เช้าวันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มคัดตัว ราชบุตรยืนรวมตัวกันอยู่หน้าลานประลองของจวนแม่ทัพซู่เหวิน แต่ละคนบ่งบอกชาติตระกูลของตนเองผ่านหน้าตาที่หล่อเกินชายธรรมดา แต่งองค์ทรงเครื่องดูสง่างมงามไปเสียหมด อย่างไรก็ตามเอ้าเทียนก็ยังคงดูโดดเด่นเป็นพิเศษเมื่อยืนท่ามกลางองค์ชายแต่ละแคว้นเช่นนี้
หลี่เฉินออกมายืนบนแท่นประกาศ ก่อนจะกล่าวทักทายองค์ชายแต่ละแคว้นอย่างโนบน้อม และกล่าวเชิญพระมเหสีที่กำลังก้าวออกมาจากหลังม่าน ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของบุรุษรูปงามทั้งหลาย
“สวัสดีท่านราชโอรสทั้งหลายที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกราชบุตรเขยของตระกลูซู่ เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าตระกูลซู่เป็นตระกูลใหญ่ มีขุนศึกชื่อดังสืบทอดสายเลือดมายาวนาน ฉะนั้นคนที่จะขี้นมาเป็นบุตรเขยได้นั้นต้องไม่ธรรมดา” พระมเหสีกล่าว
“ข้ามีวิธีการคัดเลือกอยู่ทั้งหมดหลายรอบ ขอให้ท่านราชบุตรทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม ภายในครึ่งชั่วยามนี้จะเริ่มการคัดเลือกรอบแรก” พระมเหสีกล่าว
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เมื่อครบกำหนดเวลา ราชโอรสกว่าห้าสิบคนได้รับชุดขาวสะอาดทั้งเสื้อและกางเกง เพื่อเปลี่ยนให้เหมือนกันทุกคน ก่อนจะมายืนรวมตัวกันที่หน้าแท่นประกาศ
เมื่อราชบุตรทั้งหลายรวมถึงเอ้าเทียนและหงเวยได้เปลี่ยนชุดเป็นสีขาวเช่นนี้ ยิ่งทำให้มองเห็นกล้ามเนื้อชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ละคนมีหุ่นที่สมกับเป็นราชบุตรว่าที่ลูกเขยชองแม่ทัพซู่
“ดีมากทุกๆ ท่าน ต่อไปจะเริ่มการคัดเลือกรอบแรก ขอให้พวกท่านฟังกติกาให้ดี” พระมเหสีขึ้นกล่าวต่อหน้าราชโอรส
“การคัดเลือกรอบนี้เป็นการวัดความแข็งแรงทางกาย โดยแบ่งเป็นฐานๆ แต่ละฐานจะมีคำสั่งให้ทำตามอยู่ชัดเจน คนที่ถึงเส้นชัยก่อนเก้าคนแรกจะเป็นผู้ชนะ” มเหสีอธิบาย
ราชโอรสแต่ละคนอยู่ประจำที่เส้นเริ่มต้น และเมื่อสัญญาณกลองดังขึ้น ราชโอรสทั้งหลายก็เริ่มออกวิ่งไปยังฐานแรกทันที
ฐานแรกเป็นราวไม้สูงขนาดพอดีมือ ฐานนี้ให้ราชโอรสกระโดดขึ้นไปเกาะราวไม้ยาว แล้วพยายามยกตัวเองให้อกพ้นสูงจากราวไม้นั้น ขึ้นลงเป็นจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง
ไม่รอช้า ราชบุตรทั้งหลายต่างเข้าประจำที่ของตนเองพร้อมทั้งมีทหารที่คอยยืนนับจำนวนครั้งอยู่ข้างๆ เมื่อเกาะราวไม้สำเร็จ ราชบุตรก็รีบดึงตัวเองให้หน้าอกเลยสูงพ้นขอบไม้ จึงนับเป็นหนึ่งครั้ง
พระมเหสีมาร่วมยืนสังเกตุการณ์อยู่ด้วย นางเดินไล่ดูที่ละคนๆ แต่ไม่ได้สนใจจำนวนครั้งที่ราชบุตรทำได้เลย หากแต่จ้องมองไปที่มัดกล้ามแขนใหญ่ที่แข็งเกร็งขณะดึงตัวขึ้น มองกล้ามหน้าอกที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมา ทำให้เห็นรูปร่างของแต่ละคนชัดเจน บ้างคนก็เริ่มส่งเสริมฮึดขณะดึงตัวขึ้น ที่สำคัญยามห้อยตัวลงแบบนี้ ทำให้มองเห็นเป้านูนของเหล่าชายหนุ่มเชื้อสายกษัตริย์ต่างแดนได้ชัดเจน ทำให้พระมเหสียืนจ้องมองอย่างเลือกไม่ถูก เก็บข้อมูลองค์ชายแต่ละคนอย่างเพลิดเพลิน
เอ้าเทียนไม่ได้รู้สึกว่าฐานนี้จะยากอะไร เขาสามารถดึงตัวแบบนี้ได้ทั้งวันด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นเหนื่อยเพื่อให้ดูสมจริง อย่างไรก็ตามขนาดเป้าของเอ้าเทียนจะดูน่าสนใจกว่า เพราะมันยกนูนพุงออกจากกางเกงสีขาวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พระมเหสีต้องเงยขึ้นมองหน้าเจ้าของเป้า
“ว๊ายยย...ใครกันเนี่ย? หล่อล่ำเป้าใหญ่เหลือเกิน น่าครอบครองเป็นเจ้าของยิ่งนัก” มเหสีหื่นกามคิดในใจไปถึงเรื่องบนเตียงของตนกับเอ้าเทียน
ไม่นานชายหนุ่มบางคนก็ทำครบหนึ่งร้อยครั้ง แน่นอนว่ารวมถึงเอ้าเทียนด้วย ทั้งหมดรีบไปที่ฐานที่สอง ทิ้งให้ราชโอรสที่ยังทำไม่ครบจำนวนดึงตัวเองขึ้นลงต่อไป
ฐานสองให้ราชโอรสนอนคว่ำ ให้หนักอกแตะถึงพื้นก่อนจะใช้มือดันยกลำตัวขึ้นนับเป็นหนึ่งครั้ง ให้ทำเช่นนี้เป็นจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง
