วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"เรื่องเล่าคาวน้ำกาม" 3

เย็นวันศุกร์ ขณะที่ผมกำลังเดินหาซื้อของกินอยู่ที่ตลาดมะกรูด
"น้องกันตพลหรือเปล่าครับ?" ผู้ชายอายุประมาณ 23-25 ปี เอ่ยถามผม ผู้ชายคนนี้หน้าตาดี(ออกไปทางหนุ่มเจ้าสำอางค์มากกว่า) รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวดูสะอาดสะอ้าน ทรงผมรองทรง แต่งตัวคล้ายพนักงานอ๊อฟฟิต ใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อน ผูกเน็กไทด์ กางเกงสเล็คสีดำ รองเท้าหนัง

"ใช่ครับ" ผมตอบคำถามแบบงงๆ (รู้จักชื่อตรูได้ยังไง? แล้วตรูไปเจอไปรู้จักกับพี่รูปหล่อคนนี้ตอนไหนหว่า?)

"ได้อะไรติดไม้ติดมือไปกินบ้าง?" พี่รูปหล่อมองดูถุงหิ้วพลาสติกในมือผม

"ข้าวยำกับจำปาดะทอด" ผมตอบไปงงไป พร้อมถามต่อด้วยสีหน้าท่าทางครุ่นคิด "ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า พี่กับผมเคยเจอกันตอนไหน รู้จักกันได้อย่างไร? ผมพยายามนึกแล้ว แต่ยังนึกไม่ออก ผมยิ่งความจำไม่ดีอยู่ด้วย อย่าถือสาที่ผมจำอะไรไม่ได้"

"มาคนเดียวหรือครับ? รีบไปไหนหรือเปล่า? ยืนคุยกันตรงนี้ เดี๋ยวจะเกะกะทางเดินและหน้าร้านของแม่ค้า พี่ว่าเราไปนั่งที่ร้านกาแฟตรงหัวมุมถนนดีไหม พี่จะได้อธิบายให้ฟัง" พี่รูปหล่อกล่าวเชิญชวน
ถ้าพี่เสนอ มีหรือที่ผมจะไม่สนอง (เพราะเห็นว่ารูปหล่อนะนี่ ผมถึงยอมใจง่ายตอบตกลง)

"จำพี่ไม่ได้จริงหรือครับ?" พี่รูปหล่อทวนคำถามเดิม

"ไม่ได้ครับ" ผมตอบแบบสั้นๆอย่างมั่นใจ (ก็ใครมันจะไปจำได้ละ ถ้าตรูจำได้ป่านนี้ตรูร่ายยาวไปแล้ว)

"ตอนที่น้องไปทำบัตรเอทีเอ็มที่ธนาคาร แล้วพี่เข้ามาช่วยพนักงานคนที่ทำเรื่องให้น้อง พนักงานคนนั้นก็ผ่านเรื่องของน้องมาให้พี่เป็นคนจัดการ จำได้หรือยังครับ?"

"อ๋อ… จำได้แล้ว ผมต้องขอโทษด้วยอีกรอบนะครับ ผมนี่แย่จริงๆ พี่จำผมได้ แต่ผมกลับจำพี่ไม่ได้เลย" ผมยกมือไหว้ขอโทษพี่รูปหล่อ (ความจำสั้นจริงๆนะตรู ใช่แล้ว… ตอนนั้นผมดันทำบัตรเอทีเอ็มหัก เลยต้องมาขอทำบัตรใหม่ที่ธนาคาร)

"ไม่ต้องขอโทษขอโพยขนาดนั้นก็ได้" พี่รูปหล่อรีบรับไหว้อย่างรวดเร็ว

"พี่ชื่ออะไรครับ?"

"ทวีป"

"ชื่อเพราะจังครับ" ผมกล่าวชม

"คงไม่เพราะเท่าชื่อน้องหรอกครับ" พี่ทวีปส่งยิ้มหวาน พร้อมทั้งจ้องหน้าผม

ผมรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูก

"น้องกันตพลเป็นคนเหนือใช่ไหมครับ?" พี่ทวีปยิงคำถามต่อ

"ครับ พี่นี่รู้ดีจริงๆนะ ไม่ต้องเรียกผมเต็มยศขนาดนั้นหรอกครับ เรียกผมว่า กันต์ เฉยๆดีกว่า เล่นเรียกชื่อเต็มขนาดนี้ ผมเขินแย่" ผมพูดโดยไม่สบตาฝ่ายตรงข้าม

"พี่จำมาจากตอนที่ทำเรื่องบัตรเอทีเอ็มให้น้องกันต์นั่นแหละ บังเอิญเห็นรายละเอียดจากแบบฟอร์มที่น้องกันต์กรอกเอาไว้กับทางธนาคาร พี่เป็นคนความจำค่อนข้างดี เลยเก็บรายละเอียดได้พอสมควร"

"ความจำดีและช่างสังเกตขนาดนี้ น่าจะไปทำงานเป็นสายลับมากกว่าทำงานธนาคารนะครับ" ผมแซวไปยิ้มไป

พี่ทวีปหัวเราะอย่างชอบใจ

"พี่ทวีปเป็นคนปัตตานีหรือจังหวัดไหนครับ?" ผมถามด้วยความอยากรู้

"เบตง"

"ใต้สุดในสยาม เบตงคงจะสวยและน่าอยู่มากนะครับ พูดถึงเบตงแล้ว ผมนึกออกแค่ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น"

"ถ้าหาเวลาว่างพร้อมกันได้ น้องกันต์ไปเที่ยวบ้านพี่นะครับ" พี่ทวีปเชิญชวนด้วยสายตาเคลือบน้ำตาล

ผมได้แต่ยิ้มๆ (ก็มันเขิน)

"อ้าว… เงียบไปเลย" พี่ทวีปยิ่งจ้องหน้าผมมากขึ้นอีก
"น้องกันต์เรียนปีไหน? คณะอะไรครับ?" พี่ทวีปยังคงซักประวัติผมต่อไป

"ผมไม่ได้เรียนอยู่ปัตตานีครับ ผมเป็นนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนจากมหา'ลัยอื่น แค่เทอมเดียวเอง เดี๋ยวเทอมหน้าก็กลับไปเรียนที่มหาลัยเดิมแล้ว" ผมตอบแบบคร่าวๆ

"ครับ เย็นนี้น้องกันต์ว่างหรือเปล่า?" พี่ทวีปรีบตัดบทถามอย่างรวบรัด

"ครับ" ผมตอบแบบประหยัดคำพูด


"น้องกันต์มาที่ตลาดนี้ยังไง?"


