ตอนที่ 26 เกมกาม(ต่อ)
ไม่รอช้า อดีตเพื่อนสนิทเดินตรงไปหาซู่เริ่นที่น่าสงสาร ด้วยหน้าตาที่เปี่ยมไปด้วยความเงี่ยนปนความแค้นอย่างเต็มที่ เขาปลดกางเกงออก เดินฆวยโด่เข้าไปกลางลานแสดง
“อมฆวยให้ข้าซะ เอาให้น้ำลายชุ่มๆ จะได้ยัดเข้าตูดเอ็งง่ายๆ” หงเวยสั่ง
ซู่เริ่นไม่มีทางหนีได้ หากไม่ทำก็ต้องถูกตัดไข่แน่นอน หากไม่อมก็ต้องทรมานเมื่อโดนฆวยเพื่อนรักยัดเข้ารูตูดที่ปิดสนิท ยามนี้เขาจึงจำใจอ้าปากดูดฆวยให้เพื่อนของตนเอง พยายามทำให้อดีตเพื่อนรักเสียวที่สุด หวังให้มีน้ำหล่อลื่นออกมาบรรเทาความเจ็บปวดยามถูกฆวยสอดใส่เข้าก้น
“อมฆวยเก่งทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะ ตระกูลมึงเกิดมาเพื่อดูดฆวยจริงๆ” หงเวยครางด้วยความเสียว
เมื่อความเสียวได้ที่แล้ว หงเวยดึงฆวยออกจากปากองค์ชาย แล้วเดินอ้อมกลับไปด้านหลัง ก่อนใช้สองมือแหวกก้นองค์ชายออกอย่างตื่นเต้น
“ยังปิดสนิทไม่เหมือนของพ่อมึงเลย วันนี้กูรับรอง รูตูดมึงจะบานยิ่งกว่าของพ่อมึงอีกแน่ๆ”
หงเวยจับท่อนฆวยแท่งใหญ่อันเดียวกับที่เคยใช้แทงเข้าตูดแม่ทัพซู่เหวิ่น จ่อเข้าตรงปากรูตูดของซู่เริ่นแล้วอาศัยน้ำหล่อลื่นและน้ำลายเป็นตัวขับเคลื่อนลำฆวยเข้าไป
อยู่ๆ หงเวยก็นึกถึงภาพตนเองถูกเอ้าเทียนเย้ดอย่างไม่ปราณี ความโกรธแค้นที่สะสมไว้ปะทุขึ้น พร้อมๆ กับที่หงเวยยัดฆวยพรวดเดียวเข้ารูตูดของเพื่อนรักอย่างแรง เกิดเสียงฉีกขาดของเนื้อเยื่อเบาๆ แต่เสียงกรีดร้องของเจ้าของเนื้อเยื่อกลับดังสนั่น
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” ซู่เริ่นร้องสุดเสียง แต่คนดูกลับยิ่งชอบใจ
สองขาของซู่เริ่นสั้นดิกๆ ตัวกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่หงเวยไม่สนใจ ถอนฆวยออกมาครึ่งลำและยัดกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งด้วยความแรงและเร็ว จนเกิดขึ้นเนินฆวยกระทบกับผิวก้นดังพลั่บๆๆ
“เสียวจริงๆ ตูดมึงนี่แน่นยิ่งกว่าของพ่อมึงอีก กูภูมิใจมากที่เกิดมาได้เมียเป็นสองพ่อลูกตระกูลซู่”
ซู่เริ่นร้องไห้น้ำตาไหล เขาเจ็บปวดและแสบบริเวณรูตูดมาก อีกทั้งยังรู้สึกจุกเข้าไปถึงในท้องน้อย กระนั้นฆวยของเขาก็ยังแข็งโด่จากยากระตุ้น ขณะที่หงเวยก็กระเด้าฆวยเข้าออกอย่างแรงทุกครั้ง อัดกระแทกด้วยความเงี่ยนระคนความแค้น
“ซิ๊ดดดด...อ่าส์ พ่อมึงกลายเป็นเมียกูเรียบร้อย แต่มึงมัน*** มึงเสือกมาเป็นเมียน้อยกูอีกคน ฮ่าๆๆๆ” หงเวยเยาะเย้น ระบายความแค้นออกมาผ่านลำฆวยที่เย้ดอย่างไม่หยุดยั้ง
“ถ้าจะเป็นเมียที่สมบูรณ์เหมือนพ่อมึง มึงต้องรับน้ำเชื้อของกูเข้าไป มึงต้องให้กูฉีดน้ำฆวยกูเข้าตูดมึงเหมือนที่พ่อมึงเคยทำไว้” หงเวยเร่งซอยฆวยเข้าตูดที่เริ่มบานของซู่เริ่นด้วยความสะใจ
“อย่าๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าทำอย่างนั้น อย่านะ หยุดนะ” องค์ชายเริ่นดิ้นรนร้องขอ
“ไม่ทันแล้วโว้ยย ไอ้ทาสชั่ว กูจะแตกแล้ว รับน้ำกูไปซะ...อ่าสสสสส์” หงเวยกระตุกพวยพ้นน้าอสุจิจำนวนมากเข้ารูตูดสวยขององค์ชาย เป็นครั้งแรกที่ซู่เริ่นรู้สึกถึงการหลั่งของน้ำฆวยเข้ามาในตัวของเขา ปกติยามที่เขาเย้ดกับผู้หญิงก็มักจะแตกใน แต่ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกเป็นเช่นไร จนวันนี้
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นไงบ้างเพื่อนรัก กูเย้ดเสียวไหมว่ะ ตูดมึงคงอร่อยกับน้ำเงี่ยนกูเลยสิ” หงเวยหยาม
“ขอเชิญคนต่อไป***สดไอ้คุณชายเริ่นหน้าหล่อหุ่นดีคนนี้ให้ถึงใจ กฏคือทุกคนต้องปล่อยน้ำฆวยข้างในตัวมัน แล้วให้คนต่อไปใช้น้ำเงี่ยนของคนก่อนเป็นหล่อลื่นฆวยตนเองเพื่อ***ไอ้หล่อคนนี้”
ซู่เริ่นแทบไม่เชื่อหูตนเอง ที่เขาเห็นตอนนี้คือผู้ชายกว่ายี่สิบคนที่เข้าแถวรอเป็นสามีของเขา ทั้งที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเสียความเป็นชาย และเสียให้กับเพื่อนที่เคยเชี่อใจกันมาด้วย แถมผู้ชายอีกหลายคน เขาหมดแล้วซึ่งเกียรติยศที่เคยมี องค์ชายที่ต้องการของทุกคนกลายเป็นทาสที่คนรวยหน้าไหนก็ยัดเยียดความเป็นผัวให้ได้
กิจกรรมกามดำเนินไปเรื่อยๆ ซู่เริ่นต้องทนถูกทั้งคนแก่ คนหนุ่ม รุม***อย่างไม่ปราณี รูตูดเขาชาไปหมดแล้ว ลีลาแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา บางคนก็แทงฆวยเสยเข้าอัดลำไส้ของเขาอย่างรุนแรง บางก็ทำแบบนุ่มนวลแต่หนักหน่วง บางก็ควงฆวยขยายรูตูดของเขาจนบานอ้าน่าเกลียด
ในช่วงหลังๆ ตูดซู่เริ่นไม่สามารถรับน้ำฆวยได้อีกต่อไป ทำให้น้ำเงี่ยนไหลทะลักออกมายืดยานจากตูดหนุ่มหล่อหยดถึงพื้นดินเบื้องล่างอย่างน่าอับอาย
“ฆวยก็อัปลักษณ์ รูตูดก็บานโร่ มึงมีอะไรดีเหลืออยู่อีกบ้างว่ะ?” ชายคนหนึ่งเย้ย
“เตรียมตูดมึงไว้ดื่มน้ำเงี่ยนกูนะ กูจะฉีดเข้าไปแล้วสุดหล่อ”
“โอ๊ยยย ซี๊ดดดด น้ำเงี่ยนเต็มโพรงตูดเลยว่ะ เสียบฆวยเข้าไปแล้วลื่นไปหมด”
“ตูดฉีกแล้วองค์ชาย ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“เป็นผู้ชายหล่อๆ ให้สาวติดไม่ชอบ เสือกชอบโดนเย้ดอย่างสัตว์”
