วันรุ่งขึ้นผมก็มาทำงานนี้เหมือนทุกวัน สภาพผมยิ่งเหมือนคนใกล้ตายเข้าไปทุกวัน แม้ดูภายนอกผมจะดูเหมือนแข็งแรง เข้มแข็ง แต่ข้างในผมเปราะบางจนแทบจะแหลกละเอียด ผมเหมือนกับสัตว์ที่ถูกคนจับขังไว้ ไม่รู้ว่าวันไหนจะรอดพ้นออกไปจากกรงนรกนี่สักที
ในเวลาที่ผมนั่งทอดอาลัยให้กับชีวิต เสียงประตูเปิดของผู้หญิงคนใหม่เปิดเข้ามา ผมรู้สึกชาชินกับสิ่งเหล่านี้จนแทบไม่ให้ความสนใจกับอะไรพวกนี้อีก
แต่คราวนี้ผมต้องประหลาดใจเมื่อเอามือมาจับที่ข้างแก้มผมแล้วกระซิบเบาๆข้างหู “หนุ่มน้อยจำฉันได้ไหม” เสียงของเธอนั่นเอง ผู้หญิงที่เปิดหมวกไหมพรมของผมเมื่อวาน
ผมพยักหน้ารับ
“เธออยากออกไปจากที่นี่มั๊ย” เธอกระซิบเบาๆ
ผมหันไปด้านที่เธอยืนทั้งๆที่ผมไม่เห็นหน้าเธอ ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นทั้งตกใจ “เธอ” เป็นใคร แล้วเธอจะช่วยผมได้จริงๆเหรอ
ผมพยักหน้ารับ แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกไป
“เธอไม่เชื่อฉันเหรอ” เสียงหญิงคนนั้นถามผม
ผมเงียบสักครู่ก่อนกระซิบตอบเธอไป “คุณจะมาช่วยผมทำไม”
“อาจจะเป็นแค่ว่าฉันสงสารเธอ อยากให้เธอพ้นออกไปจาสภาพนี้ก็ได้”
“คุณต้องการอะไรรึเปล่า” ผมถามเธออีกครั้ง เพราะจากประสบการณ์ของผม ความช่วยเหลือไม่เคยได้มาฟรีๆ
“ฉันไม่ต้องการอะไร ถ้าเธอเพียงบอกว่าเธออยากให้ฉันช่วย ฉันก็จะช่วยเธอ”
ผมลังเลอย่างมาก ผมอยากจะหลุดพ้นไปจากชีวิตแบบนี้ แต่ในอีกทางนึงผมจะเชื่อเธอได้จริงเหรอ แล้วถึงจะจริงเธอผู้หญิงในเมืองที่ผู้ชายเป็นใหญ่แบบนี้เธอจะทำได้จริงหรือ
แต่ผมก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ถึงข้างหน้าจะเจออะไรมันก็คงไม่เลวร้ายไปกว่าสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมตัดสินใจกระซิบบอกเธอ “ผมอยากออกไปจากที่นี่”
เธอก้มตัวเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม “แล้วอีกสองสามวันฉันจะกลับมาช่วยเธอ” เธอพูดเสร็จแล้วก็ออกไปจากห้อง
ผมยังคงทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ ทั้งมีความหวัง ทั้งที่ลึกๆผมก็เตรียมใจไว้แล้วสำหรับผลลัพธ์ที่อาจออกมาไม่เหมือนที่คิด แต่อย่างไรตอนนี้ผมก็เหมือนได้เห็นแสงไฟที่สว่างขึ้นมาในห้องมืด แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเปลวไฟจากปลายไม้ขีดก็ตาม
คืนนั้นผมกลับมาถึงที่ร้านผมรีบนอนให้เร็วที่สุด เพื่อที่ผมจะได้ตื่นมาตอนเช้าตรู่ทันเวลาที่ป้องจะกลับมาพอดี
คืนนั้นผมนอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน กลัวว่าจะตื่นขึ้นมาไม่ทันป้อง จนผมรู้สึกว่ามีคนทอดตัวลงนอนข้างๆผม แน่นอนว่าคนๆนั้นคือป้อง
