วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

"พี่อู๋ที่รัก...." ตอน 21

"พี่อู๋ที่รัก...." ตอน 21

ผมเดินมานั่งลงที่ขอบเตียง ก้มลงมองสำรวจฟูกหนาที่เคยนอน หมอนใบ
ใหญ่ที่เคยหนุน ถึงแม้ผ้าปูสีขาวจะซักใหม่แต่ก็ยากจะขจัดรอยน้ำกามให้
หมดไปได้ เมื่อจ้องมองไปมันกลับเด่นเห็นชัดมากกว่าเก่า เหมือนดั่งว่ามัน
ทักทายเจ้าของที่หวนกลับ แต่อนิจจา มันจะไม่มีวันได้แต่งเติมเพิ่มดอกดวง
บนผืนผ้าอีกเลย ผมเกิดหนาวสะท้านในดวงจิต เปิดจดหมายออกอ่านด้วย
มือสั่นเทา...


????.

?ป้อ


นี่เป็นข้อความคล้ายๆกับในจดหมายหลายฉบับที่พี่ได้พยามเขียนถึงป้อ แต่
มันไม่เคยเลยที่จะได้ถูกเปิดอ่านและส่งกลับคืนไปทุกครั้ง พี่เองก็ไม่มั่นใจ
ว่าจดหมายนี้จะถูกเปิดอ่านอีก แต่หากป้อได้เปิดแล้ว พี่ขอร้องได้อ่านต่อ
ไปให้จบ ขอได้โปรดให้พี่มีโอกาส ได้เขียนสิ่งที่มีอยู่ในใจที่เฝ้าเก็บไว้มานาน
ให้ป้อได้รับรู้


ก่อนอื่นพี่ขอบอกตามตรงว่าพี่มีความขลาดเกินไปที่จะเข้ามาเผชิญหน้า พี่
รู้ตัวดีว่าพี่เลวเกินไปที่จะกล้าเข้ามาขอโทษต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสที่พี่
เองเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดแก่ป้อผู้มีแต่ความดีงามบริสุทธิ์ แต่ต้องมาถูกพี่
ทำลายทำให้เปรอะเปื้อนทั้งทางกายและจิตใจ


ช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างในการกระทำของพี่ที่
ก่อให้เกิดความทุกข์ระทมตรมใจแก่ป้อ แต่ขอบอกด้วยความสัตย์จริงว่าพี่
หาได้มีเจตนา เช่นนั้นไม่ หากแต่เป็นความโง่เขลาของพี่เองพี่มองข้ามไป


เมื่อมาสำนึกได้ทุกอย่างมันก็สายเกินกว่าจะแก้

กระนั้นก็ดีมีสิ่งเดียวที่พี่มุ่งมั่นอยากจะทำในชีวิตนี้ก็คือต้องการกล่าว ?คำ
ขอโทษ? ต่อป้อ

ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะหาคำใดมากล่าวให้สาสมกับความผิดที่ได้กระทำ

แต่ขอได้โปรดรับการสารภาพความผิดและคำขอโทษอย่างจริงใจของพี่เป็น
เบื้องต้น มา ณ ที่นี้ด้วย


ก่อนอื่นพี่ไม่ได้เขียนมาเพื่อจะขอให้ป้อคืนดี มีจุดหมายเพียงแต่หวังได้เล่า
ความจริงให้รู้ พี่รู้ดีว่าพี่ไม่มีค่าควรจะขอสิ่งนี้ได้อีก และป้อมีสิทธิที่จะโกรธ
และเกลียดพี่ต่อไป



สิ่งที่อยากจะบอกต่อไปนี้มันยากที่จะให้เชื่อได้อย่างสนิทใจ ก่อนอื่นต้องขอ
ร้องป้อ ขอโปรดอย่าได้เลิกอ่านจดหมายนี้กลางคัน เมื่อได้อ่านจบแล้ว ขึ้น
อยู่กับความคิดเห็นของป้อจะตัดสิน พี่เพียงต้องการให้ป้อรู้ความจริงในเหตุ
การณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น มิได้มุ่งหวังจะบิดพลิ้วให้หลงเชื่อเพื่อแก้
ต่างตนเองให้พ้นผิด


