วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Addicted Crime part 4 (เรื่องยาว)

ทั้งคู่เดินไปลงลิฟท์เพียงสามชั้นก็ถึงห้องพักสุดหรูซึ่งมีการตกแต่งใกล้เคียงกับโรงแรมย่านรปปงงิเมื่อครั้งนั้นอากิระเดินถ่วงฝีเท้าวนเวียนแถวโซฟาชุดรับแขกด้วยรู้ว่ากิจกรรมอย่างไหนที่เขาต้องทำต่อไปแล้วที่จะให้ทำใจยอมรับความสัมพันธ์แปลกๆแบบนี้นี่มันไม่ง่ายนักหรอกนะ 
ร่างสูงดับซิการ์แล้วบรรจงเก็บมวนที่เหลือกว่าครึ่งเข้ากลักการวางยาสูบทิ้งไว้เฉยๆในห้องที่มีความชื้นและอุณหภูมิไม่เหมาะสมจะทำให้เสียของไปเปล่าๆอันที่จริงไม่ว่าจะเป็นอะไรก็มีวีธีการเสพที่แตกต่างกันเพื่อรสชาติที่ดีที่สุดนัยน์ตาคมกริบปรายไปยังเด็กหนุ่มที่ยังนั่งหมิ่นๆบนเท้าแขนโซฟาแล้วลอบยิ้ม 
“อากิระ” 
ไหล่บางสะดุ้งน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงเรียกดวงตาที่มีประกายหวั่นช้อนมองผ่านปอยผมที่ระเคลียใบหน้า 
“มาทางนี้สิ” ชายหนุ่มผายมือออกยื่นไปข้างหน้า รอให้อีกฝ่ายเดินมาหาด้วยตัวเอง
อากิระมองไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างสับสนใจหนึ่งก็คิดว่าหนีออกไปทั้งอย่างนี้เลยดีไหมนะ แต่อีกใจก็บอกกับตัวเองว่าเปล่าประโยชน์...เขาหนีไม่พ้นหรอก ร่างบางลุกขึ้นยืนช้าๆจดจ้องไปยังมือที่ยื่นมาสลับกับรอยยิ้มบางๆที่ดูอันตรายตามแบบฉบับของคนที่มีอำนาจ 
ไคโตะยังคงยืนรอโดยไม่เร่งรัดเปลือกตาหรี่ลงด้วยความพอใจเมื่อก้าวที่ดูไม่มั่นคงค่อยๆเดินเข้ามาหาเขาถึงจะเต็มไปด้วยความลังเลใจก็ตาม 
อย่างช้าๆ...ในที่สุดร่างบางก็มายืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มลดมือลงเล็กน้อยแล้วมองไปที่มือเล็กของอีกฝ่ายเป็นการกระตุ้นให้วางลงบนฝ่ามือของเขา 
ริมฝีปากบางเม้มนิดหนึ่งก่อนจะวางมือลงไปแผ่วเบา อุ้งมือที่ร้อนและหยาบกลับเคลื่อนรับอย่างนุ่มนวลร่างสูงดึงให้เขาเข้ามาประชิดแล้วลดตัวลงนั่งบนเตียง จากการทำเช่นนั้นระดับสายตาของชายหนุ่มจึงลดต่ำลงจนเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองจ้องสบเข้าไปในดวงตาที่หลุบต่ำราวจะสะกด ลำแขนแกร่งเลื่อนโอบเอวคอดดึงรั้งให้ใกล้เข้ามาอีก 
อากิระฝืนตัวนิดๆแต่ในที่สุดก็ต้องก้าวขึ้นไปนั่งคร่อมตักกว้างตามแรงดึงจนได้แถมวงแขนยังอ้อมล็อคสะโพกไว้อีกต่างหากมือเล็กยันบ่าหนาสองข้างกั้นระยะงไว้โดยอัตโนมัติ 
ชายหนุ่มยักยิ้มเมื่อนัยน์ตาคมหวานคู่สวยตวัดวาวเหมือนแมวขี้ระแวงตามนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตัวมันเป็นการกระทำที่ยั่วยุเขาเสียด้วยเขาเบนสายตากวาดมองร่างในเครื่องแบบนักเรียนที่หมายตามาตั้งแต่เมื่อเย็นวันพุธแล้วเครื่องแบบกักคุรันปกตั้งนี่ดูคลาสสิคชะมัด... 
“...ลามก” อากิระทำปากยื่นอุบอิบว่า 
“หือ...รู้ด้วย?” เขาเลิกคิ้วขำๆ 
“ไม่รู้ก็แปลก บอกเองไม่ใช่เหรอไง?”ความจำคงไม่เสื่อมหรอก ก็เพิ่งพูดในรถเอง “ชอบชุดนักเรียนทำอย่างกับเฒ่าหัวงู” 
“ปากเก่งจริงนะ” ไคโตะยังคงยิ้มกริ่ม “แล้วมาดูกันว่าในชุดนี้เธอจะเกิดอารมณ์มากกว่าหรือเปล่า” 
เสียงทุ้มพูดใกล้หูกับลมหายใจอุ่นๆทำให้ต้องห่อไหล่จมูกโด่งระรานแก้มเนียนใส แล้วประทับริมฝีปากพรมจูบตามสันกรามและปลายคางมืออ้อมโอบไล้แผ่นหลังผ่านผ้าเนื้อหนา กระนั้นก็ยังส่งไออุ่นผ่านมาได้แผ่วๆ 
“จำที่สอนได้ไหม?” ชายหนุ่มจูบเย้ากลีบปากสีสวย ไล้ปลายลิ้นแตะต้องเบาๆเป็นเชิงกระตุ้น 
เรียวปากบางเผยอออกนิดๆอย่างติดประหม่าแต่นัยน์ตาสีนิลที่ดูร้อนแรงก็เหมือนจะละลายอาการต่อต้านลงไปได้มากเขาทดลองแตะชิมปลายลิ้นอุ่นชื้นของอีกฝ่ายและค้นพบว่ามันมีกลิ่นหอมของใบยาสูบชั้นดีกับแชมเปญรสละมุนลิ้นเล็กๆตามไปตวัดล่วงล้ำหยอกล้อถึงภายใน มือเลื่อนประคองใบหน้าคมสันโดยไม่รู้ตัวเอียงมุมประกบจูบให้ดูดดื่มยิ่งขึ้น
ร่างสูงกระหวัดรับรสจูบที่เป็นฝ่ายได้รับเป็นครั้งแรกอย่างพึงใจมือหนึ่งคลึงแถวบั้นเอวและบั้นท้ายกลมกลึงทำให้จุมพิตชะงักเขาฉวยโอกาสนั้นซุกไซ้ประทับรอยที่ซอกคอ เอื้อมมือปลดตะขอคอปกตั้งแล้วไล่ปลดกระดุมเสื้อนอกทีละเม็ด...ทีละเม็ด จนหมด สอดมือผ่านชายเสื้อเชิ้ตตัวในเข้าไปสัมผัสผิวเนียนเรียบขณะที่ฟันขบงับปลดกระดุมบนก่อนเลื่อนริมฝีปากลงมาหยอกเย้าแผ่นอกผ่านเนื้อผ้าบางๆตรงตำแหน่งปลายยอดพอดี 
อากิระสะท้านเฮือกเป็นพักๆเมื่อน้ำลายที่ซึมผ่านผ้าชุ่มจนแนบติดกับส่วนไวต่อความรู้สึกนั่นมันยิ่งทำให้ไอร้อนและสัมผัสจากปลายลิ้นส่งผ่านมามากขึ้นซ้ำด้วยการดูดดุนให้สยิววาบและพอผละไปรุกรานอีกข้างอากาศที่กระทบก็ทำให้ผ้าที่เปียกชื้นเย็นแนบเพิ่มความรู้สึกจนขนลุกเกรียว เผลอจิกขยุ้มบ่าหนาไว้แน่น 
“ฮ่ะ...เดี๋ยวสิ...” พอรู้ตัวเข็มขัดกับกระดุมกางเกงก็ถูกปลดออกแล้ว เสียงปรามแผ่วๆไม่อาจห้ามการเคลื่อนไหวต่อไปของอีกฝ่ายได้ซิบกางเกงถูกรูดลงอย่างรวดเร็วแล้วอุ้งมือร้อนก็จับส่วนที่ตื่นตัวผ่านกางเกงชั้นในอย่างถือสิทธิ์ 
“นี่...ไม่ได้นะ...” การดิ้นรนอ่อนล้าไม่ช่วยอะไรเลยแก่นเนื้อนุ่มหยุ่นถูกกอบกำไว้อย่างง่ายดาย “อา...ชุด...มันจะเปื้อน” 
“เปื้อนก็ซักได้น่า” มือนั้นขยับชักนำเอาแต่ใจกระนั้นสีหน้าขมวดมุ่นพยายามข่มใจของเด็กหนุ่มก็ฟ้องชัดเจนว่ารู้สึกดีไปด้วยหรือไม่ไคโตะโน้มวงหน้ามนเข้ามาจุมพิตอีกครั้งพร้อมกับเพิ่มจังหวะปลุกเร้ารูดไล้จนมันแข็งขืนขึ้นเต็มที่ เขารู้สึกได้ถึงต้นขาบนหน้าตักที่เครียดเกร็งเป็นพักและนั่นแสดงว่าอีกฝ่ายพร้อมจะถูกชักนำไปอีกขั้นแล้ว 
“ปลดกระดุมเสื้อให้ฉัน” คำนั้นฟังเหมือนเชิญชวนมากกว่าออกคำสั่ง 
มือเล็กที่เกาะยึดบ่าไว้คลายออกเลื่อนระแผงอกแน่นผ่านเข้ามาบรรจบที่กระดุมเสื้อ อากิระรู้ว่ามือของเขาสั่นแต่ที่น่าประหลาดใจคือมันสั่นด้วยความกระตือรือร้นฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่ดื่มไปก่อนหน้านี้ได้ครอบงำเขาเสียแล้ว...หรือว่าใครกันที่ครอบงำเขาอยู่... 
