ตอนที่ 1
จุดเปลี่ยน ห้องโถงใหญ่หน้าจวนแม่ทัพถูกสาดส่องด้วยแสงจันทร์สว่างเรืองรองยามนิทรามืดสนิท ในเรือนอันกว้างขว้างแห่งนี้ถูกประดับตกแต่งอย่างเลิศหรู สมแก่เกียรติของผู้เป็นเจ้าของซึ่งกำลังหลับไหล ด้วยใบหน้าวัย 30 ปี ช่างสง่างดงามเกินบุรุษทั่วเขตแคว้นแดนต้าเหลียนแห่งนี้ พระพักตร์คมคายได้รูปจนสตรีทั้งหลายยังต้องแอบชายตามอง ดวงเนตรปิดสนิทพร้อมขนตาที่ยาวโค้งละมุน จมูกสูงโด่งเป็นสันดูงามตายิ่งนัก ริมฝีปากสีดอกเหมย เรียวบางและหยักโค้งกระจับได้รูป ขนคิ้วริ้วเรียงรายพร้อมด้วยไรผมยาวดกดำตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดผ่องแผ้ว พร้อมด้วยมัดกล้ามที่แม้นถูกปกคลุมด้วยชุดผ้าแพรก็ยังสามารถเห็นเป็นรูปร่างที่ชัดทุกสัดส่วน ช่วยขับให้ชายผู้นี้ช่างดูน่าเกรงขามไม่ต่างจากพญาราชสีห์ ชายผู้เป็นเจ้าของร่างฉกรรจ์อันงดงามจนเป็นที่ต้องตาต้องใจของสตรีทั่วหล้าและเป็นที่อิจฉาในหมู่บุรุษเพศด้วยกันเองนี้ มีนามว่าแม่ทัพซู่เหวิน ยอดขุนผลผู้ปกครองใหญ่แห่งแคว้นต้าเหลียน ผู้เป็นเจ้าของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งนี้ ผู้เป็นที่เคารพรักของชาวต้าเหลียนทุกผู้ทุกคน ผู้เป็นเจ้าชีวิตของทหารและนางสนมน้อยใหญ่ในจวนแห่งนี้ บัดนี้แม่ทัพซู่กำลังหลับสนิท ชายหนุ่มตกอยู่ในห้วงความฝันว่าตนกำลังเสพสมอยู่กับหญิงงามรูปหนึ่ง ส่วนบนของหญิงสาวถูกปลายลิ้นท่านแม่ทัพบรรจงไล่เลียตั้งแต่เนิ่นนมไปถึงยอดประทุมถันอย่างกระหื่นกระหาย ขณะเดียวกันปลายนิ้วก็เค้นคลิ้งส่วนล่าง บี้บดเม็ดสาวอย่างเมามัน แม้เป็นเพียงความฝัน แต่ท่อนลึงค์ขนาดเชื่องกลับตอบสนองดีเยี่ยม ลำฆวยขนาด 8 นิ้ว อวบเต่งและผงาดล้ำชูชันขึ้นดันกางเกงของท่านแม่ทัพ น้ำใสๆ ไหลออกจากปลายฆวยเป็นระยะจนกางเกงเปียกชุ่มเป็นดวงๆ ในเพลาเดียวกันนั้นเอง... มีกลุ่มควันลอยล่องไหลเข้าห้องบรรทมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกลุ่มชายรูปร่างกำยำล่ำสัน 3 คนลอบเข้ามาในห้องบรรทมที่กำลังจะกลายเป็นห้องทรมานในอีกไม่ช้า ชายทั้งสามสวมชุดสีดำสนิทกลมกลืนกับบรรยากาศภายในห้อง เคลื่อนไหวรวดเร็ว ไร้สิ้นเสียง ไม่นานก็เข้ามายืนอยู่หน้าแท่นบรรทมใหญ่ ม่านที่กั้นอยู่ถูกชายทั้งสามแหวกออก เผยให้เห็นบุรุษที่แม้หลับสนิทอยู่ก็ยังดูออกว่าหล่อเหลาเกินกว่าชายใดจะเทียบได้ งามจนโจรชุดดำทั้งสามตกอยู่ในภวังค์ช่วงขณะ เมื่อได้สติคืนมา จู่ๆ โจรชุดดำทั้งสามก็เข้าจับแม่ทัพซู่ คนหนึ่งใช้แขนรัดคอจากด้านหลัง อีกสองเข้าขนาบจับแขนซ้ายขวา พลันแม่ทัพซู่ก็หลุดออกจากฝันที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ทันที “พวกเจ้าเป็นใคร บังอาจมากที่เข้ามาในห้องบรรทมของข้า!!!” แม่ทัพซู่คำรามลั่น “ท่านแม่ทัพนี่ปากดีจริงนะ พวกข้าจะคอยดูว่าท่านจะไปได้สักกี่น้ำ ฮ่าๆๆๆ” หนึ่งในโจรสวนกลับ แม้ร่างกายแม่ทัพซู่จะแข็งแรงสมชายชาตินักรบ แต่เมื่อถูกชายฉรรจ์รูปร่างกำยำมากถึงสามคนจับไว้เช่นนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้โจรทั้งสามได้ปล่อยควันพิษที่ทำให้ผู้ที่สูดหายใจเข้าไปหมดเรี่ยวแรงแล้ว ก็เป็นการยากที่แม่ทัพใหญ่จะดิ้นหลุดออกจากการควบคุมได้ เมื่อเห็นทีว่าไม่สามารถจัดการพวกโจรต่ำช้านี้ได้ จึงร้องตะโกนเรียกทหารที่เฝ้าอยู่นอกห้องบรรทมทันที “ทหาร!!! มีผู้บุกรุก” แม่ทัพซู่ตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงพร้อมกับเรี่ยงแรงที่น้อยลงทุกที สิ้นเสียงแม่ทัพใหญ่ บานประตูก็ถูกถีบออกอย่างแรง เผยให้เห็นองครักษ์เอกของท่านแม่ทัพยืนสง่างามสมกับเป็นทหารมือขวาของแม่ทัพซู่ “หลี่เฉิน!!! ช่วยข้าด้วย” แม่ทัพร้องพร้อมกับดิ้นรนหวังให้พ้นจากพันธนาการของชายชุดดำทั้งสาม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล ภาพที่เห็นตอนนี้คือแม่ทัพถูกล็อคคอและแขนทั้งสองข้างจากทั้งด้านหลัง ส่วนท้างด้านหน้าปรากฏให้เห็นท่อนแกนชายลำเขื่องตั้งผงาดดันกางเกงจนแทบทะลุ น้ำใสไหลเยิ้มเปรอะเปื้อนกางเกง มองแล้วช่างน่าเย้ายัวและสมเพชยิ่งนัก หลี่เฉินเยื้องย่างเข้ามาในห้องอย่างใจเย็น มุมปากแสยะยิ้มอย่างพอใจ แววตาเปี่ยมไปด้วยความแค้นที่สั่งสมไว้มานาน “หลี่เฉิน เหตุใดจึงยืนอยู่เฉยๆ เล่า รีบมาช่วยข้าสิ” แม่ทัพถามอย่างฉงน “เจ้ารู้ไหม? คุณชายซู่ ข้าไม่ใช่เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ท่านเก็บมาฝึกทหารหรอกนะ แท้จริงแล้วข้าคือบุตรชายคนเดียวแห่งตระกูลเฉิน ผู้ปกครองแคว้นเหอเป่ย เมืองที่ข้าเกิดและเป็นเมืองเดียวกับที่ท่านทำลายไปพร้อมกับท่านพ่อและท่านแม่ของข้า เมื่อ 15 ปีที่แล้ว” หลี่เฉินกัดฟันตอบ ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ซู่เหวินเข้ากำราบกบฏแค้วนเหอเป่ยที่กระด้างกระเดื่องกับองค์ฮ่องเต้ ในการศึกครั้งนั้น ซู่เหวินได้สังหารแม่ทัพใหญ่และมเหสีแห่งแคว้นเหอเป่ยไปเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามแก่องค์จักรพรรดิ ไม่นึกว่าทั้งสองจะมีลูกชายหลงเหลืออยู่ด้วย ในตอนนั้นหลี่เฉินเป็นเพียงเด็กกำพร้าไร้หัวนอนปลายเท้า เดินเร่ร่อนอยู่ในตัวเมืองต้าเหลียนจนบังเอิญได้พบกับซู่เหวินขณะออกตรวจเยี่ยมราษฎร เด็กน้อยถลาเข้ามาหาเค้า อ้อนวอนขอร้องให้รับเค้าเป็นทหารชั้นเลวในจวน ตั้งแต่นั้นหลี่เฉินก็ตั้งใจฝึกวรยุทธ์อย่างดีมาตลอด ไม่นึกว่าจะพัฒนาตัวเองจนกระทั่งได้เป็นทหารเอกมือขวาของเขา มาบัดนี้คนที่เขาไว้ใจที่สุดกลับเป็นคนที่เครียดแค้นเขาอย่างสุดหัวใจ... “เจ้าพลากทุกอย่างไปจากข้า วันนี้ข้า -หลี่เฉิน- จะขอทวงคืนเจ้าอย่างสาสม ฮ่าๆๆ” หลี่เฉินหัวเราะอย่างผู้ชนะ ทิ้งให้คุณชายซู่เหวินกังวลกับชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
ตอนที่ 2
เสือสิ้นลาย แม่ทัพซู่กำลังสับสนอยู่ได้ไม่นาน หลี่เฉินก็ถือกระบองไม้ไผ่ที่มีผ้าอุดปิดรูด้านบนไว้ คุณชายซู่รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา ไม่ว่าในกระบอกไม้ไผ่นั้นจะบรรจุสิ่งใดเอาไว้ สิ่งนั้นต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีกับเขาเป็นแน่ “พวกเจ้าจับมันมัดไว้กับเสากลางห้องโถง เอามือไพล่หลังไว้และเอาผ้าอุดปากมันไว้” หลี่เฉินออกปากสั่งลูกน้อง พร้อมกับอธิบายต่อทันที “ในกระบอกไม้ไผ่นี้บรรจุแมงมุมแม่หม้ายดำไว้นับสิบตัว พิษของมันรุนแรงยิ่ง หากแม้นโดนต่อยเข้าครั้งเดียว หลอดเลือดทั่วร่างกายจะขยายขนาดทันที ต่อมาหากไม่ได้รับยาแก้พิษ เนื้อจะเริ่มเน่าเหม็น สมดุลหยินหยางจะเสียไป เจ้าของร่างจะตายในที่สุด ฮ่าๆๆ” หลี่เฉินพูดพร้อมกับหัวเราะร่า ทันใดนั้นเหมือนรู้งาน ลูกน้องทั้งสามก็กระชากกางเกงแพรไหมของซู่เหวินออกจนขาดไม่เหลือชิ้นดี บัดนี้ท่อนฆวยขนาด 8 นิ้วของท่านแม่ทัพได้รับการปลดปล่อย ตั้งลำผงกราวกับหลุดพ้นจากความคับแคบภายในกางเกง ขนาดฆวยสร้างความตะลึงให้แก่บุรุษผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก พินิจไล่มาตั้งแต่ส่วนหัวฆวยที่บานร่า สีแดงคลำเล็กน้อยแสดงถึงการผ่านศึกกับนางสนมในจวนที่มีอยู่นับร้อยนาง เงี่ยงฆวยชัดเจนโดยรอบพร้อมเข้าทะลวงข้าศึกอย่างไม่ไว้หน้า ลำฆวยทั้งยาวทั้งใหญ่ อวบจนมือกำไม่มิด