วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ยอดขุนพล 9

ตอนที่ 19 วันใหม่

เง็กจือหอบร่างที่ยังไม่ได้สติของซู่เรินหนีเข้าดงป่า ผ่านมาสองวันสองคืน ทะลักทุเลอยู่ไม่น้อย เพราะร่างกายของซู่เรินนั้นกำยำแข็งแรง มีน้ำหนักมาก ทำเอาเง็กจือที่ประคองร่างอยู่เหนื่อยหอบไม่ใช่น้อย

วันที่สามคุณชายเรินเริ่มได้สติฟื้นคืนกลับมา จ้องมองเง็กจือด้วยความสงสัย พยายามประคองร่างตัวเองลุกขึ้น แต่ไร้เรี่ยวแรง

“จะ...เจ้าคือหัวหน้าคนงานที่เหมืองใช่ไหม เจ้าจะพาข้าไปไหน ปล่อยข้านะ” ซู่เรินเริ่มเอะอะ

“องค์ชายเรินอย่าได้วิตก ข้าช่วยท่านหนีมาจากที่นั่นแล้วขอรับ” เง็กจือตอบ

“ช่วยข้า? ช่วยข้าทำไมกัน?” ซู่เรินสงสัย

“นานมาแล้ว ท่านเคยช่วยข้าไว้ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ข้าจึงอยากตอบแทนท่านบ้าง” เง็กจือตอบ แต่ไม่กล้าสารภาพรักออกไปได้

“ข้าอยากพักสักหน่อย เจ้าไปหาอะไรให้ข้าดื่มเสียหน่อยเถอะ คอแห้งเหลือเกิน” ซู่เรินตอบ

เง็กจือไม่รอช้า รีบประคองร่างคุณชายให้นั่งอิงกับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะรีบเดินออกไปเก็บผลไม้ที่อยู่บริเวณนั้น และหาน้ำดื่มมาให้คุณชายที่เขาแอบรัก

เมื่อถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว คุณชายเรินก็ค่อยๆ ตั้งสติ คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนจะค่อยๆ เปิดกางเกงตัวเองออกดู แล้วต้องตกใจกับภาพที่เกิดขึ้น

“นี่...ข้าไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย ฆวยงามของข้าไม่เหลืออีกแล้ว...” ซู่เรินน้ำตาคลอเบ้า

ซู่เรินปาดน้ำตา ปิดกางเกงไว้เหมือนเดิม แล้วมองไปรอบๆ จนจำได้ว่าแถบนี้อยู่ใกล้กับเมืองใหญ่ของเพื่อนที่รู้จักกัน หากเข้าเมืองไปขอความช่วยเหลือ ย่อมดีกว่าอยู่กับเง็กจือที่ยังไม่รู้จักกันเลย แถมไม่น่าไว้ใจ ไม่รู้ว่าจะพาเขาไปไหน จะทรมานเขาอีกหรือไม่ คิดได้อย่างนั้นจึงพยุงตัว ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินทางมุ่งไปยังเมืองที่อยู่ข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซ หายลับไปในป่าใหญ่
เมื่อเง็กจือกลับมาไม่เจอคุณชายเริน ถึงกับยืนอึ้ง จิตใจก็ดับวูบ ปล่อยผลไม้ที่หอบมาร่วงพื้นระเนระนาด น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาอาบแก้มแดงทั้งสอง

“คุณชายเรินนนนนนนน ท่านหายไปไหนนนนนน? ท่านอยู่ที่ไหน? หืออออออๆๆ” เง็กจือได้แต่วิ่งอย่างคนบ้า ตะโกนร้องหาคุณชาย แต่กลับไร้เสียงตอบกลับ
..........................................................................................................................................................
หน้าประตูเมืองจางโจว

ซู่เรินพาร่างสะบักสะบอมของตัวเองมาหยุดอยู่หน้าประตูเมือง ทหารเฝ้าประตูรีบเข้ามาประคองร่างที่ใกล้หมดแรง

“ข้ามาพบ “หงเวย” เพื่อนเก่าของข้า ช่วยขะ..ด้ว...” ซู่เรินหมดสติด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนทหารจะรีบพาซูเรินเข้าเมืองไป

ร่างของซู่เรินถูกนำเข้ามาในเรือนรับรองภายใน ก่อนที่กษัตริย์ใหญ่จะเสร็จเข้ามา เบื้องหน้าคือเด็กหนุ่มเหงื่อไหลเต็มตัว แต่พินิจพิเคราะห์ดูหน้าตาแล้วช่างหล่อเหล่าเอาเรื่อง แม้จะมีไรหนวดเคราขึ้นปกปิดใบหน้าอยู่บ้าง มองท่อนบนมีเพียงผ้าคลุมตัวหนึ่ง แต่ก็สามารถมองเห็นได้ชัดว่าใต้ผ้าผืนนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อใหญ่ ท่อนล่างใส่กางเกงเก่าๆ มีเป้ายกนูนสูง

“ชายผู้นี้เป็นใครกันหรือ?” กษัตริย์ใหญ่ถามทหาร

“เรียนท่านหงฟู่ ข้าน้อยมิทราบขอรับ เขาบอกเพียงว่าเป็นเพื่อนเก่ากับท่านหงเวย แต่บัดนี้ท่านหงเวยเดินทางไปร่วมคัดเลือกราชโอรสที่แคว้นต้าเหลียน พวกข้าจึงพาชายคนนี้มาพบท่านแทนขอรับ” ทหารรีบรายงาน

“เป็นเพื่อนกับลูกชายข้าหรือ? หรือว่านี่จะเป็น....?” นายใหญ่จ้องมองใบหน้าของซู่เรินที่หมดสติ ก่อนจะรีบสั่งให้ทหารในเรือนออกไปให้หมด

“เป็นซู่เรินจริงๆ หรือเนี่ย? ไม่คิดเลยว่าลูกชายคนโตของซู่เหวินจะอยู่ในสภาพเช่นนี้” หงฟู่คิดในใจ

จริงๆ หงฟู่กับซู่เหวินนั้นก็รู้จักกันมานาน หากซู่เหวินเป็นเลิศด้านการศึก หงฟู่เองก็จัดว่าเป็นเลิศด้านการค้า เมืองจางโจวนับว่าเป็นเมืองที่ร่ำรวยมั่งคั่งลำดับต้นๆ แคว้นต้าเหลียนเองก็สั่งอาวุธจากเมืองจางโจวอยู่บ่อยครั้ง เมื่อซู่เหวินและหงฟู่มีลูกชาย ก็ส่งเข้าร่ำเรียนที่สำนักเดียวกัน สองครอบครัวนี้จึงสนิทสนมกันดี

