วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

โปลิศจับทนาย


   ผมเป็นหนุ่มห้าว...ห้าวมาตั้งแต่เด็กแล้ว  ตอนนั้นผมมักจะชอบเล่นโปลิศ จับขโมยกับเพื่อนๆ  แล้วผมก็ชอบเล่นเป็นตำรวจ  คอยจับเพื่อนๆ  ที่เล่นเป็นขโมย  จับได้แล้วก็ลงโทษด้วยวิธีการต่างๆ  ผมสนุกกับการ

ไล่ล่า  มันอาจเป็นสัญชาติญาณนักล่าที่ติดตัวผมมา  พอโตเป็นหนุ่ม  ความห้าวบวกกับความชอบไล่ล่าหาคนผิดมาลงโทษ  ผมจึงมาเป็นตำรวจ เมื่อมาเป็นตำรวจตัวจริง  เรื่องของการปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นไปด้วยดี

ไม่มีปัญหา  ผมเป็นตำรวจดีไม่มีการออกนอกแถว  ใครๆ  ต่างก็ชื่นชมผมด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา  หรือว่าเพื่อนตำรวจด้วยกัน  และแม้แต่ชาวบ้านชาวเมืองก็เป็นปลื้มผมด้วยกันทั้งนั้น 

นี่ไม่ใช่คุยโตโอ้อวด  เพราะผมเคยได้รับเหรียญตราจากกรม  ในฐานะตำรวจดีเด่นมาแล้ว

เนื้อหาถูกซ่อนไว้

สิ่งที่เป็นปัญหานำมาซึ่งความอึดอัดใจให้กับผม  คือผมคงจะหล่อเกินไปหน่อย  รูปร่างบึกไปนิด  แล้วยิ่งต้องมาสวมเครื่องแบบตำรวจ  ซึ่งพวกบ้าเครื่องแบบชอบนักหนา  ความจริงพวกคนบ้าเครื่องแบบนี่ 

อาจจะหลงใหลเครื่องแบบทหารหาญรั้วของชาติมากกว่า   แต่โอกาสที่ทหารจะออกมาเจอะเจอกับคนเดินถนน  มันไม่มีมากเท่ากับตำรวจอย่างผม  ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดกับผู้คนอยู่ตลอดเวลา

ผมเจอมาบ่อยพวกมนุษย์พันธุ์ที่ชอบหนุ่มในเครื่องแบบ  ชอบไม่ชอบเปล่ายังหาทางที่จะกระโดดขึ้นเตียงกับผมให้ได้  บ้างก็ทำตาหวานใส่  บ้างก็ให้เบอร์โทรศัพท์  ที่หนักกว่านั้นคือการใช้กลอุบายทำทีเป็นหมด

สติกระทันหันต่อหน้าต่อตาผมเพื่อให้ผมช่วย  จะได้แตะเนื้อต้องตัวผมหรือมากไปกว่านั้น  บางคนถึงขนาดแกล้งทำผิดเล็กๆ น้อยๆ ให้ผมจับ  แล้วก็พยายามสานต่อความสัมพันธ์  ที่เล่ามานี้มีทั้งชายไม่จริงและ

หญิงแท้  ซึ่งอันที่จริง  โดยส่วนตัวแล้วผมไม่อยากปฏิเสธ  ไม่ว่าเพศไหน  เพราะมีเสน่ห์เฉพาะตัวต่างกันไปคนละแบบ  แต่ความที่ผมเป็นนักล่านักจับในสายเลือด  จึงไม่ชอบให้ใครมาล่าหรือมาจับผม

ผมชอบทั้งการไล่ล่าและการจับ  ไม่เฉพาะแต่เรื่องงานเท่านั้น  แม้แต่เรื่องส่วนตัว  ผมยังคงรอวันที่จะตามจับใครคนหนึ่งที่ผมถูกใจ  แล้วเอามากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ทั้งตัวและหัวใจ  จะดิ้นรนอย่างไรก็หนีไม่พ้น 

ต้องอยู่แนบชิดกับผมตลอดไป  แล้วอยู่มาวันหนึ่งผมก็ได้เจอกับใครคนนั้น...

