มือกร้านเกาะกุมบั้นท้ายนุ่มไว้พร้อมสอดแทรกเป็นจังหวะดุดันนานครั้งริมฝีปากร้อนจะก้มลงและเล็มความงามของแผ่นหลังเนียนกับหัวไหล่กลมกลึงฟันเรียบขบหยอกแถวท้ายทอยและซอกคอทิ้งร่องรอยไว้มากมายนับไม่ถ้วนเมื่อรวมกับก่อนหน้านี้ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปกุมกลางตำตัวของอีกฝ่ายแล้วขยับปลุกเร้าอีกครั้ง
“อา...พอที...ผม...ไม่ไหว” อากิระเว้าวอน เขาถูกกระตุ้นให้ไปถึงที่สุดนับครั้งไม่ถ้วนจนแทบจะสำลักความสุขสม
“แน่ใจหรือ?” ไคโตะยิ้มแก่นเนื้อนุ่มในมือเขาตื่นตัวอย่างไม่ยากเย็นนัก
“อ๊า! อย่า...” ร่างบางผวาเมื่อถูกจับพลิกตะแคงข้างเรียวขาข้างหนึ่งแยกไปเกี่ยวสีข้างหนาอย่างหมิ่นเหม่ ผิวแก้มแดงจัดด้วยความกระดากอายระคนซ่านเสียวท่านี้แม้แต่กับผู้หญิงเขาก็ยังไม่เคยทำ แล้วนี่...
ทว่าชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้คิดเรื่องอื่นนานนักเขาเคลื่อนตัวสอดใส่อย่างเร่าร้อน หนักแน่นโดยที่ไม่ลืมจะขยับมือชักนำเด็กหนุ่มไปด้วยกัน อีกมือขยำคลึงแก้มก้นนุ่ม เปิดทางให้เข้าไปง่ายขึ้น
“อ่ะ...อ๊า...อือออ...มะ...ไม่...อืมมม”คำห้ามปรามฟังดูแผ่วเบาเมื่อเสียงครางกระเส่าดังกลบเสียหมดเขาไม่อาจต้านทานยากุซ่าหนุ่มคนนี้ได้เลยไม่ว่าจะเป็นด้านไหนการเล้าโลมอย่างช่ำชองทลายปฏิกิริยาต่อต้านทั้งหมดลงอย่างง่ายดาย แม้แต่ตัวเองยังแทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะมาถึงที่สุดแห่งอารมณ์ได้ไกลเพียงนี้ซ้ำยังด้วยน้ำมือผู้ชายที่ควรจะต้องชิงชังที่สุด...ทำไมกัน
“ฮ่า...อ๊ะ...อากิระ...!” ไคโตะกระตุกเกร็งของเหลวขุ่นจางที่หลั่งเข้าไปภายในช่องทางละมุนมีปริมาณไม่มากนักเมื่อนึกถึงว่าได้ถูกใช้ออกไปหลากหลายครั้งแล้วพร้อมๆกันนั้นร่างบางก็กรีดสะอื้น สิ่งที่ถูกกอบกำไว้รินหลั่งจนชุ่มในมืออุ่น
ชายหนุ่มค่อยๆผละออกเส้นทางที่ถูกเสียดสีจนระบมฉ่ำเยิ้มด้วยสิ่งที่รินรดเอาไว้ภายในหยาดไหลเลอะซอกขาเต็มไปหมดรวมถึงคราบของเจ้าตัวเองด้วย ผิวเนื้อนวลระริกสั่นเทาจากการไปถึงจุดสุดยอดหลายต่อหลายครั้งจนนอนหอบหมดเรี่ยวแรงอย่างน่าสงสาร
อากิระเหมือนวูบไปด้วยความเพลียจัดครู่หนึ่งก่อนรู้สึกคล้ายว่ามีใครช้อนอุ้มเขาลอยขึ้นจะใครก็ช่างเถอะ...เขาไม่อยากเคลื่อนไหวแล้ว อยากนอนหลับให้เต็มอิ่มเท่านั้น
แต่สายน้ำสะอาดจากฝักบัวไม่ยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มได้นอนสมใจดวงตาคู่สวยปรือขึ้นอย่างอ่อนล้าครางในคอเหมือนรำคาญเมื่อไคโตะจับเขานั่งในอ่างน้ำอุ่นพลางลูบไล้ชำระล้างร่างกายให้แต่ก็ไม่มีแก่ใจจะยับยั้งได้แต่ปล่อยให้มือใหญ่ซอกซอนไปพร้อมฟองน้ำนุ่มในมือตามใจชอบมันผ่านเลยสถานการณ์ที่จะต้องนั่งเขินมาไกลโขแล้ว
“อ๊ะ!” มือเล็กตะปบจิกต้นแขนแข็งแรงเอาไว้แน่นเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็สอดนิ้วเข้ามาอีกพอเขาอ้าปากจะประท้วงเสียงทุ้มต่ำก็สำทับปรามเบาๆ
“จะได้สบายตัวไงล่ะ” ว่าพลางควานนิ้วไปรอบ เปิดช่องเล็กๆให้กว้างขึ้นล้างคราบจากตัวเขาเองให้หมดไป ก่อนจะถอนออก นัยน์ตาวาวๆที่ตวัดมองขุ่นขึ้งทำให้ไคโตะอดยิ้มไม่ได้ช่างเย่อหยิ่งเหมือนแมว ถึงจะอ่อนแรงแค่ไหนก็ยังพร้อมขู่ฟ่อเสมอ
อากิระโล่งใจเมื่อได้ขึ้นจากน้ำในที่สุดร่างสูงห่อร่างเขาไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวเนื้อนุ่มแล้วพากลับมานอนที่เตียงซีกหนึ่งที่ไม่ได้ถูกใช้งานสาหัสเหมือนอีกด้านผ้านวมเบาแต่หนานุ่มตามมาคลุมไว้เด็กหนุ่มสับสนกับการกระทำที่เอาแต่ใจและช่างบีบบังคับหากบางขณะกลับสัมผัสเขาด้วยความอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ...
“หิวมั้ย?”
“...เมื่อไหร่จะปล่อยผมไปเสียที”
ชายหนุ่มไล้หลังข้อนิ้วลูบข้างแก้มใส
“ถ้า...เธอยอมเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันก็จะปล่อยให้เธอกลับบ้าน”
“ว่าไงนะ?” คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่เข้าใจ“หมายความว่ายังไงกัน?”
“หมายความว่าถ้าเธอมาเป็นของๆฉันเพียงคนเดียว อย่างซื่อสัตย์ โดยรับปากว่าจะไม่คิดหนีฉันก็จะเลี้ยงดูเธออย่างดีและให้มีอิสระทำอะไรเหมือนเดิมทุกอย่าง”
“บ้าหรือเปล่า!? ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของใครนะ!” ร่างบางตวาดกลับด้วยความโมโหกระถดตัวขึ้นนั่งลืมความอ่อนเพลียไปชั่วขณะ “แค่คุณพาผมมาทำแบบนี้ไม่แจ้งข้อหาข่มขืนก็ดีแค่ไหนแล้ว!?”
“ข่มขืน?” ไคโตะเลิกคิ้วสูง“ฉันนึกว่าเสียงครวญครางนั่นหมายถึงสมยอมเสียอีก?”
((เพี๊ยะ!!))
ใบหน้าคมสันชาแก้มซีกนั้นไปทั้งแถบรอมยิ้มบางๆที่มีจางหายไปดวงตาคมปลาบหรี่ลงมองสะกดจนใครก็ตามที่ถูกจ้องต้องตัวแข็งเสียวสันหลังวาบทั้งนั้น
“เชื่อเถอะว่า...ถ้าเธออยู่ในฐานะสัตว์เลี้ยงการกระทำแบบนี้จะไม่ได้รับการยกโทษให้เป็นอันขาด” น้ำเสียงเข้มทรงอำนาจเอ่ยช้าชัด“เข้าใจแล้วนะ ฮามาโนะ อากิระ?”
ริมฝีปากบางอิ่มเม้มเก็บอาการสั่นผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินกว่าที่เขาจะกล้าต่อกรด้วย แล้วยัง...ชื่อเขาจำได้ว่าไม่เคยบอกนามสกุล แล้ว...
“ทำไม...ถึงรู้?” เขากลั้นใจถาม
“นักเรียนม.ปลายชั้นปีที่ 3 ห้อง 3-E โรงเรียนเคียวเซย์ อาศัยอยู่กับพ่อแม่พ่อทำงานเป็นหัวหน้าแผนกของษริษัทเครื่องยนต์อุตสาหกรรมยามากิ จะต้องให้บอกที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ หรือชื่อเพื่อนสนิทด้วยไหม?”
ดวงหน้าสวยซีดเผือดนี่หรืออิทธิพลของยากุซ่าที่เขาร่ำลือกันชั่วระยะเวลาแค่วันเดียวก็สืบค้นเรื่องราวของเขามาจนหมดแล้ว!
“ทีนี้...เรื่องข้อตกลงที่ฉันเสนอล่ะจะว่ายังไง?” มุมปากยกยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า
อากิระเบือนหน้าหลบจิกมือตัวเองเข้าหากันจนเจ็บ
“ผมมีทางเลือกด้วยหรือ?”
“ดี” ไคโตะผ่อนท่าทีลง“ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันคุโรดะ ไคโตะ ประธานกลุ่มคุโรดะสมาชิกหลักของสมาพันธ์เขตคันโต!”
**********
เย็นวันอาทิตย์ รถปอร์ช 911 จีที 2 สีดำเมทัลลิคที่ขับเลี้ยวเข้ามาในซอยเป็นจุดสนใจทันทีอากิระก้มหน้าหลบสายตาคนภายนอกเผื่อว่าจะเจอใครที่รู้จักเข้า สองแขนกอดอกห่อไหล่เขาสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่ผ่านการซักรีดสะอาดเอี่ยม มันถูกเก็บแขวนในตู้เสื้อผ้าตั้งแต่ทีแรกแล้วหากตู้นั้นถูกฝังในผนังห้องด้านหัวเตียงอย่างแนบเนียนจนดูไม่ออกกระนั้นเด็กหนุ่มก็ต้องคอยสำรวจตัวเองด้วยความระแวงราวกับกลัวจะเปิดเผยร่องรอยการถูกสัมผัสให้ใครได้เห็น
“หลังนี้ใช่ไหม?” ไคโตะหยุดรถหน้าบ้านขนาดกลางสองชั้นที่มีสนามเล็กๆ อากิระไม่ตอบแต่ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ตั้งท่าจะเปิดประตูลง
“แล้วฉันจะติดต่อมา เบอร์ของฉันฉันบันทึกในมือถือให้แล้วและควรจะทำตัวดีๆอย่าให้ต้องคอยคุมการเคลื่อนไหวของเธอทุกฝีก้าวเลยนะ อากิระ”
ร่างบางหันขวับมามองตาวาว รีบลงจากรถแล้วปิดประตูส่งท้ายดังสนั่นก่อนจ้ำพรวดๆเข้าบ้านไปท่ามกลางความขบขันของอีกฝ่าย
“กลับมาแล้ว” ร่างบางงึมงำถอดรองเท้าผ้าใบอย่างลวกๆแล้วรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนห้องยังได้ยินเสียงแม่บ่นพึมไล่หลัง
“กลับมาแล้วเหรอทีหลังจะไปค้างที่ไหนโทรมาบอกให้ไวกว่านี้ได้ไหม”
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องกวนนะ ผมจะนอน”
อากิระปิดประตูดังปังก่อนล็อคกลอนเขาโผทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง ดึงลากผ้าห่มมากอดในสมองเต็มไปด้วยความคิดมากมายน่าปวดหัวร่างกายที่ถูกกกกอดครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่คืนวันศุกร์จนถึงเช้าวันนี้ระบมช้ำทั้งยังอวลด้วยกลิ่นแชมพูที่ไม่เคยคุ้น กลิ่นสบู่ กลิ่นซิการ์และกลิ่นน้ำหอมราคาแพงของผู้ชายคนนั้น ราวกับว่านี่ไม่ใช่ตัวของเขาอีกต่อไป...
...
