วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ยอดขุนพล 12

บทที่ 24 ยุคใหม่

“เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” อู่ทงพูดขึ้น ก่อนจะเดินตามผู้คนเข้าไปหาที่นั่งชมการแข่งกีฬา

อู๋ทงเลือกที่นั่งอยู่ระดับกลางๆ ไม่ติดขอบสนาม แต่ก็ไม่ใช่ตำแหน่งบนสุด ระหว่างนี้เป็นช่วงที่รอให้นักกีฬาเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน ความสนใจของผู้ชมเลยพุ่งมาตกที่อู๋ทงแทน

“เห้ยย มึงๆ ดูผู้ชายคนนั้นดิ แม่งหล่อฉิบหายวายวอดเลยว่ะ” ผู้หญิงแถวหลังชี้ให้เพื่อนข้างๆ ดู
“เป็นดาราป่าววะ? ได้สักครั้งจะตั้งใจเรียนจนไปถึงปริญญาเอกเลย 555” เพื่อนตอบ
“แม่ง อิจฉาผู้หญิงที่ได้นั่งข้างๆ โว๊ยยย เราเปลี่ยนที่นั่งทันไหมว่ะเนี่ย” สาวคนแรกหงุดหงิด

ตอนนี้สาวที่นั่งติดกับอู๋ทงพยายามเก็บอาการให้ดูปกติที่สุด แต่หัวใจเต้นแรงและเร็วจนเกือบหลุดจากอก แถมยังทำเนียนขยับตัวเข้าไปนั่งชิดติดกับอู่มงอีกต่างหาก

“อู้ยยย คนอะไรจะหล่อปานนี้ หล่อวัวตายควายล้ม” สาวที่นั่งข้างๆ คิดในใจ ใบหน้าแดงฉ่ำ

สาวสวยนั่งจินตนาการ ซึมซาบความอุ่นจากร่างที่นั่งติดกันของอู๋ทง สูดกลิ่นกายหอมสดชื่อ แต่ไม่ทันที่สาวสวยจะได้ทำอะไรต่อ หนุ่มอีกคนที่นั่งข้างอู๋ทงก็เปิดฉากพูดคุยไปเสียก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ วันนี้เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?” หนุ่มข้างๆ ทักทายอู๋ทง
“ก็...เอิ่มมม...ข้าควร “เชียร์” ทีมไหนดีล่ะ?” อู๋ทงไม่เข้าใจความหมายที่หนุ่มข้างๆ พูดเท่าไร?
“แทนตัวเองว่าผมก็ได้ครับ 555 ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอครับ?” หนุ่มน้อยชวนคุย
“ข้า...เอ้ยยย..ผมชื่ออู๋....เอ่ออ...เรายังไม่มีชื่อเลยครับ” อู๋ทงเลียนแบบการพูดของคู่สนธนา
“ไม่มีชื่อ? 555 งั้นเรามาตั้งชื่อกันดีไหมครับ ระหว่างรอเกมเริ่ม” หนุ่มน้อยเสนอความคิด

“ตั้งชื่อหรอ? ได้สิ ฉันขอช่วยด้วยคนนะ อิอิ” สาวอีกข้างโผล่เข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นายอยากได้ชื่อแบบไหนล่ะ? ถือเคล็ดอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถาม
“ชื่ออะไรก็ได้ เอามาสักชื่อเถอะ” อู๋ทงตอบ
“เอางี้ นายมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษไหม? แบบนึกถึงตลอดเวลาไรงี้” สาวสวยพูดระริกระรี้

“เทพจิ้งจอกเงิน!!!!” อู๋ทงตอบทันที เอ้าเทียนคือคนที่เค้าคิดถึงที่สุดในตอนนี้
“หา???? เทพจิ้งจอกเงินเนี่ยนะ? ยากจุง” สาวสวยพยายามคิดชื่อ
“เอาเป็น “ธวัลเทพ” ดีป่ะ? เพราะดีนะ” หนุ่มน้อยเร่งทำแต้ม

“ธวัลแปลว่าสีขาว ส่วนเทพก็หมายถึงเทพบุตร โดยรวมจะแปลว่า “เทพสีขาว” เราว่าใกล้เคียงกับโจทย์ของนายมากที่สุดละ แล้วชื่อนี้ก็เพราะและเหมาะกับนายมากเลย” หนุ่มข้างๆ เสนอ

“ธวัลเทพ-เทพสีขาว ชื่อนี้ก็ได้” อู๋ทงยอมรับ เขาชอบชื่อนี้เพราะทำให้นึกถึงเอ้าเทียนทุกครั้งที่พูด
“ไม่ยอมๆ งั้นขอเราคิดนามสกุลละกันนะ คริคริ” ผู้หญิงข้างๆ ไม่ยอมแพ้
“นายมีอะไรที่บ่งบอกความเป็นนายไหม เอาชัดๆ ตรงๆ ง่ายๆ” ฝั่งผู้ชายรีบถาม

“ความเป็นตัวเองหรอ? งูดำละมั้ง 5555” อู๋ทงเริ่มพูดได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน
“นี่เลย-นิลนาคา-แปลว่างูดำ เราเก่งป่ะละ คิดแปปเดียวเอง” หญิงสาวดีใจ นั่งเบียดอู๋ทงไปมา

“ชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเพราะดีจีง ถึงความหมายจะแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ” เด็กหนุ่มพูด
“แล้วชื่อเล่นนายล่ะ? ชื่ออะไรหรอ?” หญิงสาวยังคงมีความสุขยามได้ยินเสียงของอู่ทงสุดหล่อ

อู๋ทงทำหน้างงไม่เข้าใจ โลกนี้ทำไมซับซ้อนไปหมด มีทั้งชื่อหนึ่ง ชื่อสอง แล้วยังถามหาชื่อสามอีก ในอดีตเรียกอู๋ทงคำเดียวก็เข้าใจแล้ว อย่างมากก็แค่เติมคำว่าจอมมาร อสูร ปีศาจเข้าไปในชื่อ

