ผม ตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง รีบอาบน้ำแปรงฟัน แต่งชุดนักศึกษาวิชาทหาร คาดเข็มขัดสนามเรียบร้อย แล้วก็ลงมากินข้าวเช้าในครัวเงียบๆ พอกินอิ่มแล้ว ผมไม่ลืมที่จะขึ้นไปลาพ่อที่ห้องพระ
" พ่อครับ ผมไปก่อนนะครับ ถ้าผมฝึกผ่าน ผมก็จะได้ยศว่าที่ร้อยตรี ผมจะต้องทำให้ได้ครับพ่อ "
อากาศ ยามเช้าสดชื่นดีจริงๆ หลังจากไหว้ศาลพระภูมิแล้ว ผมก็แบกเป้สนามเดินดุ่มๆ ออกจากบ้านด้วยใจที่ฮึกเหิม เปี่ยมด้วยความหวัง การฝึกครั้งนี้มียศว่าที่ร้อยตรีเป็นเดิมพัน ผมต้องฝึกให้ผ่านให้ได้ จะฝึกยากลำบากแค่ไหนก็ต้องสู้ตายแล้วล่ะครับ
ผมเรียกแท๊กซี่ให้ไปส่งที่ สวนเจ้าเชต ราวๆ ตี 5 ครึ่งก็ถึง มีนศท. มาก่อนผมแล้วหลายสิบคน ต่างก็นั่งพักผ่อนกันอยู่ตรงขอบสนาม ผมก็นั่งพักผ่อนด้วย รอเวลาเรียกรวมพล
6 โมง
ปรี๊ดดดดดดดดดดดด
" นักศึกษาชั้นปีที่ 5 รวมพล ! "
ผม ผลุดลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วหลังจากนั่งรอมานาน ถึงเวลาที่ผมต้องไปแล้ว ผมและเพื่อนๆ รีบวิ่งมาเข้าแถวยังที่รวมพล หลังจากจัดหมวดหมู่และตรวจเครื่องแบบครบทุกคนแล้วก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ ผมพยายามชะเง้อมองหาคนที่พอจะรู้จักแต่ก็ไม่เจอเลย รอบตัวมีแต่คนแปลกหน้าเต็มไปหมด สงสัยคราวนี้ต้องลุยเดี่ยวซะแล้ว เดี๋ยวพอไปถึงเขาชนไก่ค่อยไปหาเพื่อนใหม่ก็แล้วกัน...ผมคิดในใจ
ขณะ ที่นั่งอยู่ในรถ ผมอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนรำลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่เกิดขึ้นที่เขาชนไก่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เรื่องราวของผองเพื่อน มิตรภาพ ที่เต็มไปด้วยความสุข ความประทับใจที่นึกถึงขึ้นมาเมื่อไร ก็ยังทำให้ผมยิ้มได้ และวันนี้ เรื่องราวเหล่านั้นกำลังจะเปิดฉากขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้คงจะเจอแต่เรื่องดีๆ นะ
นั่งไปซักพักก็เริ่มง่วง เลยหลับตาลง นอนเอาแรงไว้ก่อน ผมนอนไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวอย่างรุนแรง มันร้อนมากจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ความรู้สึกอย่างนี้แสดงว่า เข้าเขตเขาชนไก่แล้วแน่ๆ นั่นไง ! ตัวอักษร " ร.ด. " ตัวใหญ่เบ้อเริ่มบนภูเขาลูกนั้น ปรากฏต่อหน้าผมเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตแล้ว ต้นไม้ใบหญ้าริมถนนถูกแดดเผาจนไหม้เกรียม อากาศร้อนอบอ้าวมากกว่าเดิมหลายเท่า ผมมองทิวทัศน์สองข้างทางพลางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วและปีที่แล้วอย่างสุขใจ
..................
