ผมมองใบหน้าของคนที่ผมเฝ้าคิดถึงเฝ้าเป็นห่วงมาตลอด เจ้าตัวจะรู้มั๊ยว่าตั้งแต่วันที่เขาถูกพาออกไป ทุกคืนผมจะเฝ้ารอว่าเขาจะได้กลับมาเมื่อไหร่ เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะสบายดีมั๊ย จะยังปลอดภัยอยู่มั๊ย ผมถามตัวเองมาตลอดจนกระทั่งได้รู้ว่าผู้คุมจะเอาตัวต้นไปขายออกไปข้างนอก เพราะเจ้าของฮาเร็มไม่ปรารถนาในตัวเขาอีกต่อไป
ผมได้เข้าไปหาผู้คุม จะเรียกว่าติดสินบนนิดหน่อยก็คงไม่แปลก เพราะผมเองก็ได้พวกเพชรพลอยมาบ้างเหมือนกันจากลูกชายเศรษฐี อีกอย่างตอนนี้ผมตกกระป๋องไปแล้วด้วย คงจะไม่ยากเกินไปนักถ้าพวกผู้คุมจะตีตราผมขายต่อออกไป
ตอนแรกผู้คุมก็ทำอิดออดแต่พอผมบอกจะให้เพชรทั้งหมดของผม รวมทั้งไอ้เม็ดใหญ่ที่ฝังอยู่รอบดอกเห็ดด้วย ผู้คุมก็เลยตกลงตีตราผมออก โดยบอกท่านเศรษฐีว่าควยผมเน่าไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว และผมก็ได้ออกมาพร้อมกับ “ต้น”
ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจเขา ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด และวันนึงผมจะพาเขาออกไปนรกที่นี่
ผมใช้มือลูกไปตามเส้นผมนุ่มๆของต้น ตอนนี้เจ้าตัวคงหลับสนิทไปแล้ว “กูดไนท์นะ” ผมจุมพิตเบาๆลงตรงหน้าผากของคนที่ผมรัก ก่อนจะเอนตัวลงนอน มือข้างนึงยังคงกุมมือนุ่มๆของต้นไว้ มันเป็นคืนที่แสนจะมีความสุขที่สุดจริงๆ
“เอ๊ะ...นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย” ผมรู้สึกตัวตื่น เป็นคืนที่ดีที่สุดจริงๆ มีหมอนนุ่มๆผ้าห่มอุ่นๆให้นอน
ผมยันตัวขึ้นมองแสงแดดอ่อนๆที่สาดลอดตามลูกกรงเข้ามา ไม่มีนาฬิกาหรอกครับ ผมกะด้วยสายตาคงจะประมาณสาย แดดสว่างแล้วแต่ก็ยังไม่จัดจ้าไปแบบตอนเที่ยง ป้องยังนอนหลับอยู่ข้างๆผม แต่...ผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ไม่ได้มีแต่ผมกับป้องอยู่สองคนเท่านั้นยังมีอีกนับสินที่นอนกันเรียงรายอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเรียกมาจากอีกด้านนึงของห้อง ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ชายหนุ่มหน้าตาดีทีเดียว หุ่นอย่างกับนักกีฬา ดูแล้วน่าจะเป็นพวกแขกขาว กำลังนั่งบนเก้าอีซิทอัพ หน้าท้องอวดซอคแพคให้เห็นชัดเจน หนอนยักษ์ที่นอนหลับอยู่ใต้พงหมอยดกดำก็ดูน่าเกรงขามไม่ใช่เล่น
“เอ่อออ..เอ่อ...ครับ” ผมยังงงๆตอบอะไรไม่ค่อยถูก
“มาจากไหนประเทศไหนกัน” แขกขาวคนนั้นเอ่ยถามต่อ
“ไทย แล้วนายหล่ะ” ผมก็ชวนคุยครับ ผูกมิตรดีกว่าศัตรู
“ปากี รู้จักไหม”
“รู้จัก”
“ยินดีต้อนรับสู่ซ่องนะ” พูดจบแขกขาวนั่นก็ลงไปซิทอัพต่อ ไม่แม้แต่จะแนะนำตัว ผมก็ได้แต่หัวเราะ ...ซ่อง... ไม่ผิดหรอกผมก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็น “ซ่อง”