ตอนเช้าตรู่ของวันอันสดใส  ผมเพิ่งจะขับรถตำรวจออกมาจากสถานี  ยังไม่ทันได้ตรวจตราความเรียบร้อย  อย่างที่เคยทำทุกวัน  ก็มีรถยนต์หรูเตะตาคันหนึ่งแล่นผ่านถนนตรงหน้าผมไป  ผมไม่ได้สนใจกับความสวย

ของรถ  แต่ความเร็วที่แล่นไปต่างหาก  มันเร็วเกิน  เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแน่ๆ  แม้ไม่ต้องใช้เรดาห์วัดก็รู้ได้ไม่ยาก

ผมเปิดสัญญาณไซเรน  แล้วขับรถเลี้ยวตามไป  เมื่อรู้ตัวว่ถูกรถตำรวจตาม รถคันนั้นก็จอดตรงข้างทางโดยที่ผมไม่ต้องสั่ง  คนขับซึ่งเป็นชายหนุ่มหล่อแต่งตัวอย่างดีในชุดสูท  ก้าวลงจากรถอย่างรู้งาน  แถมยัง

เตรียมหยิบใบขับขี่มาถือไว้ในมือพร้อมจะส่งให้ผมทันทีทันใด  ผมก้าวลงจากรถ  เดินตรงไปหาเขา

?อรุณสวัสดิ์ครับ  คุณผู้ชาย...?

ผมพูดกับเขาอย่างสุภาพ  ซึ่งก็ทำอย่างนี้กับประชาชนทุกคน  กำลังจะบอกถึงความผิดของเขา  แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวอยู่แล้ว  และใจร้อนจนไม่รอให้ผมพูดจบก็สวนขึ้นมา

?ผมรู้แล้ว...เอ้านี่ใบขับขี่  เขียนใบสั่งมาเร็วๆ  ผมกำลังรีบ?

รู้ไปหมด  ท่าทางจะขับรถเร็วเป็นประจำจนโดนตำรวจเรียกบ่อยๆ  แต่สีหน้าท่าทางและคำพูดของเขา  บ่งบอกว่ากำลังรีบจริงๆ  ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่  เขาต้องไม่ใช่พวกพนักงานที่ต้องเร่งรีบไปตอกบัตรให้

ทันเวลาเข้างาน  แต่น่าจะรีบเพราะมีนัดสำคัญอะไรสักอย่าง  ผมเดาเอาว่าเขาคงเป็นพวกยับปี้...พวกหนุ่มนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยตั้งแต่อายุยังไม่มาก

ผมรับใบขับขี่จากมือเขามาตรวจดู  แล้วรีบเขียนใบสั่งให้อย่างรวดเร็ว  แต่ถึงอย่างไร  ผมคิดว่านอกจากใบสั่งแล้ว  ผมจะต้องตักเตือนเขาด้วยคำพูดอีก  รู้อยู่ว่าขับรถเร็วอย่างนี้มันอันตราย  ไม่อยากให้หน้าใสๆ 

ของเขาต้องหมดหล่อ  ถ้าเกิดอุบัติเหตุ

ขณะที่ผมกำลังเขียนใบสั่งอยู่  ก็มีสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นในรถคันงามของเขา  ผู้ต้องหาหนุ่มหล่อรีบเข้าไปรับ  เขาไม่ทันได้ปิดประตูรถ  ทำให้ผมได้ยินเสียงการพูดโต้ตอบของทั้งสองฝ่ายผ่านทางแฮนด์ฟรี 

จับใจความได้ว่าลูกความโทรมาขอเลื่อนนัด...นัดสำคัญที่ทำให้เขาต้องรีบอยู่ตอนนี้

อ้อ...ที่แท้ก็เป็นทนาย  รู้กฎหมายดีเท่าๆ กับผม  หรืออาจจะดีกว่าผมเสียอีก  แต่ยังชอบฝ่าฝืน  อ้างว่ารีบอย่างนี้มันต้องสั่งสอนเสียหน่อย พอพูดโทรศัพท์เสร็จ  เขาก็ก้าวลงจากรถ  หน้าหล่อๆ นั้นแสดงถึงความ

หงุดหงิด  ปากสวยๆ สบถเสียงดังฟังชัด

?ไอ้บ้าเอ๊ย!?