สิ่งแรกคือพี่มิได้ใช้ป้อเป็นเครื่องบำบัดอารมณ์กระหายใคร่อยากทางเพศ
แต่ต้องยอมรับว่ามันมีความต้องการอย่างนั้นจริง วันที่พาป้อเข้าห้องเป็น
ครั้งแรก ขอยอมรับตรงๆว่ามันเป็นความบังเอิญและแค่อยากลอง แต่เมื่อ
ทำไปแล้วมันเกิดความสับสน มีความรู้สึกแปลกๆต่อป้อที่มิเคยมีให้ใครมา
ก่อน ไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นเริ่มมาจากไหนและมันคืออะไร มันต่างจากความ
ชอบ และมันก็ต่างจากความรักที่เคยให้กับพ่อแม่หรือเพื่อนฝูง พี่เกิดมา
เป็นชายแท้ที่หวังจะร่วมชีวิตกับหญิงที่ตัวเองรักเท่านั้น ป้อเองก็รู้มาก่อน
แล้วว่าในเวลานั้นพี่แอบชอบแตงและคิดหวังอยากจะแต่งงานด้วย


หลังจากป้อและพี่ได้มีอะไรต่อกันในหนแรกนั้น คงจำได้ว่าพี่ได้หลบหน้าไม่
พบอาทิตย์หนึ่งเต็มๆและตั้งใจว่าจะทำเป็นลืมเหมือนว่าไม่มีอะไรได้เกิดขึ้น
ระหว่างเรา จึงนัดป้อมาเพื่อเล่นหรือทำสิ่งที่เคยทำอยู่ก่อน แต่เมื่อเรามา
พบกันมันมีพลังแรงผลักดันที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไร ดึงดูดให้พี่ได้ทำกับป้อ
อีก ไม่ปฏิเสธเลยว่ามันเป็นความสุขอบอุ่นอย่างประหลาดที่พี่ไม่เคยรับมา
ก่อน อยากอยู่ใกล้แนบชิดชั่วนิรันดรหากจะเปรียบ และให้รู้สึกว่าป้อเกิดมี
ความรู้สึกนั้นต่อพี่เช่นเดียวกัน


แต่ความต่างระหว่างเรามันอยู่ที่ว่าป้อเองมีความกล้าพอที่จะบอกว่า
?ความรู้สึกนั้นมันคืออะไร? แต่พี่เองกลับมีแต่ความขลาดกลัว ไม่กล้าจะ
ยอมรับความจริงจึงได้ปฎิเสธ ?ความรู้สึกนั้น? พยามจะตัดมันออกไป เบี่ยง
เบนให้หันเหไปอย่างอื่น ด้วยเพราะความกลัวใจของตน จึงได้คิดสานความ
สัมพันธ์กับแตงให้มากขึ้นเข้าทดแทน


ขอบอกว่าพี่ไม่มีเจตนาที่จะสร้างความปวดร้าวให้กับป้อหรือคิดจะหลอก
ลวงทรยศ ความรู้สึกที่มีให้แตงมันก็ต่างไปจากที่มีต่อป้อ ยิ่งทำให้พี่สับสน
มากขึ้น จึงตัดสินใจที่จะเลือกทางใดทางหนึ่งตามสังคมขีดกำหนดว่าถูก
ต้องเพียงทางเดียว ป้อคงจำได้ว่าหลังจากที่เราได้เป็นของกันและกันอย่าง
สมบูรณ์ พี่ไม่กล้ารับคำร้องขอ ให้เราซื่อสัตย์ต่อกันเพียงหนึ่งเดียว พี่รู้ว่า
ในหัวใจของป้อมันเจ็บช้ำชอกมากสักปานไหน ที่พี่หลีกเลี่ยงมิได้ให้คำ
ตอบแก่ป้อในเวลานั้นให้แจ้งชัด พี่ต้องขอโทษต่อป้อด้วย


วันที่ป้อมาพบพี่อยู่กับแตงที่เรือนพักชายในเช้านั้น พี่มิเคยมีแผนการจะพา
หญิงสาวมาร่วมห้อง พี่เคยเล่าให้แตงฟังถึงที่ที่เราดูหนังสือ แตงเขาอยาก
เห็นและแตงมาหาเองที่วัดโดยมิได้นัดหมาย เมื่ออยู่กันในที่ลับตาเราเพียง
แต่ถูกเนื้อต้องตัวเฉยๆ


