วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ใช้หนี้บอล...ด้วยความเสียว 15

ไม่นานผมก็ถึงจุดหมาย น้ำของผมผสมกับน้ำหนองและน้ำหลั่งของเธอจนเต็มหน้าขาของเราทั้งสองคนไปหมด เธอยังคงครวญครางด้วยความเจ็บปวด ผมเหลือบขึ้นมองหน้าเธอโดยใจสังเวช ใบหน้าเต็มใบด้วยความเจ็บที่ฝังลึก แต่ไม่มีเรี่ยวแรกแม้แต่จะยึดตัวเองขึ้น ผมรีบดึงน้อยชายกึ่งแข็งกึ่งอ่อนออกมากลีบของเธอ ยาที่ใช้ที่นี่คงเป็นยาคุณภาพดีจริงๆ ผมมันทำให้ผมยังแข็งได้ แม้จะถึงจุดหมายไปแล้วก็ตาม

ผมนั่งลงที่ปลายขาเธอ เอามือบีบที่ขาของเธอ ผมอยากให้เธอรู้ว่าเธอทำได้ดีแล้วและตอนนี้มันเสร็จแล้ว

เพล้งงงง...เสียงจานประดับใบที่สองปามาชนซี่ลูกกรง ผมรีบหับไปตามเสียง ทั้งท่านเศรษฐีและภรรยา มองหน้าผมอย่างออกคำสั่ง ผมรู้ดีว่าทั้งสองสั่งให้ผมเริ่มโชว์บทรักกับหญิงชาวจีนอีกครั้ง ถ้าเป็นภาวะปกติผมจะไม่รู้สึกอึดอัดถึงเพียงนี้ แต่ไม่มีทางเลือกที่ีกว่านี้ผมต้องเริ่มอีกรอบ

ผมหลับตารูดน้องชายของผมให้มันกลับมาผงาดอีกครั้ง ด้วยฤทธิ์ยาที่แรงเพียงแปปเดียวมันก็ชี้ตรงเด่ ท่อนเขื่องผมชี้ไปยังหญิงชาวจีน ผมลุกขึ้นมาคร่อมเธอท่าเดิม ผมรู้ดีว่าเธอเองไม่มีแรงที่จะทำท่าอื่นได้นอกจากนอนเฉยๆ รอฝ่ายชายเป็นฝ่ายกระทำการ

ผมจับท่อนลำจ่อไปที่แคมหว่างขาเธอที่ตอนนี้มันดูโสโครก เหม็นยิ่งไปกว่าเดิมอีก ผมเห็นเธอได้เพียงส่ายหน้าไปมาเบาๆ เหมือนจะบอกว่า "อย่า"​

แต่ผมเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นผมกดมันลงไปจนมิด เธอร้องลั่นเหมือนมีใครเอามืดมากรีดลงไปที่นาผืนน้อยของเธอ ผมเริ่มโยกเอวเข้าออกเป็นจังหว่ะ ผมรู้ดีว่าครั้งที่สองย่อยจะช้ากว่าครั้งแรง ผมรวบขาเธอและกระแทกมันเข้าๆออกๆ เธอคงร้องอย่างทุกข์ทรมานออกไม่ยอมหยุด

เธอร้องโหยหวนจนสิ้นเสียง และทันใดนั้นความผิดปกติก็เกิดขึ้นกะทันหัน เหมือนรูน้อยของเธอหดตัวบีบรัดผมท่องลำของผมไว้ ผมไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น จากฤทธิ์ยาของผมก็ไม่ได้อ่อนลงเลย แม้รูของเธอจะบีบรัดแน่นขึ้นอย่างฉับพลัน

ผมมองไปที่เธอ สาวชาวจีนคู่นอนผมเหมือนหมดสติไป ผมรีบเอามือไปสะกิดที่ใบหน้าเธอเบาๆ แล้วผมก็....เธอ...เธอ...ร่างของเธอเย็น ผมไม่อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ผมรวบรวมความกล้าเอามือไปอังที่จมูกของเธอ

