“นี่ ดูสร้อยเส้นนี้สิเหมาะกับฉันมั้ย?” เรียวแขนเล็กเกี่ยวเกาะแขนอีกฝ่ายฉอเลาะให้ดูข้อมืออีกข้างที่มีสร้อยสีเงินๆกับลูกปัดร้อยกันเป็นพวงกระจุ๋มกระจิ๋ม
“สวยดีนี่ เหมาะกับต่างหูคู่นั้นเลยนะ”อากิระปั้นยิ้มเอาใจ สงสัยต้องซื้อเส้นนี้ให้อีกแล้วมั้งแต่แค่พันกว่าเยนเอง ช่างเหอะ
ฟูจิฮาระยิ้มกว้างเธอยืนลองกิ๊บติดผมอยู่หน้ากระจกขณะที่เด็กหนุ่มปลีกตัวนำต่างหูกับสร้อยมาคิดเงินที่เคาท์เตอร์ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะวันนี้ต้องกลับเร็วฟูจิฮาระก็เลยงอนสะบัดต้องแก้ตัวด้วยของกำนัลเอาอกเอาใจเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละทั้งหมดก็เพราะอีตายากุซ่าชอบวางอำนาจคนนั้นคนเดียวเพราะงั้นค่ากินค่าเที่ยววันนี้ นายจ่ายเสียดีๆเหอะคิดแล้วก็ควักบัตรทองจ่ายอย่างไม่ลังเล
เหมือนกับแหวนทองคำวงนั้นบัตรเครดิตใบนี้ไคโตะก็ยืนยันให้เขาเก็บไว้เช่นกัน โดยบอกว่าอย่าคิดมากนี่เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้อยู่แล้ว ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ไหนๆก็ให้แล้วนี่นะก็ไม่รู้หรอกว่าวงเงินของบัตรใบนี้มีเท่าไร ไม่กล้าถามด้วยแต่ถ้าไม่จำเป็นก็ว่าจะไม่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือย รู้สึกไม่ดีถ้าจะต้องพึ่งพาใครสักคนมากจนเกินไป
“ขอบพระคุณมากค่ะโอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
เสียงพนักงานบอกกล่าวไล่หลังเมื่อเขาทั้งสองคนก้าวออกจากร้านอากาศดูขมุกขมัวเล็กน้อยเพราะช่วงบ่ายฝนตก
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” สาวน้อยกระตุกแขนเสื้อ ร่างบางพยักหน้ารับ
“อยากกินอะไรล่ะ?”
“อืม...ไม่รู้สิ ฮามาโนะคุงล่ะ?”
ถ้าถามเขาตอนนี้ล่ะต้องราเม็งไม่ก็ข้าวหน้าหมูทอด แต่ขืนบอกไปคงเจอแง่งอนใส่อีกแน่ไม่น่าหาเรื่องควงหญิงเล้ย
“มอสเบอร์เกอร์ละกัน” พาเข้าฟาสต์ฟู้ดแหละ ง่ายดี เธอตอบตกลงทั้งคู่จึงเดินไปร้านมอสเบอร์เกอร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก...
...
“อ๊ะ! แย่จัง” จู่ๆฟูจิฮาระก็อุทานออกมาเบาๆ แล้วเอียงตัวเหมือนจะหลบใคร
“มีอะไรเหรอ?” อากิระถามขณะพยายามกลืนดับเบิ้ลเบอร์เกอร์คำโตลงคอไป
ใบหน้าใสที่ปั้นลำบากบุ้ยใบ้ไปทางข้างหลังเด็กหนุ่มค่อยๆหันไปมองตาม...
กลุ่มนักเรียนชายโรงเรียนเคียวเซย์สี่คนกำลังกินไปพลางลอบมองมาทางนี้เป็นระยะไปพลางหัวเกรียนกันทั้งกลุ่ม คงเป็นพวกนักกีฬา...และ หมอนั่น!คนที่ชนไหล่หาเรื่องเขาเมื่อวันนั้น!
“รู้จักด้วยเหรอ?”
“อือ” ริมฝีปากเคลือบลิปกลอสส์เบ้นิดๆ“คาโต้เป็นคนที่เคยคบด้วยคนก่อนน่ะแต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง ไม่รู้ยังมาตามหึงหวงอะไรอีก”
“เธอเคลียร์แต่ฝ่ายนั้นยังไม่เคลียร์ล่ะมั้ง” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจนักถ้าเป็นคนรักเที่ยวเหมือนกันความสัมพันธ์แฟร์ๆแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าเผลอไปยุ่งกับคนจริงจังล่ะ จบเกมยากแหงแซะ
“เขามาทำอะไรฮามาโนะคุงหรือเปล่า?”ดูเธอเป็นกังวลอยู่เหมือนกัน
“ก็...นิดหน่อยน่ะแต่ไม่ต้องห่วงหรอก” อากิระยิ้มแล้วลงมือจัดการกับเบอร์เกอร์ต่อให้หมดชิ้น
“งั้นเราออกไปจากร้านนี้กันเหอะ”
ร่างบางโคลงหัว สะพายเป้เดินตามเจ้าหล่อนโดยทันเหลือบไปเห็นสายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาจากเจ้าหัวเกรียนคาโต้ก่อนพ้นประตูด้วย
ฟูจิฮาระเดินนำไปที่ร้านเครปข้างๆร้านปาจิงโกะผู้หญิงก็แบบนี้แหละ เมื่อครู่กินแค่เฟรนช์ฟราย แต่พอเป็นของหวานล่ะไม่อั้นจะว่าไปมันก็น่ากินเหมือนกันแฮะ...กล้วยราดช็อคโกแล็ต หรือสตรอเบอร์รี่อัลมอนด์ดี? อืม...ราดทั้งวิปครีมทั้งคัสตาร์ดเลยดีกว่า...
ทว่ายังไม่ทันได้สั่งสี่คนที่นั่งอยู่ในร้านก็ตามมาถูกแล้ว โธ่ถัง!แม่ฟูจิฮาระคงมาซื้อร้านนี้ประจำสิเนี่ย แล้วแฟนเก่าจะไม่รู้ได้ง้าย
“นี่ คุมิโกะ ขอคุยด้วยหน่อย”คาโต้จงใจเรียกชื่อต้นเพื่อแสดงความสนิทสนมทั้งที่ความจริงแล้วตอนคบกันก็เรียกแต่นามสกุลทุกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเลี่ยงไม่ได้หญิงกล้าอย่างฟูจิฮาระก็เลยก้าวมาเผชิญด้วย
“มีอะไรเหรอคาโต้ ตามมาทำไมอีกล่ะ?”
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะจู่ๆก็บอกว่าจะเลิกกันน่ะ หมายความว่ายังไง!?”
“ก็เลิกกันน่ะสิ ไม่เห็นแปลกในเมื่อเราไปด้วยกันไม่ได้”
“พูดเอาเองฝ่ายเดียวแบบนี้ได้ยังไงฉันไม่รับรู้ด้วยหรอก!” หมอนี่ตื้อชะมัดเลยแฮะ อากิระคิด
“เธอจะรับรู้หรือไม่ ฉันไม่สนหรอกยังไงทุกอย่างระหว่างเรามันก็จบแล้ว ตอนนี้ฉันคบกับฮามาโนะคุงอยู่เข้าใจตามนี้ด้วยนะ” ว่าพลางสอดแขนเข้าคล้องยิ่งเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ ดูท่าคาโต้จะโกรธจนพูดไม่ออก
“อีกอย่าง เลิกโทรมาตื้อแล้วก็คอยตามรังควาญแบบนี้ได้แล้ว มันโรคจิตนะรู้มั้ย?”
“ว่าไงนะ!?”
“ว้าย!” เด็กหนุ่มหัวเกรียนฟิวส์ขาดตรงเข้ามากระชากแขนของฟูจิฮาระ!
“เฮ้ย! หยุดนะ” อากิระผลักคาโต้ออก แล้วดันเด็กสาวให้หลบข้างหลังตัวเอง
“อย่าเสือก! คิดว่าแน่นักเหรอแค่สาวๆกรี๊ดนิดหน่อย ถุย! หน้ายังกะตุ๊ด”
“อ้าว! สวยเด่!”
ร่างบางเลือดขึ้นหน้าพุ่งเข้าเงื้อหมัดต่อย ด้วยความที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัวเลยโดนถากแก้มไปคาโต้ปรี่เข้ามาจะเอาคืน แต่เพื่อนๆช่วยกันกระโจนห้ามมวยเสียก่อนสองคนรวบตัวคาโต้ไว้ได้ โดยมีคนหนึ่งล็อคไหล่อากิระไว้แต่คู่กรณีทั้งสองกำลังอารมณ์ปะทุได้ที่ ตั้งท่าจะวัดกันด้วยหมัดลูกเดียว!
“เฮ้ย! เอะอะอะไรหน้าร้านวะ!”เสียงแหบห้าวเหมือนจะเป็นพลเมืองดีเข้ามาห้ามทว่ารอยบากบนหน้านั่นคงไม่ได้มาจากมีดทำครัวแน่ๆ
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดต่อยกันแย่งผู้หญิงแล้วเหรอหา!?” ผู้ชายหัวโล้นอีกคนตามมาสมทบและข้างหลังยังมีพรรคพวกอีกหลายคน เข้ามาล้อมกรอบพวกเขาทั้งหมดไว้
“มามีเรื่องกันที่นี่ก็แย่เซ่!พวกฉันต้องทำมาหากินนะ ดูซิ ทำลูกค้าหนีหมด!” ชายหน้าบากคนเดิมที่ดูจะเป็นหัวหน้าหรี่ตามองข่มขู่แหวกสูทออกให้เป็นมีดพกญี่ปุ่นแบบยาวเล่นเอาเด็กโรงเรียนเคียวเซย์หน้าถอดสีไปตามๆกัน!
“เอ้า! ว่าไงคิดจะขอโทษกันมั้ยเนี่ย!?” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
“ขะ...ขอโทษครับ” แต่ละคนพูดกันขึ้นมาทีละเสียงสองเสียง
“เออ! ค่อยยังชั่วแต่ขอโทษก็ส่วนขอโทษ ค่าเสียหาย...มันก็ต้องจ่ายนะว้อย”
“ใช่!” คนหัวโล้นสมทบ“ค่าเสียหายทั้งหมด แสนเยน!”
“หา!?” คราวนี้เด็กๆร้องบ้างอะไรมันจะขูดรีดกันปานนี้!?
“อ้าว! หนู!แขกที่พวกแกไล่ไปอาจจะมาเสียเงินให้ที่นี่เท่าไหร่ก็ได้นี่หว่า ใครจะไปรู้แสนไม่พอใจ จะเรียกให้ถึงล้านเลยดีมั้ย!?” หมอนั่นพูดยียวน
ทุกคนได้แต่หุบปากเงียบ ไม่โต้แย้งอากิระอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีไคโตะอยู่ด้วยตอนนี้ล่ะก็...
