วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"เรื่องเล่าคาวน้ำกาม" 7

กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"ฮัลโหล" ผมรับสาย ด้วยน้ำเสียงที่สะลึมสะลือเพราะเพิ่งตื่นนอน

"เมื่อคืนโทรไปทำไมไม่รับสาย?" เสียงขอป้องถามขึ้นมาอย่างสงสัย

"พาน้องรหัสไปเลี้ยง จากนั้นไปต่อที่จีจี้ โทรมาหาแต่เช้าเลยนะ คิดถึงเราหรือ?" ผมพูดอย่างอารมณ์ขัน (หายง่วงเลยตรู ต้องพยายามทำใจดีสู้เสือเอาไว้นะ)

"เช้าอะไร? นี่มันปาเข้าไปจะเที่ยงกว่าแล้ว คงจะกลับมาสว่างคาตาละซิ ถึงได้ตื่นเอาป่านนี้?" ป้องพูดน้ำเสียงเหน็บแนม (ผมมองดูนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง แอบตกใจเล็กน้อย ปล่อยไก่ไปหลายเล้าเลยตรูงานนี้)

"กลับมาตี 1 เอง เมื่อคืนปวดหัวเลยกินยาแก้ปวดเข้าไป เลยตื่นสายแบบนี้ ถามแบบนี้แสดงว่าหึงละซิ?" ผมพูดจาเล่นลิ้นฝ่ายตรงข้าม

"ไม่ได้หึง แต่ หวง หวงมากๆด้วย" ป้องพูดชนิดแอบซึ้งนิดๆ

"ปากหวานแบบนี้ อยากได้อะไรเป็นรางวัลดีละ?" ผมหยอกฝ่ายตรงข้าม

"รางวัลไม่อยากได้หรอก แต่อยากทำหน้าที่ผัวที่ดีมากกว่า" ป้องเล่นมุขกลับ

"บ้า... แล้วจะมากี่โมง? จะได้เตรียมตัวอาบน้ำประแป้งพรมน้ำหอมรอ แล้วจะมากินข้าวเย็นด้วยกันไหม?"

"กำลังจะถามนายอยู่พอดีเลย เรามาหานายตอนบ่าย 3 โมง ได้ไหม? เราจะพานายไปดูหนังด้วยกันก่อน จากนั้นค่อยไปกินข้าวเย็น" ป้องบอกรายละเอียด

"ได้เลย งั้นเราจะรอนะ แล้วเจอกัน" ผมตกปากรับคำ พร้อมกับวางสาย

"แฟนโทรมาหรือครับ?" น้องก้องเอ่ยถาม

"อ้าว... ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อกี้ยังเห็นหลับปุ๋ยอยู่เลย" ผมแอบสะดุ้งเล็กน้อย

"นานพอที่จะได้ยินพี่กันต์คุยจ๊ะจ๋ากับแฟนทางโทรศัพท์" น้องก้องแซวผม

" ไม่ใช่เรื่องของเราน่า เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม? เห็นกรนซะเสียงดังลั่นเลย" ผมพยายามพูดเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"นอนหลับสบายดี ที่นอนพี่กันต์นุ่มน่านอนมาก คราวหน้าคงต้องขออนุญาตมานอนค้างบ่อยๆแล้ว ได้ไหมครับ? " น้องก้องทำหน้าเป็นใส่ผม

"ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเรา กับรุ่นพี่นี่ยังเล่นไม่เลิก" ผมหยอกน้องก้อง โดยพยายามที่จะไม่พูดเรื่องที่โดนน้องก้องลักหลับ (เพราะเขินอายและก็ทำตัวไม่ถูกด้วย อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นเหตุผลที่เคยได้บอกไปในตอนที่แล้ว) ส่วนน้องก้องก็เก็บงำเรื่องราวได้เนียนมาก เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น (ตรูละนับถือในความเป็นมืออาชีพจริงๆ)

"เราตื่นก็ดีแล้ว รีบไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำให้เรียบร้อยซะ เดี๋ยวพี่จะพาไปกินข้าวเที่ยง และก็จะพาไปส่งที่หอด้วย" ผมบอกน้องก้องให้เตรียมตัว

"โห... พอแฟนจะมาหา รีบผลักไสไล่ส่งน้องเลยนะ ผมยังไงก็ได้ครับ แม้พี่กันต์จะมีแฟนแล้วก็ตาม ถ้าว่างๆอยากจะมาเล่นอะไรสนุกๆเสียวๆกับผมอีก บอกมาได้เลยนะครับ สำหรับพี่กันต์ผมยินดีเสมอ ผมชอบอะไรที่ไม่ผูกมัดมีข้อแม้ให้มันยุ่งยากเสียเวลา ชอบแบบน้ำแตกแล้วทางใครทางมัน" น้องก้องประกาศเจตนารมที่แน่วแน่

"ต่อปากต่อคำเก่งจริงๆนะเรา รีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเลยไป ก่อนที่พี่จะเปลี่ยนใจให้เราเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวพี่"


......................................................................