ราชโอรสแต่ละคนรีบวิดพื้นทันทีที่ทราบกติกา โดยมีพระมเหสีและเหล่าทหารยืนดูอย่างสนุกสนาน เพราะบัดนี้บั้นท้ายของชายหนุ่มหลายคนกำลังยกขึ้นลง สร้างความกำหนัดให้กระเทยสวยอยู่ไม่น้อย ในใจก็คิดไปต่างๆ นานา
“ก้นราชบุตรคนนี้กลมสวยจัง น่าจับตีให้แดง คนโน่นก็ก้นแน่นเชียว คิดแล้วน้ำลายไหล”
“คนนี้วิดพื้นแข็งแรงจัง อยากเข้าไปแทรกตัวนอนบนพื้นให้ราชบุตรทิ้งตัวลงมาทับจริงๆ”
เหล่าชายหนุ่มหลายคนเหงื่อท่วมตัว จนชุดสีขาวแทบปกปิดเนื้อหนังไม่ได้เลย เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ และร่างกายที่อยู่ใต้ผืนผ้าบาง
ผู้ชายแต่ละคนล้วนกินกันไม่ลง มองไปทางไหนก็กระตุ้นอารมณ์คนมองได้ทั้งหมด ทั้งกล้ามแขนที่ยันพื้นไว้ ทั้งกล้ามกันที่เกร็งเห็นชัด ทั้งเป้าใหญ่ที่ทิ้งตัวลงพื้น และเด้งไปมายามยกตัวขึ้น เหมือนเหล่าชายฉกรรจ์รูปงามทั้งหลายมาแสดงการเย้ดให้ดูตรงหน้า
ราชโอรสบางคนเหนื่อยจัดก็จะค้างอยู่ในท่าพัก คือใช้แขนดันพื้นนิ่งไว้ ท่านี้ทำให้มองเห็นฆวยใหญ่ในผ้าขาวได้ชัด ถึงแม้จะไม่แข็งตัวแต่ก็ใหญ่เอาเรื่อง ถึงกับดันกางเกงขาวนูนเป็นพวงใหญ่
เอ้าเทียนในร่างมนุษย์แปลงกายก็ไม่แพ้กัน ดันพื้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เครื่องเพศก็ขยับตามแรงยกตัว ขนาดดุงอยู่ในกางเกงบาง ทำให้ทหารหลายคนจับจ้องเป้าราชโอรสรูปงามอย่างลืมตัว
ผ่านจากฐานวิดพื้น ต่อด้วยฐานสุดท้าย ฐานนี้ให้ราชโอรสทุกคนถอดเสื้อผ้า แล้วจับคู่โดยให้หลังชนกันแล้วใช้สองมือคล้องกันไว้ ให้คนหนึ่งก้มตัวเพื่อยกอีกคนให้เท้าลอยพ้นพื้น จากนั้นให้อีกคนก้มตัวเพื่อยกอีกคนให้ลอยขึ้นจากพื้นเช่นกัน ทำสลับกันจนกว่าจะมีอีกฝ่ายที่ไม่ไหว จึงให้ตกรอบไป
ชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อออกเผยหน้าอกและกล้ามรอบแขนที่แข็งเกร็งจากการวิดพื้นและยกตัว หัวนมแตกต่างกันไป บ้างก็ใหญ่นูนน่าดูด บ้างก็เล็กแต่น่ามอง บ้างก็สีคล่ำหน่อย บ้างก็สีชมพูดสวย ก่อนที่ทั้งหมดจะรีบจับคู่กันทันที แล้วเริ่มยกอีกฝ่าย สลับกันไปมา
ภาพที่หลายคนเห็นตอนนี้สร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อย เพราะชายหนุ่มหล่อหลายคนมาเข้าคู่กันในสภาพเปลือยท่อนบน ขณะที่ท่อนล่างก็ยิ่งเห็นได้ชัดยามถูกยกแล้วแอ่นตัวขึ้น มองเป้าทางซ้ายทีขวาที คู่นั้นทีคู่นี้ที อย่างสำราญใจ
ยิ่งถูกเหงื่อชะโลมกางเกงเช่นนี้ ยิ่งง่ายต่อการมอง เพราะเครื่องเพศขององค์ชายทั้งหลายแทบจะสัมผัสกับเนื้อผ้าบาง จนมองเห็นขอบเขตคร่าวๆ ได้ไม่ยาก ร่วมทั้งสีของเครื่องเพศและขนหมอยดำที่ตัดกับสีกางเกง
การคัดเลือกยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เริ่มมีคนยอมแพ้ เพราะหมดเรี่ยวแรง ส่วนคนที่ชนะทั้งเก้าคนก็เข้าไปยืนรอที่เส้นชัยอย่างหอบเหนื่อยเปลือยท่อนบน ยกเว้นเอ้าเทียนที่ไม่มีอาการเหนื่อยใดๆ แต่ต้องแสร้างทำเป็นเหนื่อยให้กลมกลืนไปกับอีกเก้าคนที่เหลือ
ทั้งเก้าถูกเชิญตัวเข้าไปในห้องรับรองขนาดใหญ่ พร้อมบริการน้ำชาที่แอบผสมยากระตุ้นทางเพศไว้ รอบๆ ห้อง มีทหารยืนกระจายอยู่ ตรงกลางห้องคือหลี่เฉินพร้อมพระมเหสี
“ขอแสดงความยินดีกับพระโอรสทั้งเก้าคนที่ผ่านเข้ารอบมาได้พะยะค่ะ รอบนี้จะยิ่งเข้มข้นมากกว่ารอบแรกมากนัก ขอให้พระโอรสทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม และหลังจากนี้ขอเรียกพระโอรสตามลำดับการเข้ารอบ ได้แก่ ราชโอรสหมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง จนถึงหมายเลขเก้า” หลี่เฉินประกาศ
“ตอนนี้พวกท่านผ่านการทดสอบทางด้านร่างกายมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามแม่ทัพยังอยากได้ลูกเขยที่สามารถผลิตทายาสให้ตระกลูซู่ได้อย่างแข็งแรงสมชายชาตรี” หลี่เฉินอธิบาย ขณะที่องค์ชายทั้งหลายเริ่มขมวดคิ้ว
“ข้าอยากให้พวกท่านทั้งเก้าคนสร้างอารมณ์ร่วมรักให้เต็มที่เพื่อแสดงความเป็นชายที่แท้จริง” หลี่เฉินอธิบายต่อ
“ข้าเข้าใจวัตถุประสงค์ของการคัดเลือกดี ถ้าให้สร้างอารมณ์ต่อหน้าทหารชายด้วยกันย่อมไม่มีปัญหา แต่นี่มีพระมเหสีร่วมอยู่ด้วย ข้าว่าคงไม่เหมาะกระมัง” ราชโอรสท่านหนึ่งพูดขึ้น
