“อื้อ... อ่า... อ้า...” เสียแหบ ๆ ครางเบาลอยมาตามลม
เสียงครางแหบต่ำที่ผมคุ้นเคยมักดังแว่วในยามค่ำคืน หากใครตั้งใจเงี่ยหูฟังจะรู้ว่าต้นเสียงมาจากกระท่อมปลายทุ่งข้าว แม้บางครั้งเสียงครวญครางนั้นจะเร้าเร่งจนผมอยากรู้อยากเห็น แต่คำพูดที่ว่า “เด็กดีไม่ควรอยากรู้อยากเห็น” ทำให้ผมยกผ้าผวยขึ้นห่มร่างและข่มตาให้หลับอย่างเดียวดาย ทุกครั้งที่ผมได้ยินเสียงครางแหบต่ำลอยล่องลมมา พ่อจะหายไปจากที่นอนเสมอ…
...........................................
คืนวันพระใหญ่ เดือนหงายส่องแสงนำทางผมกับไอ้ขวัญกลับบ้าน หนังกลางแปลงเรื่องสุดท้ายมักจะดึงดูดคนหนุ่มให้ดูจนจบเสมอ ก็คนบ้านนอกบ้านนาอย่างผมและเพื่อนจะไปมีโอกาสเห็นสาวในเมืองนุ่งน้อยห่มน้อยได้อย่างไรถ้าไม่ใช่จากหนังกลางแปลง
“แม่งนางเอกโคตรน่าล่อเลยว่ะ... มึงว่าไหม อีคนที่เล่นเป็นผีแม่งก็นมใหญ่ ถ้าเจอผีหุ่นงี้ก็จะจับเย็ดให้ลืมหลุมเลย” ไอ้ขวัญชวนคุยอย่างคะนองปาก
“ไอ้เหี้ย นั่นมันผีนะเว้ย แม่งเย็ด ๆ ไปเดี๋ยวแม่งหันมาหน้าเละ มึงจะทำไง”
“เหี้ย... ถ้าผีแม่งหุ่นงี้กูก็เย็ดวะ...”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ เสียงครางแหบต่ำก็ลอยมาจากทางท้ายทุ่ง
“เฮ้ย... แก้ว มึงได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่าวะ...”
ผมปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ เสียงครางยังคงดังเป็นระยะ
“ไอ้เหี้ย... กูว่าแม่งชักไม่ดีแล้วว่ะ... เฮ้ยกูกลับก่อนนะเว้ย มึงเดินเข้าบ้านเองนะ” ไม่ทันที่ผมจะเอ่ยอะไร คนอยากเย็ดผีอย่างไอ้ขวัญก็กลับหลังหันวิ่งหางจุกตูดไปทันที
ผมนึกขำกับความขี้ขลาดของไอ้ขวัญ มันคงไม่รู้หรอกว่าเสียงครางนั้นคือเสียงของพ่อผม แม้ผมจะยังไม่เคยมีแฟน แต่ความรู้เรื่องเพศศึกษาก็หาได้จากหนังสือโป๊ของรุ่นพี่ในหมู่บ้านทำให้ผมพอจะรู้ว่าพ่อทำอะไรในกระท่อมท้ายทุ่ง และผมก็พอจะเข้าใจว่าพ่อต้องทนเหงาแค่ไหนตั้งแต่แม่ตายจากไป แต่สิ่งที่ยังคาใจผมคือ “ใครกัน” ที่อยู่ในกระท่อมท้ายทุ่งกับพ่อ
“ครืดดดด...” เสียงประตูสังกะสีผุ ๆ ครูดกับพื้นดินอัดแข็งส่งเสียงคุ้นหู แสงจันทร์สว่างสาดส่องเข้ามาจนไม่ต้องพึ่งตะเกียงเจ้าพายุ ผมวางผ้าผวยที่คลุมตัวไปเที่ยวงานวัดลงบนเตียงเศษไม้ที่ว่างเปล่า ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนมองหลังคาสังกะสีผุ ๆ เสียงครางแหบต่ำเงียบหายไปนาน แต่เสียงฝีเท้าหนักแน่นยังไม่ปรากฏ
