วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ใช้หนี้บอล...ด้วยความเสียว 14

ผมยืนมองคนต่างๆถูกปลดออกไปจากเสา ผมรู้แล้วหล่ะว่าคงถูก “ซื้อ” ไปแล้ว ผมไม่ต้องการให้พวกเราแยกกัน แต่ผมก็ไม่มีอำนาจอะไรที่จะต้านทานได้ ถึงแม้สถานะที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันมันย่ำแย่มากก็ตามแต่ถ้าเราได้ไปด้วยกันมันก็ยังดีกว่าที่จะต้องแยกกันออกไป ผมอยากจะร้องให้กับโชคชะตาที่มันนำพาผมมาให้ถึงๆจุดๆนี้ ผมพยายามคิดแต่ว่ามันอาจเป็นกรรมเก่าที่เราเคยทำอะไรๆไม่ดีไว้ ตอนนี้มันเลยตอบแทนเราอย่างสาสม แต่ยังไงก็ตามผมจะไม่ร้องให้แสดงความอ่อนแอของผมออกมาเป็นอันขาด

หลังจากคนในห้องค่อยหายออกไป ผมกับป้องยังคงถูกมัดอยู่ และท้ายสุดป้องถูกปลดไปจากเสา พร้อมกับผมที่ถูกปลดล๊อกออกไปตามๆกัน พวกมันพาเราสองคนออกไปจากที่นี่ในทิศทางเดียวกัน พันธนาการทั้งหลายยังคงติดอยู่กับตัวของผม พวกมันพาเราสองคนเดินไปขึ้นเรือเล็กๆ ผมคิดว่าคนที่ซื้อผมกับป้องไปน่าจะเป็นคนๆเดียวกัน ความจริงไม่ได้เป็นเฉพาะเราสองคนหรอกครับ ยังมีอีกสามคนที่เดินมาด้วยกัน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดผมว่าสองในสามคนนั้นเป็นเวียดนาม และอีกคนนึงน่าจะเป็นพม่าดูจากผิวดำแดงที่ตัดกับหุ่นที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามจากการใช้แรงงานอย่างหนัก

พวกเราถูกไล่ขึ้นเรือแล้วต้อนเข้าไปเบียดกันอยู่ในลังไม้ เรือชักสะพานออกก่อนจะมุ่งหน้าไปหาเรืออีกลำที่จอดออกไปห่างๆ เรืออีกลำนึงไม่ใช่เรือลำเล็กๆเหมือนกับที่บรรทุกเรามา มันดูเหมือนเรือขนาดกลางที่คนสามารถใช้เดินทางข้ามโลกได้ ทันทีที่ขึ้นมายังเรือลำใหญ่ พวกมันพาเราลงไปที่ห้องใต้ท้องเรือแล้วเราโซ่มายึดกับตรวนของพวกเราทุกคนไว้ด้วย สิ่งที่ผมกำลังเจออยู่ทำให้นึกถึงเรื่องค้าทาสที่ผมเคยเรียนสมัยเด็กๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่าอะไรแบบนี้ยังมีอยู่บนโลกในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด

“ต้น...โอเครึเปล่า” ป้องพูดขึ้นมาทำลายความเงียบของพวกเราที่ติดกับด้วยโซ่ตรวนโดยที่ไม่พูดอะไรกัน

“อืม...โอเค” ถึงผมจะพูดว่าโอเค แต่เราก็รู้กันอยู่ว่าสภาพแบบนี้มันไม่โอเค ป้องมองผมก่อนที่จะลอบถอนหายใจเบาและพูดกับผมว่า “ไม่ต้องกังวลนะ เราเชื่อว่าท๊อปก็จะต้องปลอดภัย” หลังจากนั้นเราแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับเลย พวกเราถูกขังอยู่ในห้องใต้ท้องเรือหลายวัน จริงๆผมไม่รู้หรอกว่ามันกี่วัน เพราะมันไม่มีอะไรที่จะบอกได้ถึงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือตก มีเพียงอาหารและน้ำที่หยิบยื่นลงมาให้พวกเรากิน

ในที่สุดมันก็ถึงจุดหมายปลายทาง อาจจะสามสี่วันที่เรานั่งมาในเรือ ตอนนี้เรือจอดนิ่งกับที่แล้ว สักพักพวกมันคงพาพวกเราออกไปเห็นเดือนเห็นตะวัน และก็จริงๆอย่างที่ผม พวกมันลงมาใต้ท้องเรือและพาพวกเราขึ้นไปด้านบน ผมไม่รู้หรอกว่าเราอยู่ที่ไหน แต่นอนไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของผมแน่ๆ แสงจันทร์เต็มดวงส่องสว่างให้เห็นสิ่งรอบๆ เรือเทียบท่าบนท่าเรือที่เงียบสงบ ดูราวกับเป็นท่าเรือส่วนตัว เห็นเพียงผืนทรายและแสงไฟประปรายที่อยู่ไกลออกไป พวกเราถูกพาไปขึ้นยังรถบรรทุกคันเล็ก โดยมีพวกคนอินเดียคุมเราไป ผมมองผ่านช่องไม้เล็กออกไปยังด้านนอก ถึงแม้ผมไม่เคยมาตะวันออกกลางแต่ผมก็รู้ว่าที่นี่คือตะวันออกกลาง บ้านเมืองกระจุกตัวเป็นระยะสลับกับทะเลทรายอันเวิ้งว้าง เรานั่งรถกันหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกันจนกระทั่งผ่านเมืองสุดท้ายเข้าสู่ทะเลทรายและไปที่สุดมันก็วิ่งเข้าสู่บริเวณที่ดูมีต้นไม้ และแสงไฟจากบริเวณขนาดใหญ่ที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร รถค่อยๆวิ่งเข้ามาในบริเวณที่ผมเคยเห็นอยู่ลิบๆ ตอนนี้รถก็จอดสนิท พวกคนอินเดียลากพวกผมออกจากรถ สถานที่แห่งนี้แปลกจริงๆ มันเหมือนสถานที่ขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมด้วยกำแพงสีทรายขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบมันไว้ ด้านในดูใหญ่โตกว้างขวางและซับซ้อน ผมมองเห็นเพียงสวนที่ตกแต่งประดับประดาอย่างดีด้วยไม้ทะเลทราย และบ่อน้ำธรรมชาติที่ดูใสสะอาด อยู่กลางแมกไม้เหล่า มีหมู่ตึกหลากหลายรอบบริเวณที่รถจอด ผมคิดในใจว่าที่มันคงเป็น

