วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

ความหลังยังจำ ได้...ณ ค่ายทหาร(เรื่องจริงของผมเอง)


เมื่อครั้งที่เรียน มหาลัยปี3 ผมลืมทำเรื่องขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร(เอกสารก็เตรียมไว้แล้วนะ แต่ลืมวันเวลา) เลยได้เสี่ยงดวงจับใบดำใบแดง แล้วก็งานเข้าครับ "ทบ.2 เพชรบุรี" ลมจับกันเลยทีเดียว จำเป็นต้องดรอบเรียน แต่ยังดีหน่อยที่มีเวลาให้ทำใจเพราะติดผลัด 2
กว่าจะได้เข้ากรมกองก็ เดือน พ.ย. โน่น

พอหมดช่วงเวลาทำใจ ก็จำใจต้องไปรับใช้ชาติ หลังจากรายงานตัวที่ภูมิลำเนาทหารแล้ว ก็มีรถมารับที่หมาย
ผมติดที่ จังหวัดทหารบกเพชรบุรี หลังจากไปรวมตัวกันที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในเพชรบุรีแล้ว (รวมตัวกันจากหลายๆจังหวัดครับ คนเยอะมากๆ) ก็มีการคัดเลือกว่าใครจะได้ไปค่ายไหน ตัวผมได้ไปค่ายใหญ่ในจังหวัดประจวบฯ (ผมไม่แน่ใจว่าสามารถบอกชื่อค่ายได้มั้ย?) หลังจากนั้นก็มีรถไปส่งถึงค่าย แล้วก็มีการคัดเลือกอีกทีว่าแต่ละคนจะได้อยู่หน่วยไหน กองพันไหน ส่วนตัวผมได้อยู่หน่วยทหารเสนารักษ์(ทหารแพทย์) มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 32 คน คัดจากจำนวนคนทั้งหมดพันกว่าคน จำไม่ได้ว่าเค้าใช้เกณฑ์ในการคัดยังไง..

หลังจากคัดแยกหน่วยเรียบร้อย พวกผมทั้ง 32 คน ก็ถูกนำไปฝากให้ฝึกร่วมกับกองพันบริการ (ฝึกขั้นต้นเป็นเวลา 2 เดือน) แต่ทั้ง 32 คนไม่ได้ฝึกร่วมกันนะครับ โดนแยกออกไปอีก 4 หน่วย หน่วยละ 8 ระหว่างนี้เองที่ผมสังเกตเห็นว่ามีคนนึงที่หน้าตาดีกว่าคนอื่น หน้าคมๆครับแต่ไม่ดำ ขาวๆ ครับ 
นอกนั้นก็จะมีอีกประมาณ 3-4 คนครับ ที่เข้าๆตา แต่นายคนนั้นเด่นกว่าคนอื่นจริงๆ ผมก็ได้แต่แอบๆมอง เพราะกลัวจะเจ็บตัวถ้าจะไปจ้องหน้าตรงๆ แต่ก็มีบ้างที่เค้าหันมามองพอดี เห็นสายตาที่มองกลับแล้วทำให้ต้องหลบสายตากันเลยทีเดียว
ผมถูกคัดให้อยู่กองร้อยที่4 ส่วนนายคนนั้นอยู่กองร้อยที่3 เป็นอันว่าไม่ได้ฝึกหน่วยเดียวกัน -*- แอบเสียดายนิดๆ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะดูแล้วนายคนนั้นก็คงจะไม่เล่นด้วยกับผมแน่นอน (จากที่แอบจ้องหน้านิดนึง)

หลังจากถูกแยกเข้าหน่วยกันแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เริ่มต้นการฝึกกันเลย ไม่มีเวลาให้พักทำใจ เหนื่อยสุดๆ อาทิตย์แรกเนี่ยกว่าจะผ่านไปแต่ละนาที แต่ละชั่วโมง ช่างยาวนานจริงๆ เหมือนที่เค้าพูดเลยว่า "ช่วงเวลาที่เป็นทุกข์ กาลเวลาเหมือนกับดีเซลราง แต่ช่วงเวลาที่เป็นสุข เวลาจะเหมือนกับชินคันเซ็น ผ่านคุณไปอย่างรวดเร็ว" พอเริ่มเข้าสัปดาห์ที่ 2 ก็เริ่มชินและรู้จักเพื่อนมากขึ้น ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย แม้ว่าที่หน่วยฝึกจะฝึกหนักมาก แต่จากปากต่อปากของหน่วยฝึกอื่น บอกว่า หน่วยผมเป็น "กองร้อยเทวดา" เพราะฝึกเบาก็กว่าเพื่อน เวลากลางวันก็ฝึกในร่ม ขณะที่หน่วยอื่นต้องฝึกกลางแดดที่สนามบินทั้งวัน (สนามบินของค่ายพื้นเป็นคอนกรีต แล้วเวลากลางวันแดดร้อนๆ โฮะๆๆ ไม่อยากคิดเลยว่ามันจะร้อนแค่ไหน) เวลาตื่นนอนตอนเสาร์อาทิตย์ก็ตื่น 6 โมง ขณะที่หน่วยฝึกอื่นต้องตื่นตี5ครึ่ง
เวลาอาหารเย็นคือ 5 โมงเย็น หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นเวลาส่วนตัว กว่าจะรวมตัวเข้าห้องประชุมอีกทีก็ ทุ่มตรง
อันนี้แหล่ะที่ผมคิดว่าหน่วยฝึกผมสบายที่สุด เพราะหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ใครอยากจะเล่นกีฬา ซักผ้าอาบน้ำก็ทำได้ จนถึงทุ่มนึง ในขณะที่หน่วยอื่น กินข้าวเสร็จ ก็จะมีการเป่านกหวีดรวมตัว เพื่ออาบน้ำจับเวลาพร้อมกัน อาบช้าก็โดนลงโทษ ก่อนอาบน้ำก็ต้องแก้ผ้าจัดแถววอร์มอัพร่างกายนิดหน่อย บางวันที่ผมสังเกตเห็นมีแบบแก้ผ้าต่อแถวกัน คนข้างหลังให้เอามือลอดใต้ขาคนข้างหน้าแล้วกำจู๋คนข้างหน้าไว้ แล้วก็ต่อเเถวกันยาว เป็นขบวนรถไฟ แล้วก็เป่านกหวีดเดินเป็นจังหวะ กำให้แน่นห้ามหลุด ตรงไหนหลุดก็งานเข้าครับ ฮาๆดี แต่พวกนั้นคงจะไม่ฮาหรอกมั้ง เพราะแต่ละคนดูหน้าดำคร่ำเครียดกันกเลยทีเดียว(รึหน้าเขียวก็ไม่แน่ใจ) รวมๆแล้วก็มีอื่นๆอีกหลายอย่างที่พอจะสรุปได้ว่า หน่วยฝึกที่ผมอยู่เป็น "กองร้อยเทวดา" จริงๆ
ผ่านไป 2 สัปดาห์ ผมก็เริ่มสนิทกับเพื่อนมากขึ้น กลุ่มที่สนิทกันมากๆก็จะมีอยู่ 5 คน หนึ่งในนั้นก็จะมีคนนึงที่หน้าตาดีใช้ได้ คมเข้มแต่ตาหวาน สูงกว่าผมนิดหน่อย(ผมสูง 172 เซนฯ)อยู่หมายเลขติดกับผม เราก็เลยคล้ายๆว่าเป็นบัดดี้กันด้วย เพราะที่หน่วยฝึกมีกฏให้หมายเลขติดกันดูแลกันให้ดี มันชื่อโรจน์ ผมจึงค่อนข้างสนิทกับโรจน์มากกว่าคนอื่น ระหว่างฝึกโรจน์ก็มันจะชอบมาหยอกมาแกล้งผมประจำ แต่วันไหนที่มันเห็นผมหน้าบูดๆ อารมณ์บ่จอย มันก็มาถามว่าเป็นอะไร เหนื่อยหรอ ไหวมั้ย เพราะผมก็เป็นคนตัวบางๆหน่อย จนบางทีผมก็รู้สึกดีกับมันมากมาย
มีอยู่ครั้งนึง ช่วงพักระหว่างฝึก จ่าครูฝึกก็หากิจกรรมมาผ่อนคลาย(แต่ผมว่ากิจกรรมเพื่มความเครียดมากกว่านะ) นั่นคือ "ลูกอมเรารักกัน" กิจกรรมยอดฮิตของทหาร หลักการก็ง่ายๆ ให้อมลูกอมแล้วส่งต่อให้คนข้างๆ ห้ามใช้มือจับลูกอมด้วยนะ เป้าหมายเพื่อให้รู้รักสามัคคีไม่รังเกียจกัน 555+ ฟังดูแล้วเป็นไงครับ (แต่ผมเริ่มเครียด) พอกิจกรรมสันทนาการ(-*-)เริ่มต้นขึ้น คนหัวแถวก็เริ่มอมลูกอมแล้วก็ส่งต่อให้เพื่อนข้างหลัง บางคนก็ใช้วิธีคาบริมๆลูกอมให้คนต่อไปมาคาบไปอมต่อ พวกนี้ต้องระวังกลัวปากโดนกัน บางคนก็ใช้วิธีให้คนที่จะอมต่อแหงนหน้าอ้าปากรอแล้วคนส่งก็แค่ปล่อยลูกอมให้ ตกลงในปาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีนี้กัน แล้วก็มาถึงคิวโรจน์กับผม(โรจน์มันอยู่ก่อนผม ดังนั้นมันต้องอมแล้วส่งให้ผม)ผมเลยกระซิบถามมันว่า เราจะส่งรับแบบไหนอะโรจน์ มันบอกว่า "อ้าปากนิดๆแล้วก็หลับตา" ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี มันบอกแบบนั้นผมก็เลยทำตามที่มันบอก หลับตาอ้าปากนิดๆ พอหลับตาปุ๊บโรจน์มันเอาปากมันมาจูบปากผมแล้วก็เอาลิ้นดันลูกอมเข้าปากผม แค่นั้นแหล่ะครับ เรียกเสียงเฮฮากันลั่นสนามฝึก พร้อมๆกับเสียงจากจ่าครูฝึก"เฮ่ยๆ กูให้ส่งลูกอมให้กันเฉยๆเว๊ย ไม่ได้ให้ดูดปากกัน ไอ้เชี่ยนันทวัฒน์หลับตาเคลิ้มเลยนะมึง"(ชื่อจริงผมครับ) ทำให้เสียงหัวเราะโห่ฮาดังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ผมช็อคและยืนอึ้ง อายจนไม่รู้จะอายยังไง เวลาหยุดหมุนไปหลายวินาที ถ้าเห็นหน้าตัวเองตอนนั้นคงจะแดงสุดๆเลยมั้ง 
หลังจากวันนั้นผมก็รู้สึกว่าโรจน์มันจะเอาใจใส่ผมมากขึ้นมีหยอกล้อ ส่งสายตาหวานๆให้บ้าง ผมก็เขินทุกครั้งที่มองตามัน แล้วทุกเย็นตอนทุ่มนึงก็จะมีการรวมตัวที่ห้องประชุมทุกวัน มีครูฝึกมาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับวิชาการทหารผมกับโรจน์นั่งโต๊ะติดกัน เพราะหมายเลขเราติดกัน เป็นโต๊ะกับเก้าอี้แบบยาวนั่งเรียงกันโต๊ะละ 4 คน
เวลา นั่งฟังบรรยายโรจน์มันก็ชอบมาหยอกมาแหย่บางทีก็เอามือมาลูบต้นขาผมประจำบาง ทีลูกไปใต้กางเกง เกือบๆจะถึงจู๋ผม(ตอนเย็นพวกผมจะใส่เสื้อยืดกางทหารขาสั้น) ผมก็เอาคืนมั่ง บางทีลูบและล้วงไปถึงไข่ก็มี 555+ หยอกกันแบบนี้ทุกวัน บางทีก็โดนเพื่อนที่นั่งข้างๆแซวให้ "พวกมึงไม่ขออนุญาตออกไปว่าวให้กันเลยว๊ะ" 555+ ผมก็ตอบว่า"เฮ่ย มึงจะบ้าหรอ แค่หยอกกันเฉยๆ แต่จริงๆก็แอบคิดนะ อิอิ

