วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ้นลาย...ยอดขุนพล 11

“มาเป็นเมียข้าเถอะนะ...เอ้าเทียน” อู๋ทงกระซิบข้างหูเอ้าเทียนด้วยเสียงกระเส้า ริมฝีปากชิดติดกับติ่งหู ลมหายใจอุ่นรดต้นคอขาว ทำเอาเอ้าเทียนขนลุกซู่

พูดไม่ทันขาดคำ อู่ทงก็ก้มลงไประรัวลิ้นบนยอดอกขาวของเอ้าเทียน ปลายลิ้นอุ่นสัมผัสกับปลายหัวนมสีชมพู ลิ้นของอู๋ทงตวัดขึ้นลงอย่างชำนาญ ก่อนจะใช้ปากประทับติดกับอกเอ้าเทียน บรรจงดูดและใช้ปลายฟันขาวกัดขบเนินนมของจิ้งจอกหนุ่ม จนร่างแทบไม่มีเรี่ยวแรง

“ยะ...อย่าทำแบบนั้นนน อ่าสสสส์” เอ้าเทียนคราง

อู่ทงเงยหน้าขึ้นมามองเอ้าเทียนช่วงครู่ สายตาจับจ้องซึ่งกันและกัน หนึ่งใบหน้าคือเทพเจ้าเสน่ห์ อีกหนึ่งใบหน้าคือมารสุดเท่ รอยยิ้มปรากฏบนมุมปากของอู๋ทง แม้จะรวมเร็วแต่ก็ไม่พ้นสายตาของเอ้าเทียน

อู่ทงปลดเชือกออกจากข้อมือเอ้าเทียน แต่ยังคงใช้มือข้างหนึ่งรวบสองมือของเอ้าเทียนไว้แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ อีกมือยังคงซุกซนลูบไล้ร่างกายอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง เอ้าเทียนที่ถูกจี้จุดไว้จึงยังไม่สามารถขยับร่างกายได้

ตอนนี้อู่ทงกำลังขยับปากร่ายเวทมนต์ ปล่อยงูอาคมออกมาโอบรัดร่างของเอ้าเทียน งูจำนวนมากเลื้อยอย่างแผ่วเบาไปบนผิวของเอ้าเทียน บางส่วนเลื้อยไปตามกล้ามแขนใหญ่ บางส่วนก็รัดพันอกและกล้ามท้อง บางส่วนเริ่มมุดเข้าไปในกางเกงผ้าไหมเงินของเทพจิ้งจอก

“ดูเหมือนงูอาคมของข้าจะเจอกับพญางูของจริงในกางเกงของเจ้าเสียแล้ว” อู๋ทงแซว

ความกำหนัดของอู๋ทงทะลุจุดที่จะควบคุมได้แล้ว เขาถอยตัวออกห่างจากเอ้าเทียน ก่อนจะปลดชุดคลุมสีดำส่วนบนออก เผยให้เห็นร่างกายที่กำย่ำแล้วงดงามของอู่ทง

อู่ทงที่มีผิวเข้มตัดกับสีผิวของเอ้าเทียน แต่มีมัดกล้ามเนื้อสวยไม่แพ้กัน จะมีจุดต่างกันอยู่บางตรงที่เอ้าเทียนมีผิวใสเนียนละเอียด ใบหน้าดูสะอาดสะอ้าน ขณะที่อู๋ทงจะมีไรขนบางๆ ขึ้นตามหน้าอกใหญ่ล่ามลงไปถึงหน้าท้อง กรอบหน้ามีเคราสั้นขึ้นขับให้ใบหน้าดูสมชายชาตรี

เมื่อทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ บทเพลงกามก็เริ่มบรรลงขึ้น ร่างเข้มเข้าประกบร่างขาวอย่างหื่นกระหาย กอดรัดราวกับพบของมีค่าที่สุด พร้อมกับไซร้ซอกคอเนียนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เคราสั้นๆ ถูไถไปกับผิวของเอ้าเทียน สร้างความเคลิบเคลื้มได้ไม่ใช่น้อย

มือของอู๋ทงไม่อยู่นิ่ง เริ่มลูบไล้ลอนกล้ามท้องแล้วล้วงผ่านกางเกงของเอ้าเทียนเข้าไป มือหยาบเข้าสัมผัสกับท่อนเนื้อละเอียดอุ่น แม้จะยังไม่แข็งตัวชูชัน แต่กะขนาดคร่าวๆ ด้วยมือแล้วไม่ธรรมดาแน่ๆ มารงูดำถึงกับตาโต และอมยิ้มอย่างพอใจ

