วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ยอดขุนพล 5

บทที่ 11 พ่อลูก

ซู่เรินขึ้นมายืนเคียงข้างบิดาของตน ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่ต่างกัน ร่างกายวัยรุ่นของซู่เรินถูกมองผ่านสายตาของทหารในจวน ร่างกายที่เขาใช้ฝึกรบจนมัดกล้ามขึ้นเป็นรูปร่างสมชายชาตรี ร่างกายที่หญิงงามทั้งหลายยังไม่มีโอกาสให้ยล บัดนี้ร่างกายที่งดงามราวเทพบุตรกลับปรากฏแก่สายตาลูกน้องใต้บังคัญบัญชาของตน

เจ้าโลกของซู่เรินยังอยู่ในสภาพสงบนิ่ง ทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่าง เหมือนพญางูยักษ์ที่กำลังจำศีล แม้จะยังไม่พองตัว แต่ขนาดก็นับว่าใหญ่กว่าทหารทั้งหลาย สกุลซู่คงสืบสายเลือดกันมา ขนาดฆวยของชายแต่ละคนในตระกูลจึงดูไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกับชาวบ้านทั่วไป

หนังหุ้มปลายปกคลุมหัวฆวยของซู่เริ่น มีเพียงปากฆวยสีชมพูสวยที่เผยออกมาเล็กน้อย พ่อลูกสบตากันชั่วขณะ ก่อนซู่เรินจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าพระบิดาของตน

ภาพตอนนี้ที่ทหารเห็น คือพ่อลูกเปลื้อยกายเห็นทุกอย่างชัดเจน คนพ่อยืนขึ้น สอดประสานมือยกขึ้นรองศีรษะ แอ่นท่อนฆวยใหญ่ที่ปล่อยน้ำเงี่ยนไหลปุดๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง คนลูกนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาคนพ่อ สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก มือทั้งสองพยายามปกปิดท่อนฆวยของตนจากสายตาทหารเบื้องล่างที่กำลังมองตาเป็นมัน

“เริ่มแสดงบทเรียนได้แล้ว ไอ้เริน ยิ่งรีรอชักช้าจะล่วงเลยยามวอกเอาได้” หลี่เฉินเดินเข้ามากระซิบข้างหูคุณชายเริ่น

 ไม่รอช้า คุณชายเริ่นก็ค่อยๆ เปิดริมฝีปากบนล่างออกจากกัน ก่อนจะเอาปากยื่นตรงเข้าไปตรงฆวยของพ่อ เอาปล่อยให้ท่อนฆวยไหลเข้าปากไปช้าๆ พยายามห่อปากให้มากที่สุดเพราะไม่อยากให้ฟันสวยครูดกับฆวยของพระบิดา บัดนี้ฆวยทั้งลำของพ่อจมมิดเข้าปากของลูก แทงลงคอหอยจนซู่เรินต้องรีบถอนปากออก หายใจสำลักหน้าแดง

“ในที่นี้มีใครไม่เคยถูกหญิงสาวอมฆวยให้บ้าง?” หลี่เฉินตะโกนถามทหารด้านล่าง

มีทหารอายุน้อยๆ อยู่ไม่กี่คนที่ยกมือขึ้นแสดงตัว นั่นแปลว่าฆวยทหารที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเคยผ่านเข้าปากของสตรีมาแล้วถ้วนหน้า

“พวกเจ้าลองตรองดู แม้เหล่าสตรียังกล้าอมฆวยของพวกเจ้าได้ เหตุใดทหารกล้าเช่นพวกเจ้าจะอมฆวยคนอื่นไม่ได้ อย่าให้ทหารสกุลซู่ต้องขายหน้าสตรีที่รบไม่เป็นเลย” หลี่เฉินอธิบายด้วยเหตุและผล

เหล่าทหารรับฟังอย่างเข้าใจ แม่ทัพสอนบทเรียนวันนี้ก็เพื่อชาติบ้านเมือง ความคาดหวังตกมาที่ทหารทั้งหลายที่ยังทำใจไม่ได้หากต้องอมฆวยชายอื่น

“ข้าเข้าใจดีว่าพวกเจ้ายังไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นข้าจะแสดงวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไป” หลี่เฉินรู้ทันทุกความคิดของทหาร

ก่อนจะใช้นิ้วยาวบีบจมูกของซู่เรินจนหายใจไม่ออก จังหวะที่คุณชายกำลังอ้าปากพยายาไขว่คว้าอากาศอยู่นั้น ก็ถูกหลี่เฉินใช้มืออีกข้างจิกผมกดหัวเข้าตรงหว่างขาของซู่เหวิน ฆวยลำสวยของซู่เหวินเข้าปากซู่เรินมิดด้าม ปลายจมูกบุตรชายชนเข้ากับโคนฆวยของพ่อ จากนั้นหลี่เฉินจึงคลายมือที่บีบจมูกอยู่ ปล่อยให้ลูกสูดหายใจดมกลิ่นหมอยของผู้เป็นพ่อให้เต็มปอด

เมื่อปล่อยไว้สักพักจะปากเริ่มชินชากับฆวยแล้ว มือข้างที่จิกหัวซู่เรินอยู่เริ่มขยับเข้าออก กดหัวของบุตรชายที่มีฆวยของผู้เป็นพ่อเข้าออกอย่างเมามัน จนทหารเบื้องล่างยังตกใจในวิธีเช่นนี้ แต่ก็เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้มีความกล้าที่จะอมฆวยชองชายอื่น แม้นคุณชายเริ่นจะเป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านแม่ทัพยังทำได้ พวกเขาคงไม่กล้าปฏิเสธวิธีนี้เช่นนี้

“ทำได้ดีมาก ซู่เริน” หลี่เฉินกล่าวชม ก่อนจะปล่อยมือออก แต่ซู่เรินยังคงหลับตา ดูดดื่มน้ำฆวยจากผู้เป็นพ่ออย่างลืมตัว

บัดนี้ซู่เหวินได้แต่ยืนเสียวฆวยที่กำลังถูกปากน้อยๆ ของลูกชายไล่เลียตั้งแต่ส่วนหัวฆวยไปจนถึงโคนฆวย เขาซึมซาบความอุ่นในปากบุตรชายอย่างเสียวซ่าน มือทั้งสองเข้าจับหัวของบุตรชายอย่างลืมตัว ก่อนกระเด้าฆวยยาวเข้าออกรูปากของลูกอย่างติดใจในประสบการณ์ใหม่ครั้งนี้