เหตการณ์พวกนี้ทำให้ผมลืม ความเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกช่วงเวลากลางวันไปเลย เหนื่อยกลางวัน แต่ตอนเย็นก็จะหายเหนื่อยเพราะได้กำลังใจจากนายโรจน์นี่แหล่ะ จนวันนึง วันนั้นเป็นวันเสาร์ หลังจากตื่นนอนเก็บมุ้งผ้าห่มเรียบร้อยก็รวมตัวกันออกกำลังกายนิดๆหน่อยๆ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำความสะอาดแล้วก็พักผ่อน ผมสังเกตว่าหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วไม่เห็นโรจน์มันเลย เพราะปกติมันก็จะมาป้วนเปี้ยนอยู่กับผมและเพื่อนๆเสมอ ผมก็เลยเดินตามหา แล้วก็ไปเจอมันนอนในโรงนอน ผมเดินไปหาแล้วถามว่าเป็นอะไร มันไม่ตอบ แต่หน้ามันดูแย่ๆ ผมก็เลยเอามือไปจับหน้าผากดู ตัวมันร้อนมาก ผมก็เลยเดินไปบอกจ่ากองร้อยแล้วก็ขอยา แล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำเช็ดตัวให้มัน ตอนที่กำลังเช็ดตัวเห็นมันลืมตานิดหน่อยมองหน้าผมแล้วยิ้มและจะหลับต่อ ผมก็บอกให้กินยาก่อนแล้วค่อยนอนต่อ มันก็ว่าง่ายนะครับ กินยาเสร็จแล้วก็นอน ผมก็เช็ดตัวให้มันอีก สักพักกลุ่มเพื่อนผมก็เดินมา เห็นผมกำลังเช็ดตัวให้โรจน์ มันเลยแซว "กูนึกว่าหายไปไหนทั้ง 2 ตัว ที่แท้ก็มาสวีทกันที่โรงนอนนิเอง" ผมเลยตอบกลับแก้เขินว่า "เชี่ย มันตัวร้อนมากเลยนะมึง กูเลยเช็ดตัวให้เฉยๆ" พวกมันมองดูหน้าผมแล้วก็ยิ้มกันใหญ่ วันนั้นผมคอยเช็ดตัวให้มันเรื่อยๆ 2-3 วันให้หลัง โรจน์มันก็หายป่วย แล้วก็กลับมาฝึกร่วมกับเพื่อนๆ ได้เหมือนเดิม

หลังจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าโรจน์มันเอาอกเอาใจผมมากขึ้นอีก ตอนฝึกเหนื่อยๆ ก็จะเข้ามาถามว่าเหนื่อยมั้ย นวดให้มั้ย บางทีก็จับเเขนแตะหน้าผากผม อะไรแบบเนี้ย จนโดนแซวจากกลุ่มเพื่อนว่า "เฮ่ย พวกมึงจะดูแลกันเกินไปแล้วมั้ง บัดดี้กูไม่เห็นมันจะห่วงไรกุเลยเนี่ย ปวดจนขาจะหักอยู่ละ ไอ้โรจน์ มาเปลี่ยนบัดดี้กัน" "ไม่ได้เว๊ย กุหวง" โรจน์มันตอบ ฟังแล้วจั๊กจี้นะครับ แต่ผมก็ชอบ... 
ชีวิตที่แสนลำบากในหน่วยฝึก กลางวันต้องฝึกอย่างเหน็ดเหนื่อย ปวดแข้งปวดขาปวดหัวตัวร้อนบ้าง ก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่การที่ต้องอยู่ภายใต้สภาวะกดดันทางจิตใจบางครั้งก็อาจทำให้ท้อถอยไปบ้าง เพื่อนทหารบางคนจิตตกเป็นซึมเศร้าไปเลยก็มี ส่วนผมก็ได้เพื่อนในกลุ่มกับโรจน์นิแหล่ะ คอยเป็นกำลังใจให้กัน จวบจนครบกำหนดฝึก 2 เดือน ทหารฝึกใหม่จึงมีสิทธิ์ได้ใส่ชุดพรางเป็นต๊ะหารเต็มตัว >0<

หลังจบการฝึกทหารใหม่ได้ รับอนุญาติให้กลับบ้านได้ 15 วัน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย ไม่เคยมีครั้งไหนที่คิดถึงบ้านมากขนาดนี้มาก่อน ขนาดตอนเข้ามัธยมต้น ผมต้องไปอยู่หอพักคนเดียว ยังไม่คิดถึงบ้านขนาดนี้ นานเหลือเกินกว่าวันนี้จะมาถึง

วันกลับบ้านทางหน่วยได้จัดรถบัสรับส่งทหาร ใหม่ให้ถึงตัวจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนา วันนั้นกลุ่มผมทั้ง 5 คน ตัดสินใจว่าคืนนี้จะนอนค้างที่บ้านไอ้ถิตย์(ชื่อจริงมัน "สถิตย์") เพื่อสังสรรค์เฮฮากัน พอไปถึงบ้านไอ้ถิตย์ ก็เก็บกระเป๋าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ซื้อเหล้ากับกับแกล้มหมูไก่ปลา จากนั้นก็ไปที่ทุ่งนาของไอ้ถิตย์ ห่างหมู่บ้านออกไปเล็กน้อย ที่ทุ่งนามันมีบ้านหลังเล็กๆ ปลูกไว้ มันบอกว่า กินตรงนี้ นอนตรงนี้ จะแหกปากร้องเพลงเสียงดังจะได้ไม่รบกวนใคร ผมว่าไอเดียมันดี บรรยากาศทุ่งนาตอนกลางคืนดีมากๆ หลังจากกินเหล้ากันได้พักนึง ผมก็เห็นไอ้ถิตย์มันกระซิบกระซาบอะไรกับเพื่อนอีกคน แล้วมันทั้ง 2 ก็หายไปพักใหญ่ เหลือผม โรจน์ แล้วก็เพือนอีกคน เราก็นั่งกินไปเรื่อยจนไอ้สองตัวนั้นกลับมา มันบอกว่า "กูได้ของดีมาว่ะ ... ตอนนี้รออยู่ตรงโน้น" มันพูดพร้อมกับชี้ไปที่อีกฟากของทุ่งนา แล้วไอ้ถิตย์ก็ส่งสัญญาณชักชวนให้เพื่อนไปกับมัน บอกตามตรงว่าถึงมันไม่พูดก็พอจะเดาออกได้ว่า มันไปหาอะไรมาแก้เงี่ยน หลังจากถูกกดดันสารพัดในค่ายฝึก
ซักพักพวกมันก็เดินตามไอ้ถิตย์ออกไป รวมทั้งโรจน์ด้วย
แต่ก่อนโรจน์มันจะไป มันก็ชวนผมไปด้วย แต่ผมบอกปฏิเสธ เพราะนั่งรถเหนื่อยมาทั้งวัน หมดแรงแล้ว ขอนอนพักก่อน
มันบอกว่า "งั้นก็นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวมา"
"อืม" ผมบอก
หลังจากนั้นผมก็นอนฟังเพลง แล้วก็เผลอหลับเกือบทันทีที่หัวถึงหมอน
ไม่รู้ว่าหลับนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็มีคนมาสะกิด เป็นโรจน์นั่นเอง
"หลับแล้วหรอ?" มันถาม
"อืม ง่วงมากอะ เพลียด้วย... อ้าว แล้วนี่กลับมาคนเดียวหรอ แล้วไอ้พวกนั้นล่ะ?" ผมถามกลับไปเพราะไม่เห็นไอ้พวกนั้นมาด้วย
"มันกำลังเอากระเทยอยู่อะ ไปรับมาจากไหนไม่รู้ 2 คน" -*-
ตอนแรกผมก็เข้าใจว่ามันไปหาผู้ ญ มาแก้เงี่ยน ที่ไหนได้ กลุ่มเดียวกับบอร์ดเรานิเอง..
"แล้วไม่ไปเอากับ เค้าหรอ..." ผมถาม
"ไม่อะ กลับมานอนกอดบีดีกว่า.."
........ "0.o ...........
ผมอึ้งครับ เพราะตั้งแต่อยู่ค่ายฝึกมาด้วยกันยังไม่เคยกอดกัน มีหยอกมีแหย่บ้างแต่ไม่เคยมีอะไรเกินนั้น
แต่มันกล้าพูดขนาดนี้ แอลกอฮอล์ต้องมีส่วนแน่นอน...

