>>Season One1<<
....ความดำมืดในใจก่อกำเนิด จิตเตลิดเกินห้ามปราบปรามไหว
ก่อกำหนัดพลาดพลั้งไปเมื่อใด ความจัญไรอาจย้อนจรสู่ตัว....
Episode 1: New Life
“แม่!!!! ข้าวเช้าได้ยัง!”
“ได้แล้วจ้ะลูก....รีบลงมาทานซิจ๊ะ”
เสียงตะโกนดังมาจากชั้นสาม ซึ่งเป็นเสียงของเด็กผู้ชาย “ต่อ” เป็นลูกคนเดียวของตระกูลอิสระพาณิชย์กุล ซึ่งทำการค้าขายมาตั้งแต่รุ่นทวด จนบัดนี้ผลของความอุตสาหะ ได้ทำให้ตระกูลร่ำรวยขึ้นจนติดอันดับ “เศรษฐีใหม่” อันดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่ด้วยสไตล์การเลี้ยงลูกแบบ “ครอบครัวสมัยใหม่” ทำให้ต่อกลับกลายเป็นคนเอาแต่ใจพอสมควร และบางครั้งก็แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก จึงเป็นที่หนักอกหนักใจของ ”คุณพลและคุณศรี” พ่อและแม่ เพราะแค่เรียนชั้นประถม ต่อก็ก่อวีรกรรมในชั้นเรียนแทบนับไม่ถ้วนแล้ว
และวันนี้ เป็นวันแรกที่ต่อจะเริ่มชีวิตต่อไปในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งแน่นอนว่า ต้องเป็นโรงเรียนต่อชนชายล้วน แม้ว่าค่าเทอมจะแพงแสนแพงแต่ก็ไม่ได้เกินกว่ากำลังของของครอบครัวอิสระพาณิชย์กุลเลย คุณพลและคุณศรีต่างก็เป็นกังวลกับอนาคตของลูก ว่าจะไปก่อวีรกรรมอะไรอีกหรือไม่ ได้แต่ภาวนาให้ลูกตนคิดได้แล้วปรับปรุงนิสัย หรือไม่ก็ให้เจอคุณครูที่มีความสามารถมากพอที่จะปราบพยศของลูกชายตนได้เสียที....
.... ขอบฟ้า ต้องกลายเป็นเขาที่พาไป ทุกสิ่งที่ฝันกันเอาไว้ ... เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่บนชั้นสามของบ้านนี้ ดังมาจาก iPhone dock ยี่ห้อดังจากฝั่งยุโรป ที่ต่อได้เป็นของขวัญวันเกิดจากพ่อชิ้นล่าสุด
ตามประสาวัยรุ่นทั่วไปที่มักจะทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน ต่อทั้งฟังเพลงไปด้วย เล่นอินเตอร์เน็ตจากคอมพิวเตอร์ Mac สุดหรู และแต่งตัวไปพร้อมกัน ต่อเพ่งมองตัวเองในกระจกด้วยความพอใจ ด้วยความที่เป็นคนหน้าตาดี รูปร่างตอนนี้ก็โตขึ้นมากกว่าแต่ก่อน และเริ่มมีกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นลักษณะของเด็กชายที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น
“ป๊องงง” เสียงสัญญาณเตือนว่ามี “e-mail” ใหม่เข้ามา ต่อเพ่งอ่านหัวข้อของอีเมลพร้อมทั้งสวมกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินไปด้วย
“อะไรวะ... S&M-kinkboys.com”
“สัดเอ๊ยยย...สแปมชัวร์ คนยิ่งรีบๆอยู่”
ต่อปิดอีเมลโดยที่ยังไม่ได้ลบ และรีบปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อกลับไปแต่งตัว เพราะรู้ว่าตนกำลังจะไปโรงเรียนไม่ทันแล้ว เป็นที่ทราบดีว่าถนนสาธรเป็นถนนเศรษฐกิจที่มีตึกของบริษัทต่างๆอยู่มากมาย และรถยนต์บนถนนก็มากมายเช่นกัน!