เมื่อมีอันจะกิน จึงไม่แปลกที่หงฟู่จะกลายเป็นชายแก่ หัวล้าน รูปร่างอ้วนท้วม พุงโต ทุกอย่างดูตรงข้ามกับแม่ทัพซู่เหวินที่หล่อเหล่า รูปร่างดี แม้จะมีอายุไล่เลี่ยกันก็ตาม

ความแตกต่างในภาพลักษณ์ของหงฟู่กับซู่เหวิน ถูกเก็บมาเป็นปมในใจของหงฟู่อยู่นาน เบื้องลึกในใจของหงฟู่เองก็รู้สึกอิจฉาซู่เหวินที่ไม่มีชายคนใดเทียบได้ หากให้สตรีในโลกนี้เลือกระหว่างเขากับแม่ทัพซู่เหวิน เขาก็คงแพ้ราบคาบอย่างไม่ต้องสงสัย

“โชคเข้าข้างข้าก็วันนี้แหละ ฮ่าๆๆๆ ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน แก้แค้นคนพ่อไม่ได้ อย่างน้อยลงที่ลูกชายสุดหล่อของมันก็ยังดี” หงฟู่มองซู่เริน และยิ้มอย่างมีเลศนัย
..........................................................................................................................................................
เมืองเหอเป่ย

เอ้าเทียนยังคงปลอดภัยอยู่บนเสาไม้กางเกง จริงอยู่ที่เทพอย่างเขาจะปลดพันธนาการและเป็นอิสระจากสถานการณ์ตรงหน้าได้เพียงเสี้ยววินาที แต่เขาก็ยอมถูกมัดอยู่บนนั้นอยู่หลายวัน เพื่อให้คนงานไม่สงสัย และถ่วงเวลาให้ซู่เรินตัวจริงหนีไปได้ไกลจากเมืองเหอเป่ยเสียก่อน

“นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ซู่เรินคงหนีไปได้อย่างปลอดภัยแล้วสินะ” จิ้งจอกเงินเอ้าเทียนพูด

“เมื่อกี้เจ้าบ่นอะไร ไอ้ทาสซู่เริน” คนงานที่อยู่รอบๆ ด่า

“คำก็ทาส สองคำก็ทาส พวกท่านเป็นอะไรกันมากไหมเนี่ย?” เอ้าเทียนพูดอย่างสบายใจ

“พวกกูเป็นนายของมึง เรียกมึงว่าทาสก็ถูกต้องแล้วไงว่ะ” คนงานเถียง

“อย่างแรกนะ ท่านคงสับสนระหว่างคำว่า “เจ้านาย” กับ “ผู้ทรมาน” อย่างพวกท่าน เราให้ได้มากสุดเป็นแค่ผู้ทรมานเท่านั้นแหละ” ซู่เรินถอนหายใจ
 “อย่างที่สอง...ปากก็บอกว่าเป็นเจ้านาย แต่ทำอะไรเรามิได้สักอย่าง ทรมานทางกายก็ไม่มี ทรมานทางใจก็ว่างเปล่า ลองใคร่ครวญดูเอาเถอะท่านทั้งหลาย” เอ้าเทียนพูดต่อ

คนงานถึงกับโมโหควันออกหู เลือดขึ้นหน้า จริงอย่างที่ซู่เรินพูด พวกเขาทำอะไรผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เลย แม้เส้นขนสักเส้นยังไม่อาจเข้าไปสัมผัสผิวกายของซู่เรินได้ จะตะโกนด่าทอต่างๆ นานา ก็ไม่สะทกสะท้าน กลับกลายเป็นพวกเขาเองที่โดนยอกย้อนกลับมาให้เจ็บปวดใจ

“เราว่าถึงเวลาแล้วล่ะ จะได้ยืดเส้นยืดสายเส้นที เมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้ว อีกอย่างงานเลือกราชโอรสก็ใกล้เข้ามาแล้ว เห็นทีเราต้องไปจากที่นี่ได้แล้ว” เอ้าเทียนพูด

คนงานก็ได้แต่ยืนงง ฟังในสิ่งที่เอ้าเทียนพูดอย่างไม่เข้าใจ จู่ๆ เง็กจือก็ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางคนงาน ทำให้เอ้าเทียนต้องหยุดความคิดที่จะใช้วรยุทธ์เข้าตัดเชือกที่มัดเขาอยู่ แล้วรอดูสถานการณ์

“ท่านหายไปไหนมาตั้งหลายวัน เง็กจือ? พวกข้าเป็นห่วงแทบแย่” คนงานร้องทัก

“ข้าขอโทษด้วยที่หายไปเฉยๆ พอดีหลี่เฉินเรียกพบข้ากะทันหัน จึงไม่มีเวลาบอกลาพวกเจ้า” เง็กจือตอบ

“หลี่เฉินเรียกพบท่านหรือ? มีการอันใดสำคัญหรือเปล่า?” คนงานถาม

“อีกไม่นาน แคว้นต้าเหลียนจะมีพิธีคัดเลือกราชโอรสเพื่ออภิเสกสมรสกับบุตรสาวแม่ทัพ หลี่เฉินต้องการให้ปล่อยซู่เรินเป็นอิสระ และเดินทางไปยังเมืองต้าเหลียนทันที” เง็กจือกล่าว

เมื่อเป็นคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา คนงานจึงไม่มีทางเลือก แม้จะโกรธแค้นซู่เรินแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมให้ซู่เรินเป็นอิสระลงมาจากเสาไม้ ปล่อยให้ซู่เรินกับเง็กจือยืนคุยกันสองคน

“ท่านเคยช่วยข้าหนีไปครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ข้ากลับมาช่วยท่านแล้ว ถือว่าเราหายกันนะ” เง็กจือพูดเบาๆ กับเอ้าเทียนโดยไม่มองหน้า เพราะจะยิ่งทำให้เขานึกถึงหน้าของซู่เริน

“แล้วซู่เรินหายไปไหนซะแล้วล่ะท่าน?” เอ้าเทียนถามอย่างสงสัย
“ขะ...เขา หายไประหว่างข้าออกไปกินผลไม้ ข้าตามหาเท่าไรก็ไม่พบ” เง็กจือตอบเสียงสั่น น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรนะ ท่านอย่าพึ่งคิดมากไป ผ่านมาหลายวันแล้ว ซู่เรินคงมีกำลังขึ้นมาบ้าง เราเชื่อว่าซู่เรินดูแลตัวเองได้ อย่างไรเสียเราจะช่วยตามหาอีกทาง แต่ตอนนี้ขอไปแก้ปัญหาให้แม่ทัพซู่
เหวินก่อนนะ” เอ้าเทียนพูดให้กำลังใจเง็กจือ

“ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก นี่เราต้องไปตามแก้ปัญหาให้มนุษย์ตระกลูซู่ทุกครั้งเลยใช่ไหมเนี่ย?” เอ้าเทียนคิดในใจ ส่วนหนึ่งที่ช่วยก็เพราะอยากรู้ต้นกำเนิดของตัวเองว่าเป็นใคร เหตุใดซู่เรินกับเขาจึงหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ

ก่อนที่เอ้าเทียนจะวิ่งหายเข้าป่าไปอย่างว่องไว ทิ้งให้เง็กจือยืนอยู่เบื้องหลังอย่างมีความหวังว่าจะได้พบกับซู่เรินอีกสักครั้ง แล้วครั้งนั้นเขาจะรีบสารภาพรักกับซู่เรินทันที ไม่ให้เหมือนครั้งนี้ที่มีโอกาสแต่กลับไม่พูดความในใจออกไป

“พวกเราทั้งหลาย ข้าว่าช่วงเวลาสงบเช่นนี้ พวกเราควรมาช่วยกันพัฒนาเมืองเหอเป่ยของเรา ที่นี่มีเหมืองแร่ชั้นดี พื้นที่ก็กว้างขวางอุดมสมบูรณ์ หากพวกเราช่วยกัน ข้าเชื่อว่าเมืองเหอเป่ยจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง” หลี่เฉินประกาศกับคนงาน สร้างเสียงเฮถูกใจจากคนงานได้มาก
..........................................................................................................................................................
เมืองต้าเหลียน

เอ้าเทียนวิ่งมาหยุดอยู่ข้างกำแพงเมือง ก่อนจะยืนไชว่เท้าและใช้ศอกอิงกับกำแพงเพื่อพักเหนื่อยสักครู่  ใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงซู่เริน อีกใจหนึ่งก็ห่วงแม่ทัพซู่เหวิน แต่เมื่อคิดดูแล้ว งานคัดเลือกมีกำหนดชัดเจน หากไปช่วยซู่เรินก่อน คงหมดทางช่วยซู่เหวินเป็นแน่

“ว่าแต่...เราจะแปลงกายเป็นอย่างไรดีนะ? นึกไม่ออกจริงๆ” เอ้าเทียนพูดอย่างไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์มากนัก

“เสียเวลานึกจริงๆ เอางี้แล้วกัน หากร่างปกติของเราเป็นภาพลักษณ์ดั่งเดิม งั้นภาพลักษณ์ใหม่ก็เหลือสักประมาณหนึ่งในสี่ก็แล้วกัน” เอ้าเทียนบ่นกับตัวเอง

ว่าแล้วก็สะบัดภาพคลุมแวบเดียวเท่านั้น ก็กลายเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีแสงออร่าเปล่งประกายออกมาเหมือนร่างที่แท้จริง ก่อนจะพาร่างแปลงที่เหลือประมาณหนึ่งในสี่ของร่างจริงเดินเข้ากำแพงเมืองไป

ระหว่างที่เดินอยู่นั้น เอ้าเทียนสังเกตุเห็นว่าสาวๆ ในเมือง มองมาที่เขาแล้วก็กระซิบพูดคุยอะไรกัน บ้างก็มองแล้วหน้าแดง เอ้าเทียนเกิดความสงสัยจึงใช้หูทิพย์ฟังข้อความที่สาวๆ คุยกัน

“เธอๆ ดูคุณชายรูปงามคนนั้นสิ งามเหลือเกิน งามไปทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า งามอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” สาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อนอีกคน

“จริงๆ ด้วย ดูหน้าคุณชายสิเธอ หล่อเหลาเหลือเกิน ดวงตาก็กลมสวยเหมือนแววตาของเด็กแรกเกิด จมูกก็โด่งคม ปากก็...น่าจุมพิศจริงๆ” เพื่อนอีกคนตอบ

“พวกเจ้าๆๆ เห็นคนหนุ่มตรงนั้นไหม คนอะไรเกิดมาได้หล่อขนาดนี้ หล่อราวกับเทพบุตร รูปร่างก็ดี หาที่ติไม่ได้สักจุด สงสัยจะมาเข้าร่วมคัดเลือกราชโอรสเป็นแน่ โอ๊ยย คิดแล้วอยากเป็นเจ้าสาวแทน” สตรีอีกกลุ่มยืนคุยกัน มองมาทางเอ้าเทียน

“สตรีพวกนี้เป็นอะไรกัน เราไม่เห็นว่าร่างนี้จะน่าสนใจตรงไหนเลย” เอ้าเทียนคิด

เขาไม่รู้ตัวหรอก ว่าเขาเป็นคนที่หล่อและมีเสน่ห์เหลือหลาย ตั้งแต่เขาเกิดมาก็หน้าตาประมาณนี้จึงไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองน่าสนใจตรงไหน ตรงกันข้ามกับผู้พบเห็นที่ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในภวังค์เสน่หา

เอ้าเทียนเดินตรงเข้าเมืองไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดลงชื่อผู้เข้าร่วมคัดเลือก มองเห็นผู้คนมากมายในบริเวณนั้น มีทั้งกลุ่มองค์ชายน้อยใหญ่จากต่างเมืองมากมาย มีองครักษ์ผู้ติดตาม เอ้าเทียนไม่ได้สนใจมากนัก เดินตรงเข้าไปลงชื่อทันที

“มีเจ้าชายมาสมัครเกือบห้าสิบคนเชียวหรือ?” เอ้าเทียนคิดในใจขณะกำลังลงชื่อของตน
..........................................................................................................................................................
ในคุกใต้ดิน
ตั้งแต่แม่ทัพซู่เหวินขับพิษแมงมุมออกจากหมด ก็ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินลับ ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน มีเพียงอาหารและน้ำที่จัดส่งให้ประทังชิวิตไปวันๆ ไม่รู้ว่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร
ตอนนี้ใบหน้าแม่ทัพซู่เหวินมีแต่หนวดเครายาวปกคลุมใบหน้า เนื้อตัวสกปรกมีแต่คราบและกลิ่นน้ำกามและน้ำปัสสาวะ นอนก่ายหน้าผาก เปลื่อยเปล่าอยู่บนกองฟางในคุก
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ขณะเดียวกันซู่เรินก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากหงฟู่ จนเริ่มได้สติฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ เปลือกตาซู่เรินค่อยๆ ลืมขึ้น จนเห็นชายแก่ร่างท้วมตรงหน้า นั่งอยู่ขอบเตียง