ผมนิ่งแทนคำตอบ โรจน์ก็เลยกอดผมทันที ผมก็นอนนิ่งๆ ตื่นเต้นนะ แต่ก็ไม่ไหว เพราะง่วงจริงๆ ตอนแรกมันก็กอดเฉยๆ สักพักมันก็เอามือมาลูบท้องผมเล่นจากนั้นก็เริ่มเล่นหัวนม ผมเริ่มจะหายง่วงละ เลยพลิกตัวนอนหงายจากตอนแรกนอนตะแคง มันก็เลยเอามือล้วงเข้าไปไหนกางเกงผมเลย
มันกำของผมไว้แล้วชักให้ด้วย ผมเริ่มเสียวมากขึ้นแล้วหันหน้าไปมองมัน พอดีกับที่มันเอาปากมาจูบผมพอดี มันเอาลิ้นดันเข้ามาในปากผม แล้วก็แยงลิ้นไปมา ตอนนั้นผมทำตัวไม่ถูกเลย ได้แต่เสียวอย่างเดียว ลิ้นมันก็สอดเข้ามาในปาก มือก็สาวว่าวให้ ผมตัวเกร็งไปหมด สุดท้ายผมก็แตกคามือมัน มันก็ถอนริมฝีปากออกจากปากผม มองหน้าแล้วก็ยิ้ม แล้วก็จุ๊บปากผมอีกทีก่อนจะเริ่มปลดกระดุมกางเกงตัวเอง ผมเห็นแบบนั้นก็เข้าใจความหมายทันที ช่วยรูดซิบแล้วก็ดึงกางเกงในลง ท่อนของมันดีดผึงออกมาทันที หัวแดง น้ำเยิ้ม ผมว่าของผมก็ใหญ่เกินตัวละนะ แต่ท่อนของมันใหญ่กว่าผมอีกอะ ผมเอามือไปกำแล้วก็ชักให้มัน
มันดึงตัวผม ขึ้นมาหน่อยก็เริ่มจูบปากอีกครั้ง มือผมก็สาวให้มันไม่หยุด มันซี๊ดใหญ่เลย ถามผมว่า "อมให้หน่อยได้มั้ย"
"ได้ แต่ไม่เก่งนะ" ไม่อยากบอกเลยว่า ไม่เคยอมของใครด้วยซ้ำ ไอ้นี่เป็นคนแรกครับ ถึงจะไม่เคยปฏิบัติกับใครแต่ก็พอจะเคยได้ยินทฤษฎีมาบ้าง ผมก็อมดูดเลียหัวมันไปตามเรื่องแหล่ะครับ ระวังแค่ไม่ได้โดนฟัน ได้ยินแต่เสียงมันคราง "อือ...อือ" ซักพักมันก็กดหัวผมแล้วกระแทกใหญ่เลย พร้อมกับพุ่งน้ำคาวๆ มาเต็มปากผมเลย
แหะๆ จำได้เลยว่าตอนนั้นอยากจะอ๊วกมากๆ คาวจริงๆ
จากนั้นมันก็ดึงผมเข้ามากอด แล้วผมก็หลับไปในอ้อมแขนของนายโรจน์เกือบจะทันที..ไม่ไหวครับเพลียจริงๆ 
ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เกือบๆ 7 โมงเช้า เหนียวเหนอะหนะไปหมดเพราะเมื่อคืนโรจน์มันสาวให้จนแตกคามือ น้ำว่าวเลอะเต็มตัวไปหมด มองไปรอบๆก็เห็นพวกเพื่อนๆนอนเกลื่อนเลย ท่าทางจะเพลียเพราะมันคงเอากับกระเทยไปหลายยกอะ ผมได้โอกาสก็เลยขับมอไซค์กลับบ้านไอ้ถิตย์ไปอาบน้ำล้างคราบออกก่อนที่พวกมัน จะตื่นมาเจอ...

หลังจากนั้นพักใหญ่พวกนั้นก็ตามมา
"กลับมาบ้านกูก็ไม่ปลุกกูซะ หน่อยนะสาด นึกว่าหายไปไหน" ไอ้ถิตย์ร้องทักมาก่อน
"ก็กุเห็นพวกมึงนอน หมดสภาพแบบนั้น คงจะโดนสูบจนหมดแรงเลยมั้งนั่น เป็นไงว่ะ กี่ยกละมึง?" ผมแซวเล่นๆ
"แม่งดูดเก่งชิบหาย... กุชักจะติดใจละ" 555+ เพื่อนอีกคนตอบแทน

หลังจากนั้นพวกมันก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ลงมากินข้าว แม่ไอ้ถิตย์ทำกับข้าวไว้ซะหลายอย่าง รสชาดดีมากๆ หรืออาจจะเป็นเพราะกิน "ผัดลูกเจี๊ยบในดงมะเขือ" เมนูประจำในหน่วยฝึกมานาน จนทำให้กินอะไรก็อร่อยไปหมดก็เป็นได้

หลังจากนั้นพวกผมก็ลาพ่อแม่ไอ้ถิตย์แล้วก็ แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน กว่าจะเจอกันอีกทีก็อีก 14 วัน...

ก่อนจะแยกกันกับโรจน์ ผมกับมันก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกันเลย
นอกจากมองตากัน แต่ถึงไม่พูดผมกับมันก็คงพอจะเดาออกว่า ณ ตอนนั้น เรารู้สึกต่อกันอย่างไร
ครบกำหนด 15 วันของการลากลับบ้าน ก็ได้เวลาต้องกลับสู่กรมกอง ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติในฐานะ(พล)ทหารอย่างสมบูรณ์ (ฟังดูดีเนอะ)

ถึงหน่วยก็เกือบเที่ยง เจอกับเพื่อนๆที่ได้ร่วมฝึกผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกัน ต่างก็ทักทายพูดคุยกันสนุกสนาน ทุกคนแต่งชุดพรางดูแปลกตา ดูแล้วเท่ห์มาก เนื่องจาก ปกติก่อนหน้านี้ พวกเราจะอยู่ในชุด "เป็ดน้อย" (เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของทหาร) หรือไม่ก็อยู่ในชุดฝึกสีเขียวขี้ม้ามอซอดูมอมแมม แต่ตอนนี้ แต่ตอนนี้อยู่ในคราบชุดพราง ทุกคนดูมีมาด จะเดินเหิรลุกนั่งแต่ละท่วงท่าก็แหม...กุนิเท่ห์สัดๆ

คงคิดว่าตัวเองเป็นนาย แบบทหารที่กระทรวงคัดเลือกมาเต็มที่เลยทีเดียว

ระหว่างนั้นเอง เสียงนกหวีดก็ส่งเสียงรบกวนการสนทนา พร้อมกับคำส่ง "ร้อยโรงบาล...รวม" เป็นคำสั่งจากจ่ากองร้อยนั่นเอง ผมกับเพื่อนอีก 7 คน ก็เด้งตัวทันทีพร้อมกับวิ่งไปเข้าแถวหน้ากระดาน รอรับคำสั่งจากจ่ากองร้อยอีกครั้ง

"วันนี้ หลังข้าวเที่ยง ทางกองร้อยเสนารักษ์จะมารับพวกคุณกลับหน่วย ไปเตรียมตัวเก็บข้าวของให้เรียบร้อย..ทราบ!"

อย่างที่ได้บอกไว้ตั้งแต่ ตอนต้นแล้วว่า พวกผมกับเพื่อนจากหน่วยทหารเสนารักษ์ทั้งหมด 32 คนถูกแยกนำไปฝากผึก หน่วยละแปดคน

"ทราบ..." พวกผมตอบรับพร้อมกัน

หลังรับคำสั่ง ผมกลับรู้สึกใจแป้วทันที นึกว่าจะได้อยู่ที่นี่ต่อซัก 4-5 วัน อยู่กับคนที่ผมรู้สึกดีด้วยมากๆ โรจน์..เรายังไม่ได้ทักทายอะไรกันมากมายให้สมกับที่คิดถึงช่วงที่ไม่ได้เจอ หน้ากันตอนลากลับบ้าน

เมื่อรับคำสั่งแล้วก็แยกแถว ผมรู้สึกเศร้ามากที่ตัวเองต้องแยกจากคนอื่น เพื่อนๆที่เคยลำบากร่วมกันมา แม้จะแค่ 2 เดือน แต่ผมกลับผูกพันธ์มาก ผมยังไม่อยากไปไหน อยากอยู่กับความทรงจำดีๆกับเพื่อนๆต่อไปที่นี่..

"ไม่เป็นไรนะบี..ร้อยโรงบาล ก็อยู่แค่หน้าค่ายนี่เอง เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน ไม่ได้ไปไหนไกลซะหน่อย" โรจน์คงจะสังเกตสีหน้าผมออก

"อืม.." ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วก็ส่งยิ้มเศร้าๆ ให้มัน

ข้างเที่ยงมื้อนั้น รู้สึกว่ารสชาดจะแย่สุดๆ ผมกินได้ไม่กี่คำก็หยุด เมื่อทุกคนกินเสร็จแล้ว ก็เดินแถวกลับกองร้อย เมื่อไปถึงผมกับเพื่อนทหารเสนารักษ์ก็เก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับหน่วย

ซักพักรถของหน่วยโรงบาลก็มาจอดที่หน้าหน่วยฝึก ผู้หมวด(ผู้ควบคุมการฝึกทหารใหม่ภายในหน่วย)ก็เดินมาทางพวกผม

"กลับหน่วยฝึกของพวกเอ็ง ได้แล้ว หมดหน้าที่ของผู้หมวดละ มีเวลาว่างก็มาเยี่ยมหน่อยนะ" เป็นคำลาของผู้หมวด

...ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ ภายใต้สภาวะความกดดัน ความเหน็ดเหนื่อย ผู้หมวดเป็นเหมือนพ่อ ห่วงใย ดูแลทหารทุกคนด้วยความใส่ใจ หลายๆ คำสั่งและกฏเกณฑ์ภายในหน่วย มาจากความห่วงใยของผู้หมวด ทำให้หน่วยฝึกนี้เป็น "กองร้อยเทวดา" ไม่ใช่ว่าระเบียบวินัยจะหย่อนยาน หากแต่เป็นความใส่ใจจากนายทหาร ที่มีต่อทหารเกณฑ์ต่ำต้อยอย่างพวกผม เราจึงเคารพรักและเทิดทูนผู้หมวดคนนี้มาก...

คำพูดของผู้หมวดทำให้ผม ตาพร่า น้ำตารื้นขึ้นมาทันทีแล้วก็ไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งตัว ผมก้มหน้าเก็บของขึ้นรถ ไม่กล้ามองหน้าใคร ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอในตอนนั้น

"โชคดีนะบี เดี๋ยวไปเยี่ยม.." เสียงลาจากเพื่อนๆ นั่นยิ่งทำให้ผมตาพร่า หูอื้อ ผมพยักหน้าให้เพื่อนๆเบาๆ ทั้งที่ยังก้มหน้า เดินขึ้นรถ ไม่กล้าหันหลังกับไปมองหน้าใคร ผมไม่รู้ว่าโรจน์จะทำหน้ายังไง ไม่รู้ว่ามันจะพูดอะไรกับผมมั้ย? แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันยืนอยู่ตรงนั้น มองมาที่ผมตลอด รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไป ผมคงจะหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง ถ้าหากรู้ว่า นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นหน้ามัน..... 
เมื่อรถจอด ก็มีป้ายขนาดใหญ่โชว์หราอยู่ตรงหน้า -กองร้อยพลเสนารักษ์ โรงพยาบาลค่าย...- เป็นอันว่าพวกผมถึงที่หมายแล้วเรียบร้อย เป็นหน่วยงานต้นสังกัดที่พวกผมจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกจนกว่าจะครบ 2 ปี

สภาพโดยทั่วไปดูสะอาด สะอ้าน ร่มรื่น อาคารของกองร้อยก็เป็นคอนกรีตหลังใหญ่ ต่างจากที่หน่วยฝึกเดิมที่เป็นอาคารไม้ทั้งหลังสภาพค่อนข้างทรุดโทรม