ต่อวิ่งลงมาจากชั้นสามพร้อมกับกระเป๋า “จาคอบ” คู่ใจ ไม่เฉพาะต่อเท่านั้น แต่รวมถึงนักเรียนทั้งโรงเรียนด้วย ใครไม่มีถือว่าแปลก
“ทานโจ๊กหมูสับก่อนสิลูก” คุณศรีกล่าวกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่คุณพลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ หร้อมกับจิบกาแฟสดของยี่ห้อดังไปด้วย
“อะไรเนี่ยแม่....โจ๊กหมูสับอะไร ใครจะไปกินลง” ต่อเอ็ดแม่
“ทำไมล่ะลูก ก็โจ๊กหมูสับร้านหน้าปากซอยของโปรดของลูกไง” แม่ตอบ
“โอ๊ยยย ก็ต่อบอกว่าวันนี้จะกิน American breakfast ไง ทำไมไม่ทำล่ะ”
“ก็แม่ยังไม่ได้ไปซื้อของเข้าบ้านเลยนี่จ๊ะ ก็เลยซื้อโจ๊กหน้าปากซอยมาให้ก่อน”
ต่อนั่งลงแล้วเริ่มกินอาหารบนโต๊ะด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ขณะที่คุณพลกลับส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของลูกชายตัวเอง ในใจกลับสงสารคุณศรีผู้ซึ่งเป็นภรรยายิ่งนัก นอกจากคุณศรีจะเป็นแม่บ้านนอกเวลางานแล้ว คุณศรียังรับหน้าที่หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบบัญชีของบริษัทอีกด้วย ในขณะที่คุณพลมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ผู้ควบคุมนโยบาย การบริหาร และการดำเนินกิจการของบริษัทส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งของตระกูล
คุณพลมองหน้าภรรยาและมองหน้าลูก พลางคิดว่ายิ่งลูกโตขึ้นเท่าไหร่ ตนและภรรยาก็ยิ่งรู้จักลูกของตนน้อยลงทุกที.... และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องแยกย้าย ต่างคนต่างต้องไปทำหน้าที่ของตน คุณพลและคุณศรีก้าวขึ้นรถ Toyota Alphard สีขาว ซึ่งคนขับรถได้จอดรอไว้ที่หน้าบ้าน ส่วนต่อก้าวขึ้นรถ Mercedez Benz สีบรอนซ์เพื่อมุ่งหน้าสู่โรงเรียน เริ่มต้นชีวิต ม.1 วันแรก.....
...............................
“อ่ะ อ่ะ อ่ะ อึก อึก อึก...” เสียงครางด้วยความกระสันของใครบางคนอยู่ท่ามกลางความมืด เป็นเสียงของผู้ชาย ที่ตามตัวเต็มไปด้วยรอยบอบช้ำจากการชกต่อยหรือการถูกทารุณก็ไม่ทราบได้
“พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ....” ถ้าใครเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วก็จะทราบได้ทันทีว่าเป็นเสียงของ เนื้อกระทบเนื้อ!!! และเจ้าของร่างอีกร่างหนึ่งในเงามืดนั้น ก็เป็น “ผู้ชาย” เช่นกัน
“เพี้ยะ เพี้ยะ” อยู่ดีๆ ผู้ชายที่กำลังเป็น “ผู้กระทำ” ก็ตบหน้า “ผู้ถูกกระทำ” ซะดื้อๆ
“โอ๊ยย ไอ้เหี้ยย มึงตบกูอีกแล้วเหรอ” ชายผู้ถูกกระทำตะโกนพร้อมทั้งถีบอีกคนลงไปกองอยู่ที่มุมห้อง
“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำอย่างนี้อีก! ต่อไปนี้มึงไม่ต้องมายุ่งกับกู ชีวิตใครชีวิตมัน” ชายผู้ถูกตบ ใส่เสื้อผ้าพร้อมทั้งเดินออกจากห้องไป ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดัง “ปัง”
......เหลือเพียงชายผู้นั่งคุดคู้อยู่มุมห้อง เอามือปิดตา ร้องไห้ พลางคิดว่าจะจัดการอย่างไรดีกับการ “ควบคุมตัวเองไม่ได้”
.................................
