Kinky Opera
>>Season Two2 (Rising of SM)<<
.....ความรัก ความแค้น ความหวัง.......พลัง กำเนิด สรรค์สร้าง
....สมหวัง เจ็บปวด เลือนราง........เส้นทาง ความทุกข์ ระทม
....สมหวัง เจ็บปวด เลือนราง........เส้นทาง ความทุกข์ ระทม
Episode 5 : >> Punishment <<
.
.
ติ๋ง....
.
.
ติ๋ง....
.
.
เสียงน้ำหยดเป็นจังหวะออกมาจากฝักบัว………เวลาได้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบได้
ตอนนี้ต่ออยู่ในความมืดที่เงียบสงัด ดูเหมือนตอนนี้ต่อจะสงบลงได้บ้างแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะแค่สงบแค่ความกังวลใจเท่านั้น ตอนนี้ความตื่นเต้นและกลิ่นจากกางเกงในของยามเมฆได้เข้ามาแทนที่ และผลักดันให้ความรู่สึก “เงี่ยน” ของต่อปะทุขึ้นมาแทน
และตอนนี้ควยของต่อก็ได้ชูชันขึ้นจนแทบจะทะลุกางเกงออกมาอยู่แล้ว ต่อพยายามดึงโซ่กุญแจมือเป็นระยะ ด้วยความหวังเล็กๆ ว่ามันจะหลุดออกมาจากราวเหล็ก แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่!
เพราะที่คลับเฮ้าหมู่บ้านของต่อซึ่งเป็นหมู่บ้านคนรวยนั้นเลือกสรรแต่วัสดุที่ดี ราวเหล็กนี้จึงยึดติดกับผนังเป็นอย่างดี ถ้าเป็นราวพลาสติกราคาถูก ป่านนี้ต่อคงใช้แรงกระชากจนหลุดออกมาได้แล้ว…
จุดประสงค์ของต่อตอนนี้ไม่ใช่เพื่อการหนีอีกต่อไป หากแต่ต้องการใช้มือเพื่อปลดปล่อยความเงี่ยนของตัวเองต่างหาก!!
“ฟึ่บ…..” ทันใดนั้นแสงสว่างจ้าจากหลอดไฟก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากห้วงเวลาแห่งความยาวนานได้ผ่านพ้นไป พร้อมกับเสียงของยามเมฆที่ดังขึ้นมา
“เป็นไงมึง!!! เงี่ยนมั้ยวะ ไหนขอกูดูดิ๊?”
ยามเมฆพูดเสร็จก็เอื้อมมือมาจับที่ควยของต่อ แน่นอนว่าต่อในตอนนี้ไม่สามารถปัดป้องมือของยามเมฆได้แม้แต่น้อย
ยามเมฆพูดเสร็จก็เอื้อมมือมาจับที่ควยของต่อ แน่นอนว่าต่อในตอนนี้ไม่สามารถปัดป้องมือของยามเมฆได้แม้แต่น้อย
“เหอะ กูว่าแล้ว! มึงนี่โคตรวิปริตเลยว่ะ มีอารมณ์กับกางเกงในผู้ชายเนี่ยนะ???”
