วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"เรื่องเล่าคาวน้ำกาม" 10

"เปล่า เราแค่บอกภีมว่า นายเรียนอยู่คณะบริหารฯ ภีมเขาอยากเรียนคณะบัญชีกับบริหารฯมากๆ เออ… เรายังไม่ได้แนะนำให้นายรู้จักภีมเลย ตอนที่แนะนำให้เขารู้จักนายๆก็กำลังนั่งสมาธิอยู่ นี่… ภีม นั่น… น้องสาวภีมชื่อ พริ้มเพรา "
"สวัสดีครับ" บอลทักทาย ภีมและพริ้มเพรา

"กันต์กับบอลเรียนอยู่มหาลัยที่ไหน?" ภีมถามด้วยความอยากรู้

"เชียงใหม่” บอลตอบสั้นๆ

" เชียงใหม่หรือครับ ผมอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ เป็นสถานที่ที่อยากไปมากที่สุดในเมืองไทย ภาคเหนือยังไม่เคยไป ส่วนใหญ่ไปแต่ภาคใต้และจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพเท่านั้น กันต์กับบอลไม่ได้เรียนอยู่คณะเดียวกัน?" พอพูดจบ ภีมทำหน้าสงสัย

"เรียนอยู่คนละคณะและคนละชั้นปีด้วย เราจะขึ้นปี 3 ส่วนบอลจะขึ้นปี 2 " ผมตอบคำถามอย่างกระจ่างชัด

"ครับ" ภีมทำท่าครุ่นคิด

รถทัวร์ได้พากลุ่มของพวกเรามายังโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกัลกัตต้า หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทัวร์บอกให้ลูกทัวร์ทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัยเป็นเวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นให้เจอกันที่ล็อบบี้โรงแรม

ผมพักอยู่ห้องเดียวกับบอล ส่วนภีมโชคดีได้พักอยู่คนเดียว เพราะพ่อกับแม่ของภีมพักอยู่ห้องเดียวกัน และยายพักอยู่ห้องเดียวกับพริ้มเพรา

"เราว่านายภีมต้องมีรสนิยมทางเพศแบบเดียวพวกเราแน่ๆ เท่าที่ดูอากัปกริยาท่าทาง มันบ่งบอกว่าใช่ โดยเฉพาะเวลาเขาคุยกับนายนี่ หูตาแพรวพราวเชียว สงสัยแอบชอบนายแน่ๆ" บอลเปิดประเด็นในการสนทนาขึ้นมา

"เหรอ.. " ผมทำเนียนรับฟังความเห็นจากฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากเกิดอาการวัวสันหลังหวะนิดๆ

"จริงนะ เรารู้สึกอย่างนั้น ตอนคุยกันบนรถ เขาตั้งหน้าตั้งตาคุยกับนายท่าเดียว ไม่ค่อยสนใจอยากคุยกับเราเท่าไหร่" บอลวิเคราะห์จากสถานการณ์

"คิดมากหรือเปล่า เขาคงเห็นว่าตอนนั้นนายหลับอยู่เลยไม่อยากกวนมั้ง" ผมพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อให้สถานการณ์เป็นแบบธรรมดามากที่สุดเท่าที่จะมากได้

"จะยังไงก็แล้วแต่ หวังว่าเขาคงพอเดาออกนะว่า นายกับเรามีอะไรที่พิเศษนอกเหนือจากเพื่อน" บอลหันมามองผม

"หึงเราเหรอ?" ผมทำหน้าเป็น พร้อมเอื้อมมือไปลูบเป้ากางเกงบอล

"ใครหึงนาย? หลงตัวเองหรือเปล่า? มีอารมณ์อีกแล้ว เซ็กส์จัดจริงๆนะนาย" บอลหน้าแดง

"แน่ใจนะว่าไม่หึง คราวหน้าถ้าภีมชวนเราคุยอีก เราจะคุยให้นานๆเลยคอยดู" ผมพูดยั่วบอลเล่นๆ พร้อมกับใช้มือเตรียมถลกกางเกงของบอล

"อยากทำอะไรก็ทำตามใจเลยนะ อ้าว… มาถอดกางเกงเราทำไม? ทำไมไม่ไปหานายภีมโน่น?" บอลเริ่มงอนนิดๆ พร้อมยกกางเกงขึ้นมาติดกระดุมอย่างมิดชิด