“เสียดายแทนพวกคนจนที่ไม่มีเงิน อดเย้ดตูดองค์ชายรูปงามอย่างพวกข้า ฮ่าๆๆ”
“เมียรัก ขอให้ฆวยผัวคนนี้เข้าไปสำรวจข้างในหน่อยนะ เดี๋ยวแถมน้ำเชื้อให้ สะใจจริงๆ”
ซู่เริ่นต้องทนฟังคำพูดหยามเหยียดต่างๆ นานา ได้แต่ขอให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปเสียที ก่อนจะรู้ตัวว่าคิดผิด เมื่อกิจกรรมทำลายตูดของเขาจบลง เสียงประกาศก็ดังขึ้นอีก
“ต่อไปจะเป็นการรีดน้ำฆวยขององค์ชายออกมา พร้อมไหมทุกท่าน” โฆษกประกาศ
ทหารตรงกับมาใช้เชือกรัดตั้งแต่โคนฆวยของคุณหนูเริ่น แล้วพันรอบขึ้นมาอย่างแน่นสุด ด้วยความใหญ่อวบของฆวยทำให้เชือกที่เตรียมมาเกือบรัดไม่พอ เมื่อทำการรัดฆวยเรียบร้อย กิจกรรมกามก็เริ่มขึ้นทันที
“จ่ายเพียงสิบอัฐ ได้เข้าไปรีดน้ำฆวยออกจากองค์ชาย” หงฟู่กล่าวเสียงดัง
เมื่อได้ลูกค้าสมใจอยาก หงฟู่ก็อนุญาติให้เข้าไปรีดเอาน้ำฆวยขององค์ชายออกมา แต่ละคนตรงเข้าไปบีบท่อนฆวยเหมือนเหมือนรีดนมวัว แต่ด้วยความใหญ๋และยาว ทำให้มือของลูกค้าแต่ละคนกำแทบไม่รอบฆวยของเริ่น
ผู้คนต่างพากันมาชักฆวยให้เริ่นอย่างสนอกสนใจ บางคนก็เอานิ้วหมุนวนที่ปลายหัวฆวย บางคนก็กำรูดตั้งแต่โคนขึ้นมาถึงคอหยัก ก่อนจะสลับมือทำเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ บางคนก็เค้นคลึงไข่ไปทั่ว
“ซิ๊ดดด อ่าสสส์ อ่าส์ อาส์....หลั่งแล้วววว” ซู่เริ่นทนไม่ไหวแล้ว ผู้ชายหน้าไหนโดนแบบนี้ย่อมทนไม่ได้เป็นธรรมดา
ซู่เริ่นกระตุกฆวยและร่างอย่างแรงกลางอากาศ ฆวยผงกหัวงึกๆ อนิจจังเชือกที่รัดฆวยไว้กลับขัดขวางการหลั่งของน้ำเงี่ยน ซู่เริ่นทำได้เพียงแค่กระตุกฆวย กระเด้าลมในอากาศ แต่ไร้ซึ่งหยาดน้ำเงี่ยนแม้เพียงหยดเดียว
“หือๆๆ เงี่ยน เงี่ยนๆๆๆ แก้เชือกให้ข้าเถอะ ข้าเงี่ยน ปวดฆวยไปหมดแล้ว” ซู่เริ่นคำราม
ไม่มีใครสนใจ กลับตรงเข้าไปรูดฆวยรีดน้ำเงี่ยนอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งสะใจ บางคนชักฆวยองค์ชายรัวๆ บางคนดึงไข่ทั้งพวงขององค์ชายอย่างแรง ก่อนที่องค์ชายจะกระตุกฆวยน้ำแตกอีกครั้ง
น้ำที่ไหลออกมาจากโรงผลิตที่ใข่ทั้งสองใบหลั่งออกมาเจอทางตัน ก็ไหลย้อนกลับเข้าไปในไข่อีกครั้ง ซู่เริ่นโดนทำเช่นนี้อยู่หลายรอบ จนไข่บวมเป่ง อัดแน่นเป็นด้วยน้ำเงี่ยนที่มิอาจหลั่งออกจากปากฆวยบานได้
“เงี่ยนเหลือเกิน ข้าเงี่ยนฆวยเหลือเกิน ข้ายอมแล้ว ยอมทุกอย่างแล้ว” ผู้ชายทุกคนรู้ดีว่าหากเงี่ยนแต่น้ำแตกไม่ได้นั้นทรมานแค่ไหน
“ยอมทุกอย่าง? งั้นกราบตีนกูซะ แล้วกูจะช่วยให้มึงสมใจอย่าก” หงเวยท้า
“ได้ๆๆ ข้ายอมแล้ว ยอมแล้ว ขอน้ำแตกทีเถอะ ปวดฆวยเหลือเกิน” ซู่เริ่นยอมรับชะตากรรม
“ตกลง ข้าจะปล่อยเอ็งลงมา แต่ต้องคลานเข้ามากราบตีนข้าซะ” หงเวยสะใจสุดๆ
ซู่เริ่นพยักหน้ายอมรับเงื่อนไข หงเวยจึงสั่งให้ทหารปรับคานไม้ให้ตั้งขึ้นแล้วแก้มัดมือขององค์ชายออก ก่อนที่องค์ชายจะกลั้นใจคุกเข่าลงกับพื้น แล้วคลานเหมือนหมาเข้าไปหาหงเวย
หงเวยยืนรอดูอย่างสะใจ ภาพองค์ชายที่เหนือกว่าเขาทุกด้าน ทั้งหน้าตารูปร่าง ฝีมือ คารม ทุกอย่างหงเวยล้วนเป็นรอง แต่บัดนี้คุณชายกลับต้องคลานเข่ามาหาเขาเหมือนสัตว์ตัวหนึ่งที่อ้อนวอนขอชักว่าวด้วยความเงี่ยน ช่างน่าสมเพชเสียจริง
ซู่เริ่นคลานมาถึงเท้าของหงเวยแล้ว สองมือประกบกันขึ้นก่อนเขาจะโน้มหัวลงไปแทบเท้าของหงเวย สร้างความพอใจให้หงเวยมาก เขายกเท้าขึ้นมาขยี้หัวของเริ่นอย่างสะใจ ลืมความโกรธแค้นที่เคยมี เปลี่ยนเป็นความชอบใจอย่างถึงที่สุด
“ดีมากไอ้ทาสจอมเงี่ยน ข้าอนุญาตให้เอ็งน้ำแตกต่อหน้าคนดูทีนี่ได้” หงเวยพูด มองหน้าให้สัญญาณทหารรับใช้ข้างๆ
ทหารรับใช้เดินเข้ามาหิ้วตัวซู่เริ่นไปนั่งคุกเข่าบนโต๊ะกลางลานให้ทุกคนเห็นโดยทั่ว ก่อนจะคลายมัดเชือกที่รัดฆวยไว้ แล้วเอาวงแหวนเหล็กใส่เข้าไปใต้เงี่ยงฆวย ตรงคอหยัก
“ชักว่าวได้ แต่ห้ามถูกหัวฆวย ห้ามเลยขึ้นมาถึงขอบวงแหวนนี้” หงเวยสั่ง
ซู่เริ่นไม่สนใจสิ่งใดแล้ว ทันทีที่เขาเป็นอิสระ สองมือก็เข้าประกบกำรอบท่อนฆวยแล้วรูดหนังขึ้นลงอย่างเสียวซ่าน แม้จะรูดได้ไม่สุดถึงหัวฆวยเพราะมีวงแหวนจำกัดบริเวณอยู่ แต่ด้วยความยาวของท่อนฆวยที่เหลืออยู่ก็สร้างความพอใจให้เจ้าของฆวยได้มากโข
“อ่าสส์ ซิ๊ดดดดด...เสียววว” ซู่เริ่นโยกสะโพกไปมาอย่างลืมตัวว่ามีคนดูเขาสำเร็จความใครอยู่
เขาบ้วนน้ำลายใส่มือแล้วกำรอบลำฆวย หนังฆวยกับหนังฝ่ามือสัมผัสกัน เกิดเป็นจินตนาการว่ากำลังได้เย้ดคนอื่นอยู่ แม้จะยุ่งกับหัวฆวยไม่ได้ แต่องค์ชายก็อาศัยความเสียวจากลำฆวยแทนได้ เขาใช้สองมือกำต่อกันรอบลำฆวย แต่กระนั้นก็ยังมีส่วนฆวยที่โผล่พ้นออกมาอยู่ดี
“เสียวเหลือเกิน เสียวอะไรอย่างนี้ ทนไม่ไหวแล้ว กลั้นไม่อยู่แล้ววววว อ่าสสสส์” ซู่เริ่นคำรามลั่น
น้ำฆวยเคลื่อนที่ออกจากไข่บวมจนเห็นหนังข้างนอกเต่งตึง ก้อนน้ำเชื้อเก่ารวมกับน้ำเชื้อใหม่ที่พึ่งผลิตค่อยๆ วิ่งมาที่โคนฆวย ก่อนองค์ชายกระตุกจะฆวยเพียงครั้งเดียว หัวฆวยเบ่งบานขึ้นจนวงแหวนที่ครอบไว้กระเด็นหลุดเพราะแรงดัน ห่าน้ำเงี่ยนพวยพุ่งหลั่งไหลออกมา ทะลักไปข้างหน้าซู่เริ่นกว่าห้าเมตร