เขาสบถเสร็จแล้ว  มองมาที่ผม  หน้าตาท่าทางพร้อมจะอาละวาดเต็มที่ ผมเลยแกล้งยั่ว

?คุณด่าผมเหรอ??

?เปล่านะ...ใครจะกล้าด่าคุณ...คุณตำรวจ  ขืนด่าก็เจออีกข้อหาน่ะสิ?

ผมส่งใบขับขี่คืนให้เขาพร้อมทั้งใบสั่ง  เขารับไปอย่างหงุดหงิด  สายตาที่จ้องมองผมแสดงถึงความโกรธระคนขัดใจ  เหมือนเด็กเกเรที่ทำผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้  ผิดแล้วยังมาพาลเอากับคนอื่น  อย่างนี้มันน่าจับ

มาตีก้นเสียให้เข็ด...ผมคิดในใจ

?ผมไปได้แล้วใช่ไหม...คุณตำรวจ??

?ยัง...คุณทนาย  ขับรถเร็วอย่างนี้มันอันตราย  ถ้าทำอีกละก็  โดนยึดใบขับขี่แน่!?

?ผมรู้แล้วว่าทำผิด  ผมยอมรับผิด  พอใจหรือยังแล้วคุณล่ะ  เคยมีใครบอกหรือเปล่า  ว่าเป็นตำรวจน่ะ  น่าจะคอยป้องปรามไม่ให้คนทำผิด  ไม่ใช่แอบซุ่มอยู่ รอให้คนทำผิดแล้วมาจับ  มาปรับ 

เอาความดีความชอบใส่ตัว?

ทนายปากกล้าด่าว่าผมยืดยาวโดยไม่มีการหยุด  แทนที่ผมจะโกรธ  กลับรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก  นานๆ  ถึงจะเจอคนเก่งกล้าอย่างนี้  ตั้งแต่เห็นแวบ แรกผมก็พอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นหนุ่มประเภทผู้ชายนะยะ 

ยิ่งมาได้ยินสำบัดสำนวนแล้วยังท่าทางฉุนแล้วยิ่งชัวร์ปึ้ก  ผมว่าเขาน่ารักดี  ชักจะถูกใจขึ้นมาแล้วสิ

?ดูเหมือนคุณจะไม่รีบแล้ว...ผมอยากเลี้ยงกาแฟคุณสักถ้วย  เป็นการไถ่โทษที่ทำให้คุณอารมณ์บูดแต่เช้า?

ผมเชิญชวนพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ

?ขอบคุณที่ชวนแต่ผมไม่ดีกว่า...หวังว่าคงไม่ต้องเจอกับคุณอีก  คุณตำรวจ?

เขาปฏิเสธคำชวนของผมอย่างไม่ใยดี  แล้วขึ้นรถขับออกไป  ผมมองตามด้วยความรู้สึกที่ว่า...นี่ละผู้ร้ายตัวจริง  กล้าดียังไง  มาทำให้ผมชอบแล้วก็หนีไปอย่างลอยนวล  ยังมีหน้ามาบอกอีกว่าจะไม่เจอกันอีก 

ท้าทายสัญชาติญาณนักล่าอย่างผม  ให้ต้องตามจับตัวมาลงโทษอย่างสาสม  ด้วยการจองจำไว้ตลอดชีวิต

ตกเย็นของวันนั้นเอง  ผมออกเวรแล้วเข้าไปที่สถานีตำรวจ  ติดต่อพรรคพวกเพื่อนฝูงที่อยู่แผนกต่างๆ ในกรม  หาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา  โดยอาศัยเพียงแค่ชื่อของเขาที่ผมจำได้ขึ้นใจ...ไบรอัน  ลอว์เลนซ์ 