“ท่านคือหงฟู่ พ่อของหงเวยใช่หรือไม่? ข้าคือซู่เรินเพื่อนสนิทของหงเวย ท่านลุงจำข้าได้ไหม” ซู่เรินทักเสียงแหบ

“ลุงจำได้สิ เจ้าคือซู่เริน ลูกชายแม่ทัพซู่เหวินเพื่อนรักของข้า ข้าจำได้ดีเชียวละ” ชายอ้วนตอบ

“เจ้าฟื้นแล้วก็ดี ไปแช่บ่อหน้าอุ่นกับข้าเถอะ จะได้สบายตัว” หงฟู่เอ่ยต่อ

ทหารสองนายถูกเรียกเข้ามาในห้องพักเพื่อประคองร่างซู่เรินให้ลุกขึ้นแล้วไปยังบ่อน้ำอุ่นที่จัดเตรียมไว้ในห้องอาบน้ำของหงฟู่ เมื่อมาถึงทหารทั้งสองก็ออกไป ทิ้งให้หงฟู่อยู่กับซู่เรินตามลำพัง ชายแก่ปลดเสื้อผ้าจนหมดก่อนลงไปแช่ตัวในน้ำอย่างสบายใจ

“เจ้ารออะไรเล่า รีบลงมาแช่ตัวกับข้าสิ บ่อน้ำนี้แช่แล้วสบายตัวมากนะ” หงฟู่พูด

ซู่เรินก็ทำตามคำสั่ง ค่อยๆ ปลดเสื้อคลุมออกจากส่วนบน ชายแก่มองอย่างตั้งใจ เห็นแผงอกใหญ่ พร้อมหัวนมสีชมพูของเพื่อนลูกชาย ไล่ออกมาเป็นกล้ามท้องที่คนอ้วนอย่างเขาไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ ใต้สะดือเป็นไรขนดำขึ้นเป็นแนวสวย พร้อมข้อความว่า “หลงฆวย”

“หลานข้า เหตุใดเจ้าจึงประทับความว่าหลงฆวยไว้ตรงนั้นเล่า?” ชายแก่เอ่ยปากถาม

“ขะ..ข้า คือข้า....” ซู่เรินอ้ำอึง รีบเอาเสื้อคลุมมาปิดใต้กล้ามท้องทันที

“ข้ารู้ที่แท้เจ้าก็เป็นพวกวิปริต ไม่ชอบสตรี แต่กลับไปชอบแท่งฆวยของผู้ชายด้วยกันเองสินะ” หงฟู่เริ่มถากถาง

ไม่ช้าทหารสองนายที่รออยู่ข้างนอก ก็ถูกเรียกตัวเขามา จับล็อคแขนซ้ายขวาขององค์ชายซู่เรินที่เปลือยท่อนบนอยู่ แล้วก้มให้คุกเข่าลงไปข้างบ่อน้ำที่ชายแก่กำลังแข่อย่างมีความสุข

“ท่านลุง ท่านจะทำอะไรข้า ข้าเป็นเพื่อนกับลูกชายท่านนะ!!!!” ซู่เรินตะคอกใส่

“ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นลูกของแม่ทัพใหญ่ซู่เหวิน แล้วเจ้ารู้อะไรไหม? คนอย่างข้าเทียบอะไรกับ
ซู่เหวินไม่ได้สักอย่าง ข้านึกอิจฉาทั้งพ่อและลูกตระกูลซู่มาโดยตลอด วันนี้อย่างน้อย ข้าจะได้อยู่เหนือกว่าลูกชายของแม่ทัพซู่แล้ว ถือว่าเจ้ามันซวยที่เกิดมาเป็นลูกซู่เหวินเองนะ” หงฟู่กล่าว

ทันใดนั้นทหารก็ตรงเข้าฉีกกางเกงของซู่เรินออก คนทั้งสามในห้องอาบน้ำถึงกับตาค้างในภาพที่เห็น ตกใจเสียยิ่งว่าเห็นคำว่าหลงฆวยบนหน้าท้องส่วนล้างขององค์เสียอีก เพราะภาพที่เห็นคือเครื่องเพศรูปร่างน่ากลัว ลำฆวยมีแต่ปุ่มนูนกระจายอยู่ทั่ว แถมยังสักฆวยเป็นรูปนกอินทรีสีดำสนิท เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน

“ฮ่าๆๆๆ เจ้ามันพวกอัปรีย์จังไรจริงๆ ด้วย เล่นพิเรนทร์กับฆวยขนาดนี้ ข้าเชื้อแล้วว่าเจ้าหลงฆวยจริงๆ ฮ่าๆๆๆ ดีๆ อย่างนี้ข้าชอบ เจ้าคงทำเงินให้ข้าได้มากโข” ชายอ้วนพูดอย่างมีความสุขที่สุด

“ท่านลุงจะทำอะไรข้า ปล่อยข้าเถอะ ข้าทำเงินอะไรให้ท่านไม่ได้หรอก” ซู่เรินดิ้นแต่ไม่หลุดจากทหารทั้งสอง

“เจ้ารู้ไหมว่าสาเหตุที่เมืองนี้ร่ำรวยเงินทอง ไม่ได้มาจากแค่การค้าขายอาวุธเท่านั้นนะ เบื้องหลังข้าเปิด “สมรภูมิเผยกาม” ให้คนมีเงินทั้งหลายเข้ามาชมเด็กหนุ่มในสังกัดของข้า มีทั้งคนใหญ่คนโตในบ้านเมือง มีจอหงวนระดับหัวกะทิของประเทศ มีขุนนางไพร่ฟ้ามากมายที่เป็นลูกค้าของข้า” หงฟู่พูดขณะแช่น้ำร้อนอย่างสบายใจ

“เด็กในความดูแลของข้าไม่มีใครหล่อหุ่นดีเทียบเจ้าได้สักคน เป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแม่ทัพซู่ แถมฆวยก็ยังแปลกประหลาด น่าสนใจไม่น้อย แค่นี้ก็ดึงลูกค้าให้ข้าได้เยอะแล้ว” ชายแก่กล่าวต่อ

“ปล่อยข้าๆๆๆ ไอ้พวกชั่ว ข้าจะฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องตกนรก” ซู่เรินร้องโวยวาย

