วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"เรื่องเล่าคาวน้ำกาม" 5

วันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะว่าได้กลับมาเรียนที่มหาลัยของผม กลับมาหาสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย (หลังจากที่ภาคเรียนที่ 1 ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนอยู่ที่มหาลัยอื่น)

ในภาคเรียนที่ 2 นี้ สิ่งที่แปลกใหม่ในชีวิตนักศึกษาของผมคือ ผมไม่ได้พักอยู่หอพักในมหาลัยอีกต่อไป เนื่องจากไม่ได้มาลงชื่อจองหอพักตั้งแต่ภาคเรียนที่แล้ว ผมเช่าคอนโดอยู่ตรงหลังมหาลัย และทางบ้านอนุญาตให้ผมเอารถจี๊บมาใช้ได้ (ไม่ใช่ว่าดัดจริต ไม่อยากขี่รถมอเตอร์ไซด์ หรืออยากโก้เก๋อะไรหรอก เรื่องของเรื่องคือ มีคนเอารถจี๊บมาจำนำไว้ ทางบ้านของผมต้องรับจำนำ เพราะว่าเจ้าของรถเป็นญาติสนิท จะไม่ช่วยก็ดูกระไรอยู่ บริเวณบ้านของผมค่อนข้างจะคับแคบไม่มีที่ว่างพอสำหรับจอดรถ แค่จอดรถเก๋งคันเล็กๆคันเดียวก็จะเต็มหน้าบ้านแล้ว อีกอย่างทางบ้านของผมค่อนข้างมั่นใจว่า เจ้าของรถคงไม่มาไถ่คืนอย่างแน่นอน ชาวบ้านแถวนั้นลือกันให้หนาหูว่า เจ้าของรถกำลังเตรียมชิ่งหนีเจ้าหนี้หลายราย)
ก่อนที่จะเข้าสู่สาระสำคัญ ผมขอเม้าท์ให้หายอยาก เพราะคันปากมากๆ (หมายถึงคันปากอยากเม้าท์นะครับ ไม่ได้คันปากอยากอมกระจู๋)

เรื่องมีอยู่ว่า มันเป็นความบังเอิญที่ควรจะเรียกว่า “โชคดี” หรือ “โชคร้าย” กันแน่ คอนโดที่ผมอยู่นั้น ห้องของผมอยู่ตรงข้ามกับห้องของพี่บาส (ยังจำพี่บาสได้ไหม? พี่บาสรุ่นพี่สาขาวิชาของผม และพี่บาสยังเป็นคู่ขาของพี่ทีอีกด้วย) ชนิดที่ประตูหน้าห้องหันหน้าชนกันเลยก็ว่าได้ ถ้าเปิดประตูออกมาพร้อมๆกัน มีสิทธิ์จ๊ะเอ๋เบบี้ ทุกเวลา

ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยถูกชะตากับพี่บาสเท่าไหร่ เวลาที่เห็นหน้าและได้ฟังคำพูดทีไรรู้สึกหมั่นใส้มากๆ คนอะไรเก๊กได้ทั้งวัน แถมบุคลิกท่าทางยังดูจิตๆอีกต่างหาก เวลาพูดกับผม พี่แกจะพยายามทำท่าทางข่มๆ ทับถมผม (ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร?) บางครั้งผมสุดจะทน ผมก็พูดกัดจิกพี่แกแบบเนียนๆ ชนิดที่แอบด่าแบบแฝงแง่คิด

พี่บาสเล่าให้ผมฟังว่า พี่ต่อมีแฟนแล้ว แฟนของพี่ต่อ ไม่ใช่ใครที่ไหน ใกล้ตัวพวกเรามากๆ(หมายถึงผมกับพี่บาส) เป็นรุ่นน้องสาขาวิชาของพี่บาส และเป็นเพื่อนร่วมสาขาวิชาของผม แถมยังเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมในสาขาวิชา อีกด้วย ชื่อ “นพ” นพเป็นเกย์แบบอ้อยเรืองแสง หรือพูดให้เข้าใจคือ เกย์แบบเปิดเผยตุ้งติ้ง (ไม่ใช่กระเทยแต่งหญิงนะ อย่าสับสน) มอง 500 เมตรก็รู้ว่าเป็นเกย์ พี่ต่อนี่ก็ช่างมีรสนิยมที่แปลกพิลึกพิลั่นจริงๆ ระหว่างพี่ต่อกับนพ ใครเป็นฝ่ายรุกฝ่ายรับกันแน่? (ตรูก็คันปากแอบเม้าท์พวกเขาจนได้นะ)
พี่ต่อกับนพ ได้พบรักกันเมื่อเทอมที่แล้ว ตอนไปออกภาคสนามวิชามัคคุเทศน์ที่พิษณุโลกและสุโขทัย ทั้งสองพักห้องเดียวกัน ในคืนวันนั้น ฝนตกหนักมากๆ ต่างอารมณ์เปลี่ยวด้วยกันทั้งคู่ เมื่อบรรยากาศเป็นใจ ความเงี่ยนจึงไม่เข้าใครออกใคร (พี่บาสบรรยายรายละเอียดได้เห็นภาพสุดๆ ชนิดที่ว่าไปมุดอยู่ใต้เตียงแอบดูพี่ต่อและนพ เล่นเกมส์เอางูลงรู) นับแต่นั้นมา ทั้งสองติดอกติดใจในรสสวาทของกันและกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา รวมถึงอุปนิสัยเข้ากันได้ดีมากๆ เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างลงตัว “ความรัก” จึงบังเกิดขึ้น

พอเล่าจบ พี่บาสทำหน้าทำตาเห็นอกเห็นใจปนเวทนาใส่ผม (ตรูละหมั่นใส้อยากจะตบอีเจ๊บาสจริงๆ แต่เย็นไว้ก่อน ตรูยังมีไพ่เด็ดในมือ ถ้าทิ้งไพ่เมื่อไหร่ละก็ อีเจ๊บาสมีหนาวแน่ๆ)

“ผมก็มีเรื่องอยากจะเล่าให้พี่บาสฟังอยู่พอดี ตอนไปกรุงเทพ ผมได้ไปเจอใครและได้ทำอะไรกันมาบ้าง อยากจะรู้เหมือนกันว่า ระหว่างเรื่องที่พี่บาสเล่าให้ผมฟัง กับ เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้พี่บาสฟัง เรื่องของใครจะแสบๆคันๆจนทำให้อีกฝ่าย อึ้ง ทึ่ง เสียว มากกว่ากัน” ผมพูดดังๆอยู่ในใจ(แค่พูดดังๆในใจเท่านั้น แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว) พร้อมกับหันไปมองรูปถ่ายใส่กรอบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือของพี่บาส (รูปถ่ายนี้เป็นรูปของพี่บาสถ่ายคู่กับพี่ทีตอนไปเที่ยวแม่สาย) ผมส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสาแก่ใจ ให้แก่พี่บาส (ตรูอุตส่าห์ใบ้ให้ขนาดนี้แล้ว ถ้ามรึงฉลาดจริงคงเดาไม่ยากหรอก)