ที่อยู่และทะเบียนรถ  ผมก็รู้ว่าเขาทำงานที่ไหน  แม้แต่เบอร์โทรศัพท์  ผมก็รู้หมดทุกเบอร์  ทั้งที่บ้าน  ออฟฟิศ และโมบายล์  แต่ผมไม่โทรไปให้เขาวางหูใส่หรอก  ไปตะครุบตัวที่ออฟฟิศหลังเลิกงานดีกว่า

ค่ำแล้วที่ผมมาถึงออฟฟิศของเขา  เห็นรถคันสวยยังจอดอยู่ด้านหน้า  ทำให้แน่ใจว่าเจ้าของยังไม่กลับ  ผมผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยของตัวตึกเข้าไปอย่างง่ายดายแม้ว่าจะปิดหมดแล้ว  ผมบอกเขาไปว่าไม่

ได้มาติดต่องาน  แต่มาด้วยกิจธุระส่วนตัว  ซึ่งมันก็เป็นความจริง

ทั่วทั้งออฟฟิศเงียบเชียบ  มีแต่เขาอยู่เพียงคนเดียว  พอเห็นผมเข้าเท่านั้น เขาก็มีสีหน้าทั้งตกใจทั้งเอือมระอา   

?สวัสดีอีกครั้ง  คุณลอว์เรนซ์  แต่...ฟังดูห่างเหินจัง  ให้ผมเรียกคุณว่าไบรอันดีกว่านะ?  ผมถือวิสาสะเรียกชื่อต้นเขาอย่างสนิทสนม

?ตามใจ  คุณตำรวจว่าแต่ว่า...คุณมีธุระอะไรกับผมอีก  เก่งนะตามหาผมจนเจอ  อย่างคุณนี่น่าจะเป็นตำรวจสืบสวนมากกว่าจะยืนเขียนใบสั่งอยู่ข้างถนน?

ปากคอเขายังจัดจ้านเหมือนเมื่อตอนเช้า  แต่อีกไม่นานปากสวยๆ  ที่พูดจาเชือดเฉือนผมอยู่นี่  จะถูกทำโทษเป็นอย่างแรก

?เรียกผมว่าสตีฟก็ได้  แล้วก็อย่าพูดถึงเรื่องงานเลย  ผมไม่ได้เป็นตำรวจตลอด 24 ชั่วโมงหรอก?   

?ยังไงก็คงไม่ถึงกับกลายเป็นผู้ร้ายนะ?

?มันก็ไม่แน่  บางทีอารมณ์ชั่ววูบ  อาจทำให้คนดีๆ กลายเป็นผู้ร้ายใจโหดก็ได้?

ผมพูดด้วยท่าทีขึงขัง  ทำให้เขาออกจะกลัวอยู่บ้าง  แต่ยังทำใจดีสู้เสือ  เอ่ยปากถามผมว่า

?คุณต้องการอะไรกัน??

?เมื่อเช้านี้คุณปฏิเสธน้ำใจของผม  ตอนนี้ปฏิเสธอีกไม่ได้แล้ว?

?นึกว่าอะไร...ที่แท้ก็เสียหน้าที่ถูกปฏิเสธ  โอเค  ผมไปดื่มกาแฟ  กินโดนัทกับคุณก็ได้?

?ผมไม่ชอบกินของหวาน  มันเอียน  ชอบกินของรสจัดจ้านร้อนแรงมากกว่า  กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ?

ผมพูดพร้อมกับจ้องมองเขาเขม็ง  เขาเองก็พอจะรู้ถึงความหมายในคำพูดของผม  หน้าขาวๆ นั้นซีดเผือดลงไปอีก

?ไปกันได้แล้ว?

ผมตัดบท  ถ้าเขายังอิดเอื้อนอีกละก็ต้องใช้กำลังอย่างแน่นอน  แต่เขายอมเดินมากับผมแต่โดยดี  ยังไม่วายบ่น

?อย่างนี้มันไม่ใช่การเชิญชวนสักหน่อย  ขู่บังคับกันชัดๆ?