แน่นอนว่าต่อไม่สามารถจะตอบโต้ได้เพราะปากถูกพันแน่นไปด้วยเทปกาว
แน่นอนว่าต่อไม่สามารถจะตอบโต้ได้เพราะปากถูกพันแน่นไปด้วยเทปกาว
คราวนี้ยามเมฆล้วงมือเข้าไปในกางเกงของต่อผ่านกางเกงในเข้าไปเลยทีเดียว จึงได้สัมผัสกับควยของต่อที่แข็งปั๋งอยู่ภายใน แถมน้ำเงี่ยนก็ไหลเยิ้มจนเลอะเต็มกางเกงในไปหมด
“แม่ง อุบาทว์จิงๆ เลยมึง” ถึงยามเมฆจะด่าแต่มือก็ยังคงป้วนเปี้ยนไม่ห่างจากควยของต่อเลย
ยามเมฆลองใช้นิ้วโป้งบี้ลงไปที่หัวควยของต่ออย่างแรง ทำให้ต่อเสียวมากจนเข่าอ่อนจนแทบยืนไม่อยู่
ยามเมฆลองใช้นิ้วโป้งบี้ลงไปที่หัวควยของต่ออย่างแรง ทำให้ต่อเสียวมากจนเข่าอ่อนจนแทบยืนไม่อยู่
จู่ๆ ยามเมฆก็เหมือนจุดประกายความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยิบมือถือราคาถูกออกมาจากกระเป๋า แต่ถึงแม้จะราคาถูกแบบที่คนรายได้น้อยชอบใช้กัน ก็พอจะมีฟังก์ชั่นถ่ายวีดีโอคลิบอยู่บ้าง
ยามเมฆใช้มืออีกข้างกดโทรศัพท์เพื่อถ่ายวีดีโอ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ควยของต่อแล้ว แต่เลื่อนมาที่ใบหน้าและหยิบกางเกงในออกทีละชั้นๆ ตอนนี้ต่อพอจะเข้าใจแล้วว่ายามเมฆกำลังทำอะไร “ถ่ายคลิบ” นั่นเอง
“ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยดิวะ แม่ง….กูอุตส่าห์หมกกางเกงในไว้ให้มึงเลยนะเนี่ย”
ไม่ว่าต่อจะพยายามเบือนหน้าหนีกล้่องเท่าไหร่ ยามเมฆก็ยิ่งขยับมือถือตามติดมากเท่านั้น
จนในที่สุดยามเมฆก็ดึงกางเกงในชั้นสุดท้ายออกจากหัวของต่อ ทำให้ใบหน้าของต่อเข้ากล้องไปแบบเต็มๆ
จนในที่สุดยามเมฆก็ดึงกางเกงในชั้นสุดท้ายออกจากหัวของต่อ ทำให้ใบหน้าของต่อเข้ากล้องไปแบบเต็มๆ
เมื่อยามเมฆถ่ายจนพอใจแล้ว จึงได้ปล่อยต่อออกจากพันธนาการทั้งหมด ต่อยืนเกร็งมาเป็นเวลานานจนเมื่อย ทันทีที่หลุดออกจากพันธนาการแล้วต่อก็ทรุดฮวบลงนั่งทันทีด้วยความอ่อนแรง…..หลังจากนั้นยามเมฆใช้มืออันแข็งแรงช้อนที่ปลายคางของต่อขึ้นมาจนสบตา
“ต่อไปนี้มึงคือทาสของกู!!! มึงต้องทำตามที่กูบอกทุกอย่าง ถ้าไม่ทำ……มึงรู้นะว่ามันจะจบยังไง!!!”
“วันอาทิตย์หน้ามาเจอกูที่นี่ บ่ายโมง ไม่งั้น……”
ยามเมฆพูดไป พลางโชว์มือถือให้ต่อดู
และแล้วยามเมฆก็เดินออกจากห้องน้ำไป เหลือเพียงต่อที่นั่งหมดแรงอยู่แต่เพียงผู้เดียว
.
.
.
ต่อใช้แรงที่เหลืออันน้อยนิดพยุงตัวขึ้นเพื่อเดินกลับบ้าน เมื่อต่อมาถึงบ้านก็พบว่าไฟยังเปิดสว่างอยู่ เมื่อต่อมองดูที่นาฬิกาก็ต้องตกใจเพราะว่าตอนนี้เพิ่งแค่สามทุ่มเท่านั้น พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาเลยด้วยซ้ำ ส่วนพี่หมิงก็กำลังดูละครหลังข่าวอยู่
ต่อต้องประหลาดใจอย่างมากที่เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งๆที่ต่อนึกว่าตอนนี้น่าจะเกือบๆ เที่ยงคืนแล้ว !!
ต่อพยุงตัวเองขึ้นห้องนอนด้วยความอ่อนเพลียและฟุบลงบนที่นอนทันที พร้อมกับดวงตาทั้งสองที่เริ่มจะปิดลงอย่างช้าๆ…..