“ข้ากำลังหาลูกเขยให้ตระกลูอยู่ ข้าต้องรู้ทุกเรื่องของพวกท่าน โปรดอย่าได้ถือสาเลย” มเหสีตอบ
ราชโอรสยืนสับสนกันถ้วนหน้า พวกเขาทราบดีว่าตระกลูซู่นี้ไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าการคัดเลือกราชโอรสจะเข้มข้นและละเอียดถึงเพียงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การได้เป็นราชบุตรเขยของแม่ทัพซู่นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต ไม่รอช้าราชโอรสทั้งหลายจึงเริ่มหลับตาสร้างความเงี่ยนให้ตัวเองทันที
ราชโอรสหมายเลขหนึ่งคือเอ้าเทียนที่เข้ารอบเป็นคนแรก เขาไม่ได้สนใจทำตามคำสั่งบ้าบอนี้ แต่ก็ยืนหลับตาไปตามเรื่องราวให้ดูไม่มีพิรุจน่าสงสัย แต่กระนั้นหน้าตาก็จัดว่าหล่อที่สุดในหมู่ชายทั้งเก้าคน แถมกล้ามเนื้อก็ยังดูดีโดนเด่นกว่าอีกแปดคนที่เหลือ
ราชโอรสหมายเลขสองหน้าหล่อ หุ่นล่ำ กล้ามแข็ง หน้าท้องเป็นลอนๆ กำลังยืนจินตนาการ จนฆวยใหญ่ แข็งตุง เป็นลำตั้งตรง ชี้ขึ้นจนปลายหัวฆวยโผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงเล็กน้อย เห็นเป็นสีแดงสวย มีน้ำหล่อลื่นเคลือบตรงปลาย
ราชโอรสหมายเลขสามที่ยืนติดกัน ใบหน้าดึงดูด ร่างกายสมส่วนกำลังดี ไม่มีไขมันสะสมอยู่ตามผิว ทำให้มองเห็นมัดกล้ามชัดไปหมด แถมเห็นขนอันดกดำสวย ขึ้นเป็นริ้ว หยิกเป็นพุ่มฟูอยู่เหนือขอบกางเกง ดึงให้สายตาเข้าไปตามค้นหาส่วนหมอยที่เหลือในกางเกง และสะดุดเข้ากับเป้าที่ยกนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนอยากจะเข้าไปสัมผัสความเป็นชายในซ่อนอยู่
ราชโอรสหมายเลขสี่ผิวพรรณขาวผ่อง หน้าตาตี๋หล่อ ตัวสูงใหญ่ รูปร่างดี ไม่แพ้หมายเลขอื่นๆ มีแพรหมอยที่ดกมากจนไม่อาจปกปิดไว้ได้ทั้งหมด จึงเผยออกมาให้เห็นตามขอบกางเกงไล่ขึ้นมาถึงหน้าท้อง พร้อมท่อนลึงค์ตุงที่ชวนให้สงสัยว่าจะขาวเหมือนผิวของเจ้าของหรือไม่
ราชโอรสหมายเลขห้าหน้าตาชวนสมสู่ มีกล้ามอกและกล้ามแขนไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดกำลังพอดี มีหัวนมสีชมพูดูน่าดูดน่าเลีย ลูกกล้ามท้องนูนขึ้นพอเห็นได้เป็นแผง ยืนฆวยตุงแข็งเป็นลำอยู่ภายใต้กางเกงบางที่มีน้ำหล่อลื่นเปื้อนอยู่เป็นวงๆ ตรงกับตำแหน่งหัวฆวย
ราชโอรสหมายเลขหก หล่อใช้ได้ทีเดียว แผงอกหนาขนาดใหญ่พร้อมไรขนขึ้นบางๆ หัวนมคล่ำเล็กน้อย กล้ามท้องเห็นส่วนนูนส่วนร่องแล้วชัดเจน ฆวยกำลังแข็งเป็นลำยาวตั้งตรง แทบชี้ทะลุออกจากกางเกง จนอยากจะฉีกกางเกงออกเพราะบดบังของดีภายใน
ราชโอรสหมายเลขเจ็ด หน้าหล่อตาหวาน รูปร่างสมส่วน แต่ไม่ล่ำเท่าคนอื่นๆ แต่ดูเหมือนกล้ามเนื้อตรงฆวยจะใหญ่กว่าเป็นพิเศษ มองเห็นเป็นลำอวบใหญ่พาดไปทางซ้ายเหมือนงูยักษ์ ที่กำลังอึดอัดเพราะกางเกงตัวเล็กเกินไป
ราชโอรสหมายเลขแปด ชายหนุ่มหน้าเข็ม หนวดเคร้าขึ้นตามกรอบหน้าเล็กน้อย ดูน่าเย้ายวน หัวนมเม็ดใหญ่สีเนื้อ ขนหมอยที่ขึ้นลามไปยิ่งกล้ามท้องสวยถึงโคนฆวยที่อยู่เบื้องล่าง พร้อมฆวยดำโตที่ถูกกางเกงพาดทับ ชวนให้น่าร่วมรักด้วยจริงๆ
ราชโอรสหมายเลขเก้า ใบหน้าชวนมองได้ทั้งวัน หัวนมชมพูสวย วางอยู่บนแผงอกล่ำ และกล้ามแขนขนาดใหญ่ พร้อมด้วยฆวยลำเขื่อง กระดกตุงกางเกงอยู่เป็นระยะๆ ทำให้กางเกงขยับอยู่เรื่อยๆ
“บัดนี้ดูเหมือนเจ้าชายทุกพระองค์จะกำลังเพลินอยู่ในจินตนาการ ยกเว้นราชโอรสหมายเลขหนึ่ง” หลี่เฉินทักขึ้น
เอ้าเทียนลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ก็เห็นราชโอรสทั้งเก้ากำลังอยู่ในอาการเคลิ้มในห้วงความคิด สะท้อนออกมาให้เห็นเป็นความแข็งแรงของอวัยวะเพศที่กำลังผลักกางเกงออกมาเรื่อยๆ ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำหน้าสงสัย
“ปกติแล้วเรามีอารมณ์กำหนัดเป็นประจำ โดยเฉพาะกับสตรีเพศทั้งหลาย แต่ครั้งนี้นับว่าแปลกยิ่งนัก แม้จะมีพระมเหสีอยู่ในห้องด้วย แต่เราไม่มีกามารมณ์เลยสักนิด” เอ้าเทียนกล่าวใจเย็น
“เราว่าไม่ปกติแน่ๆ แค่เรานึกว่ามีผู้หญิงจ้องมองเราอยู่ยามนี้ ย่อมมีอารมณ์ได้ไม่ยาก หรือแม้แต่ได้กลิ่นสตรีเพียงเล็กน้อยย่อมเกิดกำหนัดขึ้นแน่นอน แต่นี่เหมือนไม่มีสตรีในห้อง” เอ้าเทียนพูดต่อ