ก๊อก.... ก๊อก..... ก๊อก...... เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

ผมเดินไปเปิดประตูอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่บอกก็คงรู้ว่าใครมาเคาะประตู เมื่อเปิดประตูออกมา แค่เห็นใบหน้าของป้องก็ทำให้วันทั้งวันของผมนั้นสดชื่นสดใสขึ้นมาอย่างทันที

"แต่งตัวซะหล่อเชียว ไม่ได้เจอแค่วันเดียว นายดูหล่อขึ้นเป็นกอง" ผมเอาแขนทั้งสองข้างพาดลงไหล่ทั้งสองของป้อง พร้อมกับส่งสายตาพิศวาส (ตรูทำไมอ้อล้อได้น่าตบอย่างนี้)

"นายก็เหมือนกัน ยิ่งดูยิ่งหล่อ ยิ่งมองนานๆ ค_ยเราเริ่มแข็งขึ้นมาทันที อยากจะทำหน้าที่ผัวที่ดีแล้วซิ" ป้องใช้มือตบเบาๆที่ก้นของผม พร้อมกับยื่นเป้ากางเกงมาสีๆตรงเป้ากางเกงของผม

"ไอ้บ้า... เพิ่งจะเจอหน้ากัน ทักทายยังไม่ทันขาดคำ อยากจะเอาแล้วเหรอ เงี่ยนได้ตลอดเวลาจริงๆนะ" ผมพูดกระแหนะกระแหนป้อง

"มันเงี่ยนนี่… เงี่ยนก็ต้องเอาน้ำออก ถูกไหม? ถ้านายไม่อยากให้เราทำหน้าที่ผัวที่ดี ก็ไม่เป็นไร เราไม่ชอบบังคับใคร เดี๋ยวเราขอตัวไปชักว่าวในห้องน้ำก่อนนะ" ป้องทำท่างอนใส่ผม

"ใจน้อยจริงๆนะนาย หัวก็ไม่ได้ล้านซะหน่อย ทำเป็นใจน้อยไปได้ เรายังไม่ได้พูดอะไรเลย มานี่... " ผมดึงแขนป้องไว้ พร้อมกับโอบกอดป้อง

"คิดถึงนายมากเลย นี่ขนาดไม่ได้เจอหน้านายแค่หนึ่งวัน เรายังเป็นเอามากขนาดนี้" ผมใช้ริมฝีปากจูบประกบปากของป้อง เราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม

ผมเอื้อมมือลงไปปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของป้องออกทีละเม็ดๆ (ป้องใส่กางเกงยีนส์แบบที่ใช้กระดุมแทนซิปส์) จากนั้นผมก้มลงไปสูดดมกลิ่นสาบเสน่หาของความเป็นชาย ที่นอกกางเกงในตัวจิ๋วของป้อง ผมใช้ปลายจมูกลากไปทั่วบริเวณเป้านอกกางเกง จนท่อนเอ็นของป้องแข็งโด่ได้ที่ โผล่หัวที่เปิดบานเป็นดอกเห็ดออกมาทักทาย

ผมแลบลิ้นไปเลียที่ส่วนหัวของท่อนเอ็น ที่มีน้ำเยิ้มๆซึมออกมาจากรู่ท่อขนาดเล็ก

ป้องหลับตาพริ้ม พร้อมกับครางออกมาด้วยความเสียว

ผมจัดการถลกกางเกงในและกางเกงยีนส์ของป้องลงไปกองที่ข้อเท้า

ผมถวายบัวให้ป้องอย่างไม่รอช้า ส่วนป้องนั้นก็ส่ายสะโพกโยกกระเด้าเอาท่อนเอ็นเข้าๆออกๆปากผม โดยใช้มือจิกเส้นผมของผมเพื่อควบคุมบังคับให้เป็นจังหวะจะโคน

ปากของผมอมๆดูดๆท่อนเอ็นของป้อง โดยที่มือทั้งสองข้างไม่ได้ปล่อยไว้ให้ว่างเปล่าแต่อย่างใด มือขวาลูบๆขยำๆเส้นหะมอยอันดกดำหยิกหยองของป้อง และมือซ้ายก็เล่นปูไต่ตรงบริเวณกะโปก

"นายดูดได้เซียนโคตรๆ เราใกล้จะแตกแล้ว" ป้องเริ่มใช้มือจิกเส้นผมของผมอย่างแน่นขึ้น พร้อมกับกระเด้าท่อนแข็งเข้าๆออกๆปากผม อย่างระรัวถี่ขึ้นเรื่อยๆ

"อู๊ย... อู๊ย... แตกแล้ว " ป้องครางออกมา โดยพ่นน้ำกำหนัดเข้าปากผมอย่างเต็มๆ ส่วนผมนั้น ทั้งกลืน ทั้งดูด ทั้งเลีย น้ำเงี่ยนของป้องอย่างเมามันส์

ใจจริงแล้วผมอยากจะร่วมเพศกับป้อง หรือเรียกตามประสาชาวบ้านว่า ให้ป้องเอาอย่างเป็นรูปแบบเต็มๆ แต่เนื่องด้วยเวลาที่จำกัด (เพราะเราทั้งสองแพลนกันว่า จะออกไปดูหนังและก็กินข้าวเย็นข้างนอก) ถ้าขืนมัวเอากันอย่างเป็นการเป็นงาน รับรองไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกแน่ๆ