"รถป๊อกๆจากมหา'ลัยครับ"


"คงไม่รังเกียจนะ ถ้าพี่จะชวนไปนั่งรถเล่นชมเมืองและทานข้าวด้วยกันที่บ้านพี่ หลังจากนั้นพี่จะขับไปส่งน้องกันต์ที่มหา'ลัยเองครับ ไม่ต้องห่วง"

"ครับ" ผมยังคงตอบแบบสั้นๆ (คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน วันนี้วันศุกร์ ถ้ารีบกลับมหาลัยก็ไม่รู้จะทำอะไรดี อยู่ในห้องก็ทั้งเซ็งและเบื่อ แซยิด + เล๊ะ + ดุล ต่างกลับบ้านกันหมด เหลือแต่ตรูอยู่ห้องคนเดียว สู้ไปกับพี่ทวีปดีกว่า พี่เขาอุตส่าห์เสนอซะขนาดนั้น ตรูต้องสนองให้หายอยากซะหน่อย อิ อิ)


บ้านของพี่ทวีปอยู่ไม่ไกลจากตลาดมะกรูด ลักษณะของบ้านเป็นบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ 2ชั้น 2ห้องนอน 2ห้องน้ำ

พี่ทวีปอยู่ที่ปัตตานีคนเดียว ส่วนครอบครัว(พ่อ แม่ พี่ น้อง) อยู่ที่เบตง

ระหว่างที่ผมกับพี่ทวีปกำลังรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ที่โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ติดหน้าต่าง หน้าบ้าน ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมาโดยที่ก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าว่าฝนจะตกแต่อย่างใด (ฝนฟ้าช่างเข้าใจตกได้เวลาจริง)

"ฝนท่าทางตกหนัก คงอีกนานกว่าจะหยุด น้องกันต์ไม่รีบกลับใช่ไหม? กินข้าวเสร็จแล้ว อยู่ดูวีดีโอกับพี่ก่อน พี่เช่าหนังมาเยอะมาก" พี่ทวีปยิ้มพร้อมกับสีหน้าแบบมีเลศนัย

"ครับ" ผมรับคำ


หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยได้ประมาณ 40 นาที ผมก็มานั่งเอนหลังอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ส่วนพี่ทวีปนั้น กำลังเปิดโทรทัศน์และเครื่องเล่นวีดีโอ

"หนังอะไรครับพี่?" ผมแกล้งถามด้วยท่าทางที่ตกใจ

"น้องกันต์ชอบดูไหมครับ?" พี่ทวีปถามไปยิ้มไป

ผมใช้สีหน้าท่าทางสื่อภาษาแทนคำตอบ

หนังที่พี่ทวีปเปิดให้ผมดูคือ หนังโป๊ชาย-หญิง (กะจะปลุกให้ตรูมีอารมณ์ด้วยการดูหนังโป๊ เข้าใจคิดนะ)

ระหว่างที่กำลังนั่งดูหนัง พี่ทวีปพยายามกระเถิบเข้ามานั่งใกล้ผมทีละนิดๆ ผมรู้ทั้งรู้แต่แกล้งนิ่งเฉยๆรอดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม

"น้องกันต์เคยมีอะไรกับใครแบบในหนังหรือยังครับ?" พี่ทวีปเปิดประเด็นถามอย่างตรงไปตรงมา

"ครับ แต่เป็นอีกแบบหนึ่ง" ผมตอบแบบให้ฝ่ายตรงข้ามคิดเอาเอง


"ยังไง? พี่ไม่เข้าใจ?" พี่ทวีปทำหน้างงๆ


"อย่างนั้นละครับ ถ้าพี่ไม่เข้าใจ ผมก็ไม่บอก" ผมเริ่มทำหน้ายั่วยวนฝ่ายตรงข้าม


"มีอารมณ์หรือครับ เห็นเป้าตุงเชียว" พี่ทวีปจ้องไปที่เป้ากางเกงผม


ผมยิ้มแบบอายๆ แต่พอมาถึงตรงนี้แล้ว จะมัวมานั่งเหนียมอายอยู่ มันก็ดูแอ๊บแบ๊วแบบแสแสร้ง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาให้มันสุดๆไปเลยละกัน ไม่ได้รีดน้ำออกมาหลายวันแล้ว ตอนนี้โอกาสมา จะมัวช้าอยู่ใย

"พี่ช่วยผมได้หรือเปล่า?" ผมพูดออกมาตรงๆ

พี่ทวีปใช้มือลูบคลึงที่เป้ากางเกงผมอย่างไม่รีรอ จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้าง ค่อยๆปลดเข็มขัด ปลดกระดุม รูดซิบกางเกงผมออก และถลกกางเกงพร้อมกับกางเกงในของผมออกไปพร้อมกัน

"ของน้องกันต์ใหญ่เกินตัวจริงๆ แถมยังขนดกดำอีก" พี่ทวีปค่อยๆใช้มือถอกปลายหนังอุ้มองคชาติของผมออกอย่างช้า

แท่งตอปิโดของผมค่อยๆขยายขนาดและแข็งชูชันขึ้นทันที

พี่ทวีปจูงมือผมเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน เมื่ออยู่ในห้องนอนแล้ว พี่ทวีปค่อยๆถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเปลือยเปล่า

อาวุธประจำกายของพี่ทวีป หัวปิดแบบเปิดถอกออกไม่ได้ ส่วนขนาดนั้นไม่เล็กไม่ใหญ่ มีขนขึ้นประปรายที่หัวหน่าว

พี่ทวีปจัดการถวายบัวให้ผมอย่างชำนาญงาน การใช้ลิ้น ลงลิ้น ลากลิ้นของพี่เขา พริ้วไหวได้จังหวะดีจริงๆ ผมครางออกมาอย่างไม่หยุดปาก แถมยังกระเด้าเพื่อให้แท่งตอปิโดของผมเข้า-ออกในปากของพี่เขาอย่างเต็มสปีด

นอกจากพี่ทวีปจะนั่งคุกเข่าถวายบัวให้ผมแล้ว พี่เขายังใช้มือสาวว่าวให้ตัวเองอีกด้วย

"ผมขอเอาตูดพี่ได้ไหมครับ?" ผมถามออกมา

"ครับ" พี่ทวีปตอบอย่างเต็มใจ

พี่ทวีปเดินเข้าหยิบเจลหล่อลื่นและถุงยางอนามัย ที่อยู่อีกห้องหนึ่ง จากนั้นก็แกะซองและคลี่ถุงยางครอบใส่แท่งตอปิโดของผม และบีบเจลหล่อลื่นชะโลมที่ปากถ้ำทองของตัวเอง

เมื่อทุกอย่างพร้อม ผมค่อยดันแท่งตอปิโดเข้าปากถ้ำทองของพี่ทวีปอย่างช้าๆ เมื่อเข้าได้มิดด้ามแล้วก็ค่อยๆซอยเข้าๆออกอย่างเป็นจังหวะจะโคน จากนั้นถึงค่อยเพิ่มความเร็ว

รูตูดของพี่ทวีปไม่ค่อยฟิตและตอดแท่งตอปิโดของผมเท่าไหร่ (หลวมกว่าของพี่ต่อมาก สงสัยคงจะผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน) จนผมต้องกระเด้าอย่างแรงๆถี่ๆ ถึงจะรู้สึกได้ถึงความเสียวซาบซ่าน

ผมกระเด้าอยู่ประมาณเกือบๆ 20 นาที พี่ทวีปก็สาวว่าวให้ตัวเองจนน้ำแตก (ลืมบอกไปว่า เอากันในท่าโก่งโค้งหันหลัง หรือท่าหมา นั่นเอง) 3 นาทีให้หลัง ผมก็หลั่งน้ำอสุจิออกมา