“ไอ้ฉิบหาย นั่นน้ำฆวยองค์ชายหรอว่ะ? เยอะ***ๆ” คนดูร้อง ขณะที่ซู่เริ่นปล่อยน้ำออกมาเรื่อยๆ นับได้ตอนนี้ก็มากกว่าสิบห้าระลอกแล้ว
“ขนาดแตกออกมาเยอะแล้ว ยังพุ่งไกลทุกครั้งเลยว่ะพวกเรา” อีกคนทัก ขณะที่ฆวยซู่เริ่นยังคงกระตุกหลั่งน้ำออกมาเติมใส่กองอสุจิที่อยู่บนพื้นข้างหน้าไม่มีท่าว่าจะหยุด
“ความเสียวทะลุออกมาจากใบหน้ามันแล้ว ดูสิเงยหน้าซิ๊ดปากใหญ่เลย” สองมือของซู่เริ่นยังกำรอบฆวย ขณะที่ใบหน้าเผยความเสียวอย่างชัดเจน
“โห้ น้ำแม่งเยอะจริงๆ ผู้หญิงที่โดนไอ้หล่อนี้แตกใน คงท้องโตแน่ๆ เลย” หนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
“น้ำเชื้อคุณภาพทั้งนั้น น่าจะเก็บไว้ให้คนรับใช้ที่ตำหนัก เห็นบ่นว่าอยากมีลูก” ชายคนหนึ่งเอ่ย
“น้ำเงี่ยนมันขาวข้นจริงๆ เหนียวยืดไปหมด ข้าชอบว่ะ” คนดูกล่าว
“ฆวยใหญ่ๆ ก็เหมาะกับน้ำเงี่ยนเยอะๆ แบบนี้ใครก็ชอบ” อีกคนตอบ
“ข้ายอมจ่ายทองคำสามชั่ง ช่วยกรีดเอาไข่คุณชายคนนี้ออกมาให้ข้าสักข้างหนึ่งได้ไหม” เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉาซู่เริ่น
“ตอนมันเลย! ตอนมันเลย! ตอนมันเลย!” คนอื่นๆ ส่งเสียงเชียร์ด้วยความอยากรู้เหมือนกันว่าหากเหลือไข่เพียงข้างเดียว น้ำเงี่ยนจะยังเยอะแบบนี้อยู่ไหม
หงฟู่หน้าเงินเมื่อได้ขอเสนอที่ถูกใจเช่นนี้ก็รีบรับคำขอทันที ก่อนสั่งให้ทหารจับตัวซู่เริ่นไว้ให้แน่น ล็อคตัวไว้จนซู่เริ่นที่หน้าเริ่มถอดสีขยับตัวไม่ได้ ทหารอีกคนถือมีดคมกรีบเดินเข้ามา
“อย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าทำหมันข้า อย่าตัดไข่ข้านะ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ซู่เริ่นน้ำตาไหล ดิ้นเหมือนคนบ้า
ทหารที่ถือมีดนั่งลงตรงฆวยของซู่เริ่นพอดี นี่ขนาดน้ำแตกไปแล้ว ยังคงขนาดใหญ่ไว้ได้อีก อึดสมกับเป็นชายชาติทหารจริงๆ ปลายมีดถูกถือจ่อไว้ตรงไข่ข้างซ้าย คมมีดเตรียมปาดเข้าไปทันทีที่มีคำสั่งจากหงฟู่
“ตัดเลย!” หงฟู่กล่าวสั้นๆ แต่ซู่เริ่นถึงกับหมดเรี่ยวแรงทันที
ปลายคมค่อยๆ ปักเข้าไปในหนังไข่เพียงเล็กน้อย ก่อนทหารรอบๆ ตัวซู่เริ่นจะกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทางจากพลังปราณในระยะไกล เกิดฝุ่นควันตลบ พร้อมการปรากฏตัวของเอ้าเทียนและแม่ทัพซู่เหวิ่น
“ขอโทษที่มาช้านะ เรามาช่วยแล้ว” จิ้งจอกเงินปลอบ
เหมือนเหตุการณ์หยุดนิ่ง จิ้งจอกหนุ่มยืนคู่กับแม่ทัพซู่เหวิ่นข้างๆ เวทีไม่ไกลมากจากซู่เริ่น ขณะที่ซู่เริ่นยืนอยู่คนเดียวกลางลานแสดง ก่อนที่ซู่เริ่นจะถูกชายปริศนาคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางคนดู กระโดดออกมาจากอัฒจรรย์ด้วยวิชาตัวเบา ตรงเข้าจับล็อคตัวซู่เริ่นไว้จากข้างหลัง
“หยุดนะ ถ้าไม่อยากให้ซู่เริ่นตาย” ชายปริศนาสั่งเอ้าเทียน
“เจ้าเองสินะ คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง” เอ้าเทียนจำได้ ชายคนนี้คือคนเดียวกับที่มาหาเขาที่ถ้ำงูดำ
ชายปริศนาถือมีดเล่มหนึ่งไว้ในมือพร้อมปาใส่ซู่เริ่น ขณะที่อีกมือถือหน้าไม้ที่เล็งไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น พร้อมอัดลูกศรเตรียมยิงเสร็จสรรพ
“มาดูกันว่าใครจะเร็วกว่ากัน” ชายปริศนาพูด
เหมือนเวลาค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ ปลายนิ้วของชายปริศนาค่อยๆ เหนี่ยวไกหน้าไม้ พร้อมกับลูกศรแหลมที่ค่อยๆ วิ่งออกจากหน้าไม้มุ่งไปทางแม่ทัพซู่เหวิ่น ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ขว้างมีดบินตรงไปยังซู่เริ่นทันที
จิ้งจอกเงินมองเห็นทุกอย่างชัดเจนดี ทางหนึ่งเป็นแม่ทัพซู่เหวิ่นที่กำลังถูกลูกศรพุ่งเข้าใส่ อีกทางเป็นซู่เริ่นที่มีมีดบินตรงเข้ามาเรื่อยๆ ในยามนี้เขาหนึ่งคนต้องช่วยสองคนในเวลาเดียวกัน สมองรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วแข่งกับอาวุธที่ใกล้เป้าหมายเข้ามาเรื่อยๆ
เอ้าเทียนไม่รีรอ รีบตัดสินใจทันที มือข้างหนึ่งรีบผลักตัวแม่ทัพซู่เหวิ่นออกให้พ้นระยะของลูกศร ก่อนจะกระโจนเขาไปรับตัวซู่เริ่นให้ออกจากเส้นทางของมีดบิน
จังหวะเดียวกันกับที่ผลักตัวแม่ทัพออกไปพ้นระยะของลูกศร ชายปริศนาก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบา พุ่งตรงเข้าจับร่างของแม่ทัพซู่เหวิ่น
พร้อมกับที่เอ้าเทียนคว้าตัวของซู่เริ่นได้อย่างปลอดภัย แต่หารู้ไม่ว่ามีดบินกลับวนย้อนกลับมาเหมือนบูมเมอแรง ตรงเข้าปักอกของซู่เริ่นเต็มๆ
เวลากลับมาเดินปกติอีกครั้ง ชายปริศนากับแม่ทัพซู่เหวิ่นหายไปจากลานแสดงเรียบร้อยแล้ว ส่วนซู่เริ่นทรุดร่างลงบนตักของเอ้าเทียนที่ล้มนั่งลงกับพื้น เลือดแดงฉานไหลออกมาจากอกองค์ชายเริ่นไม่หยุด เอ้าเทียนสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นแผ่วลงเรื่อยๆ ของซู่เริ่น พร้อมกับลมหายใจรวยริน