“ใครจะรู้ เทพจิ้งจอกเงินไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น” อู๋ทงแซว จนเอ้าเทียนหน้าแดงเป็นลูกท้อ

“ขอให้ข้าให้เห็นของดีล้ำค่าในกางเกงเจ้าสักครั้งในชีวิตเถอะนะ” อู่ทงรุกต่อพร้อมกับสอดนิ้วเข้าตรงขอบเกงเกงของเอ้าเทียน

ไม่ช้า ขอบเกงเกงของเอ้าเทียนก็ถูกดึงรูดลงสู่ปลายเท้า หัวใจอู๋ทงตอนนี้เต้นรัวด้วยความตื่นเต้น สายตาแทบจะกลืนกินร่างของเทพหนุ่มตรงหนา แต่ไม่ทันทีจะได้ก้มมองของดีของเอ้าเทียน จู่ๆ ก็ถูกส้นมือเข้ากระแทกที่ต้นคอ ทำเอาจอมมารถึงกับโซซัดโซเซ

“สวัสดีอีกครั้ง จอมมารอู๋ทง” เจ้าของสันมือทักทาย

อู๋ทงที่ตอนนี้สับสนมึนงงไปหมด มองดูคู่สนธนาอย่างโมโห ทันใดนั้นใบหน้าก็เผยความประหลาดใจขึ้นอย่างปกปิดไม่ได้ เพราะคนตรงหน้าเขาคือเอ้าเทียนใสสภาพสง่างาม ในขณะที่เอ้าเทียนคนที่เขาลวนลามเมื่อสักครู่นี้กลายเป็นท่อนไม้ไปเสียแล้ว

“ในยามที่ซู่เหวินกำลังยับเยิน ซู่เวินกำลังย่ำแย่แบบนี้ หากข้าไม่แยบยลคงพากันจบเห่” เอ้าเทียนเริ่มพูดต่อ

“ตั้งสติซะ เราจะเฉลยให้ฟัง เหตุการณ์ในคุกใต้ดินเจ้าบอกว่ามีนายใหญ่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง นายใหญ่สั่งให้เจ้ามาขัดขวางข้า ตอนนั้นเราก็คิดได้ทันทีว่าหากต้องการรู้ว่านายใหญ่เป็นใคร สืบจากเจ้าคงจะง่ายที่สุด” เอ้าเทียนกล่าว พร้อมเดินไปมาอย่างสบายใจ

“เราก็เลยจงใจเผยจุดอ่อนให้เจ้าเห็น แล้วเจ้าก็ตกหลุมพลางที่เราวางไว้ เราแยกร่างจริงออกมาทันก่อนที่เจ้าจะสะกัดจุดและพาร่างปลอมของเรามา...ลวมลาม” เอ้าเทียนพูดทำหน้าขนลุก

“ที่แท้ข้าก็หลงกลจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หรอเนี่ย” อู่ทงบ่นตัวเองก่อนจะเริ่มร่ายท่องคาถาร่ายเวทมนต์ดำ
“สภาพแบบนี้อย่าฝืนสู้กับเราเลย จะเอาชีวิตมาตายเสียเปล่าๆ” เอ้าเทียนพูด

มนต์ดำของอู่ทงเริ่มแผ่ขยายทิศทางไปรอบๆ สรรพสิ่งที่อยู่ในอาณาเขตกลับกลายเป็นก้อนหินไปทั้งหมด ในขณะที่ไสยเวทค่อยๆ คืบคลานเข้าหาร่างของเอ้าเทียน

เอ้าเทียนก้าวถอยหลังมาตั้งหลัก สองมือวาดลวดลายในอากาศ เกิดแสงสีเงินขึ้นตามมือที่ขยับไปมา ก่อนจะเกิดช่องว่างมิติขึ้นระหว่างเอ้าเทียนกับอู๋ทง