รถจอดที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ผมได้ยินเสียงครูฝึกตะโกนใส่โทรโข่งดังลั่น
" ลงมาเข้าแถว เร็วๆๆๆ เราจะทำพิธีเปิดกันแล้ว ! "
ทุก คนรีบสะพายเป้แล้วทยอยลงจากรถ วิ่งฝ่าเปลวแดดไปรวมกันที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 รีบจัดแถวจัดหมวดหมู่กันให้วุ่น พอแถมเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าชุดฝึกก็ทำพิธีเปิด เสร็จจากพิธีเปิดก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ นั่งรถต่อไปยังที่พักของเรา กองพัน 51 เหยี่ยวดง
" โอ้โห นี่หรือวะกองพัน 51 กันดารเป็นบ้าเลย "
เพื่อน ที่นั่งข้างๆ ผมพูดเปรยๆ ผมก็เห็นด้วยกับคำพูดของมัน เท่าที่ผมเห็น สภาพภูมิประเทศของกองพัน 51 ดูแห้งแล้ง กันดารมาก พื้นดินแตกระแหงและร้อนจัด บริเวณเต็นท์ที่พักมีต้นไม้ขึ้นครึ้มไปหมดแต่ส่วนใหญ่ก็ถูกแดดเผาจนไหม้ เกรียม บริเวณลานรวมพลเป็นลานดินโล่งแจ้งฝุ่นเยอะ รับแดดเต็มๆ เวลาเข้าแถวต้องร้อนมากแน่ๆ แล้วเวลาโดนสั่งหมอบคงจะทรมานน่าดู ขออย่าให้โดนหมอบบ่อยๆ เลย
" ลงจากรถ เร็ว ! "
ครูฝึกตะโกนมาจาก ข้างนอกรถ ทุกคนรีบสะพายเป้แล้วลงจากรถมาเข้าแถวที่ลานรวมพลท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ แล้วนรกบนดินก็เริ่มขึ้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป !
..................
พอทุกคนเข้าแถวเรียบร้อยแล้ว ครูฝึกเดินตรวจความเรียบร้อยของแถวซักพักแล้วเดินมายืนหน้าแถว ตะโกนลั่น
" ยินดีต้อนรับนักศึกษาวิชาทหารทุกท่านเข้าสู่กองพัน 51 เหยี่ยวดง กองพันลูกผู้ชายตัวจริง ! กองพันนี้ลูกผู้ชายเท่านั้นที่จะอยู่ได้ ใครที่รู้ตัวว่าไม่ได้เป็นลูกผู้ชาย หรือคิดว่าฝึกไม่ไหว อยู่ไม่ได้ ก็ขอให้แยกออกมาจากแถว มารวมกันด้านนี้ ! "
ทุกคนยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ครูฝึกยิ้มที่มุมปากก่อนจะตะโกนต่อ
" ไม่มีใครแยกออกมาจากแถว แสดงว่าเป็นลูกผู้ชายกันทุกคน ฝึกไหวทุกคน ทั้งหมด แถว...ตรง "
ทุกคนยืนตรง ครูฝึกแนะนำหัวหน้าชุดฝึก และครูฝึกของแต่ละหมวดให้พวกเรารู้จัก เมื่อแนะนำครบทุกคนแล้ว หัวหน้าชุดฝึกก็สั่งว่า
" ต่อไปเป็นการไปสักการะศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ให้วิ่งไปจนกว่าจะถึงศาล ห้ามหยุด ! ทั้งหมด แถว..ตรง ! วิ่ง หน้า.. วิ่ง ! "
ผม และเพื่อนๆ ยกแขนขึ้นตั้งหมัดไว้ตรงราวนม ยกตีนซ้ายกระทืบไปตรงพื้นด้านหน้าเสียงดัง ปึบ! แล้วออกวิ่งเหยาะๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน ปากก็ตะโกนไปตลอดทาง
" เอี้ยยยยยยยยย เอี้ยยยยยยยย เอี้ยยยยยยยยย "
" ช้ามาก วิ่งให้เร็วกว่านี้อีก เร้วๆๆๆๆๆ "