?ผมไม่สนใจหรอกว่าภาษาทนายจะเรียกยังไง  ภาษาของผมคือ...ผมต้องการให้คุณไปกับผม  คุณก็ต้องไป?

ผมพาเขามาที่รถของผม  เขาไม่เต็มใจนัก  อยากให้ต่างคนต่างขับรถของตัวเอง  แล้วไปเจอกันที่ร้านอาหาร  แต่ผมไม่ยอม  ไม่อยากเสี่ยงกับการถูกเบี้ยว  ขี้เกียจตามหาตัวให้เสียเวลาอีก  อ้างว่ายังไม่รู้ว่าจะไปที่

ไหนนั่งรถไปด้วยกันคันเดียวกันดีกว่า

ความจริงผมคิดไว้แล้วว่าจะพาเขาไปกินอาหารที่ไหน...อาหารค่ำมื้อแรกกับคนพิเศษ  มันต้องเป็นที่พิเศษ...

ผมขับรถพาเขามาที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ตใกล้ๆบ้าน  มันเป็นร้านที่มีบริการพิเศษผู้มากินอาหารไม่ต้องลงจากรถเลย  เพียงแค่จอดรถที่ลานจอดด้านนอก  บริกรก็จะมารับออร์เดอร์  แล้วนำอาหารมาส่งให้ถึงรถ 

อาหารก็ไม่เอร็ดอร่อยกว่าที่อื่น  แต่พวกคู่รักประเภทข้าวใหม่ปลามันมักจะชอบที่นี่  นั่งจู๋จี๋กันในรถได้อย่างสบาย

ผมสั่งอาหารง่ายๆ  พร้อมกับเครื่องดื่มสำหรับทั้งเขาและตัวผม  แม้ว่าอาหารจะมีรสชาติธรรมดาๆ  แต่ผมรู้สึกว่าอร่อยกว่าที่ไหนทั้งหมด  เพราะมีเขานั่งแนบชิดอยู่เคียงข้าง  ตรงกันข้ามกับเขาที่ดูอึดอัดขัดใจอย่างไร

ชอบกล  รีบจัดการกับอาหารราวกับหิวโหยมาจากไหน

?หิวมากเหรอ...ไบรอัน...อยากได้อะไรเพิ่มไหม??

ผมถามอย่างเอาอกเอาใจ

?เปล่า...รีบกินให้เสร็จๆ  จะได้กลับบ้านนอน  พรุ่งนี้มีนัดกับลูกความแต่เช้าอีก  ต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้า...เช้ามาก  ไม่อยากถูกตำรวจเรียกอีก...?

เขาตอบ  ไม่รู้ว่าจริงหรือแกล้งพูดแซวผม

?ผมก็เหมือนกันต้องเข้าเวรแต่เช้า  งั้นรีบกลับกันเถอะ?

ผมนึกในใจ...กลับน่ะกลับแน่  แต่...มันไม่จบลงง่ายๆ  อย่างที่เขาคิดหรอก มีหรือผมจะปล่อยไป

ก่อนขับรถออกจากลานจอด  ผมหันไปมองรถคันอื่นๆ  ที่จอดอยู่  เห็นคู่รักหนุ่มสาวกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม  ทำให้อยากทำอย่างนั้นกับเขาบ้าง  รู้ว่าถ้าขอเขาตรงๆ  ต้องถูกปฏิเสธแน่  เลยใช้วิธีจู่โจมไม่ให้รู้ตัว 

ปากสวยๆ  ที่เคยด่าว่าผม   บัดนี้ถูกผมสำเร็จโทษแล้วอย่างสาสมปากสวยๆ  เตรียมจะด่าผมเมื่อเป็นอิสระจากการถูกประกบ  แต่ผมรีบแก้ตัวก่อนว่า

?ไบรอัน...คุณรีบกินเสียจนปากเลอะเทอะไปหมด  ผมเลยช่วยทำความสะอาดให้?

