ก็ไม่รอให้พลาดโอกาส ตรงเข้าไปร่วมผสมโรงทันที
องค์ชายแปดตรงเข้าคว้าฆวยแปดนิ้วของตน ยัดใส่ตูดแม่ทัพทางด้านหลัง เข้าไปร่วมกับฆวยขององค์ชายสี่ ส่วนองค์ชายเจ็ดสอดตัวไปตรงกลางระหว่างองค์ชายสี่กับองค์ชายแปด เสียบฆวยเข้าไปอีกอัน จนรู้สึกได้ว่ารูตูดแม่ทัพฉีกออกกว้างเลยทีเดียว
“ตูดฉีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ สะใจฆวยพวกกูจริงๆ” องค์ชายเจ็ดร้อง
“เสียวสุดๆ เลย ซิ้ดดด..เสียวฆวยฉิบหาย” องค์ชายสี่คราง
“มาเย้ดพร้อมกันเถอะ ข้าชอบความรู้สึกนี้จริงๆ” องค์แปดบอก
แม่ทัพต้องเจอกับสุดยอดราชบุตรสั้งสาม คนหนึ่งก็ใหญ่ที่สุด คนนี้ก็ยาวที่สุด อีกคนก็ลีลาเด็ดที่สุด เจอแบบนี้พร้อมกันในรูเดียว แม่ทัพถึงกับปล่อยสติหลุดลอย
“ดูสิ เลือดไหลมาชะโลมฆวยพวกเราแล้วว่ะ ฮ่าๆๆ” องค์ชายแปดสะใจ เมื่อตูดแม่ทัพฉีกขาด
ทั้งสามเริ่มบรรเลงเพลงรักกับขุ่นศึกอีกครั้ง คนหนึ่งเสียบ คนหนึ่งถอย คนหนึ่งควงฆวยไปมา สร้างความเสียวให้กันและกันอย่างที่สุด
ทุกคนกระหน่ำแทงฆวยไม่ยั้ง เหมือนแข่งกันซึมซาบความเสียวให้ได้มากที่สุดจากก้นใหญ่แม่ทัพ จนในที่สุดองค์ชายเจ็ดก็ทนไม่ไหว ถอดฆวยออก จับแม่ทัพนั่งคุกเข่ากับพื้น และพวยพ้นน้ำฆวยออกมาอย่างแรง กระฉูดพุ่งกระทบหน้าและอกของแม่ทัพอย่างแรง ขึ้นเป็นรอยจ้ำแดงเป็นวง หยาดเยิ้มไปทั่วใบหน้าและลำตัว
เมื่อเห็นเพื่อนหลั่งออกไปแล้ว องค์ชายสี่ที่เย้ดมานานก็ทนต่อไปไม่ไหว กระแทกฆวยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปล่อยฆวยออกมาฟาดใบหน้าซู่เหวินและทะลักสายน้ำขุ่นขาวเหมือนฆวยออกมาไม่หยุดยั้ง พุ่งรดราดลงบนหัวของแม่ทัพจนชุ่ม เหนียวเปื้อนเส้นผมไปทั่วศีรษะ
“อู้ววส์...น้ำฆวยผัวจะออกแล้วเมียจ๋า ผัวจะหลั่งลูกๆ ตัวน้อยแล้ว เมียรับน้ำเชื้อของผัวไปให้หมดนะ” องค์ชายแปดฆวยยาวก็ทนไม่ไหว คำรามร้องออกมาด้วยความเสียวแทงฆวยยาวเข้าตูดบาน และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่แม่ทัพซู่ก็ถึงจุดสุดยอดเหมือนกัน
ทั้งสองปล่อยน้ำฆวยออกมาพร้อมกัน คนหนึ่งปล่อยออกใส่ร่างแม่ทัพซู่อย่างสะใจ หลั่งไหลลูกๆ ตัวน้อยเข้าไปแหวกว่ายเต็มโพรงอุ่น ขณะที่แม่ทัพซู่ก็กระฉูดน้ำเงี่ยนออกมาอย่างแรง พุ่งขึ้นเหนืออากาศ สูงเลยหัวของตน ก่อนจะสาดเทลงมาราวกับห่าฝนใหญ่ หยดกระจายเต็มไปทั่วพื้นห้อง