แต่ละคนเริ่มเก็บข้าวของลง จากรถ ยังไม่ทันที่ขาอีกข้างของผมจะก้าวพ้นประตูรถ เสียงนกหวีดก็ดังขึ้นมาทันที
"ปรี๊ดดดด.... หมอบ" อะไรวะครับ กูยังไม่ได้ทำไรเลย
"ชักช้า อืดอาด ยืดพยาธิ.. เอาหน้าแนบกับพื้น แขนแนบลำตัวติดพื้นด้วย" หมดกันครับ ชุดพรางสุดเท่ห์ พอดีกับพื้นแฉะๆ เพราะฝนเพิ่งจะหยุดตกพอดี
"แถวตอนเรียง 4 ปฏิบัติ" พวกผมเด้งตัวขึ้นมาทันที จัดเรียงแถวตามคำสั่ง
"นับตลอด...นับ"
"หนึ่ง...สอง ...สาม............สามสิบ สามสิบคน ขาด 2 ครับ" เสียงคนสุดท้ายของแถว ร้องบอก
หายไป 2 คนคับ รุ่นผมจริงๆต้องมี 32 แต่หลังจากปล่อยบ้านมันก็ไม่กลับมา คาดว่าจะหนีแน่นอน จากนั้นผู้กองกับจ่ากองร้อยก็ลงมาพูดคุยกับทหารใหม่เล็กน้อยแล้วก็ปล่อยให้ เอาของไปเก็บ พักใหญ่ๆ ก็มีการเป่ารวมทหารใหม่อีกครั้ง ผู้กองอธิบายเกี่ยวกับกฏระเบียบและหลักสูตรการฝึกพลเสนารักษ์ สรุปได้ความว่า พวกผมต้องฝึกหลักสูตรเสนารักษ์อีก 2 เดือน.... บร๊ะเจ้า อีกแล้วหรอเนี่ย -*-

เมื่อหลักสูตรการฝึกได้เริ่มต้นขึ้น พวกผมก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การใช้เปลสนาม ฝึกแบกหามผู้ป่วยในท่าต่างๆ ฝึกผายปอด และอื่นๆอีกมากมาย ระหว่างนี้เองที่ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นไอ้หน้าหล่อ คนที่ผมปิ๊งมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ผมแอบสังเกตมันตลอดระยะการฝึก ถึงตัวมันจะคล้ำลงไปบ้าง แต่เค้าความหล่อของมันไม่ได้ลดลงเลย แถมดูกำยำขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ผมก็แค่แอบมอง ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันมากมาย อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยสนิทกับมันก็ได้

ระหว่างนี้ผมอาจจะยังไม่รู้จักกับทุกคน แต่คิดว่าทุกคนต้องรู้จักผมแน่ เพราะผมน่ารัก 555+ ป่าวหรอกครับ ล้อเล่น เป็นเพราะมีผมคนเดียวที่พกโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วยหลังกลับจากเยี่ยมบ้าน คราวที่แล้ว ทุกคนเลยต้องมายืมผมโทร แต่ไม่ได้ยืมฟรีหรอกนะครับ ผมใช้ระบบเติมเงิน ใครโทรเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น ไม่ได้คิดกำไรอะไรทั้งสิ้น ( ไม่ได้ตังแต่ได้วัน >0<) ถือว่าช่วยๆกันไป

ไอ้หน้าหล่อมันจะมายืมโทร บ่อย อ้อ..มันชื่อ ป้อง ครับ เห็นมันโทรบ่อยๆ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ (จริงๆ อยากหาเรื่องคุยกับมันมากกว่า) ถามมันว่าโทรคุยกับใครหรอทุกวันเลย มันบอกว่าโทรคุยกับลูกสาว -*- (เวนครับ มันมีลูกเมียแล้ว) ป้องมันเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวเกือบ 3 ขวบแล้ว กำลังหัดพูดเจื้อยแจ้วเลย แต่มันแยกทางกับเมียแล้ว ลูกสาวอยู่กับย่า ผมรู้รายละเอียดแค่นั้นเพราะเห็นว่ามันมีลูกมีเมียแล้ว ก็เลยเลิกที่จะใส่ใจมันอีก...

การฝึกก็ดำเนินต่อไปจนเกือบครบ 2 เดือนแล้ว มาฝึกที่นี่บางครั้งก็ต้องแก้ผ้าอาบน้ำร่วมกันจับเวลาด้วย จากที่หน่วยฝึกก่อนไม่เคยต้องแก้ผ้าอาบน้ำ -*- แต่เพื่อนๆที่มันฝึกอยู่หน่วยอื่นมันบอก แก้จนชินละ ของใครเล็กใหญ่ยาวสั้นแค่ไหนก็ได้เห็นคราวนี้ละ ผมก็มัวแต่อาย ไม่กล้ามองของใคร ทั้งๆที่ใจจริงก็อยากเห็น 555+
ช่วงหลังๆ ไม่ได้ฝึกภาคสนามกันแล้ว ส่วนมากจะเป็นการอบรมภายในห้อง มีอยู่วันนึง พี่ๆบุคลากรจากโรงบาลค่ายฯ เป็นพยาบาลทหารบก 4-5 คน กับนายสิบทหารบกอีก 2 คน มาสอนหลักสูตรเกี่ยวกับการผายปอด การปั๊มหัวใจ และอื่นๆ วันนี้ในคลาสเรียนค่อนข้างจะมีสีสันหน่อยเพราะมีสาวๆพยาบาล หน้าตาน่ารักมาให้พวกทหารกลัดมันได้ยลโฉม บรรยากาศทั่วไปจึงคึกคักเป็นพิเศษ ช่วงพักระหว่างฝึกก็มีกิจกรรมสันทนาการให้เล่น ขั้นแรกก็หาคนเข้าร่วมก่อน โดยให้ทหารทั้งหมดนั่งเป็นวงกลม พอเริ่มเปิดเพลงก็ให้ส่งผ้าต่อกันไปเรื่อยๆ เพลงหยุดแล้วผ้าอยู่ที่ใครคนนั้นก็ต้องออกมาเล่นกิจกรรมต่อไป แน่นอนว่า ในกลุ่มคนซวยต้องมีผมอยู่ด้วยแน่นอน 555+ (ตอนเพลงหยุดผ้าไม่ได้อยู่ที่ผมนะ แต่เพื่อนมันเสือกโยนมา กรรมเลยมาตกที่ผม) พอได้คนซวยครบ 8 คนแล้ว ผู้หมวดพยาบาลสาวสวยก็บอกรายละเอียดของกิจกรรมพร้อมกับหยิบอุปกรณ์การเล่น ออกมา เป็นลิปสติกสีต่างๆ 3-4 แท่ง แป้งเด็ก แป้งตลับ และดินสอเขียนคิ้ว ให้จับคู่ 2 คน ผลัดกันแต่งหน้าไปอีกฝ่าย แต่งแบบไหนก็ได้ คู่ไหนแต่งได้ถูกใจก็รับรางวัลไป เป็นน้ำหอม 1 ขวด (เป็นขวด 4 เหลี่ยมยาวๆ ดูไฮโซๆ)

พอได้สัญญาณเริ่มการแข่งขัน แต่ละคู่ก็ละเลงเมคอัพให้กันสุดฤทธิ์ ไม่ต้องถามหาถ้าจะเอาแบบดูดี ให้ทหารแต่งหน้าให้กัน เวิร์คสุดๆ ผมก็ป้ายๆ ให้เพื่อนเต็มที่ ทาหน้าขาวๆ เขียนคิ้วโก่งๆ ขึ้นไปบนหน้าผาก ทาปากจู๋ๆสีแดง เหมือนตัวละครสมัยก่อนของญ๊ปุ่น ฮาค่อดๆ คู่ของผมมันก็ละเลงหน้าผมมั่ง แต่แต่งเสร็จก็เปิดเพลงให้เต้นเกี้ยวกัน คู่ใครคู่มัน เพื่อนๆก็ฮาท้องคัดทอ้งแข็ง ผมละอ๊ายอาย แต่ The show must go on! ครับ

หลังจบกิจกรรมก็มีการโหวดให้คะแนนจากเพื่อนๆทหารที่เหลือรวมทั้ง พยาบาล ว่าถูกใจคู่ไหนมากที่สุด ...คู่ผมได้ครับ ไอ้เพื่อนคู่ผมมันดีใจใหญ่ มันบอกมันอยากได้น้ำหอมนี้มากๆ ผมก็เลยจำใจต้องยกให้มัน (จริงๆก็อยากได้นะ) หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมเดินไปห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้า -ไอ้โต้ง- เพื่อนสนิทของผมคนนึงในตอนนั้นมันเดินมาคุยกับผม
"มึงจะล้างหน้าหรอ..?" ไอ้โต้งถาม
"เออดิ กูหนักหน้า แป้งเต็มหน้าเลย" ผมตอบมันพร้อมกับบิดก๊อกน้ำ
"กูว่ามึงไม่ต้องล้างออกหรอกว่ะ แบบนี้สวยดี กูชอบ เห็นแล้วเงี่ยน ไม่เชื่อลองจับดูดิ.." มันพูดพร้อมกับแอ่นเป้ามาทางผม.
"เชี่ย กวนตีนละมึง มึงชมแบบนี้กูจะดีใจมั้ยสาดดดด.." ผมตอบพร้อมกับวิดน้ำล้างหน้า
"เฮ่ย แต่กูพูดจริงนะ มึงสวยจริงๆนะ " -*-

ผมเงยหน้าขึ้นกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำเพราะ ขึ้เกียจจะเถียงกับมันต่อ เห็นไอ้หล่อป้องยืนยิ้มมุมปากตรงหน้ากระจกมองมาทางผม

-อารมณ์ไหนอีกวะ เชี่ยหนิ- ผมคิดในใจแล้วก็เดินออกมา
.
.
พัก ใหญ่ๆต่อจากนั้นก็ได้เวลาอาหารเย็น ตอนกินเข้าพวกเราทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องจะเดินไปกินข้าวพร้อมกัน หลังกินข้าวเสร็จก็เดินแถวกลับ พอรุ่นพี่สั่งแยกแถว ไอ้เชี่ยโต้งมันก็กระโดดมาคว้าแขนผมปุ๊บ
"กูพูดจริงๆนะ เดี๋ยวคืนนี้กูไปนอนด้วย" มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มกวนทีนๆให้ผม
"ไม่ฟรีนะ โว๊ย ค้างคืน 200 จ่ายสดงดเชื่อ เบื่อจะทวง 555+" ผมรับมุขมันพร้อมกับวิ่งหัวเราะไปที่ห้องทีวี
"สาดดด... แพงว่ะ" มันบ่นอุบอิบ

ผมกับมันสนิทกันจนไม่ได้คิดอะไรจริงจังแบบนั้น และที่สำคัญในกองร้อยก็ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นด้วย เพราะผมไม่แสดงอาการ 555+