คืนนั้นพวกเราต่อกันอีก 2 ยก จนเผลอหลับไปทั้งคู่


ผมรู้สึกปวดฉี่ เลยตื่นขึ้นมากลางดึก ไม่รู้ว่าเวลาเท่าไหร่ ผมไม่อยากเปิดไฟเพราะพี่ทวีปกำลังหลับอยู่ เกรงใจพี่เขา เลยอาศัยวิธีคลำทางท่ามกลางความมืด เพื่อเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องน้ำ

พอปิดประตูห้องนอน ผมพยายามหาสวิตซ์ไฟตรงทางเดินไปห้องน้ำ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ด้วยความที่เพิ่งตื่นเลยเกิดอาการสะลึมสะลือ เดินเข้าไปยังห้องอีกห้องหนึ่ง โดยคิดว่าเป็นห้องน้ำ

ผมเปิดประตูห้องและคลำหาสวิตซ์ไฟตรงผนังข้างประตู พอไฟเปิดเท่านั้น ผมถึงกับหายสะลึมสะลือทันที ตาสว่างโดยอัตโนมัติ

โอ้…. แม่เจ้า !!!!!!!!

สิ่งที่ผมเห็นในห้องนั้นคือ รูปของพี่ทวีปแต่งหญิงไปประกวดนางงามสาวประเภท2 ตามเวทีต่างๆ และถ่ายเล่นๆโพสท่าเป็นนางแบบ รูปพวกนั้นติดอยู่ตามฝานังบ้าง ใส่กรอบโชว์ตามชั้นต่างในตู้โชว์บ้าง

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีมงกุฏ ถ้วยเกียรติยศนางงาม วิกผมทรงต่างๆ ผ้าพันคอขนเฟอร์หลากสี รองเท้าบู๊ต และรองเท้าส้นสูง ตั้งไว้ตามชั้นต่างๆในตู้โชว์

รสนิยมของผม ชอบเกย์ที่เงียบๆไม่แสดงออกมากกว่า ถ้าจะออกสาวก็พอรับได้ แต่ต้องออกนิดๆ พอดูดีดูน่ารัก อย่าเกินงามมาก ส่วนประเภทสาวแตกร้อยเมตร เปิดสปอร์ตไลท์ แต่งหญิง ผมเห็นแล้วไม่เกิดอารมณ์

ผมกลับเข้ามานอนอย่างเอ๋อๆ เพราะช็อคกับสิ่งที่เห็นในห้องนั้น ผมพยายามนอนห่างๆพี่ทวีปนิดหนึ่ง และพยายามข่มตาหลับจนกว่าจะสว่าง แล้วค่อยว่ากันอีกที

ผมไม่ได้รังเกียจพี่ทวีปเลยแม้แต่น้อย ผมกลับชื่นชมและเคารพในสิ่งที่พี่เขาเป็น แต่ถ้าเรื่องมีเพศสัมพันธ์ละก็ ขอบาย เพราะไม่ใช่สเป็กของผม

ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่ทวีป ผมค่อยๆแกะแขนของพี่ทวีปออกจากตัวผม

"ตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนน้องกันต์หลับสบายไหม?" พี่ทวีปเอามือขยี้ตา พร้อมทั้งเอียงหัวมาซบที่ซอกคอผม

"ครับ" ผมตอบตามมารยาท

ผมพยายามจ้องมองหน้าพี่ทวีป เพื่อให้คุ้นเคยกับพี่ทวีปในลุ๊คแมนๆแบบนี้ แต่ภาพพี่ทวีปแต่งหญิงก็ยังหลอนผมอยู่จนได้

"น้องกันต์จ้องหน้าพี่แบบจริงจังมาก มีอะไรหรือครับ?" พี่ทวีปทำหน้าสงสัย

"ขี้ตาติดอยู่ตรงขอบตาทั้งสองของพี่ครับ" ผมพูดตลกเพื่อเบี่ยงประเด็น

"เล่นอะไรก็ไม่รู้ ทำเป็นเด็กๆไปได้" พี่ทวีปส่ายหัวอย่างอารมณ์ดี

"ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ" ผมลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว

"น้องกันต์น่าจะอยู่กับพี่อีกซักคืนนะ ไม่น่ารีบกลับเลย วันนี้พี่กะว่าจะขับรถพาน้องกันต์ไปเที่ยวหาดใหญ่ ไปเที่ยวด้วยกันนะ" พี่ทวีปพูดแกมขอร้อง

"เอาไว้โอกาสหน้านะครับ วันนี้ผมไปไม่ได้จริงๆครับ อยากจะนอนให้เต็มอิ่มซักตื่น พรุ่งนี้ผมต้องตื่นตี5 ไปนราธิวาสกับโครงการที่ผมเข้าร่วม" ผมปฏิเสธ(ตอแหล)อย่างสุภาพ

"ครับผม น้องกันต์รอพี่แป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะขับรถไปส่ง" พี่ทวีปหอมแก้มผมทั้งสองข้าง

ระหว่างทางจากบ้านพี่ทวีปมายังมหา'ลัย ผมยังคงนั่งเงียบ

"น้องกันต์ดูเงียบไปนะครับ ไม่เห็นพูดจาอะไรเลย" พี่ทวีปถามอย่างสงสัย

"แสบจู๋ครับ เมื่อคืนใช้งานหนักไปนิด" ผมพูดแบบติดตลก

พี่ทวีปหัวเราะอย่างชอบใจ

"พี่ครับ ไม่ต้องไปส่งผมถึงหอพักนะครับ จอดส่งผมที่หน้ามหา'ลัยก็พอ ผมต้องซื้อของใช้จุกจิกและก็จะแวะไปหารุ่นพี่หัวหน้าโครงการเพื่อถามเรื่องกำหนดการให้แน่ใจ" ผมแจกสตอให้พี่ทวีปไปทั้งไร่

สาเหตุที่ผมต้องทำแบบนี้ เพราะไม่อยากจะติดต่อหรือสานสัมพันธ์ใดๆทั้งสิ้น พี่ทวีปเป็นคนดีมาก ผมไม่อยากให้พี่ทวีปต้องมาเสียใจหรือเจ็บช้ำน้ำใจเพราะคนอย่างผม ดังนั้นผมจึงขอหยุดเอาไว้แค่นี้

"ได้ครับ ว่าแต่พี่จะเจอน้องกันต์อีกทีเมื่อไหร่?" พี่ทวีปถามขึ้นมา

"ผมยังไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้นอกจากจะเรียนหนักแล้ว ยังต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับโครงการเกือบทุกอาทิตย์ เหนื่อยสุดๆยังกะเข้าค่ายลูกเสือ พี่บอกเบอร์โทรกับเบอร์เพจของพี่มา แล้วผมจะส่งข่าวให้พี่ทราบอีกที" ผมตอบแบบถนอมน้ำใจ พร้อมส่งยิ้มให้ฝ่ายตรงข้าม (แหลได้โล่ห์จริงๆตรู)

ก่อนจะลงรถ พี่ไหว้ขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่ทวีป ส่วนพี่ทวีปโอบกอดและหอมแก้มผม