เปลือกตาบางกระพริบปริบมองไปรอบห้องที่มืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากถนนส่องให้เห็นอะไรลางๆเด็กหนุ่มคว้านาฬิกาปลุกมาส่องดู สี่ทุ่มกว่าแล้ว มิน่า...หิวชะมัด
อากิระบิดขี้เกียจ กลิ้งตัวลงจากเตียงช้าๆหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนกล้ามเนื้อที่มันขัดยอกเดินเปิดประตูลงบันไดไปหาอะไรกินในครัว
“ลงมาได้แล้วเหรอมีหมูทอดอยู่บนโต๊ะแน่ะ” ยูกิโกะปิดทีวี เตรียมจะขึ้นไปนอน
“อือ แล้วพ่อล่ะฮะ”
“กลับมาแล้ว ขึ้นไปนอนแล้วบ่นด้วยว่าลูกน่ะ น่าจะเอาเวลาเที่ยวเล่นไปดูหนังสือ ไปเรียนพิเศษได้แล้วนะจะเอนทรานซ์ปีนี้แท้ๆ”
อากิระกลอกตา ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางก้มหน้าก้มตากินไม่ต่อความจนแม่ของเขาเดินขึ้นข้างบนถึงได้ไปหยิบการ์ตูนมาอ่าน ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาไม่ใช่เด็กเรียนติดจะชอบเที่ยว ชอบเล่นเกม อ่านการ์ตูน ฟังเพลง เหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปแต่ผลการเรียนในห้องก็ไม่ได้น่าเกลียดเสียหน่อย แค่ปานกลางคงพอเอนท์เข้าอะไรได้บ้างแหละ และ...ไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไรใช่ว่าเขาตั้งเป้าหมายไว้ที่การเข้ามหาวิทยาลัยเสียเมื่อไร
ตะเกียบในมือจิ้มชิ้นหมูทอดราดซอสเข้าปากไปตาก็ดูการ์ตูนไป จังหวะที่กำลังหัวเราะมือถือก็ดังขึ้นทำเอาสะดุ้งโหยงสำลักข้าวไปหน่อย
“แค่กๆ ใครวะ?” ร่างบางควานมือหามือถือเครื่องเล็กในกระเป๋าแจ็กเก็ตชะงักเล็กน้อยเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นใครบางคน แต่เบอร์ที่โชว์นั้นไม่ใช่
“จินเหรอ?”
[“เออสิ จะใครล่ะ”] ปลายสายที่ตอบกลับมาคือจินไน เพื่อนสนิทของอากิระ [“หายหัวไปเลยนะวันศุกร์เรานัดเจอกันที่คาราโอเกะไม่ใช่เหรอ แล้วเล่นหนีไปป้อสาวที่ไหนมามือถือก็ปิดตามตัวไม่เจอ โทรเข้าบ้านเขาก็ว่านายไม่กลับ”]
“โอ๊ย เก็บกดมาจากไหนเนี่ยบ่นเป็นชุดเลย ให้พ่อแม่ฉันบ่นก็หูชาเกินพอแล้วเฟ้ย” เขาเบรคก่อนที่อีกฝ่ายจะบ่นยาวกว่านี้
[“ก็มันน่ามั้ยล่ะ ตกลงนายไปไหนมาไปนอนค้างบ้านใคร ยัยมิฮารุเหรอ?”]
“เปล่าซะหน่อย” อากิระนิ่วหน้าใส่ “ฉันไม่ได้ติดต่อยัยนั่นตั้งนานแล้ว”
[“แล้วไปไหนมาล่ะไม่ได้ไปบ้านเพื่อนคนอื่นไม่ใช่หรือไง ฉันโทรเช็คหมดแล้ว หรือว่านายตกสาวคนใหม่ได้?”]
“ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ ฉัน...”เด็กหนุ่มพยายามคิดอะไรที่ฟังดูสมเหตุสมผลที่สุด “พอดี...เจอคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนานแล้วน่ะ เขาชวนไปค้างบ้าน”
[“ใครกัน แล้วทำไมต้องปิดมือถือด้วย?”]
นึกย้อนไปเมื่อเย็นวันศุกร์เขานึกว่าตกหมูตัวโตเลยปิดมือถือเพื่อไม่ให้ใครมาทำเสียสมาธิที่ไหนได้ดันเจอหมูเขี้ยวตัน เล่นเอาอ่วม
[“อากิระ ฟังอยู่เปล่า?”] จินส่งเสียงสำทับมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ
“เออ ฟัง ก็แค่...แบตมันหมดน่ะเนี่ยเพิ่งชาร์จ” เขาโกหกคล่องปาก “นายจะมาเซ้าซี้อะไรมากมายวะก็แค่ไปค้างบ้านคนรู้จักเอง”
[“ไม่ได้เซ้าซี้ แต่เป็นห่วงโว้ยเป็นห่วง โจทก์นายมันน้อยนักนี่ เล่นซ่ากับเขาไปทั่ว”]
ยิ่งฟังยิ่งแทงใจดำเพราะซ่ามากไปหน่อยถึงได้เป็นแบบนี้ เขาแกล้งทำรำคาญตัดบท
“อือๆ เข้าใจแล้วน่า ฉันปกติดีกินข้าวอยู่ด้วย หิวอ่ะจะกินต่อ พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ บาย” ว่าแล้วก็กดตัดสายดื้อๆ
อากิระถอนใจอีกหลายเฮือกเรื่องพรรค์นั้นจะเล่าให้ใครฟังได้ ถึงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดก็เถอะทำไมเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ!
“เฮ้อ!พรุ่งนี้ไม่อยากไปเรียนแล้วสิ” ร่างบางบ่นพึมพลางจิ้มชิ้นหมูทอดที่น่าสงสารจนพรุนขออย่าให้มีใครสังเกตเห็นรอยที่ไม่ควรจะเห็นเลย
**********
เช้าวันจันทร์อากิระเดินลากขาไปโรงเรียนตามปกติรู้สึกโชคดีที่เครื่องแบบหน้าหนาวของเขาเป็นแบบกักคุรันที่มิดชิดลมฤดูใบไม้ร่วงของเดือน 10 ทำให้ไม่แปลกอะไรที่จะพันผ้าพันคอมาสักผืน
“เฮ้! อากิระ” เสียงใครบางคนบีบกริ่งจักรยานเรียก เจ้าของชื่อหันไปมอง
“อ้าวจิน หวัดดี” เขาทัก
“หวัดดี ซ้อนท้ายดิ”
“ไม่เอาดีกว่า” เด็กหนุ่มปฏิเสธเมื่อนึกถึงอาการยอกสะโพก “เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
จินไนทำหน้างงๆ แต่ก็ลงจากจักรยานลากเดินไปพร้อมเพื่อนของเขา
“วันนี้นายดูแปลกๆไปนะ”
“...ยังไง?” อากิระยกมือจัดผ้าพันคออย่างระแวง
“ก็...” เด็กหนุ่มร่างผอมสูงเกาหัวเก้อๆวันนี้เพื่อนของเขา... อืมม ผิวดู...มีน้ำมีนวลขึ้นหรือเปล่านะ นัยน์ตาหวานริมฝีปากแดงจัด แล้วยังดูอ่อนล้านิดๆแบบน่าทะนุถนอมคือปกติหมอนี่ก็เป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แต่มันสวย มีเสน่ห์ขึ้นยังไงบอกไม่ถูก
ร่างบางแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่บอกก็รู้ เขาคงโทรมสะบัดเลยสิท่าเจ้ายากุซ่าโรคจิตนั่นเล่นไม่บันยะบันยังบ้างเลย พอคิดถึงตรงนี้แก้มใสก็แดงก่ำรีบเดินกลบเกลื่อนอาการเขินอายโดยมีสายตาเพื่อนสนิทจับสังเกตอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไปด้วยความสนเท่ห์
...
“เฮ้อ หิวข้าวชะมัด” เรียวแขนยืดบิดขี้เกียจเมื่อออดหมดคาบเรียนดังขึ้นเขาเปิดเป้คว้าข้าวกล่องออกมาตั้งท่าจะกินขณะที่จินไนหมุนเก้าอี้กลับหลังมานั่งด้วย แต่ยังไม่ทันได้จรดตะเกียบสาวๆกลุ่มหนึ่งก็วิ่งมาเคาะกระจกอากิระมองงงๆก่อนเอื้อมมือเปิดกระจกให้
“ฮามาโนะคุง แลกข้าวกล่องกันมั้ย?”สาวน้อยในชุดกะลาสีสีเทาที่น่ารักที่สุดในกลุ่มยิ้มหวานส่วนเพื่อนอีกสองคนของเธอยืนลุ้นอยู่ข้างหลัง
“ข้าวกล่องเหรอ?”
“อือ อันนี้ฉันทำเองนะ อยากให้ฮามาโนะคุงได้กินน่ะ”เสียงหวานพูดจาฉะฉาน หล่อนคือ ฟูจิฮาระ คุมิโกะ ดาวห้อง B ที่ออกจะมั่นใจในความสวยน่ารักของตัวเองอยู่ไม่หยอก
“เอ่อ...” อากิระมองกล่องข้าวที่มีทั้งข้าวปั้นไก่ทอด ไข่ทอด และสลัดมันฝรั่งของตัวเอง เทียบกับกล่องข้าวสีชมพูจุ๋มจิ๋มของผู้หญิงที่มีแต่บร็อคโคลี่ผัดกุ้ง กับข้าวห่อสาหร่ายไส้รวมแล้วก็ต้องทำสีหน้าลำบาก
“ได้มั้ย?” น้ำเสียงนั้นออดอ้อน
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มหวานให้ก่อนจะพูดเสียงอ่อยๆ
“ขอโทษนะฟูจิฮาระคุงพอดีวันนี้ฉันหิวมากน่ะ ข้าวกล่องที่เหมาะกับผู้หญิงคงไม่พอกิน”
รอยยิ้มอ่อนหวานจืดลงไปถนัดทว่าเธอก็ทำท่าเหมือนไม่เป็นไร
“เข้าใจล่ะ ขอโทษด้วยที่รบกวนแต่...คราวหน้า ถ้าฉันจะทำอะไรมาให้กินบ้าง คงไม่ปฏิเสธใช่มั้ย เช่นขนมน่ะไม่ต้องแลกข้าวกล่องก็ได้”
“อืม...ถ้าได้แบบนั้นก็ขอบใจมากนะ”
คราวนี้คุมิโกะค่อยหน้าชื่นหน่อยเธอโบกมือเดินกลับพลางกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนผู้หญิงไปตลอดทาง
“ฮู่วว” เด็กหนุ่มโล่งอกหยิบตะเกียบออกมาโซ้ยข้าวกล่องฝีมือแม่อย่างไม่ยอมเสียเวลา
“เชื่อแกเลยว่ะบอกปัดข้าวกล่องฟูจิฮาระโนตมเนี่ยนะ เหยยย อิจฉาคนเนื้อหอมโว้ย!” จินไนแยกเขี้ยว ฉีกห่อขนมปังยากิโซบะมากินกร้วมๆ
“ก็มันไม่อิ่มนี่หว่าข้าวกล่องอันจิ๋วเดียะ ฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงที่ต้องมาคำนวณแคลอรี่นะเฟ้ยกินแค่นั้นหิวไส้ขาดพอดี กว่าจะถึงเย็น”
คนสูงกว่าโคลงหัว พูดแบบนั้นก็ถูกแหละผู้ชายส่วนใหญ่กินจุอยู่แล้ว อากิระก็เหมือนกันตัวไม่สูงมากแต่กระเพาะครากเอาเรื่องเลยเชียว
“แต่...ไม่ยักรู้ว่าแม่นั่นเล็งนายอยู่นะถ้าคิดจะเล่นๆล่ะ สบายเลย เขาว่า...” เด็กหนุ่มลดเสียงลงป้องปากกระซิบ“ค่อนข้างง่ายเลยแหละ เป็นพวกทำสถิติชอบควงหนุ่มป๊อบทำนองนั้น”
ร่างบางยักไหล่ ปากยังเคี้ยวไก่ทอดหล่อนน่ารักก็จริงแต่เขากลับไม่ตื่นเต้นอะไรนัก เป็นเพราะเรื่องแบบนี้เขาผ่านมาแล้วหรือว่าเป็นเพราะ...
“ไม่ใช่เพราะหมอนั่นแน่!” เขาเผลอเข่นเขี้ยว
“หา? ใคร?”จินไนดูดนมกล่องค้าง
“ง่า...ไม่มีอะไรฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยหลุดปากน่ะ” อากิระหัวเราะกลบเกลื่อนไม่ใช่แน่ๆ...จะให้เขายอมรับสภาพความเป็นผู้หญิงของหมอนั่นแต่โดยดีอย่างนั้นหรือ?ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!