ผมลืมตามองป้องเพื่อจะลุกมาคุยกับป้อง แต่เมื่อผมลืมตา สายตาของป้องมองมาที่ผมด้วยแววตาที่ผมอธิบายไม่ได้ แต่มันก็ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาได้ ส่วนป้องรีบเบนหน้าหนีไปอีกด้าน ผมขำกับท่าทีของป้อง
“ป้อง” ผมขยับมานอนชิดกับป้อง แล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู
“วันนี้มีผู้หญิงคนนึงบอกว่าจะมาช่วยเรา” ผมกระซิบเผ่วเบา ไม่ต้องการให้ใครได้ยินที่เราสองคนคุยกัน แม้จะรู้ว่าที่นี่ไม่มีใครเข้าใจที่เราสองคนพูดกัน
ผมรีบหันมาด้านผม จนหน้าเกือบจะมาชนกัน
“อะไรนะต้น” ป้องมองหน้าผมด้วยความตกใจ
“เบาๆหน่อยสิ” ผมเตือนป้อง ดูเหมือนป้องจะหายตกใจลง แล้วผมก็เล่าเรื่องราวและบทสนทนาของผมกับหญิงแปลกหน้าคนนั้นให้ป้องฟัง
“จะเชื่อเค้าได้เหรอต้น” ป้องพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ไม่รู้หรอก แต่ก็ไม่มีทางเลือก อยู่อย่างนี้ไปไม่รู้อีกกี่ปีจะได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้ หรือจะต้องแก่ตายในนี้เหรอ” ผมพูดด้วยความอัดอั้น
“ไม่หรอก เค้าไม่มีใครเอาตาแก่หนังเหนียวหรอก” ป้องพูดติดตลก แต่อารมณ์ผมตอนนั้นมันไม่ได้ตลกไปกับป้องเลย
ป้องเหมือนหยุดคิดอะไรครู่นึงแล้วมองมาทางผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่พูดออกมา
“มีอะไรรึเปล่าป้อง” ผมถามด้วยความสงสัย
“แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นช่วยต้นได้จริง เค้าจะมาช่วยป้องด้วยเหรอ” น้ำเสียงป้องดูกังวลยิ่งกว่าเดิมซะอีก
ผมสูดหายใจลึกๆ “ต้นไม่ทิ้งป้องไปคนเดียวหรอก ยังไงถ้าต้นรอดไปได้ต้นจะไปสถานทูตแล้วให้เค้ามาช่วยทุกคนออกจากที่นี่” ผมเอามือบีบมือหนาๆของป้อง
ผ่านไปเกือบอาทิตย์ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่กลับมา ผมเริ่มทำใจแล้วว่าคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเชื่อถือไม่ได้จริงๆ ผมก็ยังคงทำงานในหน้าที่เดิม ทำงานแบบเดิม
วันนี้คนที่ห้าแล้ว ผมคิดในใจพร้อมกับเสียงประตูเปิดเข้ามา ผมก็นั่งอยู่ท่าเดิม รอหญิงอาหรับมานั่งตักตวงความสุขจากตัวของผม
“ฉันเอง” เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น ผมจำได้ เสียงของเธอนั่นเอง
“คุณมาช่วยผมเหรอ” ผมกระซิบอย่างมีความหวัง
“ใช่แล้ว แต่อย่างพึ่งพูดอะไรนะ” เธอเปิดหมวกไหมพรมผมออก ใช่เธอจริงๆด้วย เธอก้มลงเอามีดตัดเหล็กมาตัดกุญแจมือออกจากโถส้วม
“ค่อยลุกนะ” เธอกระซิบเบา ผมลุกขึ้นยืนปรับสภาพ
เธอหยิบถุงใบเล็กที่เธอซ่อเข้ามา ข้างในมีชุดคลุมผู้หญิงอาหรับ อยู่ผมมองที่ชุดที่เธอคลี่ออก ผมรู้ถึงเจตนาแล้วครับ ผมจะต้องใส่ชุดนี้แล้วปลอมตัวเป็นผู้หญิงออกไปข้างนอก มันเป็นข้อดีของชุดแบบนี้จริงๆ ชุดคลุมปิดบังอำพรางทุกส่วน มีเพียงตาเล็กที่เอาไว้มองเห็น มันเป็นชุดพรางตัวที่ดีจริงๆ