“วันอาทิตย์หน้ามาเจอกูที่นี่ บ่ายโมง ไม่งั้น……”
ยามเมฆพูดไป พลางโชว์มือถือให้ต่อดู
และแล้วยามเมฆก็เดินออกจากห้องน้ำไป เหลือเพียงต่อที่นั่งหมดแรงอยู่แต่เพียงผู้เดียว
.
.
.
ต่อใช้แรงที่เหลืออันน้อยนิดพยุงตัวขึ้นเพื่อเดินกลับบ้าน เมื่อต่อมาถึงบ้านก็พบว่าไฟยังเปิดสว่างอยู่ เมื่อต่อมองดูที่นาฬิกาก็ต้องตกใจเพราะว่าตอนนี้เพิ่งแค่สามทุ่มเท่านั้น พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาเลยด้วยซ้ำ ส่วนพี่หมิงก็กำลังดูละครหลังข่าวอยู่
ต่อต้องประหลาดใจอย่างมากที่เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งๆที่ต่อนึกว่าตอนนี้น่าจะเกือบๆ เที่ยงคืนแล้ว !!
ต่อพยุงตัวเองขึ้นห้องนอนด้วยความอ่อนเพลียและฟุบลงบนที่นอนทันที พร้อมกับดวงตาทั้งสองที่เริ่มจะปิดลงอย่างช้าๆ…..
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแรกของเทอมปลายแล้ว ต่อไม่นึกเลยว่าปิดเทอมเล็กนี้จะมีเรื่องวุ่นวายมากมายเกิดขึ้นกับต่อได้ขนาดนี้ และไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าในอนาคตจะวุ่นวายอีกขนาดไหน……
……………………………….................................................................................................................
.
.
.
เสียงจอแจของนักเรียนดังขึ้นอีกครั้งภายในโรงเรียนแห่งนี้ แถมยังดังมากกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ เป็นธรรมดาของเด็กนักเรียนวัยรุ่นที่อยากจะเล่าประสบการณ์ตอนปิดเทอมให้เพื่อนๆ ฟังว่าไปทำอะไรมาบ้าง??
.
.
เสียงจอแจของนักเรียนดังขึ้นอีกครั้งภายในโรงเรียนแห่งนี้ แถมยังดังมากกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ เป็นธรรมดาของเด็กนักเรียนวัยรุ่นที่อยากจะเล่าประสบการณ์ตอนปิดเทอมให้เพื่อนๆ ฟังว่าไปทำอะไรมาบ้าง??
โดยเฉพาะนักเรียนของโรงเรียนนี้ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่จะเป็นคนเชื้อสายจีนที่มีฐานะร่ำรวย จึงมักจะพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศเสมอในช่วงปิดเทอม ยกเว้นต่อที่นั่งถอนหายใจอยู่ท่ามกลาง โย เจมส์ และเม้ง ที่นั่งรายรอบอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกตัวประจำ
“เมิงเป็นรายวะ? กูเห็นเมิงนั่งถอนหายใจเป็นสิบครั้งแล้วเนี่ย” เจมส์ถาม
“เซ็งๆ ว่ะ” ต่อตอบ
“กูก็เห็นเมิงเซ็งตลอดอ่ะ ไม่ไปหาไรหนุกๆ ทำวะ?” โยเสนอความคิด
ต่อถึงกับอดคิดในใจไม่ได้ว่าถ้าพวกเพื่อนๆ รู้ว่าอะไรเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ คงช็อกไปตามๆ กัน
“เซ็งๆ ว่ะ” ต่อตอบ
“กูก็เห็นเมิงเซ็งตลอดอ่ะ ไม่ไปหาไรหนุกๆ ทำวะ?” โยเสนอความคิด
ต่อถึงกับอดคิดในใจไม่ได้ว่าถ้าพวกเพื่อนๆ รู้ว่าอะไรเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ คงช็อกไปตามๆ กัน
“แล้วเมิงมีไอเดียไรล่ะ” เม้งถามโยกลับ
“ก็……ไปเดินสยามกัน….เลิกเรียน” โยเสนอไอเดียขึ้นมา
“เออ….ดีว่ะ แม่ง…กูอยากกินซิสเลอร์ชิบหาย” เจมส์พูดเสริมขึ้นมา
“ก็……ไปเดินสยามกัน….เลิกเรียน” โยเสนอไอเดียขึ้นมา
“เออ….ดีว่ะ แม่ง…กูอยากกินซิสเลอร์ชิบหาย” เจมส์พูดเสริมขึ้นมา
เลยเป็นอันว่าทั้งสี่คนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะไปเดินสยามแล้วทานอาหารเย็นกันที่ซิสเลอร์ หลังจากนั้นทั้งสี่จึงเดินไปเข้าแถวซึ่งได้เวลาพอดี
……………………………….......................................................................................