พี่บาสทำหน้างงๆ (คงจะคิดว่า ไอ้บ้านี่มันยิ้มอะไรของมัน)

ผมรู้ว่าพี่บาสหลงพี่ทีมากๆ หลงชนิดที่หัวปักหัวปำเลย ทุกครั้งที่พี่ทีขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่ พี่บาสจะต้องคอยไปส่งส่วยสนองความใคร่ให้กับพี่ที อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ขนาดพี่ทีขึ้นมาเชียงใหม่ตอนช่วงสอบไล่ (เรื่องนี้พี่ต่อเคยเม้าท์ให้ฟัง) พี่บาสยังทุ่มทุนสร้างถึงขนาดที่รีบๆอ่านหนังสือแบบผ่านๆให้จบแต่หัววัน ส่วนกลางคืนนั้นก็ติวภาษาอังกฤษกับพี่ทีทั้งคืน Oh! Yes! Yes! Ah! Ah! Baby! Yes! Yes! F……k me!!!

ผมอยากรู้ว่า ถ้าอีเจ๊บาสรู้เรื่องระหว่างผมกับพี่ที อีเจ๊บาสจะทำหน้าอย่างไร? ยังจะกล้าทำหน้าเชิ่ดใส่ผมอยู่หรือเปล่า?

.................................................................

พูดออกทะเลไปเยอะแล้ว (ออกไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิกข้ามไปแอตแลนติกโน่น) คราวนี้ถึงเวลากลับเข้าฝั่งซะที......

เช้าวันนี้ นอกจากจะเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 แล้ว ยังเป็นวันแรกที่ผมจะได้เจอน้องรหัส(ทั้งที่คนอื่นได้เจอกับน้องรหัสของตัวเองตั้งแต่เทอมก่อน) ผมได้เตรียมขนมนมเนย รวมทั้งพวกหนังสือและสมุดแล็กเชอร์วิชาต่างๆเอาไว้มากมาย เพื่อรับขวัญน้องรหัส (พูดแล้วก็อดนึกถึงตอนที่ผมอยู่ปี1 พี่รหัสของผมได้ให้ขนมนมเนย พร้อมทั้งหนังสือและสมุดจดแล็กเชอร์วิชาต่างๆ ให้ผม แถมยังพาผมไปเลี้ยงที่ร้านอาหารที่ขึ้นชื่ออีกด้วย)

เพื่อนๆที่สาขาวิชาบอกผมว่า น้องรหัสของผมเป็นผู้ชาย ชื่อ “ก้อง” มาจากกรุงเทพ และได้เป็นเดือนของสาขาวิชาด้วย (เชื้อรหัสไม่ทิ้งแถวจริงๆ) นอกจากนั้นเพื่อนๆของผมยังเล่าถึงวีรกรรมต่างๆของน้องก้องให้ผมฟัง (ต้องเรียกว่า น้องก้อง ตามคุณวุฒิ ส่วนวัยวุฒินั้น คงต้องเรียก พี่ก้อง เพราะแก่กว่าผม) ต่างๆนานาว่า น้องก้องคนนี้อารมณ์รุนแรงมากๆ ติสแตกหน่อยๆ และเป็นคนที่พูดโผงผาง พูดตรงมาก ตรงจนไม่รู้จักคำว่า “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น” ตอนที่รับน้องใหม่ รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าว๊าก ได้ถามน้องก้องว่า... “เอ็งเป็นเกย์หรือเปล่า?”
“ไม่เป็นครับ แต่ผมเอาได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แล้วแต่ว่าจะหน้าตาน่าเอามากน้อยแค่ไหน” คำตอบที่ออกจากปากของน้องก้องนั้น ทำเอาบรรดารุ่นพี่และทุกคนถึงกับอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว

ผมขับรถจากคอนโดมามหาลัย บนถนนคลองชลประทานรถติดมากๆ จนต้องเลี่ยงขับเข้าซอยเล็กๆที่ทะลุหากันได้หลายๆซอย และสามารถเชื่อมมาโผล่ตรงหลังมหาลัยได้ (ถ้าใครเคยเรียนอยู่มหาลัยแห่งนี้คงจะเคยใช้หรือนึกภาพเส้นทางสายนี้ออกนะครับ ส่วนใครที่ยังไม่เคยมาที่มหาลัยนี้ ก็นึกภาพกันเอาเองแล้วกัน ตามแต่จินตนาการของแต่ละคน) ระหว่างทาง ผมจะต้องผ่านหน้าบ้านพี่ต่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่ผ่านหน้าบ้านพี่ต่อ ผมเห็นนพกำลังเปิดประตูรั้วบ้านและพี่ต่อก็กำลังจูงมอเตอร์ไซด์ออกมา

เมื่อเห็นผม นพโบกไม้โบกมือทักทาย และผมบีบแตรรถทักทายตอบกลับไป ส่วนพี่ต่อหลบหน้าหลบตาผม ไม่ทักทายผมเลย (เวลาเปลี่ยน คนบางคนก็เปลี่ยนไปตามเวลา)

ขณะที่ขับรถผ่านบริเวณอ่างเก็บน้ำของมหาลัย ผมค่อยๆชะลอความเร็วของรถลงเพื่อมองหาที่จอด ทันใดนั้นก็มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่ง ขี่ปาดหน้ารถผมอย่างรวดเร็วฉวัดเฉวียนจนผมเหยีบเบรคเกือบไม่ทัน

“ขับรถประสาอะไรของมันว่ะ ไฟเลี้ยวก็ไม่เปิด บีบแตรก็ไม่บีบ โชคดีนะที่เบรคทัน ถ้าเบรคไม่ทันละก็....” ผมบ่นอยู่คนเดียวในรถ

ซักพักหนึ่งรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นเสียหลักล้มคว่ำลงไม่ไกลจากรถของผมมากนัก ระยะห่างไม่ถึง 10 เมตร ผมตกใจมาก รีบเปิดประตูรถวิ่งเข้าไปดูว่า คนขี่รถมอเตอร์ไซด์ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