ดังนั้นผมจึงแค่ทำ oral sex เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อน พอกลับมาจากข้างนอก ก็ค่อยร่วมประเวณีอย่างครบเครื่่องเต็มรูปแบบ


----- ณ ห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว --------

พอซื้อตั๋วหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่รอรอบหนังฉายเป็นเวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง ผมกับป้องจึงพากันไปเดินเล่นดูของตามร้านต่างๆ

ป้องพาผมไปดูร้านขายหนังสือญี่ปุ่นและสินค้าต่างๆที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น ป้องมาที่ร้านนี้เป็นประจำเพื่อมาซื้อการ์ตูนญี่ปุ่น หรือไม่ก็หนังสือจำพวกนิตยสารของญี่ปุ่น (ป้องชอบการ์ตูนญี่ปุ่นมาก ส่วนหนังสือนิตยสารญี่ปุ่นนั้น ป้องซื้อมาดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะป้องเรียนทางด้านศิลปะ)

ขณะที่ผมกำลังดูนิตยสาร โดยมีป้องยืนเลือกการ์ตูนอยู่ชั้นหนังสือฝั่งตรงข้าม....

"โชคดีจัง เจอกันบังเอิญที่นี่อีก" เสือเข้ามาสะกิดที่ไหล่ของผม

"นึกว่าใคร เสือ นั่นเอง เมื่อคืนกลับกี่โมง?" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ เพราะตกใจที่เจอเสือโดยบังเอิญที่นี่ (จริงๆแล้ว กลัวป้องจะมาเจอและเข้าใจผิด)

"ตี 2 กว่าๆ นี่... กันต์มาคนเดียวหรือว่ามากับใคร?" เสือถามผม พร้อมกับเหลียวซ้ายแลขวา (เวลานี้ป้องก็กำลังเดินเข้ามาทางผมและเสือ ตรูจะทำอย่างไรดีนี่?)

"เราไม่ได้มาคนเดียว แล้วเสือมากับใคร?" ผมพยายามตอบแบบเผินๆ (ป้องเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผมและเสือ โดยป้องทำทีเป็นว่า กำลังมองหาหนังสือ)

"มากับเพื่อน นั่งกินไอติมอยู่ที่สเวนเซ่นส์ เราเดินไปเข้าห้องน้ำ บังเอิญผ่านมาทางนี้ เลยมาเจอกับนายเข้า เราต้องรีบไปก่อน ดันมาเข้าห้องน้ำตอนที่เพื่อนๆเรียกเก็บเงินด้วยซิ เดี๋ยวจะหาว่าเราเบี้ยวไม่ยอมจ่ายตังส์อีก ยังไงคงจะได้เจอกันโดยบังเอิญอีกนะ ไม่ที่ไหนก็ซักที่ หรือไม่ก็มาหามาคุยกับเราที่หอชาย 2ห้อง 222 ก็ได้นะ จำง่ายออก" เสือพูดทิ้งทวนปนเชิญชวน ก่อนที่จะเดินออกไปจากร้าน

"โอ้โห... มีการบอกที่อยู่และเบอร์ห้องให้เสร็จสรรพเลยนะ เมียเรานี่เป็นที่ต้องการของตลาดจริงๆ แบบนี้เราควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่?" ป้องพูดประชดประชัน

"บ้า... คิดอะไรแต่ละอย่างนี่ ไม่พ้นเรื่องใต้สะดือเลยนะ ที่พูดแบบนี้ หึง เราใช่ไหม?" ผมแกล้งงอนพร้อมทั้งเชิดใส่ฝ่ายตรงข้าม นิดๆ

"ถ้าไม่หึงก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ทำไมไม่บอกไปละว่า มากับผัว ไอ้คนนั้นก็เหลือเกิน เล่นเดินเข้ามาหาเมียชาวบ้านแบบไม่เกรงใจเลย ผัวเขายืนหัวโด่อยู่ทั้งคน แล้วไปเจอกันที่ไหนอย่างไร? ได้เสียกันหรือยังละ?" ป้องพูดทีเล่นทีจริง (ซึ่งผมดูไม่ค่อยออกว่า พูดเล่นติดตลก หรือพูดจริง)

"นายคิดได้แค่นี้เองเหรอ? พูดแบบนี้ นายไม่ให้เกียรติเราเลยนะ นอกจากจะไม่ให้เกียรติแล้ว นายไม่เชื่อใจเราอีกด้วย เราเพิ่งเจอเขาเมื่อคืนนี้ ตอนที่ไปจีจี้กับน้องรหัส คุยกันได้ไม่ถึง 10 นาทีเลย อีกอย่างน้องรหัสเราเมา เราเลยต้องคอยแบกไปส่งที่หอ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และสีหน้าที่เคร่งเครียด