จริงอยู่ที่ซู่เหวินมีพระมเหสีและนางสนมอยู่มากมาย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกอมฆวย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฆวยของเขาผ่านเข้าปากนักรบชายชาตรีอย่างบุตรชายในสายเลือดแท้ๆ ของตน ให้ความรู้สึกแตกต่างจากอิสตรีอยู่บ้างตรงที่เหล่าสตรีทั้งหลายมักเขินอาย ไม่กล้าใช้ปากของตนกับฆวยให้เต็มที่เหมือนกับบุตรชายของเขาในตอนนี้

ฝ่ายซู่เรินก็เริ่มปรับตัวกับเหตุการณ์น่าอายนี้ได้ หัวถูกตรึงด้วยสองมือของผู้ให้กำเนิด มีเพียงปากที่ทำหน้าที่ปนเปรอความสุขให้ผู้มีพระคุณ ในใจคิดเพียงว่าลูกคนนี้ขอตอบแทนคุณของท่านพ่อสักครั้งในชีวิต วันนี้ต้องช่วยท่านพ่อให้รอดพ้นจากน้ำมือของยมฑูตก่อนยามวอกให้ได้

แม้ฆวยของเด็กหนุ่มอย่างซู่เรนจะผ่านปากหญิงงามมานักต่อนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องสลับตำแหน่งมาเป็นผู้อมฆวยแทน และเป็นฆวยอันเดียวกับที่ทำให้เขาเกิดมาดูโลกได้ ฆวยของบิดาที่เขาเคารพเทิดทูนมาโดยตลอด

ทหารทั้งหลายก็ยืนดูคุณหนูเรินดูดฆวยของแม่ทัพซู่อย่างไม่อายฟ้าอายดิน ปลายลิ้นเลียรอบหัวฆวยผู้พ่อ อ้าปากรองรับน้ำหล่อลื่นปริมาณมาก ก่อนปิดปากกลืนจนลูกกระเดือกกระดก และแลบลิ้นออกมาเลียวนรอบปากของตนอย่างกลัวเสียดายน้ำผู้พ่อที่ติดอยู่รอบปากลูกอย่างตน

“โอ้ยย...ซิ้ดดด บัดนี้ข้าเสียวฆวยเหลือเกิน ฆวย-ข้า-อยู่-ใน-ปาก-ลูก-แล้ว!!!” แม่ทัพใหญ่ซูคำรามลั่นไปทั่วลานฝึก ขณะที่กำลังจับลูกชายกระเด้าปากเข้าออก มือที่ว่างยกขึ้นมาลูบไล้มัดกล้ามของตน เน้นตรงหัวนมเป็นพิเศษ

“ทหารทั้งหลายจงดูไว้เป็นตัวอย่าง ซู่เหวินและซู่เรินช่างมีความกล้ายิ่งนัก” หลี่เฉินกล่าวชมพร้อมปรบมือให้สองพ่อลูกอย่างพอใจ” หลี่เฉินกล่าว และเหลือบดูเงาตะวันที่ย่างเข้ายามวอกเต็มที่แล้ว

“บทเรียนต่อมา ยามเป็นเชลยศึก พวกเจ้าอาจถูกศัตรูจับมัดพันธนาการไว้ด้วยเครื่องมือมากมายหลายชนิด แม่ทัพทั้งสองจะแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง” หลี่เฉินพูด ก่อนจะใช้สมุนนำเครื่องมือไม่คุ้นตาออกมาจากหลังผ้าม่าน

ชิ้นแรกเป็นโต๊ะไม้ยาว 4 ขา ขนาดเท่าหนึ่งตัวคน ส่วนบนด้านหน้าสุดของโต๊ะมีที่สอดศีรษะเข้าไป ดูคล้ายเครื่องประหารชีวิต ด้านบนด้านล่างของโต๊ะถูกเจาะเป็นรูทะลุเหมือนไว้ให้บางอย่างสอดเข้าไปได้ สร้างความสงสัยแก่บรรดาทหารทั้งหลายที่ดูอยู่เบื้องล่าง

ไม่นานความสงสัยก็คลายสิ้น เมื่อสมุนตรงเข้าจับซู่เหวิน ยืนขึ้นตรงหน้าโต๊ะประหลาด และถูกจับก้มตัวลงคว่ำหน้า ศีรษะของท่านแม่ทัพถูกสอดเข้าตำแหน่งหน้าสุดของโต๊ะก่อนที่หลี่เฉินจะกดแผ่นไม้เข้าพันธนาการศีรษะของซู่เหวิน สองมือถูกล็อคแยกออกด้วยโซ่ตรวนยาว ตรึงไว้ตรงมุมโต๊ะแต่ละข้าง สองขาถูกแยกออกและมัดด้วยเชือกเข้ากับขาโต๊ะทั้งสองข้าง

บัดนี้ท่านแม่ทัพซู่อยู่ในสภาพขยับตัวไม่ได้ หัวถูกตรึงไว้ ทำได้เพียงจ้องมองตรงไปด้านหน้าและเห็นเหล่าทหารรักของตนยืนมองดูเขาอยู่ สองมือแยกออกไปคนละข้าง สองขาถูกมัดแยกออกเห็นทวารหนัก ที่สำคัญลำฆวยถูกจับสอดเข้าไปในรูกลวงทะลุจากแผ่นไม้ด้านบนออกสู่ด้านล่าง ปรากฏให้เห็นแก่สายตาทุกคู่ที่จ้องมองอย่างตั้งใจ รูไม้ขนาดไม่ใหญ่เมื่อเทียบกับฆวยเขาทำให้ฆวยถูกบีบรัดอย่างแรง

“นี่คือตัวอย่างเครื่องทรมานเชลย ยามถูกตรึงอยู่เช่นนี้ พวกเจ้าจะไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงจ้องมองไปข้างหน้าเท่านั้น” หลี่เฉินกล่าว ก่อนจะนำเครื่องทรมานสำหรับซู่เรินออกมา

เครื่องทรมานชิ้นที่สองมีลักษณะเป็นโครงไม้โปร่ง มีเสา 2 เสา พร้อมโซ่ตรวนติดอยู่ บนล่างซ้ายขวา รวม 4 จุด ตรงกลางระหว่างเสามีแท่นไม้ขนาดใหญ่ ที่บัดนี้ถูกซู่เรินขึ้นไปเหยียบเรียบร้อยตามคำสั่งของหลี่เฉิน

สองมือสองเท้าถูกจับแยกไปคนละข้างของเสาไม้ ก่อนจะถูกมัดข้อมือข้อเท้าด้วยโซ่ที่ติดอยู่กับเสา ภาพตอนนี้ช่างยากที่จะอธิบาย คุณหนูเรินที่เหล่าทหารเห็นตั้งแต่เล็กแต่น้อย บัดนี้ยืนเผยฆวยหนุ่ม ระยางค์แขนขาแยกไปคนละทิศละทาง ลำแขนถูกยกขึ้นเห็นขนรักแรดกดำของวัยหนุ่ม ต้นขาถูกแยกออกเผยเครื่องเพศที่ชัดเจนขึ้นทั้งลำฆวยและไข่ยานโต่งเตง