“อย่าบอกนะว่าจะให้เล่นเกมตั้งชื่อเล่นอีก” หญิงสาวยิ้มแย้ม หน้าแทบจะซบไหล่อู๋ทง
“ก็คงอย่างนั้น คิดมาให้สักชื่อหนึ่งนะครับ” นายธวัลเทพ นิลนาคาอ้อนเพื่อนใหม่
“เวลาคนพูดถึงแล้วนาย เค้าจะนึกถึงอะไรกันบ้างละ?” เด็กหนุ่มข้างๆ ถามบ้าง
“ส่วนใหญ่ก็จะเป็น-พิษงู-หรือไม่ก็-กลัว-กันนะ แหะๆ” อู๋ทงตอบ
“กลัว? นายหล่อปานเทพบุตรขนาดนี้ ใครกลัวก็บ้าแล้ว” เด็กหนุ่มข้างๆ แซว
“อะไรแปลว่ากลัวบ้างน้า?” หญิงสาวใช้ความคิด

“ภีตะไง แปลว่ากลัว แต่ไม่เหมาะกับชื่อเล่นเท่าไร เรียกยากไปหน่อย” เด็กหนุ่มชิงตอบ
“ภีตเป็นไง!! ออกเสียงใกล้เคียงคำว่าพิษ แถมแปลว่ากลัวอีกต่างหาก คริคริ” หญิงสาวรีบแย่งไอเดีย

“สรุปผมชื่อธวัลเทพ นิลนาคา ชื่อเล่นคือภีต….วันนี้มาดูการแข่งขันกีฬา” อู๋ทงท่องจำในใจ

ขณะที่สองคนข้างๆ นั่งซึมซับความสุขที่ได้ชิดใกล้กับคนหล่อระดับดารา และไม่พลาดที่จะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับภีตก่อนอัพโหลดภาพอยู่โซเชียลมีเดีย สร้างความอิจฉาให้กลุ่มเพื่อนที่เห็นรูปคู่ได้ไม่น้อย ขณะที่ยอดไลท์พุ่งทะล่มทะลายภายในเวลาไม่นาน พร้อมคอมเม้นต์มากมาย

“ว๊ายยย ตายแล้ว ไปถ่ายกับนายแบบที่ไหนมาย่ะ”
“กดไลท์รัวๆ อยากได้เป็นผัวจัง”
“ไปดูกีฬาหรือไปดูผู้ชายกันแน่”
“ห่อกลับบ้านมาด้วยนะเมิง”

อู๋ทง ไม่สิ... ตอนนี้ต้องเรียกว่าภีต ไม่ได้สนใจกับเทคโนโลยีในปัจจุบันมากนัก เพราะตอนนี้เขากำลังเก็บข้อมูลรอบตัวให้ได้มากที่สุด พอสรุปได้ว่ามิติที่เขาหลุดเข้ามานั้นค่อนข้างเจริญมาก มีอุปกรณ์มากมายที่ราวกับมีเวทมนต์ อย่างเช่น ไมโครโฟนที่ทำให้เสียงมนุษย์ดังขึ้นหลายสิบเท่า จอภาพที่มีรูปมนุษย์เคลื่อนไหวอยู่ภายใน หรือกล้องถ่ายรูปที่สามารถดูดรายละเอียดของมนุษย์เข้าไปได้

ความสนใจของภีตถูกขัดด้วยเสียงเชียร์ที่กระหึ่มดังสนั่นกึกก้อง พร้อมกับเสียงประกาศชื่อนักกีฬาในวันนี้ เหล่านักกีฬารูปร่างใหญ่วิ่งลงสนามอย่างกระตือรือร้น แต่ภีตก็จำความผิดปกติและสีหน้าของนักกีฬาในทีมได้ ในขณะที่คนดูก็แสดงความสับสนออกมาเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?” ภีตกระซิบถามผู้หญิงข้างๆ
“อ่ออ สงสัยจะเปลี่ยนกัปตันเฉยๆ อ่ะ จากตอนแรกเป็นพี่บิ๊ก เปลี่ยนเป็นพี่เอแทน” สาวสวยตอบ
“บิ๊กหรออ?” ภีตนึกถึงหน้าเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่ถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์เมื่อตอนเขาเข้ามาในสนาม

ภีตนั่งดูการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆ จึงเข้าใจว่าเป็นกีฬาที่ให้ผู้ชายวิ่งแย่งลูกบอลกัน ฝ่ายไหนวิ่งพาบอลถึงจุดหมายก่อนเป็นฝ่ายได้คะแนน แต่ผลการประเมินเห็นชัดว่าสองทีมนี้มีฝีมือทิ้งห่างกันเกินไป ทีมของกัปตันที่ชื่อเอทำคะแนนได้น้อยมาก ขณะทีมฝ่ายตรงข้ามกลับทำคะแนนติดๆ กันจนจบครึ่งแรกของการแข่งขัน

ครึ่งหลังกำลังจะเริ่มขึ้น จู่ๆ คนที่ชื่อบิ๊กก็ปรากฏตัวขึ้นข้างสนาม ภีตจ้องมองไปที่บิ๊กและคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อายุดูน้อยกว่าไม่มากแต่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์จัด

“คนที่อยู่ข้างๆ พี่บิ๊กคือใครหรอครับ?” ภีตหันไปถามเด็กหนุ่มข้างๆ
“อ่อ น้องชายเค้าเองครับ ชื่อบอล เป็นนักกีฬาเหมือนกัน” หนุ่มน้อยตอบอย่างยิ้มแย้ม

ภีตเห็นบอลถือโทรศัพท์หันไปทางพี่บิ๊ก ทันทีที่พี่บิ๊กเห็นบางอย่างในโทรศัพท์ก็หน้าถอดสี และวิ่งไล่น้องชายถึงกลางสนาม ก่อนจะรัวหมัดใส่หน้าบอลไม่ยั้ง ท่ามกลางสายตาของผู้ดูในสนาม เกิดความวุ่นวายชุลมุน จน รปภ. เข้ามากุมตัวพี่บิ๊กออกไปจากสนาม