“เจ้ากำลังจะตาย” เอ้าเทียนพูดเสียงสั่น เขาช่วยอะไรซู่เริ่นไม่ได้อีกแล้ว
บทที่ 25 แฝดเทพ
เลือดซู่เริ่นทะลักไหลออกจากอกไม่หยุด พร้อมกับชีพจรที่แผ่วลงเรื่อยๆ เอ้าเทียนเองก็รู้ดีว่าบัดนี้ไม่มีใครช่วยซู่เริ่นได้อีกแล้ว เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตชายหนุ่มนักรบคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
ซู่เริ่นไม่แสดงออกถึงความกลัวใดๆ เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ หากเขาลาโลกนี้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น
“ปล่อยให้ข้าตายอย่างสงบเถอะ อึกกก!” ซู่เริ่นกระอักเลือดออกปาก
เอ้าเทียนไม่เข้าใจ เหตุใดสวรรค์จึงปิดหูปิดตาเช่นนี้ คนดีๆ อย่างซู่เริ่น ทำคุณให้แผ่นดินมากมาย แต่กลับต้องมาถูกคนชั่วข่มเหงและจบชีวิตลงอย่างน่าอเนจอนาจ เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ในเวลาเช่นนี้คงมีเพียงยมบาลเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินความเป็นความตายของซู่เริ่นได้ หากแม้นซู่เริ่นมีพลังอย่างเอ้าเทียน เหตุการณ์น่าอดสูเช่นนี้คงไม่เกิด แต่น่าเสียดาย ซู่เริ่นเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดา
“มนุษย์เดินดินธรรมดา?” เอ้าเทียนพูดย้ำ พร้อมกับความร้อนลุ่มจากภายในร่างที่ประทุออกมา
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของเอ้าเทียน --- หนทางเดียวที่จะปลดปล่อยพลังเทวานี้ออกไป คือต้องหาร่างใหม่ที่ใกล้เคียงกับเอ้าเทียนมากที่สุด เพื่อถ่ายทอดพลังออกจากตัวเอ้าเทียน ซึ่งในปฐพีนี้คงหาคนที่เหมือนเอ้าเทียนไม่ได้อีกแล้ว --- ข้อความนี้ดูจะไม่เป็นจริงเสียแล้ว
จิ้งจอกเงินรู้สึกถึงพลังเทวาที่หลั่งไหลแผ่ซ่านออกมาทั่วกาย ราวกับพบเจอเจ้าของร่างใหม่ที่แท้จริงตรงหน้าชั่วขณะเดียวกัน ผู้คนที่กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่รอบๆ กลับนิ่งสนิทไม่เคลื่อนไหว แม้แต่แมลงวันยังบินค้างอยู่ในอากาศ ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่เว้นแม้แต่เวลาของโลก มีเพียงเอ้าเทียนและซู่เริ่นเท่านั้นที่ไม่ตกอยู่ในอำนาจของห้วงเวลานี้
“เจ้าสินะ เจ้าของพลังเทวาที่แท้จริง!!!!” เอ้าเทียนกล่าวกับซู่เริ่น
“นี่คงเป็นหนทางเดียวแล้วล่ะที่จะช่วยเจ้าได้ คุณชายเริ่น” เอ้าเทียนพูดต่อ
ซู่เริ่นที่กำลังจะตายรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากร่างเอ้าเทียนที่แผ่ซ่านออกมาหาเขา ลำแสงสีทองอร่ามพุ่งไหลออกเป็นสายสู่ร่างของเขาไม่ลดละ พร้อมกับความเจ็บปวดที่ค่อยๆ จางหายไป
แสงทองส่องสว่างไหลอาบชโลมไปทั่วร่างของซู่เริ่น ชีพจรที่ใกล้ดับกลับเต้นระรัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ กำลังวังชาเพิ่มขึ้นทวีคูณ บาดแผลที่เคยถูกกระทำต่างๆ นานา รวมทั้งความทุกข์ทรมานทั้งหลายมลายหายสิ้น ก่อนจะเกิดแสงสว่างจ้า วาบไปทั่วลานกว้าง
เมื่อแสงสว่างหายไป เอ้าเทียนค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น และต้องยืนนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อเขาเห็นซู่เริ่นที่บัดนี้ร่างกายเปล่งแสงสวย ผิวกายอาบไปด้วยสีทองผ่อง ใบหน้าสว่างสดใส อยู่ในชุดไหมทองสง่างามปลิ้วไสว ยืนสง่างามอย่างเทพหนุ่มชวนหลงไหล
ท่ามกลางเวลาที่หยุดนิ่ง เซียนหนุ่มรูปงามสองคนยืนอยู่กลางลานใหญ่ คนหนึ่งร่างกายเปล่งแสงออร่าสีเงิน ใบหน้าคมคายพร้อมไรผมสีขาวประกายเงิน อยู่ในชุดคลุมยาวสีเงินขลิบขอบขาว อีกคนมีร่างออร่าสีทอง ใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ริ้วผมดำสนิทปลิ้วสลวย อยู่ในชุดคลุมยาวสีทองขลิบขอบดำ
คนหนึ่งเหมือนจิ้งจอกตัวแทนของดวงจันทร์ ให้ความรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือก เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา อีกคนเหมือนราชสีห์ตัวแทนของดวงอาทิตย์ ให้ความรู้สึกถึงรัศมีความร้อน เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญมุ่งมั่น ยามที่บุรุษสองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกัน เหมือนความแตกต่างที่ลงตัวที่สุด
“สดชื่นจริงๆ เลยยย ฮ่าๆๆๆ” ซู่เริ่นร่างเทพพูดประโยคแรก
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ เจ้าพึ่งรับพลังเข้าไป เรายังไม่รู้ว่าพลังของเจ้าเป็นแบบไหน? อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้นะ” เอ้าเทียนปราม
“พลังของข้ารึ? ฮ่าๆๆ ทำไมเจ้าของพลังอย่างข้าจะไม่รู้” ซู่เริ่นตอบพลางอมยิ้ม พร้อมกล่าวต่อ
“พลังของเจ้าคือเปิดมิติเวลาและเร่งไปยังอนาคตข้างหน้าได้ พลังของข้านั้นก็ตรงกันข้ามกับของเจ้าโดยสิ้นเชิง” ซู่เริ่นพูด
“ถ้าเช่นนั้น...?” เอ้าเทียนไม่พูดต่อ เขาเข้าใจทุกอย่างได้ทันที พลังของเขาคือเร่งเวลาให้เดินไปข้างหน้า เหมือนที่เขาเคยส่งจอมมารงูดำอู่ท่งไปยังอนาคตได้ ส่วนพลังของซู่เริ่นก็...