ยิ่งดึกยิ่งหนาวหนัก หากพ่อนอนอยู่ข้างผมเวลานี้เราคงนอนกอดกันกลม ผมชอบนอนตะแคงให้พ่อกอดจากข้างหลัง พ่อจะสอดแขนข้างหนึ่งให้ผมหนุน แขนอีกข้างจะกอดรัดผมไว้แน่น พ่อผมใส่กางเกงในตัวเดียวนอนเสมอ ผมจึงสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแผ่นอกหนาที่แนบสนิทกับแผ่นหลังของผมพอดี ผมชอบที่ได้รู้สึกถึงท่องเนื้ออุ่น ๆ ในกางเกงในของพ่อที่แนบอยู่ตรงก้น หากคืนไหนที่ท่องเนื้ออุ่นนั้นพองตัวแข็งเหมือนท่องเหล็กร้อน ๆ ผมจะยิ่งเบียดตัวให้แนบชิดกับพ่อ เช่นเดียวกับพ่อที่เบียดท่อนเนื้อเข้ากับก้นของผม ไม่นานนักพ่อก็จะลุกออกไปข้างนอน เพียงครู่เดียวผมจะได้ยินเสียงราดน้ำล้างตัวจากโอ่งข้างบ้าน แล้วพ่อกลับมานอนกอดผมเหมือนเดิม ผมคิดว่า “กอด” คือสิ่งที่ผมสามารถชดเชยในสิ่งที่ขาดหายให้พ่อหลังจากแม่จากไป
ตั้งแต่เข้าพรรษาพ่อก็ลุกหายไปที่กระท่อมปลายนาบ่อยครั้ง แทบจะคืนเว้นคืน กลับมาอีกทีก็เกือบรุ่งเช้า ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เสียงฝีเท้าของพ่อไม่เคยย้ำออกไปไกลเกินการได้ยิน ทุกครั้งที่พ่อออกไปท้ายทุ่งผมจะได้ยินเสียงครวญครางลอยมาตามลม บ่อยครั้งที่เสียงครางของพ่อจะปลุกอารมณ์ดำมืดในตัวผมให้พวยพุ่งจนต้องใช้มือระบายบางสิ่งบางอย่างออกจากตัว แต่อีกด้านหนึ่งของความคิดผมก็นึกรังเกียจเสียงนั่น เสียงที่เหมือนจะกั้นผมและพ่อให้อยู่บนโลกคนละใบ
----------------------------------
“โอ้ย!” แสงแหบห้าวดังลั่นทุ่ง
ผมสะดุ้งผุดนั่งขนลุกเกรียว
“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ!” คำถามพุดขึ้นในสมอง
ไวเท่าความคิด มือผมคว้าไฟฉาย สองเท้าวิ่งออกจากบ้านไปยังกระท่อมท้ายทุ่ง เดือนตกไปแล้วแต่ฟ้ายังสว่างพอเห็นคันนาอยู่ลางเลือน ภาพเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นในหัวผมขึ้นเป็นฉาก ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่าน พยายามวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่สองตีนจะทำได้
ผมหยุดยืนอยู่ใต้ต้นตะขบไม่ห่างจากกระท่อมนัก กระท่อมเฝ้าข้าวที่มุงสังกะสี ยกพื้นสูงแค่ศอก ฝาหลังตีด้วยเศษไม้ ด้านหน้าและด้านข้างเปิดโล่งรับลม ทุกอย่างรอบตัวยามนี้นิ่งสนิท แม้แต่เรไรยังพากันหยุดร้อง ผมเดินอ้อมไปด้านทางข้างกระท่อม เปิดไฟฉายด้วยมือสั่นเทา แสงไฟสีส้มฉายให้เห็นผ้าห่มสีเทาที่มีปลายเท้าสองคู่โผล่ออกมา คู่หนึ่งคือเท้าใหญ่แข็งแรงของพ่อผม แล้วอีกคู่ละ... เป็นของใคร...