ใช่...ใช่...เธอ "ตาย"​ แล้ว ผมร้องลั่นเหมือนคนเสียสติ แต่ผมก็ไม่สามารถเอาตัวเองออกมาจากเธอได้ ควยผมยังติดอยู่ในรูของเธอ ผมเหมือนคนเสียสติ พยายามดันเธอออก พยายามดิ้นหนี

สติผมลอยกระเจิดกระเจิงไปหมด ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมโวยวายอยู่บนแท่นนั้น แต่รู้ว่ามีคนมาจับผมล๊อกไว้ก่อนจะพยายามดึงตัวผมออก แต่มันก็ไม่ใช่ไม่มีอะไรดูขึ้น และก่อนที่ผมจะสิ้นสติไป ผมเห็นชายแขกคนนึงเอาเล่มยาวมากรีดลงบนแคมของหญิงชาวจีน ที่ตอนนี้เธอได้หมดลมหายใจไปแล้ว เขาผ่ามันออกแล้วแหวะคว้านมัน เลือดไหลเต็มไปหมด ผมเหมือนหน้ามืดจะเปิดลม สิ่งสุดท้ายที่ผมรู้ตัวคือพวกนั้นดึงตัวผมออกมาจากซากของหญิงชาวจีน ที่ตอนนี้มีรอยกรีดตรงอวัยวะจนเหวอะออกมา
ภาพของในวันนั้นของเธอยังคงชัดเจนในความทรงจำของผม ทุกคืนผมจะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชีวิตของผมแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ชีวิตอยู่เพื่อหายใจและมองแสงที่ลอดมาจากลูกกรงเพื่อรู้วันและคืน แต่ก็ใช่ผมจะหมดหวังไปซะทีเดียว ผมยังมีหวังที่จะได้ออกไปจากที่นี่อย่างน้อยก็เมื่อผมสิ้นลม

วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ผมทานข้าวเช้าที่มีคนนำมาให้ และนั่งมองแสดอาทิตย์อุ่นๆที่ลอดเข้ามาในคุก แต่วันนี้กลับไม่เหมือนทุกวัน เสียงเดินของคนมากกว่าหนึ่งคนตามปกติ เดินใกล้เข้ามาเรื่อย ร่างของชายสามคนเดินตรงเข้ามาที่คุกของผม หนึ่งในนั้นผมจำได้ว่าเป็นผู้คุมของฮาเร็ม กุญแจถูกนำมาไขประตูกรงเหล็ก

“แกจะได้ออกไปแล้ว ดีใจมั๊ย” ผู้คุมพูดกับผมพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก แล้วอีกสองคนเข้ามาล๊อกตัวผมแล้วดึงตัวออกไปจากคุก

“จะพาผมไปไหน” ผมเอ่ยถามผู้คุม

“ออกไปข้างนอกไง ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะแล้วพาผมออกไปนอกคุกใต้ดิน

เป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่ผมได้มีโอกาสเห็นท้องฟ้า ผมมองมันเหมือนมันเป็นสิ่งมีค่าของชีวิต ถ้าณติดอยู่ในนั้นเหมือนผม คุณจะรู้ว่าการได้ออกมาเห็นท้องฟ้าภายนอกมีความสุขเพียงใด

ผู้คุมพาผมเดินออกไปที่ใดผมก็ไม่ทราบได้ แต่เท่าที่รู้คือผมไม่ได้กลับเข้าไปในฮาเร็มนรกนั่นอีกแล้ว ผมเดินตามผ่านสวน ตัดเข้าไปด้านหลัง แล้วมาหยุดลงที่เรือนเล็กหลังหนึ่ง

“เข้าไปข้างในแล้วอาบน้ำให้สะอาด” ผู้คุมผลักผมเข้าไปในเรือนโถงนั้น ข้างในไม่ได้มีแต่ผมคนเดียว แต่มีชายหนุ่มอีกคนอยู่ในนั้น “ป้อง” ในที่สุดผมก็เจอป้อง น้ำตาผมเหมือนไหลออกมาเอง ป้องเองก็หันมามองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าทั้งคิดถึงทั้งเป็นห่วง ณ จุดนั้นน้ำตาผมไหลออกมาไม่หยุด ป้องสวมกอดตัวเหม็นๆของผมปากก็พูดแต่ว่า “ไม่เป็นไรแล้วๆ” ผมเหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่

