วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"เรื่องเล่าคาวน้ำกาม" 9

"ห้องมึงโคตรน่าอยู่ เตียงนอนนุ่มน่านอน คงกระดอนเด้งทนต่อแรงโยกเยกได้ดี เดี๋ยวกูขอทดสอบหน่อย" ไอ้พัฒน์ส่งสายตาแฝงเลศนัยพร้อมกับกระโดดนั่งลงบนเตียงอย่างเบาๆ
"ไอ้บ้า... มันไม่ใช่เตียงติดสปริงนี่ จะได้เด้งไปเด้งมารับจังหวะที่มึงว่า" ผมรู้สึกเขินนิดๆ

ไอ้พัฒน์ดึงมือของผมลงมานั่งบนเตียงด้วยกัน

"ไม่ได้เจอตั้งนาน กูโคตรคิดถึงมึงจริงๆ อยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะเย็ดมึงซักร้อยครั้งพันครั้ง" ไอ้พัฒน์เริ่มไซร้ตรงข้างกกหูของผมเบาๆ

"พอมาถึงก็เงี่ยนเลยนะมึง กูว่ามึงเก็บแรงเอาไว้ลุยคืนนี้ดีกว่า เท่าที่ดูจากสภาพแล้ว มึงไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ดูตามึงซิ แดงก่ำขนาดนั้น หน้าก็ไม่ได้ล้าง ฟันก็ไม่ได้แปรง น้ำก็ไม่ได้อาบอีก สารพัดความเหม็นมารวมอยู่ในตัวมึง อีกอย่างกูเหนื่อยด้วย อยากจะนอนหลับเอาแรงซักงีบ เมื่อคืนไม่ได้นอน กลัวว่าจะตื่นไม่ทันมารับมึงที่สถานีรถไฟ" ผมเริ่มผละตัวไอ้พัฒน์ออกห่าง

"เออ.... เป็นความคิดที่ดี กูเหนื่อยอยากจะนอนพักเหมือนกัน รอให้ถึงคืนนี้ก่อนเถอะ กูจะเย็ดมึงให้มิดลำมิดโคน เอาให้หนำใจสุดๆ แล้วอย่ามาโอดครวญว่ากูใจร้ายใจดำไม่ได้นะ ช่วยไม่ได้ หน้าตามึงชอบทำให้เจี๊ยวกูโด่ดีนัก" ไอ้พัฒน์กอดผมไว้อย่างแน่น

...................................................

เย็นวันนี้ผมพาไอ้พัฒน์ไปกินข้าวเย็นที่ตลาดฝายหิน ซึ่งเป็นลานขายอาหารในมหาลัย ตลาดฝายหินแห่งนี้ ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารและบรรยายกาศสถานที่ ซึ่งคล้ายกับตลาดในอดีตที่ก่อสร้างด้วยไม้ หลังคามุงจากและหญ้าคา (แต่ปัจจุบันนี้ ตัวตลาดจะก่อสร้างใหม่ เทพื้นคอนกรีต เสาคอนกรีตและมุงกระเบื้อง แทบจะไม่เหลือสภาพเดิมของตลาดฝายหินเมื่อซัก 10 กว่าปีก่อน หรือมากกว่าขึ้นไป)

เมื่ออาหารทุกอย่างที่ได้สั่งไว้ มาเสิร์ฟบนโต๊ะครบเรียบร้อยแล้ว..

ขณะที่ผมกำลังจะตักข้าวใส่ปาก ผมถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจจนต้องหยุดการกระทำเอาไว้ชั่วขณะ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะสายตาของผมดันไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามานั่งในร้านเดียวกับผม หนุ่มสาวที่ว่าคือ ป้องและยัยกองฟาง (หมั่นใส้อยากจะตบยัยกองฟางมากๆ ทำเชิ่ดอย่างกับเป็นคุณนาย ส่วนป้องก็เดินถือกระเป๋าและถุงหิ้วใส่ของต่างๆ ตามก้นยัยกองฟาง) แถมทั้งคู่ยังเดินมานั่งตรงโต๊ะข้างๆ แถวเดียวกับโต๊ะของผมอีก อะไรมันจะบังเอิ๊น บังเอิญ ขนาดนั้น

แรกๆที่เห็นผม ป้องแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่พอมองเห็นไอ้พัฒน์ที่นั่งอยู่กับผมเท่านั้น สีหน้าและสายตาของป้องก็เปลี่ยนไป ป้องมองผมกับไอ้พัฒน์ด้วยสีหน้าที่นิ่ง สายตาที่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่