ในห้องตอนนี้มีแต่กลิ่นน้ำกามของราชโอรสทั้งหลายรวมกับของซู่เหวิน เป็นเมือกขุ่นขาวอยู่ทั้งบนพื้นและบนร่างของแม่ทัพ เหตุการณ์น่าอดสูครั้งนี้ทำให้รู้ว่ายามเงี่ยนจัดแม้แต่กษัตริย์ก็ยังไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป บางทีอาจจะเก็บกดและปลดปล่อยรุนแรงกว่าเสียด้วยซ้ำ
ซู่เรินถูกจับจองเป็นเป้าสายตาจากบรรดาผู้ชมในอัฒจรรย์ใหญ่ ร่างกายล่ำบึกที่เขาตั้งใจดูแลรักษามาตั้งแต่เด็กกลับกลายเป็นอาหารทางตาของผู้ชมโรคจิต เครื่องเพศที่ปกปิดไว้มาตลอดเปิดให้ดวงตาทุกคู่เข้ามาสอดส่องไม่เว้นสักบริเวณ
“อู้หู้ กล้ามสวยจริงๆ ว่ะ ไอ้เริน” เพื่อนเก่าทักด้วยความอิจฉา
“ทำไมฆวยเอ็งเป็นแบบนั้นว่ะ ฆวยวิปริตน่าเกลียด ฝังอะไรไว้ข้างไหนว่ะนั่น” คนชมร้องถาม
“สักฆวยซะสวยเชียวนะองค์ชาย แถมประทับคำว่าหลงฆวยอีก ข้าชอบจริงๆ” อีกคนตะโกน
“หัวนมน่าดูดจริงๆ พวกเราดูสิ ชมพูอะไรปานนั้น” ทหารเอาบ้าง
“ขนรักแรสวยว่ะ ขึ้นเต็มวงแขนขาวเลย” จอหวอนคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตุ
“เอาล่ะทุกท่าน ประเดี๋ยวจะเริ่มการแสดงชุดแรกแล้ว เตรียมรับชมให้ดี” หงฟู่ประกาศ
“อันดับแรก ข้าขอเชิญเหล่าทหารที่เคยถูกคุณหนูเรินไล่ออกเพราะดื่มสาเกในค่ายฝึก ลงมาที่ลานแห่งนี้ด้วย” ชายอ้วนตะโกน ไม่ช้าเหล่าทหารทั้งหลายรีบลุกจากที่นั่ง ตรงเข้าไปในลานโล่ง
“วันนี้ ข้าเตรียมสุราไว้หลายไห อยากหาคนป้อนให้คุณหนูรูปงามคนนี้หน่อย” หงฟู่พูดกับเหล่าทหาร
เมื่อพูดจบ เหล่าทหารทั้งหลายเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ก่อนจะหยิบไหสุราใหญ่ เดินเข้าไปหาซู่เริน แล้วเทสุราราดลงบนหัวของซู่เรินให้ไหลไปทั่วร่างที่เปลื่อยเปล่า
“ปล่อยข้า ข้าไม่ชอบดื่มของพวกนี้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ซู่เรินดิ้นรน
“มึงไม่ชอบให้กินเหล้าใช่ไหม? คราวนี้กูจะให้มึงกินจนหน่ำใจเลย” ทหารพูดพร้อมจับซู่เรินกรอกปาก รินสุราเข้าไปจนสำลึก ไหแล้วไหเล่า จนในท้องซู่เรินมีแต่สุรา เนื้อตัวเหม็นโชย
เมื่อได้รับสุราเข้าไปในปริมาณมาก ทำให้สติซู่เรินไม่อยู่เนื้อกับตัว สมองมึนงงสับสนไปหมด อยากจะอาเจียนออกมาตรงหน้า
“ฮ่าๆๆๆ เป็นอย่างไรบ้างท่านผู้ชม คุณหนูเรินแสดงการดื่มเหล้าเข้าไปกว่าสิบไหแล้ว เราไปพบคชกับความสนุกขั้นตอนไปเลยดีกว่า” หงฟู่ประกาศ