ยามนี้ว่านปลาไหลเผือกเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ลำฆวยของคุณหนูเรินเริ่มมีเลือดไหลเวียนมากขึ้น พญางูยักษ์กำลังตื่นจากนินรา หนังหุ้มส่วนปลายหัวฆวยเริ่มเคลื่อนถดถอยลงไปทางโคน จนหัวฆวยปลิ้นออกมาเต็มที่ เห็นเงี่ยงตรงรอยต่อระหว่างหัวฆวยกับลำฆวยใหญ่ชัดเจนโดยรอบ เส้นเลือดปูดโปนไหลแผ่ไปทั่วแท่งหนุ่มน้อย ไข่ทั้งสองข้างก็เห็นเป็นลูกกลมห้อยย้อยลงสู่พื้น

บัดนี้ฆวยเด็กหนุ่มอย่างซู่เรินแข็งตัวเต็มที่ คาดคะเนความยาวแล้วน่าจะมากกว่ากริชขนาด 1 ฝ่ามือ ความอวบใหญ่มากกว่าเทียนไหว้บรรพชน สีฆวยชมพูช่างสวยงาม ตัดกับพงหมอยดำที่ไหลแผ่ไปทั่วโคนฆวยและใต้สะดือของหนุ่มน้อย

“นี่คือสภาพจริงที่เกิดขึ้นได้ยามพวกเจ้าถูกจับเป็นเชลย” หลี่เฉินทำลายความเงียบของทหารที่กำลังจ้องมองสองแม่ทัพพ่อลูกเบื้องหน้า

“บทเรียนสุดท้ายของวันนี้ ชายชาตรีอย่างพวกเราล้วนมีความกำหนัดด้วยกันทั้งสิ้น จริงหรือไม่? หลี่เฉินเริ่มถามทหารด้านล่างแท่นแสดง

“จริงขอรับ” ทหารตอบพร้อมเพียงกันเสียงดังไปทั่ว

 “ยามพวกเจ้าถูกจับมัดดั่งเช่นสองแม่ทัพเบื้องหน้า ย่อมเป็นการยากที่จะระบายความกำหนัดได้ เหตุการณ์นี้จะสร้างความทรมานให้พวกเจ้ายิ่งกว่าข้าศึกทั้งหลาย” หลี่เฉินอธิบาย

เป็นจริงดังท่านเฉินกล่าว เหล่าทหารรู้ดีแก่ใจว่ายามเงี่ยนจัดแล้วไม่ได้ปลดปล่อยออกมานั้นสร้างความอัดอึดในฆวยได้มากนัก ยามนั้นจะเหมือนขาดสติ จิดใจล่องลอย อย่าหวังจะคิดหาทางรอดจากข้าศึกเลย จะคิดการณ์อันใดย่อมยากไปเสียหมดด้วยความเงี่ยนบดบังตา คิดได้อย่างนี้ทหารจึงตั้งใจฟังวิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้

“วิธีการปลดปล่อยความเงี่ยนของผู้ชาย มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้น คือการสาวฆวยรูดขึ้นลง กับการเสพสมกับสตรี ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นกระทำมิได้เลยยามเป็นทาสที่ถูกจับมัดขยับไม่ได้เช่นนี้ แต่กระนั้นก็ยังมีหนทางรอดได้ คือการร่วมรักกับชายชาติทหารด้วยกัน” หลี่เฉินพูดต่อ

ไม่พูดอธิบายต่อ ปล่อยให้สองพ่อลูกแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างเสียเลยดีกว่า หลี่เฉินเคลื่อนเสาที่พันธนาการซู่เรินให้มาด้านหลังตรงกับโต๊ะที่แม่ทัพซู่เหวินนอนนาบอยู่ พร้อมกระซิบข้อความเข้าหูของคุณหนูเริ่นที่ทำให้คุณหนูแสดงสีหน้าตกใจจนตาค้าง

“บัดนี้สองแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นต้าเหลียน จะแสดงการปลดปล่อยความกำหนัดยามเป็นทาสข้าศึกให้พวกเจ้าทั้งหลายดู” หลี่เฉินพูดเสียงดัง สร้างเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของทหารเบื้องล่างได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ซู่เรินจะประกาศข้อความตามที่หลี่เฉินบอกเขาไว้เมื่อสักครู่

“เลือดต้องทดแทนด้วยเลือด ข้า-ซูเริน-กำเนิดขึ้นมาจากน้ำเงื่ยนของท่านพ่อ-ซู่เหวิน วันนี้ลูกชายอย่างข้าขอตอบแทนน้ำเงี่ยนของพ่อด้วยน้ำเงี่ยนของลูกอย่างข้า ขอคืนน้ำเงี่ยนทุกหยาดหยดท่านพ่อจากฆวยของข้าเอง” ซู่เรินหลับตาหน้าแดงพูดเสียงดังฟังชัด

“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ ยามนี้ขอให้ข้าได้ช่วยท่านให้พ้นจากความกำหนัดก่อนหมดยามวอกเถิด ข้าขอสัญญาด้วยเกียรติลูกชายว่าจะหาทางล้างแค้นให้ท่านในภายหลัง” ซู่เริ่นกระซิบพูดกับท่านพ่อ

ก่อนจะลูกชายจะขยับบั้นเอวให้ตรงอยู่กับบั้นท้ายของพ่อ ลำฆวยใหญ่ของลูกชายจัดอยู่ตรงพอดีกับรูทวารที่ขึ้นเป็นจีบสีชมพูสวยของผู้เป็นพ่อ เมื่อได้ตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว คุณหนูเรินก็กดบั้นเอวพร้อมหัวฆวยเข้าสู่รูจีบของพ่อแท้ๆ

รูก้นที่มิเคยมีสิ่งใดรุกล้ำเข้าไป ย่อมไม่ปล่อยให้แท่งฆวยเด็กน้อยสอดใส่ได้โดยง่าย หัวฆวยเด็กหนุ่มทำได้เพียงเฉียดไปมาตรงรูก้นที่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมให้ผ่านไปง่ายๆ เห็นดังนั้นผู้เป็นลูกจึงคิดว่าการผ่อนแรงเพื่อให้ไม่ท่านพ่อเจ็บคงไม่เป็นผล ครั้นมีแต่จะล่วงเลยยามวอกไป อย่างไรเสียวันนี้ฆวยของเขาต้องเข้าไปถึงจุดรวมปราณของท่านพ่อให้ได้อยู่ดี