“โอเอซิส” ขนาดย่อมๆที่ใดที่หนึ่งในตะวันออกกลาง พร้อมๆกับป้องที่กระซิบกับผมว่านี่มัน “โอเอซิส” เหรอ มีคนสี่ห้าคนแต่งชุดแบบตะวันออกกลางออกจากตัวตึกออกมาที่พวกเรา พวกส่งกระเป๋าให้พวกนั้นคนที่มาส่งเรา ผมค่อยมารู้ทีหลังว่าคนที่ซื้อเรามาไม่ได้ไปเลือกด้วยตัวเอง แต่ให้พวกคนอินเดียที่จัดการประมูลเลือกให้ตามจำนวนที่ต้องการและส่งมายังดินแดนแห่งนี้กลางทะเลทราย ออเดอร์ที่พวกเขาต้องการคือเพียงแค่เป็นชายหนุ่มหุ่นดีเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แสดงถึงวันเจริญพันธุ์อย่างผู้ชายและมีอาวุธที่ใหญ่ตรงและสวยได้รูปเท่านั้น และที่ๆเรามาคือบ้านของเศรษฐีน้ำมันผู้ร่ำรวยของตะวันออกกลาง
หลังจากที่พวกอินเดียรับเงินไปแล้วพวกนั้นก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปก่อนที่ประตูบานใหญ่จะปิดสนิทเหมือนเดิม ไม่ต้องถามว่าพวกนี้จะบังคับเราได้มั๊ย ทั่วทั้งบ้านหรือเรียกได้ๆว่าเมืองเล็กๆ มียามที่คงมีอาวุธประจำอยู่โดยรอบ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องคิดเลยว่าจะต้องทำตามที่พวกนั้นสั่งทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นผมอาจจะกลายเป็นผีเฝ้าทะเลทรายก็ได้ หนึ่งในพวกนั้นพูดกับพวกเราเป็นภาษาอังกฤษ ผมกับป้องเราเข้าใจที่พวกนั้นพูด แต่ผมไม่รู้ว่าอีกสามคนจะเข้าใจเหมือนผมรึเปล่า

พวกมันสั่งให้พวกเราเดินตามพวกมันเข้าไปในอาคาร โดยให้พวกเราก้มหน้ามองกับพื้นตลอดเวลา ทางเดินดูซับซ้อนมาก เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายทีขวาทีหมุนไปตามตึกส่วนต่างๆ ในที่สุดพวกมันก็พาเราเข้ามาถึงห้องๆหนึ่ง ห้องนี้ดูไม่มีอะไรมากนอกจากอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พวกนั้นเดินเข้ามาหาพวกเราและจัดการปลดล๊อกโซ่ตรวนทั้งหมดออกจากตัวเรา ผมรู้สึกเป็นอิสระและสบายที่สุดตั้งแต่ถูกใส่โซ่ตรวนติดต่อกันมาหลายวัน พวกโซ่ตรวนเหล่านั้นถูกนำออกไปจากห้อง พวกนั้นสั่งให้เราลงไปอาบน้ำให้สะอาดแล้วขึ้นมาเช็ดตัวให้แห้ง พวกเรารีบลงไปอาบน้ำไม่อย่างงั้นอาจเกิดปัญหาได้ ผมดูแล้วบางคนอาจไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ คนเวียดนามสองคนเดินลงไปอาบน้ำ ป้องก็กำลังจะลงไป ผมหันมามองคนพม่าที่ยืนลังเลอยู่ริมอ่าง ผมจึงตัดสินใจจูงลงน้ำไปก่อนจะโดนทำโทษ

พวกเรารีบอาบน้ำแล้ว ขึ้นมาเช็ดตัวจนแห้ง ผมสังเกตุดูทุกคนที่มาพร้อมกับ ทุกคนล้วนแต่มีหุ่นที่แน่นแข็งแรงและของที่ดูใหญ่และสวยแม้ในเวลาที่ไม่แข็ง เมื่อพวกมันเห็นเราเช็ดตัวกันเสร็จแล้ว พวกมันก็เดินเข้ามาล๊อกตัวหนุ่มพม่า เขาทำท่าจะขัดขืนแต่ก็ถูกพวกนั้นต่อยเข้าที่ท้องก่อนจะลากเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ส่วนที่เหลือพวกนั้นบอกให้รอข้างนอก