หมดคาบเรียนแล้วอากิระเงยหน้าขึ้นจากสมุดการบ้านที่ยืมมาลอกอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดก็เสร็จทันเขาหันไปยิ้มให้เด็กผู้หญิงที่นั่งโต๊ะข้างๆ
“ขอบใจมากนะซาวาดะคุง”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เด็กสาวร่างเล็กสวมแว่นกรอบบางส่งยิ้มอายๆมาให้ “เอ่อ...ถ้ายังไงจะยืมเล็คเชอร์ฉันไปซีร็อกซ์ก็ได้นะ”
“จริงเหรอ? เกรงใจจัง”ร่างบางซ่อนยิ้ม...หวานหมู
“วิชาอื่นอาจจะไม่ดีนักแต่ชีวะกับเคมีฉันค่อนข้างมั่นใจน่ะ”
“ไม่ดีอะไรกัน ซาวาดะเก่งจะตายไปฉันน่ะสิหัวไม่ดี ถ้าไม่ได้เธอช่วยต้องแย่แน่”
เจอคำหวานเข้าไป สาวน้อยก็แทบจะม้วนต้วนแก้มขาวๆแดงจัด
“เฮ้! อากิระ วันนี้เลิกเร็วไปเล่นเกมกันมะ?” เสียงจินไนกับเพื่อนๆสองสามคนตะโกนเรียก
“เออ ก็ได้แต่...เดี๋ยวต้องเอาการบ้านไปส่งก่อน”
“ฉันเอาไปส่งให้ก็ได้” ซาวาดะเสนอตัวทันที “เอ่อ...ฉันต้องไปคุยกับอาจารย์เรื่องที่จะเรียนต่ออยู่แล้วน่ะ”
อากิระแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าหล่อนอยากเอาใจคนที่ชอบซึ่งก็คือเขาเอง
“ถ้างั้นก็ขอบใจมากเลยส่วนซีร็อกซ์ก็รบกวนด้วยนะ ขอบคุณมากๆ” มือเรียวประกบไหว้มองช้อนตาน่ารัก
“เอ่อ...จ้ะ” เธอรับคำแล้วรับสมุดไปด้วยสีหน้าแช่มชื่น
จินไนเดินมาโอบไหล่บางไว้เมื่อเธอคนนั้นเดินลับสายตาไปแล้วทำท่าถอนใจหนักๆแบบเสแสร้ง
“เฮ้อ! น่าสงสารต้องมาโดนหมาจิ้งจอกเหยียบย่ำหัวใจด้วยการหลอกใช้”
“ฉันไปหลอกใช้ที่ไหน พูดดีๆนะ”เด็กหนุ่มลอยหน้า “คนเขามีน้ำใจฉันก็รับไว้เท่านั้นเอง”
“เออ! หนุ่มเนื้อหอม” โทรุเดินเข้ามายีหัว “หมั่นไส้ว่ะตัวแค่เนี้ยทำไมสาวๆชอบนักก็ไม่รู้”
นัยน์ตาคู่สวยตวัดค้อนทันทีเมื่อมีคนพูดจาพาดพิงถึงส่วนสูง
“ตัวแค่นี้อะไร ฉันก็สูง 167นะเฟ้ย ไม่ได้เตี้ยมากมายซะหน่อย!”
กลุ่มเพื่อนๆหัวเราะขบขำจริงอยู่ที่อากิระก็ไม่ถึงขนาดจะเรียกว่าเตี้ยแต่ด้วยความที่ตัวเล็กน่าเอ็นดูที่สุดในกลุ่มทำให้เพื่อนๆชอบล้อแม้ว่านิสัยจะไม่สมหน้าตาหวานๆใสๆนั่นเท่าไรก็ตาม
“เอาน่า ไปเหอะวันพุธทั้งทีต้องใช้เวลาหลังเลิกเรียนให้คุ้ม” นาโอมิจิกับคาซึโอะกวักมือเรียกให้สลายตัวเหล่าหนุ่มๆคว้าสัมภาระของตัวเองออกจากห้อง ตรงไปที่ร้านเกมแถวอิเคะบุคุโระ
...
“ไม่ค่อยมีอะไรใหม่เลย เซ็งชะมัด”จินไนบ่นอุบหลังจากแพ้เกมขับรถให้คาซึโอะ
“นั่นดิ” อากิระเสียบปืนพลาสติกเก็บเขาเพิ่งหมดเหรียญสุดท้ายไป
“หิวแล้วด้วย ไปหาอะไรกินมั้ยล่ะ?”โทรุออกความเห็น ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยระหว่างนั้นเองสาวๆโรงเรียนเคียวเซย์กลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านพวกเธอเดินตรงเข้ามาทักใครคนหนึ่ง
“ฮามาโนะคุง” เสียงหวานๆที่เคยได้ยินเมื่อวันก่อนเอ่ยทัก“บังเอิญจัง พอดีเห็นจากหน้าร้านเลยเข้ามาทักน่ะ”
ฟูจิฮาระดูสวยกว่าปกติเพราะแต้มเครื่องสำอางไว้บางๆเธอมากับเพื่อนอีก 3 คนที่ล้วนแล้วแต่เด่นน้อยกว่าเธอ
“มาซื้อของแถวนี้เหรอ?” อากิระสังเกตเห็นถุงเครื่องประดับและเครื่องสำอางเล็กๆหลายถุง
“อือ เล่นเกมอยู่ใช่มั้ย? งั้น...ฉันไม่กวนดีกว่า” สาวน้อยเหมือนจะจากไปแต่ก็ลังเลทิ้งช่วงเล็กน้อย
“อ๋อเราว่าจะไปหาอะไรกินอยู่พอดีน่ะ” คาซึโอะพูดเสริม
“จริงเหรอ?” ท่าประกบมือดีใจของฟูจิฮาระดูน่ารักปนเสแสร้งราวกับไอด้อล“ความจริง พวกเรามีไอเดียที่ดีกว่านั้นน่ะคือเรากำลังจะไปคาราโอเกะกัน สั่งอะไรกินแล้วก็ร้องเพลง ถ้าสนใจเราก็ไปด้วยกันหมดนี่เลยว่าไง?”
พวกผู้ชายใช้เวลามองตากันเพียงชั่ววินาทีก่อนจะตอบตกลงนักเรียนโรงเรียนเคียวเซย์หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินไปที่ร้านคาราโอเกะใกล้ๆแถวนั้นท่ามกลางการจับตามองของใครบางคนเขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นกด...
**********
เสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้นไม่ขาดระยะต่างคนต่างขำไปกับท่าทางและเพลงตลกๆที่ผลัดกันเลือกมาร้องอากิระชอบบรรยากาศที่เฮฮาแบบนี้ โดยเฉพาะกับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขา จะเป็นเล่นเกมกินข้าว หรือสังสรรค์เขาก็ชอบทั้งนั้นรู้สึกสบายใจที่มีเพื่อนที่เข้าใจและไว้ใจได้ล้อมรอบ จนเหมือนว่ากลุ่มอากิระเป็นเด็กเที่ยวแต่ความจริงแล้วถ้าไม่ได้ไปด้วยกันพวกเขาก็มักปฏิเสธที่จะไปกับคนอื่นๆ
“อื๋อ?” อากิระรู้สึกว่ามือถือของเขาสั่นแต่เสียงข้างในนี้ดังเหลือเกิน เด็กหนุ่มขอตัวออกไปกดรับข้างนอกห้อง
“ครับ?”
[“อยู่ที่ไหนน่ะ?”]
เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาทำให้ร่างบางชะงักเขาเดินเลี่ยงไปแถวหน้าห้องน้ำกระซิบกระซาบราวกลัวใครจะได้ยิน
“คุณ...โทรมาทำไม?”
[“โทรมาหาคนของตัวเองไม่ได้หรือ?”]ไคโตะยิ้มกริ่ม
“ใครเป็นคนของคุณกัน!?” เด็กหนุ่มเข่นเขี้ยว
[“แหม ความจำสั้นจังจะต้องให้ช่วยเตือนไหมว่าทำไมเธอถึงเป็นคนของฉัน?”]
ผิวแก้มซับสีเลือดรู้สึกชาวาบพยายามข่มอารมณ์ไว้แล้วถามเสียงห้วน
“มีธุระอะไรก็พูดมาเร็วๆเข้า!”
[“ก็แค่...อยากย้ำให้เธอรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฐานะอะไรฉันหวังว่าเธอจะวางตัวให้เหมาะสมกว่านี้นะ”]
“เหมาะสม? เหมาะสมยังไงมิทราบ?พูดจาไม่รู้เรื่อง ผมจะวางล่ะ” เด็กหนุ่มรีบกดตัดสายเพราะเห็นฟูจิฮาระเดินมาทางนี้พอดี
“ใครโทรมาเหรอ?” เธอร้องทักพลางเดินเข้ามาใกล้
“อ๋อ...เอ่อ...คนรู้จักน่ะ”
“คงไม่ใช่...แฟนหรอกนะ?”
“ไม่ใช่เด็ดขาด!” อากิระโพล่งสวน “คือ...เพื่อนผู้ชายน่ะ”
ริมฝีปากเล็กอิ่มที่ทาลิปกลอสสีชมพูอมส้มแย้มยิ้มเมื่อเห็นท่าทางปฏิเสธเป็นพัลวันนั่นเธอค่อยๆเขยิบใกล้เข้ามา...ใกล้เข้า จนหน้าอกหน้าใจแทบชนอีกฝ่าย
“ฮามาโนะคุงคงรู้ใช่มั้ยว่าฉันคิดยังไง...”นัยน์ตากลมโตเหลือบมองผ่านขนตาที่ดัดเสียงอน “เพราะว่าชอบหรอกนะถึงได้ชวนมา ตอนนี้ฮามาโนะคุงฟรีอยู่ไม่ใช่เหรอ รังเกียจไหมถ้าจะคบกับฉัน?”
เด็กหนุ่มไม่ได้ประหลาดใจเลยสักนิดลักษณะการพูด การเข้าหาเพศตรงข้าม ฟูจิฮาระจัดว่าทั้งเก่งและกล้าเลยทีเดียวแบบนี้ก็คงไม่ต้องอ้อมค้อมอะไรกันมากสินะ...
“ก็ใช่อยู่แต่ฉันไม่อยากยุ่งยากทีหลัง...กับหลายๆเรื่อง”
“ฉันไม่ผูกมัดหรอกน่า ต่างคนต่างฟรีแค่ออกมาด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้นก็พอ ดีกับเราทั้งสองฝ่าย”
คราวนี้อากิระยิ้มตอบรับมือวางไว้ที่เอวเล็กเบาๆ และแล้วสาวเจ้าก็เคลื่อนตัวมาแนบชิดบดเบียดทรวงอกใหญ่หยุ่นมือเข้ากับแผ่นอกแบนราบ เขย่งปลายเท้าขึ้นรับจูบที่ริมฝีปากนุ่มคลอเคล้ากันในมุมลับสายตาอย่างใจถึงไม่นานนักก็ผละออกพร้อมทิ้งเบอร์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงให้เรียบร้อยราวกับมืออาชีพ
“แล้วเจอกันนะ อากิระคุงเสาร์นี้ทำตัวให้ฟรีหน่อยล่ะ” ฟูจิฮาระขยิบตาให้ก่อนเดินกลับไปยังห้องที่คนอื่นยังสนุกสนานกันอยู่
ร่างบางผิวปากหวือ กับดาวห้อง B ก็ใช่ย่อยเสียที่ไหนล่ะเจ้าพวกทะโมนทั้งหลายต้องอิจฉาแน่ คุณเธอก็ช่างใจกว้างดีแท้ของมีแต่ได้กับได้แบบนี้ถ้าไม่เอาก็เสียเชิงชายแย่ อากิระกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนถือโอกาสเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว...
ซิปกางเกงถูกรูดขึ้นเรียบร้อยเขาเดินมาล้างมือที่อ่าง ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาภาพที่สะท้อนในกระจกก็ทำให้สะดุ้งผวาขนาดขนหัวลุกตั้งได้เลยทีเดียว!