“หรือว่าพระมเหสีจะไม่ใช่.....” เอ้าเทียนยิ้ม มองไปยังพระมเหสี
“สามหาว จะ...เจ้าจะกล่าวหาว่าข้าไม่ใช่สตรีอย่างนั้นหรือ เจ้าล่วงเกินข้ามากไปแล้ว” พระมเหสีปฏิเสธอย่างมีพิรุธ ขณะที่ราชโอรสองค์อื่นๆ ก็หยุดกิจกรรมแล้วรอดูสถานการณ์
“ทหาร จับราชโอรสองค์นี้ไปชังในคุกใต้ดิน เขาหยามเกียรติข้าเกินไปแล้ว ข้าทนไม่ได้” พระมเหสีรีบออกตัวทันที ใจหนึ่งก็เสียดายโอรสรูปงามที่หล่อกว่าอีกเก้าคนอย่างชัดเจน แต่อย่างไรเสียจะปล่อยให้คนหล่อหนึ่งคนมาทำลายแผนการณ์นี้ไม่ได้
เอ้าเทียนยอมให้จับแต่โดยดี ครั้งนึ้นับว่ายิงนกทีเดียวได้สองตัว นอกจากจะได้หักหน้าพระมเหสีจอมปลอมแล้ว ยังได้รู้ที่อยู่ของซู่เหวินที่ถูกขังไว้อีกด้วย ถือว่าประสบความสำเร็จล้นหลาม
กลับมาที่กิจกรรมทางเพศของเก้าพระโอรสที่เหลือ ที่ตอนนี้ยืนเรียงรายฆวยแข็งตุงอยู่ภายในกางเกง ลำฆวยคุณภาพจากชายหล่อเก้าคน สร้างความพอใจให้คนในห้องที่ดูอยู่เป็นอย่างมาก
“ข้อให้เจ้าชายทุกพระองค์...ปลดกางเกงลงให้ถือข้อเท้า” หลี่เฉินสั่งอีกครั้ง
เจ้าชายแต่ละคนหันมามองหน้ากันอย่างลังเล ต่างคนต่างรอให้มีคนเริ่มก่อน ไม่ช้าราชโอรสหมายเลขสามก็สอดนิ้วเข้าตรงขอบกางเกง ก่อนจะดึงกางเกงลงสุดจนถึงข้อเท้า
ลำฆวยยาวผงาดเด้งออกจากกางเกงทันที เผยเห็นให้ขนหมอยที่น่าค้นหาเมื่อสักครู่ออกมาประจักษ์แก่สายตาทุกคนในห้อง หลี่เฉินนั่งดูลำฆวยเจ้าชายอย่างสำราญใจ
เมื่อเห็นว่ามีคนเริ่มแล้ว ราชโอรสองค์อื่นๆ ก็ไม่รอช้า รีบถอดกางเกงออกกันถ้วนหน้า ต่างคนต่างไม่อายซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังหันไปมองของกันและกันอย่างอยากรู้อยากเห็น
ฆวยทุกคนแข็งจัด และเริ่มมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมา ความเป็นชายที่ซ่อนอยู่ปรากฏให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนไร้ข้อสงสัย และช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับเครื่องเพศที่น่าสนใจของแต่ละคนได้ไม่น้อยเช่นกัน
อย่างของราชโอรสหมายเลขสี่ ก็มีสีฆวยที่ขาวสวยเหมือนผิวกาย หัวแดงจัด บานใหญ่ ดูเหมือนดวงอาทิตย์ดวงใหญ่สีแดง ท่ามกลางเมฆสีขาวนวล
ส่วนราชโอรสที่ผิวคล่ำหน่อย ก็มีลำฆวยที่ค่อนข้างขาวผสมกับสีน้ำตาลเนื้อ หัวฆวยก็จะคล่ำตามสีผิวจริง แต่ขนาดก็ใหญ่ไม่แพ้กับคนฆวยขาว
ส่วนราชโอรสที่มีแพรหมอยขึ้นดกดำตรงหน้าท้อง เมื่อปลดกางเกงออกแล้วก็พบว่าภายใต้กางเกงนี้เต็มไปด้วยพกหญ้าหยิกเป็นฐานส่งให้แท่งฆวยพุ่งยาวออกไปข้างหน้า ดูเย้ายวน ชวนให้ลูบไล้จริงๆ
“ทำได้ดีมากทุกพระองค์เลยพะยะค่ะ ต่อไปจะเป็นการวัดขนาดเพื่อเก็บข้อมูล เนื่องจากตระกูลซู่เป็นตระกูลที่มีเครื่องเพศใหญ่มาหลายชั่วอายุคน ผู้เป็นบุตรเขยจึงควรมีเชื้อความใหญ่อยู่ในตัว เพื่อให้ทายาสคนต่อไปภาคภูมิใจในความใหญ่เครื่องเพศของตน”
ซู่เรินตกอยู่ในฐานะว่าที่นักแสดงในสมรภูมิเผยกามของหงฟู่ ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ได้แต่ยืนเปลือยกายถูกมัดสองมือไพร่หลังติดกับเสาไม้ใหญ่ที่มีท่อนไม้ค้ำไว้บริเวณสะโพกบั้นท้าย ทำให้ซู่เรินรูปงามตกอยู่ในท่าท่างยืนแอ่นฆวยประหลาดไปข้างหน้าอย่างเสียมิได้
“ว่าไง หลานรัก? เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมฆวยให้พร้อม วันนี้ข้าจะให้เจ้าเปิดตัวเป็นนักแสดงหน้าใหม่ให้สมเกียรติไปเลย ก็แหม่! อุตสาห์เป็นถึงลูกชายของแม่ทัพซุ่เหวินจะเปิดตัวธรรมดาคงไม่ได้ ฮ่าๆๆ” หงฟู่ยืน
“ขอร้องล่ะท่านลุง ปล่อยข้าไปเถอะ ข้ายอมท่านทุกอย่างแล้ว อย่าให้ใครเห็นข้าในสภาพเช่นนี้เลย ข้ารับไม่ได้ โปรดช่วยข้าด้วย” ซู่เรินพูดพร้อมน้ำตารินไหลอาบใบหน้าหล่อๆ
“ปัดโถ่! ดูเจ้าสิ หน้าตาหล่อเหลาระดับเทพบุตร หุ่นดีอย่างที่หาชายใดเทียบได้ยาก แถมฆวยยังเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ใครเห็นเป็นต้องตะลึง ของดีแบบนี้แบ่งให้คนอื่นชมบ้างจะเป็นไรไปเล่า” หงฟู่พูดอย่างไม่แยแส
..........................................................................................................................................................