กระดุมที่ถูกปลดออกจากรังดุมจนหมดทำให้สาบเสื้อแหวกออกผิวที่คร้ามนิดๆและกล้ามเนื้อบึกบึนดูน่าหลงใหลสมชายวัยฉกรรจ์ที่หนุ่มสมบูรณ์เต็มที่เมื่อชายหนุ่มกุมมือเล็กลงไปสัมผัสเป้ากางเกงผ่านเนื้อผ้าหนาก็เหมือนว่าร่างบางจะรู้หน้าที่ของตัวเองทันทีโดยเฉพาะเวลาที่ยังถูกปรนเปรออย่างต่อเนื่องเช่นนี้ 
นัยน์ตาคมจับจ้องการเคลื่อนไหวของมือที่แกะเข็มขัดของเขาออกอย่างเงอะงะและไปชะงักงันอยู่กับกระดุมกางเกงดังนั้นแล้วจึงต้องมีการกระตุ้นมากขึ้นด้วยน้ำหนักมือคลึงเคล้นอีกมือช้อนสะโพกให้เข้ามาแนบใกล้ยิ่งกว่าเดิมเกือบไร้ช่องว่างแก้มสากเคลียข้างซอกคอแล้วไล้เลยไปงับติ่งหูนิ่ม เร่งเร้าให้เด็กหนุ่มรูดซิปลงทว่าก็มือนั้นก็ชักกลับเมื่อสัมผัสโดนส่วนที่ร้อนรุม ไคโตะจึงเป็นฝ่ายปลดความแข็งเกร็งให้เป็นอิสระเสียเอง 
แม้จะพยายามไม่มองแต่ระยะงเพียงแค่นี้ทำให้มันสัมผัสกันจนได้เพียงนิดเดียวก็สะท้านเยือก ไหล่บางสะดุ้งและทำท่าคล้ายกระถดถอย แต่ไปได้ไม่ไกลนักปลายฟันขาวขบริมฝีปากล่างกันไม่ให้หลุดเสียงอะไรออกไป เบนสายตาเมินมองไปทางอื่น 
ยากุซ่าหนุ่มลอบยิ้มเขากอบกุมของอีกฝ่ายไว้มือหนึ่ง และของตัวเองไว้อีกมือ ขยับเร้าร่วมจังหวะแล้วจึงเปลี่ยนมารวบเข้าไว้โดยใช้ทั้งสองมือรูดพร้อมๆกันได้ยินเด็กหนุ่มครางอู้ผ่านมือที่ตะปบกลั้นเสียงตัวเองไว้ร่างบอบบางสั่นเทาจนเผลออิงหน้าผากซบกับไหล่ของเขาใบหูที่แดงก่ำดูน่ารักเสียจนอดขบหยอกไม่ได้แต่ยังหรอก...ยังไม่ใช่แค่นี้ที่เขาพอใจ 
ความซ่านเสียวที่ได้รับยากนักจะถอนตัวเปลือกตาบางหรี่เชื่อมกระพริบมองเบลอๆเมื่อชายหนุ่มเอื้อมมากุมมือเขาดึงออกจากปากฉุดลงไปตรงตำแหน่งนั้น ในขั้นแรกเขาฝืนไว้แล้วส่ายหน้าแดงก่ำปฏิเสธทว่าประกายระยิบที่เหมือนจะอ้อนในดวงตาเจ้าเล่ห์นั้นก็เรียกร้องให้เขาทำจนได้มือเล็กสะดุ้งน้อยๆเมื่อสัมผัสส่วนที่ร้อนผ่าวอย่างไม่น่าเชื่อของเขาทั้งคู่เรียวนิ้วสอดประสาน ช่วยกันกอบกำคนละมือแล้วพาขยับไหว ปลุกเร้าอารมณ์ทั้งสองฝ่าย 
“อะ...อาาาาา” เสียงหวานครางหอบ อุ้งมือเขานุ่ม แต่อีกมือหยาบแก่นกายที่เหมือนจะหยุ่นหากกลับเป็นเอ็นแข็งเสียดสีกันเร้าอารมณ์กระสันอย่างบอกไม่ถูกพอรู้ตัวอีกทีทั้งสองมือของเขาก็กำลังสานต่อท่วงทำนองขณะที่ชายหนุ่มละมือออกไปป้วนเปี้ยนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตนักเรียนแล้ว 
“ทำต่อไปสิ...แบบนั้นแหละ ใช่...”ร่างสูงเอ่ยกระตุ้นให้ทำต่อขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับผิวเนื้ออ่อนเนียนที่เรื่อด้วยเลือดฝาดไปทั้งตัวปลายนิ้วโป้งทั้งสองคลึงหยอกยอดอกนิ่มที่ตั้งชัน ร่องรอยที่เคยทำไว้จางลงไปมากแล้วและเขาไม่ลังเลเลยที่จะทำเพิ่มให้อีกคล้ายตีตราเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฟันขบครูดบนเนินอกและแนวบ่า ก่อนวกไปดูดริมฝีปากล่างช้ำเบาๆไล้เรียวลิ้นคลุกเคล้าเกี่ยวพัน ทวีโหมแรงอารมณ์ให้โชติช่วง 
อากิระแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะมีอารมณ์ร่วมมากมายเช่นนี้กิจกรรมที่ปกติเคยทำคนเดียวครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงขนาดที่เพิ่งจะได้วัดกันชัดๆช่างน่าทึ่งเมื่อมือหนึ่งกำเกือบไม่รอบด้วยซ้ำพอมาเทียบก็พลันรู้สึกเขินอายขึ้นมาตะหงิดๆอีกทั้งมือยังเริ่มชุ่มด้วยของเหลวใสที่หลั่งออกมาตามปฏิกิริยาที่ควรเป็นแต่ที่แย่ก็คือเขากำลังจะไปถึงจุด...เร็วกว่าทุกครั้งเสียด้วยสิ 
มือที่ขยับหลวมและช้าลงทำให้ไคโตะรู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังจะทนไม่ไหวเขาจึงป่ายมือที่ควบคุมอยู่ออก แล้วรวบร่างเล็กขึ้นโดยไม่หนักแรงอุ้มกระเถิบเปลี่ยนให้อีกฝ่ายนอนหงายลงบนเตียงนุ่มแล้วรูดดึงกางเกงทั้งสองชิ้นที่เกะกะให้พ้นปลายเท้าไป หากตัวเสื้อนอกและเสื้อเชิ้ตยังปล่อยให้สวมติดอยู่แต่ก็ไม่ได้ช่วยซ่อนเร้นผิวกายได้เท่าใดนักในเมื่อแหวกสาบเสื้อออกหมด 
ต้นขาขาวแยกกว้างขึ้นเมื่อร่างกำยำแทรกเข้ามาอยู่กลางหว่างโดยที่สลัดเพียงเสื้อเชิ้ตให้หลุดไปท่อนล่างสวมกางเกงไว้หมิ่นสะโพก ริมฝีปากสีเชอร์รี่เผยอครางแผ่วด้วยร่างที่ค้ำอยู่แนบลงมาลากส่วนนั้นผ่านจุดอ่อนไหวเพียงภายนอกลมหายใจร้อนติดขัดทันทีที่อุ้งมือใหญ่กลับมากำของเขาไว้แล้วขยับเร่งเร้าเล่นเอาบั้นท้ายเล็กแทบไม่ติดเตียง นิ้วมือเผลอจิกยึดไหล่หนาเอาไว้ไม่นานนักทำนบก็ทลายหลั่งชุ่มมือสาก 
