วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

"พี่อู๋ที่รัก" ตอน 20

"พี่อู๋ที่รัก" ตอน 20

นี่ก็จวนสองบ่ายแล้ว ผมผุดลุกผุดนั่งเดินวนเวียนในห้องเข้าๆออกๆตั้งแต่
เช้า ตัดสินไม่ตกว่าควรจะพบพี่อู๋ตามคำเอ่ยขอดีหรือไม่


ภาพแห่งความหลังเมื่อครั้งเรามีสัมพันธ์ต่อกันเข้ามาก่อความสับสน ให้
กระสับกระส่ายหว้าวุ่นใจทวีมากขึ้น


ในภาพนั้น?ยังจำได้ถึงวันแรกที่ได้พบ จำได้ถึงทุกส่วนบนใบหน้าที่
งดงาม สันจมูกโด่งตาคมคิ้วหนาสีดำเข้ม รอยลักยิ้มบุ๋มริมมุมปากที่อวบ
อิ่มอันมีเสน่ห์รัดตรึงใจในยามยิ้ม จำได้ถึงริ้วไรหนวดแรกขึ้นเป็นแนวเขียว
จางของวัยหนุ่มอ่อนนุ่มเมื่อริมฝีปากได้สัมผัส


จำได้ถึงทั่วร่างที่สมส่วน ท่วงทีท่าเดินที่สง่างามอกผายกว้างเหมาะสม ช่วง
ไหล่ผึ่งช่วงแขนขาสมบูรณ์ด้วยกล้ามเนื้อไม่หนาและไม่เล็กบาง ดูดีไป
หมดไม่ว่าจะมองทางด้านข้างหรือส่วนหลัง ใครเห็นแล้วพึงอยากได้ร่าง
กายนั้นมาเชยชม


จำได้ถึงคำแรกที่ทักทายเสียงที่ทุ้มลึก แววประกายตาที่แจ่มใสแฝงด้วย
ความร่าเริงและอ่อนโยน ให้เกิดมีจิตผูกสมัครรักใคร่ทันทีเมื่อแรกเห็น


โดยไม่นึกไม่ฝันเหมือนฟ้าเมตตาตอบต่อจิตที่ปรารถนา หรืออาจจะเป็นบุญ
กรรมร่วมสร้างบันดาลดลให้เราเกิดมาเป็นคู่สม ได้ประทานชายหนุ่มหล่อผู้
นี้ให้มานอนแนบชิดเป็นคู่เคียงร่วมอภิรมย์ กายหลอมแทรกเป็นหนึ่งเดียว
กัน ยามลูบไล้จูบกอดต้องสัมผัสร่วมรัก ยากจะหาความสุขใดๆจะเปรียบ
เท่า ประดุจว่าในโลกนี้มีเพียงแค่แต่สองเรา


สวรรค์เหมือนแกล้งให้รู้รสรักเพียงนิดๆแล้วเอากลับคืน ให้เศร้าระทมตรม
ใจจวบเจียนชีพจะดับด้วยคนรักแปรใจสู่หญิงอื่น ใจถูกบดขยี้แหลกลาญ
จากชายคนที่รักจนหมดจิต ?สุดแสนจะเจ็บปวด...สุดแสนจะบอบช้ำ...
ถูกทอดทิ้งให้ต้องทนทุกข์ทรมานเดียวดายเป็นแรมเดือน ยากจะหาใครเลย
มาแลดูเข้าปลอบใจ


มันทั้งรักและทั้งเกลียดสุมแน่นอยู่ในหัวอกด้วยเพราะชายคนนั้น เข้าพร่า
ทำลายความบริสุทธิ์แรกรุ่นทั้งกายและจิตจนขาดยับ ดึงกระชากความเบิก
บานไร้เดียงสา ให้สูญสิ้นชีวิตสดชื่นเยาว์วัยเสียทุกอย่าง ถูกโถมผลักต้อง
มาสู้ต่อชีวิตที่ขมขื่นก่อนกาลอันสมควร

มีใครเล่าจะล่วงรู้บ้าง ต้องมาทนความปวดรวดร้าวจมดิ่งในเหวมืดลึก และ
ว่ายวนในทะเลแห่งน้ำตาตัวเองยาวนานสักปานใด