"ทำไมต้องทำหน้าจริงจัง ซีเรียสด้วย เราแค่จิกกัดนายเล่นๆเอง ขอโทษนะที่อาจจะเล่นแรงไปหน่อย เราเชื่อใจนายและเชื่อที่นายเล่าให้เราฟังทุกอย่าง อย่าโกรธผัวเลยนะ เมียจ๋า" ป้องจับมือผมพร้อมกับค่อยบรรจลูบอย่างเบาๆ (ได้ยินแบบนี้แล้ว ผมค่อยโล่งใจสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังแอบงอนอยู่นิดๆ)

"บ้า... เล่นอะไรก็ไม่รู้ คราวหน้าเวลาจะพูดอะไรลงไป หัดนึกถึงหัวอกคนฟังบ้าง ถ้านายอยากให้เราหายโกรธละก็ ช่วยทำหน้าที่ผัวที่ดีด้วย เลี้ยงข้าวเย็นเรานะ เราอยากกินเอ็มเคสุกี้มาก จะสั่งมาให้เต็มโต๊ะชนิดที่เจ้ามือกระเป๋าฉีกเลย คอยดูเถอะ" ผมพูดด้วยสีหน้าที่เขินอายปนติดตลกนิดๆ

"ครับ... ผมจะเลี้ยงข้าวเย็น จากนั้นเลี้ยงของหวานคือ ไอติมแท่งหัวแดง ยิ่งดูดยิ่งมีครีมสีขาวข้นหวานมันราดที่หัว ตบท้ายด้วยถั่วดำสูตรประตูหลังระบม รับรองว่าต้องรักผัวคนนี้ไปอีกนาน" ป้องพูดอย่างทะลึ่งทะเล้น

ยิ่งอยู่ใกล้ นับวัน.... ผมก็ชักจะเริ่มหลงรักผู้ชายที่ชื่อ "ป้อง" มากขึ้นทุกทีๆแล้วซิ (ทำอย่างไรดี? ตรูยังไม่เคยรู้สึกกับใครมากเป็นพิเศษแบบนี้มาก่อน ทั้งโดนใจทั้งได้ใจไปเต็มๆ)

เวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับป้อง นับวันยิ่งไปกันได้ดีมากๆ เราทั้งสองได้เลื่อนสถานะภาพความสัมพันธ์จาก "คู่ขา" มาเป็น "คู่รัก"
ผมยังจำได้ดีเกี่ยวกับวันที่ป้องสารภาพความในใจกับผมและอยากจะเปลี่ยนสถานะภาพความสัมพันธ์

วันนั้นเป็นคืนวันลอยกระทง ผมกับป้องไปลอยกระทงด้วยกันที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ตรงบริเวณใกล้ๆกับสะพานนวรัฐ หลังจากที่อธิฐานและลอยกระทงเสร็จแล้ว เราทั้งสองก็นั่งชมพระจันทร์อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ

ป้องจับมือขวาของผมขึ้นมา พร้อมกับใช้มือของตัวเองลูบไล้ตรงฝ่ามือของผมให้อยู่ในลักษณะแบมือ จากนั้นป้องได้ใช้นิ้วชี้เขียนลากวนเป็นรูปหัวใจใส่ที่ฝ่ามือของผม พร้อมกับใช้มือของตัวเองห่อมือของผมให้อยู่ในลักษณะกำมือ

"หัวใจของเราอยู่ในกำมือของนายแล้ว นายต้องดูแลรักษาทะนุถนอมให้ดี อย่าทิ้งขว้างหรือทำให้หัวใจดวงนี้บอบช้ำเป็นอันขาด" ป้องจูบลงบนแก้มของผม (ตอนนี้ตรูรู้สึกเขินมากๆ จนทำอะไรไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึก feeling in love แบบนี้)

"หัวใจของเราก็อยู่ในกำมือนายเหมือนกันนะ ขอให้นายดูแลรักษาและอย่าทำร้ายให้หัวใจนี้ต้องเจ็บช้ำเป็นอันขาด" ผมทำแบบเดียวกับที่ป้องได้ทำกับผม

คืนวันนั้นผมมีความสุขมากๆ เพราะเป็นคืนที่ผมมีคนให้รักและในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ถูกรักด้วย คราวนี้ผมสามารถเรียกใครคนหนึ่งว่า "แฟน" ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ โดยที่ไม่เคอะเขินแต่อย่างใด

...................................................................

ผมกับป้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันทุกๆวันสุดสัปดาห์ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันจันทร์-พฤหัส นั้น เป็นช่วงเวลาส่วนตัวของแต่ละฝ่ายที่จะจัดการหรือทำภาระกิจหน้าที่ของตนเองให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปก่อน

ตลอดช่วงประมาณเกือบๆ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมไม่ได้มีโอกาสเจอป้องเลย เพราะว่าป้องติดกิจกรรมของคณะ ต้องซ้อมการแสดง "ลูกทุ่งวิจิตร" ซึ่งเป็นงานประเพณีของคณะวิจิตรฯที่โด่งดังเป็นที่รู้จักมากมาย (ชนิดที่ดังข้ามมหาลัยเลยทีเดียว) รูปแบบของงานจะคล้ายๆกับงานมหกรรมคอนเสิร์ตลูกทุ่งที่ยิ่งใหญ่ มีการแสดงโชว์ที่อลังค์การดาวล้านดวงและมีการเล่นตลกคั่นหน้าม่าน

ยิ่งใกล้ช่วงวันที่จะเปิดแสดงแล้ว ต้องซ้อมอย่างหนักชนิดที่แทบจะปลีกเวลาไปไหนได้เลย (ลืมบอกไปว่า ป้องได้เป็นนักร้อง ร้องเพลงบนเวที ซึ่งจะร้องเพลงอะไรนั้น ผมพยายามคะยั้นคะยอถามป้องแล้ว แต่ป้องไม่ยอมบอก ป้องบอกแต่ว่า "อยากรู้ก็ต้องไปดูเอาเอง")

......................................................

