“ลุงถือว่าเป็นสัญญานะนัท...วันศุกร์ลุงจะไปรับที่หน้าโรงเรียนเลย”
“ครับลุง.....ผมสัญญา”
กล่าวจบผมลุกขึ้นแต่งตัว ซึ่งไม่ทราบว่ากางเกงและเสื้อยืดของตนเองได้ปลิวออกจากร่างไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนเดินออกไป ได้ก้มลงหอมแก้มที่รกครื้มด้วยไรขนหยาบ ๆ ขณะที่ท่านก็ประคองหน้าผมเข้าไปจูบที่หน้าผากฟอดใหญ่
“เอาไว้วันศุกร์ ลุงจะตอบแทนความสุขที่นัทมอบให้ลุงวันนี้ นัทอยากได้อะไร ลุงจะหาให้ทุกอย่างเลย”
เมื่อร่ำลาท่านเรียบร้อยแล้ว คุณลุงยังอยู่ในชุดวันเกิด เอนกายพิงพนักพิงโซฟาหายใจยาวลึกอย่างมีความสุข ขณะที่พี่หมอได้หายไปจากตรงที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่แกคงดักรอพบผมที่ใดที่หนึ่งแน่ ๆ.....
และมันก็เป็นจริง เมื่อผมเดินออกมาจากห้องรับแขก ก็พบพี่ขนเพชรืนพิงรถคุณลุงซึ่งจอดไว้หน้าบ้าน สีหน้าของแกเงียบขรึม จ้องหน้าผมเขม็งเลย
“พี่พงษ์.....!”
เงียบไม่มีเสียงตอบหรือรอยยิ้มจากพี่พงษ์
ผมจึงแกล้งเหมือนไม่เห็นแกยืนอยู่ตรงนั้น ทำท่าจะเดินเข้าบ้านตนเอง ทั้งที่****ยังแข็งโด่ ตั้งใจจะรีบไปอาบน้ำ รีดน้ำรักออกให้เสร็จสมอารมณ์หมาย เพราะขืนปล่อยให้แข็งค้างเติ่งอย่างนี้ นอนไม่หลับทั้งคืนแน่ ๆ แต่ก็ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูบ้านคุณลุง ก็ถูกพี่หมอกระชากอย่างแรง เปิดประตูรถคุณลุง ผลักผมเข้าไปข้างในแล้วตัวแกก็ขยับตามมานั่งข้าง ๆ
“นัทมีอะไรกับคุณพ่อแบบนี้นานยัง?”
เป็นประโยคแรกที่แกกล่าวขึ้น แต่ประโยคคำถามนั้นทำให้ผมถึงกับอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ขยับปากขมุบขมิบ พูดอะไรไม่ออก รู้เหมือนว่ามีอะไรมาอุดลิ้นไว้แน่น จนพูดไม่ได้
“พี่ถามได้ยินไหม?”
พอเห็นผมเงียบพี่หมอก็คาดคั้น ถึงกับตะคอกใส่หน้าผม มันเป็นบุคลิกที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งทำให้ผมตกใจลนลาน เหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ผุดออกเต็มหน้า ปากสั่นริก ๆ ****ที่แข็งค้างอยู่ก่อนหน้านี้หดลงอย่างกะทันหัน ได้แต่จ้องหน้าแกนิ่ง บรรยากาศภายในรถตอนนี้เงียบมาก ๆ ไม่มีเสียงพูดคุยกันระหว่างเราสองคน ได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเองเต้นแรงยิ่งกว่าเสียงกองรัวเร็วในสนามรบเสียอีก สุดท้ายพี่พงษ์จึงเป็นฝ่ายกล่าวขึ้นอีกครั้ง แต่น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
“จะเล่าให้พี่ฟังดี ๆ หรือว่าจะต้องให้พี่บีบบังคับ” ผมจ้องหน้าแกครู่หนึ่งก่อนรวบรวมกำลังใจกล่าวขึ้น “ก็อย่างที่พี่เห็นนั่นแหละ....แต่เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกว่าที่พี่เห็นเลยนะ ผมเอาอาหารมาส่งตามปกติ เห็นคุณลุงกำลังดูหนังโป๊และชักว่าวอยู่ ผมจึงยืนดูด้วยความตกตะลึง แล้วคุณลุงก็ดึงผมเข้าไปหา จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างที่เป็นนั่นแหละ” “อย่างที่เป็น...