วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"เรื่องเล่าคาวน้ำกาม" 8

ผมรีบบึ่งรถกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนนี้ผมรู้สึกมึนตื้อไปหมด มันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ทั้งเสียใจ(ชนิดที่อยากจะร้องให้ แต่น้ำตามันไม่ยอมไหลออกมาซะที) ทั้งโกรธ และทั้งเสียความรู้สึก เหมือนโดนหลอก (หลอกให้เรารัก พอเราให้ความรักไปจนหมดใจแล้ว เขากลับไม่เห็นคุณค่าอะไรเลย ทำเหมือนเป็นของเล่น พอเบื่อก็ทิ้งๆขว้างๆ) จนอยากจะตะโกนออกมาจนสุดหลอดลม
ผมนั่งอยู่คนเดียว พร้อมกับเปิดเพลงสร้างอารมณ์ไปด้วย (เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันหดหู่เศร้าสร้อยจนเกินไป) ผมเปิดฟังอยู่ 2 เพลง คือ เพลง "ก็เคยสัญญา" ของ อัสนี วสันต์ และ เพลง "หมดคำถาม" ของ นูโว (โดยเฉพาะท่อนที่ว่า "เจอคำตอบอย่างนี้ จึงหมดคำถาม" โดนใจมากๆ) เปิดวนกลับไปมาอย่างนั้น (พอเพลงจบก็กรอเทปกลับมาใหม่ เปิดจนชนิดที่เทปยานกันไปข้างหนึ่ง) ตั้งแต่บ่าย 2 โมง จนเกือบๆ 4 ทุ่ม (ไม่รู้ว่าตรูทำไปได้ยังไง?) จากนั้นสายตาของผมก็จ้องมองไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง

"ป่านนี้แล้วยังไม่โทรมาหาหรือโทรมาแก้ตัวอีก ใจดำจริงๆ" ผมบ่นกับตัวเอง (ทำไมตรูโง่ซ้ำซากแบบนี้ ยังจะไปหวังลมๆแล้งๆให้เขาโทรมาอีก ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ)

พอเวลาหัวถึงหมอนก็นอนไม่หลับอีก จิตใจมันคิดถึงแต่ "ป้อง" ให้ฟุ้งซ่านไปหมด นี่ก็ผ่านไปดึกดื่นครึ่งค่อนคืนแล้ว ทำไมถึงนอนไม่หลับซักที ภายในใจของผมมันช่างตรงข้ามกับอากาศในฤดูหนาวที่เหน็บหนาวเยือกเย็น ในใจมันร้อนเหมือนอากาศในฤดูร้อนช่วงกลางเดือนเมษา ก็ไม่ปาน

กว่าข่มตาหลับนอนได้ก็ปาเข้าไป 6 โมงเช้า (โดดเรียนไป 1 วันเต็มๆ เพราะตื่นสายและไม่มีกะจิตกะใจไปเรียน) ตื่นมาอีกทีตอนบ่าย 3 โมง

ก๊อก.. ก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะประตูดังขึ้น

"ในที่สุดเขาก็มา คราวนี้ละ ตรูจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ให้ดู" ผมพูดกับตัวเองด้วยความสะใจ(งงกับความรู้สึกของตัวเองมาก ใจหนึ่งก็ดีใจที่เขามาหา แต่อีกใจก็โกรธเกลียดไม่อยากเห็นหน้า)

ผมค่อยๆเดินไปเปิดประตู (ทั้งที่ใจอยากจะรีบวิ่งไปเปิด ก็มันอยากเจอหน้า นี่พูดตามความจริงนะ) พอเปิดประตูออกมา สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที เพราะคนที่มาเคาะประตูคือ "บอล" ไม่ใช่เขาคนนั้น (ไม่อยากพูดถึงชื่อ)

"วันนี้ทำไมนายไม่ไปเรียน? เราเห็นรถนายจอดอยู่ที่ลานจอดรถตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นายเป็นอะไรหรือเปล่า?" บอลถามด้วยความเป็นห่วง

"เราไม่ค่อยสบาย" ผมตอบแบบผ่านๆ

"ตัวก็ไม่ร้อน ผิวพรรณนายก็สดใสดูไม่เหมือนคนเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัว ปวดฟัน หรือปวดท้อง คงไม่ใช่ อาการแบบนาย ดูเหมือนคนไม่สบายใจมากกว่า ทะเลาะกับแฟนมาละซิ?" บอลใช้หลังมือแตะตรงหน้าผากของผม พร้อมกับทำหน้าที่หมอวินิจฉัยโรค

ผมพยักหน้าอย่างเป็นอันเข้าใจ

"นึกแล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่ๆ ถึงว่าวันนั้น... " บอลหยุดพูดทันทีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ดูจากลักษณะท่าทางการพูดของพอเดาออกว่าบอลคงจะรู้จะเห็นอะไรมา

"วันนั้น... อะไรหรือ? นายไปรู้ไปเห็นอะไรมา บอกให้เราฟังบ้างซิ เผื่อว่ามันจะทำให้เราดีขึ้นนะ ถ้านายมัวแต่ปิดบังแบบนี้ มันอาจจะไม่ช่วยให้อะไรๆดีขึ้นมาก็ได้ ดีไม่ดี... มันอาจจะทำให้แย่ลงด้วยซ้ำ" ผมพยายามเค้นเอาความจากบอล

"เออ.. ความจริงมันใช่ธุระกงการอะไรของเราหรอกนะ ขอโทษด้วยที่เราไม่ได้บอกนายตั้งแต่แรก เพราะเรากลัวว่านายจะไม่สบายใจ และถ้ามันไม่เป็นจริงอย่างที่เราเห็นหรือเราคิด มันก็ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายด้วย แต่เพื่อความสบายใจของนายในตอนนี้ เราก็จะเล่าให้ฟัง.. เมื่ออาทิตย์ก่อน เราเห็นแฟนของนายนั่งกินข้าวกับยัยเจ๊กองฟาง สองต่อสอง อยู่ที่โรงอาหารคณะเรา" บอลบอกรายละเอียด

"ขอบใจมากนะ บอล " ผมแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ มันรู้เจ็บจี๊ดที่ตรงหน้าอกข้างซ้าย

ผมนั่งปรับทุกข์กับบอล จนรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างนิดหน่อย ในเวลาทุกข์ใจเช่นนี้ การที่มีใครซักคนคอยรับฟังเรื่องราวและปลอบใจ ให้กำลังใจ นับว่าเป็นยาแก้ปวดทางใจที่วิเศษสุดๆ ถึงแม้ว่าจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม

เวลาผ่านไปได้ อาทิตย์กว่าๆ อาการเจ็บปวดทางใจของผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาเยอะมาก กาลเวลาถือเป็นยาขนานเอกที่ช่วยสมานแผลใจได้ดีที่สุดจริงๆ

ส่วนป้องนับตั้งแต่เจอกันที่ร้านเย็นตาโฟ จนมาถึงเวลานี้ก็ยังคงหายหน้าหายตา ไม่ได้เจอหรือติดต่อกัน คนอะไรใจร้ายใจดำสุดๆ

ผมนั่งคุยกับบอลอยู่ในห้องของผม เราทั้งสองคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างสนุกสนาน

ก๊อก..... ก๊อก...... ก๊อก...... เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