ฝ่ายซูเหวินเองที่แม้จะมองไม่เห็นข้างหลัง แต่ก็รู้สึกได้ทุกการกระทำของบุตรชาย ที่ส่งท่อนฆวยแข็งขนาดใหญ่มายังบริเวณก้นของเขา ที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนด้วยน้ำหล่อลื่นของบุตรชายไปทั่ว แม้จะยังไม่สอดเข้าตรงกลางทวาร แต่ก็สร้างความกลัวไม่น้อยให้ท่านแม่ทัพ แต่อย่างไรเสียวันนี้ เขาย่อมรู้ดีว่าหากน้ำเงี่ยนเขาไม่หลั่งก่อนยามวอก เขาจะสิ้นลมหายใจ ลูกเมียทั้งหลายก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย คิดได้เช่นนี้จึงพยามยามผ่อนคลายรูทหารให้เปิดออก ปล่อยให้ลูกชายสานต่อให้เสร็จ

ซู่เรินเห็นรูทวารท่านพ่อเผยออกเล็กน้อย ก็เข้าใจทันทีว่าท่านพ่อเองก็พยายามผ่อนคลายให้เขาเต็มที่ เหมือนเป็นคำอนุญาตให้ลูกอย่างเขาสอดฆวยเข้ามาได้ ชายหนุ่มอย่างเขาจึงหลับตาคิดว่าเบื้องหน้าคือสตรีงดงามล้ำแผ่นดิน กำลังนอนแผ่เครื่องเพศ ยอมให้เขาสอดใส่แท่งฆวยชายเข้าไปทำล้ายเยื่อพรหมจรรย์สาวให้สิ้น

ไม่ช้าลำฆวยซู่เรินก็เชิดชูชี้ฟ้าปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมาจำนวนมาก ไหลชะโลมไปทั่วตั้งแต่หัวฆวยบานจนถึงลำแก่นฆวย บัดนี้หนุ่มน้อยตกอยู่ในห้วงจินตนาการ ที่คิดว่าพระบิดาเบื้องหน้าคือสาวงามบริสุทธิ์ ก่อนที่จะจ่อหัวฆวยเข้าตรงรูจีบนั้น

สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ซู่เรินพร้อมฆวยที่ชะโลมด้วยน้ำหล่อลื่นเขาเอง ถูกดันกดอย่างแรงจนมิดหัวฆวยจมดิ่งสู่รูทหารผู้เป็นพ่อที่กำลังสะดุ้งเฮือกแต่กัดฟันแน่น ด้วยว่าไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้ทหารทุกคนเห็น และไม่ต้องการให้ซู่เรินวิตกกังวล จึงหลับตากำมือแน่น สองเท้าจิกพื้นอย่างเจ็บปวด

ฝ่ายลูกชายไม่เห็นพ่อแสดงความเจ็บปวดก็ไม่รอช้า ถอดฆวยออกมาครึ่งหัว รูจีบบานออกตามหัวฆวยที่ถอยออก เหมือนกำลังผ่อนคลายเต็มที่ ก่อนจะถูกฆวยเสียบลงไปอย่างแรงจนมิดด้ามจมหายไปในรูทวารผู้พ่อ

บัดนี้เขาได้ฉีกพรหมจรรย์ของแม่ทัพใหญ่จนขาดสิ้น เลือดชายไหลซึมออกมาตามต้นขาถึงข้อเท้า บุตรชายแช่ฆวยนิ่งไว้ในร่างผู้เป็นพ่อสักพัก ซึมซาบความแน่นที่โอบรัดเริ่นน้อยลำเขื่อง เนื้อของพ่อที่กำลังบีบรัดลำฆวยเด็กหนุ่มนั้นช่างแข็งแรงและแน่นหนายิ่งกว่าโยนีของสตรีใดๆ ที่เขาเคยร่วมหลับนอนด้วย เป็นความรู้สึกเสียวซ่านแก่ลูกชายอย่างที่สุดตั้งแต่เขาเคยร่วมเสพสมมา

ฝ่ายผู้เป็นพ่อเมื่อมีท่อนเนื้อของลูกชายฝังอยู่ในกายตน ก็ยืนขาสั่นมือสั่น แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าถูกตรึงด้วยโซ่ใหญ่ ได้แต่เงยหน้ามองเหล่าทหารที่ยืนขนลุกขนชันเบื้องล่าง

เมื่อร่างกายซู่เหวินเริ่มปรับตัวได้ ซู่เรินก็เริ่มกระเด้า***ท่านพ่อของตน เขาลืมตาก้มลงมองฆวยที่ผุบเข้าผุบออกจากรูทหารของพ่อ แม้ไม่คุ้นตาเหมือนภาพฆวยสอดใส่เข้า***ของสาวงาม แต่ก็พอสร้างอารมณ์เงี่ยนแก่ลูกชายอย่างเขาได้มาก

“ขะ...ข้าเสียวฆวยเหลือเกินท่านพ่อ ก้นของท่านโอ้บรอมฆวยของข้าเสียแน่นไปทั่วบริเวณ” ซู่เริ่นพูดกับผู้เป็นพ่อ

เมื่อปรับตัวได้ ความเจ็บปวดก็หายกลายเป็นความเสียว ซู่เหวินนอนคว่ำปล่อยให้ลูกชาย***ส่วนล่างของตนอย่างบ้าคลั่ง ความเสียวนี้มากล้นยิ่งกว่า***กับนางสนมหลายร้อยเท่า

“เริ่นลูกพ่อ...พ่อเองก็เสียวเหลือเกิน พ่อภูมิใจในฆวยลูกชายอย่างเจ้าจริงๆ” ซู่เหวินปลดปล่อยอารมณ์ของตนไปตามความต้องการ

ทุกครั้งแต่ซู่เรินแทง***สวนขึ้นไประหว่างก้นกับฆวยของฝ่ายพ่อ จะเข้าไปจี้จุดหนึ่งที่อ่อนนุ่มอุ่นกำลังดี และเมื่อหัวฆวยแทงเข้าจุดนี้เมื่อไร ท่านพ่อจะซิ๊ดปากเชิดหน้าปลดน้ำหล่อลื่นออกมามากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาจึงทราบได้ทันทีว่าเจอจุดรวมปราณเข้าให้แล้ว

“หยิบหมวกพระราชทานประจำสกุลซู่มาวางรองน้ำฆวยของท่านแม่ทัพซู่ไว้” หลี่เฉินที่บัดนี้นั่งบนแท่นบังลังค์รับชมการร่วมเพศของพ่อลูกอย่างพอใจ ออกคำสั่งกับลูกสมุน