ผมพยายามรวบรวมสติให้กลับคืนมาให้เร็วที่สุด

"เราจะต้องไม่มอง เมื่อเห็นหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นแล้วต้องไม่รู้สึกอะไร เหมือนเห็นอากาศธาตุ ไม่มีตัวตน เราต้องทำได้ เราต้องเข้มแข็งนะ" ผมพูดให้กำลังใจตัวเองอยู่เงียบในใจ

พอได้สติกลับคืนมาแล้ว ผมลงมือกินอาหารต่อไปอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่สนใจอะไร ส่วนป้องก็ยังคงแอบมองผมกับไอ้พัฒน์อยู่เป็นระยะๆ

"กินเยอะๆนะมึง จะได้มีเนื้อมีหนังกับเขาบ้าง ดูซิผอมกร่องเชียว" ผมตักกับข้าว 2-3 อย่าง ใส่ในจานข้าวของไอ้พัฒน์ โดยพยายามพูดส่งเสียงดังเล็กน้อยเผื่อโต๊ะข้างๆจะได้ยิน (ร้ายจริงๆเลยตรู)

"มึงก็เหมือนกัน ผอมลงไปเยอะ เอานี่ไปเลย หมูกรอบชิ้นใหญ่ๆ จะได้เพิ่มส่วนก้นของมึงให้ดูนูนๆแน่นๆเด้งๆ" ไอ้พัฒน์ตักหมูกรอบใส่ในจานข้าวของผม

"ไอ้บ้า.... พูดอะไรทะลึ่งอีกแล้ว ไม่รู้จักอายคนบ้างเลยนะ" ผมพยายามพูดดังเพื่อให้คลื่นความถี่เสียงเดินทางไปถึงโต๊ะข้างๆ ปรากฏว่าได้ผลเกินคาด เพราะป้องหันหน้ามองที่โต๊ะของผมอย่างจัง (เวลานี้ตรูเชิ่ดใส่อย่างเดียวเท่านั้น) พูดไปก็สับสนตัวเองเหมือนกัน ไหนบอกว่าจะไม่แคร์เขา จะไม่สนใจเขา แล้วสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นี่ ทำลงไปเพื่ออะไร?
เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ต้องทนฝืนกินให้เสร็จๆไป ถ้าติดตามอ่านจากตอนที่แล้วคงจะรู้นะครับว่า เหตุผลคืออะไร? แค่เห็นหน้าใครบางคน มันก็จุกอกจนหายหิวแล้ว) ผมพาไอ้พัฒน์เดินชมรอบๆฝายหินจนทั่ว ก่อนที่จะออกจากฝายหิน ผมได้ซื้อน้ำแตงโมปั่นถุงใหญ่ น้ำแตงแคนตาลู๊ปปั่นถุงใหญ่ พร้อมทั้งขนมและของกินต่างๆติดไม้ติดมือมา

จากนั้นผมขับรถพาไอ้พัฒน์ขึ้นไปเดินเล่นที่อ่างเกษตร ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่บนเนินเขาหลังมหาลัย โดยอ่างเก็บน้ำแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในหมู่นักศึกษาและบุคคลรอบนอกทั่วไป เพราะเป็นอ่างเก็บน้ำที่สวยมากๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองได้อย่างชัดเจนมาก ส่วนบริเวณด้านหลังเป็นวิวของดอยสุเทพที่สูงตระหง่าน

"สวยว่ะ ไอ้กันต์ ถ้าไม่ได้มึงมาเป็นไกด์พากูเที่ยวที่นี่ กูคงคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี อย่างมากคงหนีไม่พ้นพวกห้างและผับต่างๆในตัวเมือง ขอบใจมากนะโว้ย" ไอ้พัฒน์มองหน้าผมพร้อมกล่าวขอบคุณ

"มึงไม่ต้องเวอร์ขนาดนั้นก็ได้ ตอนนี้เป็นทีของกูแล้วที่จะพามึงเที่ยวทั่วเชียงใหม่ กูยังจำได้เลย ตอนที่ไปเที่ยวบ้านมึงที่หาดใหญ่ มึงทำหน้าที่ไกด์ได้ดีมากๆ กูรู้สึกประทับสุดๆจนถึงวันนี้เลย" ผมยิ้มให้ไอ้พัฒน์