"ใครมาว่ะ ดึกดื่นค่ำคืนขนาดนี้แล้ว ยังมาเคาะอยู่ได้ไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจกันบ้างเลย" ผมบ่นไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตู (ผมเดาว่าคงจะเป็นอีพี่บาสแน่ๆ เพราะตอนบ่าย พี่แกเปรยๆว่า จะมาขอยืมแล็กเชอร์วิชาประวัติศาสตร์ล้านนา ไปถ่ายเอกสาร แต่ก็ไม่น่าจะรีบร้อนอะไรขนาดนั้น กว่าจะสอบก็วันศุกร์หน้าโน่น)

พอเปิดประตูออกมา ผมถึงกับตกใจชนิดที่ว่า ใจเต้นระรัวและมือไม้สั่นไปหมด คนที่มาเคาะประตูไม่ใช่พี่บาส แต่เป็น เขาคนนั้น

"มาทำไม? มีธุระอะไร?" ผมถามป้องด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และสีหน้าที่ไร้อารมณ์ (แต่ในใจหาได้เป็นเช่นนั้นไม่)

"คิดถึง มีเรื่องจะคุยด้วย" ป้องพูดเสียงค่อยๆ สีหน้าของป้องนั้น เหมือนกับคนที่ทำผิดแล้วถูกจับได้

"เราไม่มีเรื่องจะคุยกับนาย กลับไปได้แล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป เรากับนายไม่มีอะไรที่จะต้องติดต่อพูดคุยกันอีก เราไม่รู้จักกันอีกต่อไป ที่ผ่านมาทั้งหมดถือซะว่า เรากับนายแค่เล่นสนุกด้วยกันเฉยๆไม่มีความผูกพันธ์ใดๆต่อกัน" ผมทำท่าหมางเมิน พร้อมกับดันมือไปปิดประตู

"เดี๋ยวก่อนซิ เราอยากจะคุยกับนายจริงๆ สำคัญและก็ซีเรียสมาก" ป้องพยายามดันประตูเพื่อเข้ามาในห้อง

"แต่เราไม่มีอะไรจะคุยกับนาย ขอเชิญกลับไปได้แล้ว" ผมพยายามไล่ป้องออกจากห้อง

"ที่ไล่เรากลับก็เพื่อจะเอาเวลาไปเย็ดกับไอ้แว่นนี่ใช่ไหม? คงไม่อยากให้เราขัดความเสียวละซิท่า" ป้องชี้นิ้วไปที่บอล พร้อมกับพูดประชดประชันใส่ผม

"อย่าเอาความประพฤติของตัวเอง มาเป็นบรรทัดฐานใช้วัดคนอื่น และอย่าคิดว่า คนอื่นเขาจะทำเหมือนตัวเองทำ" ผมเผลอใช้มือตบปากป้องไปอย่างลืมตัว จนป้องง้างมือจะมาตบผม แต่แล้วป้องก็ต้องหยุดการกระทำเอาไว้ เพราะสายตาของผมจ้องมองป้องอย่างแข็งกร้าวและท้าทาย จนป้องไม่กล้าทำอะไร

"ทำไมนายพูดหมาๆแบบนี้ว่ะ" บอลพูดต่อว่าป้อง

"กูจะพูด... มึงจะทำไม? ไอ้แว่น! ถ้ามึงแน่จริง มาตัวต่อกับกูที่ใต้ตึกไหม?" ป้องเดินเข้ามาหาเรื่องบอล โดยผลักอกบอล จนบอลถึงกับเซและเกือบตกเก้าอี้

"นี่มันหาเรื่องกันนี่หว่า ไอ้ห่า. เออ.. ได้เลยทุกเมื่อ" บอลเดินเข้ามาหาป้อง และกำหมัดทำท่าจะชก

ผมเห็นเหตุการณ์ชักแย่ลงไปทุกที ดังนั้นผมจึงเข้าไปห้ามบอลและกันบอลออกห่างจากป้อง

"เราว่านายกลับห้องไปก่อน ได้โปรดเถิด เราขอร้องนะ นะ" ผมอ้อนวอนให้บอลกลับไปที่ห้อง เพราะผมคิดว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุด

ระหว่างบอลกับป้องนั้น ดูเหมือนว่า บอลจะเป็นคนมีเหตุผลและเข้าใจอะไรง่ายกว่า ไม่ดื้้อด้านเหมือนป้อง ส่วนป้องนั้น ถ้าปล่อยให้อยู่กับผมตามลำพัง ผมพอจะรับมือได้ (ตอนนี้ป้องเหมือนหมาบ้า ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป ต้องปล่อยตามใจ)

"ก็ได้ นี่เราเห็นแก่นายนะ ดีเหมือนกัน ขืนอยู่ต่อมีหวังได้ชกหน้าใครบางคนแน่ๆ" บอลจ้องมองป้องอย่างโกรธเคือง และเดินออกจากห้องไปทันที

"ไม่แน่จริงนี่หว่า จะกลับไปกินนมละซิ" ป้องพูดถากถางทิ้งท้าย

หลังจากบอลออกไปจากห้องแล้ว ก็เหลือผมกับป้องตามลำพังสองคนเท่านั้น เวลานี้ใจผมเริ่มเต้นตุ้มๆต่อมๆ ชนิดที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความดีใจและตื่นเต้นที่ได้เจอป้อง กับความโกรธเคืองและความน้อยอกน้อยใจที่ป้องได้ทำกับผมอย่างเจ็บแสบ

"มีอะไรก็ว่ามา จะได้จบๆและรีบกลับไปซะที" ผมพูดขึ้นมา

"ขอโทษนายที่ได้ทำให้โกรธและเสียใจ แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงๆ เราไม่โทษใครทั้งสิ้น ทั้งหมดเป็นความผิดของเราเอง เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เรากับเพื่อนได้พนันกันเอาไว้ ใครจะจีบฟางติดก่อนกัน ถ้าแพ้จะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวและเหล้าที่กู๊ดวิว อีกอย่างเราก็สับสนไม่แน่ใจตัวเองว่า เราเป็นเกย์หรือไบเซ็กส์ชวล กันแน่ เราเลยรับคำท้าโดยที่ไม่คิดมากอะไร เพราะเราแน่ใจว่า ยังไงเราก็ไม่ชอบผู้หญิงแน่ๆ แต่พอได้ใกล้ชิดกับฟางแล้ว เรากลับค้นพบตัวเองว่า เราไม่ใช่เกย์ เราก็ชอบผู้หญิงเหมือนกัน พอฟางเริ่มมีใจให้เรา เรากลับสงสารเธอ ไม่อยากจะทิ้งเธอ" ป้องสาธยายความรู้สึกและเหตุผลส่วนตัว

"เรารู้สึกทุเรศ สมเพช และขยะแขยงนายจริงๆ พูดออกมาได้ว่า สงสารฟาง แล้วเราล่ะ? นายไม่สงสารเราบ้างเหรอ? เรามาก่อนยัยนั่น ทำไมนายไม่เห็นให้ความสำคัญอะไรเลย เราก็มีหัวใจนะ รักเป็น เจ็บเป็น เสียใจเป็น นายทำเหมือนกับว่า เราเป็นแค่วัตถุสิ่งของที่ใช้ระบายความใคร่ของนาย พอน้ำกามแตกแล้ว นายก็สะบัดหน้าเดินหนีไปเฉยๆ มาหลอกให้เรารักจนหัวปักหัวปำ พอเบื่อแล้วก็สลัดทิ้งอย่างเลือดเย็น" ผมตัดพ้อต่อว่าป้อง เวลานี้น้ำตาของผมเริ่มไหลออกจากตา ณ เวลานี้ผมไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป

"เรายังไม่ได้พูดซักหน่อยว่า เราจะทิ้งนาย เรากับนายก็ยังเป็นผัวเมียกันอยู่ เพียงแต่ว่า เราอาจจะแบ่งใจอีกส่วนและแบ่งเวลาเผื่อฟางบ้าง คือ เราขออนุญาตมีแฟนผู้หญิงนะ เรามีแฟน 2 คน แฟนผู้ชาย คือ นาย ส่วนแฟนผู้หญิง คือ ฟาง" ป้องพูดเชิงต่อรอง

ผมอยากจะแหกปากร้องตะโกนออกมาดังๆ หลังจากที่ได้ยินป้องพูดออกมา คนอะไรใจคอโลเล จับปลาสองมือ เหยียบเรือสองแคม รักพี่เสียดายน้อง อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน ผมเกลียดนักคนประเภทนี้

"ตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เคยเจอใครที่เห็นแก่ตัวเหมือนนาย เราไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร เรารับไม่ได้จริงๆ" (ตรูไม่ใช่ ดร. วิกันดา นะ ที่จะได้มานั่งปั้นหน้าเฉิ่ด-เริ่ด-หยิ่ง นั่งนิ่งเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น)

"นายจะเอาอะไรหนักหนา หัดเข้าใจอะไรง่ายๆบ้างซิ ดีแค่ไหนแล้วที่เราไม่ทิ้งนาย" ป้องพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย

"พูดออกมาได้ว่า จะไม่ทิ้งเรา ที่นายทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ทิ้งมันก็เหมือนทิ้ง แล้ววันที่เจอกันในร้านเย็นตาโฟ ล่ะ? นายบอกเราหน่อยซิว่า ทำไมนายถึงได้ทำหมางเมินไม่ทักทายพูดจากับเรา ทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกับเรามาก่อนอย่างนั้น และตั้งแต่วันนั้นมา เคยมีบ้างไหมที่นายจะมาหาเราที่นี่หรือไม่ก็โทรหาเรา? ข้าวใหม่ปลามัน คงจะมันส์มากละซิ ถึงปลีกตัวมาหาเราไม่ได้" เวลานี้ผมปล่อยโฮออกมาเต็มๆ น้ำตาไหลนองออกมาจากสองตา เลอะเต็มหน้า

ป้องนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไร ไม่ถึงวินาที ป้องเดินเข้ามากอดผม พร้อมกับพูดกระซิบข้างๆหูว่า "เราขอโทษนายนะ เรามันเลวจริงๆ"

ผมผละตัวออกจากป้อง พร้อมรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยปิดกระแทกประตูห้องน้ำเสียงดังลั่นและลงกลอนเสร็จสรรพ

ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนหมดก๊อก ครั้งนี้ผมจะร้องให้จนจุใจทีเดียว หลังจากนั้นผมจะไม่ยอมร้องให้เสียน้ำตาให้กับผู้ชายเฮงซวยคนนี้อีกต่อไป


...................................................


ปัง..... ปัง..... ปัง....... เสียงทุบประตูห้องน้ำดังขึ้น

"กันต์... นายเป็นอะไรหรือเปล่า? นี่นายเข้าไปในห้องน้ำนานมากเลย" ป้องร้องเสียงดังเหมือนจะเป็นห่วง

"อย่ามายุ่งกับเราได้ไหม นายออกจากห้องเราไปได้แล้ว จะไปไหนก็ไป" ผมตะโกนขึ้นมา

"ถ้านายทำธุระของนายในห้องน้ำเสร็จแล้ว ช่วยออกมาก่อนได้ไหม? เราอยากจะเข้าห้องน้ำ" ป้องตอบกลับ (ไอ้บ้าป้อง นึกว่าจะเป็นห่วงตรู ที่ไหนได้อยากจะใช้ห้องน้ำนี่เอง ตรูอุตส่าห์แอบดีใจ หลงนึกว่ายังแคร์ความรู้สึกของตรู ไอ้เลว)

ผมเดินปาดน้ำตาออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเดินไปล้มตัวนอนที่บนเตียง น้ำตาของผมยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง

ผ่านไปได้ซักพัก ป้องเดินออกจากห้องน้ำ และมานั่งข้างๆผม ป้องใช้มือลูบบริเวณขมับของผมลากยาวมาที่แก้ม

"นายจะโกรธจะเกลียดเรามากแค่ไหน เรายินดีรับเอาไว้ทั้งหมด แต่อยากให้นายรู้เอาไว้ว่า เรารักและห่วงหวงนาย เรามันเลวมากที่ทำกับนายในร้านเย็นตาโฟวันนั้น และก็หายหน้าปัดความรับผิดชอบไป ขอโทษนะ ที่เราสำนึกผิดช้าไปมาก" ป้องก้มลงจูบเบาๆที่แก้มของผม


ผมยังคงอยู่ในอาการสะอึกสะอื้นไม่พูดไม่จา (ตรูก็แอ็คติ้งซะ... นางเอ๊ก... นางเอก ดราม่าสุดๆ)

"คืนนี้เราจะนอนค้างกับนายที่นี่ เราเป็นห่วงไม่อยากปล่อยนายไว้คนเดียว" ป้องพูดขึ้นมา

"ไม่จำเป็น เราดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการความสงสารและเห็นใจจากใคร โดยเฉพาะคนสองจิตสองใจ มาหาเราแบบนี้ ยัยกองฟางกองฟืนสุดที่รักของนาย ไม่ว่าเอาหรือ? แล้วนายยังจะอยากมานอนค้างกับเราอีก แบบนี้หล่อนต้องมาอาละวาดแหกอกเราแน่ๆ โทษฐานที่ไปเบียดบังเวลาข้าวใหม่ปลามันของนายและหล่อน" ผมพูดกระแหนะกระแหน

"วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ฟางกลับบ้านที่ลำปาง กว่าจะกลับมาก็เช้าวันจันทร์" ป้องตอบอย่างซื่อๆ (พอฟังคำตอบที่หลุดออกมาจากปากไอ้บ้าป้องแล้ว ตรูอยากจะร้องกรี๊ดลั่นสนั่นตึก และอยากจะเอาหัวโขกกับขอบเตียงให้หายบ้ากันไปข้างหนึ่ง)

"ออกไปจากห้องเราเลยนะ เราไม่อยากเห็นหน้านายอีกต่อไป นี่ถ้ายัยกองฟางกองฟืนไม่กลับบ้าน นายคงไม่มาหาเราใช่ไหม?" ผมปาหมอนใส่ป้อง

ป้องนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไร (สงสัยตรูคงจะพูดแทงใจดำแน่ๆ) จากนั้นก็โน้มตัวลงนอนข้างๆผม

ผมกับป้องต่างก็นอนนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรกัน ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาคั่นกลางระหว่างเรา

"กันต์...... เราไม่รู้จะพูดอธิบายหรือแก้ตัวกับนายยังไงดี อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่ชื่อ ป้อง คนนี้ ยังรักนายและแคร์ความรู้สึกของนายอยู่ตลอดเวลา ต่อให้เรามีคนใหม่อีกไม่รู้กี่คนต่อกี่คน เราก็ยังไม่เคยรู้สึกผูกพันธ์แนบแน่นสนิทใจแบบที่รู้สึกกับนายมาก่อน" ป้องใช้แขนโอบกอดผมและลากตัวผมเข้ามาแนบชิดกับตัวของเขา