ทันใดนั้นลูกน้องก็ตรงเข้าไปทางซู่เริน พร้อมกับใช้มือหมุนกงล้อวงกลม ให้หัวคุณชายชี้ลงพื้น ปลายเท้าชี้ขึ้นฟ้า สภาพน่าสังเวชเหลือทน
“กินน้ำเข้าไปเยอะขนาดนี้ คงต้องฉี่ออกมาสักหน่อย ไหนๆ เนื้อตัวก็เหมือนเหล้าหึ่งขนาดนี้ เอาเยี่ยวตัวเองมาล้างคงไม่เป็นไร” หงฟู่จอมโฉดเริ่มแผนต่อ
“เยี่ยวเลย เยี่ยวเลย เยี่ยวเลย” เสียงคนดูตะโกนเชียร์อย่างสะใจ
แม้ร่างกายจะได้รับปริมาณน้ำไปเยอะ แต่ให้ปัสสาวะทันทีคงเป็นไปไม่ได้ หงฟู่รู้ความจริงข้อนี้ดี จึงสั่งให้ลูกน้องนำสายยางขนาดเล็กสีใสขึ้นมาแสดงกลางแท่นโชว์
“สงสัยว่าคุณหนูเรินจะอายที่ต้องฉี่ให้พวกเราในที่นี้ดูต่อหน้า งั้นข้าถือวิสาสะช่วยอีกแรงแล้วกัน” หันซู่ประกาศ ก่อนเดินเข้าไปทางซู่เริน
ชายแก่ทำในสิ่งที่ซู่เรินไม่คิดมาก่อน เขาจับท่อนฆวยสีดำสนิทตั้งขึ้น ก่อนจะใช้ปลายสายยางสอดเข้าไปในรูฆวยบานที่เคยถูกขยายถ่างไว้ด้วยแท่งเหล็กเมื่อครั้งเป็นทาสอยู่ที่หน้าเหมืองแร่ สายยางถูกสอดลึกลงไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอย่างไม่กระพริบของบรรดาผู้ชม
ในที่สุดปลายสายยางก็แทงเข้ากระเพาะปัสสาวะของหนุ่มหล่อ และอยู่ๆ ก็ทำให้เจ้าของร่างรู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างทันที แม้เจ้าตัวจะพยายามอั้นไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานปริมาณน้ำที่พร้อมจะไหลออกจากท้อง
ของเหลวสีเหลืองใสหลั่งไหลออกมาจากฆวยผ่านท่อยางเล็ก ฉีดออกมาเป็นสายน้ำเยี่ยว สร้างเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจให้คนดูทั่วอัฒจรรย์ ก่อนที่หงฟู่จะจับปลายสายยาง ฉีดล้างตัวให้คุณชายซู่เรินที่ห้อยหัวอยู่
“โอ๊ยยย...สะใจฉิบหาย ได้เห็นคนหล่อระดับคุณชายเยี่ยวให้พวกเราดู” คนดูร้องอย่างสนุก
“ดูดิ เยี่ยวเหลืองใสราดใส่ตัวเอง เหม็นทั้งเยี่ย เหม็นทั้งเหล้า ไม่เหลือความเป็นผู้ดีแล้ว” อีกคนพูด
“ให้มันกินน้ำเยี่ยวจากตัวมันเองเลย ไม่อยากกินเหล้าก็ให้กินเยี่ยวแทน” ทหารร้องขอ
เยี่ยวใสยังคงไหลออกมาจากฆวยน่าเกลียดของซู่เรินเรื่อยๆ ขณะเดียวกันหงฟูกับจับปลายสายยางแทงเข้าปากให้ซู่เรินดูดดื่มน้ำเยี่ยวจากร่างตัวเองจนอ้วกออกมาเต็มหน้าหล่อๆ
“คุณหนูแม่งจังไรจริงๆ เยี่ยวออกมาแล้วก็ดื่มกลับเข้าไปใหม่” อีกคนพูด