พอแยกกับพี่ทวีปแล้ว ผมเดินอย่างโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก (ดีนะที่ผมได้ความลับในห้องนั้นซะก่อน เลยหันหัวเรือทัน ไม่อย่างคงจะถลำลึกไปมากกว่านี้แน่ๆ)


จาก นายทวีป กลายเป็น น.ส.ทวีพร ช่างอึ้ง ทึ่ง แต่ไม่เสียว จริงๆ!!!!!!
วันนี้ตั้งแต่หลังเที่ยงวันเป็นต้นไป ผมไม่มีเรียนและไม่มีกิจกรรมที่จะต้องเข้าร่วม ดังนั้นผมจึงแต่งตัวไปช็อปปิ้ง และเดินเล่นที่ห้างไดอาน่า (ตามปรกติ ตอนอยู่มหาลัยเดิม หลังเลิกเรียนเสร็จแล้ว ผมมักจะใส่ชุดนักศึกษาออกไปตะลอนๆข้างนอกเสมอ โดยที่ไม่สนใจจะเปลี่ยนชุดแม้แต่น้อย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เหตุผลง่ายๆคือ “ขี้เกียจ” เวลานี้ผมได้มาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนของมหาลัยแห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะต้องเข้าเรียนเหมือนกับมหาลัยเดิม แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยังรู้สึกว่า ผมมาทัศนศึกษา ไม่ได้มาเรียนอยู่ดี)
ผมกำลังเดินซื้อของใช้ส่วนตัวที่แผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต ผมเดินมาที่แผนกสบู่ ยาสระผม และครีมบำรุงผิว สายตาผมมาสะดุดอยู่ที่ขวดวาสลีนทาผิว ผมหยิบขวดวาสลีนขึ้นมา ดูไปพลางนึกถึงดากงอนๆและรูดากฟิตๆตอดๆของพี่ต่อ อยากจะงัดเอาแท่งตอปิโดของผมยัดเข้าไปในรูดากของพี่แก และกระเด้ารัวเข้าๆออกๆให้หายเซี่ยนกันไปข้างหนึ่ง

“มาคนเดียวหรือว่ะ? โลกกลมจริงๆได้เจอมึงที่นี่อีก” เจ้าของเสียงกล่าวทักผมอย่างเป็นกันเองมากๆ

ผมหันหน้าไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นใคร... นึกว่าใครที่ก็ “ไอ้หน้าหล่อพัฒน์” นี่เอง (ถ้าได้อ่าน2ตอนที่แล้ว คงพอจะรู้จักและได้ยินกิตติศัพท์ของไอ้พัฒน์รูปหล่อ มาบ้างแล้วนะครับ) ผมจ้องไอ้พัฒน์ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอามากๆ เนื่องจากยังเคืองๆจากคดีความที่โรงอาหารคราวนั้น (จาก2ตอนที่แล้ว)

“ยิ้มให้กูบ้างซิ มึงยังไม่หายโกรธจากเรื่องวันนั้นอีกเหรอ? กูขอโทษที่เผลอว๊ากมึงไป กูไม่รู้นี่ว่ามึงอยู่ปีเดียวกับกู เห็นหน้ามึงดูละอ่อนแบบนี้ กูก็นึกว่ามึงเป็นรุ่นน้องปี 1” ไอ้พัฒน์ขอโทษขอโพยผม

ผมมองเห็นแววตาที่ดูค่อนข้างจะจริงใจบนใบหน้าที่หล่อทะลึ่งทะเล้นของไอ้พัฒน์ ผมกับใจอ่อนขึ้นมาทันที (ใบหน้าของมันหล่อน่าเอาซะขนาดนี้ จะไม่ให้ผมใจอ่อนได้อย่างไรครับ)

“ก็ได้” ผมตอบแบบไว้เชิง

ทันใดนั้น สายตาของผมก็ไปสะดุดเห็นสิ่งที่ไอ้พัฒน์ถืออยู่ในมือ พอผมเห็นของที่มันถืออยู่ในเท่านั้นแหละ ผมถึงกลับสติแตกควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ ปล่อยฮาออกมาอย่างกับคนบ้า หัวเราะจนลืมความถือตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง ไปอย่างสิ้นเชิง

“มึงหัวเราะอะไรกู?” ไอ้พัฒน์ถามอย่างงงๆ

พอควบคุมสติอารมณ์ได้ซักพัก ผมก็พูดออกไปว่า... “ไอ้ของสีชมพูที่มึงถืออยู่ในมือ”

“ไอ้บ้า...” ไอ้พัฒน์รีบซ่อนกล่องพลาสติกโปร่งใสที่สามารถมองเห็นกางเกงในสีชมพูและสีขาวที่อยู่ข้างในกล่อง ได้อย่างชัดเจน

“มึงใส่กางเกงในไซ้ส์เล็กหรือว่ะ?” ผมพูดไปหัวเราะไป และไม่ลืมที่จะจ้องมองตรงเป้ากางเกงของไอ้พัฒน์

ไอ้พัฒน์รีบเอามือกุมเป้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดว่า... “กูจะใส่ไซ้ส์อะไรมันก็เรื่องของกู ถึงกูใส่ไซ้ส์เล็กก็ใช่ว่ามันจะเล็กไปซะทุกอย่าง ถ้าโดนแล้วจุกอย่าหาว่ากูไม่เตือนแล้วกัน”

คำพูดของไอ้พัฒน์ทำเอาผมสะดุ้งโหยง พูดให้สามารถจินตนากามได้อย่างเห็นภาพทุกอณูเนื้อจริงๆ

“ขอโทษจริงๆว่ะ กูลืมชื่อมึง มึงชื่ออะไร? ส่วนชื่อกูมึงคงรู้แล้วซินะ เออ... มึงมาคนเดียวหรือ? มายังไง? แล้วจะกลับยังไง?” ไอ้พัฒน์เอ่ยถามผม

“กูชื่อ กันต์ ส่วนชื่อมึง กูรู้ตั้งแต่วันที่กูโดนมึงว๊ากแล้ว กูมาคนเดียว นั่งรถป๊อกๆมา มึงมากับใคร?” ผมย้อนถาม

“กูก็มาคนเดียวเหมือนกัน ขี่มอเตอร์ไซด์มา มึงกลับกับกูละกัน เดี๋ยวไปส่งเอง จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลารอรถป๊อกๆ” ไอ้พัฒน์กล่าวเชิญชวน

มีหรือที่ผมจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้ลงคอ ผมไม่รอช้า นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ของไอ้พัฒน์กลับทันที ระหว่างทางไอ้พัฒน์ซิ่งมอเตอร์ไซด์ฉวัดเฉวียนมากๆ ยังกับจะไปแข่งขันรายการชิงแชมป์เจ้านักบิดที่ไหน ผมใจหายใจคว่ำมาตลอดทาง พลันเอาแขนกอดรวบเอวของไอ้พัฒน์เอาไว้ เพราะกลัวตก ทันใดนั้น ไอ้พัฒน์ก็เบรคกระทันหันตรงสี่แยกไฟแดง ทำเอาตัวผมเซไปซบตัวมันทันที แต่ที่มากกว่านั้นคือ มือของผมดันไปกุมไว้ตรงเป้ากางเกงของไอ้พัฒน์อย่างไม่ได้ตั้งตัวและไม่ได้ตั้งใจ