ป้องกอดผมอยู่ครู่เดียวก็บอกให้ผมรีบอาบน้ำ ผมเลยรีบหยิบสบู่และแชมพูมาขัดตัวที่ไม่ได้อาบมาเกือบเดือนจนสะอาดหอม ป้องอาบน้ำเสร็จก่อนผม เอาผ้าเช็ดตัวพันตัวแล้วเอาอีกผืนมายื่นให้ผม

“ลำบากมากมั๊ยอยู่ในคุก” ป้องหยิบผ้าอีกผืนมาเช็ดหัวให้ผม

“รู้ด้วยเหรอ” ผมไม่คิดว่าจะมีใครรู้ว่าผมอยู่ในคุก

“ก็พวกพี่คนไทยเข้าพูดกันบ้าง แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าต้นเป็นยังไงบ้าง”

“ก็โอเค ยังมีชีวิตอยู่” ผมตอบตามตรงเพราะผมก้คิดอย่างนั้นจริงๆ แล้วมันก็ดีกว่าที่ต้องเย็ดโชว์ตลอดเวลาในกรงทองใบนั้น

ป้องยิ้มอย่างสบายใจที่ผมไม่เป็นอะไร “ไปกันเถอะ จากนี้ไปเราอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้น” ป้องพาผมเดินออกไปด้านนอก

“เรียบร้อยแล้วเหรอ” ผู้คุมพูดกับเราสองคน

“ครับ” ผมตอบ แต่เหมือนผู้คุมไม่ค่อยเชื่อในตัวผม เลยเดิมาดมสำรวจใกล้เพื่อดูว่าสะอาดแล้วจริงๆรึเปล่า

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยผู้คุมยื่นชุดให้เราสองชุด เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผมได้มีเสื้อผ้าใส่ แม้ว่ามันจะไม่ได้เหมือนปกติก็ตาม เสื้อตาข่ายโปร่ง และกางเกงบิกินี่ตัวเล็กๆที่โปร่งเช่นกัน ความจริงมันก็ไม่ต่างกับไม่ใส่อะไรเท่าไหร่ เพราะมันก็เห็นได้ทุกส่วนสัดของร่างกาย แต่มันก็ดูเซ็กซี่ไม่น้อย

เมื่อตอนอาบน้ำผมลืมสังเกตุอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวป้องไป ตอนนี้ผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบนตัวของป้อง อย่างแรกคือตัวป้องล่ำหนาขึ้นพอควร หุ่นเหมือนคนเข้าฟิตเนสสม่ำเสมอ และอีกอย่างคือน้องชายของป้องมันดูใหญ่กว่าเดิมมากแม้เวลาหลับ แต่มันดูใหญ่และอวบแบบแปลกๆ แต่ผมก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ถามอะไรป้องในตอนนั้น

ผู้คุมเอากุญแจข้อมือมาใส่พวกเราทั้งสองข้าง แล้วพาเราขึ้นรถที่จอดเตรียมไว้ ในรถมีเพียงผู้คุมกับคนขับรถสองคนเท่านั้น และพวกเราที่นั่งอยู่ด้านหลัง ถึงแม้ว่ามันจะดูว่าง่ายต่อการหนี แต่พูดตรงๆผมรู้ว่ารถเปิดไม่ได้จากได้ใน และผู้คุมคงมีปืนที่เก็บชีวิตเราได้ทุกเมื่อ
ที่ๆเราอยู่มันเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายจริงๆ มีเพียงบริเวณรอบๆคฤหาสถ์หรูเท่านั้นที่เป็นป่าดูชุ่มชื้น นอกจากนั้นเป็นทะเลทรายทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา มีเพียงถนนเส้นเดียวที่ตัดผ่านทะเลทราย จากภูมิประเทศรอบๆตัว ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีอย่างน้อยก็ได้ออกมาจากทะเลทรายอันแสนกันดารแห่งนั้น เพราะแม้ว่าผมจะหนีออกมาจากฮาเร็มได้ ผมเองก็คงไม่สามารถออกไปพ้นทะเลทรายอันแห้งแล้วนี้ได้ด้วยสองขาของตัวเอง