ครู ฝึกประจำหมวดของผมตะโกนไล่หลังมา ทำให้ผมและเพื่อนๆ ในหมวดต้องเร่งความเร็วในการวิ่งมากขึ้น แต่ก็ต้องวิ่งให้พร้อมเพรียงเป็นแถวหน้ากระดานด้วย เสียงนศท. วิ่งกัน ตึกๆๆๆๆๆ เป็นจังหวะน่าฟัง ไม่นานพวกเราก็มาถึงศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ผมหอบแฮ่กๆ วิ่งไม่หยุดแบบนี้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย พอทุกคนไหว้ศาลแล้ว หัวหน้าชุดฝึกก็ตะโกนอีกรอบ
" ขามาวิ่งกันช้ามาก พวกท่านยังหนุ่มยังแน่น กำลังวังชายังมีเหลือเฟือ แต่กลับวิ่งกันช้าเหลือเกิน เพราะฉะนั้นขากลับ ผมจะไม่ให้พวกท่านวิ่ง ! "
ผมได้ยินเพื่อนแถวข้างๆ พูดเบาๆ กับเพื่อนของมัน
" ไม่ให้วิ่งแล้วจะให้เดินกลับเหรอวะ จะสบายไปหน่อยมั๊ง "
" กูว่าเขาไม่ให้เดินหรอกว่ะ "
เพื่อนตอบกลับมา ผมก็คิดแบบมัน เขาคงไม่ปล่อยให้พวกเราเดินกลับแบบสบายๆ แน่นอน หัวหน้าชุดฝึกหยุดตะโกนนิดนึงแล้วจึงตะโกนต่อ
" ผมจะให้พวกท่านกลับโดย เดิน - วิ่ง - กลิ้ง - หมอบ - คลาน ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงที่พัก ! "
" หา ! "
ไอ้ คนนั้นหลุดปากออกมาอย่างไม่เชื่อหูตนเอง เพื่อนคนอื่นก็ครางฮือกันแทบทุกคน ผมหน้าเสียทันที ระยะทางจากศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองไปยังกองพัน 51 ถึงจะไม่ไกล แต่ถ้าต้องกลับด้วยวิธีนี้ คงจะเหนื่อยพอสมควร สุดยอดเลย ! การฝึกของปี 5 เนี่ย เดิน - วิ่ง - กลิ้ง - หมอบ - คลาน แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
..................
" หมอบบบบ !!! "
หัวหน้า ชุดฝึกตะโกนเสียงดัง ผมและเพื่อนๆ ทรุดตัวลงไปนอนพังพาบกับพื้นอย่างเหน็ดเหนื่อย หมอบมา 5 ครั้งแล้วยังไม่ถึงที่พักซักที พื้นก็เป็นดินปนทรายที่ถูกแดดเผาจนร้อนฉ่า ร้อนเหี้ยๆ !
" ลุก ! วิ่ง หน้า... วิ่ง ! "
ผมรีบลุกขึ้นแล้ว ออกวิ่งเหยาะๆ ตามเพื่อนข้างหน้าไป เหงื่อของผมแตกเต็มแผ่นหลัง แขนขาก็เมื่อยล้าไปหมด วิ่งไปได้ไม่นานก็ต้องหมอบอีกรอบ แล้วตามด้วยคลานสูง คลานต่ำ ผมกัดฟันคลานไปข้างหน้าด้วยศอกช้าๆ สุดจะทรมาน จะคลานเร็วก็ไม่ได้เพราะต้องเว้นระยะห่างกับตีนคนข้างหน้าด้วย ยิ่งคลานก็ยิ่งร้อน เหงื่ออาบเต็มหน้า ไม่มีเวลาแม้แต่จะเอามือปาดเหงื่อออกจากหน้าทำให้เหงื่อเค็มๆ ไหลเข้าตาเข้าปากผม ผมต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อบรรเทาอาการแสบตาแล้วคลานต่อไป แล้วคำสั่งที่ผมไม่อยากได้ยินมากที่สุดก็ดังขึ้น
" กลิ้งงงงง ! "
ไอ้ กลิ้งนี่แหละทรมานสุดๆ ผมต้องนอนตะแคงแล้วกลิ้งหลุนๆ ไปข้างหน้าช้าๆ บางครั้งก็ชนกับเพื่อนข้างหน้าบ้าง กลิ้งหลายๆ ครั้งก็เริ่มปวดแขนและเวียนหัว ตอนนี้เสื้อกางเกงเลอะดินเป็นรอยแดงๆ หมดแล้ว เหงื่อหยดเลอะพื้นเป็นทาง ครูฝึกให้พวกเรากลิ้งนานเหมือนกัน แล้วค่อยเปลี่ยนคำสั่งเป็นเดิน เดินนี่สบายที่สุดแล้ว แต่ก็สั้นที่สุดเช่นกัน ไม่กี่นาทีต่อมาก็เปลี่ยนเป็นวิ่ง หมอบ คลาน กลิ้ง ไปตลอดทางตามคำสั่งของครูฝึก ทุกคนทำตามคำสั่งอย่างแข็งขันแม้ว่าร่างกายสุดแสนจะอ่อนล้า ต่างก็คิดในใจว่า เมื่อไหร่จะถึงที่พักซักทีวะ ?