ผ้าห่มสีเทาถูกตลบขึ้นอย่างรวดเร็ว คนในผ้าคงตกใจที่ถูกแสงไฟส่องอย่างไม่ทันตั้งตัว “เธอ” พุดลุกขึ้นนั่งมองมาทางต้นแสง ถึงแม้เส้นผมยาวแดงยุ่งเหยิงจะปิดบังใบหน้าบางส่วน ผมก็จำได้ดีว่าเธอคือแม่ค้าที่เพิ่งย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านเรา ผมพบเธอครั้งแรกเมื่อบุญเข้าพรรษา ลำพังแม่ค้าหน้าใหม่หาบคอนขายถั่วต้มคงจะไม่เป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่เสื้อคอคว้านลึกที่เธอใส่อวดเนินอก ทำให้ขี้เมามารุมซื้อถั่วเธอจนใส่ถุงไม่ทัน หนึ่งในนั้นมีพ่อผมอยู่ด้วย และคืนนั้นเป็นคืนแรกที่พ่อแอบออกไปที่กระท่อมปลายนา
ผมคงจะไม่แปลกใจหากพ่อจะพาผู้หญิงสักคนมาเสพย์สุข แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิง.. เธอเป็นกะเทย..
“ใครวะ... ปิดไฟซะ ส่องหาพ่อมึงเหรอ” เสียงพ่อตะโกนอย่างไม่พอใจ แกคว้าผ้าห่มสีเทามาพันร่างส่วนล่างอย่างรวดเร็ว กระโดดลงจากกระท่อม กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางผม ผมตกใจมือไม้สั่นปิดไฟฉายไม่ได้ พูดอะไรไม่ออก แสงไฟที่ส่องตาคงสร้างความหงุดหงิดให้กับพ่อจนเกินทน เมื่อพ่อเข้ามาถึงตัวผมในระยะประชิด เแกจึงเงื้อมือขึ้นตบตรงบ้องหูจนผมทรุดลงกับพื้น
“ไอ้แก้ว....” พ่อตะโกนสุดเสียง แกคงเห็นว่าเป็นผมเมื่อไฟฉายหลุดจากมือ
-------------------------------
แม่ค้าคู่ขาลงจากกระท่อมทันที่เมื่อพ่ออุ้มผมขึ้นมานอน พ่อหยิบกางเกงวอร์มตัวเก่ามานุ่ง เอาผ้าห่มผืนสีเทามาห่มให้ผมจนถึงคอ แล้วจึงเดินตามออกไปคุยกับหล่อนซักครู่ ผมได้ยินเสียงล้งเล้งที่จับใจความไม่ได้ ก่อนบิดเสียงมอเตอร์ไซค์จะดังขึ้นและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
พ่อเดินกลับมานั่งหย่อนขาอยู่ตรงหัวนอนผม แล้วค่อย ๆ ประคองหัวผมขึ้นหนุนตัก แกรูปซิปกระเป๋ากางเกงหยิบถุงยาสูบออกมามวนก่อนพ่นควันยาสูบขาวเป็นเส้นยาว สายตาจับจ้องไปยังตีนฟ้าสีแดงอมส้ม พ่อใช้มือหยาบหนาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของแก แต่ผมก็พอรู้ว่าแกเสียใจเพียงไหนที่ดีผมด้วยความไม่ตั้งใจ ผมเอื้อมมือไปกุมมือพ่อ แล้วยกมือแกมาแนบที่แก้ม
“แก้ว เจ็บอยู่ไหมลูก”
ผมส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ
“พ่อเจ็บอะไรหรือเปล่า ฉันได้ยินเสียงพ่อร้องดังไปถึงที่บ้าน”
พ่อนิ่งไปซักพัก ผมจึงไม่คาดคั้นเอาคำตอบอะไร
“ทำไมเองยังไม่นอน”
“ฉันนอนไม่หลับ... คืนที่พ่อไม่อยู่ฉันนอนไม่หลับเลย”
“โห อายุสิบห้าแล้วนะเอ็ง กลัวอะไรว่ะ” พ่อคลี่ยิ้มเอามือลูบเส้นผมของผมด้วยความเอ็นดู
“ฉันไม่อยากให้พ่อออกมาตอนกลางคืนเลย ฉันกังวลน่ะ เมื่อคืนพอฉันได้ยินเสียงพ่อร้องฉันก็เลยวิ่งออกมา วันหลังพ่อก็พาน้าเขาไปนอนที่บ้านเราก็ได้นะ”
พ่อนิ่งไปซักพัก
“แก้ว เองรู้ใช่ไหมว่าตั้งแต่แม่เองตายพ่อก็ไม่เคยสนใจใครเลย เองโตเป็นหนุ่มแล้วคงรู้ว่าพ่อเหงา”