เอ้าเทียนถูกทหารจับกุมตัวมาคุมขังในคุกใต้ดินลับ ที่เดียวกับแม่ทัพซู่เหวิน ภายในคุกใต้ดินนี้มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงที่จุดอยู่ตามมุมห้อง อับชื้นและสกปรก มีตะใคร่น้ำขึ้นบนกำแพงราวกับกำลังวาดลวดลายจากธรรมชาติ ภายในมีเอ้าเทียนและแม่ทัพซู่เหวินที่ถูกมัดมือและจองจำอยู่ในกรงเหล็กหนา
“สวัสดีท่านแม่ทัพซู่เหวิน” เอ้าเทียนในร่างมนุษย์ทักทาย
“เจ้าเป็นใครกัน? เหตุใดจึงถูกจับมาที่นี่ได้?” แม่ทัพถามด้วยความสงสัย
“เราชื่อเอ้าเทียน มาที่นี่เพื่อช่วยท่านนั่นแหละ” เอ้าเทียนตอบ
“ช่วยข้ารึ? เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร? เจ้าดูรอบๆ เสียก่อน พวกเราติดอยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ แถมสองมืออยู่ถูกมัดไพร่หลังอยู่อย่างนี้ ลำพังจะหยิบจับอะไรยังไม่สะดวกเลย” แม่ทัพทักทวง
“ทำได้สิ อย่างแรกเราต้องปลดเชือกที่มัดมือเราออกให้ได้เสียก่อน” เอ้าเทียนตอบ
“ปลดเชือกที่มัดมือจากข้างหลัง? ไม่มีทางเป็นไปได้” แม่ทัพตอบ
“ได้สิ ยามมีกันสองคน ขอเพียงท่านกับเรานั่งหันหลังชนกัน ต่างฝ่ายต่างแก้เงื่อนที่มัดไว้ให้กัน ก็ย่อมสำเร็จได้ไม่ยาก” เอ้าเทียนเฉลย ทำให้แม่ทัพเริ่มยอมรับในปัญญาของหนุ่มน้อยคนนี้
“หรือต่อให้มีคนเดียว... ก็ยังสามารถปลดพันธนาการนี้ได้ไม่ยาก ท่านดูเราเป็นตัวอย่างนะ” เอ้าเทียนพูดต่อ
เอ้าเทียนที่ถูกเชือกมัดสองมือติดอยู่ข้างหลังเริ่มสาธิตวิธีการเอาตัวรอดให้แม่ทัพซู่เหวินดู เริ่มจากการที่เขานั่งเหยียดสองขาตรงขนานไปกับพื้น ก่อนจะค่อยๆ ใช้สองมือที่ผูกติดกันสอดไประหว่างก้นกับพื้นที่นั่งอยู่ แล้วขยับมือออกมาทางปลายเท้าเรื่อยๆ จนในที่สุดสองมือก็กลับมาอยู่ข้างหน้า แล้วเชือกก็ถูกคลายออกด้วยปากของชายหนุ่ม
“นี่ไง ง่ายจะตายท่านแม่ทัพ มือเราเป็นอิสระแล้ว ต่อไปก็แค่หาทางออกจากกรงเหล็กนี่” เอ้าเทียนพูดต่อ ขณะที่แม่ทัพซู่เริ่มทำตามนักโทษที่มาใหม่คนนี้ด้วยความทึ่งในสติปัญญา
“ว่าแต่เราจะออกไปจากกรงนี้ได้อย่างไรเล่า?” แม่ทัพมืดแปดด้าน
“ระหว่างที่ข้าถูกสองทหารจับกุมตัวมาที่นี่ ข้าฉกกุญแจออกมาจากเอวของทหารได้ โดยที่พวกนั้นไม่ร้ตัวเลยสักนิด หรือต่อให้ไม่มีกุญแจ เราก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้เช่นกัน” เอ้าเทียนกล่าว
ขณะใช้กุญแจที่ขโมยมาจากทหารไขประตูกรงเหล็ก เอ้าเทียนก็อธิบายให้แม่ทัพฟังว่ากลไกการทำงานของกุญแจนั้นไม่ยาก มีหลักการคือการสอดลูกกุญแจเข้าไปจนถึงจุดล็อคของแม่กุญแจแล้วบิดออกเพื่อปลดล็อค ขอเพียงหาวัสดุที่สอดเข้าไปถึงจุดนั้นแล้วบิดได้ ก็จะคลายแม่กุญแจออกได้ไม่ยาก
บัดนี้หนึ่งแม่ทัพ หนึ่งเทพ พากันออกมาเป็นอิสระนอกกรงขัง และกำลังพากันหนีออกจากคุกใต้ดินนี้ อยู่ๆ ก็เกิดควันสีดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากอากาศ กระจายไปทั่วคุกใต้ดิน จนแทบมองอะไรไม่เห็น
“จะรีบหนีไปไหนกันเล่า เจ้าจิ้งจอกเงิน” เสียงชายหนุ่มทุ่มตัวพูดออกมาจากกลุ่มควันสีดำ
“เราไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องให้คนแปลกหน้ารู้หรอกนะ แล้วเมื่อไรไอ้ควันบ้าๆ นี่จะหมดสักที เปิดตัวเสียอลังการเชียวนะ” เอ้าเทียนตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
เมื่อกลุ่มควันดำเรื่มจางออก จึงเผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ชายผมยาวสีดำสนิททิ้งตัวลงถึงกลางแผ่นหลัง ผิวสีเนื้อเข้มนวลเนียน เครื่องหน้าดูจัดวางอย่างลงตัว บนกรอบหน้าที่ชัดเจน สวมใส่ชุดไหมสีดำสนิท เข้ารูปดูทะมัดทะแมงและคล่องตัว
“ข้าคืออสูรงูดำ “นายใหญ่” ส่งข้ามาเพราะเริ่มระแคะระคายว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” จอมมารพูดกับเอ้าเทียน
“สรุปว่าจะมาขัดขวางเราใช่ไหม? งั้นเจอกันสักตั้งเป็นไง?” เอ้าเทียนตอบ ขณะประคองแม่ทัพซู่
เหวินไว้ข้างลำตัว พร้อมทั้งเริ่มแผ่หมอกสีขาวออกมารอบๆ บริเวณ
เทพจิ้งจอกเงินปะทะอสูรงูดำ หมอกสีขาวเข้ากระแทกกับกลุ่มควันสีดำ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มารงูดำปล่อยกองทัพอสรพิษเลือยเข้าโจมตีเซียนจิ้งจอกเงิน ก่อนจะถูกเทพใช้ลมปราณสีเงินโบกเฉือดเฉือนกองทัพงูจนตัวขาดกระเด็นและสลายหายไป
ในสภาพที่ต้องประคองแม่ทัพไว้และสู้ไปด้วย ทำให้เอ้าเทียนตกเป็นฝ่ายรับโดยปริยาย จอมมารไม่รอช้า รุกเข้าโจมตีอย่างว่องไว ขณะที่เอ้าเทียนก็ปิดจุดอ่อนไว้ได้ทั้งหมด การเคลื่อนตัวและหลบไปมารวดเร็วจนคนธรรมดามองไม่ทัน
“ท่านเก็บยันต์นี้ไว้กับตัว มียันต์นี้ติดตัวท่าน เราจะรู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน” เอ้าเทียนยิ้มให้ และกระซิบบอกแม่ทัพ พร้อมทั้งส่งยันต์ใส่ไว้มือ
ทันทีที่ส่งยันต์เสร็จ อสูรพิษงูดำก็เห็นช่องว่างทางด้านหลัง จึงรีบเข้าโจมตีเอ้าเทียน จี้จุดสำคัญกลางแผ่นหลัง ทำให้เอ้าเทียนขยับตัวไม่ได้ในชั่วพริบตา ก่อนจะเข้าโอบรัดจิ้งจอกหนุ่มสุดหล่อแล้วหายไปตรงหน้า ทิ้งให้แม่ทัพซู่เหวินยืนกำยันต์แน่นในอุ้งมือ
ไม่ช้าก็มีทหารวิ่งลงมาจากบันไดด้านบน ตรงเข้าจับกุมแม่ทัพซู่ และใช้ผ้าอุดปากไว้ จนมิอาจส่งเสียงร้องได้อีก ทหารพาร่างแม่ทัพซู่เหวินขึ้นไปที่จวนแม่ทัพ สถานที่ที่กำลังคัดเลือกราชโอรส
..........................................................................................................................................................