หมวกที่ถูกสวมใส่บนศีรษะอันมีเกียรติของชายสกุลซู่ตั้งแต่รุ่นทวดมาจนถึงปัจจุบัน ถอดหยิบมาวางรองรับน้ำฆวยของผู้สืบทอดตระกูลอย่างซู่เหวิน ที่ปลดปล่อยน้ำใสออกมามากมายทุกครั้งที่บุตรชายแทงฆวยเสพสังวาส

“ขอเชิญวิญญาณบรรพชนทุกคนมา ณ ที่แห่งนี้ โปรดดูข้าหลั่งน้ำฆวยใส่หมวกที่เคยอยู่บนหัวพวกท่าน โปรดดูหลานชายสกุลซู่กำลังร่วมเพศกับข้า-ผู้เป็นพ่อ-เยี่ยงสัตว์ป่า….ซิ๊ดดด” แม่ทัพพูดตามที่หลี่เฉินเคยสั่งเอาไว้

เมื่อซู่เริ่นค้นเจอจุดกระตุ้นความกำหนัดก็ตั้งใจเสียบฆวยแทงตรงจุดนั้นตลอด สองมือที่ถูกขึงแยกออกเกร็งไปทั้งลำแขน สองขาก็ยืนแทบไม่ติดพื้น ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนบั้นท้ายของพ่อ กดฆวยเสียบลึกเข้าเข้าไป ก่อนจะถอนออกมาครึ่งลำแล้วควงหมุนเพื่อเบิกรูทวารให้ใหญ่ขึ้น สร้างความเงี่ยนให้พระบิดาเป็นอย่างมาก

“โอ๊ยย...เรินลูกพ่อ เสียวเหลือเกิน” ซู่เหวินพูด พรางคิดว่าเห็นลูกชายคนนี้มาแต่เล็ก ไม่คิดว่าลีลาของจะดีน่าติดจใจอย่างนี้ หากรู้ก่อนหน้านี้จะประทานนางสนมให้สักครึ่งจวน สมแล้วที่เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา

“ท่านพ่อขอรับ ข้าก็เสียวสะท้านไปทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าทวารของท่านจะ***มันกว่า***ของหญิงทั้งหลายที่ข้าเคยเจอ” ซู่เรินคราง

บัดนี้เข้าสู่ยามวอกแล้ว ภาพที่ทหารเห็นคือสองเทพบุตรรูปงาม คนหนึ่งยืนกระเด้าฆวยเข้าออก เนื้อตัวขาวกระจ่างมีหยาดเหงื่อปกคลุม ทำให้ผิวดูลื่นมันเป็นวาววับ หัวนมก็ชูชันสีชมพูน่าเลียยิ่งกว่าของเมียที่มีอยู่ หมอยดำก็ขึ้นตัดกับสีผิว อีกคนก็แอ่นทวารรับฆวยใหญ่ยาวอย่างไม่ยี่หระ หลั่งไหลน้ำใสออกมาใส่หมวกบรรพชนจำนวนมาก

เหล่าทหารก็ยืนดูพ่อลูกเสพสมกันตรงหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น บ้างก็คิดอยากลอง***ท่านแม่ทัพดูสักครั้งหนึ่ง บ้างก็คิดว่าคุณหนูเรินช่างมีฝีมือเรื่องบนเตียง เห็นอย่างนี้แล้วทหารก็ฆวยแข็งไปตามๆ กัน

“เอาเลยลูกพ่อ ***พ่อแรงๆ เลย คิดเสียว่าพ่อเป็นนางโลมโคมเขียวไร้ค่านางหนึ่ง” ซู่เหวินพูดอย่างเงี่ยนจัด เพราะเข้าสู่ยามวอกแล้ว พิษแมงมุมเริ่มสำแดงฤทธิ์

ซู่เรินเห็นท่านพ่อเรียกร้อง ก็ปล่อยของดีอย่างไม่ยั้ง ซอยลำฆวยเข้าออกถี่ยิบ จนรูทวารเบิกบานออก น้ำหล่อลื่นไหลปนกับน้ำเลือดจากการเปิดบริสุทธิ์ หลี่เฉินที่นั่งดูอยู่เงียบๆ สั่งให้ทหารไปปลดโซ่ที่ลามซูเรินไว้

ยามนี้ลูกชายไม่มีเครื่องพันธนาการใดๆ แล้ว แต่ก็ยังคงยืน***แม่ทัพใหญ่ผู้พ่ออย่างเมามัน สองมือจับบั้นท้ายของพ่อกดรับทุกครั้งที่สวนฆวยเข้าไป เกิดเสียงดังตับ..ตับ...ตับเมื่อพวงไข่ของลูกกระทบกับพวงไข่ของพ่อ ก่อนที่คนลูกจะหลับตาจินตนาการ แล้วหลั่งไหลคำพูดออกมามากมาย

“เจ้ามันสาวนางโลมไร้ค่า ได้ฆวยบุรุษชั้นสูงอย่างข้าเสียบเข้ารู***เจ้านับว่าเป็นบุญนัก”
“ไม่คิดเลยว่าราชาหนุ่มรูปงามอย่างข้าจะได้เมียน่ารังเกียจเยี่ยงเจ้า”
 “ยืนนิ่งแอ่น***สกปรกให้ข้า***แบบนี้ เจ้าคงเงี่ยนมากซินะ”
 “***โสโครกของเจ้าแน่นรัดฆวยกษัตริย์อย่างข้าเหลือเกิน”

ฝ่ายผู้ถูกกระทำก็เสียวไปทั่วร่าง โดยเฉพาะตรงรูทวารที่รู้สึกยุบยับอย่างบอกไม่ถูก ภายในท้องก็เหมือนมีพายุขนาดย่อมก่อตัวอยู่ภายใน เกิดความโล่งๆ อยู่ภายใน ร่วมกับความเสียวซ่านสุดทน จนต้องเปร่งวาจาน่าไม่อายออกมา

“ซิ๊ดดด...ฆวยเจ้ามีค่าเหลือเกิน หากชาตินี้ได้เป็นเจ้าของฆวยเจ้า ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”
“อ่า...กระเด้าอย่างนั้นพ่อหนุ่ม ***เข้ามาอีก ร่วมรักกับข้าให้ตายตรงนี้ไปเลย”
“โอ๊ยย...ถูกฆวยชายหนุ่มรูปงาม*** เสียวยิ่งกว่า***กับสาวสวยเป็นไหนๆ”
“ซู้ดด...สุขจริงๆ อยากถูกว่าที่กษัตริย์อย่างเจ้าใช้ฆวยทิ่มแทงข้าทุกวัน”