กว่า จะถึงกองพัน 51 นศท. ทุกคนก็แทบอ้วกเพราะเดิน - วิ่ง - กลิ้ง - หมอบ - คลาน มาตลอดทาง ผมเองก็ปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่ก็พยายามอดทน หัวหน้าชุดฝึกเดินมาหน้าแถวแล้วตะโกนถามพวกเรา
" เหนื่อยมั๊ย "
ทุกคนพร้อมใจกันตอบว่า
" ไม่เหนื่อย !! "
หัวหน้าชุดฝึกยิ้มก่อนจะตะโกนต่อ
" ดีมาก เพราะนี่เป็นแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น การฝึกของจริงยังไม่ได้เริ่มเลย แต่กำลังจะเริ่มตอนนี้ล่ะ "
ผมแอบกลืนน้ำลาย คิดในใจว่า อะไรวะ ยังไม่ได้เริ่มฝึกอีกเหรอ ที่ผ่านมาแค่อุ่นเครื่องเองเหรอเนี่ย
" ตลอดการฝึก 7 วันนี้ ขอให้พวกท่านท่องจำไว้ว่า.. "
หัวหน้าชุดฝึกหยุดนิดนึง แล้วตะโกนประโยคเด็ดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด
" ความลำบากคือรสชาติของชีวิต พูดตามซิ "
" ความลำบากคือรสชาติของชีวิต !! "
ทุกคนตะโกนตาม
" จำไว้ให้ดีๆ ล่ะ เอ้า ! ต่อไปจะให้ครูฝึกเช็คชื่อ และจัดหมวดหมู่ "
หัวหน้า ชุดฝึกให้ครูฝึกประจำหมวดเช็คชื่อและให้ทุกคนเซ็นชื่อ เสร็จแล้วก็จัดหมวดหมู่โดยคละสถานศึกษา หมู่ของผมมีแต่เพื่อนต่างสถาบันกับผมทั้งนั้น ไม่รู้จักใครเลย
นศท. ถูกแบ่งออกเป็น 4 หมวด 1 หมวดมี 5 หมู่ 1 หมู่มี 11 คน ผมอยู่กองร้อย 2 หมวด 3 หมู่ 2 ( หมู่ปืนกล ) ตำแหน่ง พลกระสุน 1 การแบ่งหมวดหมู่นี้วุ่นวายมาก กว่าจะแบ่งเสร็จก็กินเวลาหลายชั่วโมง พอแบ่งเสร็จหมดครูฝึกก็ให้พัก ผมรีบไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ในหมู่ดู ทุกคนดูเป็นผู้ชายแท้ๆ กันทั้งนั้น ผมสนใจเพื่อนอยู่เพียง 3 คนคือ " ไอ้ช่วง " หัวหน้าหมู่ หนุ่มผิวดำ รูปร่างดีสมส่วน กล้ามเนื้อแน่นไปทั้งตัว ถ้าได้นอนกอดคงจะอุ่นดี " ไอ้เทอดพงษ์ " หนุ่มหน้าไทย หล่อที่สุดในหมู่ ผิวเหลือง ตัวสูงใหญ่ ผมชอบมันมากที่สุดเพราะมันหล่อดี ก็เลยพยายามตีซี้กับมัน เผื่อจะได้แดกมันบ้าง และอีกคนคือ " ไอ้ปราการ " ไอ้นี่หน้าเหี้ย หน้าผากกว้าง ปากหนามาก แต่หุ่นดี ตัวผอมสูง ตูดปอด แขนขายาว หุ่นเหมือนนักเรียนนายร้อยซึ่งเป็นแนวที่ผมชอบ คนอื่นๆ ในหมู่ไม่ค่อยมีอะไรชวนสนใจเป็นพิเศษ ดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ผมถือว่าเพื่อนทุกคนในหมู่เป็นเพื่อนใหม่ที่ผมจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับมันไป อีก 7 วัน ต้องผูกมิตรไว้ก่อน การฝึกวันต่อๆ ไปผมอาจจะต้องพึ่งพวกมันก็ได้ แล้วก็จริงซะด้วย