รถวิ่งไปด้วยความเงียบของคนในรถเกือยชั่วโมงเต็ม เราทั้งสองคนผ่านเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ที่นี่มันเป็นเมืองแขกจริงๆ มีแต่คนอาหรับภาบในเมือง และป้ายต่างๆก็เขียนด้วยภาษาอาระบิคทั้งนั้น เมื่อออกจากเมืองนี้เราก็เดินทางลัดเลาะต่อไปตามทะเลทรายอีก แดนรอบตัวมันช่างร้อนระอุยิ่งนัก แม้จะนั่งอยุ่ในรถที่มีแอร์ก็ตาม

“ป้องรู้มั๊ยว่าพวกมันจะพาเราไปไหน” ผมกระซิบเบาๆ

“ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าเราไม่ได้เป็นคนแรกที่มันปล่อยออกมา พี่คนไทยเคยบอกว่า ถ้าเราเริ่มไม่ถูกเรียก หรือไม่ค่อยได้บริการในฮาเร็มแล้วเราก็จะถูกพาออกไปข้างนอก แต่อย่างที่รู้คนทืี่ออกมาข้างนอกก้ไม่เคยได้กลับเข้าไปบอกคนข้างในว่าถูกพาไปไหน ไปทำอะไร”

ผมกลืนน้ำลาย หรือว่ามันจะพาเราไปเฉือนแล้วให้ไปทำงานจริงอย่างที่มันขู่เอาไว้ ผมมองหน้าป้องด้วยสีหน้ากังวล

เหมือนป้องจะรู้ความคิดของผม ป้องเอามือมาบีบที่มือของผมแล้วพูดว่า “ป้องว่ามันไม่ร้ายแรงหรืออันตรายว่าที่เราเคยเจอหรอกต้น เพราะดูจากชุดที่ให้ใส่และมที่ให้เราอาบน้ำให้สะอาดก่อนออกมาก็พอจะรู้แล้วว่า ที่ๆเราจะไปคงเป็นที่ๆเราจะต้องใช้ “ตัว” เรา เป็นประโยชน์อีกแล้วแหละ”

จริงอย่างที่ป้องว่า ถ้ามันจะทำร้ายเราจริงคงไม่เสียเวลาให้เราอาบน้ำ และคงไม่มีชุดตาข่ายเซ็กซี่แบบนี้ใหเใส่หรอก

รถวิ่งได้เกือยค่อนวัน...ผ่านเมือง...ผ่านทะเลทราย ในที่สุดสภาพความเป็นเมืองก็ปรากฎให้เห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่กว่าที่เคยเห็นมากนัก รถวิ่งกันขวักไขว่ ร้านรวงเห็นเรียงรายไปตามสองข้างทาง เริ่มมีตึกสูงให้เห็นบ้าง รถของพวกเราค่อยๆวิ่งฝ่าตัวเมืองไปเรื่ิอยๆ

แสงไฟจากรอบด้านส่องสว่างไปทั่ว หากแม้เพียงฟิลม์ติดรถไม่ได้ทึบขนาดนี้ คนด้านนอกก็คงมองเห็นพวกเราได้ชัดเจนแล้ว ผมพยายามจำเส้นทางที่ผ่านไว้แต่ก็หมือนจะยากเหลือเกิน ถนนคดเคี้ยวเลี้ยวไปเลี้ยวมา จากแยกนั้นต่อแยกนี้ ในที่สุดเราก็มาหยุดอยู่ในตรอกเล็กๆเงียบหลังตึกเรียงยาว

ผุ้คุมลงไปจากรถเข้าไปยังประตูเล็กๆด้านหลังตึก ทิ้งให้คนขับนั่งเฝ้าเราสองคน อึดใจเดียวผู้คุมก็เดินออกมากับชายอาหรับหนวดเฟิ้มสูงวัย ผู้คุมเดินมาที่ประตูหลังแล้วเปิดประตูออก