"พูดเองนะ เดี๋ยวเราไปเคาะห้องภีม ขอนอนกับเขาคืนนี้เลยดีไหม? เห็นว่าพักอยู่คนเดียวด้วยซิ" ผมยังคงยั่วโมโหบอลเล่น

"เชิญตามสบาย แล้วอย่ามาแตะเนื้อต้องตัวเราอีกนะ เราไม่ชอบคนคนสำส่อน" บอลชักจะงอนจริงๆแล้ว

ผมเห็นท่าไม่ได้การ เลยรีบเข้าไปโอบกอดบอล พร้อมกระซิบข้างหู "ล้อเล่นแค่นี้ ทำน้อยใจไปได้ เราเป็นคนชวนนายมาเที่ยว ยังไงเราก็ต้องดูแลและให้ความสำคัญกับนายมากเป็นพิเศษ ต่อไปนี้เราจะไม่ล้อเล่นกับนายเรื่องแบบนี้อีก ขอโทษนะ หายงอนหรือยังเอ่ย?"

รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าของบอล ผมเริ่มใช้ริมฝีปากไซร้ทั่วบริเวณต้นคอของบอล ตัวบอลเริ่มอ่อนไหวตามจังหวะการไซร้ของผม

ผมจัดการถอดเสื้อผ้าของบอลและของผมออกจนหมด เราทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผมก้มลงดูดเลียหัวนมสีชมพูทั้งสองข้างของบอลและใช้มืออีกข้างสาวว่าวให้บอล กระจู๋ของบอลเริ่มแข็งโด่พร้อมออกศึก ผมค่อยลากจมูกลงมาเล้าโลมขนหะมอยอันพลอมแพลม จากนั้นก็ใช้ลิ้นลากยาวบนท่อนเอ็นอันแสนโอชาของบอล

เสียงครางเบาๆของบอลดังออกมาเป็นระยะๆระยะๆ ผมรีบแยกขาบอลออก พร้อมสอดใส่แท่งตอปิโดของผมตรงกลางขาหนีบใต้ก้นของบอล แล้วกดขาหนีบของบอลให้บีบรัดแท่งตอปิโดของผม (สาเหตุที่ต้องร่วมรักวิธีนี้ เพราะบอลยังไม่พร้อมที่จะให้ผมทะลุทะลวงประตูหลัง เขากลัวเจ็บ)

ผมกระเด้าแท่งตอปิโดเข้าๆออกๆตรงขาหนีบของบอล พร้อมกับสาวว่าวให้บอลอย่างมันส์มือ

อีกไม่กี่อึดใจ กระจู๋ของบอลได้พ่นน้ำกำหนัดออกมาเลอะเต็มมือผม 2-3นาทีต่อมาน้ำอสุจิก็พุ่งออกมาจากปากแท่งตอปิโดของผมเลอะเต็มหว่างขาบอล

เราทั้งสองเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ต่างคนต่างถูเนื้อตัวให้อีกฝ่ายหนึ่ง มันช่างสุขและเสียวไปพร้อมๆกัน

……………………………………………………………………………………………


คณะทัวร์ออกเดินทางจากเมืองกัลกัตต้า มายังเมืองคยา ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง


ที่พักในเมืองคยา อาจจะพิเศษกว่าที่อื่นๆ เพราะเป็นเขตพุทธสถาน (ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงแรมและที่พักในรูปแบบต่างๆให้เลือกเยอะแยะเหมือนในปัจจุบัน) ดังนั้นที่พักที่ดีที่สุดและสะอาดที่สุดคือ วัดไทย โดยจะพักค้างคืนที่เมืองนี้เพียง 1 คืน เท่านั้น

ภายในวัดไทย ที่พักจะแยกชาย-หญิง โดยชาย-หญิงไม่สามารถพักในห้องเดียวกันได้ กลุ่มลูกทัวร์ที่เป็นผู้ชาย นอนศาลาวัด ส่วนกลุ่มลูกทัวร์ที่เป็นผู้หญิง นอนเรือนพัก

หลังจากเมืองคยา ก็เดินทางต่อไปยังเมืองพาราณาสี ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ พวกเราจะพักอยู่เมืองพาราณาสีนานกว่าที่อื่น โดยจะพักอยู่ 4 วัน 3 คืน