ผมไม่แน่ใจว่ารถมอเตอร์ไซด์คันนั้นล้มคว่ำเอง หรือว่าเฉี่ยวกับรถของผม (ถ้าเฉี่ยวก็คงไม่ใช่ เพราะว่าผมเบรครถได้ทันก่อนที่มอเตอร์ไซด์คันนั้นจะคว่ำ)

เมื่อผมวิ่งไปถึงตรงที่รถมอเตอร์คว่ำ ก็เห็นร่างของหนุ่มน้อย รูปร่างผอมสูง ผิวขาว ใส่แว่นตา(สมัยนี้คงเรียกว่า เด็กเนิร์ด) หน้าตาดีมาก (สไตล์ตี๋หล่อ) กำลังประคับประคองตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นดิน หนุ่มน้อยคนนี้ใส่ชุดนักศึกษาโดยผูกเน็กไทด์อย่างเต็มยศ ลักษณะการแต่งกายแบบนี้ ฟันธงได้ 100% เลยว่า ต้องเป็นนักศึกษาปี 1 แน่นอน

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนบ้าง?” ผมถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“ผมไม่เป็นไรครับ ผมผิดเองที่ขี่รถเร็วมาก และเบรครถก็ไม่ดีด้วย รถเลยแฉลบ” หนุ่มน้อยกำลังใช้มือปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากขอบกางเกง

“ไปเรียนไหวไหม? ไม่ไหวบอกนะ เดี๋ยวจะพาไปหาหมอ” ผมถามหนุ่มน้อยคนนั้นเพื่อความแน่ใจ

“แค่ข้อศอกถลอก เลือดซิบๆนิดหน่อย สบายมาก” หนุ่มน้อยโชว์รอยถลอกที่ข้อศอกให้ผมดู

“เราค่อยโล่งใจ ที่นายไม่เป็นอะไรมาก ตอนแรกเราคิดว่ารถของเราเฉี่ยวนาย ทำเอาตกใจหมดเลย คราวหน้านายก็อย่าซิ่งมอเตอร์ไซด์เร็วอีกนะ นายอาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้ก็ได้ ถ้าเกิดว่าเกิดเจ็บตรงไหนขึ้นมาทีหลัง ก็รีบไปหาหมอ อย่าปล่อยทิ้งไว้ เดี๋ยวจะเป็นหนักกว่าเดิม” ผมเตือนด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณมาก ผมต้องขอก่อนตัวนะครับ จะรีบไปเรียน” หนุ่มน้อยคนนั้นยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร พร้อมกับสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ทันที

“อย่าซิ่งให้มาก ค่อยๆขี่ไปช้าๆ” ผมพูดตบท้าย

ผมจอดรถไว้แถวๆบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ จากนั้นก็เดินไปทานอาหารเช้าที่โรงอาหารของคณะ (โรงอาหารของคณะ ใกล้กับอ่างเก็บน้ำ ถ้าใครเคยเรียนหรือเคยผ่านไปมาที่มหาลัยแห่งนี้ คงเดาได้นะครับว่า ผมเรียนอยู่คณะอะไร? ร้านขายขนมหวานที่โรงอาหารแห่งนี้ขึ้นชื่อมากๆ ชนิดที่เป็นที่รู้จักทั้งมหาลัยเลยก็ว่าได้)

ในช่วงเช้า โรงอาหารของคณะจะมีคนมากินข้าวไม่ค่อยเยอะ (ไม่เหมือนโรงอาหารหลักของมหาลัย ซึ่งคนล้นทะลักตั้งแต่เช้ายันบ่ายแก่ๆ) ก่อนที่จะไปซื้ออาหาร ผมได้แวะเข้าไปล้างมือที่ห้องน้ำในโรงอาหาร (มือเปื้อนเศษดินเศษฝุ่นเพราะช่วยเก็บข้าวของและพยุงรถมอเตอร์ไซด์ให้หนุ่มน้อยคนนั้น)

ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำ สายตาของผมได้ไปสะดุดกับหนุ่มมาดเซอร์คนหนึ่งกำลังยืนฉี่อยู่ตรงโถฉี่ หนุ่มคนนี้ผิวสองสี ใส่เสื้อนักศึกษา กางเกงยีนส์ และสวมรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาว ไว้ผมยาวเกือบประบ่า แสกข้าง เท่าที่ดูรัศมีความหล่อจากโครงหน้าในมุมหันข้าง จัดได้ว่า เป็นคนที่ค่อนข้างหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว

หนุ่มมาดเซอร์หันหน้ามามองผมด้วยใบหน้าที่อมยิ้มนิดๆ ผมรู้สึกเขินๆเลยไม่กล้ามองมาก (ทั้งเขินและไม่แน่ใจด้วยว่า เขามีรสนิยมเดียวกับผมหรือเปล่า? ถ้าขืนไปจ้องหรือทำอะไรบุ่มบ่ามสุ่มสี่สุ่มห้าไป อาจจะได้กินยำบาทาเป็นอาหารเช้า แถมอายขายขี้หน้าคนทั้งคณะเลยก็ว่าได้)

ผมค่อยๆล้างมืออย่างช้าๆ (อ่อยอย่างมีกึ๋น) เพื่อรอดูปฎิกริยาของฝ่ายตรงข้าม จากเงาสะท้อนของกระจกบานใหญ่ตรงหน้า ซักพักหนุ่มมาดเซอร์คนนั้น ค่อยๆยืนห่างจากโถฉี่มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมมองเห็นลำกล้องกระบอกปืนหุ้มหนังสีคล้ำๆ (ตรงหนังหุ้มยังมีเส้นเอ็นสีเขียวปูดโปนจนเห็นได้ชัด)

เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนั้นแล้ว ผมจะรอช้าอยู่ใย ผมเดินไปยืนที่โถฉี่ข้างๆ จัดการปลดเข็มขัด แกะตะขอกางเกงและรูปซิป พร้อมกับงัดเอาแท่งตอปิโดของผมที่แข็งโด่ออกมาโชว์ ผมใช้มือค่อยๆถอกหนังหุ้มที่หัวตอปิโดออกมาทีละนิดๆ หนุ่มมาดเซอร์คนนั้นชะโงกหน้ามาดูแท่งตอปิโดของผม จากนั้นผมก็ชะโงกหน้าไปดูกระบอกปืนของเขาดูบ้าง กระบอกปืนของเจ้าหนุ่มมาดเซอร์ ยาวตรงสวยได้รูป ไม่เล็กและไม่ใหญ่ (แต่ใหญ่กว่าของไอ้พัฒน์นิดหนึ่ง) ตรงหัวเปิดบานถอกเป็นดอกเห็ด สีคล้ำนิดๆ ส่วนบริเวณหัวหน่าวปกคลุมด้วยขนหะมอยหยิกหยองดกดำ