เขาเงียบ  คงจะด่าผมอยู่ในใจ  นี่เป็นแค่บทเรียนเริ่มต้นเท่านั้น  เดี๋ยวก็รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป...

เพียงชั่วครู่  ผมก็ขับรถกลับมาถึงบ้านซึ่งอยู่ใกล้ๆ  กับร้านอาหารที่ไปกินจอดรถในที่เก็บอย่างเรียบร้อย

?คุณพาผมมาที่นี่ทำไม??

เขาถามด้วยสีหน้าเครียด

?ก็คุณบอกว่าต้องรีบกลับบ้านนอน  ที่นี่ใกล้ที่สุดแล้ว...ถ้าผมขับรถไปส่งคุณที่ออฟฟิศ  กว่าคุณจะขับรถกลับบ้านคงดึกมาก  บ้านคุณอยู่ไกลด้วย?

ผมตอบเฉไฉไปตามเรื่อง

?ที่แท้ก็เป็นแผนของคุณ...ให้ผมนั่งรถมาด้วย...มากินอาหารที่ร้านใกล้บ้าน...คุณนี่ร้ายจริงๆ ผมไม่น่าหลงกลเลย?

?เข้าบ้านกันเถอะถึงบ้านผมจะเล็ก  แต่รับรองว่าเตียงคิงไซส์ใหญ่พอที่เราจะนอนได้สบายทั้งสองคน?

เขาทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก  เมื่อรู้ว่าต้องนอนร่วมเตียงกับผม  ยืนลังเลอยู่นานกว่าจะยอมเดินเข้าบ้านกับผม

?ถอดเสื้อผ้าออกมา  ผมจะได้เอาใส่เครื่องซัก?

ผมบอกเมื่อเห็นเขายังทำท่าเหมือนนักโทษถูกจับเข้าคุก  เขาค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกช้าๆ ด้วยความกระดากอายสายตาผมที่มองดูอยู่ไม่ห่าง  มันตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าตอนประกบปากจูบเขาเสียอีก

?ชั้นในด้วย...?

ผมสั่ง  เมื่อเห็นเขายังรีรอไม่ยอมถอดให้หมด  แต่ในที่สุดก็ยอมถอดกางเกงในส่งให้ผมนะไปซัก  ผมมองดูร่างเปลือยเปล่าไร้สิ่งปกปิดของเขาด้วยความรู้สึกวาบหวิว...หุ่นไม่หนาไม่บาง  ทุกอย่างกำลังดี 

ผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัสลูบไล้ไปทั้งตัวโลมเลียด้วยสายตาอยู่นานจนสาแก่ใจ  ผมถึงได้หยิบผ้าเช็ดตัวจากในตู้มาส่งให้เขาเพื่ออาบน้ำ  ก่อนที่จะโยนเสื้อผ้าของเขาเข้าเครื่องซัก  ผมเอากางเกงใน

ยี่ห้อดังสีขาวขึ้นมาสูดดม  กลิ่นกายจากซอกเร้นลับยังอวลอยู่  หอมรัญจวนใจจนเกิดอารมณ์...

ผมถอดเครื่องแบบชุดตำรวจออก  มือลูบไล้ปืนพกประจำตัวซึ่งเริ่มแสดงอานุภาพว่าพร้อมจะใช้การได้ทุกเมื่อ  แต่ต้องอดใจไว้  อีกไม่นานผมก็ได้ใช้มันจัดการสำเร็จโทษผู้ต้องหาตัวร้าย  รออยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะ

ออกมาจากห้องน้ำ  ผมต้องเคาะเรียก

เขานุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา  หน้าตาสดใส  เนื้อตัวหอมกรุ่น  พอเห็นว่าผมยืนจังก้าอยู่หน้าห้องน้ำในสภาพไร้เครื่องแบบห่อหุ้มร่างกาย  แถมอาวุธประจำตัวขนาดใหญ่ผงาดแข็งอยู่  เลยเดินตัวลีบหลบหลีกไปห่างๆ 