“หรือว่า...ถ้าน้องหนูจะมาทำงานด้วยกันจะยกหนี้ให้ก็ได้นะ แถมเงินด้วยเอ้า!” เจ้าหน้าบากเดินวนไปจับแก้มของเด็กสาวเมื่อมองเห็นชัดๆว่ารูปร่างหน้าตาสะสวยเธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“แสนเยน ฉันยอมจ่ายปล่อยเธอได้แล้ว!” อากิระโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิดรู้แต่ว่าเขามีเงินพอจะช่วยเหลือฟูจิฮาระได้
แต่แทนที่พวกนั้นจะพอใจ เปล่าเลยพวกมันกลับทำหน้าถทึงยิ่งกว่าเดิม กรูเข้ามาอย่างจะหาเรื่องเต็มที่!
“รวยนักเหรอวะ เด็กเมื่อวานซืนนี่”มือใหญ่พุ่งเข้ามาคว้าตัวเด็กหนุ่มยกแขนปัดป้องพลางนึกในใจว่าแย่แน่แล้ว ข้อมือถูกกระชากจนเจ็บเขาหลับตาปี๋...!
“เฮ้ย!” ได้ยินเสียงใครในกลุ่มพวกนั้นอุทานอย่างตกใจน้ำหนักมือที่จับเปลี่ยนไป สุดท้ายก็ผละออกราวกับจับต้องของร้อนร่างบางค่อยๆลืมตาดู...ไหงทำหน้าเหมือนเห็นผี?
“แก...แกมีกระดุมนั่นได้ยังไง!?”ชายหน้าบากที่พูดอวดเบ่งเมื่อครู่หน้าซีด ปากคอสั่นยื่นชี้มายังกระดุมแก๊งค์ที่เขาแอบจิ๊กไคโตะมา
“มีกระดุมแก๊งค์คุโรดะก็แปลว่าเป็นคนของคุโรดะ”
ประโยคนี้ไม่ใช่ใครพูดทั้งนั้นหากแต่เป็นผู้มาใหม่ในชุดสูทสีดำ อากิระจำได้ เขาคือผู้ชายพูดน้อยที่ขับรถพาไปซื้อของตอนอยู่ที่โยโกฮาม่านั่นเอง!
ชายผู้นั้นก้าวเข้ามาแทรกกลางวงนักเลงคุมร้านปาจิงโกะต่างก็แตกฮือถอยร่นบางทีอีกปัจจัยหนึ่งคงเป็นพวกกลุ่มยากุซ่าในชุดสูทดำบ้างลายทางบ้างที่กลัดกระดุม ‘คุโรดะ’ หลายคนที่ตามหลังมานั่นด้วยพอเห็นแบบนี้แล้วทำให้รู้ว่าพวกปลายแถวนี่มันคนละเกรดกับยากุซ่าตัวจริงเลยแฮะ
“เห็นว่ามีเรื่องอะไรกันเหรอ หืม?”
“ปะ...ปะ...เปล่าครับ! ไม่มีอะไรเข้าใจผิดนิดหน่อย” ทีงี้ล่ะพลิกลิ้นเป็นพัลวัน
“เป็นแก็งค์ลูกแต่กลับมามีเรื่องกับเด็กนักเรียนแบบนี้มันไม่ทุเรศไปหน่อยเหรอ หา? แค่ตักเตือนก็เลิกแล้วต่อกันได้ม้าง?”
“ครับ ได้ครับพวกผมแค่เล่นกันเลยเถิดไปแค่นั้นเอง”
“เข้าใจกันได้ก็ดีคงไม่มีครั้งที่สองแล้วนะ?”
“ครับ ไม่มีแน่ครับ” พวกนั้นโค้งแล้วโค้งอีก ตอนนี้จะชี้นกก็ว่านก ชี้ไม้ก็ว่าไม้ล่ะ
“ไม่มีก็จะยืนทำซากอะไรอยู่ล่ะ!?”
ตวาดทีเดียวพวกนักเลงคุมร้านก็หัวหดวิ่งกลับเข้าหลังร้านแทบไม่ทัน อากิระยืนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะได้สติ
“เอ่อ...ขอบคุณมากนะครับ” เขาค้อมหัวให้
“ไม่เป็นไรครับ ขอให้ระวังตัวด้วย”
ชายร่างสันทัดค้อมตอบอย่างฉาบฉวยเช่นเคยก่อนจะให้พรรคพวกแยกย้ายกันไป ทว่าอย่างไรเสียคงกระจายกันอยู่แถวนี้เพื่อคอยดูแลเขา...อย่างที่ใครคนนั้นเคยบอก...ริมฝีปากบางอดอมยิ้มไม่ได้ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด...
แต่ทั้งๆที่นึกว่าเสร็จเรื่องไปทีหาก...พอหันกลับมา ทุกคนกลับมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ...
“อะไร?” เด็กหนุ่มยังคิดตามไม่ทันแต่พวกคาโต้รีบหลบฉากไปด้วยความรวดเร็ว ยังคงเหลือฟูจิฮาระ...
“อ่า...” ร่างบางส่งยิ้มแหย“ยังอยากกินเครปมั้ย?”
“คือ...ฉันนึกได้ว่ามีธุระน่ะเอาไว้โอกาสหน้านะ” หล่อนยิ้มแห้งๆก่อนจะรีบเดินกลมกลืนไปกับฝูงชนตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน
อากิระยืนเคว้ง...นี่เขาทำอะไรพลาดไปหรือเปล่าเนี่ย?
“หึๆ อย่างนั้นเหรอ ฮะๆ”
“นี่! หยุดหัวเราะเลยนะไม่ใช่เรื่องน่าขำสักหน่อย” อากิระแหวใส่ ทำปากยื่นงอน
“ก็...หึๆเรื่องนี้มันจะโทษฉันไม่ได้นา” ชายหนุ่มพยายามกลั้นเอาไว้ในลำคออันที่จริงเมื่อวานนี้อีกฝ่ายก็โทรมาโวยวายกับเขาแล้ว แต่พอได้เห็นสีหน้าบูดบึ้งแบบน่ารักประกอบด้วยนี่มันน่าเอ็นดูกว่ากันเยอะเลยแฮะ
นัยน์ตาคมหวานตวัดค้อนก็จริงหรอกที่ไม่ใช่ความผิดอะไรของไคโตะ กระดุมนั่นเขาก็เป็นคนมือซนเองแล้วคนติดตามก็มาช่วยแท้ๆแต่ว่าความซวยที่มันบังเกิดขึ้นทำให้เขาอยากจะโทษใครสักคนนี่นา มือคว้าแก้วชามะนาวขึ้นมาดูดอึกๆเอนหลังทิ้งน้ำหนักตัวพิงโซฟาหนังนุ่มสบายในออฟฟิศกว้าง
“แล้วยังไม่ได้อธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจเหรอ?”
“อธิบายว่าอะไรล่ะ?” ร่างบางย้อนถาม “ตอนนี้ใครๆก็เข้าใจว่าผมเข้าแก๊งค์ยากุซ่ากันหมดแล้วเดินไปไหนมาไหนคนก็หลีกทางเป็นวงอย่างกับมีบาเรียกั้น อย่าว่าแต่จะพูดเลยแค่สบตาก็หายจ้อยเหมือนผมมีเลเซอร์ยิงออกมาจากตาเป็นอุลตร้าแมนงั้นแหละ”
พวกคาโต้ที่หายหัวไปน่ะไม่เท่าไรหรอกแต่ฟูจิฮาระนี่สิแล้วใหญ่นอกจากจะหลบหน้าหลบตายังเป็นตัวการปล่อยข่าวแถมใส่ไข่เองเสร็จสรรพเป็นอีลูกช่างเม้าท์ไปเลยให้ตายเหอะพวกผู้หญิง คราวนี้พวกสาวๆที่เคยกรี๊ดกร๊าดให้เขายืมจดเล็คเชอร์บ้างลอกการบ้านบ้างก็พลอยลี้หน้าไปด้วย ซวยชะมัด!
“อืม...เพื่อนสนิทเธอล่ะ?”
“ผมก็แก้ตัวไปว่าโรงแรมที่ทำงานอยู่น่ะเป็นเครือของยากุซ่า แต่...พวกนั้นคงไม่ค่อยเชื่อเท่าไร”
หลักฐานคือทุกครั้งที่เขาเข้าร่วมวงสนทนาทั้งกลุ่มจะเงียบกริบทำตาเลิกลั่กมองกันเองแบบระแวงเหมือนอยู่ในป่าช้าพอสองวันเต็มแห่งความอึดอัดผ่านพ้นไปปั๊บเขาก็รีบเผ่นออกจากโรงเรียนมาที่บริษัทนี่โดยสัปดาห์นี้ชายหนุ่มส่งคนมารับแทนเพราะงานยุ่งแต่ถึงจะมีรถหรูมารับเขาก็ไม่สนใจแล้วล่ะ มาถึงขั้นนี้อยากจะนินทาอะไรก็เอาเหอะ
ไคโตะเหลือบมองคนที่นั่งแก้มป่องเหมือนปลาทองแล้วอดยิ้มไม่ได้พลางรามือจากเอกสาร
“อากิระ” ใบหน้ามนหันมาตามเสียงเรียก“มานี่สิ”
มือที่ยื่นมานั้นครั้งก่อนต้องชั่งใจอยู่นานทว่าในตอนนี้เขาได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่อบอุ่นของมือกร้านคู่นั้นแล้วริมฝีปากบางเม้มนิดหนึ่ง ก่อนลุกไปหาอย่างว่าง่าย
อ้อมแขนแกร่งโอบรั้งเอวบางให้นั่งลงบนตักปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้เขาจรดปลายจมูกไซ้ไปตามเนียนแก้มน่าหม่ำนั่นแล้วเลยไปลิ้มรสริมฝีปากอิ่ม ยื้อยุดปลายลิ้นนุ่มที่ตอบสนองง่ายดายกว่าเดิมมือเล็กไต่ขึ้นมาเกาะต้นแขนเบาๆแสดงให้รู้ว่าเขาได้รับที่ว่างในใจของเด็กหนุ่มไปเรียบร้อยแล้วไม่มากก็น้อย
อากิระสะท้านนิดๆเมื่อร่างสูงสอดมือมาลูบคลึงแนวแผ่นหลังและล้วงขอบกางเกงเข้าไปสัมผัสเนินสะโพกขณะยังเพลิดเพลินกับจุมพิตดื่มด่ำร่างกายที่คุ้นชินขยับขึ้นไปนั่งคร่อมก่ายเกยหน้าตักโดยอัตโนมัติเพื่อหวังจะได้รับรสมากยิ่งขึ้นไปกว่านี้เรียวแขนทั้งสองข้างโอบแนวบ่าหนาโดยที่กระดุมทั้งสูทและเชิ้ตถูกปลดออกอย่างรวดเร็วน้ำหนักของคนสองคนที่โถมพิงทำให้เก้าอี้หนังบุนวมไหวเอี้ยด...