เจ้าหนุ่มมาดเซอร์ใช้นิ้วหัวแม่โป้งชี้ไปที่ประตูห้องน้ำส่วนตัวห้องหนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณให้ผมตามเขาเข้าไปในห้องนั้น ผมเดินตามเข้าไปอย่างไม่ลังเล เมื่อลงกลอนประตูเรียบร้อยแล้ว เราทั้งสองก็ถลกกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า

เจ้าหนุ่มมาดเซอร์ยื่นมือมาจับแท่งตอปิโดของผม และชักไปมา ส่วนผมก็จับกระบอกปืนของเขาเล่นอย่างสนุกมือ ด้วยสถานที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวย และเวลาที่รีบเร่ง ทำให้เราทั้งสองแค่ชักว่าวให้กันจนน้ำอสุจิแตกอย่างเดียว

“นายค่อยๆเปิดประตูออกไปก่อนนะ ดูด้วยว่าคนเยอะหรือเปล่า ถ้าคนเยอะก็รีบเดินออกจากห้องน้ำอย่างเร็วโดยไม่ต้องสนใจอะไร ห้ามให้ใครจับพิรุณได้ แล้วเราค่อยออกไปทีหลังนาย” เจ้าหนุ่มมาดเซอร์กระซิบบอกผม

“ได้ ” ผมพยักหน้า

โชคดีที่ยังไม่มีคนเข้าห้องน้ำ ผมเลยเดินออกมาอย่างสบายใจ ได้เอาน้ำกำหนัดออกตั้งแต่เช้า รู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งตัวเบาขึ้นเยอะ

ผมนั่งกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่สนใจมองไปรอบๆตัวเลย ทันใดนั้นก็มีจานข้าวมาวางอยู่ตรงข้างๆ ผมเงยหน้ามองดูว่าเป็นใคร.... (ยังแอบคิดนิดๆว่า อาจจะเป็นหนุ่มมาดเซอร์ในห้องน้ำคนนั้น)

“นั่งกินข้าวคนเดียวเหรอ?” พี่ต่อถามขึ้นมา

“ก็เห็นๆอยู่ว่ามาคนเดียว ไม่น่าถามเลย แล้วนพไม่มากินด้วยหรือ?” ผมถามกลับไป (แค่เห็นหน้าพี่ต่อ ตรูหมดอารมณ์ทันที อุตส่าห์จิ้นถึงอีกคน แต่ดันเจออีกคน)

“นพกำลังเข้าเรียนอยู่ กันต์ไม่มีเรียนเหรอ?”

“มีตอน 11 โมง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเนิบๆ

“ทำไมรีบมาแต่เช้า? น่าจะนอนเล่นสบายๆอยู่บนเตียง” พี่ต่อทำหน้าสงสัย

“มาดักเจอน้องรหัส เอาของและขนมมาให้” ผมตอบอย่างสั้นๆได้ใจความ

“เย็นนี้ว่างไหม?” พี่ต่อถามขึ้นมา

“ทำไมหรือ?”

“จะชวนไปเที่ยวบ้าน กันต์ไม่ได้มาที่บ้านพี่นานแล้วนะ แบบว่า คิดถึง” พี่ต่อแสดงสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“มาคิดถึงผมทำไม พี่ต่อก็มีคนให้คิดถึง มีคนให้เป็นห่วงเป็นใย มีคนให้กอด และมีคนนอนเป็นเพื่อนแล้ว ระวังนะ ถ้านพรู้ นพจะเสียใจ” ผมพูดประชดประชันนิดๆ

“พูดแบบนี้แสดงว่า กันต์หึงพี่ใช่ไหม? แม้ว่าพี่กับนพจะเป็นแฟนกัน แต่พี่ก็ยังอยากจะมีความสัมพันธ์กับกันต์เหมือนเมื่อก่อน ที่เราเคยเป็นของกันและกันอยู่บ่อยๆ” พี่ต่อส่งสายตาหวานซึ้งให้ผม

“พี่พูดอะไร? พี่ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ? พี่มีนพอยู่แล้วทั้งคน ยังอยากจะหาเศษหาเลยกับผมอีก พี่เห็นผมเป็นอะไร? ผมไม่ได้เครื่องมือแก้เงี่ยนของพี่ นึกอยากจะเอาก็เรียกมาหาอย่างง่ายๆ อีกอย่างผมกับนพต่างเป็นเพื่อนสนิท ผมไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับนพ ไม่อยากทำร้ายนพ” อารมณ์ของผมเริ่มเดือดปุดๆ อย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ (ถึงตรูจะร่านสวาทแค่ไหน แต่ยังมีคุณธรรมอยู่นะ กรณีของพี่ที ไม่ถือว่า ตรูแย่งอีเจ๊บาสนะ เพราะทั้งสองคนไม่ได้ประกาศตัวเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ เป็นแค่คู่ขาเท่านั้น หรือว่าตรูเข้าข้างตัวเองมากเกินไป? ยิ่งพูดยิ่งงง)

“ไม่เห็นจะต้องซีเรียสจริงจังอะไรเลย แค่เอากันเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้มีข้อผูกมัดอะไร น้ำแตกแล้วแยกทาง กันต์พูดอย่างกับว่าตัวเองสะอาด บริสุทธิ์ อย่างนั้น พี่รู้นะว่า กันต์ไปเอากับใครต่อใครมาบ้าง ทำมาพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้มันก็หงี่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ”

“หยุดพูดเลยนะพี่ต่อ ผมรู้สึกขยะแขยงพี่มาก สงสารตัวเองที่เมื่อก่อนยอมเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนความคิดสกปรกอย่างพี่ ผมขอตัวนะครับ ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะเดียวกับพี่ มันสะอิดสะเอียน เดี๋ยวจะกินข้าวไม่ลง ข้าวจานนี้มันมีประโยชน์กับผมมากกว่าน้ำอสุจิของพี่” ผมยกจานข้าวเดินออกไปนั่งที่โต๊ะตัวอื่นอย่างไม่รอช้า ผมรู้สึกสับสนกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว แต่ทำไมผมถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นมากมายขนาดนี้ จนทำให้ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปในชั่วพริบตา ถ้าผมรู้จักใช้สติและเหตุผลมากกว่านี้ เรื่องมันคงไม่ลงเอยแบบนี้แน่

"ทำเป็นพูดดีไป นึกหรือว่าตัวแกวิเศษวิโสมาจากไหน" พี่ต่อพูดตะเบ็งเสียงด้วยความโกรธ


ผมแยกตัวมานั่งกินข้าวที่อีกโต๊ะหนึ่ง ปากเคี้ยวข้าวอย่างช้าๆ มือขวาถือช้อน มือซ้ายถือส้อมเขี่ยข้าวไปเรื่อยๆ

