ในชั่วโมงพละตอนบ่ายวันหนึ่งผมเกิดพลาดล้มข้อเท้าแพลง ถูกส่งมานอนพักอยู่ในห้อง
พยาบาล รอพ่อมารับกลับบ้าน ห้องพยาบาลนี้เป็นห้องรวม แบ่งครึ่งส่วนชายและส่วนหญิง
ออกจากกันเพียงด้วยผ้าม่านกั้นเท่านั้น แต่ละส่วนมีแค่3เตียง ผมใช้เตียงที่ติดกับม่าน มีเด็ก
ม.1 นอนปวดท้องอยู่อีกเตียงหนึ่ง
ผมเองปวดระบมข้อเท้าจนสุดจะทน เผลอนึกอยู่ในใจว่าหากเป็นเมื่อก่อนคงไม่ต้องมาทนนอน
แบบนี้ พี่อู๋คงจะดูแลเอามอเตอร์ไซค์ขับส่งให้ถึงบ้าน คิดแล้วให้เหงาวังเวงใจ เคยมีความเอื้อ
อาทรของพี่อู๋หยิบยื่นให้โดยมิต้องเอ่ยปากขอ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต่างแสดงออกถึง
ความห่วงใยเอาใจใส่ต่อกัน แต่บัดนี้มันเหลืออยู่แค่ในความทรงจำ
นอนคิดอยู่เพลิน พลันยินเสียงสนทนาในส่วนเตียงหญิงที่ถัดไป
"ทำไมเพิ่งมาล่ะ ให้เพื่อนไปตามตั้งนานแล้ว? ฝ่ายหญิงพ้อ
?แอบหนีเรียนมานะเนี่ย ห่วงแทบแย่ เป็นอะไรหรือ? ฝ่ายชายแก้ตัว
?ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เวียนหัวอาเจียนคลื่นไส้มา 2-3 วันแล้ว รู้สึกอ่อนเพลีย บางทีหน้ามืดคล้าย
เป็นลม?
?ขยันดูหนังสือมากไปมั้ง คงได้นอนน้อย รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะจะสอบแล้ว?
เสียงคุ้นจำได้ว่าเป็นใครทั้งสองฝ่าย ลมร้อนเริ่มออกหู หน้าวูบผ่าวขึ้นมาทันที ฟังจากอาการ
แล้วอยากจะกระโกนบอกไปว่า??เงี่ยนเย็ดกันมากจนลืมคุม ท้องป่องมาแล้วยังโง่ไม่รู้กันอีกรึ?
ภาพพี่อู๋กับพี่แตงเดินออกจากเรือนรับรองแวบชัดขึ้นมาอีก มีทั้งความเกลียดและแค้น รู้สึกสม
น้ำหน้าสะใจต่อบุคคลทั้งสองเข้าครอบงำจิตอย่างมิรู้ตัว ไม่นานเสียงคุยกระหนุงกระหนิงเงียบ
ไป เริ่มชักเอะใจ ทั้งคู่อาจจะแอบใช้ห้องพยาบาลมาพลอดรัก ด้วยมันลับตาคน
ด้วยความโกรธจนลืมว่าข้อเท้าเจ็บ กระโดดผลุนลงจากเตียง ตรงเข้ารูดม่านที่กั้นออกจนกว้าง
สุด เผยให้เห็นพี่อู๋ยืนหันหลังมือท้าวขอบเตียง สองแขนของพี่แตงกำลังเหนี่ยวคอต่ำลงไป เห็น
ทีท่าก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อม่านถูกเปิดทั้งคู่ผวาออกจากกัน ฝ่ายหญิงร้องว้ายรีบหันหลัง
หลบซุกหน้าลงกับหมอน ฝ่ายชายเหลียวหน้าขวับมามองด้วยอาการตกใจ น้อง ม.1 ผงกหัวขึ้น
ดู จึงมีพยานบุคคลแน่นหนา ในเรื่องพฤติกรรมชู้สาวกำหนดโทษไว้หนักที่ ร.ร.