มันเป็นยังไง?” ผมเลยจำเป็นต้องเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พี่พงษ์ทราบตามความเป็นจริง โดยไม่มีการขาดตกบกพร่องแม้แต่เหตุการณ์เดียว เมื่อเล่าจบ แกก็ยังสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม มีเพียงแววตาเท่านั้นที่มองผมด้วยอาการแปลก ๆ กว่าทุกวัน “ถึงคุณพ่อไม่จูงมือเข้าไปหา คงอยากกระโจนเข้าใส่ท่านเลยละสิ ก็ชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือ พี่รู้นะว่านัทชอบแอบมองคุณพ่อและพี่อยู่บ่อย ๆ แต่พี่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย” ได้ฟังประโยคแทงใจดำแบบนี้ ผมเอาแต่นั่งก้มหน้า ไม่กล้าสบตาแกตรง ๆ หน้าแดงก่ำยิ่งกว่าลูกตำลึงสุกเสียอีก แต่อนิจจาตาเจ้ากรรมเจ้าเวรที่ก้มหลบหน้าพี่หมอ ดันไปจ๊ะเอ๋เข้ากับเป้าของแกเสียอีก ซึ่งตอนนี้มันดิ้นกระดุกกระดิกอยู่ภายในกางเกงกากีทหารเรือซึ่งสวมใส่อยู่ อดรำพึงกับตนเองไม่ได้ “นี่พี่พงษ์เกิดอารมณ์ด้วยหรือนี่ ตายละหว่า****ไอ้นัท อะพิโธ่ อะพิถัง” ยิ่งรู้ว่าพี่พงษ์เกิดอารมณ์จากการฟังเรื่องที่ผมเล่าให้ฟัง กลับทำให้มังกรสวาทผมที่สงบไปแล้วก่อนหน้านี้ ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันแข็งจนรู้สึกปวดหนึบไปทั่วบริเวณหัวหน่าวเหมือนคนอดกลั้นปัสสาวะขณะปวดท้องเยี่ยวมาก ๆ มันปวดจนรู้สึกจุกเลยทีเดียว เมื่อนั่งใกล้ ๆ กันจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหงื่อ สายตาจับจ้องมองที่กางเกงสีกากีรัดเป้า เผยให้เห็นเข็มฉีดยายาวใหญ่ของหมอหนุ่ม โดยที่ตัวแกเองคงไม่รู้หรอกว่าโดนผมอ่านกินอยู่ ประกอบกับที่จอดรถเป็นที่ค่อนข้างจะมืด มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ ที่ส่องมาถึงรีบหรี่เท่านั้น แสงไฟที่ส่องกระทบกับเป้านูนสันดูเป็นรูปร่างชวนสัมผัส ชวนขยำเป็นอย่างยิ่ง ผมก้มหน้านิ่งจ้องมองภาพนั้นเป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ตัวเอาเสียเลย รู้แต่ว่าอยากจ้องมองเป้าพี่หมอนาน ๆ จะได้ประทับเอาไว้ไปจินตนาการประกอบการจิ๋นเล่น “ใหญ่และยาวทั้งพ่อและลูกจริง ๆ เลยโว้ย...! เห็นไกล ๆ ว่าใหญ่และยาวแล้ว มองใกล้ ๆ ยิ่งใหญ่และยาวกว่าที่คิดไว้เสียอีก ฉิบหาย ถ้ามันโผล่ออกมาหายใจนอกกางเกงจะน่าดูด น่าเลียขนาดไหน?” ผมขยับปากบ่นขมุบขมิบคนเดียว อยากเอื้อมมือไปบีบขยำเหลือเกิน รู้สึกตื่นเต้นกับภาพตรงหน้าที่ไม่คาดฝันว่าจะได้เห็น ภายในรถยังคงเงียบอึมครึมเหมือนเดิม แต่หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะยามได้เห็นน้ำซึมผ่านกางเกงออกมาภายนอกเป็นจุดด่าง ๆ ด้านพงษ์เองหลังจากนั่งคิดอะไรอยู่เงียบ ๆ จึงหันหน้ามามองชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่ง ตอนแรกนึกว่าชายหนุ่มอายและกำลังสำนึกผิดจึงเอาแต่นั่งก้มหน้านิ่ง ที่ไหนได้ ตนเองกำลังถูกอ่านกินอยู่เงียบ ๆ “มันร้ายจริง ๆ .......!” ตอนนี้ในหัวสมองเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ความร้อนรุ่มเริ่มปกคลุมไปทั่วเรือนร่าง ยิ่งทำให้เข็มฉีดยาแท่งยาวที่อยู่ภายในกางเกงทหารเรือขยับขึ้น – ขยับลงเป็นจังหวะ มันแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะดันซิบกางเกงให้ฉีกขาดออกมาสูดอากาศหายใจด้านนอก แล้วความคิดบางอย่างก็เกิดขึ้น “นัท......เดี๋ยวออกไปด้านนอกเป็นเพื่อนพี่ พี่ยังไม่อยากเข้าบ้านตอนนี้ เพราะคุณพ่อท่านคงยังนอนเปลือยกายอยู่ที่โซฟาแน่ ๆ พี่ไม่อยากให้ท่านรู้ว่าพี่ได้มาเห็นท่านทำอะไรกับนัท” “ไม่เอาหรอก...พี่หมอ...พี่ไม่อยากเข้าบ้านพี่ก็ออกไปคนเดียวสิ ผมต้องกลับบ้าน ป่านนี้แม่และพ่อเป็นห่วงแล้ว” “ไม่ต้องเอาพ่อเอาแม่มาอ้างเลย...