"เมืองนี้ฝุ่นโคตรเยอะ ทั้งเนื้อทั้งตัวชะโลมไปด้วยฝุ่นหมด เราขอตัวไปอาบน้ำก่อน นายลองถามน้านิดว่า มียาแก้ไข้แก้ปวดอะไรบ้าง ตอนที่อยู่ดอนเมืองเราเห็นน้านิดถือกล่องยาสามัญประจำบ้านมาด้วย เรารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก แถมยังคัดจมูกและจามอีกด้วย สงสัยจะแพ้ฝุ่นหรือไม่ก็แพ้อากาศ" บอลอธิบายถึงอาการไม่สบายตัว

"นายรีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวเราจะไปเอายาจากน้านิดมาให้" ผมรีบวิ่งไปยังห้องของหัวหน้าทัวร์
ด้ยามาแล้ว น้านิดบอกว่านายต้องแพ้ฝุ่นแน่นอน ก่อนหน้านี้ลูกทัวร์ของน้านิดหลายคนก็มีอาการคล้ายกับนาย น้านิดยังฝากยาดม ยาแก้แพ้ และผ้าสำหรับปิดจมูกมาให้นายด้วย รีบกินยาแล้วนอนพักซะ อาการจะได้ดีขึ้น ถ้านายอยากได้อะไรก็บอกเรา" ผมโอบกอดบอล พร้อมเอามือลูบแผ่นหลังบอลเบาๆ

หลังจากทานยาเรียบร้อย ซักพักบอลก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน


"ยังไม่ถึง 1 ทุ่ม ออกไปเดินเล่นดีกว่า" ผมมองนาฬิกาข้อมือ


"ถ้านายตื่นมาแล้วไม่เจอเรา ไม่ต้องตกใจนะ เราออกไปเดินเล่นข้างนอกและอาจจะแวะไปคุยกับน้านิด" ผมเขียนโน๊ตทิ้งไว้บนโต๊ะที่อยู่ติดหัวเตียงนอน
หน้าโรงแรมจะเป็นถนนทางเดินเลียบแม่น้ำคงคา ขนานไปกับตลิ่งคอนกรีตขั้นบันไดลงไปสู่ท่าน้ำแม่น้ำคงคา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาแสวงบุญได้ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำอันศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่ผมกำลังเดินลงบันไดตรงท่าน้ำ เพื่อชมความงามของทิวทัศน์จากริมฝั่งคงคามหานที ผมได้ยินเสียงผู้ชายวัยกลางคน อายุประมาณ 40 กว่าปี พูดภาษาไทยว่า…
"แม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนที่นี่เชื่อว่าไหลมาจากสรวงสวรรค์ ตามหลักความเชื่อในศาสนาพราหมณ์กล่าวว่า ถ้าได้มาอาบ มาดื่มกินน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะเป็นมงคลแก่ชีวิตเป็นอย่างมาก"

"เสียงนี้คุ้นหูจังเลย" ผมพึมพำอยู่ในใจ จากนั้นจึงหันหน้าไปดูหน้าเจ้าของเสียง

"ที่แท้ลุงภูนั่นเอง ผมนึกว่าเสียงใคร" ผมพูดทักทายพ่อของภีม ลุงภูกับภีม นั่งอยู่บนขั้นบันไดท่าน้ำริมตลิ่ง โดยลุง ภูกำลังเล่าความเป็นมาของแม่น้ำคงคาให้ภีมฟัง

"ไปไงมาไงพ่อหนุ่ม? ออกมาคนเดียวหรือ?" ลุงภูเอ่ยถามผม

"ครับ เพื่อนไม่ค่อยสบาย เห็นว่าแพ้ฝุ่น พอกินยาเสร็จก็หลับไป"

"เจ้าพริ้มก็แพ้ฝุ่นเหมือนกัน เพิ่งให้กินยาไป ตอนนี้สงสัยคงหลับปุ๋ย ส่วนแม่เจ้าภีมเห็นบ่นว่าคันไปทั้งตัว เมืองนี้ฝุ่นเยอะจริงๆ ยังไงระวังตัวหน่อยนะพ่อหนุ่ม ไม่ใช่แค่ฝุ่นอย่างเดียว ผู้คนด้วย คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่ใช่แค่ที่นี่เท่านั้น ทุกหนทุกแห่งรวมถึงบ้านเราด้วย ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป" ลุงภูพูดให้แง่คิด

"กันต์ เรียนเก่งมากๆนะ พ่อ สอบเทียบได้ตั้งแต่ม.4 แถมยังเอ็นฯติดด้วย" ภีมยอผมให้พ่อของเขาฟัง