บรรดาแฟนคลับและคนดูต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงตาจับจ้องไปที่พี่บิ๊กที่ผันตัวเองจากนักกีฬากลายเป็นนักเลงไปเสียแล้ว ขณะที่จอมมารอสรพิษผู้มีสายตาเฉียบคม ก็จับความพึงพอใจที่ปรากฏออกมาผ่านสีหน้าของคนที่ชื่อบอลได้

“ไม่ต้องถึงเอ้าเทียนเทพแห่งปัญญา ก็ดูออกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ คนชื่อบี๊กกำลังตกที่นั่งลำบาก ส่วนคนชื่อบอลกำลังเล่นละครตบตาคนดูทั้งสนาม” ภีตพึมพำออกมา

การแข่งขันครึ่งหลังเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไร้วี่แววของกัปตันบิ๊ก ถึงกระนั้นผู้ชมก็ยังคงเชียร์ทีมตัวเองเสียงดังลั่น ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาชมภาพการแข่งขันเบื้องล่าง ตรงกันข้ามกับภีตที่ไม่สนใจเกมการแข่งเลยแม้แต่น้อย สายตากลับจ้องมองสูงขึ้นไปบนกระจกบานใหญ่ตรงห้องวีไอพี

ภาพที่เห็นช่างน่าสลดใจเหลือเกิน เพราะภีตกำลังเห็นภาพกับตันบิ๊กถูกมัดด้วยโซ่ ตัวลอยสูง ท่อนขามีเหล็กยาวมัดติดอยู่ ทำให้ขากางออกสี่สิบห้าองศา มือถูกมัดไพร่หลัง ที่สำคัญกำลังถูกรุมข่มขืนทางประตูหลังจากกลุ่มชายหลายคน จนในที่สุดเสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน ผลปรากฏว่าทีมพี่บิ๊กแพ้ย่อยยับ ตกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ภีตยังคงจ้องมองบิ๊กที่น่าสงสารอยู่ ตอนนี้ชายคนหนึ่งกำลังจับควญพี่บิ๊กขักเป็นจังหวะ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ภีตก็สามารถอ่านปากบิ๊กได้ชัดเจนว่ากำลังพูดอะไรอยู่

“ผมกัปตันบิ๊ก สิทธิศักด์ ปฐมวงศ์ ทำให้ทีมรักบี้มหาลัยตกรอบ ขออนุญาตน้ำแตกฉลองความพ่ายแพ้นี้ครับ” ภีตอ่านปากของอดีตกัปตัน

“เมืองนี้แปลกดีจัง มีการทารุณมนุษย์ด้วยวิธีแบบนี้ด้วยหรอ ชักน่าสนใจแล้วสิ” ภีตพูดกับตัวเอง

ภีตไม่รู้เลยว่าประโยคแบบนี้เคยหลุดออกมาจากปากเอ้าเทียนครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่จิ้งจอกหนุ่มยืนมองดูกลุ่มชายชั่วทารุณแม่ทัพซู่เหวินกลางลานฝึก ต่อจากนั้นไม่นานเอ้าเทียนก็เข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ ตามแก้ปัญหาไม่หวั่นไม่ไหว

บัดนี้สถานการณ์ไม่แตกต่างกันเลย ภีตหลุดประโยคเหมือนเอ้าเทียน หลังจากที่มองกลุ่มชายหลายคนทารุณกัปตันทีมรักบี้กลางสนามแข่งขัน ถ้าเหมือนกันเช่นนี้ ต่อไปภีตอาจต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องชั่วๆ ของมนุษย์ เหมือนที่เอ้าเทียนกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้
บทที่ 24 เดือนดับ

หลังจากส่งอู๋ทงงูพิษข้ามมิติไปแล้ว บัดนี้เอ้าเทียนในร่างแปลงกายเป็นอู๋ทงก็ยึดถ่ำที่อยู่แห่งนี้เป็นของตน เพื่อรอเวลาให้นายใหญ่ผู้บงการอยู่เบื้องหลังปรากฏตัว

ไม่นานนัก ก็เกิดกลุ่มควันฟุ้งกระจายพร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง ที่เอ้าเทียนรู้สึกคุ้นหน้ามากเหมือนเคยพบเจอมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยพบเจอที่ไหนหรือเมื่อไร

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?” ชายปริศนาถามเสียงทุ้มต่ำ
“เรียบร้อยดี ท่านไม่ต้องกังวล” อู๋ทงตัวปลอมตอบ
“ตอนนี้ข้าต้องการตัวแม่ทัพซู่เหวิน เจ้าจงไปเอาตัวแม่ทัพมาให้ข้าโดยเร็ว” ชายปริศนากล่าวต่อ
“ไม่มีปัญหา ว่าแต่จะให้ข้านำตัวแม่ทัพไปให้ท่านที่ไหน?” เอ้าเทียนหลอกถาม
“ถึงตอนนั้นข้าจะบอกอีกที รีบไปจัดการซะ” ชายปริศนาสั่ง

เมื่อออกคำสั่งเสร็จ ชายปริศนาก็ปาระเบิดควันจำนวนหนึ่งลงที่พื้นจนเกิดกลุ่มควันโขม่งแทบมองอะไรไม่เห็น กินเวลาอยู่ช่วงหนึ่งกว่ากลุ่มควันจะสลายหายไป ถึงตอนนี้ชายปริศนาก็หายไปพร้อมกับกลุ่มควันเสียแล้ว

“ชายคนนี้เป็นใครกันนะ? ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ได้เบาะแสเพิ่มเติม ตอนนี้ไปช่วยแม่ทัพซู่
เหวินก่อนดีกว่า” เอ้าเทียนพูดพร้อมกับหมุนตัวสลายร่างหายไปในอากาศ
..........................................................................................................................................................
ยามค่ำคืน ณ คุกใต้ดินที่ซู่เหวินถูกคุมขังอยู่หลังจากโดนรุมลงแขกจากบรรดาราชบุตรแคว้นต่างๆ บัดนี้แม่ทัพนอนขดตัวเปลือยเปล่า ร่างกายบอบช้ำพอๆ กับจิตใจที่หดหู่อย่างที่ถึงที่สุด