“พวกอาหรับมันจะพาเราไปทำอะไรว่ะ” ป้องถามผมตอนรอ

“เราก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน” ป้องดูจะระแวงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมเองไม่ใช่ว่าไม่กลัวแต่ผมพยายามทำใจสู้กับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น แต่ยิ่งเหมือนกับว่ายิ่งนั่งรอผมก็ยิ่งกลัวมากขึ้น เพราะเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากห้องนั้นเป็นระยะ ผมมองดูคนเวียดนามสองคนก็ดูกลัวไม่แพ้กัน หลังจากประตูบางนั้นเปิดออกพวกมันก็เข้ามาพาคนเวียดนามคนนึงเข้าไป คนนั้นถึงกับเข่าอ่อนยืนไม่ไหว แต่ถึงยังไงก็ถูกพวกนั้นพยุงเข้าไปในห้องนั้นจนได้ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาเป็นระยะ จนในที่สุดก็เหลือผมกับป้อง ป้องเข้าไปก่อนผม แต่สิ่งที่แปลกคือไม่มีเสียงร้องของป้องออกมาจากห้องนั้นเลย และดูเหมือนจะเร็วกว่าคนก่อนๆ ผมก็ถูกพาในห้องนั้น ผมงงกับสิ่งที่เห็นในห้องนั้น เตียงยกพื้นสูงผ้าปูสีเขียว อุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างวางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆเตียงนั้น และแน่นอนที่ตัวตามข้อหลายจุดที่บังคับให้ผมไม่สามารถขยับตัวได้เลย คนที่ดูคล้ายจะเป็นหมอฉีดยาให้ผมก่อนที่จะจัดการทำอะไรบางอย่างบริเวณน้องชายของผม ผมไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางร่างการ เพราะยาที่ฉีดให้คงเป็นยาชา แต่ทางจิตใจของผมมันถึงที่สุดผมถึงกับนอนร้องให้อยู่บนเตียงๆนั้น ขณะที่มีใครกำลังผ่าตัดบางอย่างกับอวัยวะสืบพันธุ์ของผม ถึงผมจะไม่ได้เรียนมาทางการแพทย์แต่ผมก็รู้ดีว่ามันเป็นขั้นตอนของการทำหมัน มันไม่ได้เป็นการผ่าตัดใหญ่อะไร หลังการผ่าตัดแปปเดียวของก็ใช้การได้แล้ว แต่สิ่งที่ยิ่งไปกว่านั้น ผมจะเป็นหมัน ยิ่งคิดน้ำตาผมก็ยิ่งไหลออกมา ใครหลายคนอาจจะไม่รู้วิถีนี้ แต่มันเป็นการทำหมันที่ง่ายที่สุด ไม่เจ็บ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ความรู้สึก ความสามารถในการร่วมเพศ ทุกอย่างยังคงมีเหมือนเดิมเพียงแต่อสุจิของผมจะเป็นสมบูรณ์พอให้มีลูกได้

พวกนั้นพาผมออกมาข้างนอกยังห้องอีกห้องนึง อย่างที่บอกสภาพร่างกายของผมมันได้เจ็บอะไรมาก เดินก็เดินได้ปกติ จะให้มีเซ็กตอนนี้ผมก็ทำได้ แต่จริงๆมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ป้องเองก็เหมือนจะรู้เหมือนผมรู้ ป้องนั่งร้องไห้อยู่ริมมุมห้อง ผมไม่รู้ว่าอีกสามคนจะรู้รึเปล่า แต่อีกสามคนจะหนักกว่าผม เพราะสามคนที่เหลือถูกขลิบด้วย เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดมาจากการขลิปไม่ใช่การผ่าตัด

“มึงกูเป็นหมันแล้ว” ป้องร้องให้กอดผมตอนที่ผมเดินเข้าไปหา

“อืมเรารู้” ผมมองหน้าป้องเป็นเชิงปลอบ แม้ผมเองจะรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน “แต่ยังไงเราต้องสู้ต่อไปนะ” ผมปลอบป้อง

พวกเรายังคงถูกกักอยู่ในห้องพักฟื้นที่นั่นอีกหนึ่งวัน และสิ่งที่พวกเราต้องทำคือรีดน้ำตัวเองออกมาประมาณครึ่งแก้ว และต้องให้เสร็จก่อนหนึ่งวัน ผมกับป้องเราดีกว่าพวกนั้นที่เราไม่เจ็บจากการขลิป พวกเราเลยรีดน้ำตัวเองออกมาได้ก่อน ผมกับป้องคุยกันก็พอเข้าใจว่าคนที่จับเรามาเป็นทาสน่าจะเป็นผู้หญิงและเธอคงไม่ต้องการจะท้อง เลยทำหมันทุกคนที่เข้ามา และให้เอาน้ำที่ยังมีอสุจิที่แข็งแรงออกมาให้หมดก่อนที่จะเข้าไปรับใช้เธอ
ในที่สุดหนึ่งวันที่แสนเจ็บปวดก็ผ่านไป ทุกคนดูเหมือนจะรีดน้ำตัวเองออกตามคำสั่งได้หมดทุกคน พวกนั้นเข้ามาและพาเราไปยังอีกที่นึ่ง มันคงเป็นอีกส่วนนึงของหมู่อาคารขนาดใหญ่ เราตามเข้าไปยังตึกใหญ่ปิดทึบจากภายนอก มีเพียงรูแสงเข้าจากผนังที่ขึ้นไป เราเดินเข้าไปตามประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิท ทันทีที่ประตูเปิด พวกเราเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกอีกโลก โลกที่มีความเป็นอาหรับอย่างสูง ทางเดินถูกปูด้วยพรมลายเปอร์เชียสีสันสวยงาน ตามทางเดินประดับประดาด้วย ซ้ายขวาของทางเดินแยกเป็นห้องโถงที่ตกแต่งด้วยลาดสวยสดงดงาม ประกอบด้วยจิตรกรรม ประติมากรรมมากมาย รวมทั้งของตกแต่งที่สวยงานและประหลายตา ตรงกลางเป็นสวนและสระน้ำที่สวยงามแบบอาหรับ ส่วนอีกด้านนึงของทางเดินเป็นห้องขนาดใหญ่ที่ดูตกแต่งอย่างสวยงามและเตียงนอนขาดใหญ่ทรงกลมที่ดูแล้วใหญ่กว่าเตียงขนาดใหญ่ทั่วไปนับสิบเท่า ปลายสุดทางเดินเป็นประตูขนาดใหญ่อีกบานปิดกันอยู่และมียามยืนเฝ้าอยู่ พวกเราถูกพามายังห้องโถงใหญ่ ที่นั่นยิ่งทำให้ผมอึ้ง ชายหนุ่มที่โดยมากเป็นชาวเอเชียร่วมยี่สิบคนกระจายอยู่ในโถงใหญ่นั้น พวกเราห้าคนถูกพาไปมุมหนึ่งของห้องที่มีที่นั่งใหญ่ๆให้พวกเราสามารถนั่นได้ และพวกนั้นสั่งให้เรานั่งลง พวกยามที่ดูหน้ากลัวเดินกลับออกไปก่อนที่ชายวัยน่าจะสี่สิบกว่าสามคนในชุดชายชาวอาหรับที่รอเราอยู่ตรงมุมนั้นออกมาพูดกับเรา