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเจออะไรเลวร้ายมาบ้าง แต่ข้าจะแสดงให้เจ้าดูเองว่านรกจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร ฮ่าๆๆๆ วันนี้ข้ามีความสุขเหลือเกิน” หงฟู่พูด

เง็กจือ-ที่กำลังพัคิด ห่วงหาและเฝ้ารอซู่เริน
ซู่เริน-ที่กำลังตกอยู่ในน้ำมือของหงฟู่โรคจิต พ่อของหงเวย
หงเวย-ที่กำลังร่วมงานคัดเลือกในเมืองของซู่เริน ที่คุมขังซู่เหวิน
ซู่เหวิน-ที่กำลังถูกจองจำอยู่ในคุกของเมืองตนเองจากคำสั่งของหลี่เฉิน
หลี่เฉิน-ที่กำลังจะใช้ราชบุตรต่างเมืองมาทรมานแม่ทัพซู่ตามแผนมเหสี
มเหสี-ที่กำลังรอสนุกกับการได้ผู้ชายหล่อหลายคนเป็นของเล่น ภายใต้คำสั่งของนายใหญ่
นายใหญ่-ที่กำลังปล่อยให้แผนการดำเนินไปเพื่อความยิ่งใหญ่ในอนาคต
----อนาคตที่เอ้าเทียนก็ยังไม่รู้ว่าจะรับมือคนเดียวไหวหรือไม่----
 ตอนที่ 19 เริ่มแข่ง

เช้าวันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มคัดตัว ราชบุตรยืนรวมตัวกันอยู่หน้าลานประลองของจวนแม่ทัพซู่เหวิน แต่ละคนบ่งบอกชาติตระกูลของตนเองผ่านหน้าตาที่หล่อเกินชายธรรมดา แต่งองค์ทรงเครื่องดูสง่างมงามไปเสียหมด อย่างไรก็ตามเอ้าเทียนก็ยังคงดูโดดเด่นเป็นพิเศษเมื่อยืนท่ามกลางองค์ชายแต่ละแคว้นเช่นนี้

หลี่เฉินออกมายืนบนแท่นประกาศ ก่อนจะกล่าวทักทายองค์ชายแต่ละแคว้นอย่างโนบน้อม และกล่าวเชิญพระมเหสีที่กำลังก้าวออกมาจากหลังม่าน ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของบุรุษรูปงามทั้งหลาย

“สวัสดีท่านราชโอรสทั้งหลายที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกราชบุตรเขยของตระกลูซู่ เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าตระกูลซู่เป็นตระกูลใหญ่ มีขุนศึกชื่อดังสืบทอดสายเลือดมายาวนาน ฉะนั้นคนที่จะขี้นมาเป็นบุตรเขยได้นั้นต้องไม่ธรรมดา” พระมเหสีกล่าว

“ข้ามีวิธีการคัดเลือกอยู่ทั้งหมดหลายรอบ ขอให้ท่านราชบุตรทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม ภายในครึ่งชั่วยามนี้จะเริ่มการคัดเลือกรอบแรก” พระมเหสีกล่าว
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เมื่อครบกำหนดเวลา ราชโอรสกว่าห้าสิบคนได้รับชุดขาวสะอาดทั้งเสื้อและกางเกง เพื่อเปลี่ยนให้เหมือนกันทุกคน ก่อนจะมายืนรวมตัวกันที่หน้าแท่นประกาศ

เมื่อราชบุตรทั้งหลายรวมถึงเอ้าเทียนและหงเวยได้เปลี่ยนชุดเป็นสีขาวเช่นนี้ ยิ่งทำให้มองเห็นกล้ามเนื้อชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ละคนมีหุ่นที่สมกับเป็นราชบุตรว่าที่ลูกเขยชองแม่ทัพซู่

“ดีมากทุกๆ ท่าน ต่อไปจะเริ่มการคัดเลือกรอบแรก ขอให้พวกท่านฟังกติกาให้ดี” พระมเหสีขึ้นกล่าวต่อหน้าราชโอรส

“การคัดเลือกรอบนี้เป็นการวัดความแข็งแรงทางกาย โดยแบ่งเป็นฐานๆ แต่ละฐานจะมีคำสั่งให้ทำตามอยู่ชัดเจน คนที่ถึงเส้นชัยก่อนเก้าคนแรกจะเป็นผู้ชนะ” มเหสีอธิบาย

ราชโอรสแต่ละคนอยู่ประจำที่เส้นเริ่มต้น และเมื่อสัญญาณกลองดังขึ้น ราชโอรสทั้งหลายก็เริ่มออกวิ่งไปยังฐานแรกทันที
ฐานแรกเป็นราวไม้สูงขนาดพอดีมือ ฐานนี้ให้ราชโอรสกระโดดขึ้นไปเกาะราวไม้ยาว แล้วพยายามยกตัวเองให้อกพ้นสูงจากราวไม้นั้น ขึ้นลงเป็นจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง

ไม่รอช้า ราชบุตรทั้งหลายต่างเข้าประจำที่ของตนเองพร้อมทั้งมีทหารที่คอยยืนนับจำนวนครั้งอยู่ข้างๆ เมื่อเกาะราวไม้สำเร็จ ราชบุตรก็รีบดึงตัวเองให้หน้าอกเลยสูงพ้นขอบไม้ จึงนับเป็นหนึ่งครั้ง

พระมเหสีมาร่วมยืนสังเกตุการณ์อยู่ด้วย นางเดินไล่ดูที่ละคนๆ แต่ไม่ได้สนใจจำนวนครั้งที่ราชบุตรทำได้เลย หากแต่จ้องมองไปที่มัดกล้ามแขนใหญ่ที่แข็งเกร็งขณะดึงตัวขึ้น มองกล้ามหน้าอกที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมา ทำให้เห็นรูปร่างของแต่ละคนชัดเจน บ้างคนก็เริ่มส่งเสริมฮึดขณะดึงตัวขึ้น ที่สำคัญยามห้อยตัวลงแบบนี้ ทำให้มองเห็นเป้านูนของเหล่าชายหนุ่มเชื้อสายกษัตริย์ต่างแดนได้ชัดเจน ทำให้พระมเหสียืนจ้องมองอย่างเลือกไม่ถูก เก็บข้อมูลองค์ชายแต่ละคนอย่างเพลิดเพลิน

เอ้าเทียนไม่ได้รู้สึกว่าฐานนี้จะยากอะไร เขาสามารถดึงตัวแบบนี้ได้ทั้งวันด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นเหนื่อยเพื่อให้ดูสมจริง อย่างไรก็ตามขนาดเป้าของเอ้าเทียนจะดูน่าสนใจกว่า เพราะมันยกนูนพุงออกจากกางเกงสีขาวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พระมเหสีต้องเงยขึ้นมองหน้าเจ้าของเป้า