กลุ่มควันสีเงินปรากฏขึ้นภายในคุกที่เงียบสงบ เพราะมีผ้ายันต์วิเศษที่เคยให้แม่ทัพซู่ไว้ทำให้เอ้าเทียนสามารถหายตัวเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เสมือนว่าผ้ายันต์เป็นประตูมิติที่เปิดให้เอ้าเทียนเข้าออกได้ตามใจชอบ

“เรามาช่วยท่านแล้วแม่ทัพซู่ ทำใจดีๆ ไว้นะ” เอ้าเทียนนั่งข้างกายแม่ทัพ เขย่าร่างซู่เหวินให้ตื่น
“จะ..เจ้ากลับมาแล้ว ช่วยข้าด้วย พาข้าออกไปจากชุมนรกนี้เสียที” แม่ทัพค่อยๆ ลืมตาขึ้น พูดเสียงแหบ ก่อนจะสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย

เอ้าเทียนใช้พลังปราณแสงสีเงิน ตัดโซ่ตรวนที่มัดแม่ทัพเอาไว้ทั้งแขนและขาออกจนหมด ทำให้แม่ทัพเป็นอิสระอีกครั้ง เอ้าเทียนประคองร่างแม่ทัพที่ไม่ได้สติให้ค่อยๆ ลุกขึ้น

“ไปจากที่นี่กันเถอะ” เอ้าเทียนพูดคนเดียว

ก่อนจะสลายร่างหายไป เขาก็พลันเหลือบไปเห็นแสงจันทร์เต็มดวงผ่านช่องลมสี่เหลี่ยมของกำแพงคุก คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ส่องแสงเหลืองทอง สว่างสดใส กระทบเข้าดวงตาดำสวยของเอ้าเทียน

“โธ่เอ๊ย มาเต็มดวงเอาอะไรตอนนี้!!!” เอ้าเทียนสบง

ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าในวัยเด็กของเอ้าเทียนนั้น เขายอมสละร่างเทพจิ้งจอกเงินของตัวเองเพื่อใช้ที่เป็นปิดผนึกพลังเทวาด้านมืดเอาไว้ ร่างของเขาจึงเป็นเสมือนที่อยู่ของพลังร้าย หนทางเดียวที่จะปลดปล่อยพลังมืดนี้ออกไปคือต้องหาร่างใหม่ที่ใกล้เคียงกับเอ้าเทียนมากที่สุด เพื่อถ่ายทอดพลังเทวาออกจากตัวเอ้าเทียน ซึ่งในปฐพีนี้คงหาคนที่เหมือนเอ้าเทียนไม่ได้อีกแล้ว

พลังเทพจิ้งจอกเงินรวมกับพลังเทวาที่ถูกกดไว้ทำให้เอ้าเทียนกลายเป็นบุรุษที่ทรงเสน่ห์ที่สุดในใต้หล้า เอ้าเทียนสามารถใช้ชีวิตที่มีสองพลังในร่างเดียวได้อย่างสมดุล แต่กระนั้นพลังเทวามืดนี้ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาในทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง

หากพลังเทวาถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เอ้าเทียนจะจำเหตุการณ์ในช่วงนั้นไม่ได้เลย เขาจะกลายเป็นอีกคนที่แตกต่างจากปกติ ทั้งการพูด การคิด และการกระทำ

เมื่อแสงจันทร์วันเพ็ญในคืนนี้ตกกระทบเข้ากับร่างของเอ้าเทียน กายเทพสีเงินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามกลืนไปกับแสงจันทรา เส้นผมสีเงินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำขลับไล่ตั้งแต่โคนผมไปจนถึงปลายผม ชุดไหมสีเงินก็พลันเปลี่ยนเป็นสีทอง ขลิบขอบดำสนิท ทำให้ดูสง่าองค์อาจแฝงความลึกลับ ราวกับราชสีห์หนุ่ม

“เฮ้ออ คราวนี้จะเกิดเรื่องวุ่นๆ อะไรอีกนะ” เอ้าเทียนที่ยังพอเหลือสติอยู่ รีบใช้โซ่ตรวนในคุกจองจำตัวเองไว้อย่างแน่นหนา หวังเพียงว่าร่างมืดจะไม่ออกไปสร้างความวุ่นวายใดๆ อีก

เมื่อจัดการขังตัวเองเสร็จ เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง  ได้แต่หลับตาหวังว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นสติของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มชวนหลงไหล ร่างใหม่แสยงยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัว

“ได้ออกมาสูดอากาศสักที ฮ่าๆๆๆ” เอ้าเทียนร่างมืดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รุ่งเช้า ทหารจำนวนหนึ่งรับคำสั่งให้มาพาตัวแม่ทัพและราชบุตรหมายเลขหนึ่งซึ่งก็คือเอ้าเทียนที่ถูกจับมาเพราะปากพล่อยไปกล่าวหาพระมเหสีว่าไม่ใช่ผู้หญิงแท้

ไม่มีใครรู้เลยว่าองค์ชายหนึ่งตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ภายใต้ร่างมนุษย์ที่หล่อเหลานี้คือร่างเทวาที่ออกมาเล่นสนุก

ทหารเข้าไขกุญแจคุกใต้ดินออก และตรงเข้าจับร่างแม่ทัพที่สลบไสลไม่ได้สติ พร้อมกับตรงเข้าไปปลดโซ่ตรวนที่มัดองค์ชายหมายเลขหนึ่งที่นั่งยิ้มอย่างสบายใจออก ทั้งสองถูกกุมตัวในลานกว้างกลางเมือง

ผู้คนนับร้อยมารอชมการประกาศผลการคัดเลือกราชบุตร  ราชบุตรทั้งแปดคนยืนเรียงกันในสภาพผ้าเตี่ยวรัดเป้าผืนเดียว ทำให้เห็นหุ่นกล้ามของราชบุตรทั้งเก้าชัดเจน ฆวยของเหล่าราชบุตรยังอยู่ในสภาพอ่อนตัว