"ไม่ถึงกับเก่งหรอกครับ ผมว่าฟลุ๊คมากกว่า หรือไม่ก็จับจังหวะเลือกคณะที่คะแนนไม่เยอะและคนเลือกน้อย" ผมพูดอย่างถ่อมตัว

"ยังไงก็ถือว่าเก่งนะ พ่อหนุ่มเรียนอยู่ปีไหน?" ลุงภูถามผม

"จะขึ้นปี3 ครับ"

"อีกไม่กี่ปีก็ใกล้จบแล้วซิ อายุพอๆกับเจ้าภีม เจ้านี่หัวมันดีนะ แต่ขี้เกียจไปหน่อย หนังสือหนังหาไม่ยอมอ่าน วันๆเอาแต่เล่นวีดีโอเกมส์ อ่านหนังสือการ์ตูน" ลุงภูหันมามองหน้าภีม

"แต่ผมสอบผ่านทุกวิชาและเกรดเฉลี่ยไม่เคยได้ต่ำกว่า 2.8 ทุกเทอมนะจะบอกให้" ภีมพูดอย่างภาคภูมิใจในผลการเรียนของตัวเอง

"เดี๋ยวรอประกาศผลสอบเอ็นฯออกก่อนนะ พ่อคนเก่ง" ลุงภูพูดกับภีม จากนั้นหันหน้ามาพูดกับผมว่า "ลุงขอตัวไปดูเจ้าพริ้มและแม่เจ้าภีมก่อน พ่อหนุ่มคุยกับเจ้าภีมไปพลางๆ ลุงฝากเจ้าภีมด้วย คุยกันอยู่แถวนี้ อย่าออกไปไหนไกล ที่นี่ไม่ใช่บ้านเมืองเรา แปลกที่แปลกทาง เราไม่รู้ว่าอันตรายจะมาเมื่อไหร่ เวลาเกิดอะไรขึ้นมันลำบาก"

"ได้ครับ ลุงไม่ต้องห่วงเลยครับ" ผมรับคำ

"พ่อไปก่อน อย่าอยู่ข้างนอกโรงแรมนาน และห้ามออกไปไหนไกล ทำไมไม่ชวนพ่อหนุ่มขึ้นไปคุยที่ห้องภีม? สะดวกและปลอดภัยกว่า อีกอย่างข้างนอกฝุ่นก็เยอะด้วย" ลุงภูกำชับภีม

พอลุงภูเดินกลับเข้าไปในโรงแรมได้ซักพักใหญ่ๆ ภีมก็ชวนผมขึ้นไปคุยบนห้องของเขา (ซึ่งเขาพักอยู่คนเดียวเช่นเคย)

ผมนั่งคุยกับภีมอยู่ในห้อง โดยภีมนั่งอยู่บนเตียง ส่วนผมนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ตรงปลายเตียง

เราทั้งสองคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่างๆนานา จนกระทั่งภีมเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาว่า…

"กันต์กับบอลเป็นแฟนกันหรือเปล่า?"

"อืม… ยังไงดีละ คือ เรากับบอลเป็นเพื่อนกัน แต่พิเศษกว่านิดหนึ่ง ไม่ถึงขนาดที่ใช้คำว่า แฟน เรียกกันและกัน เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย?" ผมพยายามตอบอย่างชัดเจนมากที่สุด

"เข้าใจระดับหนึ่ง กันต์กับบอลมีอะไรกันแล้วใช่ไหม?" ภีมถามอย่างตรงไปตรงมา

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

"อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าบอลไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ เวลาที่ผมทักทายก็ดูหน้างอ ถามคำตอบคำ ที่แท้หึงกันต์นี่เอง" ภีมใช้มือจับเป้ากางเกงตัวเอง เหมือนกำลังจะขยับขอบกางเกงในหรือไม่ก็เกากระจู๋

"ช่างสังเกตจริง เขาคงไม่หึงเราหรอก เขาก็เป็นของเขาแบบนี้ พูดน้อยถามคำตอบคำ แล้วแต่อารมณ์" เวลานี้สมาธิของผมกระเจิงไปนิดหน่อย เพราะมัวแต่จ้องมองมือของภีมที่กำลังเกาตรงเป้ากางเกงอยู่