ถึง 3 ทุ่ม สัญญาณเข้านอนก็ได้ดังขึ้น พอหัวถึงหมอนผมก็หลับทันที จำได้ว่าตอนอยู่ในค่ายจะหลับง่ายมาก พอหัวถึงหมอนก็จะหลับเป็นตายทันที มารู้สึกตัวอีกทีก็มีคนสะกิด
" อ๊ะ นี่ ! " ใครสักคนเปิดมุ้งแล้วก็ยื่นอะไรซักอย่างมาให้ผม
" อะไรอะ !? " ผมงัวเงียแล้วก็งุนงงกับเหตุการณ์ข้างหน้า
" ก็พี่ได้ยินเราพูดกับเพื่อนว่า ค้างคืน 200 จ่ายสดงดเชื่อ ก็นี่ไง 200 "
ผม แทบจะหลุดขำออกมา ไม่คิดว่าคำพูดเล่นๆ ที่ผมพูดกับเพื่อน จะมีคนเก็บไปคิดเป็นเรื่องเป็นราว แต่เห็นท่าทางจริงจังจากน้ำเสียงของมันผมก็ขำไม่ออก
" ผมพูดเล่นกับเพื่อนเฉยๆ ครับ พี่ "
" งั้นหรอ ? " มันพูดแล้วเอามือเกาหัว ก้มหน้างุดๆ เดินกลับไปโรงนอนฝั่งรุ่นพี่
มันมัน ไปแล้ว ผมก็แอบขำคนเดียว -เมื่อกี้ใครว่ะ เชี่ย สงสัยจะเงี่ยนจัด - ผมคิดในใจ ตอนนั้นมันดึกแล้วค่อนข้างมืด แล้วผมเป็นรุ่นน้องใหม่ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับรุ่นพี่ได้ เลยไม่รู้จักว่าเป็นใคร จริงๆ อาจจะเคยเห็นบ้าง แต่ก็ผ่านๆ
" เฮ่อ...." ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วก็หลับต่อ 
หลังจากวันนั้นอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เราก็จบหลักสูตร ผู้กองอนุญาตให้ชุดแรกลากลับบ้านได้ 12 วัน ผมก็เข้าไปปรึกษากับผู้กองเพราะตั้งใจแล้วว่า ฝึกเสร็จก็จะขอลากลับไปเรียนต่อ ผมได้รับอนุญาต แต่อาจต้องกลับมารายงานตัวทันที หากมีการเรียกตัว

ก่อนจะถึงชุดลาของผม (ทหารใหม่จะถูกแบ่งออกเป็นชุด ประมาณ 4 ชุด ทยอยกันลา เพราะถ้าลาพร้อมกันจะไม่มีคนเฝ้าเวรยามและทำงานที่กองร้อยฯ ผมได้ชุดลาชุดสุดท้าย ) ผมทำงานในแผนก บก.ร้อยฯ ทำงานเกี่ยวกับเอกสารภายในกองร้อยฯ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปช่วยตามแผนกต่างๆ ภายในโรงบาลค่ายฯ

เมื่อถึงคิวลาของผม ผมก็แพคกระเป๋า 2 ใบ รับใบลาจากจ่ากองร้อยฯ ขณะกำลังจะหิ้วกระเป๋าออกมา
" เฮ่ย มึงจะกลับบ้านแค่ 10 กว่าวัน เอากระเป๋าไปทำไมตั้งสองสามใบวะ " จ่าฯ ร้องถามด้วยความสงสัย
" พอดีของฝากเยอะครับจ่า " ผมตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก
"สงสัยมันจะไปไม่กลับครับจ่า " เสียงไอ้เพื่อนซักตัวแซวผม แล้วก็หัวเราะ จริงๆ มันก็ไม่รู้หรอกว่าผมจะไปแล้วไปเลยจริงๆ เพราะเรื่องนี้มีผมกับผู้กองเท่านั้นที่รู้ ผมทำความเคารพจ่าอีกครั้งก่อนจะเริ่มหิ้วกระเป๋าเดินทางพร้อมกับเพื่อนคน อื่นๆ ไอ้หล่อป้องก็อยู่ชุดลาเดียวกับผมด้วย เราออกเดินไปขึ้นรถพร้อมๆกัน แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงบาลค่ายฯ ก็เห็นรถของจ่าในค่าย เป็นรถแค็บที่ต่อหลังคาข้างหลังกันแดดกันฝนแบบรถสองแถว พวกผมตกลงออกตังค์กันเหมารถให้จ่าไปส่งถึงหมอชิต แล้วถึงจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

รถเริ่มเคลื่อนตัวไปตามถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ผมนั่งข้างหลัง แต่ไอ้หล่อป้องมันนั่งในเเค็บ นั่งกินลมชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย แถวนี้ภูเขาเยอะจริงๆ ส่วนมากจะเป็นเขาหินปูน อากาศกำลังสบาย รถไปจอดพักที่เพชรบุรีแถวๆ ที่มีร้านขายของฝาก ขนมหวานขึ้นชื่อต่างๆ ของเมืองเพชรฯ ร้านที่พอจำได้แล้วก็รู้สึกจะมีหลายสาขาก็พวก แม่กิมไล้ แม่กิมลั้ง อะไรเทือกนี้ละ เพื่อนผมมันก็ออกตังค์กันซื้อเหล้าขาวกะแม่โขงขึ้นรถมาด้วย คิดว่าคงจะเอามากินบนรถนี่แหล่ะ เพราะมันไม่น่าจะใช่ของฝาก

หลังจากจอดรถได้พักใหญ่ก็ ได้เวลาต้องเดินทางต่อ ขณะที่ผมกำลังจะขึ้นรถ ไอ้หล่อป้องมันก็เดินมาที่ผม
"เดี๋ยว บีขึ้นไปนั่งในแค็บก็ได้นะ เราจะออกมานั่งข้างนอกเอง " มันพูดพร้อมกับดันๆ ผมไปตรงแค็บ ก็ดีครับ ผมไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว แฮะๆ ผมชอบนั่งที่แอร์เย็นๆมากกว่า

รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไอ้พวกที่นั่งข้างหลังคงกำลังตึงๆได้ที่ มันบอกจ่าคนขับว่า ไม่ต้องรีบก็ได้ พวกมันกำลังสนุกกับการกินเหล้าเคล้าเสียงเพลง แหกปากส่งเสียง เคาะแก้วเคาะขวดไปตามเรื่อง ไอ้หล่อป้องก็เป็นไปกับเค้าด้วย จริงๆไม่คิดว่ามันจะกินเหล้าขาวเป็นนะ ดูท่าทางมันจะมีความสุขมาก เพราะพอผมหันหลังกลับไปมองด้านหลังรถทีไร ก็เห็นมันแหกปากร้องเพลงไม่หยุด แถมบางทีมันก็ยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีกด้วย แหม ตอนแรกก็คิดว่ามันห่วงเรากลัวโดนฝุ่นโดนลม ที่ไหนได้มันอยากออกไปนั่งแหกปากกินเหล้าข้างหลังนี่เอง เฮอะ คิดแล้วก็ขำมันจริงๆ
และเมื่อรถเริ่ม เข้าเขตสถานีหมอชิต เสียงโอเปร่าจากขี้เมาท้ายรถก็เงียบลง ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่แม้ว่าพวกนั้นจะกำลังอยู่ในอารมณ์สนุกสนานหรือ มึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์แค่ไหน ก็ยังมีสติและยังให้เกียรติชุดพรางที่สวมตัวอยู่ตอนนั้น ไม่ได้แสดงอาการขาดสติในที่ชุมชน รถจอดเกือบๆจะตรงทางขึ้นสถานีหมอชิต ขณะนั้นเป็นเวลาหัวค่ำประมาณทุ่มนึงเห็นจะได้ คนพลุกพล่านพอสมควร ผมก้าวขาออกมาจากแค็บ แล้วยืนบิดขึ้เกียจอยู่ตรงนั้นด้วยความเมื่อยล้า นั่งนานชักจะปวดแข้งปวดขา ไอ้หล่อป้องก้าวลงจากท้ายรถเดินตรงมาที่ผมแล้วกอดทันที ผมตั้งตัวไม่ติด เหมือนเวลาจะหยุดเดินอยู่ชั่วขณะ ผมค้างอยู่ท่านั้นเป็นเวลา 7.25 วินาที โดยประมาณ >0< เพื่อนๆ ที่นั่งรถมาด้วยกันเห็นแบบนั้นก็ดูจะงุนงงไม่น้อย

"เฮ่ย พวกมึงทำไรกัน.." เป็นเสียงของครูฝึก (รุ่นพี่สิบตรีกองประจำการที่ฝึกสอนพวกผม) ซึ่งก็คงจะงงเหมือนกัน

"อะ.. อะไรอะ" ผมหลุดปากถามคำถามนี้ออกไป ป้องมันทำหน้าเหรอหรา หน้ามันแดงมากคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า

"ไม่รู้ว่ะ....เราเมา " มันพูดเบาๆ แล้วคลายมือออกจากตัวผม

ผมยืนนิ่งเหมือนคนขาดสติ พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่เข้าใจว่าแบบนี้มันหมายความว่าอะไร มันชอบผมหรอ ดูยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ตลอดเวลาที่อยู่กองร้อยเราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน กลุ่มเพื่อนสนิทก็เป็นคนละกลุ่มกัน และที่สำคัญมันไม่เคยแสดงท่าทีจะสนใจผมเลย จนผมตัดใจไม่คิดจะใส่ใจกับมันไปแล้ว

เราแยกจากกันตรงนั้น ป้องเดินไปขึ้นรถประจำทางอีกคัน สายตาของผมยังคงจับจ้องไปที่มันเพื่อหาคำตอบ แต่ก็ไม่มีสัญญาณใดๆ ออกมา มันหันมามองผมอีกครั้ง ก่อนที่รถคันนั้นจะเคลื่อนตัวออกไป มันไปแล้ว แต่ผมยังอยู่ที่ตรงนั้น ยังคิดทบทวนเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ถ้ามันชอบผม ทำไมมันไม่แสดงออกมาให้ผมได้รับรู้บ้าง แต่ถ้าไม่ แล้วมันทำแบบนี้เพื่ออะไร
.....

ภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ ยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำผมเสมอมา มันยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ แม้เวลาจะล่วงผ่านเลยมาหลายปีแล้วก็ตาม

ชีวิตในรั้ว มหาวิทยาลัยของผมเริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากไปเป็นรั้วของชาติอยู่เกือบ 6 เดือน ได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเพื่อนฝูง ไปกิน ไปเที่ยว ไปเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตเหมือนเด็กมหาลัยทั่วไปอีกครั้ง แม้ในช่วงแรก เหตุการณ์ที่สถานีหมอชิตวันนั้น จะยังรบกวนจิตใจของผมอยู่พักนึง แต่สุดท้ายแล้วผมก็คิดได้ว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องจมปลักอยู่กับอดีตที่คลุมเครือแบบนั้น อนาคตยังต้องเดินต่อไป ยังมีเรื่องราวอีกเยอะแยะมากมายที่ต้องพบเจอ ท้ายที่สุดเรื่องราววันนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของผม อาจมีบ้างบางอารมณ์ที่คิดถึงเพื่อนๆ ที่ลำบากมาด้วยกัน นานๆ ครั้งผมจะโทรไปที่กองร้อยฯ เพื่อสอบถามข่าวคราวเพื่อนๆและความเป็นไปในหน่วยฯ

เหตุการณ์ก็เป็นปกติ จนเวลาผ่านไป 1 ปี ผมโทรไปที่กองร้อยฯ อีกครั้ง เพื่อนบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนผู้กองฯและใกล้จะปลดประจำการทหารรุ่นผมแล้ว กองร้อยกำลังเตรียมเอกสารการปลดฯ และเตรียมจำหน่ายรายชื่อทหารหนีราชการ ให้ผมกลับมาประจำการที่กองร้อยเพื่อรอปลดฯ เป็นอันว่าชีวิตในเครื่องแบบของผมกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง ผมทำเรื่องลาพักการเรียน เตรียมเก็บข้าวของ มุ่งหน้าสู่รั้ว -โรงเรียนลูกผู้ชาย- กลับไปเป็น -ราชินีแห่งสนามรบ-
อีกครั้งนึง...
และเมื่อผมก้าวขา ลงจากรถประจำทาง ป้ายขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า -โรงพยาบาลค่าย...- ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ ก็กำลังไหลย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของผมอีกครั้ง ที่แห่งนี้ยังมีบรรยากาศเหมือนเดิม แตกต่างเพียงรายละเอียดเล็กน้อย ผู้คนเดินผ่านกันไปมาภายในโรงพยาบาล ทหารเสนารักษ์ก็ผุดลุกผุดนั่ง ดูแลคนป่วยเท่าที่พอจะทำได้ ผมเดินผ่านหน้าโรงพยาบาล ผ่านสนามฝึกและสระน้ำ ถึงหน้ากองร้อยฯ จุดมุ่งหมายแรกคือ รายงานตัวกับผู้บังคับบัญชา แฮะๆ จะอยู่จะไปต้องให้เค้ารับทราบก่อน..

ขณะจะก้าวพ้นบันไดกองร้อย ผมก็ต้องหยุดชะงักทันที เพราะมีบุคคลในเครื่องแบบลายพราง รองเท้าคอมแบทขัดเงา ติดปลอกแขนสีแดงที่มีข้อความเขียนว่า -ผู้ช่วยสิบเวร- มายืนขวางอยู่ตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้นมอง เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ยืนยิ้มแป้นมองมาที่ผม...
" กลับมาแล้วหรอ ...ตาบี " เป็นคำแรกจากปากนายป้อง ไอ้หล่อของผมเอง *0* มันเรียกผมว่า ตาบี L0L
" ใช่แล้นนน... แล้วป้องล่ะ สบายดีนะ? โว๊วๆ ได้เป็นสิบตรีกองฯ ด้วย "
" ... " มันไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มๆ
" งั้น เดี๋ยวไปหาผู้กองฯ ก่อนนะ ไว้คุยกัน.." ผมพูดแล้วเดินเข้าไปรายงานตัวใน บก.ร้อยฯ

ดูจากปลอกแขนแดง แสดงว่า ป้องมันได้เป็นสิบตรีกองประจำการ ซึ่งแปลว่าจะต้องผ่านการฝึกอบรมการเป็นสิบตรีกองฯ อีก 2 เดือนหลังจากฝึกหลักสูตรเสนารักษ์อีก โฮะๆ รวมๆ แล้ว มันต้องฝึกทั้งหมด 6 เดือน ผมว่ามันอึดสุดยอด ฝึกเบื้องต้น 2 เดือน ฝึกหลุกสูตรเสนารักษ์อีก 2 เดือน แล้วต้องฝึกเป็นสิบตรีกองฯอีก 2 เดือน ผมว่าแค่ 2 เดือนแรกเนี่ยก็เหนื่อยมากแล้วนะ ป้องมันเก่งจริงๆ

หลังการรายงานตัวเสร็จสิ้น ผมก็ออกมาคุยกับป้อง พอดีวันนี้เป็นเวรมันเข้าผู้ช่วยสิบเวรประจำกองร้อยฯ ปกติช่วงกลางวันแบบนี้ ที่กองร้อยจะค่อนข้างเงียบ เพราะส่วนมากจะออกไปทำงานประจำแผนกกันหมด เหลือเฝ้ากองร้อยอยู่ไม่กี่คน ผมคุยกับมันได้ซักพัก มันก็บอกให้เอาของไปเก็บ มันจัดที่ไว้ให้แล้ว เตียงอยู่ติดกับมัน *0* ผมสังเกตุเห็นกลับมาเที่ยวนี้ป้องมันช่างพูดกว่าแต่ก่อนเยอะ เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ มันจะนิ่งๆ กว่าจะหลุดออกจากปากแต่ละคำ...

" แล้วมีเสื้อยืดกางเกงขาสั้นใส่ปะเนี่ย...? " มันคงสังเกตุเอาจากกระเป๋าที่ใบเล็กที่ติดตัวมาด้วย
" ไม่มีอะ ก็มีแค่ชุดพรางที่ใส่อยู่กับเสื้อยืดอีกตัวนึง " ผมตอบพลางยิ้มเฝื่อนๆ ให้มัน
" อืม.... " มันพูดพลางเดินไปที่เตียงของมัน เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดทหารให้ผม 2 ชุด
" เอานี่ใส่ไปก่อน เดี๋ยวจ่ากองร้อยกลับมาจากต่างจังหวัด ค่อยเบิกอันใหม่ "
"....." ผมยื่นมือไปรับ แต่ไม่มีคำกล่าวขอบคุณใดๆ หลุดออกไป ได้แค่ยืนมองหน้ามัน..
" อือ งั้นก็ เก็บของให้เรียบร้อยซะ เดี๋ยวปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอน ตอนเย็นค่อยเอา ตากอยู่ยังไม่แห้ง ไปล่ะ.. " มันพูดแล้วก็หันหลังเดินออกไป ชั่วแว่บนึงขณะนั้นผมสังเกตุว่าหน้ามันแดงๆ นิดหน่อย..

ผมนั่งลงที่เตียง ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดกับผมนานมากแล้ว ผมนั่งยิ้มอยู่ตรงนั้น ทำไมการที่มีคนแสดงความห่วงใยใส่ใจเราแม้เพียงเล็กน้อย ถึงทำให้เรามีความสุขได้มากมายขนาดนี้ อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมคงจะเริ่มเทใจให้มันอีกครั้งแล้วแน่ๆเลย มันจะน่ารักเกินไปแล้วนะตาป้อง..
ผมถูกจัดให้ไปช่วย งานที่ห้องยาของโรงพยาบาลค่ายฯ คอยจัดยา นับยา (อาจเป็นเพราะผมพอจะอ่านภาษาปะกิดได้บ้างมั้ง) ทำความสะอาดห้องยา รวมถึงงานจุกจิกแล้วแต่เค้าจะเรียกใช้ ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่แปดโมงถึง บ่าย3โมงครึ่ง กับเพื่อนๆ ทั่วไปโดยรวมก็ดี แต่จะมีบางคนที่เหมือนไม่ค่อยพอใจ ถึงจะไม่แสดงออกมากมายแต่ก็พอจะรู้ได้เอง สาเหตุก็คงจะเนื่องจากช่วงที่ผมได้ลากลับไปเรียน แต่ที่เหลือต้องอยู่ทำงานเข้าเวรยามอยู่ที่กองร้อยฯ ก็เข้าใจนะ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบพวกนั้นอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็เหมือนโดนพูดเหน็บๆ ทำเอารู้สึกแย่ๆ แต่ดูเหมือนคนที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งจะเป็น ตาป้อง (มันเรียกผมว่า ตาบี ผมเลยเรียกมันว่า ตาป้อง *0* ) ทุกครั้งที่เจอหน้ามัน ก็จะต้องมีรอยยิ้มจากมันส่งมาให้เสมอ มันมักจะคอยถามไถ่ เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ผมว่าจริงๆ แล้วคนที่น่าห่วงที่สุดน่าจะเป็นมันมากกว่า เพราะช่วงนี้มีทหารใหม่เข้ามา ป้องกับเพื่อนสิบตรีกองฯอีก 4 คน ต้องไปช่วยฝึกน้องใหม่ทุกวัน ท่าทางจะเหนื่อยมาก เพราะตกตอนเย็นทีไรเห็นมันเหงื่อโทรมตัวเกือบทุกวัน

คืนวันหนึ่ง ผมจำได้แม่นว่าเป็นวันศุกร์ เพราะวันนี้เป็นวันฟรีเดย์ (คืนวันศุกร์กับวันเสาร์) หรือวันปล่อยผี กฏระเบียบจะไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก วันนี้ทหารจะลั๊นลาเป็นพิเศษ วันปกติ 3 ทุ่มต้องปิดไฟเข้านอนหมดแล้ว แต่วันนี้พิเศษหน่อย อนุญาตให้ถึงเที่ยงคืน ทหารกลัดมันจะชอบเอาหนังโป๊มาเปิดดู แล้วก็เดินเข้าเดินออกห้องน้ำกันให้ควั่ก บางกลุ่มก็แอบตั้งวงกินเหล้า (ผิดวินัยทหารอย่างแรงนะครับ ถึงจะฟรีเดย์ก็ห้ามเด็ดขาด) ก็เลยต้องแอบๆ กิน แต่ผู้บังคับบัญชาก็คงจะรู้แหล่ะ แต่เค้าคงขี้เกียจจะไล่บี้ เลยหยวนๆ ปล่อยผีไป วันนี้กลุ่มเพื่อนของตาป้องมันไปได้เหล้ามากจากไหนไม่รู้ ตั้งเค้าว่าจะก๊งกันตั้งแต่ก่อนจะค่ำ พอ 3 ทุ่ม สัญญาณเข้านอนก็ดังขึ้นพอเป็นพิธี จะนอนไม่นอนก็เรื่องของ... เวรยามกองร้อยก็เริ่มเดินปิดไฟทั่วกองร้อย จะเปิดทิ้งไว้เป็นบางดวง แต่ในโรงนอนต้องปิดไฟหมด ไอ้พวกนั้นพอได้เวลาก็เริ่มตั้งวงทันที ที่สำคัญเจือกมาตั้งวงติดกับเตียงผมซะงั้น เมนูของพวกมันวันนี้เป็นเหล้าขาวน้ำแดง ตาป้องก็ร่วมวงกับเค้าด้วย แต่ผมนอนเฉยๆอยู่บนเตียงครับ เพราะกินไม่เป็น ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ลงไปดูหนังโป๊ที่ห้องทีวีข้างล่าง พอเริ่มดึกผมก็เริ่มง่วง แต่นอนไม่หลับเพราะไอ้วงเหล้าข้างๆ เริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่นอนพลิกไปพลิกมา ป้องมันคงจะสังเกตเห็น

"ตาบีไปนอนเตียงเราก่อนก็ ได้ นอนนี่ยังไงก็ไม่หลับหรอก " ป้องมันพูดเบาๆ ข้างหู

ผมก็เห็นจริงตามนั้น เพราะดูเหมือนยิ่งดึกวงเหล้าจะยิ่งคึก จึงลุกเดินไปนอนเตียงตาป้อง มันกางมุ้งไว้เรียบร้อยแล้ว ซักพักก็หลับจนได้ นานแค่ไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็มีคนมาเบียดๆ ข้างๆ ผมงัวเงียลืมตามองดู ตาป้องนั่นเอง..