“อ้วกเต็มหน้าเลย เอาฉี่ล้างให้มันหน่อยเร็ว” คนดูเริ่มสนุก
หงฟู่ฉีดน้ำเยี่ยวล้างหน้าให้คุณหนูสุดหล่อ จนน้ำเยี่ยวเหม็นไหลเข้าจมูกเข้าตา ชะโลมเส้นผมจนเปียกชุ่มไปทั่ว
“หล่อจริงๆ โดนขนาดนี้แล้ว แม่งยังหน้าตาดีกว่าพวกเราอีกว่ะ” คนดูกลุ่มหนึ่งโห่ร้อง
“เอาอีก ทรมานมันอีก เอาให้คุ้มกับเงินที่เสียไปวันนี้” คนดูเร่งให้แกล้งคุณชายต่อ
“ใจเย็นๆ ทุกๆ ท่าน เมื่อสักครู่เห็นว่ามีเพื่อนเก่าของไอ้เรินเยี่ยวเหลืองคนนี้ ขอเชิญเพื่อนรักสมัยเรียนกระบี่ด้วยกันลงมาตรงนี้ด้วย” ชายอ้วนประกาศเรียก
“ข้าเองๆ ข้าคือคนที่มันเคยหักหน้าข้าสมัยประลองกระบี่กัน ครั้งนั้นข้ายังแค้นไม่หาย” หนุ่มคนหนึ่งอายุไล่เรี่ยกับซู่เริน แต่หน้าตาเทียบไม่ติด
หนุ่มคนนั้นวิ่งออกมาถึงกลางลานที่บัดนี้มีกระบี่เตรียมไว้ให้เล่มหนึ่ง หงฟู่บอกว่าใช้กระบี่นี้ทำอะไรกับซู่เรินก็ได้ตามใจเขา สร้างความพอใจให้หนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก
“โอ้โห้ ไอ้เริน มึงคิดว่าเก่งมากใช่ไหม? วันนี้ข้าจะสอนให้ว่าใครใช้กระบี่ได้เก่งกว่ากัน” เพื่อนสมัยเด็กพูดก่อนจะใช้คมกระบี่ลากปาดขนรักแร้ใต้วงแขนที่ถูกแยกออก จนขนสวยร่วงโรยลงพื้น ลูกน้องของหงฟู่เข้ามาเก็บ แล้วโปรยขึ้นฟ้า ปล่อยให้ร่วงลงมาต่อหน้าซู่เริน ที่กลับหัวมองอย่างปวดใจ
ยังไม่จบเท่านั้น กระบี่ยังคงถูกนำไปใช้ตัดขนหมอยของซู่เรินอีกครั้ง จนแทบไม่เหลือไว้ให้ดูสักเส้น ร่วงลงบนหน้าไปรวมกับฉี่ของซู่เริน ดูน่าสังเวชเหลือทน แต่กลับสร้างความพอใจให้คนดูได้มาก
“หน้าหล่อมากนักใช่ไหม? มึงคิดว่าหล่อมากนักใช่ไหม?” เพื่อนสมัยเด็กยังคงระบายความแค้น
ก่อนจะใช้กระบี่โกนเส้นผมและขนคิ้วดกของซู่เรินออกจนเกลี้ยง สภาพซู่เรินเหมือนบุรุษที่กำลังสละเพศฆราวาส หัวไม่มีผม หน้าไม่มีคิ้ว เนื้อตัวไร้ขนตั้งแต่รักแร้ ถึงหัวหน่าว
“โอ๊ยยย อยากจะให้สาวๆ ทั้งหลายมาเห็นคุณหนูที่ว่ากันว่าหล่อเหลาที่สุด ถ้ามาเจอในสภาพแบบนี้จะยังมีใครชอบอีกไหมว่ะ? ฮ่าๆๆ” คนดูชอบใจ
“เอาละๆ เรามาเริ่มการแสดงต่อไปกันเลยดีกว่า” พิธีกรประกาศอีกครั้ง
“อย่างที่ทุกท่านเห็นชัดแล้วว่าฆวยของซู่เรินนั้นแปลกประหลาด ข้าจึงคิดว่าเรามาร่วมกันสร้างสรรค์ฆวยแท่งนี้ได้ไม่ธรรมดายิ่งขึ้นกันเถอะ” หงฟู่พูดอย่างคึกคะนอง