"เพิ่งเรียนเสร็จเหรอ?" บอลเจอกับผมโดยบังเอิญที่ใต้คอนโด

"เออ.... แล้วนายละ?" ผมถามบอล

"เหมือนกัน โคตรเซ็งเป็นบ้าเลยวิชานี้ กว่าจะหมดชั่วโมงได้ นั่งรากงอกพอดี เย็นนี้นายอยู่ห้องไหม? ว่าจะขอเข้าไปเล่นเกมส์ซักหน่อยได้ไหม?" บอลขออนุญาตผม (ก่อนหน้านี้ บอลเคยมานั่งคุยและนั่งเล่นวีโดเกมส์ที่ห้องผมประมาณ 2-3ครั้ง)

"ได้เลย ยังไงนายก็เคาะประตูเรียกละกัน" ผมเดินแยกขึ้นบันไดไป ส่วนบอลนั้น ยืนดื่มน้ำอัดลมอยู่ที่ร้านมินิมาร์ทใต้คอนโด

เมื่อเดินมาถึงประตูห้อง ผมเห็นถุงกระดาษขนาดย่อมแขวนห้อยอยู่ที่ลูกบิดประตู ผมเปิดดูปรากฏว่าเป็น บัตรเข้าชมงานลูกทุ่งวิจิตร 2 ใบ พร้อมกับสูจิบัตรบอกกำหนดการต่างๆอย่างคร่าวๆ

"ต้องไปดูให้ได้นะ ถ้าไม่ไปโกรธจริงๆด้วย ป้อง.. " ป้องทิ้งโน๊ตสั้นๆไว้ข้างใน

ผมถือถุงกระดาษไว้แน่น พร้อมกับยืนยิ้มอยู่คนเดียว


ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ผมเดินไปประตู..........

"นายยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือ? นี่กะจะใส่ชุดนักศึกษาทั้งวันทั้งคืนหรือยังไง? รักสถาบันจริงๆนะ" ผมแซวบอล

"ขี้เกียจว่ะ อีกอย่างถ้าขืนเปลี่ยนชุดบ่อยๆ มีหวังจ่ายค่าซักรีดอานแน่ๆ นี่นายจะไปไหน? เรามาขัดจังหวะนายหรือเปล่า?" บอลจ้องมองไปที่มือของผม ซึ่งกำลังถือกระเป๋าสตางค์และกุญแจห้อง

"นายมาก็ดีแล้ว อยู่เฝ้าห้องให้เราแป๊บหนึ่ง เราจะได้ไม่ต้องถือกุญแจไป กางเกงเรายิ่งกระเป๋าตื้นอยู่ด้วย แค่ถือกระเป๋าตังส์อย่างเดียวก็เต็มมือแล้ว คือ เราจะเดินไปซื้อขนมและของกินที่ถนนปากทาง หิวสุดๆ นายจะเอาอะไรไหม?"

"อะไรก็ได้ซื้อมาเถอะ เรากินได้หมด"

"งั้นอยู่เฝ้าห้องนะ เดี๋ยวเรามา ม้วนเกมส์ ม้วนวีดีโอ ทั้งหมดอยู่ในลิ้นชักใต้โต๊ะวางทีวี นายรู้ใช่ไหม? ยังไงก็เปิดหาเอาเองละกัน อยู่แถวๆนั้น" ผมเดินออกจากห้อง

หลังจากซื้อของกินต่างๆเรียบร้อยแล้ว ผมกลับมาที่ห้อง พอเข้ามาในห้อง ผมตกใจจนแทบช็อค เมื่อมองเห็นหนังสือเกย์และม้วนวีดีโอเอ็กซ์เกย์ ที่ผมซื้อและเช่ามาดู วางอยู่บนพื้นข้างโต๊ะวางทีวี

ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน (ที่อายเพราะยังไม่รู้ว่า บอลเป็นผู้ชายแท้ๆหรือมีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกับผม เวลาอยู่ต่อหน้าบอล ผมมักจะเก๊กแมนใส่ตลอด) จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นความสะเพร่าเผลอเรอของผมเอง ที่ไม่รู้จักเก็บของพวกนั้นให้มิดชิดเป็นที่เป็นทาง

"นายคงจะรู้เห็นอะไรแล้วซินะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนคนประหม่า เวลานี้ผมไม่กล้าสู้หน้าบอลมากๆ