เลิกเรียน ….. 16.30 น.
.
.
ทั้งสี่ได้มาถึงห้างดังกลางสยามพอดี โดยโยและเจมส์รีบตรงปรี๋เข้าไปดูรองเท้ากีฬารุ่นใหม่ทันทีตามประสา ส่วนต่อและเม้งสนใจเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าจึงแยกไปเดินที่ชั้นขายมือถือและคอมพิวเตอร์แทน
.
.
ทั้งสี่ได้มาถึงห้างดังกลางสยามพอดี โดยโยและเจมส์รีบตรงปรี๋เข้าไปดูรองเท้ากีฬารุ่นใหม่ทันทีตามประสา ส่วนต่อและเม้งสนใจเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าจึงแยกไปเดินที่ชั้นขายมือถือและคอมพิวเตอร์แทน
ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเม้งก็เหลือบไปเห็นใครหน้าตาคุ้น
“เฮ้ยต่อ……นั่นพี่เอกของมึงป่าววะ??” เม้งถามต่อขึ้นมา
“ไหนวะ???” ว่าแล้วต่อก็หันไปมองตามที่เม้งชี้
“เออ….แม่งใช่ว่ะ”
…..ว่าแต่มากับใครวะ???….. ต่อคิดในใจ
“เฮ้ย เม้งตามไปดูกันว่ะ กูอยากรู้ว่าพี่เค้ามากับใคร?” ต่อชวนเม้งให้ไปด้วย
“เฮ้ยต่อ……นั่นพี่เอกของมึงป่าววะ??” เม้งถามต่อขึ้นมา
“ไหนวะ???” ว่าแล้วต่อก็หันไปมองตามที่เม้งชี้
“เออ….แม่งใช่ว่ะ”
…..ว่าแต่มากับใครวะ???….. ต่อคิดในใจ
“เฮ้ย เม้งตามไปดูกันว่ะ กูอยากรู้ว่าพี่เค้ามากับใคร?” ต่อชวนเม้งให้ไปด้วย
เม้งทำหน้าเบื่อ อารมณ์ประมาณจะไปจับผิดเค้าทำไม? แต่ก็เดินตามต่อไปแบบเงียบๆ
“ถ้ามึงอยากรู้ทำไมไม่โทรไปถามดีๆวะไอ้ต่อ? ตามแบบนี้มันเหมือนจับผิดเลยอ่ะ” เม้งถาม
“โหย ถ้าโทรไปถามก็ไม่ได้ความจริงดิวะ” ต่อตอบไปพลางเดินตามโดยไม่ให้คลาดสายตา
“โหย ถ้าโทรไปถามก็ไม่ได้ความจริงดิวะ” ต่อตอบไปพลางเดินตามโดยไม่ให้คลาดสายตา
เม้งมองต่อแบบชอบกล ยังกับว่าต่อเป็นแฟนกับพี่เอกอย่างงั้นแหละ
และแล้วต่อกับเม้งก็มาหยุดอยู่ตรงกำแพงหัวมุมพอดี โดยเบื้องหน้าคือร้านกาแฟสตาร์บัคส์นั่นเอง ต่อเห็นเอกกำลังจ่ายเงินค่ากาแฟ แล้วไปนั่งที่โต๊ะ
และแล้วต่อกับเม้งก็มาหยุดอยู่ตรงกำแพงหัวมุมพอดี โดยเบื้องหน้าคือร้านกาแฟสตาร์บัคส์นั่นเอง ต่อเห็นเอกกำลังจ่ายเงินค่ากาแฟ แล้วไปนั่งที่โต๊ะ
“เมิงสงสัยว่าเค้าจะมากับใครเหรอ?” เม้งถามต่อ
“ก็ไม่รู้ว่ะ” ต่อพูดลอยๆ เหมือนตอนนี้ไม่ได้ฟังเม้งด้วยซ้ำ เหมือนคน่มุ่งจะจับผิดมากกว่า