จวบมาถึงซึ่งตอนนี้แผลกว้างลึกในใจได้สมาน เหมือนแรกตื่นขึ้นจากหลับ
ฝันร้ายในคืนข้างแรม ความทุกข์ความเจ็บปวดความรวดร้าวได้ถูกฝังให้ลืม
ไปเป็นแค่อดีต ความสุขเบิกบานของชีวิตใหม่ได้หวนกลับ มองเห็นแสงทอง
ของเช้าวันใหม่ที่เปี่ยมด้วยความหวัง มีความตั้งใจใหม่เป็นพลังต่อสู้ดุจคบ
เพลิงไฟจุดสว่างนำทางให้


จากถลาล้มแผ่คว่ำราบ ค่อยๆพยุงดันยันตัวลุกให้ยืนขึ้น ก้าวมุ่งเดินไปข้าง
หน้าตามลำพังด้วยเชื่อมั่น ....และแล้ว?ชายคนเดิมชายคนนั้นได้เดินสวน
หวนกลับมา... อาจมีเจตนาจะขอเข้าร่วมเดินด้วยในทางเดิม ?..


??..

คิดไปคิดมาอยู่หลายรอบ ?มาบัดนี้ใจหนึ่งมองเห็นว่าควรน่าจะพบกับพี่อู๋
ตามที่ขอ เพราะเราสองต่างเป็นคนอื่นคนไกลต่อกันแล้ว หากเจตนาทีท่า
มุ่งหวังอยากจะชี้แจงข้อบาดหมางผิดใจในอดีต และแก้ปัญหาคาใจที่เคย
เพียรขอปรับความเข้าใจ ผมก็น่ามีใจกว้างให้โอกาสพี่เขาและรับฟัง


เราสองขาดจากกันนานจนป่านนี้แล้ว คงจะไม่ง่ายให้รอยร้าวมาประสาน
ดังของใหม่ มิควรที่มีจิตหวาดระแวงว่าพี่เขาจะคิดขอหวนกลับมาร่วมทางเดิม
อีก หากมุ่งหวังขอคืนดีเพียงแค่ระดับเพื่อน ก็น่าจะไม่เห็นเป็น
อะไร แม้ว่าเคยตั้งปณิธานไว้ไม่ขอคบ ความสัมพันธ์ฉันมิตรจะออกมาใน
รูปใด มันขึ้นอยู่กับเราเองตัดสินใจมิใช่หรือ ถ้าผมได้ขีดเส้นกรอบให้เห็น
อย่างเด่นชัด พี่เขาเองก็คงไม่กล้าทึกทักเอาพันธะหนหลังเป็นข้ออ้างแล้ว
ข้ามเส้น


นั้นคือสิ่งที่ผมคิดได้ด้วยเหตุผล... แต่ทว่าหากจะได้รู้ถึงสิ่งที่ควรทำในแง่
ของความรู้สึก มันยากที่จะได้รับคำตอบสุดท้ายอันพอใจ


ผมเริ่มถามใจตนเองอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่อ้อมค้อมว่า"ยังมีความรักต่อพี่อู๋
หรือไม่" ผมหาคำตอบตรงๆที่แจ่มชัดไม่ได้เพราะมีกาลเวลาเข้ามาเป็นเงื่อน
ไข


ยามเมื่อเราเริ่มร่วมรักกันใหม่ๆ ก้นบึ้งของจิตรับรู้อย่างท่วมท้น ?พี่อู๋นี้คือ
ดวงใจ? เป็นรักที่เปี่ยมด้วยความหวังเชื่อมั่นว่าจะถูกรักตอบ และผมก็ได้แต่
รอ? วันแล้ววันเล่าเฝ้ารอแล้วรอเล่าจะได้ยินคำรักจากพี่เขาแต่ก็ไร้ซึ่ง
วี่แวว


เวลาล่วงแค่ไม่ถึงเดือน ผมได้ตัดสินใจเอ่ยคำรักให้พี่เขาล่วงรู้ก่อนเพื่อชี้นำ
?แต่แล้ว เฉกเช่นการปรบมือแต่ข้างเดียวหามีเสียงเกิดดังไม่ คำรับรักมิได้
สนองสะท้อนกลับเท่าเทียบส่วนเต็มที่ตวงให้ ความรักจึงแปรเปลี่ยนเป็นรัก
ที่ตายซากไร้ซึ่งด้วยความสมหวัง