"ทำไมนายต้องซีเรียสขนาดนั้นด้วย มันไม่ใช่เป็นเรื่องร้ายแรงหรือเรื่องใหญ่หลวงอะไรเลย นายไม่ต้องกลัวนะว่า ถ้าเราเห็นหนังสือและวีดีโอเทปพวกนั้นแล้ว เราจะเลิกคบนายหรือรังเกียจนาย เราไม่ได้ตัดสินคนจากตรงนี้ ที่เราคบนายก็เพราะนายเป็นคนที่มีจิตใจดีและจริงใจ เรายังจำครั้งแรกที่เจอนายได้ รถมอเตอร์ไซด์เราล้มคว่ำ นายยังมีน้ำใจมาช่วยพยุงรถ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และพูดตักเตือนให้เราได้คิด" บอลยิ้มให้กำลังใจผม

"ขอบใจมากนะ บอล... แล้วนายได้เปิดอ่าน เปิดดู บ้างหรือยัง? ถ้าสนใจเราให้ยืมไปอ่าน ไปดู ที่ห้องนะ" ผมยิ้ม พร้อมกับพูดแซวฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้บรรยายากาศกลับมาเหมือนเดิม

"ถ้าเรายืมไปหมดนี่ แล้วนายจะเอาที่ไหนดู ตอนที่อารมณ์เปลี่ยวละ?" บอลแซวย้อนกลับ

"อืม.... " ผมมองบอลอย่างรู้ทัน

"อาทิตย์หน้านายว่างไหม?" ผมถามขึ้นมา

"ว่าง มีอะไรเหรอ?" บอลมองหน้าผมอย่างสงสัย

"จะชวนไปดู ลูกทุ่งวิจิตร ด้วยกัน ได้บัตรฟรีมา 2 ใบ ไปหรือเปล่า?"

"ไปซิ ว่าแต่... แฟนให้บัตรมาหรือ? เมื่อตอนสายๆเราเห็นไอ้หนุ่มผมยาวเอาถุงอะไรซักอย่างมาแขวนไว้ตรงประตูหน้าห้องนาย เขาพยายามเคาะห้องนายตั้งหลายครั้ง สงสัยตอนนั้นนายคงจะไปเรียน ไอ้หนุ่มผมยาวคนนั้น แฟนนายใช่ไหม? เราเห็นเขามาหานายที่ห้องตั้งหลายครั้ง และยังเห็นนายเดินไปไหนมาไหนกับเขาอยู่บ่อยๆ" บอลถามผมอย่างตรงไปตรงมา

ผมตอบโดยการพยักหน้า เพราะเขินจนพูดไม่ออก และไม่ชินปากด้วย

"พูดแค่นี้ ทำเป็นเขินไปได้ นายช่างเข้าใจหาแฟนนะ แบบว่าหาแฟนได้เหมาะกับนายมากๆ นายเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลา แถมแฟนนายก็หน้าตาเท่ห์ๆเซอร์ๆ สมกันมากๆคู่นี้" บอลพูดยอผม

ผมได้แต่ยิ้มๆๆๆๆๆๆ และก็ยิ้ม (มันเขินนี่ จะพูดจะบอกอะไรก็กลัวโดนแซว แค่นี้ก็หน้าแดง แก้มแดง มากพอแล้ว)

ใจจริงแล้ว ผมอยากจะชวนนพไปดูลูกทุ่งวิจิตรกับผม เพราะนพเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผม เวลาที่พวกเราไปงานแบบนี้กัน ก็มักจะชอบใช้สายตาเป็นเรด้าสอดส่องหาเป้าหมายที่เป็นหนุ่มหล่อๆ จากนั้นก็มาให้คะแนนความหล่อ หรือไม่ก็นินทาเม้ามอยเรื่องชาวบ้านต่างๆนานา

แต่ในตอนนี้ นพเป็นแฟนกับพี่ต่อ แน่นอน ถ้านพไป พี่ต่อก็ต้องพ่วงท้ายไปด้วย (สองคนนี้ตัวติดกันมากๆ ยิ่งกว่าปาท่องโก๋อีก) รู้ๆกันอยู่ว่า ผมกับพี่ต่อไม่กินเส้นกัน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่โรงอาหารคณะ

เพราะฉะนั้นชวนบอลไปดูลูกทุ่งวิจิตรกับผม จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
---------- ภายในงาน "ลูกทุ่งวิจิตร" -----------


"คนเยอะจริงๆ" บอลกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณงาน

ส่วนผมนั่งถือพวงมาลัยรอคล้องคอให้นักร้องรูปหล่อคนหนึ่ง ผมอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็งทำพวงมาลัยตลอดวัน พวงมาลัยมาลัยที่ว่านี้ ทำด้วยลูกอมมายมิ้นท์และขนมปักกิ่ง โดยมีโรตีสายไหมใส่ในถุงพลาสติกใสเล็กๆ พันระโยงระยางรอบพวงมาลัย (ขนมหวานดังกล่าว ป้องชอบกินมากๆ)

ผ่านไปได้ซัก 3-4 เพลง ในที่สุด นักร้องรูปหล่อที่ผมรอคอยก็ออกมาปรากฏโฉม ในเพลงลูกทุ่งที่ความหมายอาจจะถูกใจบรรดาแม่ยกหลายต่อหลายคน แต่สำหรับผมนั้น ......... (เออ ไม่ขอออกความเห็น) ............