“คุณ!” เสียงอุทานลั่นถึงกับหันขวับไปมองอ้าปากค้างพะงาบๆตกตะลึงสุดขีด
“ทำหน้าเหมือนเห็นผี” ร่างสูงในชุดสูทสบายๆไม่ผูกไทเดินเข้ามาหา “เจอฉันไม่ดีใจหรอกเหรอ?”
แม้คำพูดจะฟังเป็นกันเองแต่อากิระสัมผัสถึงรังสีอำมหิตได้โดยสัญชาตญาณปลายเท้าค่อยๆเขยิบถอยกรูดอัตโนมัติทว่าหนียังไงก็ไม่พ้นห้องน้ำที่เป็นมุมอับสมบูรณ์แบบอย่างนี้แค่แขนยาวๆยื่นมาคร่อมยันกำแพงกักตัวเขาไว้ก็หมดทางรอดแล้ว
เรียวนิ้วเกี่ยวแว่นกันแดดสีเทาอ่อนเก็บใส่กระเป๋าเสื้อแม้มุมปากจะยกยิ้มทว่าประกายตาวาววามแสดงออกถึงความหงุดหงิดชัดเจน
“ว่ายังไง...ไหนลองพูดอะไรที่น่าชื่นใจให้ฟังหน่อยสิ”
ร่างบางกลืนน้ำลายเอื๊อกส่งยิ้มแหยๆกลับไป
“มา...ได้ยังไงครับ...?”
“ก็ตามเธอมาน่ะสิ” นัยน์ตาสีดำสนิทหรี่ลง “เธอคงไม่รู้ว่าทุกเขตต่างก็มียากุซ่าคอยเดินตรวจตราอยู่เสมอ”
ท่าทางทรงอำนาจนั้นทำให้อากิระรู้สึกถูกข่มจนมิดแต่อีกใจหนึ่งก็คิดต่อต้านมันเรื่องอะไรที่จะต้องมายอมอ่อนข้อให้คนข่มขืนเขาเข้ามาบงการชีวิตด้วย!
“สรุปว่า คุณส่งคนสะกดรอยผม!”เด็กหนุ่มไม่พอใจอย่างมาก เงยหน้าสบตาด้วย “ถ้ามีธุระอะไรมากถึงขนาดนั้นก็ออกไปคุยข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอที่นี่มันห้องน้ำนะ!”
ไคโตะเลิกคิ้วนิดๆมองคนที่ทำกล้าหาญทั้งที่หางเสียงสั่นอย่างชั่งใจ ก่อนจะพูดย้ำจุดประสงค์ของตัวเอง
“ฉันคิดว่าคงจะต้องทวนกันอีกครั้งนะถึงความหมายที่ฉันพูดไว้ว่าเธอมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ภายใต้เงื่อนไขของ...ความซื่อสัตย์”
“ผมยังไม่ทันทำอะไร!”
“งั้นหรือ?” ชายหนุ่มย้อนทันทีเขาเห็นพฤติกรรมเมื่อครู่โดยตลอด
อากิระรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปและเขาไม่รู้สึกว่ามันเป็นความผิดเลยสักนิด น่าขัน!หมอนี่หวังความซื่อสัตย์อะไรจากคนที่ตัวเองใช้กำลังบังคับ!
“แล้วจะทำไม!? ถ้าคุณไม่รู้ผมจะบอกให้ว่าผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของคุณเลยแต่ใครคนหนึ่งมันยัดเยียดสถานภาพให้ผมมา จำได้หรือเปล่า!?”
เหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟมือแข็งเหมือนคีมเหล็กรวบดึงต้นแขนเล็กเข้ามาประชิดเด็กหนุ่มนิ่วหน้าเจ็บแต่ก็ยังพยายามขัดขืน
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนแต่เธอก็เป็นของฉันแล้ว!และผู้หญิงของยากุซ่ามันไม่ได้มีความหมายตื้นๆแค่คู่นอนหรือคนรักแต่มันหมายความว่าเธอเป็นสมบัติของฉัน!ใครก็ตามไม่มีสิทธิ์จะมาแตะต้องแม้เพียงปลายเล็บ ตราบใดที่ฉันไม่อนุญาต!”
“เห็นแก่ตัวสิ้นดี!” ถ้อยคำที่ได้รับฟังมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขามากเกินจะทนไหว “ผมไม่ใช่สิ่งของของใคร! ผมจะจูบกับใครก็ได้ที่ผมต้องการแต่คนๆนั้นไม่ใช่คุณ!”
“จูบ?” เสียงหัวเราะหึขึ้นจมูกเยาะเย้ย“แบบนั้นไม่ใช่จูบหรอกเด็กน้อย เธอเรียนของจริงจากฉันไปแล้วนี่อย่าบอกนะว่าลืม ที่เธอตอบสนองฉันถึงขนาดนั้น ทั้งร้อนรุ่ม ทั้งรัดแน่นครวญครางเรียกร้องให้พาไปถึงจุดน่ะ ใครกัน?”
“สกปรก!” อากิระดิ้นสุดแรง“หยาบคายที่สุด! คุณดูถูกผม!”
แขนข้างหนึ่งหลุดพ้นจากการจับเขาไม่ลังเลเลยที่จะเหวี่ยงมันออกไปหมายฟาดปากคนตรงหน้าหากฝ่ายที่แข็งแรงกว่ากลับเอียงหลบและจับยึดไพล่หลังอย่างง่ายดายใบหน้าสวยเงยสะบัดด้วยความเจ็บปวด แปลบร้าวเหมือนมีไฟฟ้าช็อตแขน
ไคโตะไม่ยอมเสียเวลาต่อไปอีกริมฝีปากร้อนบดขยี้เรียวปากนุ่มอย่างดุดัน ประกบจูบรุกเร้าโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายตั้งตัวติดพลางเบียดร่างตรึงอีกฝ่ายไว้กับกำแพงชั่วขณะที่ปลายลิ้นสัมผัสฟันเขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มอ้าปากจะกัดจึงรีบผละออกแล้ววกขบกัดริมฝีปากล่างช้ำอย่างจะกำราบให้ยอมจำนน แล้วเข้าประกบคลอเคลียใหม่เอียงใบหน้าเปลี่ยนมุมรุกเร้าลิ้นนุ่มภายในไม่ยอมลดละ
ร่างบางทั้งเจ็บอึดอัด หายใจไม่สะดวกยิ่งต่อต้านก็ยิ่งไร้เรี่ยวแรงขณะที่ลิ้นอุ่นชื้นยังเพียรแทรกเข้ามาช่วงชิงความหวานล้ำ บางสัมผัสกร้านกระด้างอีกบางสัมผัสก็วาบหวาม สิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากคนตรงหน้าคือถ้าไม่ขัดขืนชายหนุ่มจะแตะต้องเขาด้วยความอ่อนโยน และมันก็ค่อยๆเป็นเช่นนั้นเมื่ออากิระไหล่ล้าเต็มทนเขายอมเผยอริมฝีปากแต่โดยดีในที่สุด
แรงดิ้นรนลดลงไปมากแล้วและนั่นก็ทำให้ไคโตะพึงพอใจน้ำหนักมือที่จับยึดค่อยๆคลายออก ลดลงสอดรัดบั้นเอวเล็กบางแนบเข้าหาตัวแลบลิ้นไล้กลีบปากแดงช้ำเบาๆพร้อมดูดดึงหยอกเย้า เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มหอบหายใจเข้าเต็มปอดมือหนึ่งประคองปลายคางมนไว้ แล้วลูบปลายนิ้วโป้งตามแนวเรียวปากล่างชุ่มฉ่ำสอดเข้าไปแตะปลายลิ้นนุ่มเบาๆ
“ขอลิ้นให้ฉัน” เสียงทุ้มกระซิบริมหู ร่างบางดูลังเลชั่วครู่ ก่อนจะยอมทำตาม
ปลายลิ้นอุ่นชื้นแตะต้องกันและกันลูบไล้...เล้าโลม...แลกเปลี่ยนน้ำลายชุ่ม ราวกับผลัดกันชิมรสชาติของอีกฝ่ายชายหนุ่มชักนำ และเด็กหนุ่มก็ทำตามจวบกระทั่งริมฝีปากของคนทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้งและคราวนี้ดูเต็มอกเต็มใจยิ่งกว่าครั้งไหนอากิระมึนเมาไปกับจุมพิตที่ทั้งหวานและเร่าร้อน กระตุ้นอารมณ์ให้พุ่งสูง อุณหภูมิเคยคุ้นของร่างกำยำหนาที่เบียดแนบคล้ายจะพาเขาเตลิดไปได้ทุกเมื่อ
ริมฝีปากรุมร้อนละออกอย่างเชื่องช้าพรมจูบไปตามเนียนแก้มใสแผ่วเบา ก่อนคลายวงแขนเหลือเพียงการสวมกอดหลวมๆ
“ฉันไม่ได้อยากทำรุนแรงหรอกนะ”มือที่แทบจะบีบต้นแขนเล็กให้หักได้เลื่อนลูบเส้นผมนุ่มอย่างอ่อนหวานผิดกับอารมณ์ดุดันเมื่อครู่ลิบลับ “เป็นเด็กดีได้ไหม อากิระ?”
ร่างบางไม่ตอบรู้สึกเจ็บใจที่สุดท้ายก็เผลอโอนอ่อนตามไปจนได้
“อย่าทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบแล้วเธอจะได้ทุกอย่าง” เขายืนจัดเครื่องแบบนักเรียนที่ยับให้เข้าที่“คืนวันศุกร์จะมารับ จัดกระเป๋าเตรียมค้าง บอกที่บ้านไว้ด้วยวันอาทิตย์ฉันจะมาส่งเหมือนเดิม”
ใบหน้าสวยก้มนิ่งไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่แสดงอาการรับรู้ จนอีกฝ่ายถามย้ำ
“เข้าใจนะ?”
อากิระพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ก่อนเชิดหน้าไปทางอื่นอย่างดื้อดึง ทำให้ไคโตะต้องส่ายหน้าระอาระคนเอ็นดู เขาเปิดล็อคประตูห้องน้ำก่อนหันมาทิ้งท้าย
“แล้วเจอกัน”
**********
“...ประธาน” เช้าวันจันทร์อากิระเดินลากขาไปโรงเรียนตามปกติรู้สึกโชคดีที่เครื่องแบบหน้าหนาวของเขาเป็นแบบกักคุรันที่มิดชิดลมฤดูใบไม้ร่วงของเดือน 10 ทำให้ไม่แปลกอะไรที่จะพันผ้าพันคอมาสักผืน
“เฮ้! อากิระ” เสียงใครบางคนบีบกริ่งจักรยานเรียก เจ้าของชื่อหันไปมอง
“อ้าวจิน หวัดดี” เขาทัก
“หวัดดี ซ้อนท้ายดิ”
“ไม่เอาดีกว่า” เด็กหนุ่มปฏิเสธเมื่อนึกถึงอาการยอกสะโพก “เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
จินไนทำหน้างงๆ แต่ก็ลงจากจักรยานลากเดินไปพร้อมเพื่อนของเขา
“วันนี้นายดูแปลกๆไปนะ”
“...ยังไง?” อากิระยกมือจัดผ้าพันคออย่างระแวง
“ก็...” เด็กหนุ่มร่างผอมสูงเกาหัวเก้อๆวันนี้เพื่อนของเขา... อืมม ผิวดู...มีน้ำมีนวลขึ้นหรือเปล่านะ นัยน์ตาหวานริมฝีปากแดงจัด แล้วยังดูอ่อนล้านิดๆแบบน่าทะนุถนอมคือปกติหมอนี่ก็เป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แต่มันสวย มีเสน่ห์ขึ้นยังไงบอกไม่ถูก
ร่างบางแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่บอกก็รู้ เขาคงโทรมสะบัดเลยสิท่าเจ้ายากุซ่าโรคจิตนั่นเล่นไม่บันยะบันยังบ้างเลย พอคิดถึงตรงนี้แก้มใสก็แดงก่ำรีบเดินกลบเกลื่อนอาการเขินอายโดยมีสายตาเพื่อนสนิทจับสังเกตอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไปด้วยความสนเท่ห์
...