“มะ..มะ...ไม่จริงใช่ไหม? มนต์ที่เจ้าใช้...เวทมนต์โบราณ...” อู๋ทงระล่ำระลัก

“ใช่...มนต์มิติเวลา เจอกันโลกหน้านะ สุดหล่อ” เอ้าเทียนยิ้มและกระพริบตาให้อู่ทง

ก่อนที่ร่างของอู๋ทงเริ่มถูกมิติเวลาของเอ้าเทียนดูดกลืนเข้าไป แม้จอมมารจะพยายามทรงตัวและยึดร่างไว้แน่นหนาเพียงใด ก็มิอาจทนแรงดูดจากช่องว่างสีเงินได้ ในที่สุดอู๋ทงก็หลุดเข้าไปในมิติเวลา

“เอ้าเทียนนนนน ข้าจะกลับมาให้ได้ ข้าจะกลับมาเจอเจ้าอีกแน่นอนนนนน!!!!” อู่ทงคำรามลั่น

ก่อนจะสิ้นเสียงสุดท้าย ร่างของจอมมารก็กลืนหายไปกับมิติเวลา บัดนี้เหลือเพียงเอ้าเทียนยืนอยู่ท่ามกลางมวลก้อนหินจำนวนมากในถ้ำใหญ่

“ทีเหลือก็แค่รอให้นายใหญ่ติดต่อมา” เอ้าเทียนพึมพา ขณะแปลงร่างเป็นอู๋ทง

เอ้าเทียนในร่างอู่ทงล้มตัวลงนอนกันโขดหิน มือก่ายหน้าผา ในใจในถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น ภาพอู๋ทงที่กำลังลวมลามตนเองผุดขึ้นมาในหัว เหมือนติดตรึงอยู่ในส่วนลึกของจิดใจ สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

“นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย?” เอ้าเทียนหลุดปาก
..........................................................................................................................................................

ท่ามกลางมุมหนึ่งที่ลับสายตาคน เกิดช่องว่างสีเงินขึ้นกลางอากาศ พร้อมกันร่างของอู่ทงที่หลุดออกมาจากมิติของเทพจิ้งจอกเงิน

อู่ทงประคองตัวเองลุกยืนขึ้นอย่างลำบาก สับสนงุนงงไปหมด สายตาเริ่มปรับสภาพแล้วมองไปล้อมๆ แต่ก็ไม่ช่วยอะไร มองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งแปลกตา ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ปากเริ่มร่ายเวทมนต์อีกครั้ง แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย

“ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์มันส่งข้ามาที่ไหนกันแน่? เวทมนต์ข้าใช้ไม่ได้แล้วหรือ? บัดซบที่สุด!!!” อู่ทงพึมพำ มือนวดขมับทั้งสองข้าง

“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!” อยู่ๆ ก็เสียงเสียงร้องของผู้หญิงแถวนั้น

อู่ทงหันไปมอง พบหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวประหลาด วิ่งหนีออกไปอย่างตกใจ เขาก้มมองตัวเองจึงพบว่าอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เผยร่างกำย่ำทุกรูขุมขนให้ผู้หญิงคนนั้นดูอย่างถึงใจ

“เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้ารึไง? เห้ออ..ข้าต้องมาหาเสื้อผ้าใส่ให้ดได้ก่อนสินะ แล้วค่อยหาทางกลับ” อู่ทงบ่น พร้อมกับหลบตัวเองเข้ามุมมืด ปลอดสายตาคนแถวนั้น

ไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านมา แม้อู่ทงจะไร้ซึ่งมนต์ดำ แต่วิชายุทธ์ยังติดตัวอยู่เหมือนเดิม เมื่อหนุ่มน้อยแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้อู่ทง ก็ถูกกระบวนท่าของจอมมารซัดจนสลบไปกับพื้น ก่อนอู๋ทงจะยึดเสื้อผ้าของหนุ่มโชคร้ายมาเป็นของตน

“เสื้อผ้าที่นี่แปลกจริงๆ ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย” อู่ทงบ่นไปตลอดทาง

บัดนี้เขากลายเป็นชายหนุ่มรูปงามเจ้าเสน่ห์ ใบหน้ายังคงไว้ซึ่งความคมเข้มแบบที่หาไม่ได้ในยุคสมัยนี้ ร่างกายสูงใหญ่พร้อมมัดกล้ามสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ที่แม้จะเข้าฟิตเนสหรือกินเวย์โปรตีนในสมัยนี้ก็ไม่อาจเทียบได้ ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างแตกต่าง ไร้ซึ่งศัลยกรรมใดๆ ทำให้ชายหนุ่มเป็นที่สนใจจากคนรอบข้าง