“ก็ไม่รู้ว่ะ” ต่อพูดลอยๆ เหมือนตอนนี้ไม่ได้ฟังเม้งด้วยซ้ำ เหมือนคน่มุ่งจะจับผิดมากกว่า
ทันใดนั้นต่อก็เห็นเอกยกมือส่งสัญญาณเรียกใครบางคนว่านั่งอยู่ตรงนี้ ต่อพยายามมองไปที่คนๆ นั้น ปรากฏว่าเป็นหนุ่มนิสิตนักศึกษา เมื่อมองจากเครื่องแบบแล้วก็น่าจะเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยแถวสยามนี่แหละ
ต่อเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ นิสิตคนนั้นซื้อกาแฟแล้วมานั่งสมทบกับเอก ทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม หัวร่อต่อกระซิกซะจนต่อแทบทนไม่ไหว ในขณะเดียวกันต่อก็นึกถึงฝันร้ายของคืนก่อนหน้านี้ ที่ต่อฝันเห็นเอกเดินไปกับเด็กคนอื่น
ต่อจึงทำท่าจะเดินออกมาหาเอกโดยมีเม้งดึงห้ามไว้ทัน!!
“เฮ้ยต่อมึงจะไปไหนวะ” เม้งถามพลางดึงแขนต่อไว้
“กูก็จะเข้าไปถามน่ะสิว่าพี่เค้ามากับใคร?” ต่อตอบ
“ทำไมมึงต้องทำขนาดนี้วะ? เดี๋ยวก็หน้าแตกหรอกมึง” เม้งบอก
“เป็นไงก็เป็นกันว่ะ!!” ต่อยังดึงดันที่จะเข้าไปหาให้ได้
“เฮ้ยต่อมึงจะไปไหนวะ” เม้งถามพลางดึงแขนต่อไว้
“กูก็จะเข้าไปถามน่ะสิว่าพี่เค้ามากับใคร?” ต่อตอบ
“ทำไมมึงต้องทำขนาดนี้วะ? เดี๋ยวก็หน้าแตกหรอกมึง” เม้งบอก
“เป็นไงก็เป็นกันว่ะ!!” ต่อยังดึงดันที่จะเข้าไปหาให้ได้
“โน่น มีอีกคนมาแล้วโน่น” เม้งชี้ให้ต่อดู
คราวนี้มีชายแก่อีกคนผมหงอกหัวหยิกฟูราวกับไอน์สไตน์ ถือแก้วกาแฟเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอีกคน รวมเป็น 3 คน
“เห็นมั้ย? กูว่าเค้ามาคุยงานกันมากกว่าว่ะเมิง” เม้งอธิบายเหตุผลให้ต่อฟัง
“กูว่ามึงโทร.ไปถามเค้าดีกว่าเหอะ กูว่าเค้าไม่โกหกมึงหรอก”
“เห็นมั้ย? กูว่าเค้ามาคุยงานกันมากกว่าว่ะเมิง” เม้งอธิบายเหตุผลให้ต่อฟัง
“กูว่ามึงโทร.ไปถามเค้าดีกว่าเหอะ กูว่าเค้าไม่โกหกมึงหรอก”
ต่อจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเอก โดยต่อสังเกตุการณ์อยู่ไกลๆ เมื่อโทรศัพท์เอกดัง เอกจึงขอตัวเดินออกมารับโทรศัพท์ข้างนอกร้านโดยไม่ได้สังเกตุเห็นต่อและเม้ง
“ฮัลโหล….ว่าไงครับน้องต่อ”
“ฮัลโหลครับพี่เอก ตอนนี้พี่เอกอยู่ไหนอ่ะครับ”
“อ๋อ พี่มาคุยงานกับอ.ที่มหาลัยอ่ะครับ กับน้องอีกคนนึงที่เค้าจะมารับช่วงทำโปรเจคต่อครับ”
“อ๋อ ครับ….”