ขณะที่หลี่เฉินกำลังจะประกาศ เอ้าเทียนก็ถูกนำตัวมาหน้าเวทีพอดี เสียงฮือฮาจากประชาชนดังขึ้นทันทีที่เอ้าเทียนปรากฏ  เล่นเอาคนทั้งงานรวมถึงราชบุตรทั้งแปดเองก็อึ้งไปตามๆ กัน

“เจ้าดูไอ้รูปหล่อเนี่นสิ ทำไมมันถึงได้หล่อ มีออร่าอย่างนั้นวะ” ชาวเมืองตะลึงงัน
 “เธอๆ คนที่เราเห็นตอนเข้าเมืองไง ผู้ชายคนนี้ หล่อจริงๆ กรี๊ดดด” สาวกลุ่มใหญ่ส่งเสียงกริ๊ด

“ได้ยินว่าวันนี้จะประกาศผล แต่เจ้าลืมใครไปหรือเปล่า?”  เอ้าเทียนร่างมืดพูดขึ้น
“ไม่ลืม แต่เจ้ามันปากสามหาว ข้าต้องคัดเจ้าออกจากผู้ประกวด” มเหสีชิงตอบ
“อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมสิ ข้าเข้ารอบมาคนแรกด้วยซ้ำ ยังไม่ทันได้ร่วมประกวดกับเหล่าราชบุตรพวกนี้เลย” เอ้าเทียนร่างมืดแย้ง

“ปากดีนัก! รู้หรือไม่ว่าหลังจากที่ข้าจับเจ้าออกไป เหล่าราชบุตรนี้ประกวดแข่งขันอะไรกัน” มเหสีตอบ

“ข้าไม่รู้เรื่องการประกวดงี่เง่าอะไรของเจ้าหรอก” เอ้าเทียนร่างมืดพูดไปเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าราชบุตรพวกนี้ผ่านการประกวดอะไรมา

“ได้สิ! ถ้าเจ้าชนะละก็นะ ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชนะ แต่คงจะยากหน่อยละ เพราะราชบุตรพวกนี้มีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้น” พระมเหสีตอบพร้อมกับหัวใจพองโต

จริงๆ หล่อนได้เล็งเอ้าเทียนไว้ตั้งแต่รอบแรกๆ แล้วด้วยซ้ำ เพราะความหล่อที่โดดเด่น และหุ่นที่ล้ำหน้าราชบุตรคนอื่น จึงไม่แปลกที่กระเทยสาวจะออกหน้าออกตา ยอมให้เอ้าเทียนกลับมาเล่นเกมกามอีกรอบ หัวใจก็สั่นระรัว ยามที่จะได้เห็นของดีที่เฝ้ารอ

“ไง ไอ้หน้าหล่อ เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกข้า ทั้งมันส์ ทั้งสนุกกันมาก ข้าบอกเลยว่าของลับและลีลาแต่ละคน เจ้าเห็นแล้วจะหนาว หน้าอย่างเจ้าเนี่ยจะได้สักครึ่งนึงของพวกข้าไหมวะ ฮ่าๆ”  ราชบุตรคนหนึ่งข่มทับ  

เอ้าเทียนร่างมืดได้ยินดังนั้นก็พอจะเดาออกว่าคงเป็นทดสอบสมรรคภาพของเครื่องเพศแน่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เทพอย่างเขาวิตกกังวลแม้แต่น้อย แม้ว่าจะอยู่ในร่างที่เป็นเพียงหนึ่งในสี่ของเทพก็ตาม แถมตอนนี้เขาซึ่งอยู่ในร่างมืดกลับรู้สึกตื่นเต้นด้วยซ้ำ ที่จะได้โชว์ของดีของตัวเองต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้

“เอาละครับท่านผู้ชม ตอนนี้มีองค์ชายหมายเลขหนึ่งกลับมาท้าดวล แต่ถ้าหากเขาแพ้.........  เขาจะยอมเป็นทาสของมเหสีไปตลอดกาล”  เอ้าเทียน ตกใจที่หลี่เฉินพูดแบบนั้นออกไป

“ข้าไปพูดแบบนั้นตอนไหน เจ้านี้มันช่างเล่นสกปรกซะจริง” เอ้าเทียนพึมพำ

“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราทดสอบต่อหน้าประชาชนที่นี้เลยแล้วกัน ...การทดสอบแรก เนื่องจากตระกูลซู่มีขนาดของฆวยที่ใหญ่มากมาทุกรุ่น การจะคัดราชบุตรเขยจึงต้องวัดขนาดฆวยเพื่อคงพันธุ์กรรมเด่นนี้ไว้” หลี่เฉินเอย

“ก่อนอื่นข้าจะอ่านข้อมูลของแต่ละคนที่ประกวดไปแล้วให้เจ้าฟังก่อนแล้วก่อน  องค์ชายหมายเลขสองมีฆวยยาวหกนิ้วครึ่ง รอบวงหกนิ้ว องค์ชายหมายเลขสามมี....” หลี่เฉินประกาศข้อมูลขององค์ชายแต่ละคนจนครบ

“เจ้าจะยอมถอนตัวซะตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้นะ พวกข้าจะได้ไม่เสียเวลา ฮ่าๆ” ราชบุตรเยาะเย้ย

“เป็นไงเจอขนาดฆวยแปดนิ้วข้าเข้าไป ตะลึงเลยสิเจ้า” องค์ชายแปดโอ้อวด

อันที่จริงเอ้าเทียนก็ไม่เคยวัดขนาดของตัวเองมาก่อน ไม่รู้ว่าที่มีอยู่มันใหญ่ยาวกว่ามาตรฐานทั่วไปหรือไม่ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษ เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าขนาดของตนจะด้อยกว่าพวกมนุษย์ที่ได้ชื่อว่ามีฆวยยาวที่สุดหรือไม่  

“เอาละมาวัดกันเลยดีกว่า” เอ้าเทียนร่างมืดบอก

เอ้าเทียนก้าวมายืนกลางเวทีพร้อมปลดเสื้อผ้าออกจนหมด เหลือเพียงผ้าเตี่ยวตัวเดียว บัดนี้แววตาของบรรดาผู้ชมเป็นประกายกว่าเดิม ที่ได้เห็นท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเอ้าเทียน ทั้งกล้ามแขน กล้ามหน้าอกที่นูนเด่น ต่ำลงไปเป็นกล้ามหน้าท้องแปดลูกเรียงตัวอย่างสวยงาม