จอมมารหน้าหล่ออยู่ในชุดเครื่องแบบเท่ ใส่เสื้อเชิตติดกระดุม พร้อมกางเกงสแลคสีดำ ทุกอย่างขับให้เขาดูโดดเด่นกว่าคนในยุคปัจจุบัน ชนิดที่ดาราดาวรุ่งยังต้องยอมแพ้ในรูปร่างและหน้าตา

“ไปสำรวจดีกว่าว่าที่นี่คือที่ไหน?” อู่ทงเริ่มตั้งสติ ไม่สนใจสายตาหวานที่จ้องมองมาจากบรรดาหญิงสาวที่เขาเดินผ่าน หรือเสียงแซวจากเหล่าสาวประเภทสองที่จ้องมองเขาราวกับจะกลืนกิน

อู๋ทงเดินมาเรื่อยๆ จนถึงลานขนาดใหญ่ มีเสียงเชียร์ดังสนั่น พร้อมผู้คนและนักข่าวจำนวนมากมายกำลังสัมภาษณ์เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่

“เตรียมตัวอยู่นานไหมคะสำหรับวันนี้” นักข่าวสาวถามเด็กหนุ่มหล่อ
“พวกเราซ้อมกันหนักมากครับ พวกเราตั้งใจจะทำให้ออกมาดีที่สุดและจะทำสถิติคว้าแชมป์สี่สมัยซ้อนให้ได้” เด็กหนุ่มตอบ

อู๋ทงมองไปรอบๆ มีผู้คนเต็มไปหมดทั้งชายและหญิง เหมือนมารวมตัวกันเพื่องานอะไรสักอย่าง แม้จะยังไม่ชิน แต่เขาเริ่มปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว สายตาสาดส่องไปทั่วจนเจอเข้ากับประโยคหนึ่ง

“ยินดีต้อนรับสู่จตุรเทพเกมส์ ครั้งที่ 22” อู๋ทงอ่านข้อความนั้นในใจ พร้อมความสงสัยเต็มไปหมด
“เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” อู่ทงพูดขึ้น ก่อนจะเดินตามผู้คนเข้าไปหาที่นั่งชมการแข่งกีฬา

อู๋ทงเลือกที่นั่งอยู่ระดับกลางๆ ไม่ติดขอบสนาม แต่ก็ไม่ใช่ตำแหน่งบนสุด ระหว่างนี้เป็นช่วงที่รอให้นักกีฬาเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน ความสนใจของผู้ชมเลยพุ่งมาตกที่อู๋ทงแทน

“เห้ยย มึงๆ ดูผู้ชายคนนั้นดิ แม่งหล่อฉิบหายวายวอดเลยว่ะ” ผู้หญิงแถวหลังชี้ให้เพื่อนข้างๆ ดู
“เป็นดาราป่าววะ? ได้สักครั้งจะตั้งใจเรียนจนไปถึงปริญญาเอกเลย 555” เพื่อนตอบ
“แม่ง อิจฉาผู้หญิงที่ได้นั่งข้างๆ โว๊ยยย เราเปลี่ยนที่นั่งทันไหมว่ะเนี่ย” สาวคนแรกหงุดหงิด

ตอนนี้สาวที่นั่งติดกับอู๋ทงพยายามเก็บอาการให้ดูปกติที่สุด แต่หัวใจเต้นแรงและเร็วจนเกือบหลุดจากอก แถมยังทำเนียนขยับตัวเข้าไปนั่งชิดติดกับอู่มงอีกต่างหาก

“อู้ยยย คนอะไรจะหล่อปานนี้ หล่อวัวตายควายล้ม” สาวที่นั่งข้างๆ คิดในใจ ใบหน้าแดงฉ่ำ

สาวสวยนั่งจินตนาการ ซึมซาบความอุ่นจากร่างที่นั่งติดกันของอู๋ทง สูดกลิ่นกายหอมสดชื่อ แต่ไม่ทันที่สาวสวยจะได้ทำอะไรต่อ หนุ่มอีกคนที่นั่งข้างอู๋ทงก็เปิดฉากพูดคุยไปเสียก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ วันนี้เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?” หนุ่มข้างๆ ทักทายอู๋ทง
“ก็...เอิ่มมม...ข้าควร “เชียร์” ทีมไหนดีล่ะ?” อู๋ทงไม่เข้าใจความหมายที่หนุ่มข้างๆ พูดเท่าไร?
“แทนตัวเองว่าผมก็ได้ครับ 555 ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอครับ?” หนุ่มน้อยชวนคุย
“ข้า...เอ้ยยย..ผมชื่ออู๋....เอ่ออ...เรายังไม่มีชื่อเลยครับ” อู๋ทงเลียนแบบการพูดของคู่สนธนา
“ไม่มีชื่อ? 555 งั้นเรามาตั้งชื่อกันดีไหมครับ ระหว่างรอเกมเริ่ม” หนุ่มน้อยเสนอความคิด