"เกาอยู่นั่นแหละ เป็นสังคังหรือเปล่า?" ผมพูดหยอกล้อ

"ดูให้หน่อยว่าใช่หรือเปล่า?" ภีมเปิดโอกาส

"ดูไม่เป็น เราไม่เคยเป็นนิ จะรู้ได้ไงว่าใช่หรือไม่" ผมเล่นเกมส์หมาหยอกไก่

"งั้นช่วยเกาให้ผมหน่อยได้เปล่า? เมื่อยมือ" ภีมถอดกางเกงพร้อมกับกางเกงในออกอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นด้ามปืนยาวหัวเปิดถอกของเต้ย ทำเอาผมขาดสติไปชั่วขณะ ผมไม่รอช้า เขยิบตัวพร้อมยื่นมือเข้าไปจับรูดขึ้นๆลงๆอย่างทันที ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ขนหะมอยที่ขึ้นหนาบนหัวหน่าวของภีม

"ขอผมดูกระดอกันต์หน่อยซิ ครั้งก่อนยังเห็นไม่จุใจ" ภีมรีบใช้มือปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงยีนส์ของผมออกทันที
จากนั้นใช้มือค่อยๆถอกหนังหุ้มกระดอผมออกจนหัวเปิดออกมาจนหมด

"กระดอกันต์เวลาแข็งตัวขึ้นมา ใหญ่มหึมามากๆ" ภีมทำท่าตกใจ พร้อมทั้งอ้าปากเตรียมจะเขมือบกระดอผมอย่างหิวโหย

"อย่า.. ไม่เอา !! คือ วันนี้เรายังไม่ได้อาบน้ำทำความสะอาดเลย เราแค่ชักว่าวให้กันและกันอย่างเดียวก็พอนะ" ผมพูดอย่างขาดความมั่นใจ

"ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า.. เข้าใจพูดนะ อย่าว่าแต่กันต์เลยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ผมเองก็ยังไม่ได้อาบเหมือนกัน ซกมกพอกัน กระดอเหม็นด้วยกันทั้งคู่" ภีมหัวเราะชอบใจใหญ่

ผมและภีมต่างสำเร็จความใคร่โดยใช้มือให้แก่กันและกัน จนน้ำอสุจิแตกคามือทั้งคู่

………………………………………………………………………………………………………….

ผมเดินกลับห้องพักอย่างอารมณ์ดี รู้สึกโล่งและเบาสบายตัวมาก (ได้เอาน้ำออกมาแล้วนิ จะไม่สบายตัวได้ไง)

ผมเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นบอลนั่งสะลึมสะลืออยู่ที่ปลายเตียง

"ตื่นนานหรือยัง? รู้สึกดีขึ้นมาบ้างไหม?" ผมถามบอลด้วยความห่วงใย

"ก่อนหน้าที่นายจะมาถึง ไม่กี่นาที พอได้นอนซับงีบแล้ว ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง แล้วนายออกไปเดินเล่นที่ไหนมา? หรือไปคุยกับน้านิด?" บอลถามขึ้นมา

"ออกไปเดินเล่นที่ท่าน้ำหน้าโรงแรม บังเอิญเจอลุงภูและภีม เลยคุยกันตรงท่าน้ำ จากนั้นขึ้นห้องมาหานายนี่แหละ พริ้มเพราก็แพ้ฝุ่นเหมือนกับนาย อาการแบบเดียวกันเลย เห็นลุงภูให้กินยาและนอนพักผ่อนแล้ว" ผมเล่าให้บอลฟังว่าผมออกไปทำอะไรข้างนอกบ้าง (ซึ่งเล่าความจริง แต่เล่าไม่หมดแค่นั้น)

"เจอใครไม่เจอ เจอแต่นายภีมตลอดนะ" บอลกระแหนะกระแหนผม

"ไม่ได้เจอแค่ภีม เจอพ่อเขาด้วย ถ้าเราเจอแค่ภีมคนเดียว นายจะซักฟอกเรายังไง เรายอมทั้งนั้น นายก็รู้นี่ว่า พวกเรามาเที่ยวเป็นกลุ่ม ถ้าไม่ให้เจอพวกเดียวกันโดยบังเอิญ แล้วจะให้เจอใคร? อีกอย่างกลุ่มของพวกเรามีแต่ผู้สูงวัย รุ่นคุณลุง คุณป้า ไปจนถึงคุณตา คุณยาย ทั้งนั้น พวกนี้พอกลับโรงแรมแล้วมักจะไม่ค่อยออกไปเดินเที่ยวไหนไกลๆ ส่วนที่อายุน้อยก็มีแต่พวกเราและภีมกับพริ้มเพราเท่านั้น ที่พอมีเรี่ยวแรง ตลอดจนความคึกที่จะออกไปเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกได้" ผมพยายามหาเหตุผลมาอธิบายเพื่อให้บอลเข้าใจ (เรียกว่า "แถ" จะตรงตัวกว่านะ)