“เอ้าลงมาได้แล้ว” ผู้คุมสั่งให้เราสองคนลงจากรถและเดินตามเข้าไปด้านใน

พวกเราเดินเข้าประตูเล็กๆนั่นเข้าไปด้านใน ห้องอับๆมืดๆที่เสมือนเป็นห้องเก็บของ ทั้งมีของระเกะระกะ มีม่านสีดำทอดยาวปิดส่วนเก็บของนี้กับอีกห้องหนึ่ง ชายอาหรับอีกคนนั้นเดิมไปที่ผ้าม่านแล้วแง้มดูเล็กน้อย ก่อนจะกวักมือเรียกให้เราสองคนเดินตามออกไปพร้อมกับผู้คุม

หลังม่านดำอันนั้นคือห้องสลัวที่ที่ตกแต่งไว้ง่ายๆ ผมได้เพียงเหลือบมองดูแว๊ป เหมือนกันว่ามันจะมีโซฟาหลายตัววางกระจายอยู่ตามมุมห้องที่มืด มืดพอที่จะพรางไปหน้าของบรรดาผู้คนที่มานั่งไม่ให้เห็นได้ถนัด บริเวณที่สว่างที่สุดประดับด้วยไฟสลัวหลากสีคงเป็นเคาร์เตอร์บาร์ ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของบารากู่อบอวลไปหมด

พวกเราตามชายคนนั้นขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว ด้านบนชั้นสองแบ่งเป็นสองด้าน ห้องที่ถูกแบ่งไว้อยุ่ด้านหนึึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นโซฟาสีแดงตัวยามที่มีไฟสว่างส่องลงมาให้เห็นได้ชัดเพียงจุดเดียว จากนั้นอีกด้านเป็นทางเดินแคบๆและเป็นห้องแบ่งไว้สามสี่ห้อง และเราก็เดินผ่านขึ้นมาชั้นสามและสี่ก็ยังคงเป็นห้องที่ถูกแบ่งซอยแยกเอาไว้

จนมาถึงชั้นห้าซึ่งเป็นชั้นบนสุด ระหว่างบันได้ชั้นสีต่อใช้ห้ามีประตูลูกกรงเหล็กปิดไว้บานหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้ล๊อกเอาไว้ ชายคนนั้นนำเราขึ้นมาถึงชั้นบนสุด เราก็ได้เห็นสถานที่ๆเราพอจะเดาได้ว่ามันคืออะไร

ห้องขนาดใหญ่ที่มีเครื่องออกกำลังกายมาตรฐานสองสามอย่างวางไว้ตรงกลาง อีกด้านนึงเป็นฝูกหมอนผ้าห่มที่ปูต่อเรียงรายเอาไว้ ส่วนอีกด้านดูเหมือนจะเป็นโต๊ะและกระจก รวมทั้งห้องเล็กๆที่ดูแล้วคงจะเป็นส้วม และด้านที่ติดกันเป็นที่อาบน้ำมีม่านปิดเอาไว้

ผมไม่สงสัยเลยว่าต่อจากนี้ผมกับป้องคงต้องอาศัยที่นี่เป็นที่หลับนอน แต่ก็นับว่าดีกว่าที่ๆเราเคยเจอมา ทุกอย่างดูสะอาดและสะดวกสบายพอที่จะใช้ชีวิต ใช้จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เข้ามานอนในห้องนี้ ประตูลูกกรงเหล็กอันนั้นก็คงจะปิดลงเหลือแต่พวกเราเท่านั้นบนนี้

ชายอาหรับคนนั้นกับผู้คุมเดินไปนั่งที่โต๊ะยาว ปล่อยให้้เราสองคนยืนอยู่กลางห้อง

ผู้คุมหันไปคุยกับชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วชี้มาทางเรา ผมเดาว่าคงเป็นการแนะนำตัวพวกเราอย่างแน่นอน

ครู่หนึ่งชายคนนั้นก็หันหน้ามามองพวกเราตรงๆแล้วพูดกับเราด้วยพาภาษาอังกฤษสำเนียงอาหรับ
“แทค ยัวร์ โคลท ออฟ”