"แต่เราเกลียดคนสองจิตสองใจ เราอยากเป็นเพียงแค่คนเดียวในหัวใจเท่านั้น เราไม่อยากแบ่งแฟนกับใคร นายเข้าใจไหม? ถ้านายอยากจะให้เราแบ่งกันกินแบ่งกันใช้น้ำอสุจิของนายกับยัยกองฟืนนั่น เราขอเป็นฝ่ายไปอย่างสมศักดิ์ศรีดีกว่า เราจะไม่บังคับให้นายต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง" ผมพูดกึ่งๆยื่นคำขาด

ผมพยายามขัดขืนโดยการแกะมือของป้องออก แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ ป้องยิ่งกอดรัดผมแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องปล่อยเลยตามเลย (ซึ่งใจจริงแอบดีใจอยู่นิดๆ แต่การแสดงกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ตรูยอมรับว่าเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจเอามากๆ)

ป้องยื่นจมูกมาหายใจรดที่หลังใบหูของผม ลมหายใจอุ่นๆอ่อนๆจากจมูกของป้องทำให้ขนของผมลุกซู่ด้วยความเสียวซ่านนิดๆ

ป้องได้ทีเลยใช้ปลายจมูกสูดดมปนไซร้ตรงใต้ใบหูและลากยาวมาที่ซอกคอของผม ผมพยายามขัดขืนแต่ป้องกลับใช้แขนกอดรัดและล็อคตัวผมเอาไว้อย่างแน่นหนา

เวลานี้อารมณ์ของผมกระเจิดกระเจิงเพราะความเสียว จนลืมความถือเนื้อถือตัว เจ้าทิฐิไปชั่วขณะ ยิ่งเห็นผมนิ่งเงียบไม่ต่อสู้ขัดขืนใดๆ ยิ่งทำให้ป้องได้ใจใช้มือถอดเสื้อยืดของผมออก พร้อมกับก้มไปเลียและดูดหัวนมของผมอย่างเมามันส์ ส่วนผมนั้นก็นอนนิ่งเฉยไม่ทำอะไรทั้งสิ้น (ก็มันเสียวนี่ และขี้เกียจด้วย คราวนี้ตรูจะแกล้งให้ป้องต้องเป็นฝ่ายตีเองชงเองเล่นเองซะบ้าง แต่ไม่เสียวเอง เพราะเราทั้งสองเสียวด้วยกัน)

ปากของป้องดูดเลียหัวนมทั้งสองของผมอย่างเพลิน จากนั้นป้องก็ใช้มือทั้งสองข้าง ถลกกางเกงและกางเกงในของผม ทิ้งลงจากเตียง จนผมอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า

พอดูดหัวนมของผมจนหนำใจแล้ว ป้องก็ลากลิ้นจากหัวนมผ่านบริเวณหน้าอกของผม ลงมาที่ตรงสะดือ ป้องลากลิ้นเลียวนสะดือ ผมรู้สึกเสียวจนแท่งตอปิโดของผมแข็งโด่ตั้งตรงอย่างรวดเร็ว

ป้องใช้มือรูดแท่งตอปิโดของผม ขึ้นๆลงๆอย่างช้าๆ จากนั้นก็เร่งสปีดความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมครางออกมานิดๆด้วยความเสียว

ป้องลากปลายจมูกลงมาซอนไซร้ที่ขนหะมอยอันดกดำของผม จากนั้นก็อ้าปากอมแท่งตอปิโดของผมจนมิดลำ (นี่เป็นครั้งแรกที่ป้องถวายบัวให้ผม)

ป้องพยายามใช้ปากดูดและรูดแท่งตอปิโดของผมขึ้นๆลงๆ แต่ด้วยความที่ยังใหม่ต่อการถวายบัว เลยทำให้บางครั้งฟันของป้องไปกระทบกับหัวและลำโคนแท่งตอปิโดของผม แทนที่จะเสียวกลับกลายเป็นเจ็บนิดๆ

ผมพยายามถอดแท่งตอปิโดออกจากปากของป้องก่อนที่แท่งตอปิโดจะได้รับความเสียหายมากไปกว่านี้จากฟันของป้อง

เมื่อแท่งตอปิโดของผมออกจากปากของป้องแล้ว ป้องก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด

ป้องใช้มือรูดๆท่อนเอ็นของตัวเอง ให้แข็งสุดๆเพื่อจะได้ออกรบอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องถ่มน้ำลายใส่มือจนเปียกโชก จากนั้นก็ใช้มือที่เปียกน้ำลายทาถูตรงท่อนเอ็น และตรงบริเวณปากเข้าถ้ำแก้วของผม ก่อนที่จะปล่อยเจ้าท่อนเอ็นเข้าสู่ถ้าแก้วของผม ป้องสอดนิ้วชี้แยงๆเข้าไปในถ้ำแก้วเพื่อเป็นการเบิกทาง (ผมขี้เกียจและไม่มีอารมณ์ไปหยิบเจลหล่อลื่นที่ลิ้นชักตรงข้างหัวเตียง)

ป้องยกขาข้างขวาของผมขึ้นพาดบนบ่าของตัวเอง พร้อมกับจ่อท่อนเอ็นพร้อมทะลุทะลวงรูดากของผม ป้องเริ่มดันท่อนเอ็นเข้ารูดากของผมจนมิดลำ ผมรู้สึกเจ็บและแสบมากๆ เหมือนกับว่ารูดากของผมนั้นคับแน่นจนจะปริแตกออกมา (ที่รู้สึกแบบนั้น คงเป็นเพราะว่า ไม่ได้ใช้เจลหล่อลื่นซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อผิวหนังบริเวณนั้นมีความยืดหยุ่นผ่อนคลาย)

ป้องกระเด้าท่อนเอ็นเข้าๆออกๆภายในรูดากของผมอย่างเมามันส์และเร็วๆรัวๆจนไม่เป็นจังหวะ (ไม่รู้ว่าไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน)

ป้องครวญครางออกมาด้วยความเสียว ส่วนผมนั้นครวญครางออกมาด้วยความเจ็บแสบรูดาก ชนิดที่รู้สึกได้ว่า เลือดออกแน่ๆ

ซักพักป้องเร่งจังหวะเร็วจนชนิดที่ว่าเตียงสั่นโยกไปหมด จนในที่สุดน้ำเงี่ยนของป้องก็แตกคารูดากของผม เมื่อป้องถอดท่อนเอ็นออกแล้ว ก็มีน้ำอุ่นๆเหลวๆไหลเยิ้มออกมาจากภายในรูดากของผม เปรอะเปื้อนบนผ้าปูที่นอนของผมเต็มไปหมด ผมลองเอามือแตะๆดู ปรากฏว่าเป็นคราบเลือด

"นายเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าซีดเชียว เราขอโทษด้วยที่ทำให้นายเจ็บ" ป้องถามผมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ผ้าปูที่นอนใหม่อยู่ในตู้เสื้อผ้าตรงชั้นใต้สุด นายช่วยปูเตียงให้เราด้วยนะ" ผมดึงผ้าปูที่นอนออก พร้อมกับเดินไปเข้าห้องน้ำ

คืนนี้ผมนอนหลับในอ้อมแขนของป้องที่โอบกอดผมไว้ทั้งคืน ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมผมไม่ได้วีนหรืออาละวาดกับป้องอย่างสุดๆไปเลย เหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก

แต่ ณ เวลานี้ ความรู้สึกที่ผมมีให้กับป้อง ตลอดจนความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง มันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว (จากมุมมองและการตัดสินใจของผมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง ส่วนมุมมองของป้องนั้น ผมไม่รู้ว่าป้องคิดและตัดสินใจอย่างไร)


........................ เช้าวันรุ่งขึ้น ...................