“จากนี้ต่อไปพวกเธอทั้งหมดต้องเชื่อฟังพวกเรา ทำตามที่พวกเราบอก จากนี้ไปชีวิตและร่างกายของพวกเธอจะกลายเป็นศิลปะและกามารมณ์ พวกเราสามคนจะเป็นคนคอยดูแลพวกเธอที่นี่ ถ้าเธอไม่ทำตามคำสั่งพวกเธอก็จะได้รับการสั่งสอนอย่างสาสม”
จากนั้นผู้คุมทั้งสามคนก็หยิบภาพชวนสยองออกมาให้พวกเราดู ภาพนั้นเป็นภาพของคนที่ถูก “ตอน” มันไม่ใช่แค่ทำหมันเหมือนพวกเรา แต่มันคืนการตัดเจ้าโลกออกไปทั้งพวก และเราจะต้องไปทำงานใช้แรงงานในบ้านมหาเศรษฐีแห่งนี้ มันเป็นเครื่องข่มขู่เราให้กลัวและทำตามที่ผู้คุมสั่ง หลังจากนั้นผู้คุมก็เริ่มอธิบายถึงสิ่งที่พวกเราต้องรู้และต้องทำ
อย่างที่รู้ที่นี่คือบ้านของมหาเศรษฐีน้ำมันอาหรับ เราได้ดูภาพคนในครอบครัวๆนี้ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดว่าเจ้าของบ้านจะเป็นผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย สถานที่นี้เรียกง่ายๆคือ “ฮาเร็ม” ที่ๆเจ้าของบ้านจะมาหาความสำราญทั้งจากทั้งชายหนุ่มและหญิงสาว พวกเราคือผู้ชายที่อยู่ในฮาเร็ม ส่วนผู้หญิงจะอยู่ตึกที่อยู่อีกด้านนึงที่ติดกัน คนที่จะมาหาความสำราญในฮาเร็มแห่งนี้มีร่วมสิบคน เราได้เห็นรูปของทุกคนก่อนที่จะทำงานจริง คนที่เป็นเจ้าของใหญ่ในบ้านนี้เป็นชายอาหรับอายุน่าจะประมาณหกสิบเศษๆ และลูกชายของเศรษฐีอีกสี่คนอายุไล่เลี่ยราวๆสี่สิบกว่า นอกจากนี้ยังมีผู้ชายอีกสองคนที่เป็นพี่น้องกับมหาเศรษฐีอีก ผู้คุมพยายามอธิบายระบบของฮาเร็มให้เราฟัง มันเป็นที่ๆเจ้าของบ้านทั้งหลายจะเข้ามาหาความสุข มาผ่อนคลาย สิ่งที่พวกเราทุกคนต้องทำคือปรนเปรอความสุขให้เจ้าของบ้านทุกคน อย่างที่พวกผู้คุมบอกไว้ตอนแรก อีกด้านนึงของฮาเร็มจะเป็นที่อยู่ของบรรดาหญิงสาวที่ทำหน้าที่เดียวกับเรา ผมไม่รู้ว่ามันจะแย่มากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า “ทาส” มันเป็นยังไง พวกผู้คุมบอกเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ว่าเจ้าของบ้านจะเข้ามาตอนไหนก็ตาม สิ่งแรกที่พวกผู้คุมบอกให้เราทำคือทำตัวให้สะอาด ผู้คุมบอกให้พวกเราทุกคนไปอาบน้ำใหม่อีกครั้ง ที่นี่เราจะต้องอาบน้ำวันละสามครั้ง และทุกครั้งหลังจากทำงานเสร็จถ้าเศรษฐีเลือกเราทำงานรับใช้ ฟันก็เช่นกันต้องแปรงวันละสามครั้งหลังอาหารไม่ให้มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องทำคือการที่ผมจะต้อง “ล้าง” ถ้ำของตัวเองเพื่อเศรษฐีต้องการใช้พวกเราจะต้องพร้อมที่จะทำงานทันที
“พวกเธอเข้าใจในที่ฉันพูดรึเปล่า” หนึ่งในผู้คุมถามพร้อมมองจ้องมาที่พวกเรา
ผมกับป้องพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ

“ดีแล้ว นี่มันแค่กฎง่ายๆ พวกเธอต้องเรียนรู้อะไรๆอีกเยอะ ถ้าเข้าใจก็ตามมาฉันจะพาไปดูที่อยู่ของพวกเธอ” ผู้คุมทั้งสามเดินนำพวกเราออกไปจากห้องโถงไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ริมสุดอีกฝั่งนึง ห้องนั้นเหมือนเป็นห้องเล็กๆ แต่มีบันไดวนเล็กเชื่อมไปยังชั้นที่อยู่ใต้ดิน ผู้คุมเดินนำพวกเราลงไปด้านใต้ดิน ทันทีที่ลงมาด้านดิน ด้านในกลับเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ตรงกลางมีโต๊ะกินข้าวตัวยาววางเรียงกันอยู่สี่ตัว ถัดเข้าไปเป็นเตียงสองชั้นหลายๆเตียงวางเรียงรายเข้าไปจนสุดมุมห้องอีกฝั่งนึง ส่วนอีกด้านนึงที่เรายืนอยู่จะมีมุมที่ตั้งเครื่องออกกำลังมาตรฐานเอาไว้ และถัดไปดูเหมือนจะเป็นห้องน้ำกับห้องส้วม ห้องน้ำทำเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่คิดว่าทุกคนสามารถจะลงไปอาบได้พร้อมๆกัน ผู้คุมชี้ให้ดูบริเวณส่วนต่างๆของห้อง อย่างที่เห็นใต้ดินจะกลายมาเป็นที่อยู่ของพวกเรา เครื่องออกกำลังกายที่ตั้งอยู่เราจะไม่มีสิทธิ์ใช้ เราจะมีสิทธิ์ใช้ต่อเมื่อผู้คุมอนุญาตเพราะผู้ชายแต่ละคนในฮาเร็มนี้จะต้องมีลักษณะต่างๆกันตามเจ้าของบ้านชอบ ใครที่อยากจะให้ล่ำก็จะถูกบังคับให้เล่น ส่วนใครที่ต้องการให้เพรียวบางก็จะถูกห้ามเล่น แต่สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือตื่นขึ้นมาวิ่งเครื่องวิ่งตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและพร้อมจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ผมกวาดตามองไปรอบๆห้องที่ต่อจากนี้ไปมันคงเป็นที่อยู่ของผม ผมมองไปรอบๆ ที่นี่มันก็เหมือน “กรงเลี้ยงสัตว์” ดีๆนี่เอง ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องติดอยู่ในกรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน อีกป็นเดือน เป็นปี หรืออีกหลายปี ผมไม่รู้เลยจริงๆ มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่ถูกเสี่ยจับมาหรือตอนไปที่บ้านนรกของคุณปราณี เพราะตอนนั้นผมรู้ว่าผมจะอยู่ที่นั่นไม่นาน ทำงานตามที่เขาต้องการให้เสร็จแล้วก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามเหมือนเดิน แต่ที่นี่ผมไม่รู้เลยจริงๆ