“ว๊ายยย...ใครกันเนี่ย? หล่อล่ำเป้าใหญ่เหลือเกิน น่าครอบครองเป็นเจ้าของยิ่งนัก” มเหสีหื่นกามคิดในใจไปถึงเรื่องบนเตียงของตนกับเอ้าเทียน

 ไม่นานชายหนุ่มบางคนก็ทำครบหนึ่งร้อยครั้ง แน่นอนว่ารวมถึงเอ้าเทียนด้วย ทั้งหมดรีบไปที่ฐานที่สอง ทิ้งให้ราชโอรสที่ยังทำไม่ครบจำนวนดึงตัวเองขึ้นลงต่อไป

ฐานสองให้ราชโอรสนอนคว่ำ ให้หนักอกแตะถึงพื้นก่อนจะใช้มือดันยกลำตัวขึ้นนับเป็นหนึ่งครั้ง ให้ทำเช่นนี้เป็นจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง

ราชโอรสแต่ละคนรีบวิดพื้นทันทีที่ทราบกติกา โดยมีพระมเหสีและเหล่าทหารยืนดูอย่างสนุกสนาน เพราะบัดนี้บั้นท้ายของชายหนุ่มหลายคนกำลังยกขึ้นลง สร้างความกำหนัดให้กระเทยสวยอยู่ไม่น้อย ในใจก็คิดไปต่างๆ นานา

“ก้นราชบุตรคนนี้กลมสวยจัง น่าจับตีให้แดง คนโน่นก็ก้นแน่นเชียว คิดแล้วน้ำลายไหล”
“คนนี้วิดพื้นแข็งแรงจัง อยากเข้าไปแทรกตัวนอนบนพื้นให้ราชบุตรทิ้งตัวลงมาทับจริงๆ”
เหล่าชายหนุ่มหลายคนเหงื่อท่วมตัว จนชุดสีขาวแทบปกปิดเนื้อหนังไม่ได้เลย เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ และร่างกายที่อยู่ใต้ผืนผ้าบาง

ผู้ชายแต่ละคนล้วนกินกันไม่ลง มองไปทางไหนก็กระตุ้นอารมณ์คนมองได้ทั้งหมด ทั้งกล้ามแขนที่ยันพื้นไว้ ทั้งกล้ามกันที่เกร็งเห็นชัด ทั้งเป้าใหญ่ที่ทิ้งตัวลงพื้น และเด้งไปมายามยกตัวขึ้น เหมือนเหล่าชายฉกรรจ์รูปงามทั้งหลายมาแสดงการเย้ดให้ดูตรงหน้า

ราชโอรสบางคนเหนื่อยจัดก็จะค้างอยู่ในท่าพัก คือใช้แขนดันพื้นนิ่งไว้ ท่านี้ทำให้มองเห็นฆวยใหญ่ในผ้าขาวได้ชัด ถึงแม้จะไม่แข็งตัวแต่ก็ใหญ่เอาเรื่อง ถึงกับดันกางเกงขาวนูนเป็นพวงใหญ่

เอ้าเทียนในร่างมนุษย์แปลงกายก็ไม่แพ้กัน ดันพื้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เครื่องเพศก็ขยับตามแรงยกตัว ขนาดดุงอยู่ในกางเกงบาง ทำให้ทหารหลายคนจับจ้องเป้าราชโอรสรูปงามอย่างลืมตัว

ผ่านจากฐานวิดพื้น ต่อด้วยฐานสุดท้าย ฐานนี้ให้ราชโอรสทุกคนถอดเสื้อผ้า แล้วจับคู่โดยให้หลังชนกันแล้วใช้สองมือคล้องกันไว้ ให้คนหนึ่งก้มตัวเพื่อยกอีกคนให้เท้าลอยพ้นพื้น จากนั้นให้อีกคนก้มตัวเพื่อยกอีกคนให้ลอยขึ้นจากพื้นเช่นกัน ทำสลับกันจนกว่าจะมีอีกฝ่ายที่ไม่ไหว จึงให้ตกรอบไป

ชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อออกเผยหน้าอกและกล้ามรอบแขนที่แข็งเกร็งจากการวิดพื้นและยกตัว หัวนมแตกต่างกันไป บ้างก็ใหญ่นูนน่าดูด บ้างก็เล็กแต่น่ามอง บ้างก็สีคล่ำหน่อย บ้างก็สีชมพูดสวย ก่อนที่ทั้งหมดจะรีบจับคู่กันทันที แล้วเริ่มยกอีกฝ่าย สลับกันไปมา

ภาพที่หลายคนเห็นตอนนี้สร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อย เพราะชายหนุ่มหล่อหลายคนมาเข้าคู่กันในสภาพเปลือยท่อนบน ขณะที่ท่อนล่างก็ยิ่งเห็นได้ชัดยามถูกยกแล้วแอ่นตัวขึ้น มองเป้าทางซ้ายทีขวาที คู่นั้นทีคู่นี้ที อย่างสำราญใจ

ยิ่งถูกเหงื่อชะโลมกางเกงเช่นนี้ ยิ่งง่ายต่อการมอง เพราะเครื่องเพศขององค์ชายทั้งหลายแทบจะสัมผัสกับเนื้อผ้าบาง จนมองเห็นขอบเขตคร่าวๆ ได้ไม่ยาก ร่วมทั้งสีของเครื่องเพศและขนหมอยดำที่ตัดกับสีกางเกง

การคัดเลือกยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เริ่มมีคนยอมแพ้ เพราะหมดเรี่ยวแรง ส่วนคนที่ชนะทั้งเก้าคนก็เข้าไปยืนรอที่เส้นชัยอย่างหอบเหนื่อยเปลือยท่อนบน ยกเว้นเอ้าเทียนที่ไม่มีอาการเหนื่อยใดๆ แต่ต้องแสร้างทำเป็นเหนื่อยให้กลมกลืนไปกับอีกเก้าคนที่เหลือ

ทั้งเก้าถูกเชิญตัวเข้าไปในห้องรับรองขนาดใหญ่ พร้อมบริการน้ำชาที่แอบผสมยากระตุ้นทางเพศไว้ รอบๆ ห้อง มีทหารยืนกระจายอยู่ ตรงกลางห้องคือหลี่เฉินพร้อมพระมเหสี