ผมเด้งตัวขึ้นมากดน้ำในตู้กด แล้วก็เดินไปล้างหน้า แล้วมานั่งดูไอ้แขกขาวนั่นซิทอัพ ไม่นานป้องก็ตื่นแล้วเดินเข้าเดินมานั่งใกล้ๆ
“ตื่นแต่เช้าเชียว” ป้องเอามือถูๆไล่ความหนาว
“ไม่เช้าแล้ว ดูแดดดิจะเที่ยงแล้วยังก็ไม่รู้”
“แต่ยังง่วงอยู่เลยนะ” ป้องทำหน้าตางัวเงียจริงจัง
“ไปนอนต่อดิ” ผมยังนั่งมองแขกคนนั้นซิทอัพอยู่ หุ่นดีจริงๆ
“นอนไม่หลับแล้ว หนาว ไม่มีคนให้กอด” ป้องยังทำท่าถูมืออยู่อีก
“หิวจัง” ป้องพูดตามขึ้นมา ก็จริงนะเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยตั้งแต่เมื่อคืน ผมก็ท้องเริ่มร้องแล้วเหมือนกัน
ผมลองหันไปพูดกับแขกคนนั้นดูเผื่อมันจะรู้ว่ากินข้าวที่ไหน แต่คำตอบที่ได้มันกลับบอกว่าอยากกินก็ลงไปถามอัลซาฟีดู มันก็ดูเป็นคนกวนตีนจริงๆ แต่ผมก็ไม่อยากสร้างศัตรู มีป้องสบถพึมพำอยู่ข้างๆ
ผมก็ไม่โง่ทำแบบที่ไอ้แขกคนนั้นบอกหรอกครับ ก็นั่งทนหิวคุยกับป้องไป ดูป้องเขม่นไม่ค่อยชอบหน้าแขกเติร์กคนนั้นเลย ผมเองก็ไม่ค่อยถูกชะตาเหมือนกันพูดจากวนตีนขนาดนั้น
คนอื่นๆก็เริ่มค่อยๆทยอยตื่นกันครับ บางคนตื่นมาก็มาออกกำลัง บางคนก็เข้าห้องน้ำ บางคนก็มานั่งคุยเล่น มีบ้างเหมือนกันที่เข้ามาทำความรู้จักกับเราสองคน
ส่วนมากแล้วก็เป็นคนเอเชียครับ เป็นจีนซะเกือบหมด มีหนุ่มอินโดผิวเข้มคนนึง แล้วก็มีออกแขกๆอีกสองคน ส่วนคนไทยมีแค่ผมกับป้องเท่านั้นครับ ส่วนมากก็พูดอังกฤษกันไม่ค่อยได้ มาทักทายนิดหน่อยแล้วก็ต่างคนต่างไป
คงเกือบๆเที่ยงได้มั้งครับ เสียงประตูเหล็กก็เลื่อนออก อัลซาฟีเดินถือหม้อใหญ่ๆขึ้นมากับลูกน้องหนุ่มๆหน่อยอีกสามคน อาหารส่งกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล อาหารทั้งหมดก็มาวางบนโต๊ะยาง แต่ละคนก็หยิบเอาจานไปตักแล้วก็ไปนั่งกิน ผมกับป้องก็ไม่รอช้าครับไปเอาจานมากินกัน ถึงผมจะไม่ชอบอาหารแขกก็เถอะครับ แต่กินมาเป็นเดือนก็เริ่มชินกับมันแล้ว ดีกว่าไม่มีอะไรกิน
พอทานเสร็จอัลซาฟีก็เดินเข้ามาหาผมกับป้อง “พวกยูกินเสร็จแล้วตามไอลงไปข้างล่าง”
ผมกับป้องเอาจานไปวางเก็บแล้วเดินลงตามอัลซาฟีลงไป เราลงไปกันที่ชั้นสองแล้วไปทางด้านที่เป็นห้องซอยไว้ เราเดินตามไปจนถึงห้องด้านในสุดทางขวา
อัลซาฟีพาพวกเราสองคนเข้าไปในห้อง ด้านในไม่ได้เป็นห้องสำหรับแขกมามีอะไรกับเด็ก แต่กลับเป็นห้องทำงานเล็กๆ มีเก้าอีและโต๊ะทำงานวางอยู่ด้านใน
อัลซาฟีนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ส่วนผมกับป้องยืนอยู่อีกด้านนึง อัลซาฟีเอามือถูกันเบาๆแล้วเอนเบาะลงพร้อมกับเอ่ยกับเราสองคน "เมื่อวานไอบอกยูสองคนแล้วว่าไอไม่ใช่คนใจร้าย แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ ขอแค่ยูสองคนทำงานให้ดีที่สุด แล้วปัญหาอะไรก็จะไม่เกิดขึ้น เข้าใจมั๊ย"