สิ้นคำประกาศ รถเข็นที่มีหลอดฉีดขนาดเล็กวางเรียงรายถูกเข็นออกมากลางลานแสดง สร้างความสงสัยให้คนดูได้ไม่น้อย
“ในเข็มนี้บรรจุไขจากวาฬทะเลน้ำลึกหายาก วันนี้เราจะมาร่วมกันฉีดสิ่งนี้เข้าฆวยคุณชายเรินกัน วันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ที่คุณหนูเรินต้องจดจำไปชั่วชีวิต” หงฟู่ลั่น
คนดูไม่รอช้ารีบวิ่งลงมาต่อแถวหยิบหลอดฉีดคนและแท่ง วงล้อถูกหมุนกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ชมสามารถฉีดฆวยให้สุดหล่อได้อย่างสะดวกสบาย
“ขอให้ฆวยท่านใหญ่ๆ ยิ่งขึ้นไปอีกนะ คุณชายเรินรูปงาม” คนแรกของแถวพูด พร้อมกันปักเข็มเข้ากลางลำของซู่เริน ก่อนดันไขวาฬสีขาวใสไหลลงไปใต้ผิวฆวย สร้างความทรมานให้ซู่เรินอย่างมาก
“ฆวยแท่งนี้จะตกถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ของประเทศ” คนที่สองตรงเข้ามาจับฆวยของคุณชาย แล้วแทงเข็มเข้าไปตรงโคนฆวย ปล่อยไขขาวเติมเข้าไปให้ฆวยของหนุ่มหน้าหยก
“ข้าขอให้ท่านภาคภูมิใจกับฆวยแท่งนี้นะคุณชาย จดจำมันไว้ให้ดีก่อนที่มันจะไม่เหมือนเดิมอีก” คนที่สามใช้เข็มสอดเขาใต้แก่นฆวย ฉีดสารหายากใส่เข้าฆวยจนบวมเป่ง
แต่ละคนทยอยช่วยกันรังสรรค์ฆวยให้คุณชายซู่เรินอย่างตั้งอกตั้งใจ ตรงไหนที่เห็นว่าเล็กก็ฉีดเติมเข้าไปให้จนใหญ่อวบยิ่งกว่ากระบอกไม่ไผ้ลำใหญ่ๆ เสียอีก
“หือออ...ๆ...ๆ...พอทีเถอะ ข้าขอร้อง ฆวยข้าไม่เหลืออะไรดีอีกแล้ว ไม่มีใครชอบฆวยข้าอีกแล้ว หือออ เอาฆวยอันเดิมของข้าคืนมา” ซู่เรินร้องอย่างคนเมาสุราไม่ได้สติ
“ข้าว่าหลังจากนี้ท่านคงไม่มีโอกาสได้เย้ดกับใครอีกแล้วล่ะ โถ้ อดเย้ดตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น น่าสงสารจริงเชียว” จอหวอนคนหนึ่งกล่าว
“เอาล่ะ วันนี้ข้าว่าพอแค่นี้ก่อน ให้คุณหนูได้พักเสียหน่อย เด๋วจะตายเสียก่อน ของดีต้องเก็บไว้ใช้เรื่อยๆ” หงฟู่ทักขึ้น กลัวจะเสียตัวแสดงหลักที่เรียกเงินให้เขาได้มากโข
“งั้นก็ได้ แต่วันนี้พวกเราขอเอาฆวยยัดปากคุณชายรูปหล่อคนนี้หน่อยได้ไหม” คนดูคนหนึ่งขอ
“นั่นสิ ข้าฝันมาตลอดว่าอยากจะมีคนหล่อหุ่นดียอมมาอมฆวยให้ข้าสักครั้ง” ชายแก่อ้วนพูดขึ้น
“ใช่ๆ พวกเราเสียเงินไปแล้ว ขอแค่ได้ปากของคุณชายครอบฆวยให้หน่อยคงไม่ว่ากัน” อีกคนเสริม