ผมลืมตาตื่นขึ้นมา หันไปดูข้างๆไม่เห็นป้อง พอชะโงกหน้าออกมาดูตรงโต๊ะทีวี ปรากฏว่า ป้องยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงห้อง

"ตื่นแล้วเหรอ แล้วตูดนายเป็นอย่างไรบ้าง ค่อยยังชั่วขึ้นมาหรือยัง หรือว่ายังเจ็บอยู่? เลือดไม่ออกแล้วใช่ไหม?" ป้องพูดทักทายผม (ช่างเป็นคำพูดทักทายในยามเช้าที่แปลกพิลึกหูทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้)

"บ้า....... พูดเรื่องอะไร ก็ใครนั้นแหละที่เป็นคนทำ ยังมีหน้ามาถามอีก" ผมทำหน้าเคืองๆใส่ฝ่ายตรงข้าม

"นายรีบไปอาบน้ำก่อนละกัน เดี๋ยวเราค่อยอาบทีหลัง พออาบเสร็จจะได้ออกไปกินข้าวกัน นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว ตอนแรกเราว่าจะพานายไปกินข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง แต่เห็นสภาพตูดนาย เราเปลี่ยนใจขอพอนายไปกินก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรที่อ่อนๆไม่รสจัดจนเกินไป เวลานายเข้าห้องน้ำจะได้ไม่ปวดแสบปวดร้อนมาก" ป้องแซวผมอย่างอารมณ์ดี

"ที่นายพูดนี่ใช้ปากหรืออะไรพูด? ไม่ตลกเลยนะ อย่าคิดว่าพอทำให้เรายิ้มได้หัวเราะได้ แล้วเราจะลืมคดีความที่นายได้ทำเอาไว้กับเราอย่างสาสม" ผมแกล้งทำหน้าโกรธๆงอนๆใส่ป้อง (แต่ในใจยังแอบยิ้มนิดๆ ตรูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เขาทำให้เจ็บใจขนาดนั้น และล่าสุดเมื่อคืนที่แล้ว ยังทำให้เจ็บจนประตูหลังเกือบพัง ตรูก็ยังโกรธไม่ลง หรือโกรธได้ไม่เต็ม 100% อีก)

ในขณะที่ผมกำลังเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวนั้น......

กริ๊ง.... กริ๊ง..... กริ๊ง ..... เสียงโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้นมา ผมเดินไปรับสาย

"ฮัลโหล นั่นใครพูดครับ?" ผมเอ่ยถามเสียงจากปลายสาย

"ไอ้กันต์... นี่กูเอง พัฒน์.... หายไปเลยนะมึง ไม่โทรหากูบ้างเลย กูอุตส่าห์คิดถึงมึงตลอดเวลา ถ้ากูไม่โทรมาหา มึงคงลืมกูเลยละซิ" ไอ้พัฒน์ทักทายผมด้วยการบ่นตามสไตล์ของมัน

"กูก็คิดถึงมึง ไอ้พัฒน์... ขอโทษด้วยที่กูหายหน้าหายตาไม่ได้ติดต่อกับมึง โกรธกูไหมนิ?" ผมแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้ใครบางคนได้ยิน (คราวนี้ถึงทีตรูบ้าง จะได้พิสูจน์ใจใครบางคนว่า จะแคร์ จะหึงหวง ตรูไหม?)

"ใครจะโกรธมึงได้ลงคอ แค่กูรู้ว่ามึงคิดถึงกูๆก็ดีใจแล้ว กูอยากเย็ดมึงมากๆเลยรู้ไหม?" ไอ้พัฒน์หยอดคำหวานพร้อมกับแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนออกมา

"ไอ้บ้า.. พูดได้ไม่อายปากเลยนะมึง แล้วมึงรู้เบอร์โทรที่คอนโดกูได้ยังไง?" ผมถามอย่างสงสัย

"มึงเคยให้เบอร์โทรบ้านมึงที่เชียงของไว้ พอกูโทรไป แม่มึงรับสายพอดี กูเลยได้เบอร์ของมึงมา"

"ตอนนี้มึงอยู่ที่ปัตตานีหรือว่ากลับบ้านมึงที่หาดใหญ่?"

"กูอยู่บ้านที่หาดใหญ่ มึงก็รู้ว่า วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ กูเคยอยู่ในมอที่ไหน เงียบวังเวงมาก สู้กลับหาดใหญ่ไปดูแสงสีเสียงจะดีกว่า ที่กูโทรมาหามึง กูมีข่าวดีจะบอก อีกประมาณ 2 อาทิตย์ กูจะขึ้นมาหามึงที่เชียงใหม่ และจะอยู่เที่ยวซักอาทิตย์กว่าๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงปีใหม่พอดี กูเลยโดดเรียนนานๆได้" ไอ้พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจ

"จริงหรือ? มึงต้องขึ้นมาจริงๆนะ อย่าโกหกเด็ดขาด ถ้ามึงโกหก กูโกรธจริงๆด้วย มึงมาพักกับกูได้เลย กูจะพามึงร่อนทั่วเชียงใหม่ และพามึงไปเที่ยวบ้านกูที่เชียงของ" ผมแกล้งพูดเน้นย้ำดังๆตรงประโยคเกี่ยวกับ เชียงของและแม่น้ำโขง เพราะใครบางคนเคยบอกให้ผมพาไปเที่ยว พอผมจะพาไป กลับบอกไม่ว่างอ้างติดโน่นนี่สารพัด (ตอนที่เขากำลังตามจีบกองฟางใหม่ๆ)

ป้องหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยและครุ่นคิด

"ได้เลย ขอบใจว่ะ รับรองกูไม่พลาดแน่นอน อีกอย่าง มึงอย่าลืมเตรียมก้นขาวๆอวบๆเด้งๆของมึงเอาไว้เผื่อเจี๊ยวของกูด้วยนะ" ไอ้พัฒน์พูดจาทะลึ่งทะเล้น

พอผมคุยโทรศัพท์กับไอ้พัฒน์เสร็จเรียบร้อย และกำลังจะวางสาย...


ก๊อก.... ก๊อก... ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ป้องรีบเดินไปเปิดประตู

"นึกว่าใคร ที่แท้.. คุณแว่นนี่เอง ผมว่าคุณมาช้าไปนิดหนึ่ง ไม่ทันอีกคนที่โทรศัพท์มาปาดหน้าคุณไปแล้ว" ป้องพูดจาเล่นลิ้นกับบอล พร้อมกับหัวเราะอย่างสาแก่ใจ

"นายพูดอะไรของนาย ไม่เข้าใจ และไม่อยากถือสาคนอย่างนายด้วย หลีกไป... เรามาหากันต์" บอลผลักประตูมาโดนป้อง และรีบเดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

"มีอะไรเหรอบอล? เมื่อคืนนอนหลับสบายดีนะ?" ผมทักทายบอล

บอลพยักหน้า และพูดต่อไปว่า "เราจะมาเอาม้วนเกมส์และม้วนวีดีโอไปส่งคืนที่ร้าน วันนี้ครบกำหนดส่งพอดี แล้วนายละ รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?"