“นั่งด้วยคนได้ไหม?” เจ้าของเสียงเอ่ยถามผม

ผมเงยหน้าขึ้นมาดู ปรากฎว่าเป็นเจ้าหนุ่มมาดเซอร์ที่เล่นว่าวกับผมในห้องน้ำเมื่อครู่ที่ผ่านมา

“ตามสบาย เพิ่งออกจากห้องน้ำมาหรือ?” ผมส่งยิ้มทักทาย

“ออกมาหลังนายไม่กี่วินาทีเอง มัวแต่นั่งจัดแฟ้มรายงานและเลือกกับข้าวนานไปหน่อย เราชื่อ ป้อง อยู่คณะวิจิตรฯ ปี 2 นายชื่ออะไร? อยู่ปีไหน คณะอะไร สาขาอะไร?” เจ้าหนุ่มมาดเซอร์แนะนำตัว พร้อมทั้งซักถามผม

“เราชื่อ กันต์ อยู่ปี 2 เหมือนนาย เราอยู่คณะ...... สาขาวิชา...... ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมแนะนำตัวเอง

“นายมาทำอะไรที่โรงอาหารคณะเรา? โรงอาหารคณะนายก็มีไม่ใช่หรือ?” ผมยังคงซักถามป้อง

“เรามาวาดรูปอ่างแก้ว บังเอิญปวดฉี่และหิวข้าวด้วย เลยแวะมาที่นี่” ป้องตอบอย่างตรงไปตรงมา

“จริงหรือ? แค่ปวดฉี่กับหิวข้าวแค่นั้นนะ? แล้วอย่างอื่นละ?” ผมแซวป้อง

“ถือว่าเป็นผลพลอยได้ บังเอิญมาเจอนาย ช่วยไม่ได้ นายดันน่ารักและค...ย ใหญ่อีกต่างหาก ว่าแต่นายพักอยู่หอในหรือหอนอก?” ป้องถามผม

“หอนอก นายละ?” ผมย้อนถาม

“หอนอกเหมือนกัน หน้ามอหรือหลังมอ? นายอยู่คนเดียวหรือว่าอยู่กับใคร?” ป้องยิงคำถามใส่ผมเป็นชุดๆ

“หลังมอ อยู่คนเดียว แล้วนายหน้ามอหรือหลังมอ? อยู่คนเดียวหรือว่าอยู่กับแฟน หรือว่าอยู่กับเพื่อน?” ผมแกล้งถามกลับไปบ้าง

“หลังมอเหมือนกัน เราอยู่ตรงหลังตลาดต้นพยอม อยู่กับเพื่อนอีก 2 คน ว่างๆเราไปเที่ยวที่หอนายได้หรือเปล่า? จะได้ทำอะไรที่อยากทำมากกว่านี้” ป้องถามผมอย่างมีเลศนัย

“บอกเรามาก่อนว่า นายอยากจะทำอะไร? เราถึงจะอนุญาตให้นายมาที่ห้องเราได้” ผมเริ่มเปิดประเด็น แบบหมาหยอกไก่

“อยากจะเล่นค...ยนาย อยากจะเอานาย และอยากให้นายดูดค...ยเรา เราเอานายได้ไหม?” ป้องถามผมอย่างดื้อๆ

“เออ... ต้องดูก่อนว่าลีลาของนายดุเด็ดเผ็ดร้อนแค่ไหน?” ผมตอบแบบไว้เชิง (เจอรุกอีกแล้วตรู แล้วเมื่อไหร่ตรูจะได้เป็นฝ่ายรุกบ้างนะ เสียดุลการค้าทางทวารหนักมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว)

ป้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

......................................................................
ผมนั่งรออยู่หน้าห้องเรียน เพื่อที่จะดักเจอน้องรหัส โดยไม่รู้ว่าน้องรหัสของผมหน้าตาเป็นอย่างไร และเรียนอยู่ห้องไหน? (มีอยู่2ห้องเรียนติดกัน ต่างก็สอนวิชาบังคับของสาขาวิชาด้วยกันทั้งคู่ ห้องแรกมีนักศึกษาชายอยู่ 3 คน ส่วนห้องที่ 2 มีนักศึกษาชายอยู่ 6 คน) ถ้าให้เดา ผมขอเดาว่าน้องรหัสของผมน่าจะเรียนอยู่ห้องเรียนแรกมากกว่า เพราะว่า เท่าที่ดูๆนักศึกษาชายทั้งหมด ผมเห็นมีอยู่คนเดียวที่หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างดี สะดุดตาผมมากๆ น่าจะใช่น้องรหัสของผมที่ชื่อ "น้องก้อง"
เมื่อนักศึกษารุ่นน้องเริ่มทยอยกันออกจากห้องเรียน ผมรีบเดินเข้าประกบนักศึกษาหน้าหล่อคนนั้นทันที

"ขอโทษนะครับ ใช่ น้องก้อง หรือเปล่า?" ผมถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

"ใช่ครับ" นักศึกษาคนนั้นส่งยิ้มให้ผม

"พี่ชื่อ กันต์ เป็นพี่รหัสของน้อง เทอมที่แล้วน้องคงจะรู้นะว่า พี่ติดภาระกิจมาไม่ได้ เลยไม่ได้เจอและเทคแคร์น้อง" ผมส่งถุงขนมพร้อมกับถุงย่ามใส่ตำราเรียนต่างๆ ให้น้องก้อง

ผมรู้สึกเขินๆอย่างไรก็ไม่รู้ พยายามหลบสายตาและไม่กล้าสบตาน้องก้อง(ตามวัยวุฒิผมต้องเรียกเขาว่า "พี่ก้อง" แต่เรียกตามคุณวุฒิเลยกลายเป็น "น้องก้อง") เพราะน้องก้องเล่นส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มปานจะกลืนกินผมในเวลานั้นให้ได้

"ขอบคุณมากครับ ตอนเห็นพี่ครั้งแรก และดูจากถุงขนมในมือของพี่ ผมนึกแล้วว่าต้องเป็นพี่กันต์ เห็นรุ่นพี่หลายคนบอกว่า พี่กันต์หน้าตาดีที่สุดในรุ่น พี่กันต์น่ารักสมกับที่พวกพี่ๆพูดไว้จริงๆ" น้องก้องหยอดคำหวานใส่ผม

"ปากหวานจริงๆนะเรา อยากกินอะไรละ? พี่จะได้พาไปเลี้ยงได้ถูกร้าน" ผมถามน้องก้องอย่างอายๆ

"อะไรก็ได้ครับ ถ้าได้กินกับพี่กันต์ อะไรก็อร่อยทั้งนั้น" น้องก้องยังคงหยอดคำหวานอย่างไม่ลดละ

"หน้าตาหล่อเหลา แถมยังปากหวานแบบนี้ สาวๆคงจะติดยาวเป็นหางว่าวเลยนะ" ผมมองหน้าน้องก้องอย่างเอียงอาย

"ทั้งสาว ทั้งหนุ่มครับ" น้องก้องเล่นมุขนิดๆ แบบเปิดทาง

"วันศุกร์นี้ ตอนเย็นว่างไหม? พี่จะพาไปเลี้ยง" ผมถามน้องก้อง

"สำหรับพี่กันต์แล้ว ผมว่างเสมอครับ"

"งั้นเจอกันวันศุกร์นะ จะให้พี่มารับที่หอไหม? หรือว่าเราอยากจะเจอพี่ที่ไหน?"