“ฮะ...อาาาาา!” แผ่นหลังบางแอ่นสะท้าน นัยน์ตาคลอน้ำนิดๆยวนอารมณ์โดยไม่รู้ตัว 
นิ้วยาวเคลือบของเหลวลื่นขุ่นสอดเบิกทางแคบร่างระทวยเพิ่งคลายจากอาการเกร็งลงไปชายหนุ่มจึงใช้โอกาสนี้สอดนิ้วที่สองตามไปช่วยด้วยความรวดเร็วควานขยายสะกิดจุดเร้าเรียกเสียงครางกึ่งห้ามกึ่งสยิว ผนังบางๆด้านในชุ่มลื่นและขยับบีบตัวเบาๆสนองการกระทำเขาใช้ความระมัดระวังจนแน่ใจว่าพร้อม 
“ฮึก!” อากิระกลั้นหายใจเมื่อถูกรุกรานถึงอย่างไรก็อดจะอึดอัดกับการสอดใส่ไม่ได้แก่นกายร้อนรุ่มกดดันเข้ามาเพื่อหลอมรวมภายในไม่ถึงกับฝืดคับมากมายหากก็เสียดแน่นพอดูทีเดียว ยังดีที่ร่างสูงไม่รีบร้อนดึงดันซ้ำเส้นทางที่ผ่อนคลายลงแล้วก็ชุ่มพอจะรับได้โดยไม่เจ็บตัวเท่าไรนัก 
“อา...เก่งมาก” ทั้งสองเกือบถอนใจพรูพร้อมกันเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางไคโตะจัดให้ขาคู่สวยไขว้ก่ายเกยสะโพกของเขาไว้ แล้วโน้มกายลงประคองดึงเรียวแขนกลมกลึงมาโอบรอบบ่า 
“อืมม...” คิ้วเรียวขมวดนิ่วน้ำหนักเรียวขายิ่งผลักดันให้ร่างใหญ่เข้ามาแนบแน่นมากขึ้น 
“รู้สึกใช่ไหม?” เสียงทุ้มกระซิบเคลียข้างหู “ใช้มันบอกให้ฉันรู้ว่าเธอต้องการแบบไหนสิ” 
ในขั้นแรกเด็กหนุ่มยังตามไม่ทันเพราะเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับอะไรก็ถูกลบออกความความคิดหมดแล้วร่างบางเผลอหวีดออกมาสั้นๆกับห้วงอารมณ์ลึกล้ำร้อนวาบตั้งแต่ท้องน้อยลามจรดปลายนิ้ว กายแกร่งที่เสือกเข้าหาเนิบนาบทว่าหนักหน่วงทุกครั้งที่ทาบทับเข้ามาเขารู้สึกถึงกล้ามเนื้อบั้นท้ายแน่นเคลื่อนไหวผ่านผิวเนื้อน่องนั่นทำให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่ชายหนุ่มพูดถึงเมื่อครู่ 
ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มแล้วลากลิ้นผ่านปลายฟันคมด้วยความพอใจเรียวขางามคู่นั้นเริ่มขยับอย่างลังเลหากเต็มไปด้วยการร้องขอเรียนรู้ที่จะชักจูงเขาให้ทำตามจังหวะที่ต้องการซึ่งไคโตะก็ยอมตามใจเด็กหนุ่มทุกประการช่องทางละมุนโอบล้อมกระชับเกร็งตามการขยับใช้กล้ามเนื้อต้นขาสร้างสัมผัสอันน่าอภิรมณ์ให้แก่เขาและยิ่งเริงโลดกับเพลิงปรารถนาที่โหมกระชั้นมากขึ้นตามลำดับ 
“อา...อ๊ะ...อ่ะ...อือออออ” เล็บสั้นลากครูดผ่านแผ่นหลังกว้าง ฝากร่องรอยแดงๆไว้เป็นริ้วได้ยินเสียงสปริงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดตามการไหวคลอนไออุ่นจากร่างกายที่สนิทแนบถ่ายทอดจากกันถึงกันจนระอุร้อนอารมณ์กระสันเสียวทวีขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดอากิระอดไม่ไหวที่จะขบงับซอกคอหนาเบาๆเพื่อระบายความปั่นป่วนดุจมีมรสุมลูกมหึมาพัดพาสติเขาให้เพริดเกินใครจะฉุดรั้ง 
ร่างสูงยืดกายเล็กน้อยใช้หน้าขาดันบั้นท้ายกลมกลึงให้ยกสูง แล้วอาศัยน้ำหนักตัวส่งกายเข้ากระทั้นรัวเร็วความโหญ่โตบดเบียดเส้นทางนุ่มอย่างเร่าร้อนซ้ำยังเสียดสีจุดอ่อนไหวภายในได้โดยแม่นยำ สำเนียงครวญกระเส่าไม่เป็นศัพท์ฟังแล้วเย้ายั่วเป็นที่สุดเรือนร่างสั่นระริกตอดรัดสนองตอบเขาด้วยความดื่มด่ำ...หวานล้ำเหงื่อเม็ดเล็กนำพากลิ่นอายหอมเฉพาะตัวจากผิวละเอียดลอยแตะจมูกเขาไล้ลิ้นเลียดชิมจากเนินอก...ปลายคาง...ไปจนบรรจบที่ริมฝีปากฉ่ำ 
กลีบปากนุ่มดูดรับปลายลิ้นอุ่นแทบจะในทันทีกระหวัดเร้าสลับกับครางสะท้าน ผิวกายเนียนเป็นสีชมพูเรื่อ นัยน์ตาเชื่อมหวานแผ่นหลังแอ่นสะดุ้งน้อยๆเมื่อมือหยาบคลึงเค้นเนินอกราบ ยอดอกเม็ดเล็กถูกหยอกล้อก่อนอีกฝ่ายจะครอบริมฝีปากลงมาดูดและขบด้วยความเพลิดเพลินทั้งที่ยังคงทำหน้าที่เบื้องล่างอย่างหนักหน่วง อากิระรู้สึกราวกับจะไปถึงจุดรอบสองทั้งที่ไม่ได้ปลุกเร้าส่วนนั้นเลยด้วยซ้ำ 
มือใหญ่เลื่อนมากระชับสะโพกมนแล้วกระชากสวนเข้าหาตัวกดเข่ากับฟูกเป็นหลักยึดรุกล้ำร่างบางมากขึ้นไปกว่าเดิมและผนังนุ่มชื้นนั้นได้ดูดรัดจนเขาใจเต้นตอกย้ำความรู้สึกที่ว่าเขาเป็นเจ้าของเด็กหนุ่มแต่เพียงผู้เดียว เขาเป็นคนค้นพบเป็นคนได้ครอบครอง และมันจะเป็นความจริงที่ใครก็โต้แย้งไม่ได้... 
“อ๊าาาา อะ...อืมม...ผม...จะถึง...” 
อากิระเว้าวอนทั้งน้ำเสียงและสีหน้าอารมณ์กระสันเสียวที่ชายหนุ่มปรนเปรอให้มันเต็มล้นเจียนกระอักซ่านเกร็งไปทุกเส้นประสาทแทบทนต่อไปไม่ได้เขาต้องการได้รับการปลดปล่อย...เดี๋ยวนี้ 
“ฮ่ะ...อ๊าาาา คะ...ไคโตะ!” 