ผมกับป้องก็เข้าใจทันที และก็เหมือนเคยชินกับเรื่องราวเช่นนี้แล้ว เราถอดมันออกในทันที ชายคนนั้นลุกขึ้นมาเดินดูผมกับป้องในระยะประชิด แล้วมือก็จับหมับลงบนท่อนลำของป้อง เขาค่อยๆรูดเร้นมันช้าๆแล้วเร็วขึ้น

ของป้องค่อยชี้แข็งตัวขึ้น มันแปลกไปจริงๆ ดูเหมือนมันไม่แข็งโป๊ก แต่ก็ดูแข็งเต็มที่ และขนาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างมากทีเดียว ดูเหมือนของที่ผ่านการฉีดมา ผมเองไม่เคยเห็นของๆคนที่โดนฉีกจริงๆ แต่ที่เคยเห็นในรูปก็ประมาณนี้ ผมเดาว่าป้องคงโดนฉีกตอนอยุ่ในฮาเร็มนั่นแน่ๆ

แล้วชายคนนั้นก็ปล่อยมือออกจากน้องชายของป้อง เปลี่ยนาลมากุมน้องชายของผมแทน เขาเริ่มกระตุ้นของผมเช่นเดียวกับป้อง ไม่นานอาวุธของผมก็ชี้เด่ขึ้นอย่างไม่อายฟ้าอายดิน เขายิ้มอย่างพอใจ แล้วกลับไปนั่งต่อพูดคุยกับผู้คุม

ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่สองคนนั้นคุยกันหรอกครับ อาจจะเป็นการชม การติ หรือต่อราคา อะไรผมก็สุดปัญญาที่จะเข้าใจ

พอทั้งสองคนพูดคุยกันเสร็จ ผู้คุมลุกขึ้นมายืนที่หน้าผมและป้อง พร้อมกับพูดว่า “ต่อจากนี้พวกแกสองคนจะอยู่ในการดูแลของ “อัลซาฟี” ผู้เป็นเจ้าของคลับแห่งนี้ และพวกแกก็ต้องเชื่อฟังเขาเหมือนที่เชื่อฟังฉันที่ฮาเร็ม ไม่งั้นฉันก็ไม่รับรองความปลอดภัย”

ใช่แล้วผู้คุมขู่เราอีกแล้ว และผมก็รู้ดีว่าพวกใต้ดินแบบนี้ที่รู้จักกันแต่ละคนต้องไม่ธรรมดาแน่ ถ้าขืนดื้อไปพวกเราคงไม่ปลอดภัยแน่ๆ

ผู้คุมเดินลงกลับลงไป เหลือแต่พวกเรากับ “อัลซาฟี”

“พวกยูคงจะรุ้จักกับไอแล้ว ไอซื้อพวกยูมาจากท่านเศรษฐีแล้ว ต่อจากนี้พวกยูก็ต้องเชื่อฟังไอ”

“ครับ” พวกเราตอบแทบจะพร้อมกัน

“โอเค วันนี้พวกยูไม่ต้องทำอะไรหรอก ไอจะให้พวกยูพักผ่อนแต่ ไอจะบอกกฎของเบื้องต้นของที่นี่” อัลซาฟีเว้นวรรคแล้วพูดต่อ “ที่ห้องนี้จะเป็นห้องพักของพวกยู และจะมีคนอื่นๆด้วยที่จะมานอนที่นี่ พวกยูก็นอนที่นี่ และเมื่อเสร็จงานหรือจะขึ้นมานอนที่ห้องนี้พวกยูจะต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกใส่ตะกร้าตรงบันไดชั้นสามไว้ เผื่อความปลอดภัยเผื่อพวกยูพกอะไรที่ไอไม่ต้องการขึ้นมา แล้วก็ออกกำลังกายกันบ้าง ให้หุ่นดูดีอยุ่ตลอด ถ้าใครหุ่นแฟะจะต้องถูกลงโทษ ไอไม่ใช่คนใจร้าย แต่ก็ไม่ปราณีกับคนที่ไม่เชื่อฟัง ถ้าพวกยูทำตัวดีก็จะอยู่ที่นี่แบบมีความสุข” อัลซาฟีพูดเสร็จแล้วเดินกลับลงไป เธอไม่ลืมที่จะหยิบชุดของเราลงไปด้วยและปิดประตูกรงเหล็กล๊อกพวกเราไว้ข้างใน