"ไม่ได้ว่าอะไรนี่" บอลพูดอย่างวางมาด


"ครับ ขอหอมหน่อยนะ" ผมหยอกเล่นบอลด้วยการหอมแก้ม


"เล่นอะไรนี่ ยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม? ไปอาบน้ำเลยนะ ซกมกจริง" บอลพูดด้วยความเขินอาย


"ยังไม่แก่เลย ทำไมขี้บ่นจัง" ผมแอบบ่นพึมพำ


"พูดอะไร เราได้ยินนะ หาว่าเราขี้บ่นหรือ?" บอลทำเริ่มทำท่างอนใส่ผม


"เปล่า" ผมปฏิเสธอย่างหนักแน่น


"อย่ามาโกหก งั้นห้ามแตะต้องตัวเรา 1 อาทิตย์ เป็นการลงโทษ" บอลเตือนผม


" 1 อาทิตย์เองหรือ? น่าจะเป็น 1 เดือน นะ" ผมต่อปากต่อคำ


บอลค้อนใส่ผม พร้อมกับพูดออกมาว่า "ชอบละซิ ที่เราทำโทษไม่ให้แตะต้องตัวเรานานๆแบบนี้ จะได้มีโอกาสไปหานายภีม ให้ช่วยปลดปล่อยอารมณ์เปลี่ยวให้ใช่ไหม?"


"อยากให้นายทำให้มากกว่า ถึงแม้นายจะห้ามเราไม่ให้แตะเนื้อต้องตัวนายเป็นเวลาเท่าไหร่ก็ตาม แต่นายสามารถแตะเนื้อต้องตัวเราได้นิ ไม่ผิดกฏกติกาใดๆทั้งนั้น อย่างอนเลยนะ บอลจ๋า… เราแคร์ความรู้สึกของนายมากนะ" ผมออดอ้อนบอล ก่อนที่เรื่องเล็กๆจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา

"อย่ามากะล่อนใส่เรา นายนี่มันจริงๆเลย ไปอาบน้ำได้แล้วไป คราบขี้เกลือขึ้นเต็มไปหมด อึ๋ย.. หยะแหยง " หน้าบอลเริ่มจะแดงทีละนิด ด้วยความเขิน

"ไปก็ได้ ช่วยอาบน้ำให้หน่อยดิ ถูเจี๊ยวให้ด้วยนะ บอลจ๋า... " ผมทำท่าออดอ้อน

...........................................................


เมื่อเที่ยวชมเมืองพาราณาสีครบตามกำหนดการแล้ว หัวหน้าทัวร์ก็พาพวกเราออกเดินทางโดยการนั่งรถไฟไปเมืองนิวเดลลีซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอินเดีย

คณะทัวร์ของพวกเรานั่งรถไฟชั้น 1 ซึ่งแบ่งเป็นห้องๆ มีประตูและลงกลอนเพื่อความปลอดภัย แต่ละห้องสามารถจุผู้โดยสารได้ 4 คน

ผมกับบอล ได้ห้องเดียวกับภีมและลุงภู (เพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน) ส่วนแม่ของภีม ยาย และพริ้มเพรา อยู่อีกห้องหนึ่งกับหัวหน้าทัวร์

ผมพยายามสังเกตว่า บนรถไฟ บอลไม่คุยกับภีมเลย แต่กับลุงภูกลับคุยกันค่อนข้างถูกคอ ขนาดภีมพยายามจะคุยด้วย บอลก็คุยแบบสั้นๆห้วนหรือถามคำตอบคำ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไม และไม่อยากเดาด้วย(เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่า หลงตัวเอง) อีกทั้งไม่อยากจะถามบอล เพราะไม่อยากให้เรื่องราวไปกันใหญ่

หลังจากคืนนั้นที่เมืองพาราณาสี ผมไม่มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังหรือคุยกันสองต่อสองกับภีมอีกเลย เพราะบอลตามประกบผมแจ จะแอบชะแว๊บไปไหนไม่ได้เลย

ยังดีที่ขากลับมาถึงสนามบินดอนเมือง ภีมได้แอบจดเบอร์โทรศัพท์และเพจใส่ในมือของผม(แอบเอาให้ผม ตอนที่บอลไปเข้าห้องน้ำ) ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามจุดหมายปลายทางของแต่ละคน



ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...