สายน้ำอุ่นๆทะลักอีกระลอกบางส่วนเลอะแผ่นอกแต่ส่วนใหญ่เปรอะแถวหน้าท้องเรียบการตอดรัดครั้งสุดท้ายฉุดดึงไคโตะให้ไปถึงที่สุดเช่นกันเขาฝังร่างลงเพื่อหลั่งรินแรงปรารถนาที่เฝ้าอดกลั้นมาตลอดเกือบทั้งสัปดาห์และยังคงค้างไว้ครู่หนึ่ง นิ่งหอบลึกๆด้วยความสาใจในรสรัก 
“อืมม...อากิระ” เสียงทุ้มครางต่ำพลางเม้มใบหูนิ่ม เขาประคองต้นขาเรียวเอาไว้ระหว่างถอดถอนแล้วจึงถอดเสื้อสูทนักเรียนกับเชิ้ตออกไปทิชชู่หัวเตียงถูกดึงมาใช้ประโยชน์ก่อนดึงผ้าห่มมาคลุมสอดแขนกอดให้ฝ่ายที่ยังหอบเหนื่อยเอบซบลงบนอกเขา 
เหงื่อจากการทำกิจกรรมร้อนแรงเมื่อครู่ระเหยไปอย่างรวดเร็วเมื่อกระทบอากาศเย็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงลังเลที่จะผลักไสอ้อมกอดอุ่นๆ หนำซ้ำบทรักที่ว่าเยี่ยมยอด
สัมผัสชวนจั๊กจี๋แถวๆคางและจมูกทำให้ร่างบนเตียงครางอย่างรำคาญใบหน้าใสเบือนหลบ หากอะไรนิ่มๆก็เข้ามาแตะเบาๆที่ข้างแก้มอีกในทีแรกเขานึกว่าเป็นชายหนุ่มที่เข้ามากวนใจหากก็ต้องสะดุ้งเมื่อลิ้นสากตวัดเลียแผล่บ อากิระหันขวับไปมองทันที 
“เมี้ย~ว”เจ้าแมวขนฟูร้องเบาๆเหมือนจะทักทายลิ้นเล็กๆเลียไปตามแก้มและคางของอีกฝ่าย 
“อื้ออ พอแล้ว เจ้าเหมียว” เด็กหนุ่มยื่นมือไปลูบหัวทำให้มันเปลี่ยนเป้าหมายการเลียไปที่นิ้วแทนน่าเอ็นดูน่ะไม่เถียงหรอก แต่ลิ้นแมวนี่มันสากชะมัด ระคายผิวหน้าไปหมด 
เมื่อดูเต็มตาแล้วแมวตัวนี้สวยสง่าผิดกับแมวบ้านทั่วไปมากทีเดียวใบหน้าเล็กไม่แป้น หูตั้ง ตัวสีขาวแต้มน้ำตาลทองตรงครึ่งศีรษะส่วนบน หูและปลายขนที่ยาวหนา ไปจรดหางสีน้ำตาลเป็นพวงสวยขนนุ่มตรงและเป็นระเบียบไม่มียุ่งเหยิง คงมีใครคอยดูแลมันอย่างดีแมวสาวแสนสวยซุกตัวมุดผ้าห่มมานอนขดใกล้ๆ ขนนุ่มแนบชิดแผ่นอกเปลือยจั๊กจี๋นิดๆ 
อากิระไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองนอกจากปลาทองที่ช้อนได้ตามงานเทศกาลแต่เขาก็รักสัตว์อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะแมวตัวนี้น่ารักและขี้อ้อนดีแท้ 
“ว่าไง ดัชเชสส์ ถูกใจเขาหรือเปล่า?”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังมาจากปลายเตียง มองเห็นต้นเสียงกำลังกลัดกระดุมข้อมืออยู่ 
เจ้าแมวที่ชื่อดัชเชสส์หันไปมองแล้วทำเสียงครางเบาๆในคอเหมือนกำลังพอใจ 
“มันชอบเธอน่ะ” ไคโตะเดินมาหยุดข้างเตียงเอื้อมมือลูบหัวแมว ก่อนจะหอมแก้มนุ่มทีเผลอแล้วสวมเสื้อสูท “ฉันมีงานนิดหน่อย คงกลับมาตอนสายๆนั่งเล่นดูเคเบิ้ลในห้องไปพลางๆก่อน แล้วอย่าดูช่องสำหรับผู้ใหญ่มากนักล่ะ” 
สุ้มเสียงยั่วเย้าทำให้เด็กหนุ่มค้อนควับสวนด้วยความปากไวทันที 
“งั้นก็อย่าทำอะไรที่ไม่ควรทำกับเด็กนักสิ” 
“ก็ไหนๆถ้าจะดูเก็บเอามาใช้กับฉันก็แล้วกัน” เขาขยิบตาล้อๆ แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะปาหมอนในมือใส่ 
“คนอะไร หน้าไม่อาย!” เขาฟาดหมอนกับตักอย่างขัดใจ ทำให้ดัชเชสส์กระโดดผลุง
“อ๊ะ! ขอโทษที มานี่มะ” อากิระอุ้มอย่างระวัง “ฮึบ! ตัวเบากว่าที่คิดนะเห็นขนฟูๆนึกว่าอ้วนกลมเสียอีก” 
สาวเจ้าเหลือบตามองเหมือนจะค้อนเล็กๆทีหนึ่งก่อนเอาลำตัวสีไปมาออดอ้อน 
“น่ารักจังเลยน้า หิวหรือยัง?” 
ดัชเชสส์ล้มตัวนอนหงายแล้วเหยียดหลังบิดขี้เกียจ 
“ถ้ายังก็ดี ฉันอยากอาบน้ำก่อน” 
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครอยู่ร่างเปลือยเปล่าก็ลุกเดินไปห้องน้ำทั้งอย่างนั้นเลยห้องน้ำโอ่โถงแยกส่วนฝักบัวกับอ่างจากุชชี่รูปฝักถั่วลิสงอ่างล้างหน้าเป็นกระจกพ่นทรายสีเขียวจางๆเหมือนน้ำทะเลอากิระเปิดรองน้ำอุ่นแล้วเดินไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนภาพร่องรอยที่สะท้อนในกระจกดูไม่เยอะมากเท่าครั้งก่อนแต่ก็มีรอยที่เห็นได้ชัดประปราย 
เด็กหนุ่มเปิดเข้าไปชำระล้างตัวใต้ฝักบัวลูบไล้ฟองสบู่เรียกความสดชื่นกลับคืนมาคราบที่แห้งติดซอกขาเตือนให้เขานึกถึงเรื่องความปลอดภัยได้ตาบ้านั่นไม่รู้จักใช้เครื่องป้องกันเอาเสียเลยไม่รู้จะมีโรคแปลกๆมาติดเขาบ้างหรือเปล่า คิดพลางทำหน้ามุ่ยมือบิดปิดก๊อกน้ำแล้วเดินมาลงอ่างน้ำอุ่นที่ได้ท่วมได้ระดับพอดี 
จากุชชี่ที่ปรับน้ำวนได้หลายรูปแบบทำให้ร่างบางสนใจลองอยู่เป็นนานแถมเม็ดอาบน้ำที่นี่ก็มีให้เลือกเยอะแทบตัดสินใจไม่ถูกเขาลองผสมกลิ่นส้มกับแมกโนเลียเข้าด้วยกัน ซึ่งได้กลิ่นหอมแปลกดีนอนให้น้ำวนตีนวดคลายความเมื่อยล้าที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างไปเรื่อยๆ... 
ถ้าหากความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งคู่เป็นเซ็กส์ที่เต็มใจทั้งสองฝ่ายแบบเมื่อคืน...มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักนี่นะ? ยอมรับก็ได้ว่าชายหนุ่มเชี่ยวชาญในด้านนั้นและทำให้เขามีความสุขได้มากอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเลยทีเดียวถ้าเพียงแต่จะตัดนิสัยชอบวางอำนาจบีบบังคับออกไปเสียหน่อย... 
เสียงกุกกักภายนอกเรียกความสนใจให้เงี่ยหูฟังเจ้าของห้องกลับมาแล้ว? พอดีกับที่ปลายนิ้วเริ่มเปื่อยอากิระลุกขึ้นจากน้ำห่อตัวด้วยชุดคลุมอาบน้ำเนื้อนุ่ม ค่อยๆแง้มประตูออกไปดู 
เป็นไคโตะจริงๆเขาเปิดอาหารกระป๋องเทลงบนจานกระเบื้องของโรงแรมให้แม่แมวสาวละเลียดกินบนโต๊ะเล็กริมระเบียงร่างสูงยิ้มให้เมื่อหันมาเห็น 
“ฉันมาบอกว่าธุระจะยืดเยื้อสักหน่อยคงเลยเวลาอาหารกลางวัน เลยจะจัดรถให้พาเธอไปเที่ยว ตามที่ๆเธออยากจะไปล่ะนะหรือจะอยู่ในโรงแรมไปห้องฟิตเนส ว่ายน้ำ ตีสนุกเกอร์ก็ตามใจ ด้านข้างของที่นี่เชื่อมกับห้างมิตสึโคชิเดินซื้อของได้ตามสบาย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็เอานี่…” 
นี่...ที่ว่า คือบัตรเครดิตสีทองอร่าม 
“ใช้ลายเซ็นต์ของเธอได้เลยอย่าให้เกินวงเงินก็รูดได้ไม่มีปัญหา” 
เด็กหนุ่มรับมาอย่างงงๆเศรษฐีเขาให้เครดิตใครต่อใครไปใช้ง่ายๆอย่างนี้เชียวเหรอ? 
“โอเคมั้ย?” เขาถามย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบผิดวิสัย 
“อ่า...ครับ” 
“ถ้างั้นก็ เจอกันประมาณช่วงเย็นนะถ้ามีอะไรก็โทรมาละกัน” ว่าแล้วก็หนีบแฟ้มเอกสารเล่มบางตั้งท่าจะหันหลังกลับ 
ทันใดนั้นร่างบางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ไวเท่าความคิดเขาโพล่งออกไปทันที 
“แล้วเรื่องป้องกัน...” 
“หา?” ไคโตะเป็นฝ่ายงงบ้าง 
“ผมเพิ่งนึกได้” เขาตีสีหน้าขรึม “ทำไมคุณถึงไม่ใช้อะไรป้องกันเสียบ้างล่ะผมเสี่ยงที่จะได้รับโรคจากคุณผ่านทางคู่นอนคนอื่นๆของคุณนะ” 
คิ้วเข้มเลิกนิดๆด้วยความอึ้งปนทึ่งริมฝีปากหยักเม้มกลั้นยิ้ม ฝีปากขวานผ่าซากแบบนี้ช่างขัดแย้งกับใบหน้าน่ารักนั่นจริงๆ 
“มาถามตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?” 
“ก็บอกแล้วไงว่าผมเพิ่งนึกได้!”จมูกโด่งรั้นนิดๆถอนใจฉิว “ว่าไงล่ะ?” 
“ฉันตรวจเลือดทุก 3 เดือน มั่นใจว่าปลอดภัย และกับคนอื่นฉันก็ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งถ้าเธออยากจะรู้” 
“ถ้างั้นจากนี้ก็หัดใช้กับผมเสียสิ!” 
“อืมม…” ปลายนิ้วที่สวมแหวนลูบคางอย่างใช้ความคิด“ค่อนข้างทำใจลำบากนะเพราะใช้กับไม่ใช้นี่สัมผัสมันแตกต่างกันอยู่ทีเดียวและฉันเสียดายที่จะได้ความสุขจากการกอดเธอไม่เต็มที่น่ะ” 
โหนกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบหมอนี่หน้าด้านหน้าทนเหนือมนุษย์จริงๆ! 