“แล้วทำไมพ่อไม่หาเมียใหม่ละ”
“แก้วเอ้ย คนจนอย่างเรา ใครเขาจะสนใจ แล้วพ่อก็กลัวว่าถ้ามีเมียเขาจะเข้ากับเองไม่ได้ ยังไงพ่อก็รักเองที่สุด”
“แล้วน้าเขาล่ะ”
“เองก็รู้ว่าเขาเป็นกะเทย เขาไม่เรื่องมากอยู่แล้ว พ่อนัดเจอกับเขาก็แค่หาความสุขกัน ผู้ชายเรามีความต้องการกันทุกคนใช่ไหมละ”
“อย่างตอนที่พ่อนอนกอดฉันน่ะเหรอ”
พ่อนิ่งไป ดูแกตกใจที่ผมพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมา ผมเองก็ตกใจเมื่อรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกไป
ในความเงียบก่อ ความรัก ความใคร่ ความหึงหวง ก่อตัวขึ้นในจิตใจผมเหมือนพายุใหญ่ ที่พัดเอาศีลธรรมไปไกลสุดตา
“พ่อ ถ้าพ่อมีความต้องการ พ่อทำกับฉันไหม... จะได้ไม่ต้องออกมาอีก”
“เองพูดอะไรออกมาวะแก้ว”
“ทำไมละ... ฉันรู้นะว่าเวลาพ่อนอนกอดฉันบางคืนพ่อก็ควยแข็ง แล้วพ่อก็ออกไปชักว่าว”
“เฮ้ยไอ้นี่... มันเป็นธรรมดาของผู้ชาย โดนนิดโดนหน่อยมันก็แข็งแล้ว”
“ใช่สิ... ฉันไม่ได้ผมยาวเป็นผู้หญิงเหมือนน้าเขานี่”
“เฮ้ย ไอ้แก้วมึงพูดอะไรรู้ตัวมั่งไหม มันไม่เกี่ยวว่ามึงจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่มึงกับกูเป็นพ่อลูกกัน” พ่อลุกเดินออกไปหน้ากระท่อมอย่างมีอารมณ์ แกจุดยาสูบที่ติดมือมาเป่าควันเป็นเส้นขึ้นฟ้า
“อย่าพูดเรื่องนี้ให้กูได้ยินอีก... มึงเป็นกะเทยหรือเปล่า”
พ่อพูดโดยไม่หันหลังกลับมามอง
“จะเป็นอะไรก็ช่างเหอะ พ่อรู้ไว้แล้วกันว่าฉันรักพ่อ ฉันห่วงพ่อ ฉันหวงพ่อ ฉันไม่อยากให้พ่อทิ้งฉันให้นอนคนเดียว ฉันไม่อยากให้พ่อไปยุ่งกับน้าคนนั้น พ่อรู้ไหมว่าพ่อไม่เหมือนเดิม พ่อเปลี่ยนไป พอพ่อกลับบ้านพ่อก็ไม่กอดฉันเลย พ่อคงรักอีน้านั่นมากใช่ไหม พ่อรักมันมากกว่าฉันใช่ไหม”
ผมลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดลงจากกระท่อม วิ่งกลับบ้านโดยไม่หันหลังไปมองพ่อ ไม่รอคำตอบ ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น
ประสบการณ์ ต่าง ๆ รวบรวมมาที่นี้ที่เดียว (เกย์)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เด็กหอ 8 CP
มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...
-
หลังเสียงเพลงชาติจบลง ร่างสูงขาวของหนุ่มนักเรียนชั้น ม.6 ในฐานะประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้เดินขึ้นกล่าวกับนักเรียนทุกระดับ ชั้นถึงเรื่...
-
มาถึงตอนนี้ ไอ้หมาเสือ รู้สึกตัวเองแล้วว่า มันกำลังหลงใหลดำดิ่งลงใน “โลกของทาสหมา” อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับมันในช...
-
ทัพ หนุ่มนักเรียนวิศวะ ผู้มีความหล่อระดับเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นฟุตบอล เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายๆคน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น