.
.
“น้องต่อถามทำไมเหรอครับ?” เอกก็งงอยู่เหมือน
“เอ่อ…..ป่าวคับๆ งั้นผมไม่กวนพี่แล้วล่ะ พี่ไปคุยงานเถอะครับ หวัดดีครับ” แล้วต่อก็วางหูไป
“ฮัลโหลครับพี่เอก ตอนนี้พี่เอกอยู่ไหนอ่ะครับ”
“อ๋อ พี่มาคุยงานกับอ.ที่มหาลัยอ่ะครับ กับน้องอีกคนนึงที่เค้าจะมารับช่วงทำโปรเจคต่อครับ”
“อ๋อ ครับ….”
.
.
“น้องต่อถามทำไมเหรอครับ?” เอกก็งงอยู่เหมือน
“เอ่อ…..ป่าวคับๆ งั้นผมไม่กวนพี่แล้วล่ะ พี่ไปคุยงานเถอะครับ หวัดดีครับ” แล้วต่อก็วางหูไป
เม้งซึ่งได้ฟังบทสนทนาอยู่ ก็มองต่อแบบตัดพ้อว่าบอกแล้วไม่เชื่อ ต่อได้แต่ยิ้มแหยๆ แทนคำขอโทษ แต่เม้งก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
จากนั้นต่อจึงขอบคุณเม้งที่ช่วยเตือนสติ พลางเดินกอดคอเม้งเพื่อไปสมทบกับโยและเจมส์ที่รออยู่หน้าร้านซิสเลอร์โดยไม่วิตกกังวลอีกต่อไป
จากนั้นต่อจึงขอบคุณเม้งที่ช่วยเตือนสติ พลางเดินกอดคอเม้งเพื่อไปสมทบกับโยและเจมส์ที่รออยู่หน้าร้านซิสเลอร์โดยไม่วิตกกังวลอีกต่อไป
ระหว่างที่เดินไปเม้งก็ถามต่อขึ้นมา…….
“นี่เมิงหึงพี่เค้าเหรอวะ??”
“หึงบ้าไร กูก็แค่ห่วงพี่ชายกูเว้ย!!!” ต่อไม่ยอมรับ แต่ในใจก็รู้ดีว่าที่ทำไปเมื่อกี้นี้เพราะความรู้สึกอะไร……
.
.
ระหว่างที่เอกนั่งคุยงานอยู่นั้น เอกก็ยังสงสัยกับอาการของต่อยังไม่หาย เอกจึงแอบเอามือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดเฟสบุ๊คดู เพราะเอกรู้ว่าต่อชอบตั้งสถานะ check-in บนเฟสบุ๊ค ตามที่ต่างๆ ที่ชอบไป เมื่อเปิดขึ้นมาเอกก็เห็นสถานะของต่อตั้งว่า
“ต่อ Torr-Smart - was at Siam Paragon
Monday at 4:30 pm via mobile”
เอกจึงเข้าใจได้ทันทีว่าต่อคงเห็นตัวเองมากับใครบางคนแล้วจึงโทรมาเช็ค เอกจึงหัวเราะและส่ายหัวเบาๆ กับความไร้เดียงสาของต่อ แต่ก็แอบดีใจเล็กๆว่ามีคนเป็นห่วง (หึง)…..อยู่ห่างๆ
“นี่เมิงหึงพี่เค้าเหรอวะ??”
“หึงบ้าไร กูก็แค่ห่วงพี่ชายกูเว้ย!!!” ต่อไม่ยอมรับ แต่ในใจก็รู้ดีว่าที่ทำไปเมื่อกี้นี้เพราะความรู้สึกอะไร……
.
.