ทุกคนยังดูเหมือนงงและสับสนกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใน “กรง” แห่งนี้ แต่คำสั่งแรกก็เริ่มขึ้น ผู้คุมหันมาพูดกับเรา

“รีบไปอาบน้ำชำระล้างร่ายกายให้สะอาด คืนนี้คิดว่าท่านเศรษฐีเจ้าของบ้านน่าจะเข้ามาทำความรู้จักกับพวกเธอห้าคน รีบไปทำให้เสร็จ และมีเวลาพักให้พวกเธอสักพักก่อนเย็นๆพวกชั้นจะกลับมาเตรียมตัวพวกเธอ”

พวกเราลงไปอาบน้ำในบ่อนั้นตามคำสั่ง และทำความสะอาดร่างกายเอาไว้ หลังจากผมกับป้องอาบน้ำเสร็จแล้ว เราออกมาข้างนอกตั้งใจจะนอนพักสักหน่อย เพื่อเตรียมเจอกับสิ่งอะไรที่เราไม่รู้ แต่ทันที่ๆเราสองคนออกมาจากห้องอาบน้ำ หน้าห้องอาบน้ำมีผู้ชายสามคนยืนอยู่ เมื่อทั้งสามสังเกตุเห็นเราส่งยิ้มให้และเดินเข้ามาหาพวกเรา

“เป็นคนไทยรึปล่าครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากสามคนนั้น
“ครับ” ผมกับป้องตอบสามคนนั้นพร้อมกับ
“พวกเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน” อีกคนนึงในกลุ่มก็พูดทักเราขึ้นมา ผมพึ่งรู้สึกว่าเมื่อมามีปัญหาที่ต่างแดน ถ้าได้เจอคนชาติเดียวกัน มันก็พอทำให้อุ่นใจขึ้นมาบ้าง

ทั้งสามคนทำความรู้จักกับพวกเราและเล่าให้เราฟังถึงเรื่องต่างๆของที่นี่ “พี่ทัด” อายุประมาณยี่สิบหก พี่ทัดเป็นคนที่อยู่ที่นี่มานานที่สุดในบรรดาสามคน พี่ทัดบอกว่าพี่เขามาจากเมืองไทยตั้งใจว่าจะมาหางานทำที่นี่ แต่กลับถูกหลอกมาขาย ด้วยหน้าตาที่หล่อคมเข้ม หุ่นที่สูงและใหญ่ พี่ทัดจึงถูกพามาที่นี่ พี่ทัดเล่าให้ฟังว่าตอนมาพี่แกยังหุ่นไม่ล่ำขนาดนี้ แต่พี่ชายของเศรษฐีอยากให้หุ่นแกล่ำเลยบังคับให้แกต้องฟิตร่างกายหนักทุกวันจนมีมัดกล้ามที่ล่ำใหญ่อย่างตอนนี้

คนทีสอง “ก๊อด” คนนี่ดูแล้วอายุหน้าจะเด็กกว่าผม ดีไม่มีก็อาจจะยังไม่ถึงยี่สิบดี ก๊อดต่างจากพี่ทัดตรงที่ไม่ได้เป็นคนหุ่นล่ำใหญ่แบบพี่ทัดแต่เป็นหนุ่มตัวเล็กๆ ผิวขาวเนียน หน้าหวานแบบคนเหนือ ก๊อดมาอยู่ที่นี่ได้เกือบปีแล้ว ก๊อดมาที่นี่ด้วยวิธีการที่ไม่น่าต่างจากผมเท่าไหร่ แต่ความพิเศษของก๊อดคือ ก็อดเป็นคนโปรดของลูกชายคนนึงของท่านเศรษฐี ก๊อดบอกว่าในถ้ำก๊อดลูกชายท่านเศรษฐีตบรางวัลโดยการฝังเพรชให้ก๊อดถึงหกเม็ดด้านใน

ส่วนคนสุดท้าย “เจ” อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียงกับผม หรือ อ่อนกว่าหน่อย เจหน้าตาหล่อแบบหนุ่มไทย แฝงแววกวนๆ รูปร่างสูงโปร่ง มาหลังจากก๊อดไม่นาน
“พี่ทัดครับวันนี้พวกผมต้องโดนอะไรบ้างเหรอครับ” ผมถามพี่ทัดเพื่อว่าจะรู้อะไรขึ้นบ้าง และเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้

“เอาจริงๆพี่ก็ไม่รู้หรอกนะมันต้องแล้วแต่ท่านเศรษฐี แต่โดยทั่วไปพอมีเด็กใหม่เข้ามาในฮาเร็มท่านก็จะมาทำความรู้จัก ถ้าวันนั้นท่านต้องการปลดปล่อยก็จะเรียกทุกคนเข้าไปในห้องใหญ่และก็เปิดซิงทุกคน บางครั้งท่านอาจจะเรียกไปแค่คนเดียว หรือบางครั้งท่านทำความรู้จักเสร็จแล้วอาจจะไม่มีอะไรต่อเลยก็ได้ แต่ยังงก็ตามถ้าพวกมึงยังไม่โดนท่านเศรษฐีเปิดตูดก่อน คนอื่นก็จะไม่เรียกแกไปเปิด แต่ก็ทำใจไว้หน่อยหล่ะ ช่วงแรกๆจะหนักหน่อย เพราะของใหม่ของสดใครๆก็อยากลองใช่มั๊ยหล่ะ”
ป้องหันมามองหน้าผมยิ้มๆ ผมก็พอเดาออกว่าป้องต้องการบอกว่าท่านเศรษฐีไม่ใช่คนแรกที่เปิดซิงป้อง