ผมยิ้มให้บอล

"ได้ของแล้ว ก็รีบไปซิว่ะ จะมายืนเกะกะขวางหูขวางตาอยู่ทำไม? หรือว่าอยากจะมีเรื่องต่อจากเมื่อคืน พี่พร้อมทุกเมื่อเลยนะไอ้น้อง นี่คงจะไปกินนมอิ่มมาแล้วซิ ถึงได้กล้ามาท้าทายถึงที่นี่" ป้องเริ่มทำตัวกร่างๆ

บอลรีบเดินออกจากห้องไป โดยที่ไม่พูดจากับผมเลยซักคำ จากสีหน้าท่าทางของบอล ผมพอจะดูออกว่า บอลต้องโกรธหรือน้อยใจอะไรผมซักเรื่อง

"เดินออกห้องไปเฉยเลย คงจะมาเห็นภาพตำตาว่า ผัวเมียยังดีกันอยู่ ถึงขั้นรับไม่ได้เชียว" ป้องพูดเยอะเย้ยบอลทิ้งท้าย

ผมส่ายหัวและจ้องมองป้องด้วยความเบื่อหน่าย

"เมื่อกี้ใครโทรมาหรือ? ชู้รักคนที่เท่าไหร่? จู๋และตูดเลื่อมทองจริงๆ ถึงได้มีคนมาติดพันธุ์อยากจะสมสู่มากขนาดนี้ เห็นได้ยินว่าจะพากันไปเที่ยวบ้านด้วย ทีกับเราละก็ ไม่เห็นจะพาไปเลย" ป้องชักจะทำตัวกวนบาทาต่อเนื่องเข้าไปทุกที

"ก่อนที่นายจะพูดอะไร หรือพูดถึงใครนะ นายหัดดูตัวเองบ้างซิ พูดออกมาได้ว่า เราไม่อยากจะพานายไปเที่ยวที่บ้านเรา เราเคยชวนนายตั้งหลายครั้งแล้ว ทั้งชวนทั้งขอร้องอ้อนวอนจนแทบจะกราบงามๆตรงที่เท้าของนาย แต่นายก็อ้างว่าไม่ว่าง ติดทำรายงานอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง ที่แท้ก็เอาเวลาไปพรอดรักกับยัยกองฟาง" ผมตอกกลับจนฝ่ายตรงข้ามถึงกับเถียงไม่ออก

ป้องยังคงอยู่กับผมและนอนค้างกับผมอีกคืนหนึ่ง พอกองฟางกลับมาจากบ้าน ผมก็ไม่ได้เจอป้องอีกเลย เขาหายหน้าหายตาไป ไม่มีแม้แต่จะโทรมาคุย

สำหรับผมแล้ว พอเวลาผ่านไป ความรู้สึกพิเศษที่เคยมีให้แก่ป้อง นับวันมันก็ยิ่งลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ส่วนจิตใจก็ค่อยๆกลับคืนมาเหมือนเดิม

ส่วนบอลนั้น ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะหลบหน้าหลบตาผม โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร? เวลาเจอกันโดยบังเอิญที่ใต้คอนโด ก็พูดทักทายกันแบบ ถามคำตอบคำ เหมือนกับคนที่รู้จักแบบผิวเผิน

ก๊อก...... ก๊อก...... ก๊อก.......
ผมยืนเคาะประตูหน้าห้องบอล ผมอยากจะรู้ว่า เพราะอะไรบอลถึงทำหมางเมินไม่พูดไม่จากับผม ไม่มาคุยกับผมที่ห้องเหมือนเมื่อก่อน ?

"นายนั่นเอง มีอะไร? วันนี้มาหาเราถึงที่ห้อง ร้อยวันพันปีนายไม่เคยมาหาเราที่ห้องเลย" บอลพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา (มันก็ถูกของบอลนะ เพราะตั้งแต่คบกันมา ผมมาหาบอลที่ห้องยังไม่ถึง 5 ครั้ง ส่วนใหญ่บอลเป็นฝ่ายมาหาผมที่ห้องมากกว่า ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ผมรู้สึกเขินอายและยึดติดกับความคิดบ้าๆว่า กลัวบอลเข้าใจผิดหาว่า ผมมาอ่อยถึงที่)

"เราอยากจะคุยกับนาย ช่วงนี้ไม่เห็นนายมาเล่นที่ห้องเราเลย พอเจอกันนายก็ทำท่าทางเหมือนไม่อยากคุยกับเรา เราขอเข้าไปคุยกับนายในห้องได้ไหม?" ผมยืนคุยกับบอลอยู่ที่ประตูห้อง

บอลไม่พูดไม่จา โดยทำทีพยักหน้าเชิญผมเข้ามาในห้อง

"ทำไมช่วงนี้นายถึงไม่อยากพูดกับเรา เวลาเจอเราก็พยายามหลบหน้าตลอด เราทำให้อะไรให้นายโกรธหรือไม่พอใจ?" ผมพยายามถามคาดคั้นเอาความจากบอล

บอลยังคงนิ่งเงียบทำท่าทางไม่สนใจในสิ่งที่ผมถาม

"นายไม่ได้ยินที่เราถามเหรอ? บอกเรามาซิ เราทำอะไรไม่ถูกใจนาย นายถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้" ผมพยายามคาดคั้นคำตอบจากบอล

บอลส่งสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น มาให้ผมแทนคำตอบ

ผมเริ่มจะหัวเสียนิดๆกับกริยาที่บอลทำใส่ผม ผมจึงเดินไปหาบอลที่ยืนพิงประตูหลังห้องตรงระเบียง (ผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงประตูหน้าห้อง) ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปหาบอลนั้น เท้าของผมได้เดินเตะกล่องลังกระดาษใบเล็กๆที่อยู่บนพื้นห้องใกล้กับโต๊ะอ่านหนังสือของบอล โดยอุบัติเหตุ ทำให้ลังกระดาษใบนั้นคว่ำและหนังสือที่อยู่ข้างในกระจัดกระจายออกมากองกับพื้น

เมื่อเห็นหนังสือทั้งหมดที่อยู่ข้างในกล่อง ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือยอดนิยมชาวสีม่วง(ในยุคนั้น)เช่น นีออน มรกต วีคเอ็นด์แมน ฮีท เมล มิถุนา และห้องห้าเหลี่ยม

คิดไม่ถึงจริงๆว่า บอลจะมีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกับผม แต่ไม่แสดงอาการออกมาให้จับผิดได้เลยแม้แต่น้อย (ถ้าสมัยนี้คงเรียกว่า "แอ๊บได้เนียนมาก")

สีหน้าของบอลในตอนนี้ถึงกับเหวอ ไม่กล้าสู้หน้าผม แถมยังเดินออกมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องเหมือนกับจะเป็นการสงบสติอารมณ์หรือตั้งหลัก

"ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะเตะจนทำให้ลังกระดาษล้มลงจริงๆ เรากำลังจะเดินเข้ามานาย เพื่อถามให้เคลียร์ว่า ทำไม? เพราะอะไร? แต่มันดันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อน" ผมพยายามพูดให้บอลเข้าใจ

บอลยังคงไม่ยอมพูดกับผม

"นายไม่ต้องกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องหนังสือในกล่องนั้นนะ เพื่อความสบายใจของนาย เราจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่รับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ใดๆทั้งสิ้น" ผมพยายามพูดและเอามือลูบลงบนแผ่นหลังของบอล เพื่อให้บอลสบายใจ