เมื่อเห็นผมยืนห่างไม่ถึง 2 เมตรยิ่งมีอาการเซ่อเก้อๆกังๆมากขึ้น ทำท่าเหมือนอยากจะแก้ตัว
อธิบาย ผมวางหน้าเมินเฉย จ้องมองดูคนทั้งสองครู่หนึ่ง หมุนตัวกลับกระโดดเขย่งขาเดียว เดิน
กระโผกกระเผกออกจากห้องพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว
เลิกที่จะรอพ่อมารับ ผมตรงไปที่โรงเก็บรถหลังตึกควบมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ความโกรธแค้นที่
สุมแน่นในอกมันมีมากจนลืมความเจ็บปวด หัวใจมันแห้งแล้งหัวมึนชา เดือนหนึ่งเต็มๆที่เคย
ได้เสพรสร่วมเตียงเคลียคลออยู่ใกล้ชิด สำหรับพี่อู๋แล้วไม่มีความหมายอะไรให้ได้ตราไว้ในจิต
สำนึกบ้างเลย ระหว่างทางที่ขับรถกลับ ผ่านตัดทุ่งนาสายลมเย็นแรงที่กระทบกาย ความขุ่น
เคืองค่อยบรรเทาจาง อารมณ์โกรธผ่อนคลายลง ความคิดที่มีเหตุผลกลับคืนมา
ที่จริงแล้วผมไม่ควรจะคิดโกรธชิงชังพี่อู๋ แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ถึงขั้นเย็ดกันได้ ก็ไม่ได้หมาย
ว่าต่างเป็นเจ้าของหรือเป็นคู่ผัวตัวเมียกันนี่ อีกอย่างหนึ่ง พี่เขาก็ไม่เคยเลยที่จะเอ่ย "คำรัก" แม้
คำมั่นสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อกันในฐานะคู่รักก็ไม่เคยบอกให้ พันธะในอดีตมันเป็นแค่ "อุบัติ
เหตุทางกามารมณ์" เท่านั้น ไม่ใช่พันธะสายใจระหว่างบุคคล เมื่อผลลัพธ์มันคือความ
เจ็บ มันอยู่ที่เราจะเลือกหรือไม่ ถ้าอยากจะเจ็บก็ต้องยินดีรับความเจ็บ
มีคำถามหนึ่งเข้ามา... ทำไมเราไม่รักตัวเอง มีหลายคนที่รักเราและเห็นคุณค่าความรักที่เรา
มอบให้ ทำไมยอมให้คนเพียงคนเดียวเข้ามามีอิทธิพลคุมชีวิต ครอบงำเหนือทั้งความรู้สึกและ
ความคิด
ชีวิตเราในภายหน้ามีหนทางที่แจ่มใสทอดให้ก้าวเดินสู่ความสำเร็จ เมื่อเกิดมาโชคดีมี
โอกาส ทำไมไม่รีบตักตวงใช้เพื่อสุขในอนาคตเล่า อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบไล่ปลายปีแล้ว ตั้ง
ใจเรียนหนังสือดีกว่า ควรหรือจะให้เขาเข้ามาทำลายโอกาสดีนั้น เมื่อสามารถคิดเลือกหนทาง
ใหม่ได้ จิตใจเปี่ยมไปด้วยสงบสุข
ทันทีนั้นนึกคิดถึงเพื่อนร่วมชั้นที่ได้ละห่างเหิน เพราะด้วยมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับทุกข์เป็นเดือน
จากวันนั้นถึงวันนี้ผมกลับมาเป็นป้อคนเดิม ไม่ได้ขีดกั้นวงโลกส่วนตัวให้มีแค่เพียงสองเรา (พี่อู๋
และผม) หรือโลกแห่งความเศร้าใช้ชีวิตอันโดดเดี่ยวอีกต่อไป หวนคืนสู่ความสนุกสนานร่าเริง
ตามวัยที่พึงมีในหมู่เพื่อนๆร่วมชั้น
สองอาทิตย์ต่อมามีข่าวลือว่าพี่แตงตั้งท้องต้องเลิกเรียนไป เรื่องนี้ไม่ติดใจสงสัย แต่แปลกใจที่
เข้าแต่งงานกับนายร้อยตำรวจหนุ่มข้างบ้าน ผมรู้อยู่เต็มอกว่า ?ไอ้ผู้ใด? มันเป็นพ่อของ ?เด็ก
ผิดพ่อ? ในท้องนั้น ผมไม่รู้สึกตำหนิและไม่ขอไปวิจารณ์ใครทั้งนั้น มันเป็นสิทธิทางเลือกของ
บุคคลเช่นผมเองได้เคยเลือกทำ และไม่สนใจคิดจะสืบรู้ว่าพี่อู๋มีปฏิกิริยาอย่างใดในเรื่องนี้ แต่
กลับนึกว่าทั้งพี่อู๋และผมนี้เกิดมาโชคดีแท้ที่ "รูตูดไม่มีมดลูก" มิฉะนั้นแล้วไม่เขาก็เราคงอาจ