ระหว่าง ที่ผมกำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆ ในหมู่อยู่นั้น ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังผม แล้วเอามือตบลงไปบนไหล่ของผมเต็มแรง เสียงดัง ปับ ! ผมสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือ แล้วผมก็ต้องอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง ปะ...เป็นไปไม่ได้.. มันมาที่นี่ได้ไง...
ผู้ชายตัวสูง หน้าตาดี ผิวดำแดง คนนั้น มันคือ.....
ไอ้ยุทธ!
................
ไอ้ยุทธมองหน้าผมเหยียดๆ ผมรีบลุกขึ้นยืนจ้องหน้ามัน
" ไง จำกูได้มั๊ย อีตุ๊ด "
ทุก ครั้งที่มีคนเรียกผมว่า " ตุ๊ด " ผมจะฟิวส์ขาดทันที เพราะผมไม่ได้เป็นและไม่ชอบให้ใครมาเรียกผมแบบนี้อยู่แล้ว ผมขบกรามแน่นแล้วด่าลอดไรฟันออกมาเบาๆ แต่ไอ้ยุทธยังอุตส่าห์ได้ยิน
" สัด "
" อ้าว ไหงพูดงี้ล่ะมึง อยู่ดีๆ มาด่ากูทำไมวะ "
เพื่อนในหมู่หันมามองผมกับไอ้ยุทธเป็นตาเดียว ไอ้เทอดพงษ์ลุกขึ้นยืนบ้างแล้วสะกิดแขนผมเบาๆ ก่อนจะถามช้าๆ
" เพื่อนมึงเหรอหนุ่ม "
ผมกัดฟันตอบไอ้เทอดพงษ์
" มันไม่ใช่เพื่อนกู "
ไอ้ยุทธจ้องหน้าผม ผมก็จ้องหน้ามันตอบอย่างไม่พอใจ กำหมัดแน่น พยายามข่มอารมณ์โกรธเต็มที่
" อย่ามายุ่งกับกู ! "
ไอ้ยุทธสะดุ้งโหยงแล้วหัวเราะเบาๆ
" หึ หึ เดี๋ยวนี้พูดกูมึงเป็นแล้วเหรอ ทีเมื่อก่อนยังพูด ชั้น เธอ อยู่เลย เก๊กแมนเหรอมึง "
ผม คลายหมัดแล้วผลักอกไอ้ยุทธเต็มแรง ไอ้ยุทธไม่แสดงอาการว่าเจ็บเลย ได้แต่ยืนขมวดคิ้ว มันคงเริ่มไม่พอใจผมขึ้นมาบ้างแล้ว เพื่อนในหมู่มองผมกับไอ้ยุทธอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไรกัน
" พูดอะไรของมึง เก๊กแมนอะไรวะ "
ผมพูดด้วยความโกรธ ไอ้ยุทธยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบผม ผมเลยพูดต่อ
" มึงไปซะ กูไม่อยากยุ่งกับมึง "
ไอ้ยุทธยังไม่ยอมไป มันยังคงยืนจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น ปากก็พูดว่า
" ตุ๊ดอย่างมึง เรียนร.ด. ถึงปี 5 ทำไมวะ "