"เสียดาย ที่มึงกับกูไม่ได้เรียนอยู่มหาลัยเดียวกัน ไม่อย่างนั้นป่านนี้กูคงจะเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉามากที่สุดคนหนึ่ง" ไอ้พัฒน์พูดทิ้งท้าย พร้อมกับเอื้อมมือของมันมาจับมือผม

"ไอ้บ้า... มึงพูดจนกูอายไปหมดแล้ว" ผมพยายามแสดงอาการเขินอายเล็กน้อย (มันเป็นอาการเขินที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นการแสดงที่สร้างขึ้นมาเพื่อถนอมน้ำใจฝ่ายตรงข้าม โดยภายในใจของผมนั้น มันร้อนรนจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในฝายหิน เมื่อครู่ที่ผ่านมา)

"ไอ้กันต์... กูชอบมึงจริงๆนะโว้ย ถ้ามึงเรียนอยู่มหาลัยเดียวกับกู กูขอมึงเป็นแฟนนานแล้ว กูไม่ปล่อยมึงไว้หรอก กลัวโดนใครคาบไปแดกเสียดายว่ะที่ระยะทางทำให้กูต้องแห้ว" ไอ้พัฒน์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

"มึงเข้าใจพูด มันก็เป็นเรื่องจริงนะที่ว่า รักแท้แพ้ใกล้ชิด หรือไม่ รักแท้แพ้ระยะทาง แต่อย่างไรเสีย ตอนนี้มึงกับกูก็ได้มาพบกันอีกครั้ง" ผมได้แต่ยิ้มให้ฝ่ายตรงข้าม

"แค่ 5 วันเอง" ไอ้พัฒน์แกล้งทำหน้าซึม

"เออน่า... จะ 5 วัน ยังดีกว่าไม่ได้เจอกันเลยนะ จริงไหม?" ผมหยอกกลับ

"จริงของมึง ช่วงเวลาที่กูอยู่กับมึง กูจะถอนทุนคืนและเอากำไรให้มากที่สุด เริ่มจากคืนนี้ กูจะเอามึงยันเช้าจนเห็นฟ้าเหลืองคาตาเลย คอยดูเถอะ" ไอ้พัฒน์เริ่มพูดวกเข้าสู่เรื่องใต้สะดือ

"ไอ้บ้า.. เงี่ยนอีกแล้วนะมึง ดูซิเป้ากางเกงตุงแน่นเชียว เวลาเดินไม่อายคนบ้างเลยหรือไง" ผมมองไปที่เป้ากางเกงของไอ้พัฒน์ พร้อมกับหัวเราะด้วยความขบขัน


........................................................


ก่อนที่จะเข้านอน ผมกับไอ้พัฒน์ต่างก็อยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ เราทั้งสองสวมกอดและแลกลิ้นดูดปากของกันและกันอย่างดูดดื่ม

ไอ้พัฒน์ค่อยๆผลักตัวของผมนอนล้มลงบนเตียง พร้อมกับก้มหน้ามาดูดตรงหัวนมทั้งสองข้างของผม จากนั้นก็ย้ายตำแหน่งเลื่อนลงมาทีละนิดๆจนมาถึงแท่งตอปิโดของผม

ไอ้พัฒน์อ้าปากครอบแท่งตอปิโดของผมจนมิดลำ พร้อมทั้งใช้ริมฝีปากรูดขึ้นๆลงๆอย่างเป็นจังหวะ จนผมส่งเสียงร้องครางอย่างเบาๆด้วยความเสียว

ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ใช้ลูบคลึงกะโปกของผม พร้อมทั้งช้อนลูกชิ้นเอ็นของผมทั้งสองลูกอยู่เป็นระยะๆ

พอดูดแท่งตอปิโดของผมจนหนำใจแล้ว ไอ้พัฒน์ก็จัดการเปลี่ยนตำแหน่งทันที โดยการเลื่อนตัวผมให้ไปนอนทับอยู่ข้างบนตัวมัน

ผมดูดไซร้ซอกคอ ตลอดจนหัวนมทั้งสองข้างของไอ้พัฒน์จนเป็นที่เรียบร้อย ผมไม่รอช้า รีบจัดการถวายบัวให้ไอ้พัฒน์อย่างรู้การรู้งาน ไม่ได้เอากันมานานมาก กระดอของไอ้พัฒน์ยังสวยน่าดูดอยู่เหมือนเดิม (ถึงแม้จะเล็กไปก็ตาม)