“ใช่! ข้าสามารถย้อนเวลาถอยหลัง กลับไปยังอดีตได้” ซู่เริ่นพูดอย่างร่าเริง
คนหนึ่งปรับเวลาไปสู่อนาคต คนหนึ่งย้อนเวลากลับสู่อดีต ยามที่เทพทั้งสองอยู่ด้วยกันจึงสามารถควบคุมเวลาได้ทั้งหมด เหมือนกับตอนนี้ที่เวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างไม่เคลื่อนไหว นั่นก็เพราะเวลาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยพลังเวทย์จากซู่เริ่น
หรือเวลาที่เอ้าเทียนกระโดดสลายร่างหายไปในอากาศแล้วไปโผล่อีกที่หนึ่ง นั้นไม่ใช่การหายตัวจากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่เป็นเพราะเวทย์เร่งเวลาของเอ้าเทียน ที่ทำให้เวลาของเขาเดินเร็วกว่าคนอื่น เร็วจนคนทั่วไปไม่ทันรู้สึกอะไร แต่นานพอให้เขาย้ายตัวเองไปยังปลายทางได้ กว่ามนุษย์จะทันรู้ตัว ก็เห็นเอ้าเทียนตรงหน้าหายไปเสียแล้ว
“ถึงเวลาเอาคืนคนพวกนี้แล้วล่ะ” ซู่เริ่นกล่าว พร้อมคลายพลังออกให้เวลาเดินตามปกติ
......................................................................................................................................................................
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
“และค่ำคืนนี้ เราได้ผู้ชนะในการประกวดดาว-เดือนของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้วครับทุกๆ ท่าน ขอเสียงปรบมือให้ผู้เข้าประกวดทุกคนในที่นี้ด้วยครับบบ” พิธีกรชายกล่าว
บนเวทีเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อสาวสวยยืนเรียงกันหลายสิบคน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปกปิดความโดดเด่นของชายหนุ่มหนึ่งในผู้เข้าประกวดได้ ด้วยใบหน้าที่แตกต่างโดดเด่นออกมาจากผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ อย่างชัดเจน
“และผู้ที่ชนะในการประกวดเดือนสุดหล่อของเรา ได้แก่....”พิธีกรชายพูด พร้อมเสียงดนตรีบรรเลงอย่างลุ้นระทึก
“นายธวัลเทพ นิลนาคา หรือน้องภีต ตัวเต่งอันดับหนึ่งของเรานั่นเองครับบบบบบ” เสียงปรบมือ พร้อมเสียงกริ๊ดกร๊าดจากผู้ชมดังลั่นไปทั่ว
ใช่แล้ว พิธีกรประกาศเรียกชื่อผม นี่ผมได้รางวัลรึ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองหล่อหรือดูดีอะไรเลย จริงๆ ไม่ได้สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาด้วยซ้ำ
สิ่งที่ผมให้ความสนใจมากกว่าก็คือความทรงจำของผมต่างหาก ผมจำอะไรไม่ได้เลยนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถชนตอนที่ผมกำลังข้ามถนน ผมจำได้ครั้งสุดท้ายว่าไปดูการแข่งขันรักบี้อะไรสักอย่าง สิ่งเดียวที่ผมจำได้คือผมชื่อภีต ชื่อจริงก็อย่างที่พิธีกรประกาศไปนั่นแหละครับ
ส่วนครอบครัวผมน่ะหรอ? ผมก็จำไม่ได้เลยสักนิด ไม่มีประกาศตามตัวคนหายหรืออะไรสักอย่าง ในอดีตผมคงเป็นคนเลวมาก ขนาดญาติพี่น้องยังไม่แสดงตัวช่วยเหลือ
โชคดีที่คุณลุงที่ขับรถชนผมเค้ามีความรับผิดชอบ แกชื่อปรานต์ภพครับ แกยอมให้ผมพักอาศัยในบ้านของแกไปก่อน และเลี้ยงดูผมเหมือนลูกคนหนึ่ง อีกทั้งยังใช้เส้นสายให้ผมได้เข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้ด้วย นับว่ามีบุญคุญกับผมมากจริงๆ
จะว่าไปคุณลุงปรานต์ภพที่ช่วยผมก็รวยนะ บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็ใหญ่อย่างกับคฤหาสถ์ ในบ้านมีคุณลุงอาศัยอยู่กับลูกชายคนหนึ่งชื่อเพิร์ท เห็นว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณลุงหรอกครับ แต่เป็นลูกที่ติดมาจากภรรยาใหม่ แต่โชคร้ายที่ภรรยาเสียไปซะก่อน
เพิร์ทก็อายุใกล้กับผมนี่แหละครับ แถมเรายังเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันอีกด้วย สรุปเราสามคนคือผมกับคุณลุงและเพิร์ทก็เลยต้องอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ ยังดีที่มีคนรับใช้ ไม่งั้นคงเก็บกวาดไม่ไหวแน่ๆ
“น้องภีตครับ!!!! น้องได้รางวัลที่หนึ่งครับ” เสียงพิธีกรชายดังขึ้นทำลายความคิดของผม
“อ่อครับๆ” ผมพยักหน้ารับ รีบก้าวออกจากแถว เดินมาหน้าเวที ไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องมาที่ผม ทำเอาแสบตาไปหมด มองไปข้างหน้าแทบไม่เห็นอะไร นอกจากกลุ่มคนดูจำนวนมาก
“เออ...ผมขอขอบคุณมากจริงๆ ครับสำหรับตำแหน่งนี้” ผมพูดแบบไม่มีสคลิป เพราะไม่คิดว่าจะชนะด้วยซ้ำ เสียงกริ๊ดหยุดลง ทุกคนดูตั้งหน้าตั้งตาฟังสิ่งที่ผมจะพูด
“จริงๆ ผมก็ดีใจนะครับที่ได้รับรางวัลนี้ แต่ลึกๆ ผมอยากให้เราทุกคนมองกันที่ภายในมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกนะครับ” เสียงปรับมือดังไปทั่วเมื่อผมพูดจบ
“สมแล้วครับกับตำแหน่งเดือนมหาลัยในปีนี้ หล่อทั้งข้างนอกและข้างในจริงๆ นะครับ ไม่แปลกใจเลยที่น้องภีตจะเป็นที่รักของทุกๆ คนด้วยคะแนนโหวตที่ล้นหลามขนาดนี้” พิธีกรกล่าว