ต่อจากนั้นผมก็นั่งคุยกับทั้งสามคน ส่วนป้องขอแยกไปนอนเพราะอาจจะเพลียจากอะไรหลายๆอย่างตั้งแต่ถูกจับมา

เมื่อเวลาเย็นมาถึงผู้คุมสองคนกลับเข้ามาในฮาเร็ม ผู้คุมเรียกให้พวกเราทั้งห้าคนเข้ามาหา คราวนี้ผู้คุมมาพร้อมหญิงอาหรับวัยกลางคนสองคนถือตะกร้าใส่ผ้าเข้ามา “หวังว่าคงพักผ่อนกันพอแล้ว อีกไม่นานท่านก็จะกลับมา พวกเธอต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนท่านจะมาถึง พวกเธอต้องใส่ชุดให้เหมาะสมก่อน”

เสื้อผ้าแจกจ่ายให้กับพวกเรา เสื้อผ้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย มันเป็นผ้าบางๆคล้ายกางเกงของอาหรับ เพียงแต่ผ้าเป็นสีเนื้อที่บางมากจนเห็นอะไรๆที่มันอยู่ได้ผ้านั้นได้ชัดเจนมากเท่านั้นเอง เมื่อทุกคนแต่งชุดที่พวกนั้นเอามาให้เสร็จแล้วผู้คุมก็เรียกให้เราไปนั่งรอข้างบน

ในที่สุดคนที่พวกเราต้องมานั่งรอก็มาถึง การ์ดคนนึงรีบวิ่งมาบอกผู้คุมเพื่อแจ้งว่าจะพวกเศรษฐีนั่นจะเข้ามาแล้ว ผู้คุมรีบเร่งบอกทุกคนให้เตรียมพร้อม สิ่งที่ผมเห็นคือน้ำอย่างนึงที่จะว่าหวานก็ไม่หวานขมก็ไม่ขมถูกแจกจ่ายให้กับพวกเราทุกคน แล้วพวกเราก็ถูกบังคับให้ดื่มน้ำนั่นซะ สำหรับคนที่อยู่มาก่อนแล้วก็ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ก็หยิบน้ำขึ้นดื่มอย่างปกติ พวกเราแม้ไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ต้องดื่มมันเข้าไปเหมือนกัน
พี่ทัดเข้าสะกิดบอกผมว่ามันคือ “ยาปลุกเซ็กซ์” แต่ไม่ได้เป็นยาเคมีอะไรหรอก มันเป็นสมุนไพรของแถวตะวันออกกลางนี่แหละได้ผลชงัดนัก และก็เหมือนกับที่พี่ทัดบอกจริงๆ ผมรูดเล่นแปปเดียวมันก็แข็ง ผู้ชายในฮาเร็มกว่ายี่สิบคนก็ปั่นให้แข็งเหมือนกัน ผมก็ไม่อะไรมากเพราะผมกับป้องเคบผ่านเรื่องแบบนี้มาบ้างแล้ว ใครก็ตามที่เริ่มแข็งแล้วก็จะถูกแจกสายหนังเส้นเล็กให้ ผู้คุมเอามาแจกให้ป้องก่อนผม ผมก็ไม่รู้ว่ามันไว้ใช้ทำอะไร ป้องก็ดูเหมือนกันรับหนังเส้นนั้นมาแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมัน ได้แต่หันมองคนอื่นๆที่ได้รับเหมือนกัน และก็เหมือนผู้คุมคนนึงจะรู้เลยดึงเอาหนังจากมือป้องมาใส่ให้ซะเลย ผมมองดูวิธีการใส่ของมันเหมือนกัน ผู้คุมกางมันออกเส้นมัดเข้าไปที่โคนท่อนลำของป้อง ป้องสะดุ้งตัวเหมือนเจ็บ ผมหันไปถามป้องจะเจ็บเหรอ ป้องบอกว่านิดหน่อย และในที่สุดมันก็มาถึงผม ผมลองรัดมันเข้าไปแบบที่ป้องโดนทำ มันเจ็บจริงๆครับ เจ็บปนจุกแบบแปลกๆ แต่ท่อนลำผมจะดูเหมือนยิ่งบวมใหญ่ขึ้นไปอีก

ทุกคนที่แข็งแล้วรัดแล้วก็จะไปยืนกันตรงหน้าประตู แต่ผมกับอีกสี่คนที่มาใหม่ถูกให้ไปยืนอีกฝั่งนึง ในที่สุดประตูเสียงประตูบานใหญ่ก็เปิด และเหมือนจะมีคนสามสี่คนเดินมาที่ห้องโถง ทันทีเดินเลี้ยวเข้ามาในห้องโถง ทุกสิ่งอย่างดูเหมือนจะเงียบงันลงทันที ผู้ชายคนแรกที่เดินนำมา เป็นผู้ชายร่างใหญ่หน้าตาสูงวัย หนวดเคราครึ้ม ใส่ชุดคลุมอาหรับชุดยาวเดินนำหน้าเข้ามา แล้วค่อยๆเดินช้าๆมองพวกเราที่มาใหม่ห้าคนอย่างพิจารณา อีกสองคนเดินตามเข้ามาเช่นกันทั้งสองคนเป็นชายสูงวัยเช่นกันหนวดเครารุงรังในชุดคลุมยาวเช่นกัน และก็เหมือนเดินทั้งสองคนก็มองพวกเราอย่างพิจารณา ทั้งสามคนเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวที่ตอนนี้มีขนมผลไม่รวมทั้งเครื่องดื่มหลากหลายมาวางตรงหน้า พวกเราทุกถูกพสไปยืนหน้าห่างออกมาสักห้าเมตร โดยมีพวกเราห้าคนยืนอยู่ด้านแถว ท่านเศรษฐีที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าหันไปคุยกับผู้คุมคุมคำสองคำ ผู้คุมก็โบกไม้โบกมือเป็นสัญลักษณ์อะไรบาง และคนอื่นที่อยู่หลังเราก็กระจายตัวกันออกไปอยู่อย่างเงียบรอบห้องโถงและสวน
ท่านเศรษฐีและบรรดาพี่น้องนั่งบนโซฟา พักผ่อนคุยกันอย่างสนุกสนาน จนพักนึงท่านเศรษฐีเรียกให้ผู้คุมคนนึงเข้าไปหาแล้วพูดกันชั่วครู่ก่อนที่ผู้คุมจะหันมามองทางผม