“อีกอย่างนะฉันเองก็เสี่ยงกับเธอเหมือนกัน มั่นใจได้ยังไงว่าอดีตคู่นอนของเธอปลอดโรคน่ะ?” 
“ผมก็ใช้ถุงยางทุกครั้งน่า!”เสียงตวาดแว้ดทันควัน “แถมยังตรวจสุขภาพไปแล้วด้วย!” 
“งั้นก็เสมอกัน” ชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ “เพราะฉะนั้น...ถ้าไม่ไปนอนกับคนอื่นก็จะไม่มีปัญหา และไม่ต้องใช้ถุงยางด้วย จริงมั้ยล่ะ?” 
อากิระเม้มปากเจ็บใจไม่ว่ายังไงฝ่ายนั้นก็แถไปได้เรื่อยอยู่ดี 
“ตกลงตามนี้นะ ฉันสายแล้วเล่นแต่งตัวแบบนี้มาคุยด้วยเดี๋ยวก็ไปไหนไม่ได้พอดีกัน” 
“เอ๊ะ!” ร่างบางขยับปากหากไคโตะเข้ามาโอบเอวแล้วฉกจุมพิตหยอกเย้าสะกัดกั้นคำพูดเสียก่อนทิ้งให้นัยน์ตาคู่สวยได้แต่ตวัดค้อนเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ 
“จริงสิ” มือใหญ่ไล้ข้อนิ้วข้างแก้มเนียนแล้วล้วงเอาสร้อยแพลตินั่มเส้นไม่บางมากและค่อนข้างยาวจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านในเขาถอดแหวนทองคำที่มีลวดลายละเอียดวงหนาออกจากนิ้วชี้ สอดร้อยมันเข้าไปเหมือนจี้ก่อนคล้องประดับลำคอระหง 
“ฉันให้ สวมติดเอาไว้ อย่าถอดนะ” 
ชั่วเวลาไม่กี่วินาทีที่เด็กหนุ่มพิจารณาของมีค่าชิ้นนี้แล้วตัดสินใจว่าจะไม่รับอีกฝ่ายก็หันหลังออกจากห้องไปเสียแล้ว เขาทำเสียงฮึ่มในคออย่างขัดใจก่อนเดินลงส้นไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวซึ่งมีจานอาหารเช้าอุ่นๆในครอบฝาเงินด้านในเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกัน เบรคฟาสต์มีขนมปังชนิดต่างๆเรียงในตะกร้าหวายเคียงกับเนยและแยมหลายชนิดในจานคือบัตเตอร์โรลโฮมเมดที่ผ่าครึ่งทำเป็นแซนวิชทูน่าชีส ไข่ดาวสองฟองและเบคอนกับกาแฟและชาอย่างละหนึ่งเหยือกเล็ก 
“หรูจริงแฮะอยู่แบบนี้นานๆท่าจะกลิ้งได้” ปากบ่นแต่มือกลับหยิบแซนวิชเข้าปากทันทีในใจก็คิดวางแผนไปด้วยว่าจะนั่งๆนอนๆ เดินเล่นในโรงแรมหรือออกไปเที่ยวข้างนอกดี 
“หือ?” เขาก้มลงมองเมื่อรู้สึกถึงอะไรนิ่มๆที่ขาแล้วพบว่าสิ่งนั้นคือเจ้าแมวขนฟูตัวเดิมมันกินอาหารเช้าของมันจนเกลี้ยงและกำลังล้างหน้าเลียทำความสะอาดขนอยู่ใต้โต๊ะ 
“ดัชเชสส์ใช่ไหมแหม...แค่ชื่อแมวก็ตั้งเสียเริ่ด” ประโยคหลังยังไม่วายงึมงำพาดพิง“อยู่แต่ในนี้น่าเบื่อเนอะเดี๋ยวเราออกไปเที่ยวข้างนอกกันดีกว่า” 
หัวทุยนุ่มที่ถูไถเข้าที่น่องแสดงถึงการตอบรับ 

********** 

เนื่องจากเป็นวันเสาร์คนเดินห้างจึงค่อนข้างคึกคักอากิระเดินทอดน่องไปเรื่อยอย่างไม่ได้คิดจะซื้ออะไรเป็นพิเศษแค่มาหาการ์ตูนหรือนิตยสารอ่านเล่นเท่านั้น บางทีอาจจะซีดีเพลงหรือดีวีดีหลายๆแผ่น ได้เงินมาใช้แล้วนี่ จะต้องห่วงอะไรอีกแลกกับที่สึกหรอไปน่ะแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ 
ที่อึดอัดอยู่นิดก็แค่มีชายวัยกลางคนหน้าตาเคร่งขรึมไร้รอยยิ้มเดินตามหลังต้อยๆนี่แหละเด็กวัยรุ่นธรรมดาที่ไหนเขามีคนขับรถในชุดสูทดำติดเข็มกลัดแก๊งค์ยากุซ่าเดินตามมั่งเล่าและมือหนึ่งที่ถือตะกร้าสำหรับแมวก็ไม่ได้เข้ากันเสียเลย 
“เอ่อ...ไปรอที่ล็อบบี้โรงแรมก็ได้นะเดี๋ยวผมซื้อเสร็จจะเดินไปหา” เด็กหนุ่มบอกเป็นรอบที่สามแล้วแต่ก็ไร้เสียงตอบรับเช่นเคยถ้าหมอนี่ไม่ได้บอกว่าเป็นคนที่ไคโตะส่งมาเขาคงคิดว่าเป็นใบ้ 
หน้าร้านหนังสือและซีดีติดป้ายห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าอากิระหันมาปล่อยดัชเชสส์ให้ลงจากอ้อมแขน เจ้าหล่อนยอมเข้าตะกร้าไปอย่างว่าง่าย 
“ทางร้านห้ามสัตว์เลี้ยงคุณยืนรอตรงนี้แหละ ผมไม่หนีไปไหนหรอก” 
ว่าแล้วก็เดินจ้ำเข้าร้านเป็นการตัดบทค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อย ร่างบางเดินเลือกหนังสืออ่านเล่นโดยพยายามทำเมินสายตาที่ยังจ้องเขม็งมาจากนอกร้านน่าเสียดายที่แผ่นซีดีใหม่ๆไม่ค่อยมีให้พลาญเงินเล่นสักเท่าไรเพราะซื้อที่อยากได้ไปหมดแล้ว 
เปล่า...เขาไม่ได้ค่าขนมเยอะขนาดมีเงินถุงเงินถังหรอกแต่เหยื่อที่เคยตกได้น่ะกระเป๋าหนักอยู่ทีเดียว และเขาไม่ลังเลใจเลยสักนิดที่จะใช้มันเป็นการแก้แค้นคืนไปกับสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆรวมถึงค่าเที่ยวค่าดื่มกิน 
ใช้เวลาไม่นานนักในที่สุดเขาก็ยอมเดินตามอีกฝ่ายกลับไปที่โรงแรม นั่งรถเมอร์สิเดส S600 คันงามให้ตื่นตาตื่นใจเล่นมุ่งไปยังย่านตัวเมือง ผ่านที่ถนนเดินเที่ยวสายหลัก ทว่าสารถีกลับขับเลยไปอีกนิดซึ่งเป็นย่านร้านค้าแบรนด์เนมนำเข้าราคาแพง 
ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะแย้งคนที่ลงมาเปิดประตูก็เปิดปากพูดให้หายข้องใจก่อน 
“เมื่อครู่ท่านประธานโทรมาบอกให้คุณซื้อชุดสูทสำหรับอาหารค่ำคืนนี้ครับ” 
เมื่อคิดถึงภัตตาคารหรูในโรงแรมแล้วก็ต้องยอมลงมาแต่โดยดีหากในใจยังค่อนแคะ ไหนใครบอกว่าไม่แคร์ไง...โธ่เอ๊ย 
“ร้านไหนล่ะ?” 