จุดรวมสายตาที่ทำให้คนทั้งงานทึ่งก็คือผ้าเตี่ยว ที่ห่อหุ้ม***ของเอ้าเทียนเอาไว้ มันนูนเต่งจนเหมือนเอาอะไรไปยัดไว้

“แหม! ฆวยโด่รอเชียวนะไอ้เงี่ยน” องค์ชายสี่แซวเอ้าเทียน

“ใครบอกเจ้าว่าของข้าแข็งตัวแล้ว?” เอ้าเทียนตอบหน้าเฉย

“หยุดโม้สะทีไอ้หน้าหล่อ” ราชบุตรได้ยินถึงกับอึ้ง เป้าตุงแทบปริ้นแบบนั้น ฆวยจะยังหดอยู่ได้อย่างไร

“ข้าไม่ได้โม้ ถ้าพวกเจ้าอยากเห็นมันแข็งตัว ก็มาทำให้ข้ามีอารมณ์สิ ฮ่าๆๆๆ” ราชสีห์ร่างมืดตอบ

พวกราชบุตรแม้ว่าใจจะหมั่นไส้เอ้าเทียนมาก  แต่พอเห็นเอ้าเทียนในสภาพแบบนี้ก็เล่นเอาราชบุตรทั้งหลายเงี่ยนได้เหมือนกัน หลังจากที่ได้เย้ดแม่ทัพใหญ่ เหล่าราชบุตรก็เริ่มติดใจในการสมสู่กับเพศเดียวกัน จนลืมไปเสียสนิทว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสมัครเป็นสวามีของบุตรสาวแม่ทัพ ตอนนี้องค์ชายบางคนเริ่มเข้าไปสำรวจกล้ามแขนกล้ามท้องของเอ้าเทียน

บรรดาชาวเมืองเองก็เหมือนปรับตัวกับเรื่องแบบนี้ได้แล้ว หลังจากที่ได้เห็นแม่ทัพใหญ่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองด้วยวิธีพิศดารต่างๆ นานา เหล่าประชาชนไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมา ตรงกันข้ามกลับแสดงความสนอกสนใจอย่างออกนอกหน้าด้วยซ้ำ ที่โชคดีได้เห็นของลับจากบรรดาเชื้อสายกษัตริย์

“หุ่นแม่งดีจริงๆ  ข้ายอมรับ” องค์ชายคนนึงเดินเข้ามาเขี่ยหัวนมเอ้าเทียน ทำให้เอ้าเทียนเริ่มเงี่ยนขึ้นมาแล้ว   พลังงานในตัวเทพเริ่มไหลจากร่างกายเข้าสู่ท่อนฆวยที่ยังสงบ จนค่อยๆ ขยายขนาดขึ้น ผ้าเตี่ยวตอนนี้เริ่มดูบวมขึ้น เต่งขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่ขึ้นๆ จนแทบระเบิดออกมา

“ไม่น่าเชื่อ ตอนนี้เป้าองค์ชายหนึ่งในผ้าเตี่ยวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตุงขึ้น เต่งขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท่าทางขนาดของเขาจะไม่ธรรมดาจริงๆ ซะแล้ว” โฆษกประกาศ

องค์ชายอีกคนเห็นเอ้าเทียนแล้วเงี่ยนจนทนไม่ไหวอ้อมไปอีกข้างเพื่อดูดนมเอ้าเทียน ทำให้ตอนนี้เอ้าเทียนนั้นโดนรุมจากบรรดาราชบุตรอย่างเมามัน  ทันทีที่ปากขององค์ชายอีกคนสัมผัสกับหัวนมเอ้าเทียน ความเงี่ยนก็พุ่งทะยาน พลังงานแห่งเทพไหลเข้าไปในท่อน***เอ้าเทียนอย่างรวดเร็ว

เอ้าเทียนเสียวจนหลับตาครางซิ๊ด ฆวยเทพที่ใหญ่ขึ้นไม่หยุดทำให้ผ้าเตี่ยวรัดตึงแน่นเปรี้ยะ จนในที่สุด! เมื่อเอ้าเทียนเกิดความเงี่ยนขึ้นแล้ว อะไรก็มาฉุดไม่อยู่ เอ้าเทียนรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงลืมตามองไปข้างหน้าผู้ชม และบรรดาราชบุตรที่กำลังจ้องตาเป็นมัน

และแล้วเอ้าเทียนก็กระดกฆวย   พรืดดดดดดดดด!!  ปมของผ้าเตี่ยวไม่อาจทนกับขนาดความใหญ่ของลำฆวยเอ้าเทียนได้อีกต่อไป  มันแน่นจนร่นลงมาแล้วคลายออกจากกัน เนื่องจากเอ้าเทียนเก็บฆวยโดยพาดไว้ข้างบน พอผ้าเตี่ยวหลุด ***ขนาดมหึมาก็เด้งออกมาทันที

และทั้งสนามประลองก็แทนที่ด้วยความเงียบสนิทเหมือนเวลาหยุดเดิน เอ้าเทียนยิ้มมุมปาก รอฟังสิ่งที่จะเกิดขึ้น ลานประลองฮือฮายิ่งกว่าเสียงนกกระจิบนกกระจอกอีกครั้งเมื่อทุกคนคืนสติ หลังจากเห็นขนาดฆวยของเอ้าเทียน

“เกินไปแล้วววว? นั่นฆวยจริงๆ หรือ? ช่างใหญ่ยาวอะไรได้ถึงเพียงนี้  ข้าว่าราชบุตรที่ทดสอบไปก่อนหน้านี้ก็ใหญ่แล้วนะ ราชบุตรคนนี้ใหญ่กว่าอีก” ทหารกลุ่มหนึ่งพูดขึ้น