ผมพยักหน้าตอบรับ ถึงผมว่ารู้ว่าอัลซาฟีก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่เขาก็ดูเป็นคนดีกว่าทุกคนที่ผมเจอมา และผมก็คิดว่าอัลซาฟีคงสนใจแต่เงินที่จะหาได้เป็นหลักมากกว่า ถ้าไม่ขัดเรื่องนั้นเขาก็คงไม่ทำร้ายเราอย่างที่คนอื่นๆทำ
อัลซาฟีมองหน้าผมกับป้องด้วยสายตากำชับ "มีอีกบางเรื่องที่ไอจะต้องบอกกับยู ที่นี่อาจไม่เหมือนเมืองไทยที่ยูมา ไม่รู้ว่าพวกยูรู้รึเปล่ามาคนอาหรับจะรุนแรงเรื่องเพศมากกว่าคนที่อื่น"
ผมสั่นหัว ไม่รู้เพราะว่าผมเจอแต่เรื่องหนักๆมา ทำให้คิดว่าคงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้ ส่วนป้องยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมา "แล้วพวกผมต้องทำยังไง"
อัลซาฟียิ้มมุมปาก "ทำทุกอย่างที่ลูกค้าให้ทำ"
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมรู้ดีว่าคำพูดแบบนี้ไม่ต้องมีคำถามต่อก็เข้าใจว่าควรทำยังไง
"ไอจะพูดวันนี้ครั้งเดียว ถือว่าเข้าใจกัน คราวหน้าถ้าทำผิดจะต้องถูกลงโทษ" อัลซาฟีโยกเก้าอี้กลับมา "ต้นวันนี้ไปเริ่มงานได้เลย ส่วนป้องยูอยู่ที่นี่รอทำงานตอนเย็น"
ผมฟังแล้วก็ไม่รู้สึกกลัวอีกแล้ว ชีวิตผมมันบัดซบถึงที่สุดแล้ว เหลืออย่างเดียวคือผมยังไม่ตายแค่นั้นเอง ผมมองหน้ามองแล้วยิ้มให้ป้องเป็นเพื่อบอกให้ป้องรู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม เพราะสีหน้าป้องตอนนี้มันปนไปด้วยความกังวล
อัลซาฟีพาเราออกจากห้องทำงาน ป้องถูกส่งกลับขึ้นไปบนชั้นสี่ ส่วนผมเดินลงมาข้างล่างกับอัลซาฟี
"ยูใส่อันนี้ซะ" อัลซาฟียื่นกางเกงในตาข่ายให้ผมใส่ และให้สวมชุดชายอาหรับปกติทับไปอีกชั้น แล้วอัลซาฟีก็พาผมออกมาทางประตูหลังเพื่อมาขึ้นรถ
ตอนนี้ผมดูเหมือนคนปกติทั่วไปมาก ชุดที่ใส่ก็ดูปกติไม่มีอะไรที่ดูเหมือนผมเป็นคนขายตัว ผมนั่งมองถนนหนทางรอบข้าง เมืองนี้ไม่ใช่เมืองเล็กเลยตรงกันข้าม มันใหญ่มาก
ผมนั่งดูเมืองไปเรื่อยๆ จนอัลซาฟีสะกิดผม "เอานี่ไป" อัลซาฟียื่นกระเป๋าเล็กๆเหมือนกระเป๋าใส่เครื่องสำอางค์มาให้ ผมรับมาโดยไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
"เปิดดูซิแล้วเอาไว้ใช้" อัลซาฟีบอกผม ผมเปิดตามที่บอก ในนั้นมียาอยู่ซองนึง แล้วก็เจลหล่อลื่น กับห่วงวงแหวนเหล็กสีเงิน ผมดูแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ
"อะไรเหรอครับ แล้วไม่มีถุงยางเหรอครับ" ผมถาม