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่านี่มันในออฟฟิศนี่นาข้างนอกก็ยังมีพนักงานบริษัทอีกหลายคน แถมห้องก็ไม่ได้ล็อคด้วย!
“นี่! เดี๋ยวก่อนสิ ที่นี่ไม่เอานะ”
“หือ? มาห้ามอะไรตอนนี้”ใบหน้าคมสันยังฝังอยู่กับซอกคอ
“อื๊ออ ก็...หยุดก่อนสิ” สองแขนดันตัวให้ออกง “นี่มันห้องทำงานนะคนอื่นก็อยู่กันเต็ม”
“ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก หรือถึงมีก็ไม่เห็นเป็นไร กล้าเอาไปพูดก็ให้รู้ไปสิ” มือหนึ่งเลื่อนลูบแผ่นอกผ่านปลายยอดไปแผ่วๆ
“คุณไม่อายแต่ผมอายนี่ไม่เอาด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มขยับดิ้นเพื่อจะลงจากตักทว่ามือใหญ่ทั้งสองกลับเลื่อนมาตรึงสะโพกไว้แน่น
“นี่...เล่นมาพูดแบบนี้แล้วที่มันยังค้างคาจะทำยังไง?”
คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่เข้าใจในทีแรกทว่าพอโคนขาทับโดนอะไรแข็งๆ...แก้มก็แดงก่ำขึ้นมาทันที เกิดอารมณ์ไวขนาดนี้เลยเหรอตาบ้าหัวงูนี่!
“ก็ไปทำให้มันสงบลงซะสิ!”
“พูดง่ายจริงนะ ใครปลุกมันขึ้นมาล่ะ”ไม่พูดเปล่า ยังขยับเสียดสีอีก
“บ้า!” เสียงตวาดเบาๆ“แล้ว...จะให้ทำยังไงเล่า!”
“อืมมม...” เขาแสร้งทำท่าเหมือนครุ่นคิดแต่ซ่อนความคิดเจ้าเล่ห์เอาไว้ “ช่วย...ฉันสิ”
ฝ่ามือเรียวถูกฉุดมาจับเข้าที่เป้าตรงๆความร้อนรุมคล้ายผ่านเนื้อผ้าจนรู้สึกได้ ทั้งที่อยากจะดึงมือออกแต่ทำไมถึงไร้เรี่ยวแรงก็ไม่รู้ใบหน้ามนก้มงุดเขินอาย ขบริมฝีปากชั่งใจอยู่พักหนึ่งและ...ในที่สุดก็ค่อยๆปลดดึงเข็มขัดกับซิป...
นิ้วเย็นๆที่แตะต้องอย่างประหม่าทำให้ชายหนุ่มกระจือรือร้นมากกว่าปกติเขานั่งพิงเก้าอี้ในท่าที่ถนัดแล้วคลายมือที่กุมยึดสะโพกบางจับเพียงหลวมๆปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงฝีมือ
อากิระขยับตัวลงจากตักด้วยท่าทางเงอะงะครั้นจะยืนทำก็ใช่ที่ เลยต้องทรุดตัวลงนั่งกลางหว่างขา มือกอบส่วนที่แข็งขันเอาไว้แล้วขยับรูด...
เสียงครางต่ำเพิ่มความมั่นใจให้เร่งจังหวะสิ่งที่กำลังทำอยู่มันช่างแปลกประหลาดเมื่อต้องมาจ้องดูชัดๆ ไฟก็สว่างโร่แถมนอกห้องยังมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอีกแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนั่นมันน่าตื่นเต้นอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศบวกกับเนื้อโลหะของแหวนทองกระทบแผ่นอกเปลือยเปล่ายอดอกสีเรื่อเริ่มตั้งชัน นัยน์ตาคู่หวานตวัดขึ้นสบสายตาอีกคู่ที่จับจ้องการกระทำทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว
ปลายนิ้วกร้านเลื่อนลงไปหยอกล้อกับตุ่มไตเล็กๆนั่นจนอีกฝ่ายต้องหยัดแผ่นหลังขึ้นแอ่นให้คลึงเค้นถนัดมือ เรียวปากสีสดฉ่ำเผยอหอบนิดๆ แววตาแบบนั้นช่าง...เชิญชวน
เรียวลิ้นแลบเลียกับนิ้วที่ส่งเข้ามาหยอกในปากดูดและแกล้งขบเบาๆ ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะเลื่อนไปประคองท้ายทอยของเขาให้เข้าใกล้สางขยุ้มเส้นผม อากิระแก้มร้อนผ่าวเมื่อเข้าใจสัญญาณแบบนั้นเขาเหลือบมองเอ็นแข็งในมือที่เริ่มชุ่มนิดๆอย่างชั่งใจแล้วจึงค่อย...เขยิบเข้ามาชิด...
“ฮึ...อืมมม”
ร่างสูงถึงกับสะดุ้งวาบเมื่อปากอ่อนนุ่มครอบกลืนส่วนปลายเข้าไปโพรงปากร้อนชื้นและอ่อนนุ่มกำลังลูบไล้เขาอย่างเขินอายระคนอยากรู้อยากเห็นลิ้นอุ่นๆแลบเลียค
“สวยดีนี่ เหมาะกับต่างหูคู่นั้นเลยนะ”อากิระปั้นยิ้มเอาใจ สงสัยต้องซื้อเส้นนี้ให้อีกแล้วมั้งแต่แค่พันกว่าเยนเอง ช่างเหอะ
ฟูจิฮาระยิ้มกว้างเธอยืนลองกิ๊บติดผมอยู่หน้ากระจกขณะที่เด็กหนุ่มปลีกตัวนำต่างหูกับสร้อยมาคิดเงินที่เคาท์เตอร์ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะวันนี้ต้องกลับเร็วฟูจิฮาระก็เลยงอนสะบัดต้องแก้ตัวด้วยของกำนัลเอาอกเอาใจเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละทั้งหมดก็เพราะอีตายากุซ่าชอบวางอำนาจคนนั้นคนเดียวเพราะงั้นค่ากินค่าเที่ยววันนี้ นายจ่ายเสียดีๆเหอะคิดแล้วก็ควักบัตรทองจ่ายอย่างไม่ลังเล
เหมือนกับแหวนทองคำวงนั้นบัตรเครดิตใบนี้ไคโตะก็ยืนยันให้เขาเก็บไว้เช่นกัน โดยบอกว่าอย่าคิดมากนี่เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้อยู่แล้ว ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ไหนๆก็ให้แล้วนี่นะก็ไม่รู้หรอกว่าวงเงินของบัตรใบนี้มีเท่าไร ไม่กล้าถามด้วยแต่ถ้าไม่จำเป็นก็ว่าจะไม่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือย รู้สึกไม่ดีถ้าจะต้องพึ่งพาใครสักคนมากจนเกินไป
“ขอบพระคุณมากค่ะโอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
เสียงพนักงานบอกกล่าวไล่หลังเมื่อเขาทั้งสองคนก้าวออกจากร้านอากาศดูขมุกขมัวเล็กน้อยเพราะช่วงบ่ายฝนตก
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” สาวน้อยกระตุกแขนเสื้อ ร่างบางพยักหน้ารับ
“อยากกินอะไรล่ะ?”
“อืม...ไม่รู้สิ ฮามาโนะคุงล่ะ?”
ถ้าถามเขาตอนนี้ล่ะต้องราเม็งไม่ก็ข้าวหน้าหมูทอด แต่ขืนบอกไปคงเจอแง่งอนใส่อีกแน่ไม่น่าหาเรื่องควงหญิงเล้ย
“มอสเบอร์เกอร์ละกัน” พาเข้าฟาสต์ฟู้ดแหละ ง่ายดี เธอตอบตกลงทั้งคู่จึงเดินไปร้านมอสเบอร์เกอร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก...
...
“อ๊ะ! แย่จัง” จู่ๆฟูจิฮาระก็อุทานออกมาเบาๆ แล้วเอียงตัวเหมือนจะหลบใคร
“มีอะไรเหรอ?” อากิระถามขณะพยายามกลืนดับเบิ้ลเบอร์เกอร์คำโตลงคอไป
ใบหน้าใสที่ปั้นลำบากบุ้ยใบ้ไปทางข้างหลังเด็กหนุ่มค่อยๆหันไปมองตาม...
กลุ่มนักเรียนชายโรงเรียนเคียวเซย์สี่คนกำลังกินไปพลางลอบมองมาทางนี้เป็นระยะไปพลางหัวเกรียนกันทั้งกลุ่ม คงเป็นพวกนักกีฬา...และ หมอนั่น!คนที่ชนไหล่หาเรื่องเขาเมื่อวันนั้น!
“รู้จักด้วยเหรอ?”
“อือ” ริมฝีปากเคลือบลิปกลอสส์เบ้นิดๆ“คาโต้เป็นคนที่เคยคบด้วยคนก่อนน่ะแต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง ไม่รู้ยังมาตามหึงหวงอะไรอีก”
“เธอเคลียร์แต่ฝ่ายนั้นยังไม่เคลียร์ล่ะมั้ง” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจนักถ้าเป็นคนรักเที่ยวเหมือนกันความสัมพันธ์แฟร์ๆแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าเผลอไปยุ่งกับคนจริงจังล่ะ จบเกมยากแหงแซะ
“เขามาทำอะไรฮามาโนะคุงหรือเปล่า?”ดูเธอเป็นกังวลอยู่เหมือนกัน
“ก็...นิดหน่อยน่ะแต่ไม่ต้องห่วงหรอก” อากิระยิ้มแล้วลงมือจัดการกับเบอร์เกอร์ต่อให้หมดชิ้น
“งั้นเราออกไปจากร้านนี้กันเหอะ”
ร่างบางโคลงหัว สะพายเป้เดินตามเจ้าหล่อนโดยทันเหลือบไปเห็นสายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาจากเจ้าหัวเกรียนคาโต้ก่อนพ้นประตูด้วย
ฟูจิฮาระเดินนำไปที่ร้านเครปข้างๆร้านปาจิงโกะผู้หญิงก็แบบนี้แหละ เมื่อครู่กินแค่เฟรนช์ฟราย แต่พอเป็นของหวานล่ะไม่อั้นจะว่าไปมันก็น่ากินเหมือนกันแฮะ...กล้วยราดช็อคโกแล็ต หรือสตรอเบอร์รี่อัลมอนด์ดี? อืม...ราดทั้งวิปครีมทั้งคัสตาร์ดเลยดีกว่า...