“ตั้งชื่อหรอ? ได้สิ ฉันขอช่วยด้วยคนนะ อิอิ” สาวอีกข้างโผล่เข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นายอยากได้ชื่อแบบไหนล่ะ? ถือเคล็ดอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถาม
“ชื่ออะไรก็ได้ เอามาสักชื่อเถอะ” อู๋ทงตอบ
“เอางี้ นายมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษไหม? แบบนึกถึงตลอดเวลาไรงี้” สาวสวยพูดระริกระรี้

“เทพจิ้งจอกเงิน!!!!” อู๋ทงตอบทันที เอ้าเทียนคือคนที่เค้าคิดถึงที่สุดในตอนนี้
“หา???? เทพจิ้งจอกเงินเนี่ยนะ? ยากจุง” สาวสวยพยายามคิดชื่อ
“เอาเป็น “ธวัลเทพ” ดีป่ะ? เพราะดีนะ” หนุ่มน้อยเร่งทำแต้ม

“ธวัลแปลว่าสีขาว ส่วนเทพก็หมายถึงเทพบุตร โดยรวมจะแปลว่า “เทพสีขาว” เราว่าใกล้เคียงกับโจทย์ของนายมากที่สุดละ แล้วชื่อนี้ก็เพราะและเหมาะกับนายมากเลย” หนุ่มข้างๆ เสนอ

“ธวัลเทพ-เทพสีขาว ชื่อนี้ก็ได้” อู๋ทงยอมรับ เขาชอบชื่อนี้เพราะทำให้นึกถึงเอ้าเทียนทุกครั้งที่พูด
“ไม่ยอมๆ งั้นขอเราคิดนามสกุลละกันนะ คริคริ” ผู้หญิงข้างๆ ไม่ยอมแพ้
“นายมีอะไรที่บ่งบอกความเป็นนายไหม เอาชัดๆ ตรงๆ ง่ายๆ” ฝั่งผู้ชายรีบถาม

“ความเป็นตัวเองหรอ? งูดำละมั้ง 5555” อู๋ทงเริ่มพูดได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน
“นี่เลย-นิลนาคา-แปลว่างูดำ เราเก่งป่ะละ คิดแปปเดียวเอง” หญิงสาวดีใจ นั่งเบียดอู๋ทงไปมา

“ชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเพราะดีจีง ถึงความหมายจะแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ” เด็กหนุ่มพูด
“แล้วชื่อเล่นนายล่ะ? ชื่ออะไรหรอ?” หญิงสาวยังคงมีความสุขยามได้ยินเสียงของอู่ทงสุดหล่อ

อู๋ทงทำหน้างงไม่เข้าใจ โลกนี้ทำไมซับซ้อนไปหมด มีทั้งชื่อหนึ่ง ชื่อสอง แล้วยังถามหาชื่อสามอีก ในอดีตเรียกอู๋ทงคำเดียวก็เข้าใจแล้ว อย่างมากก็แค่เติมคำว่าจอมมาร อสูร ปีศาจเข้าไปในชื่อ

“อย่าบอกนะว่าจะให้เล่นเกมตั้งชื่อเล่นอีก” หญิงสาวยิ้มแย้ม หน้าแทบจะซบไหล่อู๋ทง
“ก็คงอย่างนั้น คิดมาให้สักชื่อหนึ่งนะครับ” นายธวัลเทพ นิลนาคาอ้อนเพื่อนใหม่
“เวลาคนพูดถึงแล้วนาย เค้าจะนึกถึงอะไรกันบ้างละ?” เด็กหนุ่มข้างๆ ถามบ้าง
“ส่วนใหญ่ก็จะเป็น-พิษงู-หรือไม่ก็-กลัว-กันนะ แหะๆ” อู๋ทงตอบ
“กลัว? นายหล่อปานเทพบุตรขนาดนี้ ใครกลัวก็บ้าแล้ว” เด็กหนุ่มข้างๆ แซว
“อะไรแปลว่ากลัวบ้างน้า?” หญิงสาวใช้ความคิด