บัดนี้ใกล้สิ้นยามวอกแล้ว ฝ่ายกระทำก็ทนเสียวซ่านมานาน หลังจากได้ลิ่มลองรูมหัศจรรย์ใหม่ที่ไม่เคยลองมาก่อน ได้ปล่อยลำฆวยเสียบกระเด้าเข้าออก ได้ใช้แท่งฆวยหมุนวนควงอยู่ภายใน แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้มีพระคุณ แต่ยามนี้ย่อมต้องปล่อยให้เป็นไปตามสัญขาตญาณของสัตว์ที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ทางสังคม

ไม่นานนัก ลูกชายก็รู้สึกได้ถึงปริมาณน้ำที่ค่อยๆ ปล่อยออกมาจากลูกอัณฑะทั้งสองข้างซ้ายขวา ไล่ขึ้นมาตามแกนนำทางที่ฝังอยู่ภายในแทงฆวยใหญ่ ก่อนจะเปิดออกสู่ปากฆวยที่ประกบกันอยู่ในจังหวะสุดท้าย

“ซิ๊ดดดด…ข้า-จะ-ถึง-จุด-แตก-แล้ววว ท่านพ่อ...โปรดรับลูกๆ ของข้าเข้าไปด้วยเถิด” ซุ่เรินประกาศ

ลำฆวยซอยรูก้นแม่ทัพจนมองแทบไม่ทัน ก่อนซู่เรินจะกระตุกร่างกายแข็งเกร็งไปทั่ว ยืนเขย่งเท้าจิกพื้น สองมือกางออก ปลดปล่อยน้ำฆวยขาวขุ่นข้นเหนียวกระฉูดพุ่งเข้าร่างผู้เป็นพ่ออย่างล้นทะลัก เปลี่ยนทวารของพ่อให้กลายเป็นหลุมรับน้ำเงี่ยนของลูก ปาก***ยังคงพ้นน้ำออกมาไม่หยุดยั้ง น้ำระลอกแรกเริ่มไหลเยิ้มออกมาจากรูทวาร ก่อนจะชะโลมไปทั่วขาทั้งสองของแม่ทัพ น้ำระลอกต่อมาก็ฉีดพ่นเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่าย หากแม่ทัพเป็นสตรีก็คงตั้งครรภ์ไปเสียแล้ว นับเป็นครั้งที่ซู่เรินปล่อยน้ำเงี่ยนออกมาเยอะที่สุด

เมื่ออีกฝ่ายปลดปล่อยน้ำออกมาราวกับฝายกั้นน้ำแตก หลั่งเต็มช่องท้องของผู้เป็นพ่อ ก็เกิดแรงดันกดจุดรวมปราณ สะท้านจนขนลุกไปทั่วร่าง ก่อนจะบังเกิดความเสียวซ่านไหลแผ่ไปตามลำฆวยที่ผงกหัวขึ้นลงอย่างน่ากลัว จนในที่สุดท่านแม่ทัพก็ทนต่อไปอีกไม่ไหว

“ขะ..ขะ...ข้า-เสียว-ฆวย-เสียว-ไข่-ไป-หมด-แล้วว ไม่ไหวแล้ววว” ซู่เหวินคำราม

ก่อนจะเผยภาพไม่น่าเชื่อให้ทหารทั้งหลายดู โอรสสวรรค์กำลังหลั่งน้ำได้เองโดยไม่ต้องสัมผัสร่างกายเลยแม้เพียงนิด หลั่งไหลน้ำเงี่ยนกลิ่นคาวคุ้งปริมาณมากมายพุ่งกระทบใส่หมวกบรรพชนที่เคยถูกสวมใส่มาทุกรุ่น และยังคงปล่อยน้ำฆวยออกมาอีกหลาย 10 ที จนเอิ่อเต็มหมวกที่รองรับอยู่
เหนียวข้นเหมือนน้ำยางที่ออกมาจากต้นไม้ลำใหญ่ ยืดเป็นสายตั้งแต่ปลายฆวยถึงหมวกเบื้องล่าง

สองพ่อลูกเริ่มได้สติกลับคืนมา พร้อมกับความอับอายจนหน้าชาไปหมด พวกเขาอยู่ในสภาพอวดสัดส่วนทรวดทรงและเครื่องเพศชายชาตรีที่หมายปองของหญิงสาวทั้งหลาย พวกเขาพึ่งจะร่วมรักกันเองต่อหน้าทหารน้อยใหญ่ในจวน พวกเขาพึ่งปล่อยน้ำรักออกมาใส่ร่างกายและหมวกบรรพชนอย่างไม่อายฟ้าดิน

“บทเรียนในวันนี้ พวกเจ้าทั้งหลายจงดูและจำไว้เป็นตัวอย่างยามตกเป็นทาสของข้าศึก วันนี้ท่านแม่ทัพและองค์ชายให้เกียรติมาสอนด้วยตัวเอง อย่าให้น้ำใจของท่านทั้งสองไร้ค่า” หลี่เฉินลุกขึ้นกล่าวต่อหน้าทหาร

“สิ้นสุดการสอนแต่เพียงเท่านี้ โปรดปลดพันธนาการและแต่งกายท่านแม่ทัพให้สมพระยศอีกครั้ง” หลี่เฉินหันไปบอกสมุน

ลูกสมุนรับคำสั่ง  เดินไปแก้มัดให้แม่ทัพซู่และหยิบหมวกบรรพชนที่เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นและน้ำเงี่ยนของแม่ทัพกลับไปสวมใส่ลงบนหัว ทำให้น้ำเงี่ยนตัวเองไหลย้อยเปื้อนเต็มหน้าไปหมด ขนคิ้วและขนตาหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำเงี่ยน บ้างก็ไหลเข้าปาก เข้าจมูก ใบหน้าหล่อเหล่าถูกเคลือบไปด้วยน้ำเงี่ยนของตนเอง ดูสภาพน่าสมเพชเหลือเกิน น้ำตาหลั่งไหลออกมารวมกับน้ำเงี่ยน ชะโลมไปทั่วแก้มทั้งสอง เบื้องล่างก็มีน้ำเงี่ยนของลูกชายไหลออกมาจากรูทวารที่บานแดงกลวงโบ๋ ปล่อยน้ำเงี่ยนย้อยเปื้อนขาเปื้อนเท้าไปหมด ไม่เหลือภาพท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแค้วนต้าเหลียนเลยสักนิด

“นำแม่ทัพไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด พรุ่งนี้ท่านมีภาระกิจต้องออกตรวจเยี่ยมราษฏร” หลี่เฉินสั่งพร้อมกับแววตาของผู้เป็นนายทาสอย่างแท้จริง

บทที่ 12 กลางเมือง

รุ่งอรุณวันใหม่เริ่มขึ้น แต่ความเจ็บปวดของสองแม่ทัพยังไม่เลือนหายไป เหตุการณ์สมสู่กันระหว่างสายเลือดแท้ๆ ของสองพ่อลูก คงยากที่จะทำให้กลับมามองหน้ากันได้อีกครั้งหนึ่ง