ผู้คุมชาวอาหรับบึกบึนคนนึงเดินเข้ามาหาผม "เธอตามชั้นมานี่" ผมมองหน้าแล้วลุกขึ้นเดินตามไป ไม่ลืมที่จะยิ้มให้ป้องเพื่อให้ป้องสู้ๆกับสิ่งที่กำลังจะเจอ

ผมเดินตามผู้คุมออกไปยังทางเดิน ผู้คุมพาผมเดินออกไปนอกประตูทางที่เราเข้ามา ผมก็พึ่งเห็นชัดๆคราวนี้เองว่าที่ๆเราอยู่ใหญ่โตมาก ด้านนอกตัวตึกก็เป็นสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม และมีกำแพงสูงสักสี่เมตรล้อมรอบ

เรากำลังเดินออกไปยังประดูบานใหญ่มากที่กั้นระหว่างฮาเร็มกับข้างนอก ผมนึกในใจว่าผมจะได้ออกไปข้างนอกเหรอ หรือผมจะไม่เป็นที่พอใจ ผมจะถูกจับไปฆ่ารึเปล่า ผมเริ่มกังวลแต่ก็ทนเดินตามผู้คุมออกไป

ยามเปิดประตูออก บ้านตึกทรงอาหรับหลังใหญ่เผยให้ผมเห็น บ้านดูเหมือนจะมีสามชั้น ผมเดินตามเข้าไปยังโถงข้างหน้า ทุกอย่างดูสวยงาม อาจจะคล้ายๆกับอาหรับพันหนึ่งราตรีที่ผมเคยอ่านตอนเด็กๆ ผิดกันตรงที่นี่ดูจะรวยกว่าและมีเครื่องใช้ทันสมัยอยู่มากมายทีเดียว

แต่ก่อนเราจะเดินเข้าโถงด้านอื่นๆ ผู้คุมหันมาพูดกับผม "ใส่นี่ก่อน" ผู้คุมเอาที่ปิดตามาให้ผมใส่ ผมรับมาแล้วเอามันปิดตาโดยดี ผู้คุมจับมือผมเดินไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน หรือกำลังจะไปไหน รู้แต่เราเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมา แล้วมีการขึ้นบันได แล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนผู้คุมหยุดเดินแล้วสั่งให้ผมเปิดตาออก

ผมยืนอยู่ในห้องๆนึง ดูเหมือนจะเป็นชั้นสองของบ้าน ห้องใหญ่โตมาก ตกแต่งด้วยเครื่องมีค่ามากมาย ปลายด้านนึึงเป็นหน้ามุกขนาดใหญ่ อีกด้านนึงเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่สวยงาม แต่อีกอย่างที่แปลกคือ "กรงทอง" ขนาดใหญ่ มันดูคล้ายกับกรงนกมากเลยทีเดียว ด้านในมีอะไรสักอย่างคล้ายๆแผ่นโต๊ะขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง แขวนอยู่เหนือพื้นราวๆหนึ่งเมตร ริมกรงฝั่งนึงมีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่ และอีกด้านนึงเป็นลักษณะคล้ายโถส้วม

ผู้คุมเดินไปไขกุญแจกรงแล้วเปิดมันออก "เขาไปได้แล้ว"​ ผมเดินเข้าไปด้านใน ที่ผมต้องมาถูกขังอยู่ในนี้เหรอ ไม่หรอกคงแค่เป็นที่เล่นเสียงของพวกมันเฉยๆมั้ง ผมขืนใจเดินเข้าไปข้างใน

พอผมเดินเข้าไป ผู้คุมก็ปิดกรงและล๊อกผมเอาไว้ข้างใน "อยู่ไปก่อนเดี๋ยวจะมีเพื่อนมาอยู่ด้วย" เขาพูดกับผม

"อะไรนะคับ ใครคับ" ผมถามออกไป แต่ผู้คุมดูเหมือนจะไม่สนใจและเดินออกไปจากห้อง

ผมนั่งบนเตียงแขวนนั่น รอดูชะตาชีวิตบัดซบของตัวเอง

สักพักใหญ่ๆ ประตูห้องนอนก็เปิดออก แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นชายผู้คุมคนเดิม หญิงชาวอาหรับใส่ผ้าปิดหน้าเหลือเพียงตา เดินเข้ามากับหญิงสาวคนนึง

หญิงสาวชาวเอเชีย สูงประมาณร้อยหกสิบกว่า ผิวค่อนข้างขาว ผมกะดูน่าจะเป็นสาวจีน อายุน่าจะประมาณสิบแปดสิบเก้า หน้าตาสะสวย แต่สิ่งที่เด่นที่สุดของก็หนีไม่พ้น "สองเต้า" ที่ใหญ่โตมากเข้ากับเรือนร่างสวยงามมีน้ำมีนวลของเธอ

หญิงชาวอาหรับเปิดประดูให้เดินเข้ามาในกรงเดียวกันผมและก็ล๊อกประตูปิดไว้ แต่ไม่เหมือนกับผู้คุมของผม เธอยืนพูดกับหญิงคนนั้นเป็นภาษาจีน ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับแต่ก็พูดกันอยุ่นานพอควร เสร็จแล้วเธอก็หันมาพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ

"คนที่มาส่งเธอบอกเธอแล้วยัง"