"พี่กันต์มารับผมที่หอก็ได้ครับ ผมอยู่หอชาย5 ผมจะรอพี่อยู่ที่หน้าหอนะครับ" น้องก้องเสนอหนทาง

"โอเค แล้วเจอกันเย็นวันศุกร์นะ เดี๋ยวพี่ต้องรีบไปเรียนแล้ว" พอพูดจบ ผมส่งยิ้มให้น้องก้องอีกรอบ ก่อนที่จะรีบเดินไปเข้าเรียนที่ตึกฝั่งตรงข้ามทันที

...................................................................


บ่ายแก่ๆ ในขณะที่ผมกำลังเดินตามทางเดินริมขอบถนน เพื่อไปสำนักหอสมุด ผมก็ได้เดินสวนกับหนุ่มมอเตอร์ไซด์ตี๋หล่ออีกครั้ง (จากตอนที่แล้ว)

"เจอกันโดยบังเอิญอีกรอบหนึ่ง นายไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?" ผมพูดทักทาย พร้อมกับก้มมองตรงข้อศอกของหนุ่มตี๋หล่อ ที่ปิดพลาสเตอร์อย่างดี

"ครับ ไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างเรียบร้อย" หนุ่มตี๋หล่อพูดอย่างเป็นมิตร

"คราวหน้าขี่มอเตอร์ไซด์ระวังๆหน่อยนะ อย่างซิ่งมาก" ผมพูดตบท้ายก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกกันไปตามทางของตน


............................................................

ตอนเย็นวันพุธ ผมกำลังดูทีวีพร้อมกับกินขนมของขบเคี้ยวต่างๆ อย่างเพลินเพลิน อยู่นั้น

ก๊อกๆๆๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา

"ใครว่ะ มาประตูห้องเวลานี้ หวังว่าคงไม่ใช่อีเจ๊บาสนะ ยิ่งไม่อยากเจอหน้ามันด้วย อะไรกันนักกันหนา" ผมบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย

เมื่อเปิดประตูห้องออกมา สายตาของผมจ้องสัมผัสประสานกับสายตาของคนที่มาเคาะประตูห้อง ผมตกใจจนแทบช็อค

"นี่มันอะไรกันนี่?? ทำไมโลกมันถึงได้กลมขนาดนี้ว่ะ ตรูอยากจะหุยขึ้นกองล่องกอง (ภาษาคำเมือง แปลเป็นภาษาไทยกลางได้ความว่า ร้องกรี๊ดเป็นภาษาคำเมืองให้ดังไปทั่วซอย) " ผมนึกในใจคนเดียว

เจอกันครั้งแรกเรียกว่า "บังเอิญ" เจอกันครั้งที่สองเรียกว่า "พรหมลิขิต" แล้วเจอกันครั้งที่สามเรียกว่าอะไร???? ......... (ช่วยเติมคำในช่องว่างหน่อย).......

"อ้าว เจอนายอีกแล้ว ช่างบังเอิญจริงๆ ขอโทษนะ ที่เสียมารยาทเคาะประตูห้อง เราอยู่ห้องข้างๆนาย เราลืมกุญแจไว้ในห้อง เข้าห้องไม่ได้ โชคดีที่ประตูหลังห้องเปิดอยู่ เลยอยากจะขอปีนจากระเบียงห้องนาย เข้าไปหลังห้องเราได้ไหม?" หนุ่มตี๋หล่อแสดงท่าทางดีใจเล็กน้อย เมื่อเห็นหน้าผม

"จุดใต้ตำตอจริงๆ เข้ามาข้างในก่อน" ผมเชิญชวนหนุ่มตี๋หล่อให้เข้ามาในห้อง

"ห้องนายสะอาด น่าอยู่จริงๆ เครื่องใช้ก็มีครบครันทั้ง ทีวี วีดีโอ วีดีโอเกมส์ ตู้เย็น และวิทยุเครื่องเสียง ไม่เหมือนห้องเรา โล่งและรกมากๆ" หนุ่มตี๋หล่อกวาดสายตามองไปทั่วห้อง

"นายก็พูดเกินไป ถ้าว่างๆไม่มีอะไรทำ มาเล่นที่ห้องเราได้นะ เราอยู่คนเดียว จะได้มีเพื่อนคุยแก้เหงา เราชื่อ กันต์ อยู่ปี 2 คณะ..... สาขา.... นายละ?"

"ขอบใจนะ เราชื่อ บอล อยู่ปี 1 คณะบริหารฯ อย่างนี้เราต้องเรียกนายว่า พี่กันต์ นะซิ เพราะนายแก่กว่าเรา"

"ห้ามเรียกพี่เด็ดขาด ตามคุณวุฒิเราแก่กว่าแน่นอน แต่ตามวัยวุฒิเราอ่อนกว่านายแน่ๆ นายอายุเท่าไหร่?" ผมถามบอล

" 18 กันต์ละเท่าไหร่?"