" อือ.... เลิกกินกันแล้วหรอ " ผมถามตาป้องเพราะไม่มีเสียงสนทนาจากวงเหล้าแล้ว..
"ใช่ เมามากล่ะ ไมไหวๆ "

เมื่อผมเห็นว่าวงเหล้าหายไปแล้ว ก็เลยจะลุกจากเตียงกลับไปที่ของตัวเอง

" จะไปไหน... " ป้องมันถามขณะที่ผมจะก้าวขาลงจากเตียงมัน
" กลับเตียงไง ง่วงอะ อยากนอน "
" นอนนี่ก็ได้ ไอ้ยุมันน็อคอยู่บนเตียงตาบีแล้ว.."
" งั้นหรอ.. เดี๋ยวเราไปนอนเตียงไอ้ยุก็ได้ เตียงเดียว 2 คน เบียดกันตาย " ผมบอกมันเพราะเห็นว่าเตียงทหารมันแคบ เหมาะกับการนอนคนเดียวมากกว่า
" ไม่เป็นไรหรอก นอนได้อยู่แล้ว เบียดๆหน่อยซิดีจะได้อุ่นๆ " มันตอบขณะที่ยังนอนหลับตาอยู่
" งั้นหรอ.. อืมๆ " ผมว่าแล้วก็ขยับๆ นอนคว่ำหันหน้าออกข้างเตียง เพราะอยากจะหลับต่อเต็มทีแล้ว

กำลังจะหลับอยู่แล้ว ดันรู้สึกตัวอีกเพราะป้องมันพลิกตัวมานอนคว่ำแล้วยกขาข้างขวามาทับตัวผม (ผมนอนด้านซ้ายมัน) มือก็กอดตรงเอว ง่วงก็ง่วง จะหลับต่อก็ไม่ได้เพราะมันหนัก ผมก็เลยพลิกตัวมานอนหงาย เพื่อให้ป้องมันรู้สึกตัวจะได้ไม่ต้องเอาขามาทับผม

" นอนไม่หลับหรอ.. " อ้าว ผมนึกว่ามันหลับไปแล้ว
" อยากหลับ แต่มันหนัก " ผมตอบมันแต่ตายังหลับอยู่

มันเลยเอาขาลงจากตัวผมแล้วก็นอนหงาย ซักพักมันก็พลิกมานอนตะแคง แล้วก็เอาแขนมาวางพาดบนหน้าอกผม

" ฮื่อ..? " ผมหันไปมองหน้ามันแล้วทำหน้าฉงน..
" นะๆ แขนข้างเดียวเอง ไม่หนักหรอก.." มันทำเสียงแบ๊วๆ แล้วยิ้มที่มุมปาก ผมเห็นแล้วอดขำไม่ได้
" ทำเสียงแบบนี้เป็นด้วยหรอ เมาปะเนี่ย? "
" ฮึ.... " มันส่ายหัวแล้วกอดผมแน่นขึ้นอีก
" หึหึ.. " ผมหัวเราะเบาๆ แล้วก็เอามือมาวางทับแขนมันอีกที จากนั้นก็หลับไปพร้อมกับความรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

....เฮ่อ มีความสุขจริงๆเลย.....
หลังจากป้องมันมา นอนกอดผม วันนั้นผมเลยตื่นสายคับ ก็มันหลับสบายนี่นา...ชอบคับ...อิอิ

ผมและไอ้ป้องเลยถูกลงโทษ คู่คับ..(= =")
วันนั้นทั้งวันนี่ไม่ต้องทำไรเลยคับ โดนทำโทษคับ ให้วิ่งรอบสนามกองร้อย 20 รอบภายในชั่วโมงเดียว เรียกได้ว่าแทบไม่ได้พักเลยล่ะ ไอ้ป้องมันลูกคุณหนูคับ หอบก่อนเลย วิ่งได้ 2 รอบก็ทรุดแล้ว มันบอกว่า "วิ่งไปคนเดียวเหอะ กรูไม่อยากให้มึงมาเดือนร้อนเพราะกรูคนเดียว กรูโดนคนเดียวมรึงอย่ามาโดนด้วยเลย" ผมซึ้งครับ ผมเลยพามันไปห้องพยาบาลคับ พยาบาลช่วยพยุงมันเข้าตอนนี้มันสลบไปแล้ว ผมเฝ้ามันทั้งวันเลยอ่ะ จนมันตื่นมา มันตื่นมาแบบงงๆ มันบอกว่า "ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้" ผมบอกว่า "เอ็งอ่ะเป็นลม ลมจับเพราะไข้แดดว่ะ อ่อนแอว่ะ มรึง อ่ะ ไอ้ลูกคุณหนู ผมแหย่มันเล่นๆ"...ที่ไหนได้ ไอ้ป้องมันโกรธผมมากครับ สงสัยมันไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่า "ไอ้ลูกคุณหนู"1 มันต่อยผมครับ ต่อยแรงมาก ต่อยหุ้ก เข้าที่ แก้มซ้ายผมจน จนผมล้มลงกองกะพื้น ฟันแทบหลุดจากปากเป็นแถบๆ แล้วพูดต่อว่า "อย่ามาเรียก เค้าว่าลูกคุณหนูนะ เค้าไม่ชอบว่ะ" แล้วมันก็วิ่งออกไป ปล่อยให้ผมฟุบเรี่ยราดอยู่กะพื้นแบบนั้น จนพยาบาลเข้ามาพยุงผมแล้วทา ฮีลลูดอยย์ ให้ผม จนตกเย็นวันนั้นผมไม่ได้เจอมันออกเลย จนฝึกเสร็จตอน สองทุ่ม ผมเหนื่อยมากกก จนลืมเรื่องแก้มกับ ไอ้ป้องไปเลย จนผมไปอาบน้ำรวมที่ แดน 3 ผมทำสบู่ตกจนสบู่ลื่นไถลไปตามแรงน้ำกับแรงโมเมนตั้ม ไปทางหลังห้องอาบน้ำ.... ผมเจอ...ผมเจอมันกำลังนัวเนียกะกระเทยอีกคน...ผมพูดไรไม่ออกคับ ได้แต่วิ่ง....วิ่ง.....ร้องให้...น้ำตาไหล...จนลืมไปเลยว่าแก้ผ้าอยู่ ผมกลายเป็นดาวดัวแห่งค่ายทหารราบ สังกัด สามโยค ไปเลยคับ

ช่วงหลังๆ ไม่ได้ค่อยได้เจอป้องอีกเลย ส่วนมากจะเป็นเจอคนอื่นมากกว่า ประมานว่า คนนี้ที คนนั้นที ก็แค่สัมผัสภายนอกเฉยๆ เพราะว่า ป้องจะเป็นคนสุดท้ายในใจผม และ ไม่เคยจะคิดนอกใจเลย มีอยู่วันนึง มี พี่ๆจากโรงละครเชิดหุ่นชื่อดังแห่งหนึ่ง ชื่อไร หลุยส์ๆ นี่แห่ละ มาแสดงการเชิดหุ่น 4-5 คน กับเด็กรุ่นเล็ก คาดว่าน่าจะรุ่นลูก รุ่นหลาน เจ้าของโรงละคร ที่จะมาอีก 2 คน มาสอนหลักสูตรเกี่ยวกับการผายปอด การปั๊มหัวใจ และอื่นๆ ที่ผ่านการแสดง แทน วันนี้ในคลาสเรียนเลยจะมีสีสันหน่อย บรรยากาศทั่วไปจึงไม่ค่อยน่าเบื่อ หรือ คึกคัก เลยด้วยซ้ำ ช่วงพักระหว่างฝึกก็มีกิจกรรมให้เราได้เล่น ได้้เข้าร่วม มีของรางวัลให้ได้ลุ้นด้วย ตอนแรกก็หาคนเข้าร่วมก่อน โดยให้เพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดนั่งเป็นวงกลม พอเริ่มเปิดเพลงก็ให้ส่งของต่อกันไปเรื่อยๆ เพลงหยุดแล้วผ้าอยู่ที่ใครคนนั้นก็ได้รางวัลไป...แน่นอนว่า ในกลุ่มคนโชคดีต้องมีผมอยู่ด้วยแน่นอน 555+ (ตอนเพลงหยุดรางวัลไม่ได้อยู่ที่ผมนะ แต่ผมมันจกรางวัลจากมือคนอื่นมา เรียกว่าแย่งว่างั้น 555...) ผมแกะกล่องออกมา มันเป็นกรอบรูป อ่ะ เซ็งเป็ด...เมื่อไหร่จะเลิก ไอ้วัฒนธรรม ไอ้ กรอบรูปซะทีฟระ เซ็งอ่ะ น่าจะมีกฎหมายนะว่า ห้ามให้ของขวํญใครก็ตามเป็นกรอบรูปเกิน 2 ครั้งซ้อน...อิอิ ได้ของฟรีแถมแย่ามา ดันมาบ่นอีก 555... ตกค่ำก่อนจะนอน ผมหยิบกรอบรูปมาดูระหว่างอยู่บนเตียง อย่างไร้อารมณ์ ใด้ แต่จู่ๆ ก็มี กระดาศ แผ่นเล็กๆตกมาบนอก ใช่ครับ มันตกจากกรอบรูปที่ผมดูอยู่...มีข้อความที่เขียนด้วยดินสอ 2ฺB ว่า
"ถ้า ยังจำกันได้อยู่...ยังไม่ลืมกัน...พบกัน หลังประตูค่าย ตีสาม...พรุ่งนี้..." ผมงง ใครเขียน เค้าจะหมายถึงผมอยู่ป่าว เพราะ จริงๆผมก็แย่งเจ้าของนี่มาจากเพื่อน อีกทีนึง...นี่หว่า คืนนั้นเล่นเอาผมนอนไม่หลับบ...คิดแต่เรื่องข้อความ บ้าๆนั่น....แล้วก็จนถึงเช้า....

..
..
เช้า วันเสาร์ เสียงนกหวีดเป่าให้สัญญาณว่าพวกมึงควรจะตื่นได้แล้วดังขึ้น ผมลืมตาขึ้นมา แต่ป้องมันยังนอนอยู่ แขนยังวางที่ตัวผมเหมือนเดิม ผมพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าไปหามัน ตอนนี้หน้าเราเกือบจะชนกัน ผมจ้องหน้ามันในระยะประชิด มันยังหลับตา ซักพักมันก็หลุดขำออกมา ( ไอ้บ้าหนิ เจ้าเล่ห์จริงๆ น่าเขกกะโหลก )

" อ้าว.. นึกว่าหลับอยู่ " ผมถามขณะเอามือปิดปากเพราะพึ่งตื่นนอน กลัวปากจะเน่าแล้วกลิ่นไปเตะจมูกไอ้คนข้างหน้า
" ตื่นนานละ ขี้เกียจลุก " มันพูดแล้วเอามือปิดปากมั่ง
" ตื่นไปล้างหน้าล้างตาได้แล้วไป๊ นอนแบบนี้เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น งานจะเข้า " ผมบอกมันพร้อมกับลุกขึ้นเดินอ้อมไปที่เตียง (ที่จริงตอนนั้นไม่ได้พูดคำนี้หรอก เพราะยังไม่บรรจุคำว่า -งานเข้า- ลงในพจนานุกรมวัยรุ่น )

จากนั้นพวกผมก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว กินข้าว แล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัย วันนี้ไม่มีโปรแกรมทำอะไร ผมกับมันก็วนเวียนอยู่ใกล้ๆกัน ทั้งวัน ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แค่มองหน้าแล้วก็เล่น รับ-ส่งยิ้มให้กันไปมา ลักษณะจะออกไปทาง -ข้าวใหม่ปลามัน- ฮิ้ววววว......... ทำไมละ ก็ผมกับมันร่วมหลับนอนกันแล้วนี่นา....ถึงจะแค่นอนกอดกันเฉยๆ ก็เถอะ..