ผม กัดฟันกรอด ไอ้ยุทธมันจะหยาบคายกับผมเกินไปแล้ว อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ด้วย พวกมันได้ยินกันหมดว่าไอ้ยุทธเรียกผมว่าอีตุ๊ด ผมอายพวกมันจัง ตอนนี้หนีก่อนดีกว่า.. ผมคิดแล้วตัดสินใจพูดออกไปว่า
" มึงไม่ไป กูไปเองก็ได้ "
พูด จบผมก็เดินหนีไปทันที ไอ้ยุทธมองตามหลังผมแล้วหัวเราะสะใจ เพื่อนในหมู่มองหน้ากันอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้เทอดพงษ์รีบถามไอ้ยุทธ
" มึงเป็นเพื่อนไอ้หนุ่มเหรอ "
ไอ้ยุทธยักไหล่
" เออ กูเคยเรียนกับมันตอนประถม "
ไอ้ปราการถามสอดขึ้นมา
" เฮ้ย ! ไอ้หนุ่มมันเป็นตุ๊ดเหรอวะ กูได้ยินมึงเรียกมันว่าอีตุ๊ด "
ไอ้ยุทธนั่งลงตรงที่ผมนั่งเมื่อกี้ แล้วตอบไอ้ปราการ
" เออดิ นี่พวกมึงไม่รู้เหรอว่าอีหนุ่มน่ะมันเป็นตุ๊ด สาวแตก "
ไอ้ปราการส่ายหน้า เพื่อนๆ ในหมู่ต่างขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ไอ้ช่วงพูดขึ้นมาบ้าง
" เป็นตรงไหนวะ กูเห็นมันก็ดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ไม่ตุ๊ดซะหน่อย ถ้าจะเป็น กูว่าแม่งน่าจะเป็นเกย์มากกว่า "
ไอ้ยุทธหัวเราะลั่น
" 555555 ไม่เกย์หรอกมึง แม่งตุ๊ดแท้ๆ เลยล่ะ ตอนนี้ลายมันยังไม่ออกน่ะสิวะ เดี๋ยวพวกมึงๆ คอยดูต่อไปละกัน รับรองต่อไปมันหลุดสาวแน่ๆ กูรู้จักมันดี เรียนด้วยกันมาตั้ง 6 ปี รู้ไส้รู้พุงมันหมดแล้ว อีหนุ่มแม่งชอบเก๊กแมนเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายอย่างพวกมึง "
ไอ้เทอดพงษ์ทำหน้างง
" โหย มันเป็นตุ๊ดตั้งแต่ประถมเลยเหรอวะ ไม่อยากจะเชื่อ "
ไอ้ยุทธมองหน้าไอ้เทอดพงษ์ แล้วมองหน้าเพื่อนในหมู่จนครบทุกคน ก่อนจะพูดต่อ
" นี่พวกมึงๆ อยากรู้วีรกรรมของอีหนุ่มตอนอยู่ประถมมั๊ยล่ะ กูจะเล่าให้ฟัง "
" อยากๆๆๆ เล่าเลยมึง เล่าเลย "
ทุก คนตอบพร้อมกัน ไอ้ยุทธยิ้มกริ่มด้วยความพอใจแล้วบอกให้ทุกคนนั่งล้อมวง มันนั่งตรงกลางวงแล้วเริ่มเปิดฉากเล่า ท่ามกลางเพื่อนๆ ในหมู่ที่กำลังนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
" พวกมึงไม่รู้อะไร อีหนุ่มน่ะ มันเริ่มสาวแตกมาตั้งแต่เรียนประถมแล้วนะเว้ย 5555555555 "
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น