"เราไม่ว่าอะไรทั้งสิ้นถ้านายยังโกรธเราอยู่ หรือไม่ยอมให้อภัยเรา แต่เราขออะไรนายอย่างหนึ่งได้ไหม? เราอยากรู้ว่า ทำไมนายถึงโกรธและทำท่าทางไม่พอใจเรา? เราอยากรู้แค่นี้เท่านั้นเอง พอได้คำตอบแล้ว เราจะรีบออกไปจากห้องนายให้เร็วที่สุด และจะไม่โผล่หน้ามาสร้างความรำคาญให้นายอีกต่อไป" ผมพูดขอร้องบอล

"ไอ้บ้าเอ่ย!!! แค่นี้นายยังดูไม่ออกอีกหรือว่าทำไมเราถึงได้แสดงออกแบบนี้กับนาย? นายแกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ?" บอลกัดฟันพูดกับผมอย่างกล้าๆกลัวๆ

"นายหมายถึงอะไร? เราไม่เข้าใจที่นายพูดเลยนะ" ผมทำหน้ามึนงง

"จะเข้าใจหรือไม่ก็แล้วแต่นาย เราถือว่าเราได้บอกเหตุผลที่นายอยากรู้ให้นายฟังแล้ว ถ้าไม่มีอะไรขอเชิญนายออกจากห้องเราไปได้" บอลพูดเสียงแข็ง แต่เท่าที่ดูจากสีหน้าและท่าทางแล้ว มันช่างแตกต่างจากน้ำเสียงอย่างสิ้นเชิง

พอบอลพูดจบ ผมชักจะเริ่มมองเกมส์ออกแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาของทั้งสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียหรือจะต้องอาย อีกต่อไป ดังนั้นผมจึงค่อนข้างจะแน่ใจมั่นใจที่จะพูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่สงวนท่าที

"นายชอบเราใช่หรือเปล่า?"

บอลใช้สายตาตอบคำถามแทนคำพูด พร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง ผมเดินตามบอลเข้ามาอย่างกระชั้นชิด

"ครั้งแรกที่เราเจอนาย หน้าตาท่าทางรวมทั้งความเป็นตัวของนายเองสะดุดตาและสะดุดใจเรามาก แต่สิ่งที่เป็นช่องว่าง เป็นกำแพงขวางกั้นไม่ให้เราใกล้ชิด ศึกษานิสัยใจคอและความรู้สึกนึกคิดของนายได้คือ เราหลงคิดว่า นายไม่ได้มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันเหมือนกับเรา ดังนั้นเราเลยไม่ได้ให้ความสนใจนายมากไปเกินกว่าคำว่า เพื่อน" ผมใช้มือลูบไหล่บอลเบาๆ

บอลมองหน้าผมด้วยสายตาที่ลดความแข็งกร้าวลงอย่างสิ้นเชิง

"เราว่า.... เรากลับก่อนจะดีกว่า เผื่อว่านายอยากอยู่คนเดียว" ผมไม่รู้จะวางตัวอย่างไรและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้

"นายนี่ช่างเป็นคนที่ใจร้ายใจดำจริงๆนะ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้างเลย" บอลตัดพ้อต่อว่าผม

"นายพูดอะไรของนาย? ตกลงนายอยากจะให้เราอยู่เป็นเพื่อนนายในห้อง หรือนายอยากจะให้เราไสหัวออกจากห้องไป? จะเอาอะไรก็เอาให้มันแน่ซักอย่างหนึ่งได้ไหม มัวแต่อ้ำอึ้งไม่พูดไม่จา ใช้สายตาแทนคำพูดแบบนี้ ใครมันจะไปเดาใจได้ถูกว่า นายต้องการอะไรกันแน่ แค่เปิดปากพูดออกมานี่มันลำบากยากเย็นมากนักใช่ไหม?" ผมเริ่มจะหัวเสียขึ้นมาอย่างลืมตัว (งอนเหมือนผู้หญิงจริงๆ บอลเอ๋ย... )

"ออกไปจากห้องเราได้แล้ว เราไม่อยากเห็นหน้านาย ไอ้บ้า" บอลชี้มือไปที่ประตูห้อง

"เราต้องขอโทษด้วยที่เผลอตัวขึ้นเสียงกับนาย เราไม่ได้มีตั้งใจจะทำแบบนั้นเลย คือมันลืมตัว ถ้านายต้องการอย่างนั้น เราก็จะออกไปจากห้องเพื่อความสบายใจของนาย"

ผมกำลังจะหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตูห้อง ปัง.... ปัง... เสียงตบโต๊ะดังขึ้นมาทันทีทันใด

บอลตบโต๊ะด้วยฝ่ามืออย่างสุดแรงเกิด ผมรีบเดินเข้าไปห้าม

"หยุดได้แล้ว! เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก" ผมใช้มือทั้งสองข้างจับตัวบอลไว้อย่างแน่น

สายตาของผมกับบอลจ้องประสานกันอย่างลึกซึ้ง เวลานี้คงมีแค่ภาษากายกับภาษาใจเท่านั้นที่สามารถสื่อสารถึงกันได้มากกว่า

ผมคว้าตัวของบอลเข้ามาโอบกอด ซึ่งตัวของบอลเองนั้นก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

เราทั้งสองกอดกันได้ซักพัก จากนั้นผมค่อยๆขยับปลายจมูกมาหอมที่แก้มของบอล และลากยาวมาไซร้ตรงซอกคอของบอล

บอลหลับตาเคลิ้มอย่างสบายตัว ผมใช้ริมฝีปากจูบประกบลงบนริมฝีปากของบอล เราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันด้วยความเสน่หา
ผมจัดการถอดเสื้อผ้าของบอลออกจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ผิวของบอลขาวใสมาก หัวนมทั้งสองข้างก็อมชมพูน่าดูดเลียซะเหลือเกิน บริเวณใต้สะดือก็น่ากินใช่ย่อย ตรงหัวหน่าวมีสาหร่ายเส้นดำยาวขึ้นหลอมแหลมพลอมแพลม ดูไม่รกเกะกะจนเกินไป ส่วนอวัยวะเพศนั้นเหยียบตรงเป็นลำสวยงามไม่อวบอ้วนจนเกินไปและก็ไม่ยาวมากจนน่าเกลียด ตรงหัวกระดอเปิดเป็นสีชมพูเข้มนิดๆ

ผมใช้ปากดูดเลียและขบกัดหัวนมของบอลเล่นอย่างเบาๆ โดยที่มือทั้งสองข้างนั้น จับคลำเครื่องเพศของบอลเล่นสนุกมือ มือขวาของผมสาวว่าวให้บอล และมือซ้ายก็ลูบกะโปก เล่นกับลูกชิ้นเอ็นทั้งสองลูก ยิ่งจับเครื่องเพศของบอลก็ยิ่งแข็งตัวเป็นจนลำเต็มไม้เต็มมือผม

"บอล... เราขอเอาตูดนายได้ไหม?" ผมกระซิบถามบอล

"เออ.. เรากลัว นี่เป็นครั้งแรกของเรา เราไม่เคยให้ใครเอามาก่อน" บอลพูดอย่างลังเล

"ไม่เป็นไร ถ้างั้น.. นายอยากจะเอาตูดเราไหม?" ผมถามแบบมีทางเลือกให้กับบอล

"เออ... เราเอาไม่เป็น ไม่เคยเอาใครมาก่อน นายเป็นคนแรกที่เปิดบริสุทธิ์เรา นายช่วยสอนเราหน่อยซิว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง?" บอลพูดอย่างตรงไปตรงมา (แจ๊คพ๊อตจริงๆเลยตรู ได้เป็นคนแรกที่เปิดซิงบอล)