“ใช่ค่ะ สำหรับน้องภีตของเรานั้น เป็นหนุ่มหล่อรูปร่างดี เรียนเก่ง เล่นกีฬาได้ นิสัยก็ดี มีแต่คนชื่นชม Perfect อะไรอย่างนี้” พิธีกรหญิงประกาศ พร้อมเสียงเชียร์จากคนดูดังกระหึ่ม
ทุกคนแสดงความยินดีกับภีตกันถ้วนหน้า ยกเว้นเพิร์ทที่อยู่ในกลุ่มคนดู เขายืนกำมัดแน่นด้วยความอิจฉาริษยาในตัวภีต เด็กหนุ่มที่พ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก ต้องทนอยู่กับแม่ซึ่งแต่งงานใหม่กับคุณลุงปรานต์ภพที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ และตอนนี้ยังมีภีตเข้ามาวุ่นวายอีกคน
“ไอ้ภีต แกต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” เพิร์ทกัดฟันนิ่ง ท่ามกลางเสียงกริ๊ดจากคนดูให้เดือนคนใหม่
ตอนที่ 28 เอาคืน(1)
ทันทีที่ซู่เริ่นคลายพลังลง เวลาก็กลับมาเดินตามปกติ บัดนี้สิงโตทองและจิ้งจอกเงินตกอยู่ท่ามกลางฝูงคนพร้อมอาวุธครบมือ
“ซู่..เริ่น ทำไมเจ้าถึง...?!?!?” หงเวยตะกุกตะกัก ล่าสุดที่เห็นคือซู่เริ่นกำลังจะตาย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหนุ่มหล่อรูปงามมีแสงออร่าสีทองเปล่งประกาย
“ยิงงงงงงงง!!!!” หงฟู่ผู้เป็นพ่อไม่รอช้า รีบสั่งให้พลทหารทั้งหลายระดมสาดลูกธนูพุ่งตรงเข้าจุดศูนย์กลางที่ซึ่งเอ้าเทียนและซู่เริ่นยืนอยู่
ลูกดอกนับร้อยวิ่งพุ่งเข้าหาร่างของทั้งสองอย่างรวดเร็ว และเป็นจังหวะเดียวกับที่ซู่เริ่นใช้เวทย์ย้อนเวลาพาลูกศรที่วิ่งตรงมา ย้อนกลับไปทางเดิม พร้อมๆ กับที่เอ้าเทียนใช้มนต์เร่งเวลา พาตัวเองและซู่เริ่นออกจากเป้าหมายของศรแหลม เหตุการณ์ย้อนกลับมาดำเนินเป็นปกติอีกครั้ง
“ยิงงงงงงงง!!!!” หงฟู่ผู้เป็นพ่อไม่รอช้า รีบสั่งให้พลทหารทั้งหลายระดมสาดลูกธนูพุ่งตรงเข้าจุดศูนย์กลางที่ซึ่งเอ้าเทียนและซู่เริ่นยืนอยู่
กว่าลูกศรจะถูกยิงมาอีกครั้ง เป้าหมายทั้งสองก็หายไปอยู่ข้างหลังของเหล่าทหารเสียแล้ว ทิ้งให้เหล่าทหารยืนงงว่าเหตุใดทั้งสองจึงหลบลูกธนูได้ว่องไวปานนั้น โดยหารู้ไม่ว่าเทพทั้งสองปรับเวลาไปมาเรียบร้อยแล้ว
ไม่รอช้า เอ้าเทียนแผ่ไอเย็นเป็นบริเวณกว้างจนทหารทั้งหลายยืนสั่นดิกๆ ความเย็นจี้ไปถึงขั้วหัวใจ ขยับไม่ได้แม้ปลายเท้า ขณะที่ซู่เริ่นก็ปลดปล่อยรังสีความร้อนแผดเผาทหารจนวิ่งอุตลุดแตกตื่นเหมือนคนเสียสติ
บัดนี้เหล่าทหารทั้งหลายโดนสองเทพยำเละ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็เหมือนสองเทพจะรู้ทันไปเสียหมด เหตุการณ์จึงจบลงด้วยการที่เหล่าทหารล้มไปนอนเป็นกองเต็มพื้น หงฟู่กับหงเวยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพากันหนีออกจากลาน
“จะรีบไปไหน ไอ้สองพ่อลูก!!!” ซู่เริ่นยิ้มมุมปาก ทำเอาสองพ่อลูกหยุดชะงัก
“ปล่อยข้าไปเถอะ” หงเวยร้องขอชีวิต
“ข้าปล่อยแน่....ปล่อยทุกหยาดหยดในตัวเจ้าไง” ซู่เริ่นพูด ฝ่ายเอ้าเทียนได้แต่ยืนส่ายหน้า
เริ่นกระชากสองพ่อลูกมาคุกเข่าตรงหน้า ขณะที่ซู่เริ่นกำลังหันหลังไปประกาศบางอย่างกับคนดู หงฟู่ผู้เป็นพ่อรีบคว้าหอกยาวจากกองทหารที่สลบอยู่ใกล้ๆ ขว้างตรงเข้าใส่ร่างซู่เริ่นทันที
เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เอ้าเทียนกำลังจะร้องขึ้นเตือนให้ซู่เริ่นระวัง วินาทีเดียวกับที่หงฟู่ลุกขึ้นเตรียมวิ่งหนี เป็นจังหวะเดียวกับที่ซู่เริ่นหันหน้าปะทะกับหอกยาวที่พุ่งตรงมา
และไม่ทันที่จะสังเกตุอะไรได้ ซู่เริ่นปัดมือตัวเอง ปล่อยลมปราณกระแทกหอกยาว สบัดกลับไปในทิศทางที่พุ่งตรงเข้ามา ย้อนกลับใส่ร่างอ้วนของหงฟู่เหมือนยิงศรเข้าเป้า เสียบทะลุพุงหนา นอนดื้นกับพื้นอย่างทรมาน
ความจริงที่เอ้าเทียนจะร้องบอกให้ซู่เริ่นระวัง ไม่ใช่ให้ระวังหอกหรอก แต่ให้ระวังการใช้พลังใหม่ของตัวเองต่างหาก
“เราทนดูไม่ได้จริงๆ” เอ้าเทียนรีบกระโดดเข้าไปคว้าร่างของหงฟู่ แล้วสลายหายไปในอากาศ เขารู้ดีว่าสิ่งที่ซู่เริ่นกำลังจะทำนั้นคงเลวร้ายมาก แต่เขาก็ไม่อยากเข้าไปห้ามหรือขัดขวางตอนนี้ อย่างไรเสียช่วยชีวิตคนเจ็บสำคัญกว่า
“ม่ายยยยยยยยยยยยย ท่านพ่ออออ” หงเว่ยพูดเป็นลูกร้องอย่างคนบ้า
“ข้าคิดจะไว้ชีวิตอยู่แล้วเชียว ไม่น่ามาลอบกัดกันอย่างนี้” ซู่เริ่นพูด
เหตุการณ์สักครู่เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายหงฟู่ เพียงแต่เป็นเหตุบังเอิญเท่านั้น เมื่อมาคิดดูแล้วสิ่งที่หงฟู่เคยทำกับเขามันเลวร้ายยิ่งกว่านี้เสียอีก นี่ก็นับว่าเป็นเวรกรรมเสียแล้วกัน และเขาก็ไม่ใช่เทพพ่อพระอย่างเอ้าเทียนเสียด้วย เขามันเป็นเทพเจ้าสำราญ จอมหื่น ขี้เงี่ยนสุดๆ
“ท่านทั้งหลาย ไม่ต้องตกใจ นี่เป็นหนึ่งในการแสดงที่พวกเราเตรียมไว้ให้พวกท่านเท่านั้นเอง รอบนี้จะเป็นรอบสุดท้ายที่คืนกำไรให้กับคนดู ใครที่กล้าแก้ผ้าและเข้าร่วมดูบทบรรเลงเพลงกามของข้ากับหงเว่ย ข้าจะให้พวกท่านคนละห้าสิบช่าง” ซู่เริ่นประกาศ