ผมยิ้มกับตัวเอง...นึกหรือว่าจะพ้นไปได้

ผมอาบน้ำรวดเร็วอย่างทุกวัน  แต่วันนี้อาจจะเร็วกว่า  ด้วยว่าจิตใจจดจ่ออยู่กับผู้อยู่นอกห้องน้ำ  เมื่อเดินแก้ผ้าล่อนจ้อนออกมา  เห็นเขายังคงนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่เลยบอกว่า

?ถอดผ้าเช็ดตัวออกได้แล้ว  จะได้เอามาผึ่งให้แห้ง?

เขาปลดผ้าเช็ดตัวออกจากเอวมาส่งให้ผม  มือสั่นนิดๆ  พยายามหลบเลี่ยงสายตาไปทางอื่น  ไม่กล้าแม้แต่จะมองดูร่างเปลือยเปล่าของผม

?คุณตำรวจ  เอ๊ย...สตีฟ  มีชุดนอนให้ผมใส่บ้างไหม??

?ไม่มีหรอก...ผมไม่ชอบใส่อะไรนอน  มันอึดอัดน่ะ?

ผมจูงมือเขามาที่ห้องนอน  อยากอุ้มเข้าประตูเหมือนอย่างที่คู่แต่งงานทำแต่เขาคงไม่นึกสนุกด้วย  หนีไปนอนจนเกือบชิดขอบเตียงข้างหนึ่ง

?เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก  คิดว่านอนห่างแค่นี้จะพ้นเหรอ?

ผมดึงตัวเขามากอด  ถึงแม้ว่าจะพยายามดิ้นรนหนี  แต่ไม่อาจสู้แรงแขนอันแข็งแกร่งของผมได้

?นี่คุณจะทำอะไรน่ะ??

เขาถามเสียงสั่น

?เมคเลิฟ...?

ผมตอบตามตรง  เขาอ้าปากจะพูดอะไรผมไม่สนใจ  ประกบปากจูบเขาในทันทีทันใด  ลิ้นควานซอกซอนลิ้มรสหอมหวานอย่างร้อนรน  ยิ่งร่างที่อยู่ในอ้อมกอดดิ้นรนขัดขืน  ก็ยิ่งเหมือนกับยั่วยุให้ความเร่าร้อน

ในตัวผมปะทุรุนแรงขึ้น

?อย่างนี้มันบังคับขืนใจกันชัดๆ?

เขาตะโกนใส่หน้าผม  เมื่อปากหลุดพ้นจากการถูกประกบ

?ถ้าคุณยอมผมดีๆ มันก็ไม่ใช่...ผมให้โอกาสคุณเลือก  จะยอมดีๆ  หรือว่า...?

คำขู่ของผมใช้ได้ผล  ร่างในอ้อมกอดแขนหยุดดิ้นรนขัดขืน  ยอมจำนนแต่โดยดี  ผมไม่รอช้า  เริ่มบรรเลงเพลงจูบอย่างนุ่มนวล  แล้วเปลี่ยนมาซุกไซ้ที่ซอกคอไล่ลงไปยังเนินอก  ดูดเลียยอดอกสีชมพูระเรื่อ 

การเล้าโลมของผมทำให้ร่างที่นอนแน่นิ่ง  เริ่มมีอาการอันแสดงถึงความพึงพอใจ  ยิ่งเมื่อผมเลื่อนปากลงไปถึงโนนเนื้อหัวสีชมพู  ทั้งเลียทั้งเม้ม  ทั้งดูดดุนจนแข็งได้ที่  มือไม้ที่เมื่อครู่พยายามผลักไส 

กลับลูบไล้แผ่นหลังผมไปมา  เสียงครางอย่างเป็นสุขดังแว่วออกมาจากลำคอ   น้ำเหนียวใสที่ปริ่มออกมาสัมผัสลิ้นผม  ทำให้แน่ใจว่าเขามีอารมณ์คล้อยตามแล้ว ผมเลียนิ้วมือตัวเองจนเปียกชุ่ม  แล้วลองแหย่เข้า

ไปในช่องทางระหว่างแก้มก้นอันกลมกลึง  มันคับแน่นเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรล่วงล้ำมาก่อนเลย  ผมแหย่นิ้วมือเข้าออกช้าๆ  อยู่หลายหนจนรู้สึกถึงความลื่น

?ไบรอัน...คุณพร้อมหรือยัง??