อัลซาฟีหัวเราะ "ถุงยางเขาไม่ใช้หรอกที่แถบนี้หน่ะ แล้วก็ไม่จำเป็นด้วย ผู้ชายที่มาจากอาเร็มก็ถูกทำหมันกันมาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ส่วนนี่ยาไว้ปลุกอารมณ์เพราะอาจเจอศึกหนัก และนี่เอาไว้ใส่จะได้แข็งตลอด"
เรามากันถึงใจกลางเมือง ผมไม่รู้หรอกครับว่าที่นี่คือใจกลางเมือง แต่ผมกะเอาจากสายตา ตึกสูงเรียงรายสลับกับตึกเตี้ยๆ มีผู้คนเดินกันไปมาอยู่ตลอดสองฝั่งถนน รถจอดหน้าร้านเบเกอรี่ฝรั่งร้านหนึ่ง อัลซาฟีสั่งให้ผมห้ามพูดอะไรทั้งสิ้นแล้วเดินตามไป โดยกล่องนั้นเขาจะเป็นคนถือไปให้
เมื่อผมออกจากรถเข้าไปในร้านเบเกอรี่ ผมพึ่งสังเกตุว่าชุดคลุมที่ผมใส่เป็น "ชุดผู้หญิง!!" ไม่ใช่ชุดผู้ชาย เพราะในร้านมีผู้หญิงนั่งกันอยู่สามสี่โต๊ะ ผมไม่กล้าหันมองรอบตัวมากนัก ได้เพียงแต่มองตามอัลซาฟี อัลซาฟียืนคุยกับขายในร้าน ท่าทีดูเหมือนกับว่าจะมาซื้อของมากกว่าอย่างอื่น พนักงานก็หยิบของใส่ถาด แต่ชั่วครู่หนึ่งอัลซาฟีก็พูดกับพนักงานสองสามคำก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบน ผมก็ต้องรีบเดินตามอัลซาฟีอย่างเงียบๆ ขึ้นบันไดร้านตามไป ถึงชั้นสามของร้าน ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นชั้นบนสุด ที่ชั้นนั้นมีเพียงที่เก็บของและห้องน้ำแยกชายหญิงสองห้องเท่านั้น
อัลซาฟีหันมาพูดเป็นภาษาอาหรับกับผมสองสามคำก่อนจะกึ่งดันกึ่งผลักผมเข้าไปในห้องน้ำผู้หญิง ส่วนอัลซาฟีผมเห็นเขาเดินไปด้านห้องน้ำชาย
ผมเข้าไปในห้องน้ำหญิงด้วยความมีนงง แต่ในนั้นไม่ได้มีผมอยู่คนเดียว มีหญิงอีกคนหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย เธอใส่ชุดแบบหญิงชาวอาหรับ แต่มีอุปกรณ์บางอย่างใกล้ตัวทำให้ผมเข้าใจได้ว่าเธอน่าจะเป็นแม่บ้านทำความสะอาด ผมยืนอยู่ในห้องน้ำโดยพยายามไม่สนใจเธอแต่เธอกลับดินเข้ามาหาผมแล้วทำทีท่าให้ผมถอดชุดคลุมออก ผมมองดูเธออย่างงงๆ แต่ด้วยสายตาแข็งกร้าวของเธอแล้วผมเริ่มเอะใจแล้วว่าเธอน่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงอาหรับอย่างแน่นอน และเธอก็คงรู้เห็นกับอัลซาฟีเหมือนกัน ผมจึงยอมทำตามเธอบอก
ผมถอดชุดคลุมออก แน่นอนว่าผมเหลือแต่กางเกงในตาข่ายที่ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ เธอทำท่าต่อเหมือนจะบอกให้ถอดออกอีก ผมก็ถอดตามที่เธอบอกเหลือแต่ชุดวันเกิด เธอชี้มือไปที่ห้องน้ำห้องใน หนึ่งในสองห้อง
อัลซาฟีนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ส่วนผมกับป้องยืนอยู่อีกด้านนึง อัลซาฟีเอามือถูกันเบาๆแล้วเอนเบาะลงพร้อมกับเอ่ยกับเราสองคน "เมื่อวานไอบอกยูสองคนแล้วว่าไอไม่ใช่คนใจร้าย แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ ขอแค่ยูสองคนทำงานให้ดีที่สุด แล้วปัญหาอะไรก็จะไม่เกิดขึ้น เข้าใจมั๊ย"