อีกครั้งที่ชายร่างสันทัดไม่ตอบหากเดินนำไปยังร้านหนึ่งที่กระจกโชว์ด้านหน้ามีหุ่นในชุดสูทผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ที่ดูโก้หรู 
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ ผมโมริ มานาบุผู้จัดการร้านยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายวัยสี่สิบปลายร่างโปร่งที่ดูเหมาะกับสูทเข้ามาโค้งทักทายพร้อมยื่นนามบัตรทำเอาอากิระต้องรีบโค้งรับตามมารยาท 
“อ่า...ยินดีที่ได้รู้จักครับฝากตัวด้วย” เขายกยิ้มแหยๆให้ ไม่มีนามบัตรอะไรจะแลกเสียด้วยพอหันไปมองคนที่มาด้วยกัน ก็เห็นยืนอยู่มุมหนึ่งของร้านเงียบๆในมือมีสายจูงเส้นบางร้อยกับปลอกคอของเจ้าดัชเชสส์ที่ออกมาเดินยืดเส้นสายด้วยมาดผู้ดีโดยที่พนักงานไม่กล้าว่าอะไรเลยสักนิด 
“เป็นเกียรติกับทางนี้มากกว่าครับ”โมริยิ้มแบบมืออาชีพทั้งที่ไม่บ่อยครั้งหรอกนะกับการต้อนรับลูกค้าวัยรุ่นในชุดกางเกงยีนส์ขาดๆ 
“ก่อนอื่นต้องขอเชิญให้วัดตัวก่อนกรุณายืนบนแท่นนี้ด้วยนะครับ” 
แท่นที่ว่ามีลักษณะแบบเก้าอี้ไม้ทรงเตี้ยแต่กว้างกว่าหน่อยและมีรูปทรงสวยงามเกินกว่าจะอยากขึ้นไปเหยียบร่างเล็กยักไหล่หนึ่งทีก่อนจะก้าวขึ้นไปยืน ทันใดนั้นก็มีพนักงานหญิงสองคนเข้ามาพร้อมสายวัดและกระดาษจดพวกเธอบรรจงวัดสัดส่วนเขาทั้งหมดอย่างละเอียดด้วยความคล่องแคล่วพร้อมทั้งเอาแฟ้มที่มีตัวอย่างผ้ามาให้เขาเลือกทั้งสี ลวดลาย และเนื้อผ้าแต่...เลือกไม่เป็นเลยนี่สิ 
“ต้องการแบบไหนดีครับ?” 
“ผม...ไม่ทราบสิฮะเลือกอะไรก็ได้หนึ่งชิ้นในนี้ใช่ไหม?” แววตาเหมือนแมวเหลือบเหมือนจะขอความช่วยเหลืออันเป็นนิสัยอย่างหนึ่งของเจ้าตัว 
“เลือกหลายชิ้นก็ได้ครับแล้วแต่ว่าจะตัดสักกี่ชุด” ผู้จัดการพลิกเปลี่ยนหน้าไปด้านหลังชี้ให้ดูอย่างสุภาพ “ถ้าเลือกไม่ถูกลองดูแบบสำเร็จนี่ก็ได้ครับอาจจะเปลี่ยนสีหรือเนื้อผ้าก็สามารถทำได้” 
“ต้องตัดแล้วจะทันหรือครับเขาต้องใช้กันเย็นนี้” 
“ไม่ทันหรอกครับ” เขายิ้มบางๆให้ “ชุดสำหรับเย็นนี้คงต้องเลือกจากแบบสำเร็จที่มีอยู่ในร้านไปก่อน” 
“อ้าว!” เสียงใสอุทาน“ถ้าอย่างนั้นผมซื้อไปเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องตัดหรอก” 
ใบหน้าที่มีริ้วรอยของวัยปั้นยากเล็กน้อยก่อนจะอธิบายนุ่มๆ 
“เกรงว่าท่านคุโรดะจะต้องการให้ตัดอย่างน้อยสามชุด กับชุดสำหรับเย็นนี้อีกหนึ่งน่ะครับ” 
คราวนี้คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจเขาจะต้องการชุดสูทไปทำไมมากมายนะ? 
“เพราะฉะนั้นผมว่า สูทสี่ชุดเป็นสีมาตรฐาน ดำ น้ำตาล เทา และกรมท่า เป็นยังไงครับ แล้วค่อยดูเรื่องรูปแบบกัน?” 
อากิระนิ่งไปพักหนึ่งแล้วก็โคลงศีรษะว่าไงว่าตามกันสิ เขาไม่ได้เป็นคนออกเงินนี่นาคิดได้แบบนั้นก็เปิดพลิกนิตยสารที่ทางร้านนำมาให้เลือกอย่างสบายใจ 

ประตูไม้บานหนาเปิดออกก่อนเด็กหนุ่มที่ยืนอุ้มตะกร้าแมวจะใช้แผ่นหลังผลักยันมันไว้เปิดช่องให้ชายในชุดสูทดำแทรกตัวเข้ามาในห้องเพื่อวางของพะรุงพะรังในมือลงบนโซฟาตัวยาวเขาวางถุงและกล่องทุกชิ้นให้เข้าที่แล้วโค้งให้นิดหนึ่งอย่างฉาบฉวยหันหลังกลับไปโดยไม่ล่ำลา แต่ก็ใช่ว่าอากิระจะสนใจนัก 
เขาวางสัตว์เลี้ยงในมือลงพอเปิดฝาตะกร้าให้ดัชเชสส์ก็เผ่นแผล็วไปที่ระเบียงทันทีด้านนอกมุมระเบียงมีกระบะทรายสำหรับแมวอยู่ ท่าทางมันคงอั้นเอาไว้เป็นแมวมารยาทดีจริงๆ 
ร่างบางเดินไปเปิดตู้เย็นค้นเอาน้ำอัดลมกระป๋องมาเปิดดื่มแล้วกลับมานั่งลงที่โซฟาเพื่อชื่นชมของที่ซื้อมาหลังจากการเลือกสูทที่ออกจะใช้เวลานานและมีขั้นตอนมากเขาก็ไปเดินซื้อเสื้อผ้ากับเครื่องประดับเงินและรองเท้าที่อยากได้มาจนเพียบไม่อยากบอกเลยว่าหมดเงินไปเป็นแสนเยนเลยเชียวคิดๆไปก็สะใจ...แต่...ถ้าเกิดฝ่ายนั้นไม่พอใจขึ้นมาล่ะ... 
นึกไม่ทันเสร็จดีเสียงสอดคีย์การ์ดก็ทำให้ลาดไหล่สะดุ้งน้อยๆไคโตะก้าวเข้ามาในห้องพบอากิระนั่งจุ้มปุ๊กท่ามกลางข้าวของที่แกะห่อเกลื่อนกลาดโดยเจ้าตัวส่งยิ้มแหยๆมาให้ 
“เป็นยังไง ซื้อของสนุกไหม?”เขายิ้มตอบ เดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้อีกด้านยืดขาสบายๆให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดรี่มาถูไถคลอเคลีย แล้วปลดกระดุมสูทกับรูดคลายเนคไท 
“ครับ...ซื้อ...เพลินไปหน่อย”ริมฝีปากบางเม้มพลางช้อนตาขึ้นมองรอดูปฏิกิริยา 
นัยน์ตาดำรีกวาดมองของที่งไกลจากเพชรพลอยหรือเสื้อขนสัตว์ราคาแพงที่อดีตคู่นอนคนอื่นๆของเขามักเลือกเป็นของกำนัลแล้วยิ้มเอ็นดูสิ่งหนึ่งที่เขาถูกใจในตัวอากิระคือความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาความที่เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปจากครอบครัวปานกลางแถมมีนิสัยแก่นเซี้ยวไม่หยอกแต่มีธรรมชาติอะไรบางอย่างในตัวของเขาเองที่โดดเด่นและมีพลังดึงดูดใจอย่างหาได้ยาก 
“ซื้อมากกว่านี้เท่าไหร่ก็ได้ถ้าเธอต้องการ”เขาอนุญาตด้วยความเต็มใจ ก่อนลุกเดินไปหยิบเบียร์เย็นๆมาเปิดดื่ม 
“แล้วก็...” ร่างเล็กกว่ายืนล้วงเครดิตการ์ดออกมาจากกระเป๋าสตางค์ยื่นคืนให้ชายหนุ่ม “นี่...ขอบคุณ” 
“อา...” ไคโตะไม่ได้รับคืนกลับเดินไปถอดเสื้อนอกพาดไว้บนเก้าอี้โต๊ะกินข้าว “เธอเก็บเอาไว้ก่อนเถอะยังมีพรุ่งนี้อีกวันไม่รู้จะต้องไปคุยกับลูกค้าอีกหรือเปล่า” 
อากิระลังเลชั่วครู่แต่ก็ยอมเก็บมันไว้ที่เดิม แล้วเริ่มลงมือเก็บกวาดที่ทำรกเอาไว้ 
“แล้วเรื่องสูทล่ะ เป็นยังไง?” 
“ก็...” 
แทนคำตอบเขายกเสื้อสูทในประเป๋าหุ้มแบบใสขึ้นมาให้ดูมันเป็นสูทสีน้ำตาลเหลือบทองค่อนข้างอ่อน เข้าคู่กับเสื้อเชิ้ตขาวที่มีลูกเล่นตรงปกและเนคไทไหมเส้นเรียวเล็กให้ความรู้สึกทันสมัยแต่ก็ได้กลิ่นอายแบบอังกฤษนิดๆ 
“คุณโมริเลือกให้หรือ? ดูดีนี่” ริมฝีปากได้รูปยิ้มพอใจ “ได้สีอะไร แบบไหนมาบ้างล่ะ?” 