“มึงนี่ไม่ยอมจบซะที ไอ้เรื่องขนาดกางเกงในที่กูใส่ อยากจะรู้ละซิว่า ของกูเล็กจริงหรือเปล่า” ไอ้พัฒน์พูดออกตรงๆ

“กูเปล่า... ก็มึงเล่นซิ่งมอเตอร์ไซด์เร็วเหมือนจรวด กูกลัวจะตกเลยเอามือโอบเอวของมึงไว้ นี่แม่ง... อะไรกัน นึกจะเบรคก็เบรคเอาดื้อๆ กูก็เสียหลักนะซิ มือไม้กูเลยเป็นแบบนี้” ผมอธิบายโดยไม่มีอ้อมค้อม นับว่าเป็นผลประโยชน์ที่มาจากความบังเอิญ

“กูหิวข้าว มึงกินอะไรมาหรือยัง?” ไอ้พัฒน์ถามผม

“ยังเลย กูก็หิวเหมือนกัน เดี๋ยวกะว่าพอถึงมอแล้ว จะไปหาอะไรกินซักหน่อย”

“เอาอย่างนี้... เดี๋ยวกูพามึงกินข้าวที่ร้านอรุณสวัสดิ์ ร้านนี้อาหารอร่อยมาก ที่สำคัญเจ้าของเป็นคนเหนือด้วย มึงจะได้อู้กำเมืองกับเขาให้หายคิดถึงบ้าน” ไอ้พัฒน์เสนอความคิดเห็น (แถมยังรู้อีกนะว่า ผมเป็นคนเหนือ)

“ตามใจมึง” ผมตอบสั้นๆ

ผมกับไอ้พัฒน์นั่งทานข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย (ไม่ใช่อร่อยเพราะความหวานหรือโรแมนติกอะไร แต่อร่อยเพราะต่างคนต่างหิว เลยทำให้กินอะไรก็อร่อยไปหมด)

“วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ มึงจะทำอะไร? เห็นว่าหยุดยาวไปจนถึงวันอังคาร” ไอ้พัฒน์เอ่ยถาม

“กูไม่รู้เลย ขึ้นอยู่กับว่าเบื่อมาก เบื่อน้อยแค่ไหน เบื่อมาก ก็อาจจะไปเที่ยวไกลๆหน่อย เบื่อน้อยก็เที่ยวแถวๆนี้” ผมตอบแบบผ่านๆ ทั้งที่จริงแล้ว แซยิดได้ชวนผมไปเที่ยวบ้านของเขาที่ยะลา

“มึงไปเที่ยวบ้านกูไหม? บ้านกูอยู่หาดใหญ่ เดี๋ยวกูพามึงไปล่อนทั่วหาดใหญ่เอง” ไอ้พัฒน์เชิญชวนผม

“จะดีหรือ? กูเกรงใจมึงและที่บ้านของมึงด้วย กูกลัวไปรบกวนหรือสร้างภาระให้ ” ผมตอบแบบสงวนท่าที (คงจะรู้นะครับว่าใจจริงผมจะตอบว่าอะไร)

ในที่สุดไอ้พัฒน์ก็คะยั้นคะยอ จนผมตอบตกลง (ฮิๆๆๆ สำเร็จเป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ งานนี้รับรองน้ำแตกกระจุย กระจาย กระเจิง แน่ๆ)

เมื่อกลับถึงหอพัก ผมรีบไปบอกแซยิดทันทีเรื่องกำหนดการไปเที่ยวบ้านของแซยิดที่ยะลา (ผมอยากจะลองเปลี่ยนรสชาติอื่นดูบ้าง เวลามีอะไรกับแซยิด เขาชอบให้ผมเก็บบัวให้ตลอด ครั้นพอผมอยากจะกอดจูบลูบใล้ ดูดหัวนม หรือไม่ก็ให้แซยิดเก็บบัวให้ผม เขาก็ไม่ยอมท่าเดียว ขนาดขอให้เขาช่วยชอลิ้วเฮียงให้ผม เขายังไม่ยอมเลย บอกว่าไม่ถนัด ไม่คุ้นเคยบ้าง อะไรกัน ตั้งหลายๆครั้งแล้วยังบอกว่าไม่คุ้นเคยอีกเหรอนี่!!!!!!!!!!!!!)


“แซยิด... เราต้องขอโทษนะ คือวันศุกร์นี้เราไปเที่ยวบ้านแซยิดที่ยะลาไม่ได้จริงๆ เราต้องไปออกค่ายอาสากับทางชมรม เอาไว้คราวหน้าละกันนะ” ผมแกะสะตอป้อนใส่ปากแซยิด อย่างเนียนๆ

“ว้า... เสียดายจังเลย งั้นเราก็อดที่จะโดนนายดูดให้นะซิ ไม่ได้เอาน้ำออกมาเป็นอาทิตย์แล้ว จะใช้มือช่วยตัวเองก็ไม่มันเหมือนให้นายดูดให้” แซยิดรำพันด้วยความเสียดาย

“ไม่ได้เอาออกมาเป็นอาทิตย์ อย่างนั้นก็เอาออกตอนนี้เลยซิ” ผมใช้มือลูบๆคลำๆตรงเป้าของแซยิด

เมื่อครู่ที่ผ่านมา... ดุล กับ เล๊ะ เพิ่งจะออกไปทานข้าวข้างนอก ผมเลยกล้าที่จะช่วยให้แซยิดถึงจุดสุดยอดในห้อง

ผมมุดตัวเข้าไปอยู่ในโสร่งของแซยิด พร้อมกับใช้มือถลกกางเกงในลงมากองที่ตรงข้อมเท้า

ผมลากปลายลิ้นตวัดไปทั่วกะโปกของแซยิดอย่างหิวกระหาย และใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นสาบอันยั่วยวนใจจากกะโปกลากขึ้นไปที่ลำลิงค์ของแซยิด

แซยิดร้องครวญครางอย่างเบาๆ ผมค่อยๆพ่นลมหายใจทางปากรดไปที่หัวกระดอที่เปิด พร้อมทั้งใช้ปลายลิ้นค่อยๆแตะที่ตาข้างเดียวของงูอนาคอนด้าที่กำลังตื่นตัวและชูชัน

ซักพักผมอ้าปากครอบกระดอที่แข็งโด่ของแซยิดจนมิดลำ โดยแซยิดกดหัวของผมขึ้นๆลงๆเป็นจังหวะจะโคน ผมห่อริมฝีปากของผมเพื่อให้ตอดรัดกระดอของแซยิด จากนั้นก็รูดกระดอของแซยิดอย่างเร็วๆรัวๆไม่เป็นจังหวะ แซยิดเริ่มร้องครางเสียงหลงออกมา

เวลานี้โสร่งของแซยิดได้หลุดหลุ่ยลงมากองกับพื้น ผมยังปฎิบัติภาระถวายบัวให้แซยิดต่อไป จนแซยิดถอดกระดอออกจากปากของผม และบอกให้ผมอ้าปากกว้างๆ วินาทีให้หลัง แซยิดก็พ่นน้ำแป้งเปียกขาวๆขุ่นๆอุ่นๆสดจากกระบอก เข้าปากผมอย่างเต็มๆ ผมกลืนน้ำกำหนัดอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมทั้งดูดทั้งเลียน้ำที่ตกข้างอยู่ที่ปากกระบอกของแซยิดอย่างหมดจด


......................................................................

วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า โดยผมได้นัดกับไอ้พัฒน์ไว้ที่บริเวณหลังมหาลัย เพื่อขึ้นรถตู้ไปหาดใหญ่ สาเหตุที่ต้องขึ้นรถตู้เที่ยวแรก เพราะอยากไปถึงหาดใหญ่ให้เร็วที่สุด จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ

ผมและไอ้พัฒน์มาถึงที่หาดใหญ่เกือบๆ 8 โมงเช้า รถตู้ได้มาส่งเราทั้งสองคนที่ประตูรั้วหน้าบ้านของไอ้พัฒน์

“นี่บ้านมึงเหรอ? ทำไมเหมือนหอพักจัง?” ผมถามด้วยความสงสัย เพราะมองเห็นป้ายหอพักขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านตรงหน้าประตูรั้ว ส่วนในประตูรั้ว เป็นอาคารขนาด 3 ชั้น แต่ละชั้นจะมีห้องประมาณเกือบ10 ห้องได้

“หอพักนี่เป็นกิจการทางบ้านกู เข้ามาข้างในก่อน จะได้เอาของไปเก็บและออกไปเที่ยวกัน” ไอ้พัฒน์เปิดประตูรั้วบ้านพร้อมกับส่งสัญญาณให้ผมเดินตามมา

ไอ้พัฒน์พาผมเอาของไปเก็บไว้ในห้องชั้นล่างริมสุด ก่อนที่จะพาผมไปสวัสดีพ่อแม่ที่บ้านหลังใหญ่ตรงข้างหลังหอพัก ผมเดาว่าห้องนี่คงใช้เป็นห้องนอนของผมกับไอ้พัฒน์ในคืนนี้แน่ๆ เพราะมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ต่างๆครบครัน ถ้าเป็นอย่างที่คาดเดาไว้จริงๆแล้วละก็...... (เติมคำในช่องว่างเอาเองนะครับ).......

หลังจากสวัสดีและพูดคุยกับพ่อแม่ของไอ้พัฒน์ เรียบร้อยแล้ว ไอ้พัฒน์พาผมซิ่งมอเตอร์ไซด์ออกไปกินข้าวที่ “โรงช้าง” (ชื่อของโรงอาหารยอดนิยมในวิทยาเขตหาดใหญ่) ตามด้วยโปรแกรมทัวร์เมืองหาดใหญ่ ซึ่งไอ้พัฒน์อาสาเป็นไกด์ท้องถิ่น โดยเริ่มจากห้างโอเดียน (ขนมไข่ ร้านที่ขายข้างนอกห้างอร่อยมาก) มายังตลาดสันติสุขและตลาดกิมหยง เท่านั้นยังไม่หนำใจ.... ไอ้พัฒน์เลยสมนาคุณพาผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ล่อนมาที่ อ.เมือง จ.สงขลา (มันบอกว่าจะพาผมไปดูโรงเรียนของมัน ซึ่งมันรู้สึก "so proud" มากๆที่จบจากโรงเรียนที่ว่านี้)

ไอ้พัฒน์พาผมเดินชมรอบบริเวณโรงเรียนจนหนำใจ จากนั้นมันก็พาผมไปเดินรับลมที่หาดสมิหลา ซึ่งอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้มากนัก ก่อนที่จะกลับหาดใหญ่ ไอ้พัฒน์ตบท้ายโปรแกรมขี่มอเตอร์ไซด์ทัวร์ด้วยการพาผมไปยังเกาะยอ โดยข้ามสะพานติณฯ

ไอ้พัฒน์จอดรถบนไหล่สะพานเพื่อชมวิว และพักเหนื่อยไปในตัว

“สวยจัง กูไม่รู้จะขอบใจมึงยังไงดีที่พากูเที่ยวทั้งวัน” ผมกล่าวขอบคุณไอ้พัฒน์

“ไม่เป็นไร... มึงก็คิดมากไปได้ ที่กูทำไปทั้งหมด เพราะมาจากตรงนี้” ไอ้พัฒน์เอามือชี้ที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง

ผมอึ้งไปชั่วครู่ พอได้สติกลับคืนมาก็พูดเพื่อแก้เขินไปว่า... “ถ้ามีมึงโอกาสได้ขึ้นมาเที่ยวทางเหนือ ยินดีต้อนรับทุกเวลา กูจะพามึงเที่ยวชมมหาลัยของกู และพาเที่ยวรอบเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งจะพามึงไปเที่ยวบ้านกูที่เชียงของด้วย”

“ขอบใจมากนะโว๊ย... ว่าแต่มึงจะอยู่มหาลัยที่ปัตตานีนานแค่ไหน? และต้องกลับไปที่มหาลัยเดิมเมื่อไหร่?” ไอ้พัฒน์เอ่ยถาม

“อีกประมาณเดือนกว่าๆ กูจะกลับก่อนวันสอบปลายภาคของนักศึกษาทั่วไป” ผมตอบ

“ถ้ามึงกลับไป กูคงจะคิดถึงมึง กูไม่รู้จะใช้คำไหนบรรยายความรู้สึกได้ดีมากกว่านี้ ... ถูกชะตา คำนี้น่าจะใกล้เคียงมากที่สุด” ไอ้พัฒน์มองหน้าผมด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะลึกซึ้ง

ผมไม่พูดไม่จาอะไร รู้สึกเขินอย่างเดียว
.............................................................

เราทั้งสองกลับมาถึงหาดใหญ่ตอนค่ำนิดๆ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ไอ้พัฒน์ขอตัวไปหาพ่อแม่ที่บ้านหลังหอพัก ส่วนผมก็ไปอาบน้ำทันทีเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากคราบเหงื่อไคล หลังจากอาบน้ำและเช็ดเนื้อตัวเรียบร้อยแล้ว ผมใส่กางเกงในเพียงแค่ตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ (ไม่ได้ใส่มาล่อเสือล่อตะเข้โดยเจตนา แต่ใส่เพราะความสบายเนื้อตัว อีกอย่างไอ้พัฒน์ก็ออกไปหาพ่อแม่ คงอีกนานกว่าจะกลับ ตอนนี้เหลือผมคนเดียวอยู่ในห้อง เลยขอสบายไว้ก่อน)

ขณะที่ผมกำลังหาเสื้อและกางเกง ในกระเป๋าเป้ เสียงกุญแจไขลูกบิดที่ประตูก็ดังขึ้นมา ไอ้พัฒน์เปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมตกใจจนคว้าหาผ้ามาปิดตรงส่วนสำคัญแทบไม่ทัน