ในจวนแม่ทัพตอนนี้ถูกปิดประตูมิดชิด เพราะภายในห้องกำลังทำเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผยได้ของบรรดาเจ้าชายแต่ละพระองค์ หลังจากที่ตอนนี้หนุ่มหล่อทั้งแปดยืนถอดกางเกง ปล่อยฆวยให้ทุกคนในห้องดูกันแบบเต็มๆ ตา
“ต่อไปจะให้ทหารเข้าไปวัดขนาดฆวยของเจ้าชายแต่ละท่าน และให้เจ้าชายแต่ละพระองค์ประกาศขนาดของตน พร้อมบอกเล่าความภูมิใจในฆวยของตนเองให้ทุกคนรับทราบ” คำประกาศดังไปทั่วห้อง
ทหารเดินถือสายวัดตรงเข้าไปหาเจ้าชายหมายเลขสอง แล้วเริ่มทาบสายวัดตั้งแต่โคนฆวยไล่ไปจนถึงปลายฆวย แล้วเปลี่ยนมาวัดเส้นรอบวงตรงที่อวบที่สุด ก่อนจะประกาศออกมาเสียงดัง
“ฆวยของข้า ยาวหกนิ้วครึ่ง รอบวงหกนิ้ว ข้าภูมิใจที่หัวฆวยข้ามีสีแดงสดกว่าผู้ชายทั่วไป” เจ้าชายหมายเลขสองประกาศ
ทหารเริ่มไปวัดเครื่องเพศของเจ้าชายหมายเลขสามที่ยืนอยู่ติดกัน ขั้นตอนการเก็บข้อมูลดำเนินไปเรื่อยๆ ภายใตสายตาหื่นกระหายของพระมเหสีที่นั่งจ้องดุ้นฆวยทั้งแปดตรงนั้น
“ท่อนฆวยข้า ยาวเจ็ดนิ้ว รอบวงห้านิ้วครึ่ง ข้ามีขนหมอยที่ดกดำลามไปทั่วหว่างขา” เจ้าชายหมายเลขสามหุ่นล่ำกระกาศอย่างภูมิใจ แอ่นหมอยฟูให้ทุกคนมองกันทั่ว
“ส่วนของข้า ยาวเจ็ดนิ้ว รอบวงหกนิ้ว สตรีที่ร่วมรักล้วนติดใจในลีลาท่าเย้ดของข้า” เจ้าชายหมายเลขสี่ตี๋หล่อประกาศเสียงดัง
“ท่อนฆวยข้า ยาวหกนิ้วครึ่ง รอบวงเจ็ดนิ้ว ข้ามั่นใจว่าข้ามีน้ำฆวยเยอะกว่าชายคนใดในห้องนี้” เจ้าชายหมายเลขห้าหน้าตาชวนสมสู่ประกาศลั่น พร้อมน้ำหล่อลื่นที่เริ่มหลั่งชะโลมปลายฆวย
“ฆวยของข้า ยาวเจ็ดนิ้วครึ่ง รอบวงเจ็ดนิ้ว ข้าภูมิใจในรูปทรงที่ตั้งตรงของฆวยแท่งนี้” เจ้าชายหมายเลขหกเจ้าของแผงอกใหญ่ประกาศ พร้อมโชว์ฆวยแท่งใหญ่ตั้งโด่ชี้หน้าคนมอง
“ส่วนฆวยของช้า วัดได้ยาวหกนิ้วครึ้ง รอบวงเจ็ดนิ้วครึ่ง สิ่งที่ข้าชอบในฆวยแท่งนี้คือความอวบที่พร้อมฉีกร่องสตรีทั้งหลายให้แยกออกจากกัน” หมายเลขเจ็ดหล่อตาหวานพูด
“ข้ามีฆวย ยาวแปดนิ้ว รอบวงเจ็ดนิ้ว ฆวยข้าทั้งใหญ่ทั้งยาวสาวที่ไหนก็ชอบ” เจ้าชายคนที่แปดหล่อเข้มพูดอย่างมั่นใจ
“ของข้า ยาวเจ็ดนิ้วครึ่ง รอบวงเจ็ดนิ้ว ข้ามีความอึดมากขนาดชักว่าวได้ทั้งวันโดยไม่เหน็ดเหนื่อย” เจ้าชายหมายเลขเก้าประกาศดังทั่วห้อง
เมื่อเก็บข้อมูลจากเจ้าชอบครบทุกพระองค์ ทหารก็รีบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอฟังผลสรุป
“เจ้าชายที่มีท่อนฆวยยาวที่สุด คือเจ้าชายหมายเลขแปด มีท่อนฆวยยาวถึงแปดนิ้ว” เสียงปรบมือดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้าชายหงเวยจากเมืองจางโจวโบกไม้โบกมือแสดงความขอบคุณ
“ส่วนเจ้าชายที่มีลำฆวยอวบที่สุด คือเจ้าชายหมายเลขเจ็ด มีลำฆวยรอบวงกว้างถึงเจ็ดนิ้วครึ่ง” เสียงทหารประกาศ ขณะที่เจ้าชายหมายเลขเจ็ดโค้งคำนับแทนคำขอบคุณ
“เจ้าชายองค์อื่นๆ ก็มีของดีไม่แพ้กัน บ้างก็มีสีขาวอมชมพูสวย บ้างก็มีหัวฆวยบานร่า บางคนก็มีพวงไข่แฝดลูกใหญ่ บางคนก็มีดกหมอยที่ดกดำหยิกเป็นพุ่ม ถือว่าทุกคนล้วนเหมาะสมกับฐานะว่าที่ลูกเขยตระกูลซู่ด้วยกันทั้งนั้น” มเหสีลุกขึ้นกล่าว ตายังจ้องมองฆวยเจ้าชายเป็นมัน
“ภาระกิจสุดท้ายสำหรับการคัดเลือก เนื่องจากฆวยไม่ใช่เงื่อนไขเดียวเท่านั้นในการผลิตลูก เรื่องลีล่าบนเตียงเองก็สำคัญ ข้าอยากให้พวกท่านแสดงความสามารถในการร่วมเพศให้พวกเราดูเพื่อตัดสินใจเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด” มเหสีกล่าวต่อ
“แต่คนที่จะตัดสินเรื่องนี้ได้ดีที่สุด ต้องเป็นคนที่ได้ร่วมรักกับพวกท่านทั้งหลาย เขาคนนั้นย่อมบอกได้ว่าพึงพอใจในลีลาของเจ้าชายองค์ไหน และเขาคนนั้นต้องเป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์” มเหสีอธิบายต่อ