จะออกไปกับพี่ดี ๆ หรือจะให้พี่กระชากนัทเดินเข้าไปในบ้านพี่ ดู คุณพ่อนอนเปลือยกายอย่างสุขสมอารมณ์หมายอยู่” “ไม่เอาทั้งสองอย่าง ผมจะกลับบ้าน ปล่อยผมไปเถอะ” “จะเดินเข้าบ้านทั้งที่****แข็งตุงดันกางเกงวอร์มและกลิ่นน้ำอยากคุณพ่อติดตามใบหน้าอย่างนี้เหรอ? หากคนในบ้านถามจะตอบพวกเขาว่ายังไง” “แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง?” “เอาไว้พี่จัดการเอง แต่นัทต้องออกไปกับพี่ นอนเอนตัวลงกับเบาะอย่าให้ใครเห็นว่าเรานั่งอยู่ในรถ” กล่าวแค่นั้น แกก็เปิดประตูเบา ๆ ก้าวลงจากรถ เดินตรงไปยังประตูบ้านแกเอง กรดกริ่งดังลั่น ๒ – ๓ ครั้ง สักพักเห็นลุงวุฒินุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาดู กล่าวทักทายลูกชาย “เพิ่งกลับมาหรือลูก” “ครับพ่อ” คำตอบของพี่หมอทำให้ท่านถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ก่อนเปลี่ยนบทสนทนา “แล้วรถลูกไปไหนล่ะ พ่อไม่ได้ยินเสียงรถเลย” “รถผมเสียครับ อยู่ที่อู่ซ่อมเพื่อนมาส่ง” “เข้ามาในบ้านอาบน้ำ อาบท่าจะได้กินข้าวด้วยกัน นัทเอาอาหารมาส่งตั้งแต่หัวค่ำแล้ว อุ่นให้ร้อน ๆ สักหน่อย” “ไม่หรอกครับ ผมจะมาขออนุญาตเอารถคุณพ่อไปข้างนอก ดึก ๆ ถึงจะกลับ” “ได้สิลูก! เอาไปใช้จนกว่ารถลูกจะออกจากอู่ก็ได้ กุญแจวางอยู่ที่เดิม” ผมเห็นพี่หมอทำท่าเดินไปยังที่วางกุญแจรถซึ่งคุณลุงห้อยไว้เป็นประจำ ทั้งที่ความจริงแล้ว กุญแจรถอยู่ในถุงกางเกงแกนั่นเอง “อย่ากลับดึกมากนะลูก” หลังจากตบตาคุณลุงแล้ว พี่หมอก็เดินตรงมายังรถอีกครั้ง เปิดประตูเข้ามานั่งด้านคนขับ “เอาล่ะ ต่อไปเป็นพ่อกับแม่ของนัท นั่งอยู่ในรถเฉย ๆ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” แล้วพี่พงษ์ก็ขับรถออกจากบ้าน ไปจอดที่หน้าบ้านของผม กรดกริ่งกระทั่งแม่เดินมาเปิดประตู พูดอะไรสองสามประโยคกับแม่ก็เดินกลับมารถอีกครั้ง “แม่นัทอนุญาตแล้ว เราไปกันเถอะ” พี่หมอขับรถออกมาสู่ถนนใหญ่เส้นทางมุ่งออกนอกเมืองไปทางสุพรรณบุรี โดยที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะพาไปไหนกันแน่ ระหว่างนั่งรถไปด้วยกันต่างคนต่างนั่งเงียบอยู่ในห้วงคำนึงของตนเอง ผมเองได้ชำเลืองมองดูสีหน้าและท่าทางพี่หมอเป็นระยะ ๆ แกจะเอาอะไรกับผมกันแน่ ถึงได้พาออกมาข้างนอกอย่างนี้ ถามว่าจะพาไปไหนก็ไม่ยอมตอบตรง ๆ บอกแต่ว่า “นิ่ง ๆ ไว้เดี๋ยวก็รู้เอง” ภาพใบหน้าคมสัน ยิ่งมอง ยิ่งทำให้เห็นความสง่ามีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทำให้ขนของผมลุกซู่ซ่าขึ้นมาอย่างประหลาด ท่อนลำภายในกางเกงวอร์มขาสั้นกลับผงาดขึ้นมาอีกครั้งทันที สายตาของแกดูหยาดเยิ้ม ลิ้นหนาเลียไปรอบ ๆ ริมฝีปากเป็นระยะ มันช่างดูยั่วยวนเหมือนกำลังท้าทายสิงห์หนุ่มอย่างผมให้ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง และสิ่งที่ทำให้ผมเกือบอดใจไว้ไม่ไหวก็คือท่านั่งถ่างขากว้างแยกออกจากกันในลักษณะแอ่นขึ้นอวดสายตาของผมที่กำลังจ้องมองท่อนเนื้อนูนสันเป็นลำสวยงาม กางเกงทหารเรือฟิต ๆ แม้จะปกปิดรูปร่างแท้จริงไม่ให้ผมเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่มีอะไรมาขัดขวางลำ****ที่แข็งแกร่งซึ่งผงกหัวขึ้นลงช้า ๆ ตามจังหวะถอนหายใจยาว |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น