พวงไข่ห้อยยานโต้งเตงสั่นไหวไปกับแรงดิ้นของผู้เป็นเจ้าของ เนิ่นหัวหน่าวอุดมไปด้วยขนดกดำหยิกยาวไล่ตั้งแต่โคนฆวยไปจนถึงใต้สะดือ สอดรับกับมัดกล้ามท้องที่ขึ้นเป็นลอนสวย ดูแล้วเจริญตาเหลือเกิน “ข้าไม่คิดเลยว่าท่านแม่ทัพจะพกอาวุธล่ำค่าเช่นนี้ไว้กับตัว” หลี่เฉินกล่าวน้ำเสียงระคนอิจฉา “พวกเจ้าต้องตาย ข้าจะสั่งประหารพวกเจ้าเจ็ดชั่วโคตร!!!” ซู่เหลิงคำรามจนสมุนทั้งสามผงะถอยหลัง “ข้าจะใช้ของดีที่ท่านมีมาแต่เกิด ย้อนกลับทำลายตัวท่านเอง เตรียมตัวให้ดีเถอะ ไอ้คุณชายซู่ นับจากนี้ไปทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก บอกลาบรรพบุรุษ เกียรติยศ อำนาจ ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย นางสนมในจวน ลูกเมียทั้งหลายและประชาชนไพร่ฟ้าของท่านได้เลย” หลี่เฉินพูดอย่างไม่แยแส ทันใดนั้นเอง หลี่เฉินก็ดึงจุกผ้าที่ปิดปากกระบองไม้ไผ่ออก แม่ทัพซู่ตกใจแต่ยังคงกัดฟันรักษาไว้ซึ่งมาดนักรบ ไม่แสดงอ่าการอ่อนแอให้ผู้ใดเห็น ไม่นานนักแมงมุมแม่หม้ายดำถูกบรรจงเทลงบนฆวยของท่านแม่ทัพอย่างสนุกสนาน เหล่าแมงมุมเมื่อเผชิญกับแสงสว่างก็แตกตื่น บางก็กัดท่อนฆวยคุณชายซู่ บางก็กัดลูกอัณฑะทั้งสอง บางส่วนไต่ไล่ขึ้นไปตามมัดกล้ามราวกับหาที่หลบภัย ส่วนที่กัดอยู่ก็เร่งระบายพิษออกเป็นกระแสจนเจ้าของฆวยรับรู้ได้ บังเกิดความร้อนผ่าวๆ จากภายใน ยอดขุนพลอย่างซู่เหวินได้แต่อดทนขบฟันแน่น ผ่านไปเพียงชั่วครึ่งข้อยาม บัดนี้เนื้อตัวซู่เหวินไม่เหลือเค้าท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเหลียนแล้ว ผิวกายมีรอยแดงเป็นจ้ำขนาดเล็กกระจายไปโดยทั่ว ที่น่าตกใจมากที่สุดคือลำฆวยที่บัดนี้ทั้งบวมทั้งช้ำ หัวฆวยบานทะโร่ยิ่งกว่าตอนแรก บานจนเต่งตึงเงาวับราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เงี่ยงฆวยขึ้นรูปราวกับฟันเลื่อย เส้นเลือดขึ้นลำฆวยจนปูดโปน แม้แต่เส้นเลือดฝอยยังขยายแตกกิ่งก้านสาขากระจ่ายไปทั่วท่อนฆวย ขับให้ลำฆวยดูน่ากลัวปนน่าเกรงขามไปพร้อมกัน พวกไข่ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า สีฆวยตอนนี้ดำคลำจนน่ากลัว ปากฆวยมีน้ำใสไหลยืดทอดลงสู่พื้นเป็นสายยาว แม่ทัพซู่ตอนนี้ตกอยู่ในอำนาจพิษแมงมุมเรียบร้อยแล้ว หากไม่ได้รับยาแก้พิษจากหลี่เฉิน เขาคงต้องจบชีวิตลงในสภาพน่าสมเพช สิ้นภาพนักรบผู้เกรียงไกรเป็นแน่...