“ท่านจะให้พวกเราร่วมรักกับใครกันหรือพระมเหสี?” เจ้าชายคนหนึ่งถามขึ้น
“พ่อตาของพวกเจ้าเอง... กษัตริย์ซู่เหวิน!” มเหสีพูดอย่างสำราญใจ
ร่างของแม่ทัพซู่เหวินถูกจับมาไว้กลางห้อง ทหารก้มหัวแม่ทัพบนแนบกับแผ่นโต๊ะกลม สองขายืนติดพื้นและถูกแยกออกจากกัน ทำให้รูตูดสีแดงสดปิดสนิทอยู่เป็นวงสวยปรากฏขึ้นแก่สายตาของเหล่าราชโอรสทั้งหลายที่ยืนฆวยแข็งอยู่ตอนนี้
“แม่ทัพยอมสละตนเพื่อเลือกลูกเขยที่ดีที่สุด ต่อไปเป็นหน้าที่ของพวกท่านที่จะแสดงให้แม่ทัพเห็น” หลี่เฉินประกาศกับเหล่าราชบุตร ทำเอาซู่เหวินร้องดิ้นส่งเสียงอู้อี้อยู่ใต้ผ้าอุดปาก
..........................................................................................................................................................
เอ้าเทียนถูกจอมมารสกัดจุดและพามาที่ถ้ำลึกภายในป่าใหญ่ ภายในค่อนข้างมืด แต่พอมองเห็นบริเวณรอบๆ ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย จอมมารดำจับเอ้าเทียนมัดเข้ากับแท่งหินในสภาพขยับตัวหรือพูดไม่ได้เลย
“ดูไปดูมา...ใบหน้าเจ้านี่ก็หล่อใช่เล่นเลยนะ” อสูรงูดำพูดพร้อมใช้นิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้า และเสยเส้นผมสีขาวประกายเงินไปข้างหลัง เผยให้เห็นหน้าเอ้าเทียนแบบเต็มๆ ซึ่งชวนให้จ้องมองได้เหมือนเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ
“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้ามีนามว่าอู๋ทง จอมมารงูดำ” อสูรร้ายกล่าว หลังจากตั้งสติได้
ยามยืนประชิดตัวกันเช่นนี้ ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างเทพเอ้าเทียนกับจอมมารอู๋ทง เอ้าเทียนนั้นผิวพรรณผ่องใสขาวสว่างรับกับไรผมสีเงิน ขณะที่อู๋ทงมีผิวเนียนเข้มพร้อมผมสีดำสนิท อย่างเดียวที่เหมือนกันคือความหล่อบนใบหน้าของทั้งคู่และหุ่นที่ล่ำสมส่วน
อู๋ทงจ้องมองเอ้าเทียนตั้งแต่อยู่ในคุกใต้ดินแล้ว ในใจก็เกิดนึกเสห่หาจิ้งจอกหนุ่มคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งเป็นธรรมดาเพราะเอ้าเทียนนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดผู้พบเห็นทุกคนให้หลงไหล รวมทั้งจอมมารดำรูปหล่อคนนี้ด้วยเช่นกัน ยิ่งยามได้กอดรัดเอ้าเทียนเพื่อชิงตัวออกมาจากคุก ยิ่งได้สัมผัสร่างและสูดดมกลิ่นกายหอมเย้ายวนของเอ้าเทียนแล้ว จึงยากที่จะควบคุมอารมณ์ต่อไปได้
อู๋ทงตรงเข้าไปใช้ลิ้นอุ่นเลียใบหน้าของเอ้าเทียนอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะใช้มือสวยกระชากชุดไหมเงินระยับระยิบของเอ้าเทียนขาดกระจุย เผยให้เห็นส่วนบนที่ไม่เคยมีใครได้ยลมาก่อน ผิวขาวสว่างใสจนมองเห็นเส้นเลือดได้จางๆ แผงอกล่ำขนาดใหญ่เป็นฐานสำหรับวางหัวนมสีชมพูสดใสระเรื่อ อีกทั้งกล้ามท้องที่เต็มไปด้วยลูกระนาดที่มีขนาดเท่ากันทั้งซ้ายและขวา นับได้แปดลูก
“เจ้ารู้ไหม? เจ้าทำให้ข้าเกิดอารมณ์เสียแล้วล่ะ เจ้าจิ้งจอกหนุ่มหน้าหล่อ” อู่ทงพูด
ไม่ทันไรจอมมารหน้าเข้มก็ตรงเข้าประกบปากเอ้าเทียน ปล่อยลิ้นซุกซนกวาดสำรวจไปทั่วช่องปากอุ่น ดูดดื่มความบริสุทธิ์อย่างหนักหน่วง มือหนึ่งก็ไล่เค้นคลึงหัวนมสีสวยของเอ้าเทียนไปมาบนแผงอกโต อีกมือลูบไล้หน้าท้องเทพบุตรตามร่องกล้าม ราวกับมีงูที่เลื้อยอย่างแผ่วเบาไปบนร่างขาวสะอาด ปล่อยให้จิ้งจอกหนุ่มตาค้างด้วยความตกใจ
“มาเป็นเมียข้าเถอะนะ...เอ้าเทียน” อู๋ทงกระซิบข้างหูเอ้าเทียนด้วยเสียงกระเส้า ริมฝีปากชิดติดกับติ่งหู ลมหายใจอุ่นรดต้นคอขาว ทำเอาเอ้าเทียนขนลุกซู่
..........................................................................................................................................................