ในที่สุดจากวันนั้นถึงวันนี้ หัวใจของผมมีแต่ความด้านชาสิ้นไร้ความรู้สึก
จนเริ่มสงสัยไม่รู้ว่า ?รักนั้นคืออะไร? ถ้าหากจะบีบเค้นหาคำตอบ ณ กาล
บัดนี้มีแค่แต่รู้ว่า"ผมเคยรู้จักรัก" ?และ ?ผมเคยรักพี่อู๋? อย่างสุดดวงใจ


นอกจากนี้ผมเฝ้าเพียรเวียนถามตัวเองอีกครั้งหนึ่งว่า ยังมีสิ่งใดเหลืออยู่ที่
คิดอยากจะได้รับจากพี่อู๋ หากคำถามนี้ได้ตั้งมา 2-3 เดือนก่อน ก็ไม่ยากนัก
ที่จะได้คำตอบที่ชัดแจ้ง นั่นคือ "หัวใจรัก" และ "จิตภักดี" ที่มีต่อกัน



?แต่เมื่อความเจ็บปวดได้สะท้อนเป็นบทเรียนจากการใฝ่คว้าหารัก ซึ่งครั้ง
หนึ่งในหนหลังไม่เคยได้รับจากพี่อู๋ ด้วยแรงทิฐิเข้ามีอำนาจเหนือ จึงเบนเห
ความคิดมาสู่ทิศใหม่เพื่อให้คลายเจ็บ ในเมื่อเห็นชัดว่าไร้ซึ่งใยดีไม่มีไมตรี
ตอบ จะมามัวเขลาปัญญามุ่งหวังคอยใฝ่ฝันหารักกระไรอีก ?รักจึงอับเฉา
ค่อยเลือนหายจากสำนึกแล้วลับล่วงกลบฝังไปตามกาล?


ขณะนี้ดูเหมือนผมคิดได้เหมาะสมด้วยเหตุผลว่า สองเราหาใช่คู่ร่วมทาง
ชีวิตกันแล้ว วันนี้จะพบกันก็เพียงแต่พูดคุยแค่คนครั้งหนึ่งเคยรู้จัก

?แต่ใจของผมนี่ซิมันยังก่อกวนให้สับสนวุ่นวายหาความสงบไม่ได้ จิตวก
วนให้ครุ่นคิดต่อ ยามเห็นแววตาที่พี่อู๋ทอดมาประสานในวันก่อน ในใจหนึ่ง
เร้ากระตุ้นให้รับรู้ว่าพี่อู๋แลดูคล้ายเฝ้ารอให้รักเก่าของเราหวนกลับคืน


เหมือนดั่งมองเพียงผิวเผินเห็นเถ้าถ่านกองไฟที่ไร้ควันไดัดับมอด ?แต่เมื่อ
มันต้องลมแรงเข้าโหมพัดกระพือ ถ่านไฟเก่าได้จุดติดลุกหือขึ้นมาใหม่

โอ... หัวใจของเราเอ๋ย ?ทำไมเจ้าจึงดื้อรั้นจึงยากที่จะเข้าใจ ?ทำไมเจ้า
ไม่จดจำว่าเคยถูกไฟรักท่วมสุมเผา เคยเจ็บร้าวปวดต้องทนทุกข์ยาวนาน
มากมายสักปานใด มีสะเก็ดเก่าแผลใจยังคงทิ้งรอยแนวไหม้หลงเหลืออยู่

?

กี่หนแล้วที่มองเห็นแววตาเช่นนี้ในอดีต มันหาได้มีแก่นสารแห่งความจริงใจ
รองรับไม่ กี่ครั้งแล้วที่ลุ่มหลงปักใจไปหลงเชื่อ จนหัวใจถูกบดขยี้แทบแตก
สลาย แล้วให้กลับมานอนซมซานเลียบาดแผลใจอย่างเดียวดาย ไร้ผู้ที่รัก
จะเหลียวแลและนำพา

ได้โปรดเถิดหัวใจจ๋า? อย่าได้ริอ่านหวนกลับเล่นกับไฟร้อนรักนั้นอีกเลย


ด้วยว่ายามไม่มีหญิงอื่นใดต้องใจผ่านเข้ามา อาจเป็นจริงได้ว่าพี่อู๋เองตอน
นี้อาจหงอยเหงา เลยคิดมาทอดกายให้เราเพียงแก้ขัด

จงอย่าลืมว่าเรานี้ก็เป็นชาย ?ชายแท้ๆ?จะคิดลงร่วมชีวิตคู่กับ "ชายเพียงแต่กาย?คงไม่มี