“แบบเหรอฮะ ผมเรียกไม่ถูกหรอกเพิ่งรู้ว่าสูทผู้ชายมันมีเป็นร้อยเป็นพันแบบอย่างนั้นนี่ก็แค่เลือกจากแบบสำเร็จที่ชอบแล้วก็ให้คุณโมริแนะนำเท่านั้นเองอีกสามตัวที่เหลือก็มีสีดำ เทาอ่อน กับงาช้าง ทีแรกจะเลือกสีกรมท่าแต่เห็นเขาบอกว่าผมเหมาะกับสีสว่างๆ” 
ก็จริงตามนั้นอากิระเป็นคนรูปร่างโปร่งบาง ซ้ำยังไม่ค่อยสูง ถ้าใส่แต่สีทึบทึมก็จะยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีก 
“ดีแล้ว เหมาะกับเธอดีตอนนี้ยังพอมีเวลา สักหกโมงค่อยอาบน้ำแต่งตัวก็ได้ ฉันจองร้านไว้ตอนทุ่มครึ่ง” 
“จองร้าน?” เด็กหนุ่มทำสีหน้าฉงน“ผมนึกว่าจะกินที่ภัตตาคารข้างบนนี่เสียอีก?” 
“ร้านที่ฉันชอบน่ะ อยู่ริมทะเลอาหารอร่อยมาก” 
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องให้ตัดสูทมากมายนี่”เขาถอนใจฉุนนิดๆ “หรือว่าถ้าคุณอับอายกับเสื้อผ้าของผมมากก็พาไปกินฟาสต์ฟู้ดซะสิ้นเรื่อง” 
ความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้นจับได้ไม่ยากชายหนุ่มเดินเข้ามาประชิดโอบร่างบางที่ขืนตัวเล็กน้อยไว้หลวมๆ 
“ร้านอาหารที่ว่าเขามีข้อบังคับให้สวมสูทถ้าไปแล้วเกิดความแปลกแยก คนที่จะอึดอัดใจคือเธอเองไม่ใช่หรือฉันแค่อยากให้เธอคุ้นเคย อย่างสบายใจ เพราะเรายังมีเวลาที่จะใช้ร่วมกันอีกมากนักและสูทพวกนั้นคงได้ใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อๆไป” 
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกับริมฝีปากที่แนบจุมพิตหน้าผากมนแผ่วๆช่วยคลายอาการขัดขืนลงได้นัยน์ตาพราวระยับที่จ้องมาในระยะแค่คืบทำให้หวนคิดถึงบรรยากาศที่อยู่ในวงแขนของกันและกันจนอากิระต้องเสเบี่ยงตัวออกก้มลงอุ้มดัชเชสส์ไว้คล้ายจะเอาเป็นกำบังเสียดื้อๆอย่างนั้นแถมหนีเดินไปนั่งเก้าอี้ริมระเบียง เปิดทีวีดูหน้าตาเฉย 
ร่างสูงส่ายหน้าเอ็นดูแต่ก็ไม่ได้ตามไปตอแย เขาเข้าไปเอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนที่เตียงดูทีวีไปด้วยพลางความสัมพันธ์ที่ยังคงเปราะบางเร่งรัดเกินไปนักก็ไม่ดี ต้องรู้จักรุก และรู้จักรอคล้ายกับ...การเข้าหาแมวดื้อที่ยังคอยหวาดระแวงและตื่นกลัวไม่ใช่แค่ทำดีด้วยสองสามครั้งจะบังคับให้เชื่องได้แต่เมื่อไรที่เราได้รับความไว้วางใจ เมื่อนั้นมันจะเข้ามาหาเราด้วยตัวเอง... 

********** 

ร้านอาหารที่ว่าเป็นภัตตาคารขนาดกลาง 2 ชั้นสร้างด้วยอิฐบล็อคสีเหลืองอ่อนดูอบอุ่นปกคลุมด้วยเถาไอวี่บางส่วนตั้งอยู่ริมถนนเลียบอ่าวโตเกียว ภายในร้านมีโต๊ะอาหารไม่มากที่นั่งนักแต่ละโต๊ะมีป้ายจองแล้วแทบทั้งนั้น 
ในทีแรกอากิระคิดว่าที่นี่คงเป็นภัตตาคารที่มีพิธีรีตองมากจากข้อบังคับที่ว่าให้ผู้ชายสวมสูท ผู้หญิงสวมกระโปรง และห้ามสวมรองเท้าแตะแต่พอมานั่งลงดื่มกินกับบรรยากาศจริงๆแล้วกลับให้ความเป็นกันเองอย่างเรียบง่ายกว่าภัตตาคารในโรงแรมเมื่อวานนี้เสียอีกเสียงเปียโนคลอเบาๆกับไวโอลินและแสงนวลสลัวของเปลวเทียนกลมกลืนกับอายทะเลรายล้อมด้วยแสงนีออนจากอาคารที่อยู่ไกลออกไปตามลำดับ 
หากเป็นเมื่อก่อนคงนึกภาพตัวเองสวมสูทไหมโก้นั่งจิบไวน์ละเลียดอาหารฝรั่งเศสไม่ออกเป็นแน่แท้โลกของเขาสองคนช่างแตกต่างกันนักทว่าด้วยความแตกต่างนั้นก็ดึงดูดกันและกันอยู่ในทีเด็กหนุ่มอดหัวเราะไปกับเรื่องชีวิตสมัยเป็นวัยรุ่นสุดเฮี้ยวที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังไม่ได้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเหมือนไม่เชื่อ 
“จริงๆนะ สมัยฉันน่ะพวกนักเลงต้องใส่กักคุรันตัวยาวๆ หรือไม่ก็แบบสั้นเต่อ ไว้ผมทรงรีเจ้นท์ย้อมทองๆแล้วก็มีผ้าพันท้องอีกต่างหาก” 
“คุณเนี่ยนะเคยทำอะไรเสร่อแบบนั้นด้วยเหรอ?”เขาถามไปขำไป 
“เสร่อเหรอ?” ไคโตะแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด“ตอนนั้นน่ะมันไม่เสร่อเลยนะ ยิ่งมีมอเตอร์ไซค์แต่งไฟหน้ายกสูงยิ่งเท่อย่าบอกใคร” 
“ฮ่าๆ ผมเดาได้เลยคุณน่ะเป็นหัวหน้าแก๊งค์ซิ่งงั้นสิ?” 
“ก็...นะ” เขาโคลงหัวรับ“ตั้งแต่จำความได้ฉันก็เดินบนเส้นทางสายยากุซ่าแล้วมันก็เหมาะกับฉันดีไม่ใช่หรือ?” 
“อืมม” ใบหน้ามนพยักเห็นด้วยมือเรียวยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ “แล้วรอยสักของคุณล่ะมีตั้งแต่เมื่อไหร่?” 
“ตอนอายุ 20” 
“ไม่เจ็บเหรอ?” 
“เจ็บสิ” เขาตอบทันควัน“ใช้วิธีสักแบบเก่า ลงเข็มนานเป็นเดือน ทั้งตัวร้อน เป็นไข้อักเสบบวม ปวดแผ่นหลังจนต้องนอนคว่ำอยู่นาน” 
อากิระทำหน้าเบ้ 
“ผมกะว่าจะไปสักบ้างถ้าเข้ามหา’ลัยแล้ว แต่...ไม่เอาแล้วดีกว่า” 
“สักแบบสมัยใหม่ไม่เจ็บมากเท่าไหร่หรอกมั้ง?แต่ก็ดีแล้วที่ไม่สัก เสียดายผิวสวยๆ” ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มแฝงนัยเมื่อเห็นอีกคนสำลักไวน์ 
“พูดบ้าๆ” เสียงใสบ่นอุบอิบพร้อมส่งสายตาขุ่นมาให้แต่ก็ชักจะเริ่มชินกับความทะลึ่งของอีกฝ่ายบ้างแล้ว 
“ประธานคุโรดะ?” 
ชายวัยสี่สิบเศษเข้ามาทักทายทางด้านหลังของอากิระ 
“มิจิบะซัง” ไคโตะค้อมหัวรับ 
“บังเอิญจังครับ เห็นว่ามีนัดที่แท้ก็มาที่นี่เอง แสดงว่าอาหารรสเยี่ยมสมคำร่ำลือ” เขาเผยยิ้มกว้างใต้ไรหนวดบางๆที่ตัดแต่งเรียบร้อย 
“ถ้าพูดถึงอาหาร รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ครับ”ร่างสูงยิ้มตอบอย่างสุภาพ “ไม่ทราบว่ามากับแขกโต๊ะไหนหรือเปล่าครับ”เขาวางผ้าเช็ดปากบนตักไว้ข้างตัวเตรียมลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปทักทายตอบ 
“โอ้ ไม่ครับ เชิญตามสบายเถอะผมมาคนเดียว...” มิจิบะปรายตามาทางเด็กหนุ่มที่นั่งใกล้ “ขอโทษนะครับ คุณหนูทางนี้...” 
นัยน์ตาคมโตเหลือบมองขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงตัวเองหรือเปล่าแล้วเห็นสายตาคู่นั้นลอบพินิจเขาอยู่ 
“ฮามาโนะ อากิระคุง” มือใหญ่ผายออกในเชิงแนะนำ “นี่ มิจิบะ เท็ตสึซังหัวหน้าฝ่ายบริหารของบริษัทไอจิ” เขาเอ่ยชื่อบริษัทส่งออกและนำเข้าอาหารสดและแปรรูปชื่อดัง 
อากิระค้อมหัวให้แบบลังเลเล็กน้อยไม่แน่ใจว่าทำอย่างไรจึงจะถูกต้องตามมารยาทมากที่สุดแต่ก็โล่งอกเมื่อทั้งคู่ยังคงไม่มีทีท่าผิดแปลกไป 
“ไม่ทราบว่าเป็นญาติ...?” 