ระหว่างที่เอกนั่งคุยงานอยู่นั้น เอกก็ยังสงสัยกับอาการของต่อยังไม่หาย เอกจึงแอบเอามือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดเฟสบุ๊คดู เพราะเอกรู้ว่าต่อชอบตั้งสถานะ check-in บนเฟสบุ๊ค ตามที่ต่างๆ ที่ชอบไป เมื่อเปิดขึ้นมาเอกก็เห็นสถานะของต่อตั้งว่า
“ต่อ Torr-Smart - was at Siam Paragon
Monday at 4:30 pm via mobile”
เอกจึงเข้าใจได้ทันทีว่าต่อคงเห็นตัวเองมากับใครบางคนแล้วจึงโทรมาเช็ค เอกจึงหัวเราะและส่ายหัวเบาๆ กับความไร้เดียงสาของต่อ แต่ก็แอบดีใจเล็กๆว่ามีคนเป็นห่วง (หึง)…..อยู่ห่างๆ
………………………………................................................................................................................
19.00 น.
.
.
และแล้วก็ถึงเวลาที่เด็กหนุ่มทั้ง 4 คนแยกย้ายกันกลับบ้าน เนื่องจากบ้านของโยอยู่แถวถนนสุขุมวิทอยู่แล้ว จึงใช้เวลานั่งรถไฟฟ้าเพียงครึ่งชั่วโมง หลังจากที่คนรับใช้ได้มาเปิดประตูให้โยแล้ว โยจึงเดินมาที่ลานหน้าบ้านอันกว้างขวางขนาบข้างด้วยสนามหญ้าที่ถูกตัดแต่งไว้อย่างสวยงาม
ที่ลานกว้างนี้มีแป้นบาสขนาดใหญ่แบบเคลื่อนย้ายได้ตั้งตระง่านอยู่ แน่นอนว่าไม่่ใช่เรื่องยากอยู่แล้วที่จะได้ของประเภทนี้มา เพราะบ้านของโยทำธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์และชุดกีฬาทุกประเภทนั่นเอง และป๊าของโยก็รีบสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นลูกชายตัวเองเอ่ยปากอยากเล่นกีฬาประเภทนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ป๊าไม่ต้องบังคับ
ข้างใต้แป้นบาสมีลูกบาสวางอยู่สามลูก โยวางกระเป๋านักเรียนลงแล้วหยิบลูกบาสลูกหนึ่งขึ้นมา พร้อมกับถอยไปยืนในตำแหน่งที่ไกลจากแป้นบาสพอสมควร เป็นตำแหน่งสำหรับชูทลูก 3 คะแนนนั่นเอง!!
โยนึกทบทวนถึงเรื่องบางอย่าง…….ทำไมโยถึงต้องตั้งใจเล่นบาสด้วย โยฝึกเล่นมาตลอดปิดเทอมและตอนนี้ผลจากการฝึกทำให้ตัวของโยสูงขึ้นมามาก แต่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น
โยนึกถึงหน้าใครบางคน ใครบางคนที่อยู่ในใจของโยมาตั้งแต่เล็กจนโต โยกำลังคิดว่า ทำไมคนๆ นึงถึงมีอิทธิพลต่อตัวเองมากขนาดนี้
โยเพ่งสมาธิครั้งสุดท้ายไปที่แป้นบาส แล้วจึงตวัดข้อมืออันทรงพลังออกไป ลูกบาสลอยสูงขึ้นไปในแนววิถีโค้งตามแรงส่งของข้อมือ โยกะโดยใช้สายตาและสัญชาตญาณข้างในก็คาดเดาได้ว่าลูกนี้ต้องลงแน่นอน และก็เป็นดังที่คาดไว้ ลูกลอยลงสู่กลางห่วงอย่างสวยงามราวกับถูกจับวาง โยกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจแล้วจึงเดินไปหยิบกระเป๋าและเดินเข้าบ้านไป
พร้อมกับคิดในใจ
พร้อมกับคิดในใจ
………….ถ้าเรื่องอื่นมันง่ายเหมือนชูทบาสก็ดีสิโว้ย!!!………….
……………………………….............................................................................................................................
จบตอน
Kink Team เขียน
จบตอน
Kink Team เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น