กางเกงที่ลืมรูดซิปขอบอกเป็นนัยว่าพี่มิได้ทำเอง นี่คือความสัตย์ของลูกผู้
ชาย และขอย้ำว่าไม่เคยมีมือใครได้ก้าวเลยล่วงล้ำต้องสัมผัสสิ่งสงวนนั้น
นอกจาก ?ป้อ? ช่วงนั้นมีสิ่งหนึ่งผุดเข้าเตือนสติให้ยั้งคิดว่า ?พี่เป็นของป้อ
แต่ผู้เดียว? พี่จึงรีบให้ข้ออ้างแตงว่าต้องรีบออกจากห้อง ด้วยเป็นกฎข้อ
ห้ามของเรือนรับรองห้ามต่างเพศมาอยู่ตามลำพัง พอออกมาก็พบป้อมา
ยืนอยู่ มันเป็นที่น่าเหลือเชื่อด้วยมีหลักฐานชวนให้สงสัยว่าอะไรได้เกิดขึ้น
หลังบานประตูที่ปิดอยู่


ยิ่งกว่านั้น ขอกล่าวว่าพี่ไม่เคยได้มีความสัมพันธ์อะไรจนถึงขั้นลึกซึ้งกับ
แตง ได้โปรดเชื่อพี่เถอะ บอกอย่างไม่บิดบังว่าเคยคิดอยากมีอะไรกับแตง
มากว่ากอดและจูบ แต่หักห้ามใจ เกิดสะดุดหยุดได้ทุกครั้งว่าไม่ควร ทั้งๆที่
เราแยกมาเดินกันคนละทาง คำพูดขอร้องของป้อยังก้องหูมิเลือนลืม แม้พี่
มิได้เอ่ยปากให้สัญญาในวันนั้น มันยากจะให้เชื่อในคำพูดว่า "พี่ยังซื่อสัตย์
เป็นของป้อแต่ผู้เดียว"


แตงเป็นหญิงสวยที่เจ้าชู้มีแฟนมิใช่เพียงแค่หนึ่งคน เพื่อนหลายคนได้เตือน
ให้ระวังแต่ไม่เชื่อ พี่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีครรภ์ และไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก
ในท้อง เกิดมาเฉลียวใจในอาการวันที่เขาป่วยในห้องพยาบาล คงจำได้วัน
ที่ป้อข้อเท้าแพลงมานอนพักและเปิดม่านมาพบ


เมื่อรู้ความจริงว่าเขามิจริงใจต่อพี่ ได้เป็นของชายอื่นความเจ็บปวดหัวใจที่
ถูกทรยศได้เกิดขึ้น และยิ่งนึกเจ็บปวดมากขึ้นที่เห็นป้อก้าวกระเหย่งออก
ไปด้วยเจ็บปวดทั้งกายและจิตใจ คล้ายเหมือนว่าพี่เป็นคนใจจืดดำมิได้เข้า
ดูแลช่วยป้อ และยิ่งไปกว่านั้นเฝ้าทำลายใจของป้อครั้งแล้วครั้งเล่า พี่ต้อง
ขอโทษต่อป้อด้วย


ช่วงนั้นเมื่อได้รับความผิดหวังและมาสัมผัสความบอบช้ำของหัวใจด้วยตน
เอง จึงเกิดความสำนึกผิดคิดได้ว่าพี่เองได้ก่อให้ป้อได้เจ็บปวดทุกข์ทรมาน
อย่างมากมายนักสักเพียงไหน อีกครั้งพี่ขอโทษ? ไม่สมควรเลยที่ป้อผู้มิ
เคยสร้างความปวดร้าวให้ใครจะไดัรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลับมาได้รับ
จากพี่ผู้ที่ไม่มองเห็นคุณค่าของความรักที่ป้อได้มอบให้ ทั้งๆพี่ควร
จะเป็นผู้ให้การปกป้องคุ้มภัยแก่ป้อเท่าชีวิต


บทเรียนของชีวิตได้สอนพี่ให้มารู้จักตัวเองและยอมรับสิ่งที่มีอยู่แท้ในหัวใจ
ที่สำคัญที่สุดได้ล่วงรู้ว่า "ความรู้สึก? ที่มีต่อป้อที่เคยปฏิเสธนั้นคือ
อะไร เมื่อได้มีโอกาสรับรู้ มันก็สายจนเกินกว่าจะแก้ไปเสียแทบทุก
อย่าง หลังจากสิ้นบุญหลวงพ่อท่านแล้วก็หมดโอกาสได้เรียนต่อสูงๆอย่าง
ที่ฝัน เช้าวันนี้พี่ได้ตัดสินใจกลับบ้านที่ผักไห่ พี่ต้องขอโทษที่ไม่กล้ามาพบและ
บอกลาด้วยตนเอง ใจพี่มันไม่แข็งพอ