“ภีตะไง แปลว่ากลัว แต่ไม่เหมาะกับชื่อเล่นเท่าไร เรียกยากไปหน่อย” เด็กหนุ่มชิงตอบ
“ภีตเป็นไง!! ออกเสียงใกล้เคียงคำว่าพิษ แถมแปลว่ากลัวอีกต่างหาก คริคริ” หญิงสาวรีบแย่งไอเดีย

“สรุปผมชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเล่นคือภีต….วันนี้มาดูการแข่งขันกีฬา” อู๋ทงท่องจำในใจ

ขณะที่สองคนข้างๆ นั่งซึมซับความสุขที่ได้ชิดใกล้กับคนหล่อระดับดารา และไม่พลาดที่จะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับภีตก่อนอัพโหลดภาพอยู่โซเชียลมีเดีย สร้างความอิจฉาให้กลุ่มเพื่อนที่เห็นรูปคู่ได้ไม่น้อย ขณะที่ยอดไลท์พุ่งทะล่มทะลายภายในเวลาไม่นาน พร้อมคอมเม้นต์มากมาย

“ว๊ายยย ตายแล้ว ไปถ่ายกับนายแบบที่ไหนมาย่ะ”
“กดไลท์รัวๆ อยากได้เป็นผัวจัง”
“ไปดูกีฬาหรือไปดูผู้ชายกันแน่”
“ห่อกลับบ้านมาด้วยนะเมิง”

อู๋ทง ไม่สิ... ตอนนี้ต้องเรียกว่าภีต ไม่ได้สนใจกับเทคโนโลยีในปัจจุบันมากนัก เพราะตอนนี้เขากำลังเก็บข้อมูลรอบตัวให้ได้มากที่สุด พอสรุปได้ว่ามิติที่เขาหลุดเข้ามานั้นค่อนข้างเจริญมาก มีอุปกรณ์มากมายที่ราวกับมีเวทมนต์ อย่างเช่น ไมโครโฟนที่ทำให้เสียงมนุษย์ดังขึ้นหลายสิบเท่า จอภาพที่มีรูปมนุษย์เคลื่อนไหวอยู่ภายใน หรือกล้องถ่ายรูปที่สามารถดูดรายละเอียดของมนุษย์เข้าไปได้

ความสนใจของภีตถูกขัดด้วยเสียงเชียร์ที่กระหึ่มดังสนั่นกึกก้อง พร้อมกับเสียงประกาศชื่อนักกีฬาในวันนี้ เหล่านักกีฬารูปร่างใหญ่วิ่งลงสนามอย่างกระตือรือร้น แต่ภีตก็จำความผิดปกติและสีหน้าของนักกีฬาในทีมได้ ในขณะที่คนดูก็แสดงความสับสนออกมาเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?” ภีตกระซิบถามผู้หญิงข้างๆ
“อ่ออ สงสัยจะเปลี่ยนกัปตันเฉยๆ อ่ะ จากตอนแรกเป็นพี่บิ๊ก เปลี่ยนเป็นพี่เอแทน” สาวสวยตอบ
“บิ๊กหรออ?” ภีตนึกถึงหน้าเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่ถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์เมื่อตอนเขาเข้ามาในสนาม

ภีตนั่งดูการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆ จึงเข้าใจว่าเป็นกีฬาที่ให้ผู้ชายวิ่งแย่งลูกบอลกัน ฝ่ายไหนวิ่งพาบอลถึงจุดหมายก่อนเป็นฝ่ายได้คะแนน แต่ผลการประเมินเห็นชัดว่าสองทีมนี้มีฝีมือทิ้งห่างกันเกินไป ทีมของกัปตันที่ชื่อเอทำคะแนนได้น้อยมาก ขณะทีมฝ่ายตรงข้ามกลับทำคะแนนติดๆ กันจนจบครึ่งแรกของการแข่งขัน

ครึ่งหลังกำลังจะเริ่มขึ้น จู่ๆ คนที่ชื่อบิ๊กก็ปรากฏตัวขึ้นข้างสนาม ภีตจ้องมองไปที่บิ๊กและคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อายุดูน้อยกว่าไม่มากแต่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์จัด