ยามนี้องค์ชายเรินถูกจับมัดขึงร่างติดอยู่กับเสาไม้กางเขนในสภาพเปลือยเปล่า สองแขนขนาดใหญ่ถูกตรึงไปคนละฝั่ง สองเท้าถูกมัดรวบติดกัน ใบหน้าหมองคลำไม่สดใส ผมเผ้ารุกรัง เนื้อตัวสกปรกมอมแมม แต่กระนั้นก็ยังลดทอนความงามของเทพบุตรอย่างซู่เรินได้เลย

วันนี้หลี่เฉินมีคำสั่งให้นำตัวองค์ชายกลับไปยังเมืองเหอเป่ย เมืองที่องค์ชายเรินพึ่งจากมาในฐานะกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่กำลังจะกลับไปในฐานะทาสเชลย

ขบวนส่งเสร็จถูกจัดเตรียมพร้อม ถ้าจะเรียกให้ถูกน่าจะเป็นขบวนแห่เสียมากกว่า เพราะในตอนนี้ไม่มีแม้พระที่นั่งหรือม้าอาชาศึก มีเพียงเสาไม้กางเขนที่แขวนร่างเปลือยของหนุ่มน้อยหน้าตาดีไว้ พร้อมด้วยทหารรับใช้ของหลี่เฉินราว 10 กว่าคน

“พวกเจ้าจงพาคุณชายเรินไปให้ถึงเมืองเหอเป่ยโดยสวัสดิภาพ เมื่อถึงที่นั่นให้คุณชายทำงานเป็นทาสที่เหมืองแร่ในตัวเมือง โดยให้เพื่อนรักของข้า นามว่าเง็กจือเป็นผู้ดูแล”

เง็กจือเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลี่เฉิน ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่หลี่เฉินจะแฝงตัวเข้ามาในเมืองต้าเหลียน ส่วนเง็กจือนั้นก็ถูกใช้แรงงานเป็นทาสอยู่ที่เมืองเหอเป่ย ด้วยความที่ทำงานหนักใช้แรงมากตั้งแต่เด็ก ทำให้เง็กจือเติบโตเป็นชายหนุ่มผิวขาวใส รูปร่างกำลังดี ไม่ผอมแห้งแรงน้อย แต่ก็ไม่ได้มีกล้ามใหญ่จนเกินงาม ยามถอดเสื้ออวดทรวดทรงก็เรียกน้ำลายจากชายหญิงได้มากโข

“ท่านพ่อท่านแม่...ข้าจะกลับมา ล้างแค้นให้ท่านสักวัน” ซู่เรินเค้นคำพูดออกผ่านไรฟันที่ขบแน่น
ก่อนขบวนแห่จะเริ่มเคลื่อนออกจากเมืองต้าเหลียน มุ่งสู่เมืองเหอเป่ย
..........................................................................................................................................................
ณ เมืองเหอเป่ย
ขบวนแห่ร่างเปลือยของคุณชายเรินเดินทางมาถึงแล้ว ประตูเมืองถูกเปิดออกต้อนรับ แต่ภาพที่เห็นกลับสร้างความแปลกใจให้ทหารและทาสในเมืองเป็นอย่างมาก
ร่างของซู่เรินค่อยๆ เคลื่อนผ่านสายตาของผู้คนในบริเวณนั้นจำนวนมาก ชายหนุ่มถูกจ้องมองจากดวงตานับร้อยคู่ที่กำลังเก็บภาพประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ภาพที่คุณชายรูปงามถูกจับมัดตัวลอยติดเสา ปล่อยองคชาติและไข่ห้อยยานสั่นไปตามแรงเคลื่อน ดกหมอยดกดำปกคลุมไปทั่วเครื่องเพศ

ช่างน่าอายเหลือเกินที่เขาต้องมาอวดของดีให้ทหารและทาสดูโดยไม่เสียแม้ตำลึงเดียว ร่างกายที่เคยเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั้งหลาย บัดนี้ถูกมองแทะโลมอย่างหื่นกระหายจากเหล่าทาสในเมืองที่ไร้ซึ่งสตรีมานาน ทุกพื้นที่บนร่างไม่เหลือสิ่งใดให้จินตนาการ ทั้งหัวนมสีชมพูดอกท้อ ทั้งเส้นขนทุกเส้นใต้รักแร ทั้งกล้ามเนื้อใหญ่โต ทั้งหัวฆวยที่ทิ้งปลายลงสู่แผ่นดิน

“แม่ทัพซู่เหวินมีรับสั่ง ให้ราชบุตร-องค์ชายซู่เริน-เข้ารับการฝึกทำงานพร้อมพวกทาสทั้งหลายในเมืองนี้ กินนอนพร้อมทาส ไม่มีชนชั้น เพื่อให้ราชบุตรมีประสบการณ์ รู้และเข้าใจความรู้สึกของทุกชนชั้นก่อนขึ้นเป็นกษัตริย์ โดยแต่งตั้งเง็กจือให้เป็นผู้ดูแล” ทหารในขบวน กล่าวออกมาประกาศเสียงดังฟังชัด ได้ยินไปทั่วบริเวณ สร้างเสียงโห่ร้องอย่างดีใจแก่ทาสทั้งหลายในตัวเมือง

เง็กจือก้าวเท้าออกมาจากหมู่คน พร้อมรับราชโองการ สองตาของซู่เรินสบกับเจ็กจือชั่วขณะ ก่อนจะหลบสายตาไปอีกทาง เบื้องหน้าซู่เริ่นคือชายหนุ่มใบหน้างดงาม รูปร่างสมส่วน แววตากลมสดใส ส่วนเบื้องหน้าของเง็กจือคือชายฉกรรจ์หล่อเหลา มัดกล้ามใหญ่ชัด พร้อมเครื่องเพศที่ยากจะละสายตามอง

“คุณชายเริน ท่านช่างโชคร้ายเหลือเกินที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้” เง็กจือได้แต่ถอนหายใจ
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ฝั่งแม่ทัพซู่เหวิน ยามนี้จิตตกยิ่งหนัก ความเจ็บปวดบริเวณทวารที่ถูกแหวกทำลายโดยบุตรชายยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ

ในระหว่างที่ขบวนแห่ร่างเปลือยของบุตรชายกำลังเดินทาง ขบวนเยี่ยมราษฏรของเขาก็ถูกจัดเตรียมขึ้นเหมือนทุกครั้งที่แม่ทัพจะเสด็จออกตรวจเมืองและเยี่ยมเยียนประชาชน ต่างที่เครื่องแต่งกายของแม่ทัพที่มีเพียงผ้าเตี่ยวผืนเล็ก ที่ถูกสั่งปักลายสัญลักษณ์ประจำตระกูล ปิดตรงองคชาติเท่านั้น