รถยนต์คันใหญ่ได้จอดลงที่หน้าโรงเรียน ต่อก้าวลงมาจากรถและปิดประตูด้วยความมั่นใจ ในขณะที่ต่อกำลังเดินเข้าไปใต้ตึกใหญ่ ก็ได้ยินเสียงทักขึ้นมาทันที
“ไงวะไอ้ต่อ ปิดเทอมไปไหนมาวะ” ต่อหันไปทางต้นเสียง พบว่าเป็นเสียงของเจมส์ ที่นั่งอยู่กับไอ้เม้งและไอ้โย เพื่อนร่วมห้องที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยประถม ทั้งกลุ่มนี้เป็นหัวโจกของห้อง และต่อเปรียบเสมือนหัวหน้ากลุ่ม
หลังจากที่ทั้งกลุ่มคุยกันอยู่ซักพัก ก็ได้เวลาไปเข้าแถวเคารพธงชาติ ต่างคนจึงต่างหยิบกระเป๋าของตัวเอง แล้วมุ่งหน้าไปยังแถวของห้อง ม.1/1
....หลังจากเรียนภาคเช้าและกินข้าวเที่ยงเสร็จ กลุ่มหัวโจกนี้ก็จะตรงไปที่ห้องน้ำชั้น 8 เป็นห้องน้ำที่ไม่มีคนพลุกพล่าน ซึ่งถือว่าเป็นถิ่นของหัวโจกกลุ่มนี้ ต่อและเพื่อนๆจะใช้เวลาช่วงพักเที่ยงหมดไปกับการเล่นเกมส์ของสมาร์ทโฟน หรือเครื่อง PSP ที่แอบพกกันมา เด็กกลุ่มนี้ใช่ว่าจะเรียนไม่เก่ง หากแต่เรียนเก่งเป็นอันดับต้นๆ ของชั้นเลยก็ว่าได้
หลังจากนั่งเล่นเกมส์ได้ซักระยะหนึ่ง ไอ้เม้งก็พูดขึ้นมากลางวง
“ไอ้ต่อ มึงสูงขึ้นตั้งเยอะ มึงไปทำไรมาวะ”
“ไม่มีไร ปิดเทอมกูก็แค่เล่นบาสเอง” ต่อตอบ
“ไรวะ แค่เล่นบาสตอนปิดเทอมนี้สูงขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ” เจมส์ถามต่อ
“ใช่ดิ พวกมึงก็หัดเล่นมั่งดิวะ”
“เฮ้ย แล้วอย่างอื่นโตขึ้นด้วยป่าววะ...” ไอ้โยเสริม โยเป็นคนที่ทะลึ่งอยู่แล้ว ไม่ว่าเพื่อนจะคุยกันเรื่องอะไร ไอ้โยก็จะลากเข้าเรื่องทะลึ่งลามกตลอด
“เมิงจะถามทำเหี้ยไรวะ ไอ้โย เดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ” ต่อพูด
“ก็กูไม่รู้ดิ กูถึงถาม.....กูถามได้มั้ยวะว่าหมอยเมิงขึ้นยัง” ไอ้โยยังไม่จบ
ตั้งแต่ขึ้นป.4 เป็นต้นมาต่อก็ไม่เคยให้ใครเห็นร่างกายอีกเลยแม้กระทั่งพ่อแม่ ยิ่งตอนนี้ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงสู่วัยรุ่น ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอายกันบ้าง
“เหี้ย ถามไรงี้วะ” ต่อพูดอายๆ
ไอ้โย เจมส์ และเม้ง สบตากันก็รู้ทันทีโดยสัญชาตญาณว่าจะต้องทำอย่างไรกับไอ้ต่อดี
“เฮ้ย พวกมึงทำไรวะ” ไอ้โย เจมส์ และเม้งต่างพุ่งเข้ามาล็อคตัวของต่อไว้ โดยเจมส์จับที่แขน 2 ข้าง ส่วนไอ้โยกับเม้งรับผิดชอบขาคนละข้าง ไอ้โยเริ่มก่อนเพื่อน โดยเอามือค่อยลูบไล้ที่อกของต่อ ต่อดิ้นพราดแต่ก็สู้แรงของเพื่อนๆ อีกสามคนไม่ได้ ไอ้โยเริ่มรุกต่อ โดยใช้เข่าของตัวเองกับมือ 1 ข้างล็อคไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งที่เป็นอิสระ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของต่อทีละเม็ดๆ
“พวกเมิงหยุดนะเว้ย ไม่งั้นกูโกรธ” ต่อยกคำพูดแบบเด็กๆ ขึ้นมาทันที แต่นาทีนี้ พูดไปก็เหมือนไม่มีใครได้ยินอะไรทั้งสิ้น จะด้วยความอยากแกล้ง อยากรู้อยากเห็นหรืออะไรก็แล้วแต่
ตอนนี้ไอ้โยปลดกระดุมเสื้อของต่อได้หมดทุกเม็ดแล้ว ไอ้โยเลิกชายเสื้อต่อขึ้นมาแลวแผ่ออกทำให้เห็นใต้วงแขนของต่อทันที
“เฮ้ย ขนจั๊กแร้ไอ้ต่อขึ้นแล้วนี่หว่า พวกมึงดูดิ” ไอ้โยรีบชี้ให้เพื่อนคนอื่นๆดู
“เออ จิงว่ะ”ไอ้เม้งพูด
“แล้วงี้ขนหมอยมันก็ขึ้นแล้วดิ” ไอ้เจมส์เสนอความคิด
“ทางเดียว....ต้องพิสูจน์ว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้โยเริ่มปลดเข็มขัดตราโรงเรียน ตามด้วยตะขอและซิบกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินอย่างไม่รอช้า