ผมพยักหน้าตอบรับ ถึงผมว่ารู้ว่าอัลซาฟีก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่เขาก็ดูเป็นคนดีกว่าทุกคนที่ผมเจอมา และผมก็คิดว่าอัลซาฟีคงสนใจแต่เงินที่จะหาได้เป็นหลักมากกว่า ถ้าไม่ขัดเรื่องนั้นเขาก็คงไม่ทำร้ายเราอย่างที่คนอื่นๆทำ
อัลซาฟีมองหน้าผมกับป้องด้วยสายตากำชับ "มีอีกบางเรื่องที่ไอจะต้องบอกกับยู ที่นี่อาจไม่เหมือนเมืองไทยที่ยูมา ไม่รู้ว่าพวกยูรู้รึเปล่ามาคนอาหรับจะรุนแรงเรื่องเพศมากกว่าคนที่อื่น"
ผมสั่นหัว ไม่รู้เพราะว่าผมเจอแต่เรื่องหนักๆมา ทำให้คิดว่าคงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้ ส่วนป้องยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมา "แล้วพวกผมต้องทำยังไง"
อัลซาฟียิ้มมุมปาก "ทำทุกอย่างที่ลูกค้าให้ทำ"
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมรู้ดีว่าคำพูดแบบนี้ไม่ต้องมีคำถามต่อก็เข้าใจว่าควรทำยังไง
"ไอจะพูดวันนี้ครั้งเดียว ถือว่าเข้าใจกัน คราวหน้าถ้าทำผิดจะต้องถูกลงโทษ" อัลซาฟีโยกเก้าอี้กลับมา "ต้นวันนี้ไปเริ่มงานได้เลย ส่วนป้องยูอยู่ที่นี่รอทำงานตอนเย็น"
ผมฟังแล้วก็ไม่รู้สึกกลัวอีกแล้ว ชีวิตผมมันบัดซบถึงที่สุดแล้ว เหลืออย่างเดียวคือผมยังไม่ตายแค่นั้นเอง ผมมองหน้ามองแล้วยิ้มให้ป้องเป็นเพื่อบอกให้ป้องรู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม เพราะสีหน้าป้องตอนนี้มันปนไปด้วยความกังวล
อัลซาฟีพาเราออกจากห้องทำงาน ป้องถูกส่งกลับขึ้นไปบนชั้นสี่ ส่วนผมเดินลงมาข้างล่างกับอัลซาฟี
"ยูใส่อันนี้ซะ" อัลซาฟียื่นกางเกงในตาข่ายให้ผมใส่ และให้สวมชุดคลุมอาหรับปกติทับไปอีกชั้น แล้วอัลซาฟีก็พาผมออกมาทางประตูหลังเพื่อมาขึ้นรถ
ตอนนี้ผมดูเหมือนคนปกติทั่วไปมาก ชุดที่ใส่ก็ดูปกติไม่มีอะไรที่ดูเหมือนผมเป็นคนขายตัว ผมนั่งมองถนนหนทางรอบข้าง เมืองนี้ไม่ใช่เมืองเล็กเลยตรงกันข้าม มันใหญ่มาก
ผมนั่งดูเมืองไปเรื่อยๆ จนอัลซาฟีสะกิดผม "เอานี่ไป" อัลซาฟียื่นกระเป๋าเล็กๆเหมือนกระเป๋าใส่เครื่องสำอางค์มาให้ ผมรับมาโดยไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
"เปิดดูซิแล้วเอาไว้ใช้" อัลซาฟีบอกผม ผมเปิดตามที่บอก ในนั้นมียาอยู่ซองนึง แล้วก็เจลหล่อลื่น กับห่วงวงแหวนเหล็กสีเงิน ผมดูแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ
"อะไรเหรอครับ แล้วไม่มีถุงยางเหรอครับ" ผมถาม
อัลซาฟีหัวเราะ "ถุงยางเขาไม่ใช้หรอกที่แถบนี้หน่ะ แล้วก็ไม่จำเป็นด้วย ผู้ชายที่มาจากอาเร็มก็ถูกทำหมันกันมาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ส่วนนี่ยาไว้ปลุกอารมณ์เพราะอาจเจอศึกหนัก และนี่เอาไว้ใส่จะได้แข็งตลอด"