ผมกระซิบถามพร้อมกับจูบซอกแก้มหอมกรุ่นของเขา  ไม่มีเสียงตอบอะไร  นอกจากการพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ  ผมจึงหยิบหลอดเจลหล่อลื่นออกมาจากลิ้นชักข้างเตียง  ละเลงจนชุ่มโชกไปทั่วทั้งลำ 

จับขาเขาทั้งสองข้างยกขึ้นพาดไว้บนบ่า  แล้วค่อยๆ ดันท่อนลำแทรกผ่านเข้าไปในช่องทางอันคับแคบ  ทั้งแน่น  ทั้งฟิต

?อูวว์...ให้ตายสิ  ไม่เคยเจออะไรฟิตอย่างนี้เลย?

ผมครางเมื่อดันปืนพกคู่กายเข้าไปจนสุดกระบอกแช่ไว่นิ่งๆ  เพื่อชะลอความเสียว  พลางโน้มตัวลงไปจูบปากเขา  นอกจากจะยอมให้ผมจูบโดยดีแล้ว  ยังใช้มือลูบไล้แผงอกผมเล่น  ทำให้รู้ว่าเขาพอจะชอบผม

บ้าง...หรืออย่างน้อยก็ต้องชอบการกระทำของผมแทบทุกครั้งของการเคลื่อนไหวเข้าออกในช่องทางคับแคบนั้น  ผมต้องสะกดกลั้นความรู้สึกเสียวซ่าน  ไม่ให้โลดลิ่วจนระงับไว้ไม่อยู่  อยากให้ความสุขในเวลานี้

ดำเนินต่อไปนานๆ ตลอดเวลาผมมองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่วางตาแน่ใจว่าเขาก็มีความสุขท่วมท้นไม่ต่างจากผม

?สตีฟ...โอว์...ผม...ผม?

เสียงครางขาดหายไปแล้ว  แต่ปากสวยๆ  ยังอ้าค้างอย่างเป็นสุข  มือนุ่มๆ บีบต้นแขนผมแน่น  ก่อนที่ร่างในอ้อมกอดผมจะสั่นสะท้าน  ผมเร่งเครื่องตามไปอย่างกระชั้นชิด  และเมื่อผมกดอาวุธคู่กายลงไปลึกและแรง

เป็นครั้งสุดท้าย ร่างทั้งสองของเราก็เกร็งกระตุกพร้อมกัน  ผมปล่อยน้ำรักเข้าไปในตัวเขาหลายกระฉูดน้ำรักของเขาพุ่งออกมาเป็นสาย  เจิ่งนองเนินอกลงไปถึงหน้าท้อง เมื่อการเมคเลิฟผ่านพ้นไป  ผมยังคงนอนกอด

เขาไว้ในอ้อมแขน  ถึงจะหลับตานอนนิ่ง  แต่ผมรู้ว่าเขายังไม่หลับ  อยากบอกความในใจให้เขารับรู้

?ที่รัก...?

?ใครเป็นที่รักของคุณ??

เขาพูดโดยไม่ลืมตา

?ก็คนที่ผมนอนกอดอยู่นี่ไง...ผมรักคุณนะ คุณล่ะรักผมบ้างไหม??

คิดอยู่นานกว่าจะตอบออกมาได้ว่า

?ผมก็ไม่ได้เกลียดคุณนี่?

ผู้ร้ายปากแข็ง...เอาไว้คืนพรุ่งนี้เถอะ  ผมจะคาดคั้นให้ผู้ต้องหารายนี้ยอมเปิดปากสารภาพว่ารักผมให้ได้...เป็นไงเป็นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...