" 17 เพราะฉะนั้นห้ามเรียกเราว่าพี่เด็ดขาด เรียกว่ากันต์เฉยๆดีแล้ว"

"อายุน้อยจัง แสดงว่าสอบเทียบมาใช่ไหม?" บอลถามอย่างสงสัย

"ใช่แล้ว" ผมตอบสั้นๆ

บอลเริ่มกะระยะมุมระหว่างขอบระเบียงหลังห้องของผม กับขอบระเบียงหลังห้องของเขา เพื่อจะปีนข้าม

"ระวังหน่อย อันตรายนะโว๊ย ถ้าพลาดขึ้นมาเราไม่อยากคิดเลย เราว่านายไปตามช่างตัดกุญแจมาดีกว่าไหม?" ผมพูดด้วยความเป็นห่วง

"ระดับนี้แล้ว สบายมาก สมัยเรียนมัธยมเราเคยปีนทั้งหอพักและกำแพงรั้วที่โรงเรียนจนชินแล้ว"

"ปีนดีๆ เกาะแน่นๆนะ" ผมพูดไปหลับตาไป เพราะรู้สึกหวาดเสียวแทนจนไม่อยากจะมองภาพ

"เห็นไหม ในที่สุดก็ปีนข้ามมาจนได้ บอลซะอย่าง เรื่องแบบนี้สบายมาก" บอลสามารถปีนระเบียงข้ามมายังระเบียงหลังห้องของตนเองได้อย่างปลอดภัย

"ขอแสดงความยินดีด้วย เจอนายทีไร มีแต่เรื่องเสียวๆตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกเสียวเรื่องมอเตอร์ไซด์ พอมาครั้งนี้เรื่องปีนระเบียงอีก ไม่รู้ว่าครั้งหน้า นายจะทำให้เราเสียวเรื่องอะไรอีก" ผมพูดปนทอดสะพานให้อีกฝ่ายต่อยอดได้ (อ้อล้อจริงๆตรู)

บอลอมยิ้มอย่างขำๆ


ในวันเดียวกัน เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ

เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียงดังขึ้นมา

"ใครโทรมาอีก คงไม่ใช่ที่บ้านแน่นอน ดึกป่านนี้แล้ว อีกอย่างเราก็ไม่ค่อยได้ให้เบอร์โทรนี้กับใครพร่ำเพรื่อด้วย มีอยู่ไม่กี่คนเอง" ผมนึกในใจ

"ฮัลโหล นั่นใครครับ?" ผมถามขึ้นมา

"กันต์... ป้อง วิจิตรฯ จำได้ไหม? เราเจอกันที่โรงอาหารคณะนาย เมื่อวันจันทร์" เสียงจากปลายสายแนะนำตัว

"อ๋อ.. ป้อง จำได้ซิ มีอะไรเหรอ?" ผมถามสั้นๆ

"ตอนนี้นายทำอะไรอยู่? ว่างไหม?" ป้องถามกลับ

"ดูทีวี ว่าง แต่ถ้าจะชวนออกไปข้างนอก เราไม่อยากออกนะ ขี้เกียจ อยากจะดูทีวีสบายๆ" ผมตอบตามตรง

"เราไม่ได้ชวนนายออกไปข้างนอก แต่เราอยากจะถามนายว่า เวลานี้เรามาหานายที่หอได้ไหม? เราอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ถนนฝั่งตรงข้ามหอนาย"

ผมชะเง้อมองออกไปตรงระเบียงหลังห้อง เพื่อมองหาตำแหน่งของตู้โทรศัพท์ที่ป้องกำลังโทรอยู่

"ได้เลย คืนนี้นายค้างซะที่นี่ละกัน ค่อนข้างดึกแล้วด้วย อากาศข้างนอกก็เย็นมาก" ผมพูดเพื่อเปิดทางอำนวยความสะดวกให้ฝ่ายตรงข้าม (ทำไมใจง่ายจังตรู อากาศมันเย็นๆ อยากจะเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย)

"เรากะจะขอค้างกับนายอยู่พอดีเลย ดีนะที่นายเสนอมาก่อน เราเลยสนองกลับไป ห้องนายมีถ้วยชามและช้อนส้อมหรือเปล่า?" ป้องถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

"มีครบหมด ว่าแต่นายอยากรู้ไปทำไม?"

"หิวข้าวไม่มีอะไรตกถึงท้องมาทั้งวัน มัวแต่วาดรูปส่งอาจารย์ เราซื้อข้าวเหนียว หมูปิ้ง ลูกชิ้นปิ้ง ตำแตง และ ตำผลไม้รวม แถมยังมีปาท่องโก๋กับนมร้อน ต้องกินด้วยกันนะ เราซื้อมาเผื่อนายตั้งเยอะ แค่นี้นะ เดี๋ยวเจอกัน เราต้องไปซื้อแปรงสีฟันที่ 7-11 ก่อน" ป้องรีบวางสายทันที

หลังจากที่กินอาหารและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระพอหอมปากหอมคอแล้ว เท่าที่ดูจากสภาพเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนสี คราบเหงื่อไคลตามหน้าตา ซอกคอ และแขนขา ตลอดจนผมเผ้าที่กระเซิงแล้ว ผมจึงไล่ให้ป้องเข้าไปอาบน้ำทันที เพื่อแปลงโฉมใหม่ให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ป้องเดินเข้ามาหาผมในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เส้นผมยาวๆที่เปียกน้ำหมาดๆ รับกับใบหน้าที่ล้างอย่างสะอาด ส่วนหัวนมบนเต้าที่ขึ้นกล้ามนิดๆ ช่างน่าดูดน่าลูบคลึงซะจริงๆ ดูแล้วได้อารมณ์ดึงดูดทางเพศรสยิ่งนัก

ผมนั่งมองดูป้องอย่างไม่วางตา

"จ้องอะไรนักหนา? อยากละซิ?" ป้องเดินมายืนตรงหน้าผม (ซึ่งผมกำลังนั่งอยู่กับพื้น) โดยตั้งใจให้เป้าของเขาอยู่ในระดับตรงกับจมูกของผมพอดี

ผมมองหน้าป้องด้วยสายตาที่รู้การรู้งาน

"นายไปนั่งบนเตียงก่อน ผมนายยังไม่แห้งดี เดี๋ยวเราเช็ดให้" ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืน

ผมค่อยๆเช็ดเส้นผมของป้องอย่างค่อยๆ


พอแห้งได้ที่แล้ว มือของผมค่อยๆเล่นปูไต่จากส่วนท้ายทอยลากลงไปตรงก้านคอ ออกมายังหน้าอก จากนั้นก็ใช้นิ้วค่อยๆเขี่ยหัวนมที่แตกพาน อย่างช้าๆ ป้องหลับตานิดๆ ด้วยสีหน้าที่เคลิ้มๆ ผมเขี่ยหัวนมของป้องเล่นอยู่ซักใหญ่ๆ จากนั้นก็เลื่อนมือมาเล่นปูไต่ต่อที่บริเวณหน้าท้องและข้างๆลำตัว

ผมสังเกตเห็นเป้าที่ผ้าเช็ดตัวของป้องเริ่มจะขยับนิดๆ ผมเร่งสปีดปูไต่อย่างไม่รอช้า จนท่อนเอ็นของป้องแข็งตัวเป็นลำลุกซู่ โดยส่วนหัวสีแดงคล้ำที่เปิดบานเป็นดอกเห็ด ได้โผล่พ้นออกมาจากรอยต่อของผ้าเช็ดตัว