เรามากันถึงใจกลางเมือง ผมไม่รู้หรอกครับว่าที่นี่คือใจกลางเมือง แต่ผมกะเอาจากสายตา ตึกสูงเรียงรายสลับกับตึกเตี้ยๆ มีผู้คนเดินกันไปมาอยู่ตลอดสองฝั่งถนน รถจอดหน้าร้านเบเกอรี่ฝรั่งร้านหนึ่ง อัลซาฟีสั่งให้ผมห้ามพูดอะไรทั้งสิ้นแล้วเดินตามไป โดยกล่องนั้นเขาจะเป็นคนถือไปให้
เมื่อผมออกจากรถเข้าไปในร้านเบเกอรี่ ผมพึ่งสังเกตุว่าชุดคลุมที่ผมใส่เป็น "ชุดผู้หญิง!!" ไม่ใช่ชุดผู้ชาย เพราะในร้านมีผู้หญิงนั่งกันอยู่สามสี่โต๊ะ ผมไม่กล้าหันมองรอบตัวมากนัก ได้เพียงแต่มองตามอัลซาฟี อัลซาฟียืนคุยกับขายในร้าน ท่าทีดูเหมือนกับว่าจะมาซื้อของมากกว่าอย่างอื่น พนักงานก็หยิบของใส่ถาด แต่ชั่วครู่หนึ่งอัลซาฟีก็พูดกับพนักงานสองสามคำก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบน ผมก็ต้องรีบเดินตามอัลซาฟีอย่างเงียบๆ ขึ้นบันไดร้านตามไป ถึงชั้นสามของร้าน ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นชั้นบนสุด ที่ชั้นนั้นมีเพียงที่เก็บของและห้องน้ำแยกชายหญิงสองห้องเท่านั้น
อัลซาฟีหันมาพูดเป็นภาษาอาหรับกับผมสองสามคำก่อนจะกึ่งดันกึ่งผลักผมเข้าไปในห้องน้ำผู้หญิง ส่วนอัลซาฟีผมเห็นเขาเดินไปด้านห้องน้ำชาย
ผมเข้าไปในห้องน้ำหญิงด้วยความมีนงง แต่ในนั้นไม่ได้มีผมอยู่คนเดียว มีหญิงอีกคนหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย เธอใส่ชุดแบบหญิงชาวอาหรับ แต่มีอุปกรณ์บางอย่างใกล้ตัวทำให้ผมเข้าใจได้ว่าเธอน่าจะเป็นแม่บ้านทำความสะอาด ผมยืนอยู่ในห้องน้ำโดยพยายามไม่สนใจเธอแต่เธอกลับดินเข้ามาหาผมแล้วทำทีท่าให้ผมถอดชุดคลุมออก ผมมองดูเธออย่างงงๆ แต่ด้วยสายตาแข็งกร้าวของเธอแล้วผมเริ่มเอะใจแล้วว่าเธอน่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงอาหรับธรรมดาอย่างแน่นอน และเธอก็คงรู้เห็นกับอัลซาฟีเหมือนกัน ผมจึงยอมทำตามเธอบอก
ผมถอดชุดคลุมออก แน่นอนว่าผมเหลือแต่กางเกงในตาข่ายที่ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ เธอทำท่าต่อเหมือนจะบอกให้ถอดออกอีก ผมก็ถอดตามที่เธอบอกเหลือแต่ชุดวันเกิด เธอชี้มือไปที่ห้องน้ำห้องใน หนึ่งในสองห้อง
ผมเดินเข้าไปด้านใน ห้องน้ำใหญ่มากเลยทีเดียว ถ้าเป็นที่อื่นคนเป็นห้องน้ำคนพิการ แล้วเธอก็เดินตามผมเข้ามาพร้อมปิดล๊อคประตู เธอชี้บอกเหมือนให้ผมนั่งลงบนโถส้วม ถือเอากุญแจมือออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วดึงมือผมไปด้านหลังโถส้วม แล้วล๊อกผมไว้อย่างนั้น ผมงงกับการกระทำของเธอ ตอนนี้ผมไม่สามารถขยับ เปลี่ยนท่าหรือลุกจากโถส้วมได้แล้ว