ทว่ายังไม่ทันได้สั่งสี่คนที่นั่งอยู่ในร้านก็ตามมาถูกแล้ว โธ่ถัง!แม่ฟูจิฮาระคงมาซื้อร้านนี้ประจำสิเนี่ย แล้วแฟนเก่าจะไม่รู้ได้ง้าย
“นี่ คุมิโกะ ขอคุยด้วยหน่อย”คาโต้จงใจเรียกชื่อต้นเพื่อแสดงความสนิทสนมทั้งที่ความจริงแล้วตอนคบกันก็เรียกแต่นามสกุลทุกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเลี่ยงไม่ได้หญิงกล้าอย่างฟูจิฮาระก็เลยก้าวมาเผชิญด้วย
“มีอะไรเหรอคาโต้ ตามมาทำไมอีกล่ะ?”
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะจู่ๆก็บอกว่าจะเลิกกันน่ะ หมายความว่ายังไง!?”
“ก็เลิกกันน่ะสิ ไม่เห็นแปลกในเมื่อเราไปด้วยกันไม่ได้”
“พูดเอาเองฝ่ายเดียวแบบนี้ได้ยังไงฉันไม่รับรู้ด้วยหรอก!” หมอนี่ตื้อชะมัดเลยแฮะ อากิระคิด
“เธอจะรับรู้หรือไม่ ฉันไม่สนหรอกยังไงทุกอย่างระหว่างเรามันก็จบแล้ว ตอนนี้ฉันคบกับฮามาโนะคุงอยู่เข้าใจตามนี้ด้วยนะ” ว่าพลางสอดแขนเข้าคล้องยิ่งเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ ดูท่าคาโต้จะโกรธจนพูดไม่ออก
“อีกอย่าง เลิกโทรมาตื้อแล้วก็คอยตามรังควาญแบบนี้ได้แล้ว มันโรคจิตนะรู้มั้ย?”
“ว่าไงนะ!?”
“ว้าย!” เด็กหนุ่มหัวเกรียนฟิวส์ขาดตรงเข้ามากระชากแขนของฟูจิฮาระ!
“เฮ้ย! หยุดนะ” อากิระผลักคาโต้ออก แล้วดันเด็กสาวให้หลบข้างหลังตัวเอง
“อย่าเสือก! คิดว่าแน่นักเหรอแค่สาวๆกรี๊ดนิดหน่อย ถุย! หน้ายังกะตุ๊ด”
“อ้าว! สวยเด่!”
ร่างบางเลือดขึ้นหน้าพุ่งเข้าเงื้อหมัดต่อย ด้วยความที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัวเลยโดนถากแก้มไปคาโต้ปรี่เข้ามาจะเอาคืน แต่เพื่อนๆช่วยกันกระโจนห้ามมวยเสียก่อนสองคนรวบตัวคาโต้ไว้ได้ โดยมีคนหนึ่งล็อคไหล่อากิระไว้แต่คู่กรณีทั้งสองกำลังอารมณ์ปะทุได้ที่ ตั้งท่าจะวัดกันด้วยหมัดลูกเดียว!
“เฮ้ย! เอะอะอะไรหน้าร้านวะ!”เสียงแหบห้าวเหมือนจะเป็นพลเมืองดีเข้ามาห้ามทว่ารอยบากบนหน้านั่นคงไม่ได้มาจากมีดทำครัวแน่ๆ
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดต่อยกันแย่งผู้หญิงแล้วเหรอหา!?” ผู้ชายหัวโล้นอีกคนตามมาสมทบและข้างหลังยังมีพรรคพวกอีกหลายคน เข้ามาล้อมกรอบพวกเขาทั้งหมดไว้
“มามีเรื่องกันที่นี่ก็แย่เซ่!พวกฉันต้องทำมาหากินนะ ดูซิ ทำลูกค้าหนีหมด!” ชายหน้าบากคนเดิมที่ดูจะเป็นหัวหน้าหรี่ตามองข่มขู่แหวกสูทออกให้เป็นมีดพกญี่ปุ่นแบบยาวเล่นเอาเด็กโรงเรียนเคียวเซย์หน้าถอดสีไปตามๆกัน!
“เอ้า! ว่าไงคิดจะขอโทษกันมั้ยเนี่ย!?” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
“ขะ...ขอโทษครับ” แต่ละคนพูดกันขึ้นมาทีละเสียงสองเสียง
“เออ! ค่อยยังชั่วแต่ขอโทษก็ส่วนขอโทษ ค่าเสียหาย...มันก็ต้องจ่ายนะว้อย”
“ใช่!” คนหัวโล้นสมทบ“ค่าเสียหายทั้งหมด แสนเยน!”
“หา!?” คราวนี้เด็กๆร้องบ้างอะไรมันจะขูดรีดกันปานนี้!?
“อ้าว! หนู!แขกที่พวกแกไล่ไปอาจจะมาเสียเงินให้ที่นี่เท่าไหร่ก็ได้นี่หว่า ใครจะไปรู้แสนไม่พอใจ จะเรียกให้ถึงล้านเลยดีมั้ย!?” หมอนั่นพูดยียวน
ทุกคนได้แต่หุบปากเงียบ ไม่โต้แย้งอากิระอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีไคโตะอยู่ด้วยตอนนี้ล่ะก็...
“หรือว่า...ถ้าน้องหนูจะมาทำงานด้วยกันจะยกหนี้ให้ก็ได้นะ แถมเงินด้วยเอ้า!” เจ้าหน้าบากเดินวนไปจับแก้มของเด็กสาวเมื่อมองเห็นชัดๆว่ารูปร่างหน้าตาสะสวยเธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“แสนเยน ฉันยอมจ่ายปล่อยเธอได้แล้ว!” อากิระโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิดรู้แต่ว่าเขามีเงินพอจะช่วยเหลือฟูจิฮาระได้
แต่แทนที่พวกนั้นจะพอใจ เปล่าเลยพวกมันกลับทำหน้าถทึงยิ่งกว่าเดิม กรูเข้ามาอย่างจะหาเรื่องเต็มที่!
“รวยนักเหรอวะ เด็กเมื่อวานซืนนี่”มือใหญ่พุ่งเข้ามาคว้าตัวเด็กหนุ่มยกแขนปัดป้องพลางนึกในใจว่าแย่แน่แล้ว ข้อมือถูกกระชากจนเจ็บเขาหลับตาปี๋...!
“เฮ้ย!” ได้ยินเสียงใครในกลุ่มพวกนั้นอุทานอย่างตกใจน้ำหนักมือที่จับเปลี่ยนไป สุดท้ายก็ผละออกราวกับจับต้องของร้อนร่างบางค่อยๆลืมตาดู...ไหงทำหน้าเหมือนเห็นผี?
“แก...แกมีกระดุมนั่นได้ยังไง!?”ชายหน้าบากที่พูดอวดเบ่งเมื่อครู่หน้าซีด ปากคอสั่นยื่นชี้มายังกระดุมแก๊งค์ที่เขาแอบจิ๊กไคโตะมา
“มีกระดุมแก๊งค์คุโรดะก็แปลว่าเป็นคนของคุโรดะ”
ประโยคนี้ไม่ใช่ใครพูดทั้งนั้นหากแต่เป็นผู้มาใหม่ในชุดสูทสีดำ อากิระจำได้ เขาคือผู้ชายพูดน้อยที่ขับรถพาไปซื้อของตอนอยู่ที่โยโกฮาม่านั่นเอง!
ชายผู้นั้นก้าวเข้ามาแทรกกลางวงนักเลงคุมร้านปาจิงโกะต่างก็แตกฮือถอยร่นบางทีอีกปัจจัยหนึ่งคงเป็นพวกกลุ่มยากุซ่าในชุดสูทดำบ้างลายทางบ้างที่กลัดกระดุม ‘คุโรดะ’ หลายคนที่ตามหลังมานั่นด้วยพอเห็นแบบนี้แล้วทำให้รู้ว่าพวกปลายแถวนี่มันคนละเกรดกับยากุซ่าตัวจริงเลยแฮะ
“เห็นว่ามีเรื่องอะไรกันเหรอ หืม?”
“ปะ...ปะ...เปล่าครับ! ไม่มีอะไรเข้าใจผิดนิดหน่อย” ทีงี้ล่ะพลิกลิ้นเป็นพัลวัน
“เป็นแก็งค์ลูกแต่กลับมามีเรื่องกับเด็กนักเรียนแบบนี้มันไม่ทุเรศไปหน่อยเหรอ หา? แค่ตักเตือนก็เลิกแล้วต่อกันได้ม้าง?”
“ครับ ได้ครับพวกผมแค่เล่นกันเลยเถิดไปแค่นั้นเอง”
“เข้าใจกันได้ก็ดีคงไม่มีครั้งที่สองแล้วนะ?”
“ครับ ไม่มีแน่ครับ” พวกนั้นโค้งแล้วโค้งอีก ตอนนี้จะชี้นกก็ว่านก ชี้ไม้ก็ว่าไม้ล่ะ
“ไม่มีก็จะยืนทำซากอะไรอยู่ล่ะ!?”
ตวาดทีเดียวพวกนักเลงคุมร้านก็หัวหดวิ่งกลับเข้าหลังร้านแทบไม่ทัน อากิระยืนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะได้สติ
“เอ่อ...ขอบคุณมากนะครับ” เขาค้อมหัวให้
“ไม่เป็นไรครับ ขอให้ระวังตัวด้วย”
ชายร่างสันทัดค้อมตอบอย่างฉาบฉวยเช่นเคยก่อนจะให้พรรคพวกแยกย้ายกันไป ทว่าอย่างไรเสียคงกระจายกันอยู่แถวนี้เพื่อคอยดูแลเขา...อย่างที่ใครคนนั้นเคยบอก...ริมฝีปากบางอดอมยิ้มไม่ได้ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด...
แต่ทั้งๆที่นึกว่าเสร็จเรื่องไปทีหาก...พอหันกลับมา ทุกคนกลับมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ...
“อะไร?” เด็กหนุ่มยังคิดตามไม่ทันแต่พวกคาโต้รีบหลบฉากไปด้วยความรวดเร็ว ยังคงเหลือฟูจิฮาระ...
“อ่า...” ร่างบางส่งยิ้มแหย“ยังอยากกินเครปมั้ย?”
“คือ...ฉันนึกได้ว่ามีธุระน่ะเอาไว้โอกาสหน้านะ” หล่อนยิ้มแห้งๆก่อนจะรีบเดินกลมกลืนไปกับฝูงชนตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน
อากิระยืนเคว้ง...นี่เขาทำอะไรพลาดไปหรือเปล่าเนี่ย?