ผมใช้ลิ้นเลียตวัดไปรอบๆบริเวณรอยหยักตรงกระดอ เวลานี้ไอ้พัฒน์ทำหน้าเหย๋ พร้อมกับร้องซี๊ดๆขึ้นมา

ซักพักไอ้พัฒน์ใช้ฝ่ามือตบลงบนก้นของผมอย่างเบาๆ ซึ่งเป็นอันรู้กันว่า ได้เวลาที่จะเอากระดอของมันมาสวนรูทวารของผมแล้ว

ผมเอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นที่ในลิ้นชักตรงโต๊ะหัวเตียง ผมชะโลมทาเจลหล่อลื่นลงที่กระดอของไอ้พัฒน์ และทาบริเวณปากรูทวารหนักของตัวเอง

ไอ้พัฒน์ค่อยๆแหย่กระดอเข้าไปในรูดากของผมอย่างช้าๆนุ่มนวล จนกระดอเข้ามิดลำ จากนั้นไอ้พัฒน์ก็ชักเข้าๆออกๆอย่างไม่เร่งรีบเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง

เมื่อเครื่องยนต์วิ่งเรียบไม่มีสะดุด ไอ้พัฒน์จึงเร่งเครื่องกระเด้าซอยกระดอเข้าๆออกๆในรูดากของผมอย่างถี่รัว ผมครางออกมาโดยไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ (ก็มันเสียวนี่)

เวลานี้เราทั้งสอง ต่างก็ร้องส่งเสียงครางรับประสานกันเป็นบทเพลงแห่งกามโลกีย์ได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง

ซักพัก ไอ้พัฒน์เริ่มซอยกระดออย่างถี่รัวผิดปรกติ พอจะเดาออกว่า มันใกล้แตกแล้วแน่ๆ ผ่านไป 3 วินาที ไอ้พัฒน์ส่งเสียงร้องครางดังผิดปรกติและผมเองก็รู้ตัวว่าในก้นของผมร้อนๆ แน่นๆ และเปียกแฉะ

ไอ้พัฒน์ได้พ่นน้ำกามออกมาอย่างล้นทะลัก พร้อมกับสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนนิดๆ

"คราวนี้มาถึงทีกูบ้าง ดูดให้ดีๆนะมึง กูอยากจะแตกคาปากมึง" ผมยื่นแท่งตอปิโดที่แข็งโด่ ไปที่ปากของไอ้พัฒน์

ไอ้พัฒน์จับการอมๆดูดๆเลียๆแท่งตอปิโดของผม จนผมทนไม่ไหว พ่นน้ำกามใส่ในปากของไอ้พัฒน์อย่างหมดก๊อก
จนไอ้พัฒน์ต้องรีบวิ่งเข้าไปในห้องห้องน้ำทันที

"ไอ้ห่า... แม่ง... น้ำโคตรเยอะเลยมึง แถมเค็มอีกต่างหาก กูจะท้องไหมนี่?" ไอ้พัฒน์พูดด้วยอารมณ์ขำขัน พร้อมเดินออกมาจากในห้องน้ำ

...............................................................


ตลอดระยะเวลา 5 วัน ที่ได้อยู่กับไอ้พัฒน์ ผมรู้สึกมีความสุขมาก จนสามารถที่จะลืมและไม่คิดถึงใครบ้างคนได้ แต่ก็น่าเสียดาย ที่ผมกับไอ้พัฒน์ต่างอยู่ไกลกันเหลือเกิน (เหนือ กับ ใต้) ไม่อย่างนั้น............ (ไม่เอา ไม่อยากคิด) ............ จะอธิบายอย่างไรดี ผมว่าประโยคหรือวลีนี้จะอธิบายถึงความรู้สึกและความเป็นไปได้ ได้ดีที่สุด

"ระยะทางยิ่งห่างกันมากเท่าใด ความสัมพันธ์และความผูกพันธ์ก็ย่อมห่างเหินกันมากฉันนั้น"


วันที่ผมส่งไอ้พัฒน์ขึ้นรถทัวร์จากเชียงของ ไป กรุงเทพฯ (ผมพาไอ้พัฒน์เที่ยวที่เชียงใหม่ 3 วัน และขึ้นไปเชียงของ 2 วัน) ก่อนที่มันจะขึ้นรถ มันได้บอกกับผมว่า....