คำถามนี้ทำให้เด็กหนุ่มใจแป้วขึ้นมาทันทีทว่าอีกคนยังยิ้มสบายๆ 
“จะเรียกว่า...เป็นคนในความดูแลของผมก็ได้” 
มิจิบะเลิกคิ้วนิดหนึ่งเป็นกิริยาที่เหมือนจะซ่อนความหมาย ‘รู้ทัน’ เอาไว้ในที 
“ถ้าอย่างนั้น ผมคงไม่กวนแล้ว”มือหนาข้างหนึ่งวางบนบ่าเล็กแล้วบีบเบาๆ “ถ้าหากประธานดูแลคุณหนูไม่ดีเดินมาฟ้องผมได้นะครับ” 
คำพูดที่ฟังราวกับหยอกนั้นทำให้เด็กหนุ่มหน้าชาไปเลยทีเดียวทั้งสัมผัสและคำพูดเป็นนัยแสดงถึงความสนใจในตัวเขาในฐานะ ‘คู่นอน’ ผู้ชายคนนั้นมองเขาเป็นนางบำเรอของไคโตะ! 
ในวินาทีนั้นอากิระไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้นนอกจากต้องการออกไปให้พ้นที่ตรงนี้ร่างบางลุกพรวดขึ้นจ้ำเดินออกไปนอกร้านอาหารด้วยความรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะห้ามทัน! 
“มิจิบะซัง” ไคโตะลุกขึ้นยืนตรงส่งสายตาทรงอำนาจเข้าข่ม “เมื่อครู่ผมคงพูดไม่ชัดเจนพอฮามาโนะเป็น ‘คนของผม’ ซึ่งถือว่า...เป็นคนของคุโรดะโดยตรงหวังว่าคงเข้าใจตามนี้นะครับ” 
คราวนี้มิจิบะถึงกับหน้าซีด เขาผงะถอยหลังสองสามก้าวเมื่อร่างกำยำเดินผ่านไปพร้อมกับสำนึกว่าได้ทำพลาดไปเสียแล้วไม่น่าเชื่อ...เด็กหนุ่มคนนั้นมีฐานะเป็น... 
... 
ลมทะเลยามค่ำที่กรีดผ่านผิวช่างหนาวเหน็บไปถึงข้างในริมฝีปากบางสั่นระริกด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านในอก สองมือกอดอกตัวเองอย่างปกป้องโดยที่เท้ายังก้าวพรวดๆทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะไปไหน...แต่จะเป็นที่ใดก็ได้ที่ๆไกลจากการถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม... 
ดวงตาทั้งสองรื้นน้ำ...เขาเจ็บปวดเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงร่างทำไมถึงไม่รู้สึกตัวก่อนหน้านี้นะ!? ข้าวของพวกนั้น อาหารรสเลิศ เงินทองที่ให้ไว้จับจ่ายขนมหวานที่อาบด้วยยาพิษ...พวกมันไม่ใช่ของขวัญ ไม่ใช่การเอาอกเอาใจไม่ใช่อะไรทั้งนั้น แต่มันคือราคา...ราคาค่าตัวของเขาเอง! 
เพิ่งเมื่อเช้านี้เองแท้ๆ...เมื่อเช้านี้เองที่เขาตัดสินใจว่าจะลองยอมรับความสัมพันธ์แบบนี้ดูความสัมพันธ์ที่เต็มใจทั้งสองฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน... 
หึ...น่าขัน!ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มองเขาเป็นคนด้วยซ้ำ แต่ตีค่าเขาด้วยเงินเหมือนครั้งแรกที่พบกันเขาถูกประเมินเหมือนสิ่งของชิ้นหนึ่งมาตลอด!แต่ถูกความใจดีจอมปลอมบดบังจนมองไม่เห็น พอรู้ตัวอีกทีก็สายไปศักดิ์ศรีเขาถูกทำลายจนยับเยินไม่เหลือดีมันเจ็บยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเมื่อรู้ว่าเขาสมควรจะได้รับการดูแคลนนั่นเพียงไร! 
เสียงบีบแตรทำให้ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นทั้งตัวรถปอร์ชคันงามแล่นเทียบช้าๆ ไม่ต้องเห็นหน้าคนขับก็รู้ว่าใครกระจกไฟฟ้าเลื่อนลดลง... 
“ขึ้นรถ” 
อากิระเชิดใส่แล้วรีบจ้ำให้เร็วขึ้นแม่ว่ามันจะไร้ประโยชน์ก็ตามทางเดินเลียบทะเลข้ามรั้วกั้นไปคือทุ่นระเกะระกะท่ามกลางความมืดทำให้เขาไม่สามารถเดินเลี่ยงไปไหนได้นอกจากไปตามฟุตบาท 
อีกฝ่ายยังคงขับรถตามต่ออย่างใจเย็นหากเมื่อเด็กหนุ่มเริ่มออกวิ่งเพราะเห็นสี่แยกข้างหน้าเขาก็ตัดสินใจขับปาดเพื่อหยุดจนล้อปีนขึ้นไปบนฟุตบาท! 
ร่างสูงเปิดประตูก้าวยาวๆมาดักหน้าไว้เอ่ยด้วยท่าทางเฉียบขาด 
“อากิระ ขึ้นรถ เดี๋ยวนี้!” 
น้ำเสียงนั้นเกือบเป็นตะคอกดวงตาดำรีที่เป็นประกายวาบอย่างดุดันทุกครั้งที่ออกคำสั่งสกัดเขาเอาไว้ได้อีกครั้งร่างในชุดสูทสีน้ำตาลยืนนิ่งไม่ยอมขยับ จวบกระทั่งเจ้าของรถเดินเข้ามาประชิดตัวแล้วเปิดประตูรถให้กึ่งบังคับ 
มือเล็กจิกเนื้อแขนตัวเองจนเจ็บก่อนจำยอมก้าวเข้าไปนั่งข้างใน 
ไคโตะถอยรถลงจากฟุตบาทแล้วออกตัวโชคดีที่รถราในเวลานี้ไม่พลุกพล่านมากนัก ทว่าเมื่อเห็นเด็กหนุ่มนั่งจนชิดริมประตูตึงหน้าหมางเมินใส่ก็ต้องถอนใจเฮือกไม่เคยมีใครที่พยศกับเขาถึงขนาดนี้เลยจริงๆน่าแปลกที่มีคนตั้งมากมายเต็มใจจะมาเป็นผู้หญิงของเขาขอแค่เพียงเอ่ยปากแต่ตัวเองกลับมาถูกใจคนที่ต้องใช้ความพยายามมากเหลือเกินเพื่อให้ได้มา 
ร่างบางกลืนก้อนแข็งๆลงไปในลำคอแพขนตายาวกระพริบถี่ๆไล่หยาดน้ำเบนสายตามองไปที่ไฟถนนรถราและตึกที่รถแล่นผ่านไปราวกับน่าสนใจนักหนาแต่ถึงอย่างไรมันก็น่ามองกว่าใครอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆนี้แน่ เอาสิ!จะบังคับแค่ไหนก็เอาเสียให้พอเถอะ ถ้าคิดว่าทุ่มเงินไปแล้วจะทำอย่างไรด้วยก็ได้... 
รถปอร์ชแล่นไปโดยที่ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลยมีเพียงวิทยุที่เปิดคลอเบาๆอย่างไม่มีใครคิดจะสนใจฟังระหว่างที่ขับเรื่อยไปตามถนนทางหลวงไกลออกไปจากอ่าวมากขึ้นทุกที...ทุกที 
จากขามาจากโรงแรมไม่ได้ไกลขนาดนี้และเขาค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ได้ผ่านทางนี้ด้วยซ้ำอากิระคิดขยับปากจะถามคนขับด้วยความอยากรู้ว่าจะพาเขาไปที่ไหนแล้วกระเป๋าข้าวของของเขาล่ะ จะทิ้งไว้ที่โรงแรมหรือไง แต่ก็นิ่งเฉยเสียเรื่องอะไรที่เขาต้องเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อนด้วยคนพรรค์นี้ชาตินี้ทั้งชาติอย่าหวังว่าจะญาติดี ได้กลับโตเกียวเมื่อไรเขาจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของหมอนี่อีกต่อไปคอยดูเถอะ! 
ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้มีท่าทีจะอธิบายให้เพื่อนร่วมทางฟังเลยสักนิดหากขับรถขึ้นทางด่วนเส้นเดิม มุ่งไปยังป้ายบอกทางที่เขียนว่า ‘โตเกียว’ 
เห็นดังนั้นริมฝีปากสีเรื่อก็เม้มแน่น ดี!พาเขากลับบ้านเสียที จะได้แยกทางใครทางมันเขาทั้งคู่ไม่ควรจะมาเจอกันตั้งแต่ต้นแล้วและทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นเพราะเขาโดนบังคับ ไม่ได้เต็มใจ...ไม่เลย... 

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...