“หึๆ อย่างนั้นเหรอ ฮะๆ”
“นี่! หยุดหัวเราะเลยนะไม่ใช่เรื่องน่าขำสักหน่อย” อากิระแหวใส่ ทำปากยื่นงอน
“ก็...หึๆเรื่องนี้มันจะโทษฉันไม่ได้นา” ชายหนุ่มพยายามกลั้นเอาไว้ในลำคออันที่จริงเมื่อวานนี้อีกฝ่ายก็โทรมาโวยวายกับเขาแล้ว แต่พอได้เห็นสีหน้าบูดบึ้งแบบน่ารักประกอบด้วยนี่มันน่าเอ็นดูกว่ากันเยอะเลยแฮะ
นัยน์ตาคมหวานตวัดค้อนก็จริงหรอกที่ไม่ใช่ความผิดอะไรของไคโตะ กระดุมนั่นเขาก็เป็นคนมือซนเองแล้วคนติดตามก็มาช่วยแท้ๆแต่ว่าความซวยที่มันบังเกิดขึ้นทำให้เขาอยากจะโทษใครสักคนนี่นา มือคว้าแก้วชามะนาวขึ้นมาดูดอึกๆเอนหลังทิ้งน้ำหนักตัวพิงโซฟาหนังนุ่มสบายในออฟฟิศกว้าง
“แล้วยังไม่ได้อธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจเหรอ?”
“อธิบายว่าอะไรล่ะ?” ร่างบางย้อนถาม “ตอนนี้ใครๆก็เข้าใจว่าผมเข้าแก๊งค์ยากุซ่ากันหมดแล้วเดินไปไหนมาไหนคนก็หลีกทางเป็นวงอย่างกับมีบาเรียกั้น อย่าว่าแต่จะพูดเลยแค่สบตาก็หายจ้อยเหมือนผมมีเลเซอร์ยิงออกมาจากตาเป็นอุลตร้าแมนงั้นแหละ”
พวกคาโต้ที่หายหัวไปน่ะไม่เท่าไรหรอกแต่ฟูจิฮาระนี่สิแล้วใหญ่นอกจากจะหลบหน้าหลบตายังเป็นตัวการปล่อยข่าวแถมใส่ไข่เองเสร็จสรรพเป็นอีลูกช่างเม้าท์ไปเลยให้ตายเหอะพวกผู้หญิง คราวนี้พวกสาวๆที่เคยกรี๊ดกร๊าดให้เขายืมจดเล็คเชอร์บ้างลอกการบ้านบ้างก็พลอยลี้หน้าไปด้วย ซวยชะมัด!
“อืม...เพื่อนสนิทเธอล่ะ?”
“ผมก็แก้ตัวไปว่าโรงแรมที่ทำงานอยู่น่ะเป็นเครือของยากุซ่า แต่...พวกนั้นคงไม่ค่อยเชื่อเท่าไร”
หลักฐานคือทุกครั้งที่เขาเข้าร่วมวงสนทนาทั้งกลุ่มจะเงียบกริบทำตาเลิกลั่กมองกันเองแบบระแวงเหมือนอยู่ในป่าช้าพอสองวันเต็มแห่งความอึดอัดผ่านพ้นไปปั๊บเขาก็รีบเผ่นออกจากโรงเรียนมาที่บริษัทนี่โดยสัปดาห์นี้ชายหนุ่มส่งคนมารับแทนเพราะงานยุ่งแต่ถึงจะมีรถหรูมารับเขาก็ไม่สนใจแล้วล่ะ มาถึงขั้นนี้อยากจะนินทาอะไรก็เอาเหอะ
ไคโตะเหลือบมองคนที่นั่งแก้มป่องเหมือนปลาทองแล้วอดยิ้มไม่ได้พลางรามือจากเอกสาร
“อากิระ” ใบหน้ามนหันมาตามเสียงเรียก“มานี่สิ”
มือที่ยื่นมานั้นครั้งก่อนต้องชั่งใจอยู่นานทว่าในตอนนี้เขาได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่อบอุ่นของมือกร้านคู่นั้นแล้วริมฝีปากบางเม้มนิดหนึ่ง ก่อนลุกไปหาอย่างว่าง่าย
อ้อมแขนแกร่งโอบรั้งเอวบางให้นั่งลงบนตักปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้เขาจรดปลายจมูกไซ้ไปตามเนียนแก้มน่าหม่ำนั่นแล้วเลยไปลิ้มรสริมฝีปากอิ่ม ยื้อยุดปลายลิ้นนุ่มที่ตอบสนองง่ายดายกว่าเดิมมือเล็กไต่ขึ้นมาเกาะต้นแขนเบาๆแสดงให้รู้ว่าเขาได้รับที่ว่างในใจของเด็กหนุ่มไปเรียบร้อยแล้วไม่มากก็น้อย
อากิระสะท้านนิดๆเมื่อร่างสูงสอดมือมาลูบคลึงแนวแผ่นหลังและล้วงขอบกางเกงเข้าไปสัมผัสเนินสะโพกขณะยังเพลิดเพลินกับจุมพิตดื่มด่ำร่างกายที่คุ้นชินขยับขึ้นไปนั่งคร่อมก่ายเกยหน้าตักโดยอัตโนมัติเพื่อหวังจะได้รับรสมากยิ่งขึ้นไปกว่านี้เรียวแขนทั้งสองข้างโอบแนวบ่าหนาโดยที่กระดุมทั้งสูทและเชิ้ตถูกปลดออกอย่างรวดเร็วน้ำหนักของคนสองคนที่โถมพิงทำให้เก้าอี้หนังบุนวมไหวเอี้ยด...
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่านี่มันในออฟฟิศนี่นาข้างนอกก็ยังมีพนักงานบริษัทอีกหลายคน แถมห้องก็ไม่ได้ล็อคด้วย!
“นี่! เดี๋ยวก่อนสิ ที่นี่ไม่เอานะ”
“หือ? มาห้ามอะไรตอนนี้”ใบหน้าคมสันยังฝังอยู่กับซอกคอ
“อื๊ออ ก็...หยุดก่อนสิ” สองแขนดันตัวให้ออกง “นี่มันห้องทำงานนะคนอื่นก็อยู่กันเต็ม”
“ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก หรือถึงมีก็ไม่เห็นเป็นไร กล้าเอาไปพูดก็ให้รู้ไปสิ” มือหนึ่งเลื่อนลูบแผ่นอกผ่านปลายยอดไปแผ่วๆ
“คุณไม่อายแต่ผมอายนี่ไม่เอาด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มขยับดิ้นเพื่อจะลงจากตักทว่ามือใหญ่ทั้งสองกลับเลื่อนมาตรึงสะโพกไว้แน่น
“นี่...เล่นมาพูดแบบนี้แล้วที่มันยังค้างคาจะทำยังไง?”
คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่เข้าใจในทีแรกทว่าพอโคนขาทับโดนอะไรแข็งๆ...แก้มก็แดงก่ำขึ้นมาทันที เกิดอารมณ์ไวขนาดนี้เลยเหรอตาบ้าหัวงูนี่!
“ก็ไปทำให้มันสงบลงซะสิ!”
“พูดง่ายจริงนะ ใครปลุกมันขึ้นมาล่ะ”ไม่พูดเปล่า ยังขยับเสียดสีอีก
“บ้า!” เสียงตวาดเบาๆ“แล้ว...จะให้ทำยังไงเล่า!”
“อืมมม...” เขาแสร้งทำท่าเหมือนครุ่นคิดแต่ซ่อนความคิดเจ้าเล่ห์เอาไว้ “ช่วย...ฉันสิ”
ฝ่ามือเรียวถูกฉุดมาจับเข้าที่เป้าตรงๆความร้อนรุมคล้ายผ่านเนื้อผ้าจนรู้สึกได้ ทั้งที่อยากจะดึงมือออกแต่ทำไมถึงไร้เรี่ยวแรงก็ไม่รู้ใบหน้ามนก้มงุดเขินอาย ขบริมฝีปากชั่งใจอยู่พักหนึ่งและ...ในที่สุดก็ค่อยๆปลดดึงเข็มขัดกับซิป...
นิ้วเย็นๆที่แตะต้องอย่างประหม่าทำให้ชายหนุ่มกระจือรือร้นมากกว่าปกติเขานั่งพิงเก้าอี้ในท่าที่ถนัดแล้วคลายมือที่กุมยึดสะโพกบางจับเพียงหลวมๆปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงฝีมือ
อากิระขยับตัวลงจากตักด้วยท่าทางเงอะงะครั้นจะยืนทำก็ใช่ที่ เลยต้องทรุดตัวลงนั่งกลางหว่างขา มือกอบส่วนที่แข็งขันเอาไว้แล้วขยับรูด...
เสียงครางต่ำเพิ่มความมั่นใจให้เร่งจังหวะสิ่งที่กำลังทำอยู่มันช่างแปลกประหลาดเมื่อต้องมาจ้องดูชัดๆ ไฟก็สว่างโร่แถมนอกห้องยังมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอีกแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนั่นมันน่าตื่นเต้นอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศบวกกับเนื้อโลหะของแหวนทองกระทบแผ่นอกเปลือยเปล่ายอดอกสีเรื่อเริ่มตั้งชัน นัยน์ตาคู่หวานตวัดขึ้นสบสายตาอีกคู่ที่จับจ้องการกระทำทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว
ปลายนิ้วกร้านเลื่อนลงไปหยอกล้อกับตุ่มไตเล็กๆนั่นจนอีกฝ่ายต้องหยัดแผ่นหลังขึ้นแอ่นให้คลึงเค้นถนัดมือ เรียวปากสีสดฉ่ำเผยอหอบนิดๆ แววตาแบบนั้นช่าง...เชิญชวน
เรียวลิ้นแลบเลียกับนิ้วที่ส่งเข้ามาหยอกในปากดูดและแกล้งขบเบาๆ ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะเลื่อนไปประคองท้ายทอยของเขาให้เข้าใกล้สางขยุ้มเส้นผม อากิระแก้มร้อนผ่าวเมื่อเข้าใจสัญญาณแบบนั้นเขาเหลือบมองเอ็นแข็งในมือที่เริ่มชุ่มนิดๆอย่างชั่งใจแล้วจึงค่อย...เขยิบเข้ามาชิด...