ต้องจบลงไม่ต่างจากพี่แตง
อดีตได้กลายเป็นความหลังที่ไร้ซึ่งพลัง สำหรับผมแล้วพี่อู๋ได้กลับเป็นแค่เด็กวัดธรรมดาคน
หนึ่ง ไม่พิเศษไปจากพี่ป็อกหรือไอ้ขวด เยื่อใยสัมพันธ์มันขาดหมดสิ้น ไม่เคยได้พบหน้าจังๆที่
ร.ร. สักครั้ง ถึงแม้จะมองเห็นก็เป็นแค่ผู้เดินผ่านสวนทางมาเท่านั้น
ส่วนพี่อู๋ก็ได้กลับไปสู่โลกส่วนตัวของเขาที่ต้องดิ้นรนต่อสู้มากกว่าเดิม จำเป็นต้องเลิกเล่น
ฟุตบอลเพื่ออยู่เฝ้าหลวงพ่อ ดูเหมือนว่าอาการอาพาธได้ทรุดหนักลงทุกวัน ผมเองก็เลิกช่วย
ย่าตักบาตรในตอนเช้า มีน้องชายมาทำหน้าที่ ทางบ้านยังคงจัดอาหารพิเศษให้หลวงพ่อ มีพี่
ป็อกหรือไม่ก็ไอ้ขวดมารับส่งปิ่นโตแทน
สามวันหลังจากสอบไล่ หลวงพ่อได้มรณภาพลงมีสวด 7 วันแล้วขึ้นเผา ผมไปร่วมฟังสวด
อภิธรรมบ้างสองสามวัน ได้เห็นหน้าพี่เขาอย่างจังแล้วเกิดสงสาร มีแต่ทุกข์เศร้าโศกแลให้
เห็น ร่างกายผ่ายผอม ไม่ดูเด่นเป็นสง่าเหมือนเมื่อก่อน ผมตัดสินใจตรงเข้าไปจับมือ
ทัก กล่าวคำเสียใจตามมารยาท ไม่มีความคิดอื่นใดที่เลยเถิด พี่อู๋กลับกุมมือผมแน่นในดวง
ตาเอ่อเบ้าด้วยน้ำตา ตาเราสองเข้าประสานสบกันเป็นครั้งแรก (นับหลังจากได้เลิกราคบหากัน)
เป็นแววตาที่พี่เขาเคยทอดมองผมในยามที่เราร่วมรักกันเป็นหนแรก หวนนึกถึงภาพตอนพี่เขา
เอาสองมือเชยหน้าผมเข้าประทับจูบ ใจผมถึงกลับวาบหวั่นไหวขึ้นมาทันที ผมรีบเบือนตา
หลบไปทางอื่น เราต่างยืนนิ่งชั่งใจกันสักครู่ มีแต่ความอึดอัดแฝงอยู่ในความเงียบ ในที่สุดสติ
ผมให้หวนคืนกลับ ผมจึงกล่าวบอกอย่างสุภาพว่า
"หากมีอะไรให้ช่วยขอให้บอก อย่าได้เกรงใจ"
ความสงัดเงียบแผ่คลุมอีกครั้งหนึ่ง พี่เขาคล้ายกับรวมพลังแห่งความกล้าประติดประต่อคำที่
อยากบอก
"หลังจากงาน.. งานศพหลวงพ่อแล้ว .. ขอ.. ขอเวลาคุยด้วย... ด้วยสักนิด"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาตรงแสกหน้า มันเป็นการร้องขอที่เกินคาด ให้มึนงงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ในหัวผมเริ่มสับสน
"ได้ไหม"เสียงถามต่อด้วยไม่มั่นใจ ลำคอผมเริ่มผาดแห้งได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างเลื่อนลอย
เมื่อสวดศพจบเดินกลับบ้านพร้อมแม่ ผมเงียบตลอดทางจนแม่สังเกต
"น่าสงสารอู๋นะ ว่างๆพาพี่เขามาเล่นที่บ้านก็ได้"
คำอนุญาตของแม่ยิ่งเพิ่มให้ผมมีแต่ความหวาดกลัวหัวใจของตัวเองทวีมากขึ้น
คล้ายกระกอนที่ตกนอนก้นได้ถูกแกว่งตีกระพือให้น้ำใสเกิดขุนมัวอีกครั้ง คืนนั้นกลับมานอน
กระสับกระส่าย อาการดั่งคืนแรกหลังจากที่ได้เสียกันที่เรือนรับรอง เหมือนเปิดอัลบั้มรูปแห่ง
ความทรงจำในหนหลัง ภาพสองเราเคยแนบเนื้อชิดสนิทกัน กลับมาเวียนวนปรากฏชัด หลอก
หลอนดุจปีศาจร้ายจนหวาดกลัวตลอดคืน
ช่วงปิดเทอมอยู่กับบ้านไม่ไปไหน ช่วยน้องชายเตรียมสอบเข้า ม.1 สี่วันให้หลังวันเผาหลวงพ่อ
ได้รับจดหมายสั้นๆ ไอ้ขวดไปรษณีย์วัดคนเดิมส่งให้ในตอนเช้า สำนวนเขียนไม่ต่างไปจากเก่า
?ป้อ หากบ่ายสองนี้ว่าง ขอให้ไปพบที่เดิม
พี่อู๋?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น