“ขอแสดงความยินดีกับพระโอรสทั้งเก้าคนที่ผ่านเข้ารอบมาได้พะยะค่ะ รอบนี้จะยิ่งเข้มข้นมากกว่ารอบแรกมากนัก ขอให้พระโอรสทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม และหลังจากนี้ขอเรียกพระโอรสตามลำดับการเข้ารอบ ได้แก่ ราชโอรสหมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง จนถึงหมายเลขเก้า” หลี่เฉินประกาศ

“ตอนนี้พวกท่านผ่านการทดสอบทางด้านร่างกายมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามแม่ทัพยังอยากได้ลูกเขยที่สามารถผลิตทายาสให้ตระกลูซู่ได้อย่างแข็งแรงสมชายชาตรี” หลี่เฉินอธิบาย ขณะที่องค์ชายทั้งหลายเริ่มขมวดคิ้ว

“ข้าอยากให้พวกท่านทั้งเก้าคนสร้างอารมณ์ร่วมรักให้เต็มที่เพื่อแสดงความเป็นชายที่แท้จริง” หลี่เฉินอธิบายต่อ

“ข้าเข้าใจวัตถุประสงค์ของการคัดเลือกดี ถ้าให้สร้างอารมณ์ต่อหน้าทหารชายด้วยกันย่อมไม่มีปัญหา แต่นี่มีพระมเหสีร่วมอยู่ด้วย ข้าว่าคงไม่เหมาะกระมัง” ราชโอรสท่านหนึ่งพูดขึ้น

“ข้ากำลังหาลูกเขยให้ตระกลูอยู่ ข้าต้องรู้ทุกเรื่องของพวกท่าน โปรดอย่าได้ถือสาเลย” มเหสีตอบ

ราชโอรสยืนสับสนกันถ้วนหน้า พวกเขาทราบดีว่าตระกลูซู่นี้ไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าการคัดเลือกราชโอรสจะเข้มข้นและละเอียดถึงเพียงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การได้เป็นราชบุตรเขยของแม่ทัพซู่นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต ไม่รอช้าราชโอรสทั้งหลายจึงเริ่มหลับตาสร้างความเงี่ยนให้ตัวเองทันที

ราชโอรสหมายเลขหนึ่งคือเอ้าเทียนที่เข้ารอบเป็นคนแรก เขาไม่ได้สนใจทำตามคำสั่งบ้าบอนี้ แต่ก็ยืนหลับตาไปตามเรื่องราวให้ดูไม่มีพิรุจน่าสงสัย แต่กระนั้นหน้าตาก็จัดว่าหล่อที่สุดในหมู่ชายทั้งเก้าคน แถมกล้ามเนื้อก็ยังดูดีโดนเด่นกว่าอีกแปดคนที่เหลือ

ราชโอรสหมายเลขสองหน้าหล่อ หุ่นล่ำ กล้ามแข็ง หน้าท้องเป็นลอนๆ กำลังยืนจินตนาการ จนฆวยใหญ่ แข็งตุง เป็นลำตั้งตรง ชี้ขึ้นจนปลายหัวฆวยโผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงเล็กน้อย เห็นเป็นสีแดงสวย มีน้ำหล่อลื่นเคลือบตรงปลาย

ราชโอรสหมายเลขสามที่ยืนติดกัน ใบหน้าดึงดูด ร่างกายสมส่วนกำลังดี ไม่มีไขมันสะสมอยู่ตามผิว ทำให้มองเห็นมัดกล้ามชัดไปหมด แถมเห็นขนอันดกดำสวย ขึ้นเป็นริ้ว หยิกเป็นพุ่มฟูอยู่เหนือขอบกางเกง ดึงให้สายตาเข้าไปตามค้นหาส่วนหมอยที่เหลือในกางเกง และสะดุดเข้ากับเป้าที่ยกนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนอยากจะเข้าไปสัมผัสความเป็นชายในซ่อนอยู่

ราชโอรสหมายเลขสี่ผิวพรรณขาวผ่อง หน้าตาตี๋หล่อ ตัวสูงใหญ่ รูปร่างดี ไม่แพ้หมายเลขอื่นๆ มีแพรหมอยที่ดกมากจนไม่อาจปกปิดไว้ได้ทั้งหมด จึงเผยออกมาให้เห็นตามขอบกางเกงไล่ขึ้นมาถึงหน้าท้อง พร้อมท่อนลึงค์ตุงที่ชวนให้สงสัยว่าจะขาวเหมือนผิวของเจ้าของหรือไม่

ราชโอรสหมายเลขห้าหน้าตาชวนสมสู่ มีกล้ามอกและกล้ามแขนไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดกำลังพอดี มีหัวนมสีชมพูดูน่าดูดน่าเลีย ลูกกล้ามท้องนูนขึ้นพอเห็นได้เป็นแผง ยืนฆวยตุงแข็งเป็นลำอยู่ภายใต้กางเกงบางที่มีน้ำหล่อลื่นเปื้อนอยู่เป็นวงๆ ตรงกับตำแหน่งหัวฆวย

ราชโอรสหมายเลขหก หล่อใช้ได้ทีเดียว แผงอกหนาขนาดใหญ่พร้อมไรขนขึ้นบางๆ หัวนมคล่ำเล็กน้อย กล้ามท้องเห็นส่วนนูนส่วนร่องแล้วชัดเจน ฆวยกำลังแข็งเป็นลำยาวตั้งตรง แทบชี้ทะลุออกจากกางเกง จนอยากจะฉีกกางเกงออกเพราะบดบังของดีภายใน

ราชโอรสหมายเลขเจ็ด หน้าหล่อตาหวาน รูปร่างสมส่วน แต่ไม่ล่ำเท่าคนอื่นๆ แต่ดูเหมือนกล้ามเนื้อตรงฆวยจะใหญ่กว่าเป็นพิเศษ มองเห็นเป็นลำอวบใหญ่พาดไปทางซ้ายเหมือนงูยักษ์ ที่กำลังอึดอัดเพราะกางเกงตัวเล็กเกินไป

ราชโอรสหมายเลขแปด ชายหนุ่มหน้าเข็ม หนวดเคร้าขึ้นตามกรอบหน้าเล็กน้อย ดูน่าเย้ายวน หัวนมเม็ดใหญ่สีเนื้อ ขนหมอยที่ขึ้นลามไปยิ่งกล้ามท้องสวยถึงโคนฆวยที่อยู่เบื้องล่าง พร้อมฆวยดำโตที่ถูกกางเกงพาดทับ ชวนให้น่าร่วมรักด้วยจริงๆ