เมื่อผมใส่ชุดเรียบร้อย เธอก็บอกให้ผมออกไปก่อน ให้เดินลงไปอย่างเดียว ไม่ต้องหันมา ลงไปจนถึงข้างล่างแล้วออกจากร้านไปเลี้ยวขวา จะมีรถสีครีมจอดอยู่ มีผู้ชายเป็นคนขับนั่งอยู่ในนั้น ให้ผมเปิดประตูขึ้นไปในรถแล้วรอเธออยู่ในนั้น
ผมทำตามที่เธอบอก ผมรวบควมความกล้าและสมาธิ เพื่อไม่ให้มีพิรุธ ผมเดินลงมาตามบันไดที่ผมขึ้นลงทุกครั้ง ผมลงมาถึงชั้นล่าง ผมเดินตรงๆไปอย่างเดียวโดยที่ไม่มองไม่พูด ไม่ส่งเสียงอะไรทั้งนั้น ผมออกจากร้านแล้วเดินไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นบอก มีรถอยู่ตรงนั้นจริงๆ และคนขับเด็กชายวัยรุ่นนั่งเล่นมือถืออยู่ในรถ
ผมเปิดประตูรถด้านหลังเข้าไปแล้วนั่งอยู่ในนั้น เด็กหนุ่มคนนั้นมองผมผ่านทางกระจกมองหลัง แต่ไม่ได้หันมาหรือพูดคุยอะไรกับผม
อีกไม่กี่อึดใจผู้หญิงคนนั้นเปิดประตูเข้ามาด้วยความเร่งรีบแล้วส่งภาษากับเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความว่องไว เด็กหนุ่มฟังเสร็จก็รีบขับรถบึ่งออกไปทันที
ผมรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แม้ว่าผมไม่รู้จะเชื่อใจผู้หญิงคนนี้ได้แค่ไหน
“เธอไปบ้านฉันไม่ได้ แต่ฉันหาที่พักให้เธอได้ อาจจะไม่สะดวกสบายสักหน่อย แต่ก็พอให้เธออยู่ได้ชั่วคราว” เธอพูด
“ผมอยากไปสถานทูต” ผมหันไปพูดกับเธอ ดูเธอชะงักไปนิดนึง
“งั้นพรุ่งนี้เราไปสถานทูตกัน” เธอพูดกับผม ถึงแม้ผมจะอยากไปคืนนี้เลย แต่ผมไม่อยากะขอนู่นนี่นั่นให้มันมาก แค่นี้เธอก็เสี่ยงช่วยผมพอแล้ว
ที่พักที่เธอพาผมไปอยู่มันเป็นเหมือนตรอกเล็กๆ แล้วมีบ้านเล็กๆเหมือนเป็นบ้านร้าง เธอให้ผมนอนอยู่ที่คืนนี้โดยเธอจะกลับมารับอีกทีในวันพรุ่งนี้เช้า
คืนนั้นผมนั่งทั้งคืน ผมไม่สามารถข่มตาหลับในสถานการณ์แบบนี้ได้เลย จนเช้าเธอก็มารับผมตามที่สัญญาไว้
เธอพาผมมาส่งที่สถานทูตจริง ผมรู้สึกดีใจจนน้ำตาไหลออกมาเมื่อผมเห็นสถานทูต เห็นธงชาติไทย ผมจะได้กลับบ้านแล้ว
รถจอดก่อนถึงสถานทูตเล็กน้อย ผมหันไปขอบคุณเธอที่ช่วยผมออกมาจากขุมนรก ผมไม่รู้จะตอบแทนเธอได้ยังไง และยิ่งไปกว่านั้นต่อจากนี้ผมจะได้เจอเธออีกมั๊ย ขอจูบผมที่แก้มเบาๆทีนึงก่อนจะโบกมือลา ผมลงจากรถมามองไปที่เธอและคนขับรถหนุ่มอีกครั้งเพื่อแทนคำขอบคุณ
ผมรีบเดินไปที่สถานทูตแล้วเข้าไปในสถานทูต พนักงานด้านหน้าถามผม
“มีธุระอะไรค่ะ” ผมร้องไห้ ปล่อยโฮออกมาตรงนั้น มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายให้ใครฟัง ถ้าไม่ได้มาเป็นแบบผมก็คงเข้าใจ
เธอรีบเรียกเพื่อนและเจ้าหน้าที่คนอื่นมาพาผมเข้าไปในสถานทูต
...ในที่สุดผมจะได้กลับบ้าน...
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น