วันนี้แม่ทัพใหญ่ใส่ผ้าเตี่ยว กำลังขึ้นนั่งบนอานม้าศึกคู่ใจ ขณะที่ประตูจวนถูกเปิดออก เผยให้เห็นเหล่าประชาชนที่มารอนั่งอยู่สองฝั่งข้างทาง หวังเชยชมบารมีของผู้นำอย่างซู่เหวินสักครั้ง

ขบวนเริ่มเคลื่อนออกจากประตูเมืองได้ไม่นาน ก็เริ่มเกิดความโกลาหลเล็กน้อย เกิดเสียงซุบซิบนินทา บ้างก็เบือนหน้าหนี บ้างก็จ้องไม่ละสายตา

เมื่อภาพตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเฝ้ารอ ไม่มีภาพผู้นำที่สง่างามเกรียงไกร แต่เป็นภาพของแม่ทัพที่เปลือยส่วนบน เผยแผงอกขนาดใหญ่ หัวนมชูชัน กำลังขี่ม้าศึกสีขาวคู่ใจ เบื้องล่างมีผ้าเตี่ยวทรงสี่เหลื่ยมปิดไว้เฉพาะเครื่องเพศ ที่เมื่อมองจากด้านล่างขึ้นไปยังอานม้า ก็เห็นพวงไข่ยานพร้อมขนหมอยท่านแม่ทัพที่ขึ้นประปรายได้ไม่ยาก

ยามม้าเคลื่อนที่ไป ผ้าเตี่ยวก็ขยับขึ้นลงตามจังหวะการเดิน หากชายหญิงคนใดจ้องให้ดี ก็จะสามารถมองเห็นฆวยใหญ่ของท่านไม่ทัพได้ไม่ยาก แม้จะเป็นเพียงแวบเดียว แต่ก็สร้างความอยากรู้อยากเห็นแก่ผู้จ้องมองได้มาก

แม้จะยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนก็ยังคงไม่ไปไหน รอท่านแม่ทัพเสร็จขึ้นแท่น
บังลังค์ใจกลางเมือง เพื่อหวังได้ยินเสียงน่าเกรงขามของผู้นำยามประกาศข่าวสารที่แท่นใจกลางเมือง

ขบวนเสร็จเดินทางใจกลางเมือง ท่านแม่ทัพเสร็จลงจากหลังม้า ก่อนเดินขึ้นบังลังค์พร้อมสายตาจับจ้องไม่ลดละมาที่ร่างกายของท่านแม่ทัพ เพราะบั้นท้ายของแม่ทัพไม่มีผ้าเตี่ยวปกปิดเหมือนด้านหน้า จึงเผยให้เห็นก้นกลมของท่านแม่ทัพ ยามเดินขี้นบันไดทำให้มองเห็นรูทวารที่บานแดงออก หลายคนตาค้างกับภาพที่เกิดขึ้น

“อดทนเข้าไว้ อดทนเข้าไว้...ข้าจะต้องผ่านมันไปให้ได้” ซู่เหวินคิดขณะถูกจ้องมองเรือนร่างจากประชาชนผู้เป็นที่รัก

แม่ทัพเดินมาถึงใจกลางแท่น ยืนอวดรูปกายยามต้องแสงจ้า ช่างงดงามเหลือเกิน ผิวหนังมีเหงื่อไคล สะท้อนกับแสงแดดดูเหลื่อมมัน วับวาวเป็นประกาย ผ้าเตี่ยวได้รับผลจากน้ำเหงื่อ ทำให้บัดนี้เปียกชุ่ม เผยให้เห็นเค้าโครงเครื่องเพศขนาดไม่ธรรมดา ยกนูนเด่นอยู่ใต้ผืนบางที่แทบปิดไม่มิด

“ประชาชนที่รักทั้งหลาย ข้าในฐานะแม่ทัพใหญ่ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ ขอประกาศว่ายามนี้บ้านเมืองอยู่ในความสงบดี ไม่มีศึกหรือภัยอันใดให้ต้องระแวง” แม่ทัพเริ่มทำหน้าที่

เวลาล่วงเลยไป แม่ทัพได้ประกาศข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองและประชาชน ทุกเรื่องไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง ที่น่าห่วงคือขนาดผ้าเตี่ยวที่ดูเหมือนจะปกปิดองคชาติที่ค่อยๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ของแม่ทัพไม่ไหวเมื่อใกล้ยามวอก

ยามนี้ดูข่าวสารจะน่าสนใจน้อยกว่าของดีของท่านแม่ทัพเสียแล้ว ประชาชนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเบื้องหน้าแท่นประกาศ จ้องมองสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเห็น พรางคิดไปต่างๆ นานา

“วันนี้แม่ทัพซู่กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า?”
“แม่ทัพเล่นพิเรนทร์อะไรกัน? แต่งตัวน่าขันยิ่งนัก”
“แม่ทัพรูปงาม ฆวยท่านกำลังจะแข็งตัวจริงๆ หรือนี่?”
 “ทำไมแม่ทัพจึงเกิดกำหนัดต่อหน้าประชานชน ใจกลางเมืองเช่นนี้?”
“หุ่นแม่ทัพช่างดีเหลือเกิน อยากรู้ว่าฆวยของท่านจะดีเหมือนหุ่นหรือไม่?”
 “ขนาดมองผ่านผ้าเตี่ยว ฆวยแม่ทัพยังดูใหญ่ขนาดนี้ ชักอยากเห็นของจริงเสียแล้ว”

“ไอ้ซู่เหวินฆวยใหญ่ นี่ใกล้จะยามวอกแล้ว หากไม่รีบดำเนินการ เจ้าคงไม่รอดแน่” หลี่เฉินกระซิบบอกแม่ทัพให้ทำตามที่นัดแนะไว้

แม่ทัพหลับตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนสูดหายใจเข้าลึก หน้าแดง พร้อมประกาศเสียงดังว่า
 “ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ เงี่ยนได้ชักว่าวเป็น บัดนี้ฆวยข้ากำลังแข็ง ขอสั่งให้ประชาชนทุกคนมองฆวยข้าให้ดี อย่ากระพริบตาเด็ดขาด”

ทันทีที่ประกาศจบ ผ้าเตี่ยวผืนเล็กก็ถูกกระชากออกโดยมือของแม่ทัพเอง ทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนตกใจกับภาพที่เกิดขึ้น ต่อมาเปลี่ยนเป็นความตะลึง เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือกษัตรย์ปกครองเมือง ยืนกลางแท่นเวที ไม่มีสิ่งใดปกปิดร่างกาย

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...