ทั้งชายทั้งหญิงวิจารณ์กันขรม  พอ***เป็นอิสระมันก็พองเต็มเหยียด และสิ่งที่ตามมาก็คือน้ำเงี่ยน   แน่นอนน้ำเงี่ยนระดับเทพมีปริมาณไม่ธรรมดา มันไหลเป็นสาย จากปลายหัว***ใหญ่ของเอ้าเทียนลงสู้พื้นลานประลองอย่างมากมาย

“โหหหห ดูน้ำเงี่ยนของมันสิ ช่างมากมายอะไรอย่างนี้” บรรดาราชบุตรเห็นแล้วก็อึ้งไปตามๆ กัน

 “เอาละ ข้าพร้อมแล้ว มาวัดกันเลยไหม?” เอ้าเทียนพูดพรางยืนแอ่นเอวให้เหล่าราชบุตร

หลี่เฉินสั่งให้ทหารเอาสายวัดมาวัด นายทหารนั่งลงข้างๆ ฆวยเอ้าเทียน ตาก็มองดูฆวยที่สำรอกน้ำเงี่ยนไหลออกมาไม่หยุดเป็นทางยาวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เอาละเริ่มวัดได้ เริ่มจากเส้นรอบวง สถิติความอวบตอนนี้เป็นขององค์ชายเจ็ดซึ่งมีความอวบคือเจ็ดนิ้วครึ่ง” หลี่เฉินเร่งทหารที่นั่งอึ้งตรงหน้าเอ้าเทียน

ขณะนี้ทหารกำลังนำสายวัดทาบจากด้านข้างลำฆวยเวียนมาจนครบรอบ ทหารอ่านเลขบนสายวัดเสียงสั่น

“เจ็ดนิ้วกับอีกแปดหุนขอรับ”
“อะไรนะ ข้าไม่ได้ยิน” หลี่เฉินตวาด จริงๆ แล้วเขาได้ยินชัด เพียงแต่ไม่เชื่อหูตนเอง
“เจ็ดนิ้วกับอีกเจ็ดหุนครับ” ทหารตอบเสียงดังก้องทั่วลาน

ผู้ที่ได้ยินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ความอวบขนาดนี้มันเทียบเท่าบ้องไม้ไผ่ลำโตๆ เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะวัดความยาวในขั้นถัดมา เอ้าเทียนหันไปถามบรรดาราชบุตรว่าใครคือคนที่มีฆวยยาวที่สุดในตอนนี้

“ขะ...ข้าเอง ขะ..ข้ามีฆวยยาวแปดนั้ว”องค์ชายแปดตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนมาวัดความยาวฆวยข้า พวกเจ้าหลบไปก่อน” เอ้าเทียนพูดพร้อมยื่นสายวัดจากทหารให้กับองค์ชายแปด

ฆวยเอ้าเทียนแข็งไม่ยอมหด องค์ชายแปดทาบสายวัดตั้งแต่โคนฆวยของเอ้าเทียน เลขหนึ่งเลขสองผ่านไป  จนถึงเลขเจ็ดองค์ชายที่แปดถึงกับตาโต เพราะสายวัดยังทาบอยู่บน “ลำ”ฆวยของเอ้าเทียนเท่านั้น ผ่านไปถึงเจ็ดนิ้วแล้วยังไม่ถึงหัวฆวยเอ้าเทียนเลย

พอถึงเลขแปดก็มาถึงตรงคอหยัก ราชบุตรคนที่แปดทาบสายวัดยาวไปสุดหัวฆวยที่เลขเก้าครึ่งพอดี หมายความว่าหัวฆวยของเอ้าเทียนนั้นใหญ่จริงๆ  ตอนนี้องค์ชายแปดหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด

“ไหนบอกซิว่าฆวยข้ายาวกี่นิ้ว” เอ้าเทียนพูดกับองค์ชายแปดผู้เคยหยิ่งทะนงในความยาวของฆวย

“กะ... เก้านิ้วครึ่ง” องค์ชายแปดระล่ำระลัก

“ดังๆ สิวะะะะะะ แล้วบอกด้วยบนเวทีนี้ใครที่ฆวยใหญ่ยาวที่สุด” เอ้าเทียนร่างมืดตวาด

“ราชบุตรที่***ใหญ่และยาวที่สุดก็คือราชบุตรหมายเลขหนึ่ง  ด้วยความยาวเก้านิ้วครึ่ง รอบวงเจ็ดจุดแปดนิ้ว!!!”  ราชบุตรคนที่แปดพูดเสียงดังอย่างอับอาย

ประชาชนหันไปซุบซิบกัน เสียงฮือฮาดังลั่นลานประกวด  บัดนี้ราชบุตรทุกคนเจอเสน่ห์ของเอ้าเทียนก็กลับมาตกอยู่ในพะวังอีกครั้ง ยืนฆวยแข็งไปตามๆ กัน  

“เอาหล่ะสำหรับการประกวดที่สองคือลีลาร่วมรัก ทำให้คู่นอนได้เสียวจนถึงใจ ก่อนหน้านี้ราชบุตรที่สี่ได้ทำลีลาไว้ได้เด็ดที่สุด เจ้าจะสู้ได้หรือไม่?” หลี่เฉินออกปาก

“ข้าไม่รู้นะว่าลีลาของเจ้านั้นเด็ดแค่ไหน แต่ถ้าเจ้าเป็นเมียข้า เจ้าจะโดนแบบนี้” ว่าแล้วเอ้าเทียนก็กระชากราชบุตรที่สี่มาดูดปากอย่างเมามันและหนักหน่วง

ราชบุตรสี่ถึงกับเคลิ้ม เสียงเอ้าเทียนบดปากกับองค์ชายสี่นั้นดังจ๊วบจ๊าบไม่หยุด จนองค์ชายสี่ต้องขอหยุดพัก หอบหน้าแดง เมื่อปากแยกออกจากกัน เอ้าเทียนก็โชว์ลีลาเล้าโลมต่อทันที ตอนนี้เอ้าเทียนหันหน้าสู่ประชาชนเบื้องล่าง ราชบุตรหมายเลขสี่ประกบอยู่ด้านหน้า