“เฮ้อ หิวข้าวชะมัด” เรียวแขนยืดบิดขี้เกียจเมื่อออดหมดคาบเรียนดังขึ้นเขาเปิดเป้คว้าข้าวกล่องออกมาตั้งท่าจะกินขณะที่จินไนหมุนเก้าอี้กลับหลังมานั่งด้วย แต่ยังไม่ทันได้จรดตะเกียบสาวๆกลุ่มหนึ่งก็วิ่งมาเคาะกระจกอากิระมองงงๆก่อนเอื้อมมือเปิดกระจกให้
“ฮามาโนะคุง แลกข้าวกล่องกันมั้ย?”สาวน้อยในชุดกะลาสีสีเทาที่น่ารักที่สุดในกลุ่มยิ้มหวานส่วนเพื่อนอีกสองคนของเธอยืนลุ้นอยู่ข้างหลัง
“ข้าวกล่องเหรอ?”
“อือ อันนี้ฉันทำเองนะ อยากให้ฮามาโนะคุงได้กินน่ะ”เสียงหวานพูดจาฉะฉาน หล่อนคือ ฟูจิฮาระ คุมิโกะ ดาวห้อง B ที่ออกจะมั่นใจในความสวยน่ารักของตัวเองอยู่ไม่หยอก
“เอ่อ...” อากิระมองกล่องข้าวที่มีทั้งข้าวปั้นไก่ทอด ไข่ทอด และสลัดมันฝรั่งของตัวเอง เทียบกับกล่องข้าวสีชมพูจุ๋มจิ๋มของผู้หญิงที่มีแต่บร็อคโคลี่ผัดกุ้ง กับข้าวห่อสาหร่ายไส้รวมแล้วก็ต้องทำสีหน้าลำบาก
“ได้มั้ย?” น้ำเสียงนั้นออดอ้อน
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มหวานให้ก่อนจะพูดเสียงอ่อยๆ
“ขอโทษนะฟูจิฮาระคุงพอดีวันนี้ฉันหิวมากน่ะ ข้าวกล่องที่เหมาะกับผู้หญิงคงไม่พอกิน”
รอยยิ้มอ่อนหวานจืดลงไปถนัดทว่าเธอก็ทำท่าเหมือนไม่เป็นไร
“เข้าใจล่ะ ขอโทษด้วยที่รบกวนแต่...คราวหน้า ถ้าฉันจะทำอะไรมาให้กินบ้าง คงไม่ปฏิเสธใช่มั้ย เช่นขนมน่ะไม่ต้องแลกข้าวกล่องก็ได้”
“อืม...ถ้าได้แบบนั้นก็ขอบใจมากนะ”
คราวนี้คุมิโกะค่อยหน้าชื่นหน่อยเธอโบกมือเดินกลับพลางกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนผู้หญิงไปตลอดทาง
“ฮู่วว” เด็กหนุ่มโล่งอกหยิบตะเกียบออกมาโซ้ยข้าวกล่องฝีมือแม่อย่างไม่ยอมเสียเวลา
“เชื่อแกเลยว่ะบอกปัดข้าวกล่องฟูจิฮาระโนตมเนี่ยนะ เหยยย อิจฉาคนเนื้อหอมโว้ย!” จินไนแยกเขี้ยว ฉีกห่อขนมปังยากิโซบะมากินกร้วมๆ
“ก็มันไม่อิ่มนี่หว่าข้าวกล่องอันจิ๋วเดียะ ฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงที่ต้องมาคำนวณแคลอรี่นะเฟ้ยกินแค่นั้นหิวไส้ขาดพอดี กว่าจะถึงเย็น”
คนสูงกว่าโคลงหัว พูดแบบนั้นก็ถูกแหละผู้ชายส่วนใหญ่กินจุอยู่แล้ว อากิระก็เหมือนกันตัวไม่สูงมากแต่กระเพาะครากเอาเรื่องเลยเชียว
“แต่...ไม่ยักรู้ว่าแม่นั่นเล็งนายอยู่นะถ้าคิดจะเล่นๆล่ะ สบายเลย เขาว่า...” เด็กหนุ่มลดเสียงลงป้องปากกระซิบ“ค่อนข้างง่ายเลยแหละ เป็นพวกทำสถิติชอบควงหนุ่มป๊อบทำนองนั้น”
ร่างบางยักไหล่ ปากยังเคี้ยวไก่ทอดหล่อนน่ารักก็จริงแต่เขากลับไม่ตื่นเต้นอะไรนัก เป็นเพราะเรื่องแบบนี้เขาผ่านมาแล้วหรือว่าเป็นเพราะ...
“ไม่ใช่เพราะหมอนั่นแน่!” เขาเผลอเข่นเขี้ยว
“หา? ใคร?”จินไนดูดนมกล่องค้าง
“ง่า...ไม่มีอะไรฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยหลุดปากน่ะ” อากิระหัวเราะกลบเกลื่อนไม่ใช่แน่ๆ...จะให้เขายอมรับสภาพความเป็นผู้หญิงของหมอนั่นแต่โดยดีอย่างนั้นหรือ?ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!
หมดคาบเรียนแล้วอากิระเงยหน้าขึ้นจากสมุดการบ้านที่ยืมมาลอกอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดก็เสร็จทันเขาหันไปยิ้มให้เด็กผู้หญิงที่นั่งโต๊ะข้างๆ
“ขอบใจมากนะซาวาดะคุง”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เด็กสาวร่างเล็กสวมแว่นกรอบบางส่งยิ้มอายๆมาให้ “เอ่อ...ถ้ายังไงจะยืมเล็คเชอร์ฉันไปซีร็อกซ์ก็ได้นะ”
“จริงเหรอ? เกรงใจจัง”ร่างบางซ่อนยิ้ม...หวานหมู
“วิชาอื่นอาจจะไม่ดีนักแต่ชีวะกับเคมีฉันค่อนข้างมั่นใจน่ะ”
“ไม่ดีอะไรกัน ซาวาดะเก่งจะตายไปฉันน่ะสิหัวไม่ดี ถ้าไม่ได้เธอช่วยต้องแย่แน่”
เจอคำหวานเข้าไป สาวน้อยก็แทบจะม้วนต้วนแก้มขาวๆแดงจัด
“เฮ้! อากิระ วันนี้เลิกเร็วไปเล่นเกมกันมะ?” เสียงจินไนกับเพื่อนๆสองสามคนตะโกนเรียก
“เออ ก็ได้แต่...เดี๋ยวต้องเอาการบ้านไปส่งก่อน”
“ฉันเอาไปส่งให้ก็ได้” ซาวาดะเสนอตัวทันที “เอ่อ...ฉันต้องไปคุยกับอาจารย์เรื่องที่จะเรียนต่ออยู่แล้วน่ะ”
อากิระแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าหล่อนอยากเอาใจคนที่ชอบซึ่งก็คือเขาเอง
“ถ้างั้นก็ขอบใจมากเลยส่วนซีร็อกซ์ก็รบกวนด้วยนะ ขอบคุณมากๆ” มือเรียวประกบไหว้มองช้อนตาน่ารัก
“เอ่อ...จ้ะ” เธอรับคำแล้วรับสมุดไปด้วยสีหน้าแช่มชื่น
จินไนเดินมาโอบไหล่บางไว้เมื่อเธอคนนั้นเดินลับสายตาไปแล้วทำท่าถอนใจหนักๆแบบเสแสร้ง
“เฮ้อ! น่าสงสารต้องมาโดนหมาจิ้งจอกเหยียบย่ำหัวใจด้วยการหลอกใช้”
“ฉันไปหลอกใช้ที่ไหน พูดดีๆนะ”เด็กหนุ่มลอยหน้า “คนเขามีน้ำใจฉันก็รับไว้เท่านั้นเอง”
“เออ! หนุ่มเนื้อหอม” โทรุเดินเข้ามายีหัว “หมั่นไส้ว่ะตัวแค่เนี้ยทำไมสาวๆชอบนักก็ไม่รู้”
นัยน์ตาคู่สวยตวัดค้อนทันทีเมื่อมีคนพูดจาพาดพิงถึงส่วนสูง
“ตัวแค่นี้อะไร ฉันก็สูง 167นะเฟ้ย ไม่ได้เตี้ยมากมายซะหน่อย!”
กลุ่มเพื่อนๆหัวเราะขบขำจริงอยู่ที่อากิระก็ไม่ถึงขนาดจะเรียกว่าเตี้ยแต่ด้วยความที่ตัวเล็กน่าเอ็นดูที่สุดในกลุ่มทำให้เพื่อนๆชอบล้อแม้ว่านิสัยจะไม่สมหน้าตาหวานๆใสๆนั่นเท่าไรก็ตาม
“เอาน่า ไปเหอะวันพุธทั้งทีต้องใช้เวลาหลังเลิกเรียนให้คุ้ม” นาโอมิจิกับคาซึโอะกวักมือเรียกให้สลายตัวเหล่าหนุ่มๆคว้าสัมภาระของตัวเองออกจากห้อง ตรงไปที่ร้านเกมแถวอิเคะบุคุโระ
...
“ไม่ค่อยมีอะไรใหม่เลย เซ็งชะมัด”จินไนบ่นอุบหลังจากแพ้เกมขับรถให้คาซึโอะ
“นั่นดิ” อากิระเสียบปืนพลาสติกเก็บเขาเพิ่งหมดเหรียญสุดท้ายไป
“หิวแล้วด้วย ไปหาอะไรกินมั้ยล่ะ?”โทรุออกความเห็น ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยระหว่างนั้นเองสาวๆโรงเรียนเคียวเซย์กลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านพวกเธอเดินตรงเข้ามาทักใครคนหนึ่ง
“ฮามาโนะคุง” เสียงหวานๆที่เคยได้ยินเมื่อวันก่อนเอ่ยทัก“บังเอิญจัง พอดีเห็นจากหน้าร้านเลยเข้ามาทักน่ะ”
ฟูจิฮาระดูสวยกว่าปกติเพราะแต้มเครื่องสำอางไว้บางๆเธอมากับเพื่อนอีก 3 คนที่ล้วนแล้วแต่เด่นน้อยกว่าเธอ
“มาซื้อของแถวนี้เหรอ?” อากิระสังเกตเห็นถุงเครื่องประดับและเครื่องสำอางเล็กๆหลายถุง
“อือ เล่นเกมอยู่ใช่มั้ย? งั้น...ฉันไม่กวนดีกว่า” สาวน้อยเหมือนจะจากไปแต่ก็ลังเลทิ้งช่วงเล็กน้อย
“อ๋อเราว่าจะไปหาอะไรกินอยู่พอดีน่ะ” คาซึโอะพูดเสริม
“จริงเหรอ?” ท่าประกบมือดีใจของฟูจิฮาระดูน่ารักปนเสแสร้งราวกับไอด้อล“ความจริง พวกเรามีไอเดียที่ดีกว่านั้นน่ะคือเรากำลังจะไปคาราโอเกะกัน สั่งอะไรกินแล้วก็ร้องเพลง ถ้าสนใจเราก็ไปด้วยกันหมดนี่เลยว่าไง?”
พวกผู้ชายใช้เวลามองตากันเพียงชั่ววินาทีก่อนจะตอบตกลงนักเรียนโรงเรียนเคียวเซย์หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินไปที่ร้านคาราโอเกะใกล้ๆแถวนั้นท่ามกลางการจับตามองของใครบางคนเขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นกด...
**********
เสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้นไม่ขาดระยะต่างคนต่างขำไปกับท่าทางและเพลงตลกๆที่ผลัดกันเลือกมาร้องอากิระชอบบรรยากาศที่เฮฮาแบบนี้ โดยเฉพาะกับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขา จะเป็นเล่นเกมกินข้าว หรือสังสรรค์เขาก็ชอบทั้งนั้นรู้สึกสบายใจที่มีเพื่อนที่เข้าใจและไว้ใจได้ล้อมรอบ จนเหมือนว่ากลุ่มอากิระเป็นเด็กเที่ยวแต่ความจริงแล้วถ้าไม่ได้ไปด้วยกันพวกเขาก็มักปฏิเสธที่จะไปกับคนอื่นๆ
“อื๋อ?” อากิระรู้สึกว่ามือถือของเขาสั่นแต่เสียงข้างในนี้ดังเหลือเกิน เด็กหนุ่มขอตัวออกไปกดรับข้างนอกห้อง
“ครับ?”
[“อยู่ที่ไหนน่ะ?”]
เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาทำให้ร่างบางชะงักเขาเดินเลี่ยงไปแถวหน้าห้องน้ำกระซิบกระซาบราวกลัวใครจะได้ยิน
“คุณ...โทรมาทำไม?”