เธอหยิบยาปลุกเซ้กจากกระเป๋าผมขึ้นมาแล้วเอามันกรอกใส่ปากผม ผมรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที น้องชายผมก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทีเดียว เธอไม่พูดพล่ามทำเพลงก็เอาหมวกไหมพรมที่มีแต่ช่องจมูก แต่ไม่มีช่องมองเห้นคลุมหัวผมทันที ผมตกอยู่ในความมืด ในใจก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ผมใช้เพียงหูเพื่อรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆกาย ผมเข้าใจอย่างชัดเจนทีเดียวว่าเมื่อเรามองไม่เห็นอะไรที่อยู่รอบๆเราจะกลัวมากขึ้นหลายเท่าตัว
ผมได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วเดินออกไปด้านนอก ผมนั่งลุ้นอยู่ท่ามกลางความมืด ครู่หนึ่งเสียงฝีเท้าคนก็ใกล้เข้ามาแล้วเสียงของประตูก็เปิดขึ้นก่อนจะลงกลอน เสียงนั้นเข้าใกล้มาเรื่อยๆ แล้วมือหนึ่งก็จับลงที่ท่อนลำก่อนผมก่อนที่ปากจะครอบมันลงไป ผมถูกโม๊คครับ แต่ผมไม่รู้หรอกครับว่าเป็นหญิงหรือชาย ไม่นานครับเขาคนนั้นก็ถอนปากออกจากมังกรของผม แต่กลับนั่งทับลงมาเลยครับ คราวนี้ผมรู้แล้วครับว่าเป็นผู้หญิง เพราะรูของเธอคร่อมลงที่แท่งของผมพอดี เธอเริ่มโยกมัน มือก็บีบคลึงที่หน้าแกผม ผมเดาว่าเธอคงหันหน้าเข้ามาหาผม เธอโยกมันอยู่เกือบสิบนาที ก่อนเธอจะหยุดแล้วลุกขึ้นออกไป ผมรับรู้ได้เพียงความรู้สึก แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากเธอเลย มันแปลกจริงๆ มันไม่เหมือนกับการมีเซ็กกับคนอื่นๆทั่วๆ ผมได้แต่เก็บความรู้สึกแปลกใจเอาไว้ เพราะคิดอะไรไปตอนนี้ก็คงจะไม่สามารถหาคำตอบได้
ผมได้ยินเสียงเดินห่างออกไปแล้วเปิดประตูออกไปข้างนอก ในขณะเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงอีกคนสวนเข้ามา เธอทำเหมือนคนแรก เพียงแต่เธอไม่ได้โม๊คผม เธอเพียงขึ้นมาจับมังกรผมเข้าถ้ำเธอแค่นั้น เธอจัดการผมด้วยตัวของเธอเอง และเมื่อเธอเสร็จสม เธอก็ลุกออกไปเหมือนคนแรก และคนต่อมาก็เข้ามาแทนที่ แต่ละคนหมุนเวียนกันไปแบบนี้ ผมจำไม่ได้ว่าวันนี้ผมผ่านผู้หญิงไปกี่คน จนกระทั่งเสียงเปิดประตูเดินเข้ามา ผมทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย วันนี้มันหนักสำหรับผมจริงๆ จนกระทั่งหญิงคนนั้นเดินเข้ามาแก้มัดผมและให้กลับไปใส่ชุดคลุมสตรีแบบเดิม
ผมเดินออกมาจากประตูห้องน้ำเงียบๆ โดยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตามออกมาด้วย ผมทั้งเหนื่อย ทั้งปวดน้องชายไปหมด ผมเข้าใจแล้วว่าชายที่โดนผู้หญิงรุมลงแขกมีความรู้สึกอย่างไร ไม่ทันพ้นประตูอัลซาฟีก็ยืนรอผมอยู่ข้างหน้าแล้ว เขาไม่พูดอะไรกลับผม ได้แต่หันหน้ากลับลงไปแล้วนำผมลงตามบันไดลงไปแล้วกลับออกมาถึงร้าน
ผมถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดตามคำสั่งของอัลซาฟีแล้วเดินขึ้นที่พักชั้นสี่ เพราะอัลซาฟีอนุญาตให้ผมพัก ห้องทั้งห้องเงียบไปหมด ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่ป้อง ผมไม่แปลกใจหรอกครับ เพราะป้องคงกำลังเอาเรือนร่างตัวเองไปทำงานอยู่ที่ไหนสักที่แน่ๆ ผมเลือกที่จะอาบน้ำอย่างรวดเร็วแล้วล้มตัวลงนอน เก็บแรงไว้ต่อสู้กับวันพรุ่งนี้ที่โหดร้าย
ทุกวันที่ผมอยู่ใน "ซ่อง" ของอัลซาฟีผ่านไปอย่างช้า การอยู่แบบนักโทษที่ไม่มีวันหมดอายุทำให้ผมเข้าใจว่าวันเวลาไม่สำคัญกับเราเลย เพราะทุกวันก็ต้องทำเรื่องราวเดิม รู้เพียงแค่พระอาทิตย์ขึ้นและตกเท่านั้น ผมเองไม่เข้าใจว่าทำไมอัลซาฟีถึงเลือกงานแบบเดียวให้ผมทำ ทุกวันผมต้องมีอะไรกับผู่หญิงในสภาพที่ถูกจับนั่งเฉยๆไม่ต่ำกว่าสิบคน เกือบทุกวันผมจะออกจากห้องนั้นอย่างคนไร้วิญญาณ บางวันผมถึงกับล้มลงไปกับพ้ืนต้องอัลซาฟีต้องมาพยุงผมออกไปจากห้อง ชีวิตผมวนเวียนอยู่แค่นี้จริงๆ "กิน เซ็ก นอน"
ส่วนป้องผมแทบไม่ได้เจอป้องเลยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นานๆทีถึงได้คุยกัน เพราะป้องจะเสร็จงานกลับมาตอนเช้า ส่วนผมกลับมาตอนเย็นแล้วก็หลับเป็นตาย แต่ที่ผมไม่รู้สึกเหงาเพราะทุกเช้าที่ผมตื่นมาป้องจะนอนอยู่ข้างๆผม ทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้สู้กับโชคชะตาที่โหดร้ายนี้เพียงคนเดียว
วันนี้ผมก็มา "ทำงาน" ที่ร้านเบเกอรี่อีกเหมือนเคย ผมถูกจับล๊อกไว้กับชักโครก หมวกไหมพรมมาปิดหน้า และยาถูกฉีดเข้าน้องชายผม หญิงคนแล้วคนเล่าก็เข้ามาใช้ผมเป็นเครื่องปลดปล่อยของพวกเธอ ผมทำงานไปเรื่อยๆรู้สึกได้เพียงเวลาตอดรัดของเครื่องเพศพวกเธอที่บ่งบอกว่าพวกเธอไปถึงสวรรค์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมหายใจหอบเหนื่อยในขนะที่เธอตอดรัดผมอย่างมาก แต่สิ่งที่ผมไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หมวกไหมพรมของผมถูกดึงออกจากหัว ผมมองอย่างตกใจไปยังหญิงตรงหน้า ผมไม่อาจมองเห็นหน้าเธอได้ เพราะชุดที่เธอใส่มันปกปิดหน้าตาเธอเกือบหมด แม้ว่าตอนนี้ท่อนล่างของเธอจะเปลือยเปล่าและค้างอยู่กับท่อนลำของผมก็ตาม ผมมองเธอด้วยความตกใจในขณะที่เธอมองผมอย่างพินิจพิเคราะห์ เธอมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโน้มตัวมากระซิบข้างหูผมเป็นภาษาอังกฤษ "เธอน่ารักมาก" แล้วเธอก็คลุมหมวกไหมพรมให้ผมอย่างเดิม ผมรับรู้ว่าเธอเดินออกไปอย่างเงียบๆและหญิงคนใหม่ก็เข้ามาต่อจากเธอ
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น