"ยังครับ" เธอทำหน้าแบบไม่พอใจเล็ก

"ไม่เป็นไรชั้นบอกเธอเองก็ได้" เธอเริ่มพูดให้ผมฟัง

สิ่งที่เธอพูดคือผมต้องติดอยู่ในกรงนี้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยน อาจเป็นเดือนหรือเป็นปีก็ได้ ผมจะต้องมีอะไรกับสาวชาวจีนคนนั้นตลอดเวลาที่เศรษฐีอยู่ในห้อง ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว หรีืออยุ่กับใครก็ตาม หยุดได้เฉพาะเวลาที่เศรษฐีหลับหรือไม่อยู่เท่านั้น ตลอดเวลาที่เศรษฐีอยู่จะต้องไม่ขับถ่ายอะไรทั้งนั้น จะต้องมีเซ็กอย่างเดียว เว้นแต่ท่านเศรษฐีจะสั่งให้ทำอย่างอื่น ถ้าไม่ไหมมียาปลุกเซ็กวางไว้ ทุกวันตอนที่เศรษฐีไม่อยู่จะมีอาหารมาให้ทาน ส่วนการอาบน้ำก็เช่นกัน เฉพาะเวลาที่เศรษฐีไม่อยู่ เธอถามย้ำตอนสุดท้ายว่า "เข้าใจมั๊ย" ผมพนักหน้าตอบ แล้วเธอก็เดินออกไปจากห้อง

ผมหันหน้ามามอง "คู่นอน" ของผม ผมจะลองพูดกับเธอดู "คุณชื่ออะไรครับ" ผมพูดกับเธอที่ยืนอยู่ริมกรงไม่กล้าเข้ามาที่เตียง

เธอพูดภาษาของเธอกับผม แล้วทำมือแบบว่าเธอไม่เข้าใจ ผมมองหน้าเธอแล้วก้ไม่รู้จะทำยังไง แต่เธอคงเข้าใจคำสั่งเหมือนกับผม

ผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีเสียงตะโกนปลุกผม ผมตกใจรีบดันตัวขึ้นมา ผู้คุมคนเดิมตะโกนอยู่หน้ากรง ผมมองดูหญิงสาวก็ยังนั่งขดตัวอยุ่ริมกรง ดูเธอเหมือนนั่งร้องไห้มาตลอด

"ท่านเศรษฐีกำลังจะมาแล้ว" ผู้คุมพูดกับผม พร้อมกับท่านเสรษฐีที่ตามเข้ามาติดๆ ผู้คุมรีบถอยออกจากห้องพร้อมกับผมที่เดินรีบดีดตัวขึ้นมาทำหน้า ท่านเศรษฐีเดินมาหยุดยืนดูที่ริมกรง แต่ไม่ได้มีท่านเศรษฐีคนเดียว หญิงมีอายุชาวอาหรับอีกคนเดินเข้ามาด้วย พร้อมกับหญิงสาวสวยแขกขางอีกสองคน

ผมรีบพุ่งไปที่สาวชาวจีนแล้วจับข้อมือเธอ เธอสะบัดมือหนีแล้วซุกตัวเหมือนเดิม ผมต้องจ้องหน้าเธอแล้วทำมือกรีดคอ เพื่อบอกให้เธอรู้ว่าถ้าไม่ทำก็ได้

เธอหยุดขัดขืน ผมอุ้มเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วพาเธอขึ้นมาบนเตียง ผมไม่รู้ว่าใครจะดูอยู่บ้าง แต่ผมจะทำเธอให้ที่สุดให้เบาที่สุด

ผมเล้าโลมตามซอกคอ ลามเลียผ่านสองถัน ไล่ลงมาจนถึงแคมของเธอ มันยังดูปิดสนิท ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะยังบริสุทธิ์อยู่ ผมค่อยๆแหวกมันออก เธอสั่นเป็นลูกนก ผมใช้สิ้นเลียให้เธออย่างดีที่สุด ผมตวัดเลียติ่งเพิ่มความเสียวให้กับเธอ

ผมเลียจนดูเธอเริ่มเสียวกระสัน ผมย้อนกลับขึ้นมาบีบคลึงสองเต้าของเธอ ผมยอมรับว่าผมเองก็อารมร์ขึ้นเหมือนกัน ของผมชี้แข็งพร้อมที่จะทื่งแทงเธอ ผมเล้าโลมเธออีกที

ผมจับขาเธอแหวกออกหีชมพูสดๆสะอาดเปิดออกมาให้ผม ผมค่อยๆจับมังกรยักษ์ของผมยัดเข้าไป เธอเกร็งตัวแสดงสีหน้าเจ็บปวดตอนผมเริ่มใส่มันเข้าไป จนผมต้องลมไปเล้าโลมสองถันของเธอให้ผ่อนคลาย เพียงแค่ส่วนหัวผมก็รู้สึกได้ถึงความฟิต และควาเสียวที่หัว ผมค่อยๆสอดมันลงไปจนสุด เธอครางร้องออกมาด้วยความเจ็บ ผมค่อยๆเพิ่มจังหวะแทงให้แรงขึ้นๆ เร็วขึ้นๆ เธอครางออกมาตลอดเวลา ผมมองดูนมใหญ่ๆของกวัดแก่วงไปตามแรงโยก เนื้อขาวนุ่มน่าฟัดของเธอ ผมก้มลงไปฟัดกับมันต่อ เอวก็ยังกระแทกแบบไม่มีหยุด มันเสียวมากจากความฟิตความซิงของมัน เธอก็ตรางตามด้วยความเจ็บปนเสียง ผมกระแทกอยู่สักพักนึงผมก็ถึงที่หมายพอๆกับเธอ ผมแช่เอาไว้ในนั้นมไม่เอาออกมา แม่ว่าตอนนี้หีเธอจะตอดผมมาก แต่ผมรู้ว่าหยุดไม่ได้ ผมจึงเล้าโลกเธอต่อและรอบสองของเราสองคน

คืนนั้นเราเปลี่ยนท่าเอาเอากันหลายแบบ โดยผมไม่ได้เอาน้องชายออกมาจากรูของเลย กว่าท่านเศรษฐีจะหลับก็ปาไปแปดรอบสำหรับผม ผมนอนกอดก่ายบนตัวเธอทันทีที่เสร็จครั้งสุดท้าย และเราก็หลับไปด้วยกันโดยของผมยังคาอยู่รูของเธอ

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...