ผมไม่รอช้า รีบกระชากผ้าเช็ดตัวออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับก้มหน้าลงไปถวายบัว ในขณะที่ผมกำลังอ้าปากเพื่อเตรียมถวายบัวอยู่นั้น ป้องได้เอามือมาค้ำพยุงที่คางของผมไว้ เพื่อเบรคผม

"ก่อนที่จะดูดค_ยให้เรา นายไปแปรงฟันก่อนได้ไหม? ไม่ยุติธรรมเลย ทีเรา.. นายยังไล่ให้เราไปอาบน้ำสระผมก่อน อีกอย่าง นายเพิ่งกินส้มตำมา พริกทั้งนั้นเลย แล้วจะมาดูดค_ยเราทันที อย่างนี้ค_ยเรามิแสบร้อนหมดเหรอ แทนที่จะเสียว ไปแปรงฟันเดี๋ยวนี้" ป้องออกคำสั่งผม เพื่อเอาคืนที่ผมได้ออกคำสั่งให้เขาไปอาบน้ำเมื่อครู่ที่ผ่านมา

"ก็ได้ ไม่ยอมอลุ่มอล่วยเลยนะ พ่อคุณ" ผมมองป้องอย่างค้อนๆ พร้อมกับรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที

ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นป้องนอนเปลือยอยู่บนเตียง โดยที่ท่อนเอ็นแข็งโด่ตั้งตรงรอผมเข้าไปถวายบัวอยู่ตรงหน้า ผมจัดการถอดเสื้อผ้าของผมออกจนหมด จากนั้น ก้มตามก้มตาอ้าปากครอบท่อนเอ็นของป้องทันที ผมใช้ริมฝีปากนวดรอบๆบริเวณส่วนหัวท่อนเอ็นก่อนที่จะใช้ลิ้นตวัดเลียรอบๆบริเวณและรอยหยัก ส่วนมือนั้นก็ลากวนลูบไล้ทั่วบริเวณถุงใส่ลูกชิ้นเอ็นทั้ง ลูกของป้อง

"โอ๊ว ววววว นายดูดเก่งมากๆ ถูกใจจริงๆ" ป้องร้องครางออกมา

ซักพัก ป้องผลักผมลงไปนอนบนเตียง พร้อมกับใช้ริมฝีปากและลิ้นไซร้ดูดเลียที่ซอกคอ กกหู ลากลงมาที่หัวนมของผม

ป้องทั้งดูดและเลียหัวนมทั้งสองข้างของผมอย่างเมามันส์ พร้อมกันนั้นก็ใช้ฟันกัดที่หัวนมของผมอย่างเบาๆ

มือข้างหนึ่งของป้องนั้น ทำการสาวว่าวให้ผม ขึ้นๆลงๆเป็นจังหวะจะโคน

"เราเอานายได้ไหม?" ป้องถามผม

ผมพยักหน้าพร้อมกับก้มลงไปหยิบเจลหล่อลื่นที่ลิ้นชักในโต๊ะเล็กๆข้างเตียง ผมใช้มือทาเจลลงบนท่อนเอ็นของป้องอย่างเบาๆ พร้อมทั้งทาที่ข้างในรูถ้ำแก้วของผม

ทุกอย่างพร้อม ป้องก็จัดการแหวกรูถ้ำแก้วของผม พร้อมกับใช้หัวท่อนเอ็นถูเบาๆเพื่อลองเครื่อง จากนั้นจึงค่อยๆผลักท่อนเอ็นเข้าไปในรูถ้ำแก้วของผมทีละนิดๆ จนมิดลำ

"นายเจ็บไหม? เหงื่อนายออกเต็มเลย" ป้องถามผมด้วยความเป็นห่วง

"ไม่" ผมตอบสั้นๆ

ป้องค่อยๆกระเด้าเข้าๆออกๆอย่างช้าๆ และผ่อนคลายเป็นบางจังหวะ จนผมไม่รู้สึกเจ็บเลย (ไม่เหมือนกับตอนที่โดนไอ้พัฒน์และพี่ที เย็ดรูทวารหนัก ทั้งสองคนกระเด้าอย่างสุดแรงเกิด ไม่บันยะบันยันว่าเครื่องยนต์ของผมจะรับได้หรือเปล่า)

จากจังหวะช้าๆ ค่อยๆเร่งเครื่องขึ้นทีละนิดๆตามจังหวะ โดยที่ไม่จ้ำอ้าวหักโหมจนเกินไป เวลานี้ผมรู้สึกเสียวมาก มันเสียวชนิดที่ไม่มีความเจ็บปวดมาเป็นตัวขัดขวาง เสียวแบบสบายเนื้อสบายตัวและผ่อนคลายมากๆ

ป้องกระเด้าท่อนเอ็นเร็วขึ้นตามสเต็ป และผ่อนตามจังหวะบ้างบางช่วง มือซ้ายของป้องนั้นนวดคลึงที่แก้มก้นซีกซ้ายของผม ส่วนมือขวาก็สาวว่าวให้ผม

ผมร้องครางอย่างไม่เป็นภาษา เพราะความเสียวที่มันทะลักออกมาอย่างจุใจจริงๆ

"โอ๊ว วววว เราเสียวสุดๆเลย นายเอาเก่งมากๆ โอ๊ว ววว เราใกล้จะแตกแล้ว" ผมครางออกมา ไม่ถึงวินาที น้ำเงี่ยนของผมก็พุ่งออกมาจากลำกล้องอย่างล้นทะลัก

ส่วนป้องนั้นเริ่มจะเร่งจังหวะกระเด้าถ้ำแก้วของผมเร็วขึ้นจนถึงรัวอย่างไม่บันยะบันยัง เวลานี้ผมรู้สึกเจ็บรูดากนิดๆ

ป้องใช้มือรัดหน้าท้องของผมอย่างแน่น ซักพักป้องร้องเสียงหลงออกมา

"เราแตกแล้ว ตูดนายตอดมากๆ"

ผมรู้สึกว่าตรงง่ามก้นของผม แฉะๆเหนียวๆมาก พอเอามือจับดูปรากฎว่า เป็นน้ำแป้งเปียกของป้องนั่นเอง

ตอนเช้ามืด ป้องสะกิดผมอีกรอบ ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ปฎิเสธแต่อย่างไร

สรุปแล้ว ผมถูกป้องสอยประตูไป 2 ต่อ 0 (ช่วงนี้ทำไมตรูได้เป็นรับตลอด อยากจะรุกกับเขาบ้าง เจ้าแท่งตอปิโดของผมอยากจะทะลุทะลวงรูดากมากๆ)


ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...