"วันนี้กูกับมึงคงเป็นได้แค่เพื่อนร่วมสนุกกันไปก่อน แต่วันหน้า หลังจากเรียบจบแล้ว ถ้าเราสองคนมีโอกาสอยู่ใกล้กันมากกว่านี้ กูหวังว่า เราสองคนคงจะได้เป็นเพื่อนร่วมทางเดินหัวใจของกันและกัน"
ปิดเทอมใหญ่รอบนี้ ผมไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์อีกเช่นเคย เพราะขี้เกียจ และสาขาวิชาที่ผมเรียนนั้น ถึงแม้จะลงเรียนซัมเมอร์ทุกปีก็ตาม แต่ก็ต้องจบ 4 ปีอยู่ดี เพราะหลักสูตรบังคับว่า "ต้องจบ 4 ปีเท่านั้น" ไม่อนุญาตให้จบก่อน( 3 ปีครึ่ง) เหมือนกับสาขาวิชาอื่นๆ หรือคณะอื่นๆ แต่จะสามารถจบหลัง 4 ปีก็ได้ (ถ้าใจปราถนา ซึ่งคงไม่มีใครอยากเรียนเกิน 4 ปีอยู่แล้ว)
จริงๆแล้วเหตุผลหลักของคนปากแข็งอย่างผมก็คือ อยากจะพาหัวใจดวงน้อยๆของตัวเอง ที่โดนย่ำยีจนบอบช้ำจากฝีมือของคนใจร้ายที่ชื่อ "ป้อง" ไปพักผ่อนตากอากาศ เปิดหูเปิดตา ดูโลกกว้างเพื่อเสริมสร้างวิสัยทัศน์และมุมมองใหม่ๆให้กับตัวเอง (พูดออกทะเลไปโน่นเลยตรู) พูดง่ายๆตามประสาชาวบ้านก็คือ "หลบไปหาที่พักใจ" (จนป่านนี้แล้ว ตรูยังไม่ลืมผู้ชายคนนี้อีกหรือ?) ทำไมถึงช่างลืมยากลืมเย็นแบบนี้!!!!!!!!

ผมทำอะไรตอนปิดเทอมใหญ่รอบนี้? คำตอบคือ ผมจะไปทัศนศึกษาที่ประเทศอินเดีย กับอาจารย์ท่านหนึ่งในภาควิชาภาษาปัจจุบันตะวันออก (โดยอาจารย์มีศักดิ์เป็นญาติของผม) นอกจากอาจารย์จะมีงานประจำ คือ สอนหนังสือในมหาลัยแล้ว อาจารย์ยังรับงานพิเศษเป็นไกด์และคนจัดคณะทัวร์ไปเที่ยวอินเดีย ตอนปิดเทอมอีกด้วย


.............................................................


ณ สนามบินดอนเมือง (พ.ศ. 2539) เวลา 7 โมงเช้า

ผมกับบอลถือกระเป๋าทางพร้อมกับสะพายเป้มายืนรอคณะทัวร์ในจุดนัดหมาย มองไปมองมายังไม่เห็นมีใครมาเลย แน่ละ... เราทั้งสองมาก่อนเวลาที่กำหนดตั้ง 3 ชั่วโมงกว่า

ไม่ใช่บ้าเห่ออะไรหรอกครับ (เดี๋ยวกลัวคนอ่านจะคิดว่า มาเมืองนอกครั้งแรกถึงกับตื่นเต้นถึงเพียงนี้เชียวหรือ?) ที่มาก่อนเพราะต้องเผื่อเวลา บ้านของบอลอยู่ตั้งบางนา (ผมมาค้างที่บ้านของบอลก่อนล่วงหน้า 2 คืน คงไม่ต้องบรรยายให้ทราบนะครับว่า นอนห้องไหนในบ้านของบอล? และทำอะไรกันบ้าง? เพราะคำตอบเป็นอย่างที่คุณผู้อ่านคิดเอาไว้แน่นอน XXXกันทั้งคืนครับ เสียอย่างเดียวคือ "บอลล่มปากอ่าว" แต่ก็เงี่ยนบ่อยเหมือนกันนะ)

การเดินทางจากบางนามายังสนามบินดอนเมืองไกลมากโขอยู่


ผมลืมบอกไปว่า ในการเดินทางครั้งนี้ ผมได้ชวนบอลไปเที่ยวด้วย ซึ่งบอลก็สนใจและอยากไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับโดนลูกตื้อของผม เลยทำให้ตอบตกลงทันที (เพราะรู้มาว่า ทริปอินเดีย คนที่ไปส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอายุทั้งนั้น หาวัยรุ่นหล่อๆน่ารักๆ ยากมากกกกกก ขืนไปคนเดียวมีหวังหำหดแน่ๆ)