“ฮึ...อืมมม”
ร่างสูงถึงกับสะดุ้งวาบเมื่อปากอ่อนนุ่มครอบกลืนส่วนปลายเข้าไปโพรงปากร้อนชื้นและอ่อนนุ่มกำลังลูบไล้เขาอย่างเขินอายระคนอยากรู้อยากเห็นลิ้นอุ่นๆแลบเลียค
เส้นผมยังชื้นอยู่หน่อยหากอาศัยผ้าเช็ดผมพันโพกศีรษะเอาไว้ถึงจะดูตลกแต่มันก็อุ่นดี อากาศเย็น แสงแดดอ่อนลอดมูลี่กับผ้าห่มนวมขนนกนี่เชิญชวนให้นอนต่อยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลยจริงๆคิดพลางตั้งท่าหลับ ห่อไหล่นิดๆ ได้กลิ่นน้ำหอมกับอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆผสานกับกลิ่นกายสะอาดของเจ้าของเสื้อเชิ้ตที่แขวนไว้ในห้องน้ำกรุ่นแตะจมูกเบาๆไม่รู้ทำไมเขาเห็นแล้วถึงอยากเอามาลองสวมทั้งที่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อุ่นกายขึ้นมานักแต่ผ้าฝ้ายเนื้อค่อนข้างหนานุ่มลื่นมือรู้สึกสวมใส่สบาย แม้ว่าไซส์จะโคร่งกว่ากันมาก
ขณะกำลังเคลิ้มๆพลันได้ยินเสียงโพลีโฟนิคดังขึ้นมา อากิระผงกหัวขึ้นมองเห็นมือถือเครื่องสีเงินด้านกำลังสั่นอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วเจ้าของเครื่องไปไหนล่ะเนี่ย...เอ...แว่วๆว่าจะลงไปที่ออฟฟิศนี่นา?
เด็กหนุ่มลุกนั่งหันรีหันขวางมองหาแม่บ้าน แต่หล่อนก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว อืมม...ให้ทิ้ง miss called ไว้ก็ได้มั้ง? ถ้าสำคัญเดี๋ยวไคโตะก็คงโทรกลับเองเสียงสัญญาณเรียกเข้าดังอยู่สักพักก็เงียบไป ตั้งใจว่าจะมุดนอนต่ออยู่แล้วเชียวก็มีสัญญาณโทรเข้ามาใหม่ เล่นเพลงอุทาดะเสียด้วย ร่างบางถอนใจเฮือก คว้ามือถือเครื่องเล็กไว้แล้วตัดใจตะกายลงจากเตียงเดินเร็วๆไปเปิดประตูห้อง แต่โชคดีที่ลิฟท์ดูเหมือนจะขึ้นสวนมาพอดี
“อ้าว” ชายหนุ่มที่หอบแฟ้มเอกสารสองสามเล่มขึ้นมาแปลกใจเล็กน้อยก่อนรับสายโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้า “ขอบใจนะ”
คำขอบคุณสั้นๆง่ายๆทำให้คนที่ง่วงงุนค่อยรู้สึกว่าคุ้มหน่อยที่สละเตียงอุ่นๆเอามาให้ไคโตะเดินคุยโทรศัพท์แถวโต๊ะทำงานภายในลอฟท์ ท่าทางจะคุยเรื่องธุระกิจละมั้ง? เขายักไหล่เดินเลี่ยงไปรินน้ำผลไม้ในครัวดื่ม พอเริ่มตาสว่างก็หิวเลยแฮะเมื่อคืนกินไปไม่เท่าไรเองเมื่อเทียบกับพลังงานที่สูญเสียไป
มายองเนสผสมมัสตาร์ดนิดหน่อยแบบที่ชอบถูกปาดลงบนขนมปังสดใหม่ตามด้วยเบคอนทอดกรอบหลายชิ้นกับชีสและผักสลัดประกบทำแซนวิชง่ายๆด้วยไส้และน้ำราดแบบต่างๆที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้เมื่อครู่นิ้วเรียวเลอะมายองเนสเล็กน้อยจึงเตรียมจะส่งเข้าปากหากใครบางคนก็มาคว้าไปดูดเลียให้เสียก่อน ตามด้วยอ้อมแขนแข็งแรงสอดโอบเอวคอดเอาไว้แล้วซุกหน้าเข้ามาสูดกลิ่นหอมตรงซอกคอขาวผ่อง
“น่ากินจัง” ไรเคราที่เพิ่งผ่านการโกนใหม่ๆถูผิวแก้มใสจนรู้สึกจั๊กจี้
“อืออ...ก็กินสิ เอ้า” อากิระส่งแซนวิชเข้าปากอีกฝ่ายไปโดยไม่คิดจะตีความหมายว่าที่พูดเมื่อครู่คืออะไร เพราะรังแต่จะเสียเปรียบเปล่าๆ
เห็นแซนวิชยื่นมาโดนปากร่างสูงจึงก้มลงกัดพร้อมหัวเราะในลำคอที่กินอยู่อร่อยก็จริงแต่ร่างเพรียวบางผิวเนียนขาวในชุดเสื้อเชิ้ตขาวหลวมๆของเขาเพียงตัวเดียวนี่ต่างหากล่ะที่ยั่วใจขาอ่อนกลมกลึงโผล่พ้นชายเสื้อน่างับเล่นชะมัด มือซุกซนเลื่อนไล้เคล้าคลอทันทีแถมยังลามไปจับก้นอีกต่างหากคนตัวเล็กกว่าหันมาค้อนขวับ
“จับอะไรน่ะ คนจะกินข้าว!”
“ก็กินไปสิ” ไคโตะว่าเขานั่งลงบนเก้าอี้โดยเขยิบช่องว่างรั้งให้เด็กหนุ่มนั่งตักหยิบเบคอนในจานกินเปล่าๆ
ถึงจะไม่ค่อยสะดวกนักแต่แผ่นอกกว้างนี่ก็อุ่นดีแล้วกับแค่นั่งตักคงไม่มีอะไรเสียหายมากไปกว่านี้แล้วล่ะด้วยคิดแบบนั้นอากิระจึงนั่งกินต่อหน้าตาเฉยค่อยๆเอนลำตัวพิงอิงศีรษะซบไหล่หนาไปโดยปริยายดึงกระดาษทิชชู่หนามารองชิ้นที่ถืออยู่ไว้ด้วย เผื่อเศษแซนวิชหล่น
“วันนี้ไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม?”
ใบหน้ามนส่ายไปมาเป็นคำตอบทุกครั้งเขาเป็นฝ่ายโดนลากไปทำนู่นนี่อยู่แล้วก็เลยไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลยนอกจากนั่งๆนอนๆ ทำการบ้านแล้วก็...กิจกรรมอย่างว่าโหนกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น
“งั้น...เย็นนี้ไปปาร์ตี้ค็อกเทลด้วยกันดีไหม?”
“ฮึ! ไม่เอา” ปฏิเสธได้ทันควันแค่คิดถึงงานเริดหรูไฮโซกับสายตาเหยียดหยามจากคนแปลกหน้ามากมายเขาก็เบ้หน้าแล้ว
“อย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้นสิรับรองว่าคราวนี้จะไม่มีใครกล้าทำอะไรรุ่มร่ามอีกแล้ว” ชายหนุ่มใช้หลังมือไล้ท้องแขนเนียนเกลี้ยกล่อม
“ผมไม่รู้จักใคร จะไปทำไม”
“ก็ไปให้รู้จักไง”
“ในฐานะอะไรล่ะ?” นัยน์ตาคู่นั้นหันมาสบ
“ในฐานะผู้หญิงของคุโรดะ ไคโตะ”เขาตอบหนักแน่น “ทุกคนจะให้เกียรติและเกรงใจเธอ เท่ากับที่เขาเกรงใจฉัน”
ถึงแม้จะได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้วหากอากิระซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรในวงการยากุซ่าเลยแม้แต่น้อยก็ยังไม่เข้าใจถึงความหมายของมันจริงๆเสียทีเพียงแค่พอเดาได้แต่ผิวเผินว่าคงมีความสำคัญอะไรบางอย่างเท่านั้น...ทว่าจะให้ออกปากถามก็กระไรอยู่
“แต่...”
“ไปเถอะนะ ให้เขารู้ว่าตำแหน่งที่ว่างข้างฉัน...มีใครยืนอยู่”
ร่างบางเอียงคอเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนพรมจูบตรงหัวไหล่มน
“อีกอย่าง...อยู่บ้านคนเดียวเหงาออกนะ เดี๋ยวฉันอดใจไม่ไหว ทิ้งงานกลับมากลางคันจะทำไงล่ะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยหยอก เห็นคนในอ้อมกอดแอบอมยิ้มก็รู้แล้วว่าตื้อสำเร็จ
เปิดตัวไปเลยเห็นจะดีที่สุดคราวนี้ใครจะอ้างไม่รู้แล้วมายุ่มย่ามกับคนของเขาไม่ได้อีก ทั้งอากิระเองก็จะปลอดภัยมากขึ้นเมื่ออยู่ในความคุ้มครองของคุโรดะอย่างเป็นทางการก่อนที่...ศึกระหว่างกลุ่มจะปะทุขึ้น!
**********
อีกครั้งที่เด็กหนุ่มยืนมองตัวเองในชุดสูทตัวใหม่เอี่ยมที่ตัดเสร็จตามออร์เดอร์สูทผ้าขนแกะทอนุ่มและอุ่นสีงาช้าง เสื้อตัวในคือสีไพลินตัดกันดูนำสมัยกับแอสคอตลายสี่เหลี่ยมเล็กๆสีเรียบเพิ่มความเก๋ไก๋และให้ความอบอุ่นตรงช่วงลำคอเขายืนถือหวีกับหลอดกัมม์เจลเล็งตัวเองหน้ากระจกกำลังตัดสินใจว่าจะจัดทรงผมอย่างไรดี
“มา ฉันช่วย”
ไคโตะที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินมาหาเอาบีบเจลสีขาวสำหรับแต่งผมใส่มือพอประมาณ ถูๆนิดหน่อยแล้วสางยีๆเส้นผมสีน้ำตาลด้านหน้าเสยด้วยมือให้ดูยุ่งเล็กน้อยแต่ก็เข้าทรงเป็นแบบเว็ทลุคส์ก่อนลูบบางส่วนเพิ่มตรงด้านหลังแล้วหวีเรียบเฉพาะส่วนนั้น
ภาพสะท้อนในกระจกของชายทั้งสองในชุดสูทโก้ทำให้อากิระรู้สึกเหมือนกับเขากลมกลืนไปกับโลกของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกบางทีไอเดียที่จะไปงานปาร์ตี้คอกเทลอะไรนี่อาจไม่ได้เลวร้ายเกินไปนักคนข้างหลังจับไหล่ให้หันมาเผชิญหน้ากัน
ชายหนุ่มหยิบขวดน้ำหอมแก้วขุ่นรูปทรงกระบอกที่มีส่วนเว้าเข้าตรงกลางเปิดฝาสีดำเหลือบเงาออก กดหัวสเปรย์ฉีดลงบนข้อมือเอาประกบกันคลึงเบาๆ แล้วแตะเข้าที่หลังใบหูค้างไว้สักพัก กลิ่นหอมสะอาดลุ่มลึกแบบเดียวกับที่ใช้ประจำก็กรุ่นกำจายเขาทำแบบเดิมอีกครั้งให้ตัวเองก่อนจะสวมเสื้อนอกทับเวสท์โค้ทผ้าไหมสีดำพิมพ์ลายใบไม้เงินสีเดียวกับแอสคอตที่เข้าคู่ได้ลงตัว
“เท่านี้ก็พร้อมแล้ว”
ริมฝีปากอุ่นสัมผัสหยอกเย้ากัน ก่อนทั้งคู่จะลงลิฟท์ไปยังรถที่จอดรออยู่ด้านล่างเรียบร้อย
...