[“โทรมาหาคนของตัวเองไม่ได้หรือ?”]ไคโตะยิ้มกริ่ม
“ใครเป็นคนของคุณกัน!?” เด็กหนุ่มเข่นเขี้ยว
[“แหม ความจำสั้นจังจะต้องให้ช่วยเตือนไหมว่าทำไมเธอถึงเป็นคนของฉัน?”]
ผิวแก้มซับสีเลือดรู้สึกชาวาบพยายามข่มอารมณ์ไว้แล้วถามเสียงห้วน
“มีธุระอะไรก็พูดมาเร็วๆเข้า!”
[“ก็แค่...อยากย้ำให้เธอรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฐานะอะไรฉันหวังว่าเธอจะวางตัวให้เหมาะสมกว่านี้นะ”]
“เหมาะสม? เหมาะสมยังไงมิทราบ?พูดจาไม่รู้เรื่อง ผมจะวางล่ะ” เด็กหนุ่มรีบกดตัดสายเพราะเห็นฟูจิฮาระเดินมาทางนี้พอดี
“ใครโทรมาเหรอ?” เธอร้องทักพลางเดินเข้ามาใกล้
“อ๋อ...เอ่อ...คนรู้จักน่ะ”
“คงไม่ใช่...แฟนหรอกนะ?”
“ไม่ใช่เด็ดขาด!” อากิระโพล่งสวน “คือ...เพื่อนผู้ชายน่ะ”
ริมฝีปากเล็กอิ่มที่ทาลิปกลอสสีชมพูอมส้มแย้มยิ้มเมื่อเห็นท่าทางปฏิเสธเป็นพัลวันนั่นเธอค่อยๆเขยิบใกล้เข้ามา...ใกล้เข้า จนหน้าอกหน้าใจแทบชนอีกฝ่าย
“ฮามาโนะคุงคงรู้ใช่มั้ยว่าฉันคิดยังไง...”นัยน์ตากลมโตเหลือบมองผ่านขนตาที่ดัดเสียงอน “เพราะว่าชอบหรอกนะถึงได้ชวนมา ตอนนี้ฮามาโนะคุงฟรีอยู่ไม่ใช่เหรอ รังเกียจไหมถ้าจะคบกับฉัน?”
เด็กหนุ่มไม่ได้ประหลาดใจเลยสักนิดลักษณะการพูด การเข้าหาเพศตรงข้าม ฟูจิฮาระจัดว่าทั้งเก่งและกล้าเลยทีเดียวแบบนี้ก็คงไม่ต้องอ้อมค้อมอะไรกันมากสินะ...
“ก็ใช่อยู่แต่ฉันไม่อยากยุ่งยากทีหลัง...กับหลายๆเรื่อง”
“ฉันไม่ผูกมัดหรอกน่า ต่างคนต่างฟรีแค่ออกมาด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้นก็พอ ดีกับเราทั้งสองฝ่าย”
คราวนี้อากิระยิ้มตอบรับมือวางไว้ที่เอวเล็กเบาๆ และแล้วสาวเจ้าก็เคลื่อนตัวมาแนบชิดบดเบียดทรวงอกใหญ่หยุ่นมือเข้ากับแผ่นอกแบนราบ เขย่งปลายเท้าขึ้นรับจูบที่ริมฝีปากนุ่มคลอเคล้ากันในมุมลับสายตาอย่างใจถึงไม่นานนักก็ผละออกพร้อมทิ้งเบอร์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงให้เรียบร้อยราวกับมืออาชีพ
“แล้วเจอกันนะ อากิระคุงเสาร์นี้ทำตัวให้ฟรีหน่อยล่ะ” ฟูจิฮาระขยิบตาให้ก่อนเดินกลับไปยังห้องที่คนอื่นยังสนุกสนานกันอยู่
ร่างบางผิวปากหวือ กับดาวห้อง B ก็ใช่ย่อยเสียที่ไหนล่ะเจ้าพวกทะโมนทั้งหลายต้องอิจฉาแน่ คุณเธอก็ช่างใจกว้างดีแท้ของมีแต่ได้กับได้แบบนี้ถ้าไม่เอาก็เสียเชิงชายแย่ อากิระกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนถือโอกาสเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว...
ซิปกางเกงถูกรูดขึ้นเรียบร้อยเขาเดินมาล้างมือที่อ่าง ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาภาพที่สะท้อนในกระจกก็ทำให้สะดุ้งผวาขนาดขนหัวลุกตั้งได้เลยทีเดียว!
“คุณ!” เสียงอุทานลั่นถึงกับหันขวับไปมองอ้าปากค้างพะงาบๆตกตะลึงสุดขีด
“ทำหน้าเหมือนเห็นผี” ร่างสูงในชุดสูทสบายๆไม่ผูกไทเดินเข้ามาหา “เจอฉันไม่ดีใจหรอกเหรอ?”
แม้คำพูดจะฟังเป็นกันเองแต่อากิระสัมผัสถึงรังสีอำมหิตได้โดยสัญชาตญาณปลายเท้าค่อยๆเขยิบถอยกรูดอัตโนมัติทว่าหนียังไงก็ไม่พ้นห้องน้ำที่เป็นมุมอับสมบูรณ์แบบอย่างนี้แค่แขนยาวๆยื่นมาคร่อมยันกำแพงกักตัวเขาไว้ก็หมดทางรอดแล้ว
เรียวนิ้วเกี่ยวแว่นกันแดดสีเทาอ่อนเก็บใส่กระเป๋าเสื้อแม้มุมปากจะยกยิ้มทว่าประกายตาวาววามแสดงออกถึงความหงุดหงิดชัดเจน
“ว่ายังไง...ไหนลองพูดอะไรที่น่าชื่นใจให้ฟังหน่อยสิ”
ร่างบางกลืนน้ำลายเอื๊อกส่งยิ้มแหยๆกลับไป
“มา...ได้ยังไงครับ...?”
“ก็ตามเธอมาน่ะสิ” นัยน์ตาสีดำสนิทหรี่ลง “เธอคงไม่รู้ว่าทุกเขตต่างก็มียากุซ่าคอยเดินตรวจตราอยู่เสมอ”
ท่าทางทรงอำนาจนั้นทำให้อากิระรู้สึกถูกข่มจนมิดแต่อีกใจหนึ่งก็คิดต่อต้านมันเรื่องอะไรที่จะต้องมายอมอ่อนข้อให้คนข่มขืนเขาเข้ามาบงการชีวิตด้วย!
“สรุปว่า คุณส่งคนสะกดรอยผม!”เด็กหนุ่มไม่พอใจอย่างมาก เงยหน้าสบตาด้วย “ถ้ามีธุระอะไรมากถึงขนาดนั้นก็ออกไปคุยข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอที่นี่มันห้องน้ำนะ!”
ไคโตะเลิกคิ้วนิดๆมองคนที่ทำกล้าหาญทั้งที่หางเสียงสั่นอย่างชั่งใจ ก่อนจะพูดย้ำจุดประสงค์ของตัวเอง
“ฉันคิดว่าคงจะต้องทวนกันอีกครั้งนะถึงความหมายที่ฉันพูดไว้ว่าเธอมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ภายใต้เงื่อนไขของ...ความซื่อสัตย์”
“ผมยังไม่ทันทำอะไร!”
“งั้นหรือ?” ชายหนุ่มย้อนทันทีเขาเห็นพฤติกรรมเมื่อครู่โดยตลอด
อากิระรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปและเขาไม่รู้สึกว่ามันเป็นความผิดเลยสักนิด น่าขัน!หมอนี่หวังความซื่อสัตย์อะไรจากคนที่ตัวเองใช้กำลังบังคับ!
“แล้วจะทำไม!? ถ้าคุณไม่รู้ผมจะบอกให้ว่าผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของคุณเลยแต่ใครคนหนึ่งมันยัดเยียดสถานภาพให้ผมมา จำได้หรือเปล่า!?”
เหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟมือแข็งเหมือนคีมเหล็กรวบดึงต้นแขนเล็กเข้ามาประชิดเด็กหนุ่มนิ่วหน้าเจ็บแต่ก็ยังพยายามขัดขืน
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนแต่เธอก็เป็นของฉันแล้ว!และผู้หญิงของยากุซ่ามันไม่ได้มีความหมายตื้นๆแค่คู่นอนหรือคนรักแต่มันหมายความว่าเธอเป็นสมบัติของฉัน!ใครก็ตามไม่มีสิทธิ์จะมาแตะต้องแม้เพียงปลายเล็บ ตราบใดที่ฉันไม่อนุญาต!”
“เห็นแก่ตัวสิ้นดี!” ถ้อยคำที่ได้รับฟังมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขามากเกินจะทนไหว “ผมไม่ใช่สิ่งของของใคร! ผมจะจูบกับใครก็ได้ที่ผมต้องการแต่คนๆนั้นไม่ใช่คุณ!”
“จูบ?” เสียงหัวเราะหึขึ้นจมูกเยาะเย้ย“แบบนั้นไม่ใช่จูบหรอกเด็กน้อย เธอเรียนของจริงจากฉันไปแล้วนี่อย่าบอกนะว่าลืม ที่เธอตอบสนองฉันถึงขนาดนั้น ทั้งร้อนรุ่ม ทั้งรัดแน่นครวญครางเรียกร้องให้พาไปถึงจุดน่ะ ใครกัน?”
“สกปรก!” อากิระดิ้นสุดแรง“หยาบคายที่สุด! คุณดูถูกผม!”
แขนข้างหนึ่งหลุดพ้นจากการจับเขาไม่ลังเลเลยที่จะเหวี่ยงมันออกไปหมายฟาดปากคนตรงหน้าหากฝ่ายที่แข็งแรงกว่ากลับเอียงหลบและจับยึดไพล่หลังอย่างง่ายดายใบหน้าสวยเงยสะบัดด้วยความเจ็บปวด แปลบร้าวเหมือนมีไฟฟ้าช็อตแขน
ไคโตะไม่ยอมเสียเวลาต่อไปอีกริมฝีปากร้อนบดขยี้เรียวปากนุ่มอย่างดุดัน ประกบจูบรุกเร้าโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายตั้งตัวติดพลางเบียดร่างตรึงอีกฝ่ายไว้กับกำแพงชั่วขณะที่ปลายลิ้นสัมผัสฟันเขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มอ้าปากจะกัดจึงรีบผละออกแล้ววกขบกัดริมฝีปากล่างช้ำอย่างจะกำราบให้ยอมจำนน แล้วเข้าประกบคลอเคลียใหม่เอียงใบหน้าเปลี่ยนมุมรุกเร้าลิ้นนุ่มภายในไม่ยอมลดละ
ร่างบางทั้งเจ็บอึดอัด หายใจไม่สะดวกยิ่งต่อต้านก็ยิ่งไร้เรี่ยวแรงขณะที่ลิ้นอุ่นชื้นยังเพียรแทรกเข้ามาช่วงชิงความหวานล้ำ บางสัมผัสกร้านกระด้างอีกบางสัมผัสก็วาบหวาม สิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากคนตรงหน้าคือถ้าไม่ขัดขืนชายหนุ่มจะแตะต้องเขาด้วยความอ่อนโยน และมันก็ค่อยๆเป็นเช่นนั้นเมื่ออากิระไหล่ล้าเต็มทนเขายอมเผยอริมฝีปากแต่โดยดีในที่สุด
แรงดิ้นรนลดลงไปมากแล้วและนั่นก็ทำให้ไคโตะพึงพอใจน้ำหนักมือที่จับยึดค่อยๆคลายออก ลดลงสอดรัดบั้นเอวเล็กบางแนบเข้าหาตัวแลบลิ้นไล้กลีบปากแดงช้ำเบาๆพร้อมดูดดึงหยอกเย้า เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มหอบหายใจเข้าเต็มปอดมือหนึ่งประคองปลายคางมนไว้ แล้วลูบปลายนิ้วโป้งตามแนวเรียวปากล่างชุ่มฉ่ำสอดเข้าไปแตะปลายลิ้นนุ่มเบาๆ
“ขอลิ้นให้ฉัน” เสียงทุ้มกระซิบริมหู ร่างบางดูลังเลชั่วครู่ ก่อนจะยอมทำตาม
ปลายลิ้นอุ่นชื้นแตะต้องกันและกันลูบไล้...เล้าโลม...แลกเปลี่ยนน้ำลายชุ่ม ราวกับผลัดกันชิมรสชาติของอีกฝ่ายชายหนุ่มชักนำ และเด็กหนุ่มก็ทำตามจวบกระทั่งริมฝีปากของคนทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้งและคราวนี้ดูเต็มอกเต็มใจยิ่งกว่าครั้งไหนอากิระมึนเมาไปกับจุมพิตที่ทั้งหวานและเร่าร้อน กระตุ้นอารมณ์ให้พุ่งสูง อุณหภูมิเคยคุ้นของร่างกำยำหนาที่เบียดแนบคล้ายจะพาเขาเตลิดไปได้ทุกเมื่อ
ริมฝีปากรุมร้อนละออกอย่างเชื่องช้าพรมจูบไปตามเนียนแก้มใสแผ่วเบา ก่อนคลายวงแขนเหลือเพียงการสวมกอดหลวมๆ
“ฉันไม่ได้อยากทำรุนแรงหรอกนะ”มือที่แทบจะบีบต้นแขนเล็กให้หักได้เลื่อนลูบเส้นผมนุ่มอย่างอ่อนหวานผิดกับอารมณ์ดุดันเมื่อครู่ลิบลับ “เป็นเด็กดีได้ไหม อากิระ?”