ท้ายที่สุดนี้ พี่ต้องขอโทษที่ไม่ได้เอ่ยความในใจของพี่ที่ป้ออยากจะรู้ในเวลา
ที่เหมาะสม เหมือนดั่งว่าพี่มิใยดีในตัวป้อและได้สร้างความทุกข์ระทมตรม
ใจให้เป็นแรมเดือน พร้อมกับจดหมายคำสารภาพผิดฉบับนี้อยากจะขอ
บอกความในใจที่มีอยู่ในขณะนี้ให้ป้อได้รู้ ถึงแม้พี่ไม่เคยได้เอ่ยคำ แต่คิด
ว่าป้ออาจรู้สึกสัมผัสได้ในยามนั้น


พี่ขอให้ป้อหวนย้อนคิดเห็นภาพในหนหลังที่เรามีสุขร่วมกัน ?วันที่เราร่วม
รักกันใหม่ๆ ป้อคงจำได้? พี่เอาสองมือประคองหน้าป้อขึ้นพิศแล้วประทับ
รอยจูบ ยามที่ตาสองเราประสานกัน ยามนั้นในจิตส่วนลึกของพี่หยั่งรู้ว่า
"ป้อคือดวงใจของพี่" ตอนนั้นอาจไม่เข้าใจแต่ตอนนี้ไร้ซึ่งข้อสงสัย

แม้มันอาจจะบอกช้าไปแต่คงไม่สายเกินที่จะให้ป้อได้รับรู้ว่า "พี่อู๋รักป้อ"
และคำรักของพี่ไม่ต่างแม้สักน้อยนิดจากคำรักที่ป้อได้มอบไว้ให้พี่เลย



ด้วยรักป้อถึงที่สุด

พี่อู๋????

ผมนั่งนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกดปราศจากความคิดใดๆในหัว สายตาทอดมองผ่านหน้าต่างออก
ไปอย่างไร้จุดหมาย ปุยเมฆขาวกระจายดาดเป็นหย่อมๆบนท้องฟ้าสีครามของต้นฤดูร้อน ผม
เอาแผ่นจดหมายนั้นเข้าแนบกับอกโดยมิรู้ตัว ?แล้วบรรจงยกขึ้นมาประทับจูบอย่างเนิ่นนาน
น้ำตาร่วงพราวไหลมาอาบแก้ม


แสงแดดในตอนบ่ายส่องสาดเข้าในห้องลอดช่องลมทอดเป็นลำยาว ลมอุ่นวูบใหญ่พัดผ่าน
หน้าต่างทางหัวเตียงมาต้องกายแต่กลับระเยือกเย็นอยู่ในจิต กระดาษสองแผ่นที่ถือหลุดมือ
ด้วยต้องกระแสแรงลม ผมทอดตามองตามจดหมายที่ปลิวว่อนไปตกอยู่บนกึ่งกลางห้อง สอง
แผ่นเคียงคู่เหลื่อมซ้อนกัน ตรงจุดที่เราเคยโผเข้าสู่อ้อมกอดสัมผัสซึ่งกันพอดิบพอดี


ให้เศร้าสะท้อนเสียดแทงใจนึกสงสารชีวิตคู่ของสองเราในอดีตหนหลังที่ส่งผลถึงปัจจุบันอย่าง
สุดจิต เหมือนดั่งสวรรค์ลิขิตแสร้งให้เป็นไปตามวิบากกรรม ให้ชีวิตเราสองต้องจำพรากเบี่ยง
หักเหในกลลวงของเหตุการณ์และกาลเวลา จำต้องมาเดินสวนคนละทางซึ่งห่างที่คู่ขนานให้
คลาดแคล้วกันไป

?และดั่งถูกแช่งสาป ?ชายรักชายมันผิดรึอย่างใดหนอ ..ไม่เข้าใจ


ผมเอนตัวเอาหน้าซบลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง ร่ำไห้สะอึกสะอื้นปานประหนึ่งว่าจะขาด
ใจ รำพันออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ ?เพียงแต่คำว่า


"โอ้...พี่อู๋ที่รัก?สุดที่รักของป้อ"


จบบริบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...