งานปาร์ตี้คอกเทลจัดที่คลับเปิดใหม่ใจกลางเมืองเป็นคลับที่ต้องสมัครเป็นสมาชิกเท่านั้นจึงจะเข้าได้และงานนี้ก็มีแต่แขกระดับวีไอพีนัยน์ตาคู่สวยชะเง้อชะแง้ตื่นเต้นเมื่อเห็นดาราสาวผ่านหน้าไป ว้าว! ตัวจริงหน้าเล็กนิดเดียวเองแถมผอมกว่าที่เห็นในทีวีเยอะเลย
“อย่าเพิ่งแยกไปคนเดียวนะ”
เสียงทุ้มปรามยิ้มๆแตะแขนให้ตามขึ้นบันไดเวียนแก้วอันน่าตื่นตาโดยมีลูกน้องอารักษ์ขารอบๆกั้นวงเอาไว้ให้เดินได้อย่างสบายเหล่าผู้คนพอเห็นยากุซ่าก็หลบหลีกให้เป็นทิวแถว เมื่อขึ้นไปสุดขั้นคือชั้นสองในลักษณะลอยครึ่งฟลอร์มีโต๊ะและชุดโซฟาสำหรับนั่งสังสรรค์อยู่หลายชุดมองลงไปเห็นคนข้างล่างนั่งดื่มกินและเต้นรำอย่างสนุกสนานมีพิธีกรที่เป็นดาราสาวคู่หนึ่งคอยเอนเตอร์เทนจัดกิจกรรมร่วมสนุกแจกของรางวัลให้แขกในงาน
“ประธานคุโรดะ เชิญนั่งทางนี้เลยครับเชิญ” มิยามะ โทโซ เจ้าของคลับหรูเข้ามาต้องรับด้วยตนเอง
“จัดงานได้ดีเหมือนเคยนะครับ”ร่างสูงค้อมศีรษะทักทาย ก่อนพากันเดินไปนั่งที่โซฟาชุดใหญ่มุมหนึ่ง
“รับรองว่าสาขาที่จะเปิดในรีสอร์ทใหม่ของคุณจะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้แน่ครับ”
“ได้แบบนั้นก็วิเศษเลย” มือใหญ่รับแก้วคอกเทลมาจิบ “ผมจัดบริเวณทำเลดีเอาไว้ให้แล้วการก่อสร้างคงจะเสร็จในไม่ช้า”
“ขอบพระคุณมากครับ” ชายมีหนวดยิ้มธุรกิจ “ว่าจะคุยเรื่องรายละเอียดอยู่แต่วันนี้อย่าเพิ่งดีกว่า พักเรื่องงานไว้ก่อนพรุ่งนี้ว่ากันใหม่”
“ไม่เป็นไรหรอก นั่งคุยกันไปก็ได้นี่”
คำตอบนั้นคงถูกใจทั้งสองฝ่ายคิระเอาเอกสารชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเหมือนเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้วอากิระแอบทำหน้ามุ่ย มาทำงานอีกแล้วเหรอ ขยันเกินไปแล้วมั้ง
เหมือนจะอ่านความคิดได้ชายหนุ่มหันกลับมาหา
“ไปเดินดูรอบๆสิเขามีเกมอะไรให้เล่นข้างล่างนั่นแน่ะ หาอะไรกินไปด้วยเลย... อิงุจิ” ท้ายประโยคเขาเรียกชายร่างสันทัดคนนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่อากิระได้รู้จักชื่อคนที่ช่วยเหลือเขาไว้ครั้งก่อน
โดยไม่ต้องสั่งอิงุจิก็เดินตามเด็กหนุ่มที่ขออนุญาตลุกจากโต๊ะไปอากิระเดินลงบันไดไปชั้นล่าง หยิบของว่างชิ้นเล็กจากถาดที่บริกรถือเดินเสิร์ฟมากินไปสองสามชิ้นแล้วเอามาการิต้ามาดื่มล้างปาก พลางคิดว่าโชคดีแล้วที่ได้กินอะไรมาก่อนหน้านี้ไม่งั้นคงหิวตาย ของชิ้นเล็กๆแค่นี้อิ่มได้ยังไงก็ไม่รู้
พิธีกรสองสาวบนเวทีคือนางแบบเซ็กซี่ที่ปรากฏตัวอยู่ในหนังสือประเภทปลุกใจเสือป่าบ่อยๆร่างบางเผลอยืนมองอยู่ครู่ใหญ่ ไม่แตกต่างกับหนุ่มๆในงานสักเท่าไรที่ต่างก็สนใจหน้าอกของพวกหล่อนมากกว่าสิ่งที่ได้ยินแขกที่เบอร์หลังบัตรเชิญตรงกับเบอร์ที่เธอทั้งสองจับฉลากได้จะต้องขึ้นไปร่วมกิจกรรมและจะได้รับรางวัลไม่ว่าชนะหรือแพ้ซึ่งก็เป็นเกมไม่ยากไม่ง่าย เช่นทายชื่อของคอกเทลที่ปิดตาดื่ม หรือเดาว่ารายการอาหารในเมนูมีทั้งหมดกี่รายการ
อากิระนึกเสียดายว่าไม่มีโอกาสเอาไปเล่าอวดเพื่อนๆในกลุ่มเนื่องด้วยไม่รู้จะเล่าให้ฟังยังไงถึงที่มาที่ไปและทำไมเขาถึงมีโอกาสมาร่วมงานเปิดคลับดังแบบนี้เมื่อนึกแล้วพาลให้ห่อเ่ยวใจยังไงชอบกล จู่ๆเขาก็รู้สึกแปลกแยกจากทุกคนทั้งโรงเรียน กลุ่มเพื่อน งานสังคมที่ไม่เคยคุ้นเหมือนว่าพื้นที่ยืนอยู่มันหดแคบลงทุกที ไม่อยากให้วันจันทร์มาถึงเลยไม่อยากกลับบ้านด้วยซ้ำ เป็นครั้งแรกที่คิดแบบนี้ตั้งแต่รู้จักไคโตะมา
ผู้คนที่เบียดเสียดและเสียงเพลงเสียงพูดคุยอึกทึกพาให้อยากปลีกวิเวกมุมติดห้องน้ำนั่นดูท่าจะคนน้อยที่สุดแล้ว ไวเท่าความคิดเขาเดินฝ่าไปตรงจุดนั้นทันที แต่แล้วก็ชนกับใครเข้าอย่างจัง
“อ๊ะ!” เสียงอุทานสั้นๆดังขึ้นเมื่อมาการิต้าที่เหลือในแก้วหกเลอะเสื้อสูทของอีกฝ่าย
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ” เด็กหนุ่มระล่ำระลัก ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้เป็นพัลวัน
“ไม่เป็นไร ผมก็ไม่ทันดู” ชายผู้นั้นตอบอย่างสุภาพ
“ไปห้องน้ำเถอะครับ”
“เลอะนิดเดียวเองฮะเดี๋ยวผมจัดการเอง” เขาว่าแล้วเดินไปทางห้องน้ำทำให้อากิระต้องรีบเดินตาม
ชายร่างสูงสมาร์ทวักน้ำล้างตรงศอกและอกเสื้อโชคดีที่มาการิต้าสีจางมากและปริมาณที่เหลืออยู่ก็ไม่มากทว่านั่นก็ไม่ทำให้ร่างบางหายกังวล แค่ออกงานแรกก็อาจจะพาให้ไคโตะเสียหน้าเสียแล้วทำยังไงดีนะ
“ให้ผมช่วยเถอะครับ” เขากุลีกุจอดึงทิชชู่เช็ดมือมาซับให้หมาด “ขอโทษอีกครั้งนะครับผมไม่ได้ตั้งใจ ผมจะออกค่าซักรีดให้เอง”
อีกฝ่ายก้มมามอง ทำให้เพิ่งเห็นหน้าชัดๆเขาเป็นหนุ่มใหญ่วัยคงเกือบสี่สิบ หรือสี่สิบต้นหน้าตาคมคายและดูเป็นสุภาพบุรุษราวกับพระเอกเจมส์ บอนด์
“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกครับเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“แต่...” คนทำยังหน้าเสีย
“ผมยืนยันครับ” เขาส่งยิ้มใจดีมาให้
“...ขอบคุณฮะ” ค่อยหายใจโล่งหน่อย มือเล็กกดทิชชู่ให้ซับน้ำให้มากที่สุดจนหมาดดีแล้วจึงปล่อยมือ
“ขอบคุณที่ช่วยเช็ดเช่นกันครับคุณ...”
“ฮามาโนะครับ”
“ผม...”
พอดีกับที่อิงุจิเปิดประตูเข้ามาสำรวจเมื่อครู่นี้ไม่ได้มองอยู่แผล็บเดียวก็คลาดสายตากันเสียแล้วจึงได้มาตามหาในห้องน้ำ
“ประธานทาจิบานะ” ปฏิกิริยานั้นบ่งบอกว่าตกใจอยู่ไม่น้อย เขาค้อมหัวเสียต่ำ แล้วรีบมาประชิด“ไม่ทราบว่า...”
“ไม่มีเรื่องอะไรหรอกแค่คุยกันเท่านั้น” เสียงทุ้มตอบเนิบๆ
นัยน์ตาคมโตเหลือบมองชายผู้ติดตามเขาอย่างประหลาดใจไม่เคยเห็นชายคนนี้มีสีหน้าเกรงๆกระอั่กกระอ่วนเช่นนี้มาก่อนเลยหรือว่าคุณทาจิบานะจะเป็นคนสำคัญมากนะ?
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“อืม เชิญตามสบายเถอะแล้วเจอกันใหม่นะ ฮามาโนะคุง” เมื่อส่งยิ้มมาร่างบางจึงส่งยิ้มตอบโดยไม่ได้คิดอะไรแค่เขาไม่เอาเรื่องก็ดีแค่ไหนแล้ว
อิงุจิรุนหลังให้อากิระออกไปจากห้องน้ำพร้อมๆกันแล้วพาขึ้นบันไดกลับไปชั้นสองเหมือนเดิม ระหว่างขึ้น เขาถ่วงฝีเท้าเล็กน้อย
“ไม่มีเรื่องอะไรแน่นะครับ?”