เมื่อคนดูทราบก็ค่อยคลายกังวล นึกว่ามีการฆ่ากันสดๆ ในลานเสียแล้ว สิ่งที่น่าสนใจกว่าตอนนี้คือการแสดงชุดใหม่ที่ซู่เริ่นประกาศ แม้ว่าหงเว่ยจะเป็นลูกกษัตริย์ที่ปกครองเมือง แต่วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้มีบารมียิ่งใหญ่อะไรพิเศษ แค่เข้าไปดูใกล้ๆ แถมได้เงินมาใช้อีกตั้งเป็นโข
คิดได้ดังนี้ กลุ่มคนก็รีบวิ่งกูกันเข้ามายืนล้อมรอบซู่เริ่นและหงเว่ย ซู่เริ่นบังคับให้หงเว่ยยืนขึ้นเคียงข้างกับตน ตอนนี้ผู้คนเริ่มวิจารณ์กับขรม
“ถ้าเทียบกันแล้ว เทพบุตรเริ่นดูดีกว่าทุกด้านจริงๆ ว่ะ”
“ข้าเหนด้วย หน้าตาหล่อเหลากว่า ร่างกายก็สมส่วนกว่า มึงดูกล้ามแขนดิ ใหญ่พอๆ กับหัวทารก”
“อะไรกันนี่ข้าแค่ยืนเฉยๆ นะ อยากเห็นกล้ามของข้า ดูนี่...” เริ่นหัวเราะชอบใจ ยกแขนขวาขึ้นมา กำหมัดพร้อมเบ่งกล้ามให้ประชาชนดู
กล้ามซู่เริ่นจากเดิมก็ขนาดเท่าหัวเด็กอยู่แล้ว พอซู่เริ่นเบ่งเข้าหน่อย กล้ามเนื้อภายในก็ถูกรีดให้ขยายขนาดใหญ่ขึ้น แถมเส้นเลือดก็ปูนโปนตามแขนไปทุกอนู
“โห แม่ง ใหญ่ขึ้นอีกจริงๆ ด้วยว่ะ เส้นเลือดขึ้นโคตรชัด” คนดูชม
“ถึงมึงจะหล่อแค่ไหน แต่ฆวยกูก็สวยกว่าของมึงอยู่ดี ดูสภาพฆวยมึงสิ ยับเยินดูไม่ได้เลยว่ะ” หงฟู่ปากดี ตะคอกใส่หน้าพร้อมมองต่ำไปทางฆวยของซู่เริ่น
พูดจบหงเว่ยก็เหลือกตาให้ซู่เริ่นมองไปทางฆวยมันบ้าง ซึ่งตอนนี้แม้จะเพิ่งเย้ดไปแต่กลับแข็งตะหง่าน แถมทำหน้าเบ่งท้าทาย คนดูก็มองตาม
“เดี๋ยวได้รู้กัน” ซู่เริ่นตอบสั้นๆ
“เจ้าคงได้มาเห็นเฉพาะตอนที่ฆวยข้าโดนทรมานแล้วสินะ วันนี้ข้าจะให้เจ้าเห็นว่า ฆวยของไอ้ซู่เริ่น ราชบุตรคนเดียวของตระกูลซู่ ก่อนที่จะโดนกระทำมันเป็นยังไง”
ซู่เริ่นปลดเสื้อผ้าออกจนหมด แอ่นฆวยของตนที่อ่อนตัวและโดนกระทำจนช้ำชนกับฆวยของหงเว่ย หงเว่นจ้องมองฆวยบอบช้ำ แสยะปากด้วยความสมเพช ซู่เริ่นจ้องหน้าหงเว่ยก่อนจะปล่อยไอแสงสีทองมาชโลมทั่วเครื่องเพศ ปรับให้สภาพร่างกายส่วนสุดท้ายที่ยังบอบช้ำกลับไปเป็นเหมือนเดิม
พักเดียวก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ฆวยของซู่เริ่น ไข่ที่เคยบอบช้ำ สีกลับมาเป็นเหมือนสีเดียวกับเนื้อ แถมห้อยใหญ่อย่างกับไข่ไก่ ฆวยที่มีรอยเขียว ม่วงจากการฟกช้ำและถูกจับฉีดยา ก็ซีดจากลงกลับไปสภาพเดิม อัญมณีและรอยสักทั้งหลายสลายหายไปจนสิ้น
“โห มึงดูไข่ของไอ้เทพบุตรดิ แม่งใหญ่เกือบเท่าไข่ไก่เลย”
“ไม่ใช่แค่ไข่นะเว้ย มึงดูลำฆวยมันดิ นี่ขนาดยังอ่อนตัวอยู่ ความอวบนี่เท่ากับฆวยขององชายหงเว่ยเลยนะ”
“เออมึงดูตรงหนังหุ้มที่หัวฆวยดิ ปิดหัวฆวยไม่มิดเลยว่ะ แม่งขนาดยังไม่แข็ง”
“คุ้มค่าที่สุดตั้งแต่เคยดูการแสดงของที่นี่เลยว่ะ”
ตอนนี้หงเว่ยเริ่มสีหน้าไม่ดี ซู่เริ่นยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะให้อารมณ์เงี่ยนพาตัวเองเข้าครอบงำร่างกาย ฆวยที่อ่อนตัวอยู่ขยายตัวขึ้นทีละนิดๆ เลือดในกายเทพพุ่งตรงไปที่ลำฆวยมากขึ้นๆ ฆวยที่เคยห้อยลงตอนนี้เอียงข้างกลับขึ้นมาตั้งตรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความใหญ่และความยาวที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด
พื้นที่ทั้งเวทีเงียบสงัด สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ฆวยของซู่เริ่น ตอนนี้ไข่ของทั้งสองแนบชนกัน แต่ความใหญ่ของไข่เทียบชั้นกันไม่ได้เหมือนไข่ไก่กับลูกมะนาว ตอนนี้หัวฆวยของซู่เริ่นยาวเลยหัวฆวยของหงเว่ยไปแล้ว หนังหุ้มที่เดิมก็ปิดแทบไม่มิดอยู่แล้ว ก็ค่อยๆ ร่นลงมา พร้อมกับรอยสักว่า “หลงฆวย” ก็ค่อยๆ จางลงจนหายไป
เผยให้เห็นหัวฆวยสีแดงก่ำ บานใหญ่จนสุดพลัง แล้วน้ำเงี่ยนใสๆ ก็ไหลออกมาเป็นทาง เสียงประชาชนระงมขึ้นมาทันที
“มึงดูฆวยมันดิ รอยสักหายไปแล้ว ตอนนี้ฆวยแม่งสวยมาก ทั้งยาวทั้งใหญ่เลย”
“เออ ฆวยสวยจริง ดูตรงหัวฆวยดิแม่ง โคตรใหญ่เลย”
“ตอนนี้ไอ้เทพบุตรนี่มันชนะทุกอย่างแล้วจริงๆว่ะ”
“เป็นอย่างไร พูดมาสิว่าฆวยใครสวยกว่ากัน” หงเว่ยอ้ำอึ้ง หน้าถอดสี
“ไม่ตอบก็ไม่เป็ฯไร งั้นให้คนดูตอบแทนละกัน” ซู่เริ่นกล่าว พร้อมกำตรงโคนฆวยทั้งสองแท่งไว้ด้วยกัน
“ฆวยของข้ากับหงเว่ย ของใครยาวกว่ากัน” ซู่เริ่นตะโกนถาม
“ท่านซู่เริ่นนนนน...ฆวยยาวกว่าชัดๆ เลย” คนดูตอบ
“แล้วฆวยใครใหญ่กว่า” ซู่เริ่นถามต่อ
“ก็ท่านซู่เริ่นอีกนั้นแหละ” คนดูตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ได้ยินชัดไหม ไอ้หงเว่ย” ซู่เริ่นเยาะเย้ยหงเว่ยอย่างสะใจ
พูดจบซู่เริ่นปาดน้ำเงี่ยนของตนเองที่ไหลออกมาไม่หยุดจนนองพื้น เอามาป้ายให้หัวฆวยของหงเว่ย “ข้าให้ เห็นน้ำเงี่ยนเจ้าไม่ค่อยจะมี” ซู่เริ่นยักคิ้วให้อย่างสะใจ
หงเว่ยโกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ในสภาพเสียเปรียบ ได้แต่แสดงออกทางสีหน้า
“เอาหล่ะทุกท่าน ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว เจ้าเมืองผู้ไร้ประโยชน์ของท่านกำลังจะโดนเย้ด!”