ตอนที่ 3
ขุนศึกยอมสยบ เหมือนห้วงเวลาผ่านไปอย่างยาวนานสำหรับแม่ทัพซู่เหวินที่บัดนี้ถูกมัดนั่งคุกเข่าตรึงติดกับเสากลางห้องบรรทม ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ เผยให้เห็นมัดกล้ามที่ได้จากฝึกรบอย่างหนักตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ มัดกล้ามที่แม้นทหารชั้นเลวหรือนายกองใหญ่ยังต้องอิจฉา ยิ่งถ้ารู้ว่าคุณชายแห่งตระกูลซู่มิใช่มีเพียงมัดกล้ามเท่านั้นที่ใหญ่สมส่วน แต่ยังมีแท่งบรรเลงรักที่บรรพบุรุษมอบให้คุณชายซู่มาตั้งแต่เกิด ก็คงอดริษยาในความสมบูรณ์แบบเพียบพร้อมของคุณชายซู่ไม่ได้ นึกแล้วก็สงสารนางสนมที่ต้องรับแท่งนี้เข้าไปในร่างตน ช่างน่าเสียดาย บัดนี้แท่งบรรเลงรักได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นแท่งหรรษาสำหรับพวกหลี่เฉินไปเสียแล้ว “เจ้าจงฟังข้าให้ดี ไอ้คุณชายซู่ พิษแมงมุมนี้จะคั่งและสร้างความกำหนัดอย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งแผดเผาฆวยเจ้าไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าจะสิ้นชีพ ทางแก้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น คือเจ้าต้องระบายพิษแมงมุมออกจากฆวย ทุกยามวอก เป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นเจ้าต้องได้รับกระสินธุบุษราคัมทุกวัน ซึ่งข้าได้เตรียมไว้ให้เจ้าแล้วไม่ต้องห่วง หากเจ้ายอมเชื่อฟังข้า เจ้าจะรอด หากเจ้าขัดขืนดึงดัน เจ้าก็ตาย” หลี่เฉินอธิบายอย่างรวดเร็ว ซู่เหวินได้แต่นั่งคุกเข่าตาแดงกล่ำ หายใจหอบถี่ มัดกล้ามแข็งเกร็งทุกสัดส่วน ท่อนฆวยบรรจุความร้อนดังลาวาจากพิษแมงมุม จนเขาต้องกระดกลำฆวยเพื่อหวังระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ยิ่งเขากระดกท่อนฆวยมากเท่าไร น้ำหล่อลื่นสีใสและพิษแมงมุมสีดำก็ยิ่งไหลเยิ้มชโลมหัวฆวยและไหลย้อนไปทางลำฆวย ก่อนจะยืดหยดไหลนองกองบนพื้นห้องบรรทมของเขาเอง “เป็นเยี่ยงไรบ้างคุณชาย หมดสภาพนักรบไปเลยนะ คงจะกำหนัดมากใช่หรือไม่ กระดกฆวยงึกๆ เลย ฮ่าๆๆ” หลี่เฉินพูดพลางหัวเราะไปกับลูกสมุนทั้งสาม “เห็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นกำหนัดหนักเช่นนี้ ให้ข้าช่วยบรรเทาเถิดขอรับ” โจรชุดดำพูดพร้อมกับใช้มือจับลำฆวยของท่านแม่ทัพที่แข็งราวกับกระบี่เหล็ก ทันทีที่ท่อนฆวยถูกสัมผัสก็บังเกิดความเสียวซ่านแก่ผู้เป็นนายเอาเสียมาก เสียวจนท่านแม่ทัพต้องโยกตัวขึ้นตามมือของนายโจรชั่วต่ำช้าเพื่อหวังซึมซาบความเสียวให้นานที่สุด บัดนี้ซู่เหวินคิดเพียงว่าขอระบายความเจ็บปวดและความกำหนัดนี้ออกไปจากฆวยของตนให้ได้เสียก่อน อย่างน้อยขอมีชีวิตไว้แก้แค้นพวกใจทรามเหล่านี้ให้สาสมกับที่มันทำกับเขาในกาลภายหลัง ขอเพียงวันนี้รอดชีวิตได้เป็นอันพอ “ซิ๊ดดด...