"หัวใจผมว่างจะมีใครบ้างจับจอง เปิดโอกาสให้คุณครอบครองมาจับมาจองหัวใจผมได้ รับรองไม่เสียนายหน้าแป๊ะเจี๊ยแต่อย่างใด ให้คุณผู้หญิงมาจองไว้ ส่วนคุณผู้ชายผมห้ามจอง ......................................... " เพลงนี้ชื่อเพลง "หัวใจผมว่าง"

ป้องร้องเพลงนี้ได้ไพเราะเพราะพริ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งน้ำเสียงและลูกคอ

ใครจะไปคิดว่า ป้องผู้ที่ชื่นชอบหลงใหล ร้องเป็นแต่บทเพลงนูโว และ อัสนี-วสันต์ จะสามารถทำเซอร์ไพร์สซ์ร้องเพลงลูกทุ่งได้อย่างมีเสน่ห์มากๆ

"แฟนนายนี่ เท่ห์สุดๆ ยังไม่รีบออกไปคล้องพวงมาลัย เดี๋ยวก็มีคนมาคล้องตัดหน้าหรอก ไหนนายบอกว่าจะต้องออกไปคล้องเป็นคนแรกไง" บอลเน้นย้ำผม

"เออ... ใช่.... เกือบลืมไป เดี๋ยวมานะ" ผมรีบเดินออกไปหน้าเวทีอย่างรวดเร็ว

คืนนี้ป้องดูหล่อมีสง่าราศีมากๆ เป็นความหล่อที่ดูพิเศษแตกต่างออกไปจากความหล่อที่เห็นอยู่ทุกวัน

ป้องก้มโน้มตัวลงรับพวงมาลัยจากผม แววตาของเราทั้งสองจ้องประสานกันอย่างดื่มด่ำชื่นฉ่ำจับใจ ถ้าไม่ติดตรงที่คนดูเยอะมากขนาดนี้ ผมอยากจะหอมที่แก้มของป้องหลายๆฟอดให้หายคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์ๆ

เมื่อคล้องพวงมาลัยเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ผมหันหลังจะเดินกลับมายังที่นั่งของตนนั้น ผมเห็นชะนีนางหนึ่ง แต่งตัวตามสมัยนิยม(ในขณะนั้น) แถมยังเปียผมทั้งสองข้างยังกับพจมานเดินเข้าบ้านทรายทอง ในมือของน้องนีถือตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่ที่มีรูปหัวใจสีแดงดวงใหญ่ติดตรงที่อก

น้องนีเดินอย่างมาดมั่นมุ่งตรงเข้าไปที่ตัวนักร้อง ชนิดที่ว่า ฉัน สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง & คัน พร้อมกับส่งตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้กับป้อง ทำเอาคนในงานทั้งปรบมือและส่งเสียงแซวอย่างเซ็งแซ่ไปทั้งงาน (แย่งซีนตรูสุดๆ ทำเอาพวงมาลัยตรูกลายเป็นสิ่งของที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ ไปในพริบตา ยอมไม่ได้แบบนี้มันหยามกันชัดๆ ถ้าไม่ติดที่คนเยอะๆแบบนี้ ตรูจะเดินเข้าไปถอนสายบัวตรงหน้า พร้อมกับบอกอย่างสุภาพชนว่า "คนนี้ของฉัน")

"ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้น ใครทำให้ไม่สบอารมณ์หรือ?" บอลหยอกเอินผม ด้วยน้ำเสียงที่ขำขัน

"นายก็รู้นี่น่า ไม่น่าถาม" ผมตอบอย่างเซ็งๆ

"มีแฟนหล่อก็ย่อมเป็นที่หมายปองของใครต่อใคร ทางที่ดีที่สุดคือ ทำใจ" บอลยังคงหยอกเอินผม

ผมพอจะทราบจากปากของคนรู้จักหลายคนในงานว่า ชะนีมั่นที่ให้ตุ๊กตาหมีกับป้องนั้น ชื่อ "กองฟาง" (ขนาดชื่อยังอ้อล้อได้เพียงนี้) เรียนอยู่คณะบริหารฯ ปี 2 (รุ่นพี่คณะของบอล)

หลังจากงานคืนนั้นแล้ว ผมยังไม่มีโอกาสได้เจอป้อง เพราะว่าป้องต้องทำโปรเจคชิ้นใหญ่ส่งอาจารย์เพื่อเก็บคะแนนกลางภาค ขนาดผมโทรไปหาที่หอ เจอแต่เข่งกับหยอง ซึ่งเป็นแชร์ห้องอยู่กับป้อง (เข่งกับหยอง ต่างก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับป้องเป็นอย่างดี)

ดังนั้นผมจึงฝากข้อความผ่านทั้งสองคนไปถึงป้อง (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็มือถือ หรือไม่ก็อุปกรณ์ช่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น BB, FB หรือไม่ก็ Line ) เพราะป้องไม่ค่อยจะอยู่หอเท่าไหร่

ผมลองโทรไปอีกทีตอนสี่ทุ่มกว่าๆ..