“ กูเอง ขวัญอ่อนไปได้ ผิวมึงขาวเนียนจริงๆ ถ้าเป็นผู้หญิงนี่ ส่งประกวดนางสาวไทย ถ้าไม่เข้ารอบ อย่างน้อยจะต้องได้ตำแหน่งนางสาวผิวเนียนแน่ คนเหนือนี่ผิวขาวสมคำล่ำลือจริง” ไอ้พัฒน์จ้องมองดูสัดส่วนของผมอย่างไม่วางตา

“มึงเข้ามาพรวดพลาดแบบนี้ ทำกูตกใจหมด ทำไมกลับมาเร็วจัง? กูก็นึกว่ามึงคงคุยกับพ่อแม่ของมึงนาน” ผมถามไอ้พัฒน์

“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ถามสารทุกข์สุขดิบอะไรทำนองนี้ อีกอย่างพวกท่านก็จะเข้านอนกันแล้ว แล้วมึงปิดทำไมนี่ ไม่เห็นต้องอายเลย กูไม่คิดทำมิดีมิร้ายกับมึงหรอก” ไอ้พัฒน์มองยิ้มๆเมื่อเห็นผมเอาเสื้อผ้าปิดตรงเป้ากางเกงใน

“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ใครจะไปรู้ ถ้าเกิดมึงหน้ามืดตามัว ปล้ำกูขึ้นมา แล้วกูจะทำอย่างไร? มิต้องเสียความบริสุทธิ์ให้มึงฟรีๆหรือ” ผมพูดล้อเล่นในเชิงหมาหยอกไก่

“ถุย... อย่างมึงนี่นะ บริสุทธิ์ กูไม่เชื่อหรอก ว่าแต่... เจี๊ยวมึงก็ใหญ่ใช่เล่นเหมือนกัน” ไอ้พัฒน์เริ่มจ้องมาตรงที่เป้ากางเกงในของผมตาลุกวาว

“เห็นไหม กูพูดยังไม่ทันขาดคำเลย มึงก็ออกลายซะแล้ว” ผมพูดยั่วไอ้พัฒน์

“เอาเข้าไป มึงพูดซะกูเสียคนเลย ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้ว กูอยากทำมิดีมิร้ายกับมึง ดูซิว่าจะมันส์จะเสียวแค่ไหน” ไอ้พัฒน์เดินเข้ามาโอบกอดผมพร้อมทั้งทุ่มผมลงบนเตียงที่กระเด้งกระดอน

“มึงจะทำอะไรกู ไอ้บ้า... ปล่อยกูนะโว๊ย... ไม่อย่างนั้นกูสู้สุดแรงเกิดจริงๆ เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่เตือน” ผมพูดขู่ไอ้พัฒน์พอเป็นพิธีไปอย่างนั้น เพื่อไม่ให้ดูว่า ผมใจง่ายจนดูไม่มีราคาค่างวดอะไร

“กูว่ามึงจะสั่นสู้มากกว่ามั๊ง ดูกระเจี๊ยวมึงซิแข็งโด่ซะขนาดนั้น” ไอ้พัฒน์เริ่มไซร้ตรงซอกคอของผม ลมหายใจอ่อนๆของมัน หายใจรดที่บริเวณคอของผม ทำเอาผมรู้สึกเสียวซาบซ่านขึ้นมา

“กูพอจะดูออกนะ ที่มึงยอมรับคำชวนมาเที่ยวบ้านกู เพราะว่ามึงแอบชอบกู กูก็เหมือนกัน ครั้งแรกที่เจอกับมึงในโรงอาหาร กูรู้สึกชอบมึงตั้งแต่ตอนนั้นมา คนอะไรว่ะ โคตรจะน่ารัก หน้าหวาน และผิวขาวเนียนเหมือนนางงาม” ไอ้พัฒน์กระซิบบอกผม พร้อมใช้ลิ้นแตะที่ติ่งหูของผม

เวลานี้ตัวของผมกับไอ้พัฒน์โอบกอดกันอย่างแนบแน่น ผมค่อยๆใช้มือถอดเสื้อของไอ้พัฒน์ออกอย่างช้าๆ หัวนมสีชมพูทั้งสองข้างช่างน่าดูดน่าเลียยิ่งนัก ส่วนบริเวณหน้าท้องก็เป็นลอนสวยงาม ดูเซ็กซี่ได้ใจ

ผมบรรจงใช้ลิ้นเลียที่หัวนมทั้งสองข้างของไอ้พัฒน์ จากนั้นก็ใช้มือถลกกางเกงของไอ้พัฒน์ออก เหลือแต่กางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียว ผมเลือนหน้ามาอยู่ตรงเป้ากางเกงใน และใช้ปลายจมูกถูไถเบาๆเพื่อปลุกมังกรของไอ้พัฒน์ให้ตื่นจากการจำศีล

มังกรของไอ้พัฒน์ตื่นตัวโดยโผล่หัวสีแดงคล้ำๆออกมานอกขอบกางเกงใน ผมใช้ลิ้นเลียบริเวณรอยยักอย่างช้าๆ จากนั้นก็จัดการถอดกางเกงในของไอ้พัฒน์ออกจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ผมใช้มือลูบไล้ตรงขนหมอยอันดกดำ เล่นอย่างมันมือ ส่วนปากนั้นก็อมมังกรของไอ้พัฒน์จนมิดลำ มังกรของไอ้พัฒน์ ถึงแม้ขนาดจะค่อนข้างเล็ก (เล็กกว่าของพี่ต่อและของแซยิด) แต่ก็ยาวสวยได้รูป เป็นแท่งไอติมหัวเปิดที่น่าดูดมาก

ผมบีบปากจนรัดมังกรของไอ้พัฒน์ และใช้ริมฝีปากสาวเป็นจังหวะขึ้นๆลงๆ

“เสียวจริงๆ มึงนี่ดูดเก่งชิบหาย อู๊ย... พอก่อน... กูยังไม่อยากน้ำแตกตอนนี้ เดี๋ยวไม่มันส์” ไอ้พัฒน์ครางออกมาพร้อมทั้งผลักหัวผมออกจากมังกรของมัน

ไอ้พัฒน์รีบถอดกางเกงในของผมออกทันที มันใช้มือจับแท่งตอปิโดของผม ที่แข็งชูชันพร้อมออกศึกทุกเมื่อ โดยสาวว่าวอย่างถี่ๆรัวๆ ทำเอาผมถึงกับร้องซี๊ดอย่างไม่ทันตั้งตัว

จากนั้น ไอ้พัฒน์ก็จัดการตวัดปลายลิ้นลงบนหัวแท่งตอปิโดของผมอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ไอ้บ้านี่มันช่างเลียได้เสียวจับใจจริงๆ ซักพักมันก็จัดการถวายบัวให้ผม

“กระเจี๊ยวมีงนี่ใหญ่คับปากกูจริงๆ กูอมจนปวดกรามไปหมด คนอะไรว่ะ ตัวเล็กนิดเดียว แต่กระเจี๊ยวใหญ่โคตร” ไอ้พัฒน์พูดขึ้นมา