อู้ยย..ข้าเสียวเหลือเกิน” แม่ทัพปล่อยเสียงเสียวเล็ดลอดออกจากริมฝีปากเรียวบางที่ห่อขยุมเป็นจีบสวยงาม เมื่อไร้ซึ่งมือหยาบของโจร ซู่เหวินจึงจำใจต้องโยกสะโพกไปมา ดูคล้ายคนบ้าไร้สติกำลังกระเด้ากับอากาศในเรือนแห่งนี้ “ฮ่าๆๆๆ พวกเจ้าจงดูเอาเถิด ยอดขุนพลอย่างซู่เหวิน ใช้ชีวิตเยี่ยงราชา ถึงคราวกำหนัดแล้ว ช่างไม่ต่างอะไรจากเหล่าขอทานไร้บ้านสักนิด” หลี่เฉินมองอย่างสมเพช ในใจรู้ดีว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ระหว่างที่คุณชายตระกูลซู่กำลังตกอยู่ในกามราคะอย่างน่าเวทนา หลี่เฉินเหลือบไปเห็นกระบี่เล่มหนึ่งตั้งอยู่บนแท่นวางในห้องบรรทมนั้น ปอกกระบี่ประดับประดาด้วยอัญมณีสีแดงฉานระยิบระยับยามต้องแสงจันทร์ ลวดลายวิจิตรบรรจงงดงามยิ่งนัก หลี่เฉินยิ้มอย่างเจ้าเลห์ทันที “นั้นคงเป็นกระบี่ประจำตระกูลซู่ที่สืบทอดกันมาช้านาน กระบี่ที่ร่วมรบกับตระกูลซู่ร่วม 500 ปี กระบี่พระราชทานจากฮ่องเต้ที่ไพร่ฟ้าทุกคนเคารพบูชา กระบี่ที่ฟาดฟันศัตรูมานับไม่ถ้วน ช่างเป็นบุญของข้ายิ่งนักที่ได้ยล” หลี่เฉินไม่พูดเปล่า เดินไปหยิบกระบี่ออกจากแท่น “จะ..เจ้า ห้ามแตะต้องกระบี่เล่มนั้นเด็ดขาด!!! แม้ข้าจะใช้กระบี่เล่มนั้นฟันพวกเจ้า ข้ายังเสียดายคม” ซู่เหวินรู้ดีว่ากระบี่นี้เป็นมหาศาสตราวุธที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น คนอย่างหลี่เฉินไม่คู่ควรกับกระบี่เล่มนี้แม้เพียงปลายเล็บ “ไม่ควรคู่กับคมกระบี่อย่างนั้นหรือ?” หลี่เฉินทวนคำพูดซู่เหวิน พลันเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หลี่เฉินใช้คมกระบี่ประจำตระกูลซู่ ลากผ่านขนดกดำรกทึบใต้สะดือถึงโคนฆวยของบุตรชายคนเดียวแห่งตระกูลเจ้าของกระบี่ ครั้นขนฆวยเนินหัวหน่าวของคุณชายซู่ก็ร่วงโรยโปรยลงสู่พื้น น้ำตาซู่เหวินรินไหลออกมาอย่างไร้การควบคุม เหตุใดกระบี่สูงส่งเล่มนี้กลับต้องมาใช้ตัดขนฆวยของเขาอย่างน่าสมเพช หลี่เฉินจัดการใช้กระบี่วาดไปมาอย่างคล่องแคล่วเพื่อตัดขนให้แม่ทัพซู่อย่างเกลี้ยงเกลา ขนในที่ลับที่เขาแสนภาคภูมิใจในความเป็นชายวัยเจริญพันธุ์ บัดนี้แม่ทัพซู่ไร้ซึ่งขนแม้เพียงเส้นเดียว ดูเหมือนเด็กชายวัยเริ่มโตทุกอย่างยกเว้นขนาดฆวยมหึมาแท่งนี้ที่ช่วยยืนยันว่าเขาพร้อมผลิตลูกได้อย่างไม่จำกัด “เจ้าว่าบรรพบุรุษของเจ้าจะว่าเช่นไร หากรู้ว่าคมกระบี่ชาตินักรบเล่มนี้ถูกนำมาใช้ตัดขนอัปรีย์ในร่มผ้าของเจ้า สะใจข้าเหลือเกิน ฮ่าๆๆๆ” หลี่เฉินกล่าวอย่างมีความสุข “ท่านหลี่เฉินขอรับ มาถึงขนาดนี้แล้ว ข้าว่าจับไอ้ขุนศึกนี่โกนหัวเลยดีหรือไม่ ขอรับ?” โจรชุดดำเอ่ยถามผู้เป็นนาย พูดไม่ทันสิ้นเสียง ผมสลวยดกดำของคุณชายซู่ก็ถูกหลี่เฉินจิกรวบขึ้นมาอย่างรุนแรงจนใบหน้าแหงนขึ้นมาตามแรงดึง สร้างความเจ็บปวดแก้แม่ทัพอยู่ไม่น้อย ไม่ทันไรคมกระบี่เล่มเดิมก็ฟาดผ่านเส้นผมที่ถูกรวบไว้ ร่วงหล่นสู่พื้นอย่างน่าเสียดาย ก่อนจะถูกตัดแต่งให้ดูไม่น่าเกลียดจนเกินไป “ผมของเจ้าสั้นกุดราวกับนักโทษรอวันประหาร ช่างน่าขันเสียจริง อย่ากระนั้นเลยข้าไม่ใช่คนใจดำขนาดปล่อยให้เจ้าออกไปคุมกองทัพเยี่ยงนี้หรอก ประเดี๋ยวข้าจะเติมผมให้เจ้าเอง ไอ้ซู่เหวิน” หลี่เฉินกล่าว พลางเดินไปหยิบยางไม้ในตู้เก็บของที่อยู่ไม่ไกลนัก พร้อมกับราดน้ำยางเหนี่ยวสีใสลงบนหัวของซู่เหวิน ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องปลดเชือกที่คล้องมือของคุณชายซู่ออกจนเป็นอิสระ ปลายกระบี่จี่เข้าที่คอของแม่ทัพพร้อมฟาดฟันทันทีที่อีกฝ่ายขัดขืน “โกยขนฆวยหยิกยาวสีดำอัปรีย์ของเจ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วโปรยลงไปบนหัวของเจ้าซะ!!!” หลี่เฉินออกคำสั่งอย่างโหด***ม สร้างความตะลึงแก่ผู้รับคำสั่งอย่างไม่เชื่อหู บัดนี้หากเขาไม่ทำตามที่หลี่เฉินสั่ง คมกระบี่คงตรงเข้าปักคอหอยของเขาและสิ้นใจเป็นแน่ เขากลั้นใจกวาดขนหยิกดำที่เดิมเคยอยู่กับฆวยระหว่างขาทั้งสอง ขยี้ลงบนหัวกลางกระหม่อม ขนลับเชื่อมติดกับยางไม้ยากที่จะดึงออก ดูน่าขันคล้ายกับคนมีผมสั้นหยิกกระจายอยู่ทั่วหัว บัดนี้เกียรติยศของแม่ทัพอย่างซู่เหวินแทบไม่เหลือแล้ว แม้จะเป็นคนบ้าใบ้ไร้สติอย่างไรก็มิอาจตัดขนในที่ลับมาติดกลางกบาลในที่แจ้งแบบนี้ “ข้าจะตั้งชื่อผมใหม่ของเจ้าว่าอย่างไรดีนะ? เอาเป็นหมอยซู่เหวินดีไหม ชื่อซู่เหวิน แซ่หมอยฮ่าๆๆ” หลี่เฉินสนุกกับการตั้งชื่อใหม่ให้อดีตแม่ทัพใหญ่ “ลูกพี่ดูมันสิ ฆวยไม่มีหมอย เพราะหมอยย้ายไปอยู่บนหัวมันหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” ลูกสมุนร่วมผสมโรง “วันนี้พอแค่นี้ก่อน อย่าลืมนะคุณชายซู่เหวินเร่งระบายพิษแมงมุมออกให้ทันทุกยามวอก ภายใน 7 วันนี้ ต้องทำทุกวัน พวกข้าขอทูลลาพะยะค่ะ ฮ่าๆๆ” หลี่เฉินและสมุนก้าวออกไปจากห้องบรรทม ทิ้งไว้เพียงซู่เหวินที่นั่งฆวยแข็ง ปากฆวยปริออก พร้อมน้ำเมือกใสผสมกับพิษของแมงมุมเอ่อล้น ดูคล้ายมังกรยักษ์ตาเดียวกำลังร้องไห้ไม่ต่างจากเจ้าของฆวยไร้หมอยที่กำลังโศกเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้และวันต่อๆ ไป
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น