"คราวหน้าเราจะสอนให้อย่างเต็มที่ รับรองอีกหน่อยนายต้องเป็นมืออาชีพแน่ คราวนี้เราขอชักว่าวให้นายและขอดูดจู๋นายให้หายอยากก่อนนะ" พอพูดจบ ผมจัดการอ้าปากครอบกระดอของบอลจนมิดลำ พร้อมกับใช้ริมฝีปากรูดกระดอของบอลขึ้นๆลงๆเป็นจังหวะจะโคน จนบอลหลับตาพริ้มด้วยความเสียว

ไม่ถึง 3 นาที บอลเริ่มครางเสียงดังขึ้น จนผมรู้สึกว่า ในปากของผมมีน้ำอุ่นๆหนืดๆคาวๆพ่นใส่เต็มปาก (แตกเร็วจริงๆพ่อคุณ แบบนี้เขาเรียกว่า "ล่มปากอ่าว" หรือเปล่า)

คราวนี้ก็มาถึงของผมบ้าง ผมไม่รอช้า รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด เพื่อให้บอลสามารถรีดน้ำเงี่ยนออกจากแท่งตอปิโดของผมได้อย่างเต็มที่

"โอ้โห...... จู๋นายโคตรใหญ่จัง แบบนี้เราจะดูดได้ไหม? กลัวปากฉีกจังเลย" บอลแสดงอาการตื่นเต้นเมื่อเห็นแท่งตอปิโดที่แข็งโด่ของผม

บอลใช้ลิ้นเลียรอบๆหัวแท่งตอปิโดของผมที่ถอกออกมาจากปลายหนังหุ้ม จากนั้นก็ใช้มือสาวว่าวให้ผมอย่างเมามันส์ จนผมกลั้นความเสียวเอาไว้ไม่อยู่ ฉีดน้ำอสุจิใส่หน้าของบอลอย่างเต็มสตรีม

เมื่อเสร็จกามกิจแล้ว เราทั้งสองก็นอนกอดกันบนเตียง และพูดคุยเปิดความในใจต่อกันและกัน

"ที่เราทำอาการแบบนั้นใส่นาย เพราะ เราน้อยใจที่นายไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกที่เรามีให้นายเลย นายน่าจะดูออกนะว่า ที่ผ่านมาเราคิดยังไงกับนาย เราเข้าใจนะว่า ตอนนั้นนายยังเป็นแฟนกับป้องอยู่ แต่หลังจากที่นายเลิกกับเขาแล้ว นายน่าจะหันมามองคนที่ห่วงใยและแคร์นายบ้าง อีกอย่างคือ เรื่องของป้อง เราไม่ชอบใจที่นายเป็นคนโลเลไม่หนักแน่น ไม่เด็ดขาด" นั่นเป็นเหตุผลจากปากของบอล ที่ผมอยากได้ยินแต่แรก

.................................................................


~ ณ สถานีรถไฟเชียงใหม่ ~

ผมยืนรอขบวนรถไฟที่กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ท่านผู้อ่านที่ได้ติดตามอ่านทุกตอนมาตลอดคงจะพอเดาออกนะครับว่า ผมมารอรับใคร? สำหรับท่านผู้อ่านที่ไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้านั้น คงเดาไม่ออกแน่ๆ ไม่เป็นไรครับ ถ้าเดาไม่ออก เดี๋ยวผมจะเฉลยให้

ในระหว่างที่ยืนรอรับใครบางคนที่สถานีรถไฟ ผมขอเล่าเรื่องราวอัพเดทชีวิตประจำวันของผมตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา (หลังจากได้เปิดซิงบอลแล้ว)

เรื่องระหว่างผมกับบอล หลังจากบอลได้เปิดอกพูดถึงความในใจและความรู้สึกที่มีต่อผมแล้ว ทำให้ผมเข้าใจบอลมากขึ้น และบอลก็เข้าใจผมเช่นกัน ส่วนเรื่องสถานะภาพความสัมพันธ์ เราทั้งสองต่างก็ตกลงและยินดีที่จะคงความสัมพันธ์เป็นแค่ "เพื่อน" ที่ดีต่อกันเท่านั้น (แต่มีข้อตกลงร่วมกันว่า ถ้าใครเกิดมีอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมา อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องสนองให้ทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น หรือเรียกง่ายตามศัพท์ภาษาฝรั่งที่กำลังฮิตอยู่ปัจจุบันนี้ว่า " friend with benefit" )
เพราะว่า ผมอยากจะพักใจซักพักหนึ่ง หลังกรำศึกหนักจากเรื่องของป้อง ผมยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดหัวใจตัวเองไว้กับใคร สำหรับบอลนั้น ก็ยังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่ประสีประสาในเรื่องความรักมาก่อน

สรุปแล้วคงต้องให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน


มายืนรอรับใครบางคนที่สถานีรถไฟแบบนี้ บอลไม่ว่าหรือน้อยใจ?
คำตอบคือ เมื่อคืนที่แล้ว บอลเพิ่งกลับกรุงเทพฯเพื่อไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว (อีก 3 วันจะถึงวันปีใหม่แล้ว) จะกลับก็ต้นอาทิตย์หน้า (เวลาช่างอำนวยประจวบเหมาะซะเหลือเกิน สับรางรถไฟได้ดีมาก) และอีกอย่างผมกับบอลไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมจะไปไหน มาไหน หรือทำอะไรกับใคร ก็ไม่ผิดใช่ไหม? (แต่ไม่บอกบอล หรือปล่อยให้บอลไม่รู้ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมยังไม่เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของบอลมากพอ ดูเหมือนบอลจะเป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มากๆ ถึงมากที่สุด)


เมื่อขบวนรถไฟเข้าจอดเทียบสถานีปลายทาง และบรรดาผู้โดยสารต่างทยอยเดินออกจากตู้รถไฟ

"ไอ้กันต์... ไม่ได้เจอตั้งนาน มึงสบายดีนะ ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลย" ไอ้พัฒน์กล่าวทักทายผม

"กูสบายดี มึงก็ยังหล่อ เท่ห์และกวนตีนเหมือนเดิม" ผมช่วยไอ้พัฒน์ถือกระเป๋าเดินทาง

"ถ้าไม่กวนตีนก็ไม่ใช่กูซิวะ โอ้โห.... ตูดมึงยังแน่นเด้งดึ๋งเหมือนเดิมเลย" ไอ้พัฒน์เอามือมาตบก้นผม

"ทะลึ่งนะมึง อายคนเขาบ้างซิ คนออกจะเต็มสถานี ยังเล่นพิเรนแบบนี้อีก" ผมดุไอ้พัฒน์ด้วยสีหน้าที่ยิ้มๆ

"แค่นี้ก็ต้องดุด้วย กูอุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยเดินทางรอนแรม เพื่อมาเย็ด โอ๊ย.... ไม่ใช่!!! เพื่อมาเยี่ยมมึงที่นี่ น่าจะพูดกับกูหวานๆหน่อย" ไอ้พัฒน์แกล้งงอนใส่ผม

"พูดหวานๆก็ได้ขอครับ คุณพัฒน์... กระผมขอเชิญคุณพัฒน์ไปขึ้นรถทางนี้นะขอรับ" ผมพูดประชดประชัน

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...