ผมเดินมาบนฟูกแล้วเอนตัวลงนอนอย่างหมดแรง นี่ผมไม่ได้สัมผัสพื้นนุ่มๆมานานเท่าไหร่แล้ว ในกรงทองก็มีเพียงแท่นเหล็ก มาอยู่ในคุกไม่ต้องหวังอะไรมีเพียงพื้นเปล่าๆแข็งๆและเย็นให้นอน

ผมเอามือก่ายหน้าผากถอนหายใจ ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นแต่ขอให้คืนนี้ผมได้นอนหลับสนิทสักคืน

ป้องทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม แล้วมองลงมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มที่มีให้ เหมือนทุกๆครั้งไม่ว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงหรือหนักแค่ไหน ผมก็ยังมีป้องที่คอยปลอบและให้กำลังใจผมเสมอ

“อยู่ในคุกคงลำบากมากเลยสิ”​ เสียงอ่อนโยนออกมาจากปากของชายที่ร่วมเป็นร่วมตายมากับผม

“อืม...ที่นี่สบายสุดแล้ว” ป้องยิ้มให้ผมอีกครั้งนึง

แล้วผมก้ตัดสินใจถามเรื่องบางเรื่อง “ป้องเราถามอะไรหน่อยได้มั๊ย”

“ได้สิ”

“ไปทำอะไรกับจู๋มา ทำไมมันดูใหญ่โตจัง”

“นี่นะเหรอ” ป้องจับมือผมไปจับที่น้องชาย ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อยแล้วรีบชักมือกลับ แล้วป้องเริ่มเล่าให้ผมฟังถึงสิ่งที่เดิดขึ้น

หลังจากที่ผมถูกเลือกออกไปแล้ว ในวันแรกป้องไม่ได้ถูกเลือกอะไร ชีวิตยังคงไม่มีอะไรนอกจากอยู่ในฮาเร็มรอวันถูกเลือก จนวันนึงที่ลูกชายท่านเศรษฐีเข้ามาในฮาเร็มแล้วเลือกให้เขามีอะไรไปยังฮาเร็มผู้หญิงอีกด้านหนึ่ง วันนั้นเขาได้โชว์ลีลาแห่งความเป็นชาติให้ลูกชายเศรษฐีดูกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยถึงสามคน แล้วเหมือนกับลูกชายเศรษฐีอยากจะได้ผู้ชายที่ลีลาเด็ดมาเป็นเมีย ลูกชายเศรษฐีนำตัวเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวในฮาเร็มแล้วกระหน่ำยัดเยียดความเป็นชายของเขาให้กับป้อง เมื่อกลับมาที่ฮาเร็มฝั่งชาย พี่ๆที่อยุ่ที่นั้นบอกเขาว่าลูกชายเศรษฐีชอบมีอะไรกับผู้ชายที่มีความเป็นผู้ชายสูง เหมือนกับว่าเขาได้พิชิตผุ้ชายคนอื่น ป้องเองก็พอรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของกิจกรรมบนเตียงของลูกชายเศรษฐี แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของพวกพี่คนไทยเหล่านั้น

วันรุ่งขึ้นผู้คุมได้เข้ามาหาเขาและให้ยาปลูกเซ๊กกลับป้อง ป้องบอกว่ามันเป็นยาที่แรงมาก กินแล้วแข็งเลยและแข็งมาก เขาถูกพาออกมายังห้องที่เคยใช่ผ่าตัดทำหมัน ป้องถูกจับตัวขึ้นไปล๊อกบนเตียง ป้องบอกว่าเขารู้สึกกลัวเป็นที่สุด ไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นกับเขาบ้าง แล้วเข็มบรรจุอะไรที่เขาเองก็ไม่เห็นแทงไปที่ท่อนลำที่แข็งตัวเต็มที่ของเขา เข็มแล้วเข็มเล่า เมื่อเสร็จแล้วเหมือนมีการนวดคลึงให้มันเข้ารูปเข้าร่าง