ริมฝีปากบางเม้มเขาไม่อยากให้ไคโตะรู้ว่าตัวเองไปทำเปิ่นไว้จึงปฏิเสธ ซึ่งชายร่างสันทัดก็นิ่งไปเพียงนิดแล้วพยักหน้ารับรู้ เดินนำไปไม่ว่ากระไรอีก
“เป็นยังไง?” ร่างสูงถามตอนนี้ที่โต๊ะเหลือเขากับคิระ และผู้ติดตามนั่งรายล้อมอยู่
“ก็...ดีฮะ” เขายักไหล่ก่อนเข้าไปนั่งที่ข้างๆที่เว้นไว้ ส่วนอิงุจิก็นั่งโซฟาริมนอกสุด
“ไม่เบื่อนะ?”
คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าแล้วยิ้มบางๆให้ถึงใจจริงเขาจะค้นพบว่างานไม่สนุกอย่างที่คิดตอนแรกหากก็เงียบไว้เพื่อรักษาบรรยากาศ
“อยากอยู่ต่อจนจบไหมเขามีจับฉลากรางวัลใหญ่ตอนท้ายด้วยนะ?”
“จบเหรอ...อีกนานมั้ยครับแล้วของรางวัลคืออะไรเหรอ?”
ไคโตะชี้ไปที่ด้านนอก มองผ่านกำแพงกระจกมันคือรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรี่ยส์ 5 ใหม่ ไฟหน้าสวยคมอย่างกับตาเหยี่ยว
“ประกาศตอนตี 2 น่ะ”
“โห ผมคงไม่มีดวงดีขนาดนั้นหรอก”อีกนัยหนึ่งก็คือไม่อยากอยู่ต่อนานขนาดนั้นนั่นแหละและอีกฝ่ายดูจะเข้าใจดี
“ถ้างั้นก็กลับเถอะอยู่นานไปก็เท่านั้น” อ้อมแขนโอบเอวบางให้ลุกลูกน้องที่มาด้วยวิ่งไปเตรียมรถก่อนคนหนึ่ง ที่เหลือก็เดินไปตามสบาย
...
ระหว่างทางกลับรถติดเหม่อมองสีสันของเมืองยามราตรีแล้วเกิดง่วงเคลิ้ม ศีรษะทุยเอนพิงเบาะหลับตาลงหากสัมผัสจากมืออุ่นก็ดึงเขาให้เข้าใกล้ ในทีแรกนึกว่าจะให้ซบไหล่ แต่กลับพาโน้มลงไปนอนซบตักเหมือนเด็กๆอากิระรู้สึกขัดเขินพิกลเนื่องด้วยนานแล้วที่ไม่ได้นอนหนุนตักใครแต่จะลุกก็ติดมือที่เลื่อนลูบเส้นผมราวกับกล่อม จึงหนุนอยู่ในท่านั้นอย่างเดิม
ข้อนิ้วไล้ข้างแก้มเนียน ใต้คาง ลำคอระหงราวกับกำลังลูบไล้ลูกแมวน้อยอย่างทะนุถนอม วัยรุ่นที่จิตใจยังไม่มั่นคงอารมณ์โผงผางแบบอากิระเขาอ่านได้ไม่ยากว่าคงมีเรื่องยุ่งยากใจอยู่ซึ่งถ้าไม่พลิกโผสาเหตุมันก็มาจากตัวเขาเองนั่นแหละที่เริ่มเรื่องเอาไว้ตั้งแต่แรกแม้ระยะหลังนี้จะรู้สึกถึงการยอมรับในทางที่ดีจากเด็กหนุ่มอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆแต่อารมณ์สับสนก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อีกเช่นกัน
มือที่เลื่อนมาเกาะกุมไว้คล้ายจะถือเป็นหลักยึดทำให้ริมฝีปากได้รูปต้องคลี่ยิ้มเขากุมมือตอบดั่งเป็นคำสัญญาว่าจะปกป้องอยู่เคียงข้างและเขาได้ตั้งใจไว้เช่นนั้นจริงๆ
ผิวเนื้อแนบชิดกอดก่ายกันด้วยอารมณ์สนิทสเน่หาเรียวแขนและขากระหวัดรัดเรือนร่างแข็งแกร่งโยกไหวคลอนตามแรงกดดันปล่อยทั้งกายใจให้จมดิ่งไปกับวังวนแห่งห้วงเวลาอันลึกล้ำน่าอัศจรรย์สองลมหายใจหอบประสานกันดังอย่างยั่วเย้าภายในความมืดมีเพียงแสงจันทร์สีเงินที่ทออาบไล้ให้เห็นเงาร่าง
การเคลื่อนขยับเริ่มกระชั้นถี่ บางขณะแยกงบางขณะกระทั้น เสียงครวญกระเส่าดังขึ้นเป็นลำดับ ฝ่ามืออุ่นเลื่อนลูบไล้ ขยำคลึงเล็บเรียวครูดแผ่นหลังกว้าง ริมฝีปากผ่าวร้อนแนบประกบโรมรันมุ่งผลักดันจะไปให้ถึงที่สุดรู้สึกถึงชีพจรที่เต้นระรัวเป็นจังหวะเดียวกันผ่านเนื้อหนังที่บดเบียดกระทั่งหลอมละลายเป็นน้ำในที่สุด...
เมื่อทุกสิ่งสงบลงเหลือเพียงแผ่นอกที่กระเพื่อมหอบลึกสักพักร่างสูงจึงถอดถอนกายออก ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเขาทั้งคู่เอาไว้และต่างก็อิงซบกันอยู่เช่นนั้นเงียบๆ ซึมซับความเอมใจในสัมผัสละมุนจากรสรักที่มุ่งเติมเต็มแต่ทางร่างกายกลับเปลี่ยนเป็นอ้อมกอดแบบคนรักไปตั้งแต่เมื่อใดกันนะ...?
“หลับเถอะพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรือ?”
“...ไม่ไปได้หรือเปล่า?”
“ได้สิ” ริมฝีปากแตะจูบขมับเบาๆ
ทั้งที่พูดไปอย่างนั้นแท้ๆหากคำตอบที่ได้รับอย่างทันท่วงทีก็ทำให้อากิระชุ่มชื่นใจ
“ไปส่งด้วยล่ะ”
วงแขนกระชับขึ้นเป็นคำตอบหากนอนนิ่งสักพักเด็กหนุ่มก็ขยับลุก หยิบเสื้อคลุมที่พื้นขึ้นมาสวม
“จะอาบน้ำเหรอ?”
“อืม อาบตอนนี้หนาวน้อยกว่าตอนเช้า”
ไคโตะคลี่ยิ้มเจ้าชู้ ป่ายผ้าห่มออกจากตัว
“ฉันอาบด้วยดีกว่า”
...
อีกครั้งที่ปอร์ชสีดำเมทัลลิคมาส่งถึงหน้าโรงเรียนเคียวเซย์ทว่าครานี้มีรถเบนซ์ติดฟิล์มตามมาอีกหลายคันติดตามห้อมล้อมราวกับเป็นบอดี้การ์ดของพระราชาหรือไม่ก็...ยากุซ่า
นักเรียนทั้งชายหญิงต่างหลบไปยืนมองงๆเมื่อนักเรียนปี3 คนดังก้าวลงมาจากรถเดินเข้าประตูโรงเรียนมาอย่างไม่แคร์สายตาใคร เสียงร่ำลือว่ามีนักเรียนคนหนึ่งเข้าแก็งค์ยากุซ่าชื่อดังคงจะเป็นความจริงเสียแล้วร่างบางๆนั้นดูจะเป็นอันตรายต่อผู้พบเห็นขึ้นมาทันทีจนผู้คนแหวกทางเปิดโล่งราวกับโมเสสเดินฝ่าทะเลแดง
อากิระจงใจวางท่าเฉยเหมือนไม่ยี่หระบางครั้งพอถึงจุดๆหนึ่งคนเราก็มักจะทำอะไรแผลงๆขึ้นมาได้เสมอ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่ออกจะแก่นเซี้ยวอยู่เป็นทุนเดิมอยากลือกันนักก็ลือกันให้สมใจเลยงานนี้ ริมฝีปากสีเรื่อยิ้มซุกซนในทำนองสะใจเดินขึ้นอาคารเรียนไปพลางสงสัยว่าเพื่อนๆของเขาจะมีปฏิกิริยายังไงบ้างนะ
หน้าซีด ตกตะลึงอ้าปากพะงาบๆเหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียงอะไรออกมา นั่นแหละสิ่งที่จินไนกำลังทำอยู่เด็กหนุ่มแกล้งทำหน้าซื่อ
“มีอะไรเหรอจิน?”
“อ่า...คือ...คือ...” เด็กหนุ่มชี้โบ๊ชี้เบ๊วุ่นวาย พยายามจะถามแต่สุดท้ายก็จบลงที่การส่ายหน้ามึนๆ
ร่างบางยักคิ้วก่อนเดินเอาการบ้านไปกองส่งที่โต๊ะหน้าห้องแล้วจึงนั่งที่ตามปกติ
จินไนมองไปรอบตัวอย่างไม่ใคร่จะสบายใจนักสายตาที่คนอื่นๆมองมายังเพื่อนเขามันแตกต่างกับอาทิตย์ก่อนเหลือเกินอากิระเคยเป็นหนุ่มป๊อบมาตลอด ถึงจะซ่าไปบ้างแต่ก็มีอัธยาศัยดีแล้วอะไรที่มันเกิดขึ้นถึงทำให้เปลี่ยนไปอย่างนี้ เป็นเพื่อนเขาที่เปลี่ยนหรือว่าเป็นคนอื่นๆที่เปลี่ยน แล้วตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่านะ...
“เอ้า! นั่งที่ได้แล้ว”
เสียงอาจารย์สอนภาษาอังกฤษเดินเข้ามาปรามพร้อมด้วยชีทในมือหนึ่งปึก สร้างลางสังหรณ์ไม่ดีให้นักเรียนทั้งห้องและได้รู้ผลโดยไม่ต้องรอนาน
“วันนี้มีควิซนะ เอาล่ะๆ ไม่ต้องบ่นหัวหน้าห้องเอาไปแจกด้วย” อาจารย์ชายวัยกลางคนไม่สนใจเสียงโห่ของลูกศิษย์
อากิระรับมาดูด้วยสีหน้าเซ็งโลกแต่พออ่านดูดีๆแล้ว...เอ เขาทำได้นี่นา ตรงนี้ไคโตะเคยสอน...อืมม นี่ด้วยใช่แล้ว...โจทย์ตรงนี้ก็เคยผ่านมาก่อน...
ปลายปากกาเริ่มขีดขยับอย่างลิงโลดจนเกือบจะไม่ทันใจด้วยซ้ำเห็นทีคราวหน้าเจอกันต้องทำตัวน่ารักเป็นรางวัลเสียแล้วสิ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น