"นายเฝ้ากระเป๋าอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวเรามา" ผมถอดเป้ออกจากหลังและวางกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆลงที่พื้น

"จะไปไหน? ทำไมต้องให้เรายืนรอตรงนี้ด้วย?" บอลถามด้วยความสงสัย

"ปวดเยี่ยว จะไปด้วยไหมละ? ดีเหมือนกัน จะได้ช่วยรูดซิปงัดเจี๊ยวเราออกมาที่โถ ยิ่งขี้เกียจอยู่ด้วย พอเสร็จแล้ว จะได้ช่วยอมให้เรา เพื่อเป็นการทำความสะอาดไปในตัว" ผมทำหน้าทะเล้นใส่บอล

"แหวะ... สกปรก ซกมกจริงๆ ยังมาทำหน้าตายแบบนี้ใส่เราอีก จะไปดื่มน้ำปัสสาวะที่ไหนก็ไป แต่อย่าไปนานและห้ามเถลไถลเด็ดขาด" บอลค้อนใส่ผม

"ครับผม" ผมยิ้มรับคำ

................................................................


ขณะที่ผมกำลังยืนยิงกระต่ายอย่างมีความสุข ทันใดนั้นมีหนุ่มน้อยคนหนึ่งอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม หรือไม่งั้นก็มากกว่าผมไม่กี่ปี (สังเกตุจากทรงผมที่ก้ำๆกึ่งๆดูไม่ออกว่าจะเป็นเด็กมัธยมก็ไม่ใช่ เด็กมหาลัยก็ไม่เชิง) หนุ่มน้อยคนดีหน้าตาจัดได้ว่าหล่อโฮกมากๆ (ขอยืมศัพท์สมัยใหม่มาใช้หน่อยนะ เพราะบรรยายได้โดนตรงจุดจริงๆ) หล่อแบบไทยแท้ สูงยาวเข่าดี โดยเฉพาะส่วนสูงน่าจะประมาณ 185 เซนติเมตร (สูงๆแบบนี้ ลำกล้องคงจะยาวใช่น้อย) ผิวสองสีเนียนสวย ดูสะอาดสะอ้าน

ผมมองดูความหล่อของหนุ่มน้อยคนนั้นอย่างลืมตัว จนได้สติกลับคืนมา ผมจึงแกล้งทำเนียนยืนยิงกระต่ายต่อ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย หนุ่มน้อยคนนั้นจ้องมองผมด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายอะไร จากนั้นก็เดินมายืนที่โถข้างๆผม (ทั้งๆที่ในห้องน้ำมีโถว่างอยู่ตั้งหลายมุม)

ผมรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับกำลังผจญภัยอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่าง ผมค่อยๆชำเลืองตามองต่ำมาที่หนุ่มน้อยคนนั้น

แจ๊คพ็อตแตกจริงๆครับ!!!!! หนุ่มน้อยคนนั้น ค่อยๆยืนห่างโถออกทีละนิดๆ พร้อมกับค่อยๆถอกหนังบริเวณลำกระดอ ผมมองดูแล้วทำให้กระจู๋ของผมแข็งขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ

เวลานี้ผมแน่ใจ 100% แล้วว่า หนุ่มน้อยคนนี้เล่นด้วยจริงๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมเลยโชว์แท่งตอปิโดที่แข็งปึ๋งของผมให้ดูบ้าง ผมค่อยๆรูดมันอย่างช้า พร้อมกับถอกหนังหุ้มที่บริเวณหัวกระดอ

หนุ่มน้อยคนนั้นเอื้อมมือมาจับแท่งตอปิโดของผม และค่อยๆชักเข้าๆออกๆ

ส่วนตัวของผมเองนั้น ก็รีบเอามือมาจับพิสูจน์ความยาวของมังกรฝ่ายตรงข้าม (เพื่อไม่ให้ขาดทุน) ซึ่งลำตัวของมังกรยาวสวยได้รูป หัวมังกรสีชมพูเปิดออกมาทักทายโลกภายนอก ส่วนขนาดนั้นไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนัก

เราทั้งสองต่างก็สัมผัสอวัยวะเพศของกันและกันอย่างตื่นตาตื่นใจ

เอี๊ยด... !!!!!!!! เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น

เราทั้งสองต่างก็รีบปล่อยมือออกจากอวัยวะเพศที่แข็งโด่ของกันและกันอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับทำท่ายืนฉี่อย่างปรกติ

คนที่เปิดประตูห้องน้ำเข้ามานั้น เป็นผู้ชายวัยกลางคน 3 คน พวกเขาเดินเข้ามายืนฉี่ที่โถอีกมุมหนึ่ง 4 วินาทีถัดมา ก็มีฝรั่งผู้ชาย 2 คนเข้ามา โดยคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายราวๆ 3-4 ขวบ เข้ามาด้วย ฝรั่งที่ไม่ได้มากับเด็ก เดินมายืนฉี่ข้างๆกลุ่มผู้ชายวัยกลางคน ส่วนฝรั่งที่มากับเด็ก ยืนแปรงฟันอยู่ตรงอ่างล้างหน้า

สวรรค์ล่มเลยตรู!!!!!!! ผมรีบเดินออกจากห้องน้ำอย่างเซ็งๆ เพราะโอกาสไม่เอื้ออำนวย และที่สำคัญ ลืมไปว่า บอลยืนรออยู่!!!!!!!! ผมเลยรีบวิ่งสู้ฟัดไปหาบอลทันที

"ทำไมฉี่นานจัง? หรือว่าไปเดินเถลไถลที่ไหนมา?" บอลถามขึ้นมา

"ไม่ได้ไปเดินเหลวไหลที่ไหนหรอก เผอิญฉี่เสร็จแล้วปวดอึอย่างกระทันหัน เลยต่ออีกรอบ" ผมป้อนสตอใส่ปากบอล

"มิน่าละ ถึงว่า... ได้กลิ่นอะไรตุๆแถวนี้ ที่แท้ก็จากนายนี่เอง ล้างมือสะอาดแล้วใช่ไหม?" บอลทำหน้าทำตาพร้อมกับใช้มือทำท่าพัดไปมาที่จมูกของตน

" ล้างสะอาดแล้ว จะดมดูไหมว่าหอมแค่ไหน?" ผมทำเนียนโดยการยื่นมือไปที่จมูกของบอล (รอดตัวไปตรู นึกว่าจะสตอไม่ขึ้นซะแล้ว)

.................................................................


เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง อาจารย์ที่เป็นหัวหน้าทัวร์ก็มาถึง หลังจากนั้นบรรดาพวกลูกทัวร์ก็เริ่มทยอยมากัน อาจารย์จะแนะนำให้ลูกทัวร์ทุกคนรู้จักกันและกัน เห็นอาจารย์บอกว่าลูกทัวร์ทั้งหมดในทริปนี้รวมทั้งตัวอาจารย์ด้วย มีด้วยกัน 12 คน ทั้งลูกทัวร์ที่มาโดยตรงจากเชียงใหม่ และลูกทัวร์จากกรุงเทพ ที่ส่งต่อมาจากบริษัททัวร์ในกรุงเทพ

ทันใดนั้น มีลูกทัวร์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาอาจารย์ ลูกทัวร์กลุ่มที่ว่านี้เป็นครอบครัวมีทั้งหมด 5 คน พ่อ แม่ ยาย(หรือย่า ไม่แน่ใจ) ลูกชาย และลูกสาว

เมื่อผมได้เห็นหน้าลูกชายของครอบครัวนี้ ผมรู้สึกตกใจปนช็อคนิดๆ เพราะ ลูกชายของครอบครัวนี้เป็นคนๆเดียวกับหนุ่มน้อยคนที่เล่นว่าวกับผมในห้องน้ำ เมื่อครู่ที่ผ่านมา

แรกๆที่เจอหน้ากัน ผมและหนุ่มน้อยคนดังกล่าว ต่างก็รู้สึกตกใจและงงๆ จนทำสีหน้าไม่ถูกที่ได้มาเจอกันอีกรอบ แถมยังบังเอิญร่วมคณะทัวร์เดียวกันด้วย !!!!!!