ร่างบางไม่ตอบรู้สึกเจ็บใจที่สุดท้ายก็เผลอโอนอ่อนตามไปจนได้
“อย่าทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบแล้วเธอจะได้ทุกอย่าง” เขายืนจัดเครื่องแบบนักเรียนที่ยับให้เข้าที่“คืนวันศุกร์จะมารับ จัดกระเป๋าเตรียมค้าง บอกที่บ้านไว้ด้วยวันอาทิตย์ฉันจะมาส่งเหมือนเดิม”
ใบหน้าสวยก้มนิ่งไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่แสดงอาการรับรู้ จนอีกฝ่ายถามย้ำ
“เข้าใจนะ?”
อากิระพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ก่อนเชิดหน้าไปทางอื่นอย่างดื้อดึง ทำให้ไคโตะต้องส่ายหน้าระอาระคนเอ็นดู เขาเปิดล็อคประตูห้องน้ำก่อนหันมาทิ้งท้าย
“แล้วเจอกัน”
**********
“...”
“ท่านประธานครับ?”
ไคโตะเพิ่งรู้ตัว เขาหันไปมองเลขาฯหนุ่ม
“มีอะไร คิระ?”
“เรื่องกลุ่มบริษัทวาตานาเบะที่กำลังกว้านซื้อที่ดินด้วยการเทคโอเวอร์บริษัทเล็กๆแถบคามาคุระแล้วทุบอาคารทิ้งนั้นน่ะ ท่านจะให้เราดำเนินการอะไรไหมครับ?”
“...ยังไม่ต้องทำอะไร” นิ้วมือคลึงมวนซิการ์อย่างใช้ความคิด แล้วสูบเข้าปอด “สำหรับตอนนี้ แค่จับตาดูอย่างใกล้ชิดก็พอ”
“ทราบแล้วครับ” คิระรับคำขรึมๆตามแบบของเขา ใบหน้างามคมราวกับภาพภู่กันคล้ายฉาบด้วยน้ำแข็งบางๆคงไม่มีใครรู้ว่าดวงตาเรียวใต้กรอบแว่นใสนั้นคิดอะไรอยู่และนี่คือมือขวาที่มีประสิทธิภาพที่สุดของประธานกลุ่มคุโรดะ
“เอกสารผู้ถือหุ้นผมให้ฝ่ายกฏหมายไปร่างแล้ว คงพร้อมเสนอที่ประชุมบ่ายวันจันทร์”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“ส่วนเรื่องเย็นนี้...”
“โยโกฮาม่าใช่ไหมครับ” ร่างเพรียวจดอะไรขยุกขยิกลงบนกระดาษ “ผมจัดการบอกทางนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ใช่...แล้ว...ต่อจากนี้ถ้าเป็นไปได้ฉันไม่อยากให้มีงานในวันเสาร์หรืออาทิตย์น่ะ”
“ผมจะจัดตารางเวลาให้ใหม่ครับ”เขารับคำง่ายๆ “แต่ก็อาจจะมีบางครั้งที่จำเป็นเช่นงานเลี้ยง งานรับรองต่างๆ”
“อืม ช่วยหน่อยนะ”
“หมายกำหนดการมีเท่านี้ท่านประธานมีอะไรจะให้ผมทำอีกไหมครับ?”
“ไม่มีแล้วล่ะ ขอบใจมาก”
คิระโค้งลาแล้วเดินออกมาโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องประธานบริษัทให้สนิทท่าทีเหม่อลอยในบางครั้งคราวกับรอยยิ้มที่เป็นปริศนาดูเหมือนจะมีสาเหตุมาจากเด็กหนุ่มที่ชื่อฮามาโนะ อากิระ ทั้งที่ให้นักสืบค้นประวัติ ทั้งให้ลูกน้องติดตามคุ้มครองแล้วยังเปลี่ยนแปลงตารางงานอีก นี่ท่านประธานจริงจังถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
ชายหนุ่มกลับมาที่ออฟฟิศของตัวเองแต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งก็เห็นประธานเดินออกจากห้องกดลิฟท์พิเศษขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นลอฟท์ที่พักส่วนตัวท่ามกลางความงุนงงของพนักงานบริษัทอีกหลายชีวิตในเมื่อถ้าเป็นเวลาปกติประธานจะนั่งทำงานจนค่ำมืดแท้ๆ
“บ่ายสี่ โรงเรียนเคียวเซย์เลิก”คิระมองนาฬิกาข้อมือที่ชี้บอกเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้วรำพึงกับตัวเองเบาๆ“ท่าทางต้องเอาจริงแน่ๆ”
...
หน้าโรงเรียนวันนี้ดูจะมีคนมาออกันเยอะผิดปกติเหมือนมีอะไรที่น่าสนใจจนทำให้หลายคนต้องเดินถ่วงฝีเท้าชะเง้อชะแงแลดูอะไรที่ริมรั้วข้างประตูหน้าโรงเรียน
“มีอะไรกันเหรอนั่น?” กลุ่มอากิระที่เพิ่งเดินออกมาพยายามยืดคอดูแต่ความสูงของรั้วบังสายตาไว้มิด
“เห็นเขาว่าอะไรสวยๆสงสัยเป็นสาวสวยว่ะ” คาซึโอะแกล้งว่า
“โหถ้าสวยขนาดทุกคนมองเหลียวหลังแบบนี้ ท่าทางประกวดนางงามได้สบาย จริงมะอากิระ?”
“จะไปรู้เหรออาจจะไม่ใช่ผู้หญิงก็ได้”
“โอ๊ยยย อย่าไปถามอากิระมันเลย”จินไนหยอก “ตอนนี้มันคงไม่เห็นใครสวยไปกว่าดาวห้องB แล้วล่ะ”
ร่างบางทุบหลังเพื่อนสนิทอั้ก!
“เลิกแซวได้แล้วเฟ้ย! เบื่อมุขเก่า”เขาบ่น ตั้งแต่วันที่คาราโอเกะเมื่อเขากลับมาพวกฟูจิฮาระก็ไม่อยู่แล้ว พอคนอื่นเห็นริมฝีปากแดงช้ำกับเสื้อผ้ายับทำให้เข้าใจผิดว่าเขากับแม่นั่นฟัดกันเสียดุเดือด
“ฮู้ยยย ทำเป็นอายเมื่อวานยังเห็นโทรคุยกันอยู่เลย”
เสียงเด็กหนุ่มคนเดิมล้อเลียนไล่หลังอากิระส่ายหัว เดินนำหน้าไปไม่ใส่ใจ แค่เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ที่มีใครบางคนนัดไว้ก็ทำให้ปวดหัวจะแย่แล้วคิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไงเวลาเจอหน้ากัน...
“โห! ดูดิปอร์ชรุ่นนั้นน่ะคันละไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้านเยนเชียวนะ”
“แค่เห็นก็เป็นบุญตาแล้ว”
“อยากเข้าไปจับสักครั้งจัง”
เสียงฮือฮาชื่นชมรถยนต์นอกสะดุดหูอากิระทันที
“แต่ฉันว่า ที่เด็ดน่ะคนขับต่างหาก”
พวกผู้หญิงหัวเราะคิกร่างบางเริ่มเหงื่อตก หรือว่า...
ภาพที่เห็นเมื่อก้าวพ้นประตูโรงเรียนปอร์ช จีที 2 สีดำบะซอล์ตโดดเด่นจอดสะดุดตาอยู่ริมกำแพงโดยมีเจ้าของรถยืนพิงฝากระโปรงหน้าสูบซิการ์มวนยาวเขาสวมเชิ้ตแขนยาวพับขึ้นถึงข้อศอก กระดุมคอปลดออกรูดเนคไทไหมคลายพอหลวมๆพาดสูทไว้ที่เบาะรถอากิระรู้สึกได้เลยว่านัยน์ตาคมกริบภายใต้แว่นกันแดดสีเทาจับจ้องมายังเขาโดยตรงในทันทีทันใดนั้น
“...เอ่อ!...”
“เฮ้! ดูนั่นดิ รถเจ๋งสุดๆเลย”นาโอมิจิที่ตามมาถึงทำตาโต
“อู๊ยยย เจ้าประคู้ณ เกิดชาติหน้าฉันท์ใดให้ลูกช้างหล่อๆเท่ๆรวยๆกะเขาบ้างเหอะวะพ่อจะเหมาแลมเบอร์กินี่มาแข่งเลย” โทรุกระซิบกระซาบทำท่าอยากโผเข้าไปลูบไล้ตัวถังรถสักที
ในขณะที่คนอื่นๆชะลอฝีเท้าเพ่งมองรถยนต์คันงามพร้อมชื่นชมกันอยู่นั้นเองเจ้าของรถที่ตกเป็นเป้าสายตาก็เดินตรงมาหาเด็กหนุ่มที่ยืนทำท่าเหมือนตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะหนีดีเขาถอดแว่นพับสอดกระเป๋าเสื้อเผยให้เห็นดวงตาดำรีคมกริบรับกับคิ้วเข้มเป็นเส้นตรงเฉียงที่ดูเคร่งขรึม
“ไปกันหรือยัง?” น้ำเสียงทุ้มเรียบๆ เล่นเอาประจักษ์พยานทั้งหมดอึ้งไปเป็นแถบเด็กหนุ่มผู้มีราชรถมาเกยหน้าชาไม่รู้ว่าจะโกรธหรืออายดีเขาหันไปมองเพื่อนฝูงอย่างจนใจในคำอธิบาย
“เอ่อ...ไปก่อนนะ” อากิระโบกมือลาเสียงอ่อยๆ ส่งยิ้มแหยให้จินไนที่ตาตี่ๆตอนนี้โตเท่าไข่นก่อนรีบเดินขึ้นรถไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่คนขับเจ้ากรรมดันเดินเอื่อยสูบซิการ์พ่นควันสบายอารมณ์กว่าจะมาประจำที่ได้ก็ต้องให้ค้อนแล้วค้อนอีกตาเขียวปั๊ด
ปอร์ชแพงระยับเคลื่อนตัวออกไปสู่ถนนใหญ่อย่างสง่างามท่ามกลางสายตาตะลึงงันของเหล่านักเรียนชายหญิงเกือบร้อยชีวิต...
**********
“จะงอนไปถึงเมื่อไหร่กัน?” ไคโตะอาศัยจังหวะที่รถติดควักมีดตัดปลายซิการ์ขึ้นมาตัดก่อนเก็บลงกลัก “เก๊กหน้าบึ้งแบบนั้นตลอดไม่เมื่อยเหรอ?”
เด็กหนุ่มหรี่ตาค้อนคนพูด
“ผมไม่ได้งอน แต่โกรธ เข้าใจมั้ย!?”
“เรื่องอะไรกันก็ฉันบอกแล้วนี่ว่าจะไปรับ?”
“แต่ไม่ใช่ที่โรงเรียน!” มือเล็กทำท่าเหมือนอยากขย้ำคอ “คุณไม่คิดบ้างเลยว่าผมจะอธิบายกับเพื่อนได้ยังไงที่จู่ๆก็มีรถหรูขนาดนี้มารับ!”