"ฮัลโหล" เสียงจากปลายสายพูดขึ้น

"ป้อง... นี่เรานะ ไม่ได้เจอกันหลายอาทิตย์แล้ว เราคิดถึงนายมาก" ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้คุยกับป้อง

"เราก็คิดถึงนายเหมือนกัน ไม่ได้ทำหน้าที่ผัวที่ดีมานาน" ป้องพูดอย่างขำๆ

"คิดถึงก็มาหาซิ นี่ยังไม่ดึกมากนะ" ผมออดอ้อน (คันจริงๆเลยตรู)

"เราทำรายงานอีกวิชา ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วยสิ ตอนนี้ยังไม่เสร็จเลย"

"พรุ่งนี้นายว่าง? เราอยากจะไปกินข้าวเที่ยงหรือไม่ก็ข้าวเย็นกับนาย แล้วแต่นายจะว่างเวลาไหนก็ตาม นะ นะ นะ" ผมยังคงออดอ้อนป้อง

"พรุ่งนี้เหรอ? เราต้องไปวาดรูปกับอาจารย์และเพื่อนๆที่ลำพูน กว่าจะกลับก็ค่ำๆ ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ แทบจะหาเวลามาทำหน้าที่ผัวที่ดี ไม่ได้เลย เข้าใจผัวหน่อยนะ เมียจ๋า ขอเป็นอาทิตย์หน้าได้ไหม?" ป้องอ้อนขอความเห็นใจ

"ก็ได้ อาทิตย์หน้าจริงๆนะ ห้ามเลื่อนเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ยอมจริงๆด้วย แล้วอย่าลืมทำหน้าที่ผัวที่ดีด้วยนะ" ผมแสดงอาการงอนอย่างพองาม

...............................................................

ตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น

ผมกำลังนั่งกินเย็นตาโฟอยู่ที่ร้านสุดโปรดของป้อง สาเหตุที่ผมเลือกมากินร้านนี้เหตุผลแรก คือ เวลานั่งกินที่ร้านนี้ทีไร รู้สึกเหมือนกับว่าได้อยู่ใกล้ๆป้องยังไงก็ไม่รู้ และเหตุผลที่สอง คือ วันนี้รู้สึกอยากกินเย็นตาโฟอย่างบอกไม่ถูก (ปรกติผมไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวแบบน้ำๆเท่าไหร่ ผมชอบกินประเภทก๋วยเตี๋ยวผัดหรือก๋วยเตี๋ยวแห้งมากกว่า)

โต๊ะที่ผมนั่ง หันหน้าออกทางหน้าร้านทำให้เห็นบริเวณถนนและผู้คนเดินเข้าๆออกๆร้าน เมื่อเย็นตาโฟที่ผมสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ด้วยความหิว ผมรีบปรุงและรีบคีบเส้นใส่ปากอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่กำลังกินเย็นตาโฟได้เพียงแค่ 3 คำ สายตาของผมก็ไปสะดุดกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามานั่งในร้าน ทำเอารู้สึกจุกเข้าไปในอกจนหายหิวไปเลย

หนุ่มที่ว่านี้ คือ "ป้อง" ส่วนสาวที่ควงมาด้วย คือ "กองฟาง" จากความรู้สึกแรกเห็นในงานคืนนั้น มันทำให้ผมรู้ว่า เธอคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ แล้วมันก็ใช่และไปไกลเกินกว่าที่ผมได้คาดเดาเอาไว้

สำหรับยัยกองฟางนั้น ผมไม่รู้สึกโกรธหรือคันไม้คันมืออยากจะตบเธอเท่าไหร่นัก (จะไปโทษเธอฝ่ายเดียวคงไม่ถูกต้อง ถ้าผู้ชายไม่มีใจให้ ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก) แต่กับป้องนั้น ผมรู้สึกโกรธและเสียใจมากๆ ชนิดที่ไม่สามารถแสดงอารมณ์ใดๆออกมาทางสีหน้าและท่าทางได้เลย

"ไหนบอกว่า วันนี้ไปวาดรูปที่ลำพูน แล้วทำไมถึงพายัยชะนีมั่นมานั่งกินเย็นตาโฟที่นี่ ได้ละ?" ผมรำพึงรำพันอยู่ในใจคนเดียว

อารมณ์และความรู้สึกของผมในตอนนี้มันปะปนมั่วซั่วไปหมด เหมือนมีอะไรมาชนเข้าอย่างจัง

ป้องพอเห็นหน้าผมแล้ว ไม่ยอมทักทาย เหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้น พยายามหลบหน้าหลบตาผม ขนาดนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่ต้องหันหน้าเข้าหาผม หน้าของผมเขายังไม่เหลียวมองด้วยซ้ำ

ส่วนยัยกองฟางก็ทำตัวอ้อล้อออดอ้อนผัวคนใหม่ เห็นแล้วหมั่นใส้น่าตบจริงๆ

ผมรีบเดินไปจ่ายเงินและออกจากร้านไปทันที ทั้งอิ่ม ทั้งจุก ทั้งช็อค ทั้งเสียความรู้สึก

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...