เมื่อเห็นว่ามีหลายคนเรียกร้อง หงฟูก็ไม่อยากขัดลูกค้า เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงสั่งให้ปลดร่างซู่เรินสุดหล่อสิ้นสภาพคุณชายลงมานั่งกองบนพื้นบริเวณทางออกของลาน
“ข้าอนุญาตให้พวกท่านเอาฆวยยัดปากหนุ่มหล่อคนนี้ได้ที่ทางออก ชอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ” ชายอ้วนกล่าวปิดท้าย สร้างความพอใจให้คนดูเป็นอย่างมาก
ซู่เรินที่ถูกมัดนั่งอยุ่ตรงประตูทางออก ต้องใช้ปากบริการความเงี่ยนให้แขกที่มารับชมกันถ้วนหน้า โดยเลือกไม่ได้ ทุกคนต้องผ่านประตูนี้เหมือนกันหมด ปากซู่เรินจึงเหมือนด่านมอบความสุขสุดท้ายให้คนดูก่อนเดินทางกลับ
ชายแก่พุงยื่นเดินตรงเข้ามาควักฆวยเหม็นขึ้นมาสอดใส่ปากหนุ่มหล่อกล้ามโต ก่อนจะกระเด้าปากคุณหนู จนพุงกระแทกหน้าซู่เรินไปจังหวะ ก่อนจะปล่อยน้ำเงี่ยนเหม็นคาวสกปรกเข้าปากซู่เริน
“กินเข้าไปเยอะๆ นะซู่เริน น้ำฆวยดีๆ ของข้าทั้งนั้น” พูดจบก็ควักฆวยออกมาสบัดน้ำใส่หน้าซู่เรินก่อนเดินออกประตูไปอย่างสบายกาย
คนต่อมาเป็นทหารเก่าในจวน เดินตรงเด่เข้ามากดหัวซู่เรินให้อมแท่งฆวยขนาดกลาง ก่อนจะแทงลงมิดคอหอยของสุดหล่อ จนคุณชายสำลักหน้าแดง
“ฆวยของบ่าวเป็นอย่างไรบ้างคุณหนู อร่อยดีไหมพะยะค่ะ” ทหารตบหัวซู่เรินอย่างชอบใจ
“อมเข้าไป โอ๊ยย..เสียว ได้เย้ดปากคุณขายลูกแม่ทัพ บุญฆวยของบ่าวแล้ว” ทหารคราง ก่อนจะฉีดพ่นน้ำเสียวออกมารดใบหน้าหล่อของซู่เรินจนเยิ้มไปหมด
คนต่อมาเป็นจอหวอนหนุ่มหน้าตาดี มีการศึกษา ถือเป็นหัวกะทิลำดับต้นๆ ของประเทศ แต่ยิ่งร่ำเรียนมากก็ยิ่งเงี่ยนมาก ต้องมาหาระบายในสถานที่อโคจรเช่นนี้
“เราไม่เคยมีความแค้นอะไรต่อกัน ข้าเพียงมาหาที่ปลดปล่อย โปรดท่านหน้าที่ของท่านด้วย คุณชาย” จอหวอนหนุ่มพูดเสร็จ ก็รูดกางเกงลง แทงฆวยเข้าปากคุณชาย ก่อนจับหัวซู่เรินประคองไว้แล้วกระเด้าปากสวยเข้าออกอยู่นาน จนในที่สุดก็พ่นน้ำคาวหลั่งชะโลมหัวของซู่เรินไปทั่ว
การบริการด้วยปากครั้งนี้ผ่านไปอย่างยาวนาน ซู่เรินต้องดูดฆวยและดื่มน้ำกามเข้าไปจนท้องโต บัดนี้เนื้อตัวและใบหน้าซู่เรินแทบไม่เหลือเค้าคุณชายรูปงามเมื่อครั้งก่อน โดยเฉพาะท่อนฆวยที่ใครเห็นเป็นต้องขนลุกชัน ขณะที่เจ้าของร่างนอนหมดสติบนกองน้ำเงี่ยนของทั้งคนรู้จักและคนแปลกหน้า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...