เมื่อถึงสนามบินนานาชาติเมืองกัลกัตต้า(ปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "โกลกาต้า") และผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองแล้ว หัวหน้าทัวร์ก็เช็คจำนวนลูกทัวร์ ตลอดจนความเรียบร้อยต่างๆภายในคณะ พร้อมทั้งเดินนำไปยังประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้า
รถบัสได้จอดรอพวกเราอยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้ามหน้าอาคารผู้โดยสารขาเข้า
ผมนั่งคู่กับบอล(ซึ่งขอเหมาผูกขาดกับการนั่งที่นั่งติดกับหน้าต่างตลอดทริป) ขณะที่กำลังรอให้ลูกทัวร์ขึ้นรถครบทุกคน หนุ่มน้อยคนนั้นพร้อมน้องสาวก็เดินเข้ามานั่งตรงเบาะฝั่งตรงข้ามกับผม

น้องสาวของเขานั่งติดกับหน้าต่าง ส่วนตัวเขานั่งอยู่ตำแหน่งตรงข้ามกับผมพอดิบพอดี (ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือว่าจงใจกันแน่?)

ระหว่างทางที่รถวิ่งเข้าไปในเมืองโกลก้าต้า บอลก็เข้าฌาณอีกตามเคย (ถ้านั่งรถโดยสารระยะทางไกลเกิน 10 กิโล บอลมักจะหลับเสมอ)

"มาเที่ยวกับเพื่อนหรือครับ? หรือว่ามากับครอบครัวด้วย?" หนุ่มน้อยคนนั้นพูดทักทายผม

"มากับเพื่อนครับ และญาติผู้ใหญ่อีก 1 คน อาจารย์นิตยาที่เป็นหัวหน้าทัวร์ ท่านเป็นน้าของผม" ผมทักทายตอบด้วยอาการเขินๆ

"ผมชื่อภีม( ภี-มะ) หรือเรียกชื่อเล่นว่า ภีม(ภีม) ได้นะครับ สะดวกแบบไหนก็เรียกแบบนั้น นายชื่ออะไร?" หนุ่มน้อยคนนั้นแนะนำตัวเอง

"กันต์ ชื่อนายเพราะและเก๋ไม่เหมือนใครดีนะ ส่วนคนที่กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ชื่อบอล" ผมแนะนำตัวเองพร้อมทั้งหันหน้าไปหาบอล (แอบกัดเจ้าบอลทีเผลอ)

"กันต์ช่างเข้าใจแกล้งเพื่อน" ภีมแอบขำอย่างเบาๆ

"ลืมแนะนำไป นี่น้องสาวเราชื่อพริ้มเพรา" ภีมแนะนำเด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่กำลังฟังเพลงจากหูฟังของเครื่องเล่นซีดี เด็กผู้หญิงคนนี้อายุไม่น่าเกิน 15 ปี เธอรีบถอดเอาหูฟังออกจากหูทันที

"พี่ชื่อกันต์"

"สวัสดีคะพี่กันต์" พริ้มเพรา ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท หลังจากนั้นก็ใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงต่อทันที

"กันต์เรียนอยู่ชั้นไหน? อายุเท่าไหร่? จะได้เรียกถูก" ภีมเอ่ยถามผม

“เราจะย่างเข้า 18 อีก 2 เดือน ตอนนี้เรียนอยู่มหาลัยจะขึ้นปี3 นายละ?" ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา

"โอ้โห.. กันต์เรียนเร็วจัง สงสัยสอบเทียบมาแน่นอน เก่งมาก เราอายุ 18 เหมือนกัน เราเพิ่งสอบเอ็นทรานซ์เสร็จ ตอนนี้กำลังรอฟังผลสอบอยู่ ทางบ้านไม่อยากให้เราเครียดมาก เลยมาเที่ยวอินเดียกันทั้งบ้าน" ภีมเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังอย่างคร่าวๆ

"ภีมอยากเรียนคณะไหน? เลือกมหาลัยไหนบ้าง?" ผมถามแบบมีลุ้นนิดๆ (เผื่อภีมเลือกอาจเลือกมหาลัยของผม)


"อยากเรียนคณะบัญชีมากที่สุด รองมาก็บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ส่วนมหาลัยนั้น เราเลือกแต่มหาลัยชั้นนำในกรุงเทพทั้งหมด ถ้าเกิดเอ็นฯไม่ติด คงต้องไปเรียนเอกชน" ภีมตอบแบบไม่แน่ใจในอนาคตทางการศึกษาของตัวเอง


"คนนี้เขาเรียนอยู่คณะบริหารฯ" ผมชี้มือมาที่บอล

"อะไรๆ แอบนินทาเราอยู่หรือ? นึกว่าเราหลับละซิ" บอลลืมตาขึ้น พร้อมท่าทางสะลึมสะลือ

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...