ป้องลงมาจากเตียงอีกทีก็พบว่ามังกรของเขากลายเป็นมังกรใหญ่ ขนาดสิบนิ้วเขื่องๆ ป้องบอกว่ามันก็เหมือนกับวัยรุ่นไทยที่ชอบไปเอาน้ำมันมะกอกมาฉีดเพียงแต่ว่าคงเป็นสารต่างประเภทกับแค่นั้น

และคืนนั้นเขาก็ได้รุ้ว่าทำไมเขาต้่องโดนจับไปฉีด ผู้คุมให้เขากินยากระตุ้นอีกครั้งพร้อมกับเอายางเส้นเล็กๆมารัดไว้ที่รอบโคน ของเขาทั้งใหญ่ทั้งชี้โด่ ก่อนจะพาเขาไปสังเวยให้กับลูกชายเศรษฐี

คืนนั้นเขาก็ถูกลูกชายเศรษฐีเย็ดจนถึงเช้า เขามารู้ทีหลังว่าลูกชายเศรษฐีชอบมีอะไรกับผู้ชายที่มีความเป็นชายสูง ยิ่งลีลาเอากับผู้หญิงเด็ดๆยิ่งชอบ และเขาจะมีความสุขมากที่เห็นคนที่ถูกเอามีควยขนาดใหญ่และแข็งโด่ตลอดการถูกกระทำของเขา

บางคืนป้องต้องเอาผู้หญิงให้เขาดูก่อนด้วยก่อนจะมาสังเวยก้นสวยๆให้กับลูกชายเศรษฐี ทุกครั้งที่ต้องไปบริการเขาจะภาวนาให้เขารอด เพราะน้องชายของเขามีโอกาสเน่าได้ทุกครั้ง ไม่่ว่าจากทั้งสารที่ฉีด และการรัดไข่ หลายต่อหลายครั้งที่ดำคล้ำจากเลือดที่คั่งอยุ่ข้างใน ถ้านานอีกเพียงนิดเดียวมันก็จะกลายเป็นแค่ตำนาน

แต่อย่างที่รู้ๆกัน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ฮาเร็มเศรษฐีได้ฝรั่งลูกครึ่งมาจากรัสเซีย ลูกชายเศรษฐีก็เปลี่ยนมาใช้ฝรั่งคนนั้นแทน ส่วนป้องก็ถูกส่งกลับมาที่ฮาเร็ม เมื่อมีพวกหน้าใหม่เข้ามา หน้าเก่าที่กลายเป็นของเก่าไม่มีใครเรียกใช้ ก็ถูกส่งออกมาจากฮาเร็ม

ผมมองหน้าป้องแว๊ปนึงแล้วถอนหายใจเบาๆ ผมสงสารป้องจับใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับป้องมันคงแย่ไม่แพ้ของผมเหมือนกัน และอาจจะแย่กว่าถ้าหมายถึงผลในระยะยาว ผมว่าป้องเองก็คงไม่กังวลอยู่ลึกๆว่าถ้าวันนึงมังกรน้อยเขื่องๆที่ถูกฉีดจนใหญ่ต้องเน่าไปหรืออาจเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป ซึ่งเราก็บอกไม่ได้
ผมเอื้อมมือไปจับที่มือของป้องแล้วบีบเบาๆ “ไม่ต้องห่วงอะไรนะ ต้นจะอยู่เป็นเพื่อนข้างเอง”

ป้องมองผมด้วยสายตาที่ผมแปลความหมายไม่ถูก “ขอบคุณ” “เศร้า” หรือ “เหงา”

ผมพลิกตัวกลับมานอนพร้อมหาวฟอดใหญ่ ก่อนจะหลับตาลงพักให้กับค่ำคืนที่สบายที่สุดตั้งแต่เจอเรื่องร้ายๆมา

“กูดไนท์นะ” เสียงเบาๆแผ่นเข้ามาก่อนผมจะเข้าสู่นิทราที่อบอุ่นที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...