เสียงเฮดังลั่น ซู่เริ่นจับหงเว่ยนอนคว่ำกลางเวที และแหกขาหงเว่ยออกจากกัน สายตาทุกคู่จ้องที่หัวฆวยขนาดใหญ่ของซู่เริ่นที่สำรอกน้ำเงี่ยนใสๆ ยืดเหนียวลงสู่พื้น
“มองตรงไปเข้าหน้าสิไอ้หงเว่ย ประชาชนกำลังมองเจ้าโดนเย้ดอยู่ ชอบไหมล่ะ” ซู่เริ่นถาม
“ช่างแม่งสิ คนพวกนี้จะเป็นอย่างไร กูไม่เคยสนใจพวกมันอยู่แล้ว” หงเว่ยตอบ
“สงสัยคราวนี้ต้องขอยืมแรงประชาชนของเจ้าหน่อยแล้ว” ซู่เริ่นทักขณะที่ฟูงชนเริ่มโกรธหงเว่ย
“คิดจะทำไรข้า!?!?” หงเว่ยขวัญเสีย
“ขอแรงพวกท่านทั้งหลาย ช่วยจับตัวคุณชายหงเว่ยโยกกับฆวยของข้าที ข้าจะยืนอยู่เฉยๆ” ซู่เริ่นร้องบอก
ซู่เริ่นรู้ดีว่าประชาชนกำลังโกรธ ชาวเมืองยิ้มสะใจที่จะได้สั่งสอนไอ้เจ้าเมืองปากดี จึงยอมทำแต่โดยดี
“เอาล่ะ ด้านหน้าดันมันมา” ซู่เริ่นสั่ง
ตัวหงเว่ยถูกดันเข้ามาหาซู่เริ่นเรื่อยๆ ในระดับเอวของซู่เริ่น ตูดมันเข้าใกล้ฆวยบานๆ มากขึ้นๆ ส่วนด้านซ้ายขวาก็รู้งาน ค่อยๆ จับขาหงเว่ยฉีกไปคนละทาง เผยให้เห็นรูตูดสีชมพูระเรื่อเด่นชัด
ฆวยของซู่เริ่นที่ห่างจากรูตูดหงเว่ยไม่ถึงนิ้ว ตอนนี้เหมือนฉลามกำลังจะได้กินเหยื่อ กระดกหงึกๆเตรียมแหวกเข้าร่องแคบๆ
ด้านซ้ายขวาดึงขาหงเว่ยถอยหลังมาอีก ทำให้ฆวยซู่เริ่นสัมผัสอยู่ที่ปากรูตูดพอดี หงเว่ยเสียววาบขนลุก เมื่อรู้ตัวว่าจะถูกรุกล้ำ ซู่เริ่นโชว์ลีลาจับหัวฆวยตัวเองลูบไปมารอบๆ รูตูด แถมใช้นิ้วแหกให้ดูว่าขนาดรูกับขนาดฆวยต่างกันขนาดไหน
ประชาชนตื่นเต้นที่จะได้เห็นฉากนี้ ซุบซิบกันเกรียวกราว
“แม่งโคตรเงี่ยนเลยว่ะ มึงดูดิ ฆวยใหญ่ขนาดนั้นจะเข้าไปได้ไหมวะ”
“แม่งเอ้ย โคตรเงี่ยน กูจะชักว่าวละ” ชาวเมืองหลายๆ คนเริ่มควักฆวยตัวเองออกมาชักว่าวตาม ซู่เริ่นยังยั่วคนดูต่อไป
“เจ้าคนนั้นช่วยจับฆวยข้าไว้ให้มั่น เตรียมยัดเข้ารูตูดเจ้าเมืองของเจ้าที” ซู่เริ่นร้องบอกคนดูคนหนึ่ง
ไอ้หนุ่มคนนั้นยื่นมือสั่นๆ อย่างตื่นเต้นออกมากำรอบฆวยซู่เริ่น พลางคิดในใจว่าฆวยอะไรแข็งและอุ่นได้ขนาดนี้ กำเกือบไม่รอบแถมยาวมากๆ
“จับไว้ดีๆ ข้าพร้อมแล้ว” ซู่เริ่นชอบมากที่มีคนมาจับฆวยให้ก่อนจะยัดเข้ารูตูดของหงเว่ย
ซู่เริ่นเอี้ยวคอมาสบตากับชาวเมืองด้านซ้ายขวา แล้วยักหน้าเป็นอันรู้กัน ขาหงเว่ยถูกดึงถอยหลังเข้ามามากขึ้น ไอ้หนุ่มคนนั้นกำฆวยซู่เริ่นไว้แน่น ฆวยซู่เริ่นที่จ่ออยู่ที่ปากรูค่อยๆ ยัดเข้าไปในรูของหงเว่ย
“โอ้ยยยยยยยยยยยย เจ็บบบบบบบบบบบบบบบ” หงเว่ยร้องอย่างทรมาน แต่ในที่นี้ไม่มีใครสงสารสักคน หัวฆวยขนาดใหญ่แหวกเข้ารูตูดจนเลือดเริ่มซึมออกมา
“ไอ้สัสสสสสสส ปล่อยข้า ปล่อยข้า ปล่อยข้า” หงเว่ยดิ้นไม่หลุดจากเหล่าคนดูที่ร่วมแสดงครั้งนี้
ซู่เริ่นหันไปพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนที่ขาสองข้างของหงเว่ยจะถูกดึงถอยหลังอย่างแรง พร้อมๆ กับที่คนดูที่จับฆวยของซู่เริ่นปล่อยมือให้ฆวยยัดเข้าไปจนสุด ซวบบบบบบบบบ! เลือดสีแดงสดไหลหยดออกมาจากปากรูตูดหงเว่ย
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้พวกระยำ ใครก็ได้ช่วยข้าที ช่วยด้วยยยยย” หงเว่ยร้องขอความช่วยเหลือจนลั่นไปทั่วบริเวณ
ฆวยซู่เริ่นยัดเข้าไปจนเกือบสุดลำ ซู่เริ่นกัดฟันยิ้มอย่างสะใจ ซึบซาบความกระชับของผนังรูตูด ฝ่ายคนดูก็วิพากษ์วิจารณ์กันระงม
“เข้าไปแล้วว่ะ สุดยอดดดดดด”
“เข้าไปได้ไงวะหัวฆวยใหญ่ขนาดนี้”
“โอ้ย ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าขอแตกก่อนนะ” บางคนเงี่ยนกับภาพที่เห็นจนทนไม่ไหว แตกไปแล้วก็มี
“เอาหล่ะ ด้านหน้า ด้านหลัง พร้อมนะ จัดมาแรงๆ เลย” ซู่เริ่นรุกต่อ
ตัวหงเว่ยถูกดึงแขน ดึงขา ดันให้ตูดเคลื่อนที่เข้าออก คลอบฆวยใหญ่ๆ ของซู่เริ่นไว้ หงเว่ยร้องเสียงหลง ส่วนซู่เริ่นกลับร้องครางด้วยความเสียว หงเว่ยโดนจับให้ถูกเย้ดท่านี้อยู่นาน
“คราวนี้ข้าขอลงมือเองบ้างดีกว่า” ซู่เริ่นบอก
ร่างของหงเว่ยถูกโยนลงกับพื้นในสภาพกางแขนกางขา เลือดไหลออกจากตูด หงเว่ยน้ำตาไหลด้วยความเจ็บและความอาย
“ไม่ร้องนะคนดีของข้า ดีใจที่จะได้เป็นเมียข้าใช่ไหม? ฮ่าๆๆ” ซู่เริ่มพูด
ซู่เริ่นก้มลงไปช้อนตัวเอาแขนหงเว่ยมาจับที่หลังของตน ทันใดนั้นซู่เริ่นก็ยกหงเว่ยทั้งตัวขึ้นมาที่หน้าอกให้หงเว่ยเกาะ แล้วก็แทงฆวยสวนขึ้นไปทันที
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก” หงเว่ยร้องเสียงสั่นไปตามแรกกระแทกของซู่เหวิน
ท่านี้อีกแล้ว เป็นท่าเดียวกับตอนโดนเอ้าเทียนในร่างพลังเทวาเย้ดที่ลานประกวด มาตอนนี้หงเว่ยถูกเย้ดโดยเจ้าของพลังที่แท้จริง เรียกว่าผ่านฆวยทั้งสองเทพมาแล้วอย่างสาหัสสากรรจ์
“ข้าชอบท่านี้จริงๆ รู้สึกว่าจะเข้าได้ลึกดี จริงไหม?” ซู่เริ่นหันไปถาม
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น