“ก็บอกว่าเป็นญาติ” ร่างสูงพูดง่ายๆ แต่เสียงถอนใจฮึดฮัดที่ตอบกลับมาตีความหมายได้ว่า ‘งี่เง่า!’
“ไม่งั้นก็บอกไปตรงๆว่าฉันเป็นอะไรกับเธอ”
“ประสาท!” อากิระสวนทันควัน“นึกว่าผมภูมิใจเสนอหรือไงขืนใครรู้เรื่องนี้เข้าผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!?”
“ก็เอาไว้ที่เดิมฉันรับเลี้ยงเธอได้อยู่แล้ว ดีเสียอีกจะได้มาอยู่ด้วยกันเสียเลย”
ร่างบางโกรธจนควันแทบออกหูไม่อยากจะเชื่อเลย! คนบ้าไม่เคยคิดถึงคนอื่น!เห็นเขาเป็นตัวอะไรคิดจะทำยังไงด้วยก็ได้งั้นหรือ!?
“แล้วนี่บอกที่บ้านว่ายังไง?”
“...ไปเที่ยวกับญาติเพื่อน” เขาอุบอิบตอบ เปลี่ยนเรื่องเก่งนักนะ
“ไม่โดนว่าใช่ไหม?”
ทีงี้ล่ะทำมาเป็นห่วง ฮึ!
“ง่ายกว่าแก้ตัวกับเพื่อนเยอะ!”ยังกอดอกงอนไม่เลิก “ให้มารับที่บ้านเสียยังจะดีกว่า”
“ก็...ฉันอยากเห็นเธอในชุดกักคุรันนี่นา”ชายหนุ่มกวาดตามองร่างเพรียวแล้วยิ้มให้ “ถ้ารอให้กลับบ้านแล้วเธอเปลี่ยนชุดก็เสียดายแย่”
รอยยิ้มทะลึ่งกับสายตาที่มองทำให้ผิวแก้มรู้สึกร้อนขึ้นมาเหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ? น่าแปลกที่พอได้ฟังแล้วอารมณ์โมโหมันลดลงไปเกือบครึ่งแถมยังมีความเขินอายเข้ามาแทนที่อีกด้วย
“ทำในชุดนี้ก็ท่าจะดีไปอีกแบบ”
“ลามก!” อากิระแหวใบหน้าแดงก่ำปั้นยาก ได้แต่ทำเป็นไม่สนใจเสียงหัวเราะอารมณ์ดีที่หยอกล้อขณะที่เคลื่อนรถวิ่งขึ้นทางด่วน ตรงไปยังเส้นทางที่มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘โยโกฮาม่า’
...
ปอร์ชคันงามแล่นมาจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูมีพนักงานสวมชุดเครื่องแบบกุลีกุจอเปิดประตูพร้อมรับเอาไปจอดให้เสร็จสรรพแถมพนักงานในชุดสูทสุภาพที่ดูว่าน่าจะเป็นผู้จัดการยังออกมารอต้อนรับถึงที่แม้แต่เป้นักเรียนก็ยังมีพนักงานรับไปถือให้แล้วคอยเดินตามราวกับมีคนรับใช้ส่วนตัวจะขาดก็แค่ขบวนเป่าแตรรับเสด็จละมัง
‘โรงแรมอีกแล้วตาหัวงูคิดจะทำแต่เรื่องนั่นเลยใช่ไหมนี่?’ เด็กหนุ่มนึกค่อนในใจ
ทว่าเมื่อลิฟท์เปิดกลับไม่ใช่ห้องพักอย่างที่คาดหากแต่เป็นภัตตาคารบนชั้นดาดฟ้าที่เป็นกระจก 360องศามองเห็นวิวอ่าวโตเกียวได้โดยรอบ ซึ่งขณะนี้ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินอมม่วงมองเห็นเงาของตึกตัวเมือง และผืนน้ำทะเลได้ลางๆเป็นประกายระยิบระยับด้วยแสงไฟนีออนนับล้านรายรอบเหมือนแสงจากอัญมณี
ทั้งคู่ได้ที่นั่งริมหน้าต่างมุมดีที่สุดมุมหนึ่งอากิระนั่งลงเก้ๆกังๆไม่คุ้นกับการที่มีบริกรเลื่อนเก้าอี้ให้ รายการอาหารที่มีแต่ภาษาอังกฤษทำให้เขามึนตึ้บปกติในชั้นเรียนก็พอทำเนาได้ แต่ศัพท์เฉพาะทางอย่างอาหารนี่ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆนัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า
ไคโตะยิ้มให้บางๆ เขาพูดคุยกับกัปตันถึงเมนูอาหารแนะนำของวันนี้ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจสั่งออร์เดิร์ฟกับซุปได้
“ไม่แพ้อาหารอะไรใช่ไหม?”
ร่างบางส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“จานหลักต้องการเนื้อประเภทไหนดีเป็นเนื้อ หรือว่าซีฟู้ด?”
“อาหารทะเลก็ได้ครับ” ปูอบที่ครีมชีสผ่านหน้าไปช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
“จะข้ามจานพาสต้าไปไหมกลัวว่าอิ่มเกินหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องห่วงผมเรื่องกินหรอก”เด็กหนุ่มยักไหล่ “ผมกินจุ”
ร่างสูงเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่าจริงหรือแต่ก็ไม่พูดอะไร
“ถ้างั้นก่อนจานหลักขอเป็นราวิโอลี่หอยเชลล์กับชีสส่วนเครื่องดื่มเป็นแชมเปญก็แล้วกัน”
กัปตันวัยกลางคนค้อมรับเขาหันไปจัดการให้ตามที่สั่งไม่นานขวดดอมเพริญองที่แช่ในถังน้ำแข็งก็ถูกเปิดจุกรินเสิร์ฟก่อนเรียกน้ำย่อยรออาหารจานอื่นๆพรายฟองฟู่ในน้ำสีอำพันหอมหวานรสละมุ่นลิ้นผิดกับเบียร์ที่คุ้นปากอากิระจิบแล้ววาง พลางมองไปรอบๆอย่างกังวลเล็กน้อย
“มีอะไร หรือว่าไม่ชอบที่นี่?”
“เปล่า...” เขาตอบเสียงอ่อย“ผมแค่...รู้สึกว่าตัวเองแต่งตัวไม่เหมาะ”
เนื่องจากเป็นภัตตาคารในโรงแรมชั้นหนึ่งที่มีราคาแพงแขกที่มารับประทานอาหารจึงมักเป็นคนในวงสังคมที่มีฐานะ เป็นนักธุรกิจชั้นนำ หรือไม่ก็เป็นคู่รักที่อยากสร้างโอกาสพิเศษทุกคนล้วนแต่งตัวภูมิฐานสวยงามเหมาะกับสถานที่
“ชุดนักเรียนไม่ดีตรงไหนเป็นทางการดีออก”
ซิการ์มวนเดิมถูกควักขึ้นมาจุดสูบอีกรอบด้วยไม้ขีดไฟเด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าชายผู้แต่งกายสบายๆด้วยเสื้อเชิ้ตพับแขนกลับดูสง่าผ่าเผยไม่แพ้นักธุรกิจที่สวมสูทเต็มยศคงเพราะรูปร่างที่บึกบึนเหมือนพวกนักกีฬา ช่วงไหล่หนาและตรงลำตัวสมบูรณ์ด้วยกล้ามเนื้อแต่ช่วงเอวคอดสอบลงมาเล็กน้อยดูไม่ตันซ้ำยังมีส่วนสูงที่ดูยังไงก็เกิน 180 ซ.ม. หากช่วงขากลับยาวได้ส่วน ผิดกับผู้ชายญี่ปุ่นทั่วไปที่มักลำตัวยาวแต่ขาสั้น...
ใบหน้าคมสันหันไปมองวิวข้างนอกหากในกระจกเงาลางๆของอีกฝ่ายสะท้อนอยู่ และเขาพอใจจะเปิดโอกาสให้ได้สำรวจตามใจชอบด้วยรู้ว่าการที่ได้อากิระมานั้นออกจะใช้วิธีดึงดันอยู่ไม่น้อยดังนั้นการสร้างความคุ้นเคยและทำให้ยอมรับโดยเต็มใจคือสิ่งสำคัญนับจากนี้
“เอ่อ...ผมหมายถึงจะไม่มีใครว่าลับหลังเอาเหรอ” เสียงใสตะกุกตะกักเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าเผลอทิ้งคำถามไว้นานเพราะมัวแต่มองคนตรงหน้าอยู่
“ใครจะกล้า” นิ้วเรียวเคาะขี้เถาะลงกับจานเขี่ยบุหรี่“ที่นี่เป็นโรงแรมในเครือของฉันเอง”
“หา!?” ร่างบางเผลออุทานเสียงสูง
“จำไม่ได้หรือว่าคืนแรกที่เราเจอกัน ฉันก็เดินเข้าโรงแรมชื่อเดียวกันนี้?”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้แก้มเนียนแดงเรื่อต้องรีบคว้าแก้วแชมเปญขึ้นมาซดแก้เขิน เรื่องแบบนี้ก็พูดได้หน้าไม่อายเลยนะมิน่าเล่าการต้อนรับถึงได้ดูนบนอบเหลือเกิน
อาจจะเพราะบรรยากาศที่ดูสบายกว่าครั้งก่อนๆเสียงดนตรีคลาสสิคแผ่วๆ และกลิ่นรสอาหารละเมียดละไมที่ไม่คุ้นเคยสร้างความรู้สึกตื่นเต้นระคนอยากรู้อยากเห็นให้เด็กหนุ่มเขาทั้งคู่พูดคุยซักถามกันเป็นบางครั้งระหว่างรออาหารจานต่อไปซึ่งตามปกติแล้วจะใช้เวลาอย่างเนิบๆไม่เร่งรีบเหมือนร้านอาหารธรรมดาเมื่อละเลียดกินจนหมดจานแล้วที่ทำได้ระหว่างรอก็คือพูดคุย ไม่ก็จิบแชมเปญและดูอากิระเหมือนจะหนักไปทางประการหลังมากกว่าหน่อย
“ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยแท้ๆ”ไคโตะอดปากแซวไม่ไหวเมื่อเขาต้องสั่งให้เอาขวดที่สองมาเปิด
“รู้ก็รู้ว่ายังแล้วสั่งมาอีกทำไมล่ะ”ร่างเล็กยักไหล่แบบกวนๆ มือหนึ่งก็ยกแก้วซดชนิดไม่มีศิลป์เอาเสียเลย
“นี่อย่าจับแก้วแบบซดน้ำเปล่าอย่างนั้นสิ ก้านยาวๆนั่นน่ะเขาทำไว้ให้ถือได้นะรู้มั้ย”คนที่มีรสนิยมละเอียดอ่อนแบบชายหนุ่มเห็นแล้วรู้สึกปวดใจจิ๊ดๆ
“ก็ผมไม่ชอบนี่ มันบางจะตายอย่างกับจะหัก”
“มันไม่หักหรอกน่าแก้วมีขาทรงสูงให้ทำมือแบบนี้” มือใหญ่แต่นิ้วยาวเรียวสาธิตวิธีการจับอย่างมีสไตล์“ส่วนถ้าเป็นแก้วทรงป้อมให้จับประคองด้วยอุ้งมืออย่างนี้”
หน้าอ่อนๆย่นคิ้วใส่และยังคงจับแบบเดิมต่อไปอย่างดื้อดึงพาลให้อีกฝ่ายทั้งฉิวทั้งเอ็นดูไคโตะลงมือกับจานหลักต่อไปโดยไม่ได้ว่าอะไรอีก
เมื่อผ่านทั้งอาหารของคาวหวานของมึนเมาครบถ้วนกระบวนความก็เป็นเวลาดึกพอสมควรแล้วอากิระมองนาฬิกาอย่างตกใจเขาใช้เวลากินอาหารมื้อเดียวตั้งเกือบสามชั่วโมงเชียวหรือเนี่ย?
“อิ่มแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากหลังจิ้มสตรอเบอร์รี่เคลือบช็อคโกแล็ตแช่เย็นกินเป็นการล้างปาก
“ไม่อิ่มก็แย่แล้ว”
“ดี งั้นไปกัน”
เขาหยิบคีย์การ์ดแล้วลุกขึ้นทำให้เด็กหนุ่มที่ทำหน้ามุ่ยต้องลุกตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น