ตอนนี้ต่อยิ่งดิ้นพราดเข้าไปอีก จนเหงื่อกาฬเริ่มแตกพลั่กเต็มหลังและหน้าอก ไอ้โยคลี่กางเกงออก เผยให้เห็นกางเกงในสีขาวสะอาด พร้อมกับบางอย่างที่แข็งจนแทบจะดันทะลุกางเกงในออกมา ไอ้โยดึงกางเกงในต่อลงมา ตอนนี้ทุกคนเข้ามาสุมหัวอยู่ตรงร่างกายส่วนกลางของต่อไม่ต่างกับตอนผ่ากบในชั่วโมงวิทยาศาสตร์
“ขึ้นหรอมแหรมว่ะ” ไอ้เม้งพูดขึ้นมา
“เอางี้ พวกเราจับไอ้ต่อชักว่าวกันเถอะ จะได้รู้ว่ามันมีน้ำยัง” เจมส์ออกไอเดีย
“อ่ออออดดดด” เสียงสัญญาณเตือนให้เข้าเรียนภาคบ่ายดังขึ้นพอดี ทุกคนเลยแตกกระเจิงไปคนละทาง หยิบข้างของตัวเอง เมื่อต่อได้รู้ว่าตัวเองเป็นอิสระแล้วก็รีบลุกขึ้นทันที
“เมิงงงงงง ตายยยย” ต่อตะโกนพร้อมทั้งเตะอย่างแรงไปที่ก้นไอ้โยตัวการ จนไอ้โยร้องเสียงดังแอ้ก แต่ก็เข้าใจว่าเป็นการแกล้งกันเล่นในหมู่เด็กผู้ชาย ไม่ได้คิดโกรธเป็นจริงเป็นจัง
คนอื่นวิ่งหนีต่อไปข้างนอกหมดแล้ว เหลือแต่ต่อที่รีบใส่เสื้อ ดึงกางเกง รูดซิบ ใส่เข็มขัดอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งตามเพื่อนๆ ออกไปให้ทันเข้าเรียน...........โดยไม่รู้สักนิดว่าได้มีจุดสีดำเล็กๆ ก่อขึ้นภายในจิตใจของตัวเองแล้ว.............
.............................................
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียง ในห้องที่ปิดไฟมืด ครุ่นคิดว่าตัวเองจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต แฟนก็บอกเลิก แม้ตัวเองจะจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาลัยอันดับ 1 ของประเทศ แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้งานทำเลยแม้แต่ที่เดียวมาเป็นปีแล้ว อาจจะเพราะบริษัทต่างๆมีตัวเลือกมากมาย สำหรับเค้า ที่เรียนได้แค่เกรดเฉลี่ยปานกลาง คงต้องก้มหน้าก้มตาหางานอื่นต่อไป ขณะที่ที่บ้านก็เร่งเร้าให้หางานให้ได้ จะได้เลิกพึ่งพาเงินจากทางบ้านซึ่งเป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร และจะได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของที่บ้านต่อไป
“ตรู๊ด ตรู๊ด ๆ ๆ” เสียงโทรศัพท์ภายในห้องเช่าราคาไม่กี่พันดังขึ้น เจ้าตัวรีบลุกขึ้นไปรับทันที
“สวัสดีค่ะ ขอสายน้องเอกค่ะ” ปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิงซึ่งเสียงหวานเลยทีเดียว
“กำลังพูดครับ” ชายในความมืดตอบ
“ค่ะ ที่เอกมาสมัครสอนพิเศษกับพี่น่ะค่ะ ตอนนี้มีพ่อแม่เด็กเค้าติดต่อมาแล้วนะคะ”
“ครับ”
“พี่ก็เลยจะโทรมาถามว่าเอกจะรับสอนมั้ยคะ เค้าจะว่างวันศุกร์-เสาร์นะค่ะ ให้สอนวิชาคณิตศาสตร์ค่ะ”
“ได้ครับพี่เก๋ ว่าแต่เริ่มสอนเมื่อไหร่ครับ”
“อาทิตย์หน้าเลยจ้ะ ค่าสอนก็ตามที่เราคุยกันไว้เนาะ แต่ว่าพ่อแม่เค้าเตือนมาน่ะค่ะ ว่าน้องเค้าค่อนข้างเอาเรื่องเหมือนกันนะ น้องเอกจะโอเคหรือเปล่าคะเคสนี้”
“คงต้องลองดูน่ะครับ แต่ผมว่า...ผมน่าจะเอาอยู่ครับ”
“โอเค จ้า ถ้าเอกไม่ไหวยังไงก็บอกพี่ละกัน เดี๋ยวพี่หาคนอื่นให้ ส่วนข้อมูลของน้องคนนี้กับแผนที่บ้านน้อง พี่ส่งเข้าอีเมลเอกให้นะจ้ะ”
“ขอบคุณครับพี่เก๋”
“จ้า สวัสดีจ๊ะ”
ในที่สุด แม้แต่ในความมืดมิด ก็มีแสงสว่างอยู่รำไร เอกคิดเช่นนั้น เอกแทบอยากให้ถึงอาทิตย์หน้าเร็วๆ เพื่อที่เค้าจะได้เริ่มต้นชีวิตทำงานซะที.................
..................
จบตอน
Kink Team เขียน
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น