หากผมคิดจะวกเสี่ยงเข้ามาเดินหนทางเก่าอีกสักครั้ง คงจะต้องมั่นใจยินดี
ยอมรับได้ ถึงความเจ็บปวดชอกช้ำอาจจะเกิดเป็นหนสอง และไม่อาจคิด
ได้ให้เป็นอื่น ผมมองเห็นแจ้งแจ่มชัดว่ากาลข้างหน้าจะมีแต่หนทางเศร้า
ร้าวรวดใจ นี่แหละคือชีวิต?ก็แล้วแต่หัวใจจะนำพาเถอะ ในเมื่อมันเคยถูก
หนามแทงทิ่มเจ็บจนปางตายแล้วไม่จำจด?


แว่วเสียงนาฬิกาในห้องโถงเตือนตี อีก15นาทีถึงบ่ายสอง ผมยังคงนั่งชัน
เข่าหัวตกสองมือกุมขมับ? คิดอยู่หนักไม่มีคำตอบใดที่จะช่วยสนับสนุน
การตัดสินใจให้แน่วแน่ เลยได้แต่นั่งหลับตานิ่งสงบให้ดับความสับสนวุ่น
วายใจ ?ในช่วงว่างแห่งความคิดนั้น ทั้งแววตาและใบหน้าเศร้าของพี่อู๋
แวบเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง เกิดความสงสารพี่เขาอย่างจับจิต ?อยากเอามือ
ประคองใบหน้านั้นเข้ามาอิงแนบไว้กับอก แล้วปลอบประโลมใจให้คลายเศร้า


เสียงนาฬิกาตีบอก 2 โมงตรง ความคิดหยุดชะงัก สะดุ้งตัวขึ้นยืนโดยฉับ
พลัน แล้วผลุนผลันออกจากห้องวิ่งมุ่งตรงสู่เรือนรับรองชายท้ายวัด กึ่งวิ่ง
กึ่งเดินเพื่อไม่ให้สายมากจากเวลานัด ระหว่างทางตัดความนึกคิดขัดแย้ง
เหตุผลไม่รับฟังอื่นๆออกไปหมด ให้เหลืออยู่เพียงแค่ดวงจิตที่ปรารถนา จน
วิ่งก้าวสุดท้ายมาหยุดยืนที่หน้าบานประตูเรือน


นี่คือห้องหอที่สองเราเคยใช้เป็นเรือนรัก เป็นแรมเดือนแล้วไม่ได้ก้าวเข้ามา
เห็น คาดว่าพี่อู๋คงมารออยู่ในห้อง เหตุการณ์มันช่างละม้ายคล้ายกับวันที่
เราพลอดรักกันเป็นหนแรก ภาพหนหลังเก่าๆค่อยเริ่มหวนคืนฉายออกมา
ในความคิด กระตุ้นความรู้สึกให้หวิวในดวงจิต เริ่มเกิดความอบอุ่นซึมซาบ
แผ่เข้าคลุมหัวใจอย่างประหลาด ถ่านไฟเก่าในใจเริ่มประทุร้อนแรง
ขึ้น เรียกร้องให้ผมผลักบานประตูรีบย่างเข้าไปในห้องทันที


มองเห็นชายหนุ่มหุ่นสูงเพียวยืนเด่นเอาตัวอิงที่ขอบหน้าต่างตาทอดไปข้าง
หน้า เมื่อรู้ว่าผมเข้ามายืนอยู่กลางห้อง หันมายิ้มนิดๆทักทาย ผมแปลกใจ
หมุนตัวมองหาไปรอบห้อง ?ละล่ำละลักรีบถามออกไป

"พี่อู๋ยังไม่มาหรือ ขวด"

?อ่านในจดหมายดูเองเถอะ หากจะถามอะไรก็ตามไปที่กุฏิ ?ได้โปรดเถอะ
ป้อ ขอให้อ่านจดหมายจนจบ"


ไอ้ขวดยื่นซองจดหมายสีชมพูอ่อนให้ผม จำได้ว่าเป็นซองชุดที่ผมซื้อให้พี่อู๋
ในวันปีใหม่

ผมรับจดหมายมาถือด้วยหัวมึนงงงันและใจสับสนวุ่นวาย

?ขอบใจนะขวด? เสียงผมแหบแห้วกล่าวออกไป ไอ้ขวดเอามือมาบีบบ่าผม
เบาๆแล้วก้าวออกจากเรือน

TBC........

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...