ระหว่างที่ไอ้พัฒน์กำลังจูบปากแลกลิ้นกับผมอยู่นั้น มือของมันก็ค่อยเลื่อนลงมาเล่นตรงกะโปกของผม และเลื่อนต่ำลงมาที่ตรงรูก้นของผม ซักพักไอ้พัฒน์ค่อยๆใช้นิ้วมือแหย่เข้าไปในรูก้นของผม

“โอ๊ย... มึงทำจะอะไรของมึง เอานิ้วออกจากก้นกูเดี๋ยวนี้ กูเจ็บ” ผมร้องขึ้นมา

“กูขอได้ไหมว่ะ กูอยากเย็ดมึง ตูดของมึงคงฟิตและตอด เวลาเย็ดคงมันส์น่าดู” ไอ้พัฒน์กระซิบขอผม

“ไม่เอา... กูกลัว มันเจ็บ อีกอย่างกูก็ยังไม่เคยโดนใครเย็ดตูดด้วย” ผมขอร้องไอ้พัฒน์

“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ เชื่อกู ระดับกูแล้ว ไม่มีเจ็บ มีแต่จะเสียวกับเสียว กูกล้ารับประกันว่ามึงต้องติดใจ คราวหน้าขี้คร้าน มึงจะหันตูดมาให้กูเย็ดหลายรอบ” ไอ้พัฒน์พยายามเกลี้ยกล่อมผม แถมยังพยายามใช้นิ้วมือแหย่เข้าไปในรูก้นของผม

“นะครับ... คนดี ขอนะครับ ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าเจ็บแล้วจะหยุดทันที” ไอ้พัฒน์พยายามอ้อนวอนผมอย่างสุภาพ ( ใจคอนี่... อยากจะยัดเยียดความผัวให้ตรูมากซะจริงๆเลยนะ)

ผมกล้าๆกลัวๆ สองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากจะลองดูว่ามันจะเสียวอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า อีกใจหนึ่งก็กลัวเจ็บ ผ่านไปซักพัก ผมจึงตัดสินใจ เพราะอยากจะลองว่ามันจะเสียวและเจ็บแค่ไหน(ออกแนวซาดิสนิดๆ ) อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ มังกรของไอ้พัฒน์ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก คงจะไม่ทำให้ผมถึงกับเจ็บจนเดินขาถ่าง (ถ้าเป็นมังกรของพี่ต่อ หรือของแซยิดก็ว่าไปอย่าง เพราะแต่ละคนก็ดุ้นใหญ่ๆทั้งนั้น โดยเฉพาะของแซยิด ใหญ่เกือบเท่าแขน โดนเข้าไปมีหวังฉีกและบานเบิกแน่ๆ)

ไอ้พัฒน์บอกให้ผมทำท่าคุกเข่าโก่งโค้ง ก่อนที่จะส่งจรวดเข้าไปในถ้า ไอ้พัฒน์ใช้ริมฝีปากจูบไซร้ตรงแก้มก้นของผม และใช้วาสลีนทารอบบริเวณปากถ้ำของผม พร้อมทั้งใช้นิ้วมือค่อยๆแหย่ลงไป ทำเอาผมถึงกับสะดุ้งขึ้นมาทันที

ครั้งแรกเมื่อถูกนิ้วมือแหย่ลงไปในตูด ผมรู้สึกเจ็บนิดๆ แต่พอครั้งที่ 2-3 รู้สึกคุ้นเคย ความรู้สึกเปลี่ยนเป็นเสียวแทน

เมื่อทุกอย่างพร้อม ไอ้พัฒน์ก็จัดการส่งจรวดพุ่งตรงเข้าไปในถ้ำของผมทันที โดยไอ้พัฒน์ค่อยๆสอดใส่จรวดเข้าไปอย่างเบาๆ มันบอกให้ผมไม่ต้องขมิบและเกร็งกล้ามเนื้อตรงตูดมาก เพราะจะทำให้ใส่ไม่เข้า และจะทำให้ผมเจ็บตูดอีกต่างหาก

เมื่อใส่จนมิดลำแล้ว ไอ้พัฒน์ก็บรรจงซอยเข้าออกอย่างช้าๆ ผมร้องเสียงหลงขึ้นมา ด้วยความเจ็บปวด ไอ้พัฒน์รีบเอามืออุดปากผม

“เบาๆหน่อยซิมึง... เดี๋ยวคนก็ได้ยินกันทั้งหอหรอก มึงไม่ต้องกลัวเจ็บ ซักพัก มึงก็รู้สึกเสียวแทน” ไอ้พัฒน์กระซิบบอกผม พร้อมทั้งค่อยๆเร่งสปีดซอยเข้าออกอย่างเป็นจังหวะจะโคน

ตอนนี้ผมชักจะเริ่มรู้สึกเสียวขึ้นมาแล้วซิ ความรู้สึกเจ็บในตอนแรกแทบจะหายไปเลย โดยมีความเสียวเข้ามาแทนที่

พอผมหยุดส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดแล้ว ไอ้พัฒน์ยิ่งได้ใจ กระเด้าแรงๆถี่ๆมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน มันเป็นความเสียวที่สุดยอดไม่สามารถหาคำอื่นใดมาบรรยายได้

คราวนี้ไอ้พัฒน์เริ่มกระเด้าอย่างบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากลำตัวที่เกร็งและเสียงครางที่เริ่มดังขึ้นมา มันไม่ร้องเปล่าๆ แถมยังใช้มือตบที่แก้มก้นของผม 3-4 ที (ซาดิสเหมือนกันนะไอ้นี่)

ซักพักหนึ่ง ไอ้พัฒน์ร้องเสียงหลงขึ้นมาอย่างผิดทำนอง ในเวลาเดียวกันนี้เอง ผมรู้สึกอุ่นๆในก้น เหมือนโดนน้ำอุ่นฉีดเข้ามาในก้น พอไอ้พัฒน์ถอดจรวดของจากรูก้นของผม ผมเลยรู้ว่า ไอ้พัฒน์น้ำแตกในก้นผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อไอ้พัฒน์ถึงจุดสุดยอดแล้ว มันยังมาช่วยผมรีดน้ำกามออก โดยจัดการถวายบัวให้ผม มันใช้ลิ้นเล่นกับแท่งตอปิโดของผมได้เก่งมากๆ โดยเฉพาตรงรอยหยักส่วนหัวแท่งตอปิโด ทำเอาผมเสียวซะจนพ่นน้ำเมือกขาวๆขุ่นๆออกมาเต็มปากไอ้พัฒน์

ผมกับไอ้พัฒน์นอนกอดกันจนถึงเช้า ด้วยสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ ในที่สุดผมก็ตกเป็นเมียของไอ้พัฒน์จนได้ (หลังจากที่ผูกขาดเป็นผัวพี่ต่อมานานข้ามปี)

แต่มันพยายามบ่ายเบี่ยงไปได้ตลอด) ตั้งแต่นั้นมา ทุกๆครั้งที่มีอะไรกับไอ้พัฒน์ ผมต้องรับบทผูกขาดเป็นเมียตลอด ทั้งๆที่เคยขอเย็ดมันตั้งหลายครั้งหลายหน


ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...