เอ้าเทียนสอดมือสองข้างเข้าไปที่หลังราชบุตรสี่ แล้วใช้ปากและลิ้นไซร้ต้นคออย่างหื่นกระหาย ตั้งแต่ใบหู จนมาถึงลำคอ ราชบุตรร้องคราง แล้วเอ้าเทียนก็งับที่หัวนม แล้วใช้พลังชิวหาที่กระหายของเทพ รัวลิ้นอย่างไม่ยั้ง

ราชบุตรเสียวจนต้องจิกเท้า เอ้าเทียนจับราชบุตรหันไปด้านหน้าเวทีทางเดียวกัน โดยเอ้าเทียนประกบด้านหลัง  แล้วเอ้าเทียนก็จับขาหนุ่มตี๋หล่อแยกออกจากกัน สองมือแหวกแก้มก้นออก ทำให้เอ้าเทียนเห็นภาพรูทวารของราชบุตรอย่างชัดเจน ก่อนจะยิ้มมุมปาก แล้วเอ้าหน้าซุก พร้อมใช้ลิ้นมหากาฬเลียรัวอย่างไม่ยั้ง

“โอ้ยยยยย เสียวโว้ยยยยยยยย” ราชบุตรสี่ครางไม่เปนศัพท์ต่อหน้าประชาชน  ชายหญิงเบื้องล่างแห่กันเข้ามาติดขอบเวทีเพื่อดูลีลาของเอ้าเทียนซึ่งทั้งเลีย ดูด ตวัดลิ้น ใช้ลิ้นดันเข้าไป ทั้งประชาชนและราชบุตรคนอื่นๆ เองก็ซูฮกในลีลาของเอ้าเทียนจนเริ่มใช้มือจับฆวยตัวเองเบาๆ

บัดนี้เอ้าเทียนคิดว่าถึงเวลาสมควรที่จะโชว์ของจริงแล้ว ปล่อยลิ้นจากทวารของราชบุตร แล้วยืนเอาน้ำเงี่ยนที่ไหลยืด มาลูบฆวยยาวๆ ตัวเอง และเอาไปทาตรงตูดของราชบุตรหมายเลขสี่

“นี่... เจ้าจะทำอะไร!?!?!?!” ราชบุตรหมายเลขสี่ถาม ตัวสั่นดิกๆ

ยังไม่ทันที่จะหนี เอ้าเทียนก็จับแขนสองข้างของราชบุตรไว้ทางด้านหลัง แล้วค่อยๆ แอ่นฆวยเข้าไปจ่อที่รูทวารขององค์ชายสี่ องค์ชายสี่เอี้ยวคอมาดูเห็นฆวยขนาดใหญ่กำลังจ่อรูตัวเองอยู่ก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม  ดิ้นไม่หยุด แต่ด้วยกำลังแขนของเอ้าเทียนไม่มีทางปล่อยให้องค์ชายสี่หลุดไปได้

“ตอนนี้องค์ชายหมายเลขหนึ่งกำลังจะแสดงลีลาการ***ให้ทุกท่านได้ดูแล้ว โปรดจับตามองให้ดี” โฆษกของงานประกาศ

เอ้าเทียนยิ้มอย่างสะใจก่อนจะค่อยๆ กดหัวฆวยขนาดใหญ่เข้าไปที่รูทวารของราชบุตร แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เนื่องจากหัวฆวยนั้นมีขนาดใหญ่กว่ามาก เอ้าเทียนจึงแอบเกร็งฆวยกระดกให้น้ำหล่อลื่นตัวเองออกมาเพิ่มขึ้น   มันได้ผลเพราะหัวฆวยเริ่มยัดเข้าไปได้ทีละน้อย

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก.....!!!! อ้ากกกกกกกกก” องค์ชายสี่ตะโกนลั่นอย่างคนบ้า

เสียงร้องของราชบุตรไม่ได้ทำให้เอ้าเทียนสงสารแต่อย่างใด กับสะใจยิ้มมุมปากและแทงหัวฆวยสวนเข้าไปเรื่อยๆ เสียงร้องขององค์ชายสี่ดังลั่นลานประกวด จนซักพักหัวฆวยก็เข้าไปได้หมด ประชาชนยังอึ้งเพราะที่ยังเหลือคือความยาวของลำฆวยอีกกว่าเจ็ดนิ้ว

“พร้อมจะโดน***หรือยัง? เจ้าไก่อ่อน...” เอ้าเทียนกระซิบข้างหูราชบุตร

องค์ชายสี่น้ำตาไหลอาบแก้ม กำลังจะอ้าปากด่า เอ้าเทียนมองตาองค์ชายแล้วก็แทงลำฆวยเข้าไป พรวดดดดดด  องค์ชายสี่กรีดร้องจนไม่มีเสียง หลับตาปี๋ เปนภาพที่เอ้าเทียนสะใจมาก แล้วก็ค่อยๆ ถอนฆวยออกแล้วเสียบเข้าไปใหม่ช้าๆ  

ประชาชนมองที่***เอ้าเทียนก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างระหว่างที่เอ้าเทียนกำลังแทงฆวยเข้าตูด นั่นก็คือฆวยของเอ้าเทียนไม่สามารถแทงเข้าไปได้หมด แม้ว่าเอ้าเทียนจะดันฆวยจนสุดก็ยังเหลืออยู่อีกราวๆ สองนิ้ว

ตอนนี้ภาพบนเวทีเปรียบเหมือนหนังสดโรงใหญ่ ทุกคนที่มาชมตอนนี้มีอารมณ์ร่วมจนเริ่มช่วยตัวเองตามไปด้วย ราชบุตรอีกเจ็ดคนก็เช่นกัน   จากจังหวะช้าๆ เอ้าเทียนเริ่มซอยเร็วขึ้นจนราชบุตรที่สี่ต้องครางด้วยความเสียว  เอ้าเทียนซอยท่าหมาไปเกือบยี่สิบนาที

“อยากตื่นเต้นกว่านี้ไหม?...” เอ้าเทียนหยุดกระเด้าแล้วกระซิบข้างหูเมียใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...