ราชโอรสหมายเลขเก้า ใบหน้าชวนมองได้ทั้งวัน หัวนมชมพูสวย วางอยู่บนแผงอกล่ำ และกล้ามแขนขนาดใหญ่ พร้อมด้วยฆวยลำเขื่อง กระดกตุงกางเกงอยู่เป็นระยะๆ ทำให้กางเกงขยับอยู่เรื่อยๆ

“บัดนี้ดูเหมือนเจ้าชายทุกพระองค์จะกำลังเพลินอยู่ในจินตนาการ ยกเว้นราชโอรสหมายเลขหนึ่ง” หลี่เฉินทักขึ้น

เอ้าเทียนลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ก็เห็นราชโอรสทั้งเก้ากำลังอยู่ในอาการเคลิ้มในห้วงความคิด สะท้อนออกมาให้เห็นเป็นความแข็งแรงของอวัยวะเพศที่กำลังผลักกางเกงออกมาเรื่อยๆ ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำหน้าสงสัย

“ปกติแล้วเรามีอารมณ์กำหนัดเป็นประจำ โดยเฉพาะกับสตรีเพศทั้งหลาย แต่ครั้งนี้นับว่าแปลกยิ่งนัก แม้จะมีพระมเหสีอยู่ในห้องด้วย แต่เราไม่มีกามารมณ์เลยสักนิด” เอ้าเทียนกล่าวใจเย็น

“เราว่าไม่ปกติแน่ๆ แค่เรานึกว่ามีผู้หญิงจ้องมองเราอยู่ยามนี้ ย่อมมีอารมณ์ได้ไม่ยาก หรือแม้แต่ได้กลิ่นสตรีเพียงเล็กน้อยย่อมเกิดกำหนัดขึ้นแน่นอน แต่นี่เหมือนไม่มีสตรีในห้อง” เอ้าเทียนพูดต่อ

“หรือว่าพระมเหสีจะไม่ใช่.....” เอ้าเทียนยิ้ม มองไปยังพระมเหสี

“สามหาว จะ...เจ้าจะกล่าวหาว่าข้าไม่ใช่สตรีอย่างนั้นหรือ เจ้าล่วงเกินข้ามากไปแล้ว” พระมเหสีปฏิเสธอย่างมีพิรุธ ขณะที่ราชโอรสองค์อื่นๆ ก็หยุดกิจกรรมแล้วรอดูสถานการณ์

“ทหาร จับราชโอรสองค์นี้ไปชังในคุกใต้ดิน เขาหยามเกียรติข้าเกินไปแล้ว ข้าทนไม่ได้” พระมเหสีรีบออกตัวทันที ใจหนึ่งก็เสียดายโอรสรูปงามที่หล่อกว่าอีกเก้าคนอย่างชัดเจน แต่อย่างไรเสียจะปล่อยให้คนหล่อหนึ่งคนมาทำลายแผนการณ์นี้ไม่ได้

เอ้าเทียนยอมให้จับแต่โดยดี ครั้งนึ้นับว่ายิงนกทีเดียวได้สองตัว นอกจากจะได้หักหน้าพระมเหสีจอมปลอมแล้ว ยังได้รู้ที่อยู่ของซู่เหวินที่ถูกขังไว้อีกด้วย ถือว่าประสบความสำเร็จล้นหลาม

กลับมาที่กิจกรรมทางเพศของเก้าพระโอรสที่เหลือ ที่ตอนนี้ยืนเรียงรายฆวยแข็งตุงอยู่ภายในกางเกง ลำฆวยคุณภาพจากชายหล่อเก้าคน สร้างความพอใจให้คนในห้องที่ดูอยู่เป็นอย่างมาก

“ข้อให้เจ้าชายทุกพระองค์...ปลดกางเกงลงให้ถือข้อเท้า” หลี่เฉินสั่งอีกครั้ง

เจ้าชายแต่ละคนหันมามองหน้ากันอย่างลังเล ต่างคนต่างรอให้มีคนเริ่มก่อน ไม่ช้าราชโอรสหมายเลขสามก็สอดนิ้วเข้าตรงขอบกางเกง ก่อนจะดึงกางเกงลงสุดจนถึงข้อเท้า

ลำฆวยยาวผงาดเด้งออกจากกางเกงทันที เผยเห็นให้ขนหมอยที่น่าค้นหาเมื่อสักครู่ออกมาประจักษ์แก่สายตาทุกคนในห้อง หลี่เฉินนั่งดูลำฆวยเจ้าชายอย่างสำราญใจ

เมื่อเห็นว่ามีคนเริ่มแล้ว ราชโอรสองค์อื่นๆ ก็ไม่รอช้า รีบถอดกางเกงออกกันถ้วนหน้า ต่างคนต่างไม่อายซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังหันไปมองของกันและกันอย่างอยากรู้อยากเห็น

ฆวยทุกคนแข็งจัด และเริ่มมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมา ความเป็นชายที่ซ่อนอยู่ปรากฏให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนไร้ข้อสงสัย และช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับเครื่องเพศที่น่าสนใจของแต่ละคนได้ไม่น้อยเช่นกัน

อย่างของราชโอรสหมายเลขสี่ ก็มีสีฆวยที่ขาวสวยเหมือนผิวกาย หัวแดงจัด บานใหญ่ ดูเหมือนดวงอาทิตย์ดวงใหญ่สีแดง ท่ามกลางเมฆสีขาวนวล

ส่วนราชโอรสที่ผิวคล่ำหน่อย ก็มีลำฆวยที่ค่อนข้างขาวผสมกับสีน้ำตาลเนื้อ หัวฆวยก็จะคล่ำตามสีผิวจริง แต่ขนาดก็ใหญ่ไม่แพ้กับคนฆวยขาว

ส่วนราชโอรสที่มีแพรหมอยขึ้นดกดำตรงหน้าท้อง เมื่อปลดกางเกงออกแล้วก็พบว่าภายใต้กางเกงนี้เต็มไปด้วยพกหญ้าหยิกเป็นฐานส่งให้แท่งฆวยพุ่งยาวออกไปข้างหน้า ดูเย้ายวน ชวนให้ลูบไล้จริงๆ

“ทำได้ดีมากทุกพระองค์เลยพะยะค่ะ ต่อไปจะเป็นการวัดขนาดเพื่อเก็บข้อมูล เนื่องจากตระกูลซู่เป็นตระกูลที่มีเครื่องเพศใหญ่มาหลายชั่วอายุคน ผู้เป็นบุตรเขยจึงควรมีเชื้อความใหญ่อยู่ในตัว เพื่อให้ทายาสคนต่อไปภาคภูมิใจในความใหญ่เครื่องเพศของตน”

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...