“คนที่อยู่ข้างๆ พี่บิ๊กคือใครหรอครับ?” ภีตหันไปถามเด็กหนุ่มข้างๆ
“อ่อ น้องชายเค้าเองครับ ชื่อบอล เป็นนักกีฬาเหมือนกัน” หนุ่มน้อยตอบอย่างยิ้มแย้ม

ภีตเห็นบอลถือโทรศัพท์หันไปทางพี่บิ๊ก ทันทีที่พี่บิ๊กเห็นบางอย่างในโทรศัพท์ก็หน้าถอดสี และวิ่งไล่น้องชายถึงกลางสนาม ก่อนจะรัวหมัดใส่หน้าบอลไม่ยั้ง ท่ามกลางสายตาของผู้ดูในสนาม เกิดความวุ่นวายชุลมุน จน รปภ. เข้ามากุมตัวพี่บิ๊กออกไปจากสนาม

บรรดาแฟนคลับและคนดูต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงตาจับจ้องไปที่พี่บิ๊กที่ผันตัวเองจากนักกีฬากลายเป็นนักเลงไปเสียแล้ว ขณะที่จอมมารอสรพิษผู้มีสายตาเฉียบคม ก็จับความพึงพอใจที่ปรากฏออกมาผ่านสีหน้าของคนที่ชื่อบอลได้

“ไม่ต้องถึงเอ้าเทียนเทพแห่งปัญญา ก็ดูออกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ คนชื่อบี๊กกำลังตกที่นั่งลำบาก ส่วนคนชื่อบอลกำลังเล่นละครตบตาคนดูทั้งสนาม” ภีตพึมพำออกมา

การแข่งขันครึ่งหลังเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไร้วี่แววของกัปตันบิ๊ก ถึงกระนั้นผู้ชมก็ยังคงเชียร์ทีมตัวเองเสียงดังลั่น ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาชมภาพการแข่งขันเบื้องล่าง ตรงกันข้ามกับภีตที่ไม่สนใจเกมการแข่งเลยแม้แต่น้อย สายตากลับจ้องมองสูงขึ้นไปบนกระจกบานใหญ่ตรงห้องวีไอพี

ภาพที่เห็นช่างน่าสลดใจเหลือเกิน เพราะภีตกำลังเห็นภาพกับตันบิ๊กถูกมัดด้วยโซ่ ตัวลอยสูง ท่อนขามีเหล็กยาวมัดติดอยู่ ทำให้ขากางออกสี่สิบห้าองศา มือถูกมัดไพร่หลัง ที่สำคัญกำลังถูกรุมข่มขืนทางประตูหลังจากกลุ่มชายหลายคน จนในที่สุดเสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน ผลปรากฏว่าทีมพี่บิ๊กแพ้ย่อยยับ ตกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ภีตยังคงจ้องมองบิ๊กที่น่าสงสารอยู่ ตอนนี้ชายคนหนึ่งกำลังจับควญพี่บิ๊กขักเป็นจังหวะ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ภีตก็สามารถอ่านปากบิ๊กได้ชัดเจนว่ากำลังพูดอะไรอยู่

“ผมกัปตันบิ๊ก สิทธิศักด์ ปฐมวงศ์ ทำให้ทีมรักบี้มหาลัยตกรอบ ขออนุญาตน้ำแตกฉลองความพ่ายแพ้นี้ครับ” ภีตอ่านปากของอดีตกัปตัน

“เมืองนี้แปลกดีจัง มีการทารุณมนุษย์ด้วยวิธีแบบนี้ด้วยหรอ ชักน่าสนใจแล้วสิ” ภีตพูดกับตัวเอง

ภีตไม่รู้เลยว่าประโยคแบบนี้เคยหลุดออกมาจากปากเอ้าเทียนครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่จิ้งจอกหนุ่มยืนมองดูกลุ่มชายชั่วทารุณแม่ทัพซู่เหวินกลางลานฝึก ต่อจากนั้นไม่นานเอ้าเทียนก็เข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ ตามแก้ปัญหาไม่หวั่นไม่ไหว

บัดนี้สถานการณ์ไม่แตกต่างกันเลย ภีตหลุดประโยคเหมือนเอ้าเทียน หลังจากที่มองกลุ่มชายหลายคนทารุณกัปตันทีมรักบี้กลางสนามแข่งขัน ถ้าเหมือนกันเช่นนี้ ต่อไปภีตอาจต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องชั่วๆ ของมนุษย์ เหมือนที่เอ้าเทียนกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...