วันนี้ที่สมรภูมิเผยกามเริ่มมีผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมาเพื่อรับชมการแสดงใต้ดินของหงฟู่ วันนี้ดูคนจะเยอะเป็นพิเศษหลังจากที่มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่ามีของดีที่สุดมาจัดแสดงในวันนี้
“ขอต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมอุดหนุนชมการแสดงในคืนวันนี้ ข้า-หงฟู่-หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะพอใจในกามารมณ์ที่เราจัดเตรียมไว้ให้” ชายอ้วนประกาศกลางเวที
บรรดาเด็กหนุ่มทั้งหลายต่างผลัดกันขึ้นแสดง บ้างก็ควักฆวยออกมาปั้นเล่น บ้างก็โชว์การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง บ้างก็แสดงการออกกำลังกายท่าต่างๆ โดยไม่ใส่เสื้อผ้า คนดูนั่งชมอยู่ล้อมรอบลานด้านล่างอย่างรู้สึกเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ต่างก็เฝ้ารอการแสดงชุดพิเศษของวันนี้
เมื่อการแสดงดำเนินไปเรื่อยๆ ในได้ที่ ในที่สุดหงฟู่ก็ออกมายืนหน้าเวทีอีกครั้ง สร้างความกระตือรือร้นให้คนดูได้มาก จนในที่สุดสิ่งที่ทุกคนเฝ้ารอก็มาถึง
“อย่างที่หลายท่านพอจะทราบมาแล้ว คืนนี้ข้ามีการแสดงชุดพิเศษ พิเศษกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยมีมา รับรองว่าทุกท่านจะต้องชอบแน่นอน” หงฟู่ประกาศเสียงคึกคะนอง
ก่อนที่ลูกน้องจะเข็นเอาร่างของซู่เรินที่ถูกมัดข้อมือและข้อเท้าตรึงอยู่ในสภาพเหมือนเครื่องหมายกากบาท ติดกับแผ่นวงกลมที่หมุนได้ขนาดใหญ่ มากลางลานแสดงที่ล้อมรอบด้วยผู้ชมจำนวนมาก
คนดูหลายคนถึงกับลุกขึ้นยืน มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างหื่นกระหาย เพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าทั้งหล่อเหลา เนื้อตัวก็สะอาดสะอ้าน เรียกได้ว่าหนุ่มคนนี้คนเดียวชนะเด็กทุกคนที่แสดงผ่านมาในคืนนี้
“ข้าขอแนะนำเด็กใหม่ของเราในวันนี้ ใช่แล้วว..เด็กหนุ่มตรงหน้าทุกท่านในตอนนี้คือ “ซู่เริน” บุตรชายคนเดียวของแม่ทัพซู่เหวินนั้นเองงงงง” หันซู่ประกาศเสียงดัง
คนดูลุกขึ้นปรบมือเสียงดังสนั่น พร้อมทั้งส่งเสียงร้องอย่างตื่นใจกึกก้องไปทั้งลานแสดง ขณะที่ซู่เรินทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากจ้องมองไปยังกลุ่มคนดูข้างบน เขาเห็นทั้งชายแก่หัวล้าน ข้าราชการตำแหน่งใหญ่โตที่เขาเคยพบปะพูดคุยด้วย เห็นกลุ่มจอหวอนวัยเจริญพันธุ์ เห็นเพื่อนที่เคยร่ำเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นกลุ่มทหารที่เคยรับใช้ในจวนแม่ทัพ
“ช่วยข้าด้วยยยย!!!!!!! จี้เหวย..เจ้าจำข้าได้ไหม ข้าเคยเรียนวิชากระบี่กับเจ้าที่สำนักบูรพาไง ข้าเป็นเพื่อนเจ้านะ ช่วยข้าที” ซู่เรินร้องอย่างน่าสมเพช บอกหนึ่งในคนดูเบื้องบน
“จำได้สิ ไอ้ซู่เริน! ตอนนั้นเอ็งจับคู่กับข้าประลองฝืมือกระบี่กัน ฝีมือเจ้าดีกว่าข้าทุกอย่าง ครั้งนั้นข้าต้องเสียหน้าพ่ายแพ้แก่เจ้า วันนี้นึกไม่ถึง จะได้มาเห็นเจ้าอีกทีในสภาพเด็กขายกามที่นี่” เพื่อนเก่าตอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความแค้นและความสะใจ
“ทหารตรงนั้น ข้าจำได้ เจ้าเคยอยู่จวนแม่ทัพ ช่วยข้าที ข่วยข้าด้วย” ซู่เรินย้ายความหวัง หันไปร้องบอกกลุ่มทหารแทน
“โถ้คุณชายเริน ก็เพราะท่านไล่พวกข้าออก เพียงเพราะพวกข้าดื่มสาเกกันในค่ายฝึก ครั้งนั้นข้ายังแค้นไม่หาย วันนี้พวกข้ารอล้างแค้นท่านไม่ไหวแล้ว” กลุ่มทหารพากันหัวเราะเยาะ
“ท่านอา...ขะ..ข้าจำท่านได้ ท่านเคยสอนหนังสือข้าเมื่อนานมาแล้ว ไม่ผิดแน่ ท่านใช่ไหม ข้าขอร้องช่วยข้าเถอะ ช่วยข้าหน่อยเถอะ” ซู่เรินถามชายแก่หนึ่งในกลุ่มคนดู
“ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของท่านแล้วกันนะคุณชายซู่เริน ส่วนข้าเองเห็นท่านมาแต่เด็ก วันนี้ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าโตแล้วจะเป็นอย่างไร” ชายแก่ร่างท้วมเอ่ยด้วยความกำหนัดที่อยู่เหนือความสงสาร
“ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ วันนี้ทุกท่านได้เล่นกับทาสสุดหล่อของเราได้ทุกส่วนแน่นอน ฮ่าๆๆๆๆ” หันซู่ตัดบท
เสียงคนดูร้องกึกก้องดังกังวานไปทั่วลานแสดงลับ ก่อนที่ลูกน้องสองคนจะตรงเข้ามาฉีกเสื้อผ้าสวยของซู่เรินออกจนขาดกระเด็น เผยทุกอย่างให้ทุกคนเห็นอย่างหมดจด เกิดเสียงโห่ร้องอย่างพอใจดังขึ้นไปอีกระดับ
“พวกแกมันบ้า พวกวิปริต ไอ้พวกโรคจิต ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!” ซู่เรินเสียงหลง
“เรามาเริ่มการแสดงแรกกันเถอะ” หันซู่ลั่นวาจา ทำเอาซู่เรินตัวสั่นอยู่บนแผงจักรต่อหน้าผู้ชม
ซู่เหวิน-พ่อตาที่กำลังตกเป็นเมียลูกเขย
ซู่เริน-นักแสดงหลักที่กำลังเล่นบทต่อหน้าคนรู้จัก
เอ้าเทียน-จิ้งจอกหนุ่มที่กำลังได้สมสู่กับงูใหญ่
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น