...
...
ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ สักคำให้ลึกซึ้ง
ไม่ต้องบรรยายอะไร ให้สวยเลิศเลอ
ไม่ว่าอะไรมันคือเหตุผล ทีฉันนั้นรักเธอ
ให้รู้ว่ารักเธอ เท่านั้นพอ........


อารมณ์ประมาณนั้นเลยครับตอนนั้น รู้สึกดีกับมันมากๆ และคิดเอาเองว่ามันก็คงจะเหมือนกัน

หลังจากวันนั้น พอสัญญาณนอน 3 ทุ่มดัง เวรยามปิดไฟโรงนอนเรียบร้อย มันก็จะสะกิดเรียกผมให้ไปนอนบนเตียงเดียวกับมัน ผมไม่ใช่คนใจง่ายนะครับ แต่สะกิดเมื่อไหร่ก็ไปทันที ดีซะอีกไม่ต้องนอนคนเดียว ที่สำคัญเวลานอนแล้วมีคนที่เราชอบมากอดด้วยเนี่ย ฮิ้ววว.... ขอย้ำนะครับ ว่านอนกอดกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ( อ๊างงงง.... ก็เค้าไม่เคยหนิ *0* )

จนมาถึงวันศุกร์แห่งชาติอีกครั้ง (ครบรอบ 1 สัปดาห์ของการร่วมหอลงโลง อิอิ ) กลุ่มเพื่อนของตาป้องได้เบียร์มาลังนึงกับเหล้าอีกนิดหน่อย ไม่รู้ไปเอามาจากไหน พอสัญญาณ 3 ทุ่มดังขึ้น พวกนั้นก็เริ่มตั้งวงที่มุมด้านหลังโรงนอน ผมก็ไปแจมกับเค้าหน่อย เพราะวันนี้มีเบียร์ด้วย ผมกินได้ พอหมดเบียร์ไปซัก 7-8 ขวด ผมเริ่มมึนๆ เพราะนานๆ จะกินที คออ่อน ผมเลยบอกป้องว่าไม่ไหวละ เดี๋ยวเมา ขอตัวไปนอนก่อน ทำทีว่าลุกไปห้องน้ำ แต่แอบหลบมาที่เตียงตัวเอง ซึ่งกางมุ้งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อน 3 ทุ่ม รอแค่เอาหัววางบนหมอน ก็เป็นอันเสร็จพิธีการ

หลับได้พักใหญ่ ก็รู้สึกตัวว่ามีคนเบียดๆ อีกละ ไม่ต้องหัวไปมองก็รู้ว่าเป็นตาป้อง เพราะผมจำกลิ่นได้ 555+ ไม่ได้โม้นะครับ จำกลิ่นได้จริงๆ ผมคุ้นกลิ่นนี้มา 3-4 วันละ เป็นกลิ่นคล้ายๆ สมุนไพร พวก ไพล หรือว่านอะไรซักอย่างนิแหล่ะ เป็นกลิ่นอ่อนๆ ไม่ฉุน ต้องอยู่ใกล้มากๆ ถึงจะได้กลิ่น แบบผ่อนคลายๆ ผมเคยถามว่าทายาสมุนไพร หรือยานวดอะไรรึป่าว มันบอกว่าไม่ ก็จริงตามที่ป้องมันบอกนะ เพราะสังเกตุเอาหลังจากมันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ไม่เห็นว่ามันจะเอาอะไรมาทาตัวเลย พอกลิ่นสบู่เริ่มจาง กลิ่นนี้ก็จะมาแทน ผมก็เลยสรุปเอาว่ามันต้องเป็นฟีโรโมนของตาป้อง เอาไว้ล่อให้ผมติดกับ หลังรักจนโงหัวไม่ขึ้นแน่เลย *0*

" นอนด๊วยยยย.. " มันกระซิบข้างๆ หู ทำเสียงแบ๊วๆ
" ไม่ทันแล้วละ หึหึ " ผมว่าขำๆ เพราะมันลงมานอนเบียดพร้อมกับวางแขนพาดบนหน้าอกผมแล้วเรียบร้อยก่อนที่จะได้ รับอนุญาตจากผมซะอีก
"......................" มันพูดอะไรงึมงำๆ ซักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็ฝังจมูกตัวเองลงที่แก้มผม
"ขี้โกง..." ผมว่าพร้อมกับพลิกตัวตะแคงหันหน้าไปหามัน แล้วเอามือบี้จมูกของมันไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว มันเอาหน้ามุดลงหมอนทันที
..
..
..
"มั่ง ดิ.." ผมกระซิบเบาๆ เพราะเขินๆ ไม่คิดว่าจะกล้าพูดแบบนั้นออกไป
"......." มันไม่ตอบ แต่แอบยิ้มแล้วก็เอามือปิดหน้าตัวเอง

เห็นแบบนั้นผมยิ่งหมั่น เขี้ยว ดึงมือมันออกแล้วฝังจมูกตัวเองลงไปที่แก้มแล้วสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ผมหอมแล้วหอมอีกแก้เขิน *0* มันก็เอามั่ง ตอนนั้นเราไม่พูดอะไรกันอีกแล้ว เพราะมีแต่เสียงคิกคักๆ เหมือนเสียงหยอกกัน หอมกันไปหอมกันมา อืม...กลิ่นนี้อีกแล้ว ที่แก้มมันก็มีกลิ่นนี้ มันต้องเป็นฟีโรโมนแน่ๆ เพราะยิ่งดมยิ่งติด ยิ่งดมยิ่งหลง...เจ้าของกลิ่นมากขึ้นไปทุกที

เมื่อเนื้อต้อง เนื้อ ทั้งกอดทั้งหอมกันขนาดนี้ อารมณ์อย่างว่ามันก็ต้องมีเป็นของธรรดา เราเริ่มเปลี่ยนโหมดจากที่แรกๆ จะเป็นในลักษณะหยอกๆ กันมากกว่า แต่พอเวลาผ่านไปอารมณ์ก็เริ่มเปลี่ยน ตาป้องอยู่ในท่านอนหงาย ผมนอนตะแคงหันหน้าไปทางตาป้อง แขนซ้ายกอดอยู่ที่เอว จมูกก็แนบกับแก้มของมัน ทำให้รับรู้ได้ถึงลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่าย มาถึงขนาดนี้แล้วมันก็ควรจะต้องเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ผมตัดสินใจยกขาซ้ายงอเข่าแล้ววางทับไปแถวๆ ป้องน้อยแบบเนียนๆ เป้าหมายคือเช็คดูให้รอบคอบว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกแบบเดียวกันหรือไม่ เพราะบีน้อยของผมตอนนี้แข็งจนปวดไปหมด และจากสัมผัสนั้นก็ทำให้รู้ว่า ของตาป้องเองก้คงจะได้ที่แล้วเหมือนกัน เพราะลักษณะจะเป็นแท่งแข็งๆ ซ่อนตัวอยู่ในกางเกงขาสั้นทหาร
" นะ.." ผมกระซิบเบาๆ พร้อมเลื่อนตำแหน่งมือซ้ายจากเอวลงไปเกาะกุมที่เป้ากางเกงตรงที่ป้องน้อย ซ่อนอยู่ทันที
" ฮื่อ.." มันส่งเสียงเบาๆ ลักษณะเหมือนจะบอกว่าอย่าจับนะ แล้วก็ดันๆมือผมออก
" นะๆ อยากรู้จักอะ ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย " ผมว่าขำๆ แต่ไวกว่าคำพูด ล้วงเข้าไปในกางเกง คว้าหมับเข้าที่ป้องน้อยที่ตอนนี้แข็งตัวเต็มที่ พาดขวางเฉียงขึ้นไปทางขวา ยาวจนพ้นขอบกางเกงใน
" ไม่เอา....อาย " มันพูดพร้อมกับพยายามดึงมือผมออก แต่คราวนี้ผมขืนครับ ไม่ยอมให้มันดึงมือออกง่ายๆ ดูลักษณะแล้วมันก็คงจะอายมากๆ อยากเห็นหน้าตอนนี้มันจริงๆ ว่าจะแดงซักแค่ไหน
" นะๆ นิดเดียวเอง " ผมกระซิบเบาๆ พร้อมกับฝังจมูกลงไปที่แก้มมันอีกครั้ง
ตอนนี้มันไม่ได้ขัดขืนแล้ว แต่อาการอายยังมีอยู่ ผมได้ใจเลยล้วงเข้าไปในกางเกงใน คว้าป้องน้อยมากำไว้ในมืออย่างผู้มีชัยที่สามารถยึดอาวุธของฝ่ายตรงข้ามมา ได้ มันพร้อมสู้ศึกเต็มที่ ขนาดก็เล็กกว่าบีน้อยนิดหน่อยแต่ยาวได้ใจมาก และที่สำคัญแข็งสุดๆ สู้มือใหญ่เลย ผมเอานิ้วโป้ง แตะๆที่ส่วนหัว มีน้ำเหนียวๆ ออกมาแล้วด้วย ผมเริ่มสาวมือช้าๆ นิ้วโป้งก็บี้ที่ส่วนหัวเบาๆ ตาป้องดูจะไม่ขัดขืนแล้ว ได้ยินแค่เสียงครางเบาๆ จากลำคอ ผมเลยก้มหน้าลงไปไซร้แถวๆ ซอกคอ
..
..
..
" อือ.......อือ...." มันครางเบาๆ แล้วเริ่มดิ้นหน่อยๆ ผมเริ่มเร่งจังหวะ เพราะเห็นว่ามันคงจะเต็มที่แล้ว มันเริ่มเกร็งตัว ทำให้หน้าขาที่แข็งๆ ยิ่งแข็งมากขึ้นไปอีก
" อึ...อือ........อื้อ.." มันเม้มริมฝีปากแน่น มือก็บีบที่แขนผมแน่น ผมเลยเร่งสาวให้มันหนักขึ้น มันเกร็งตัวสุดๆ จากนั้นก็กระตุกตัว 2-3 ที พร้อมกับน้ำว่าวพุ่งฉีดออกมาเต็มฝ่ามือของผม น้ำออกมาเยอะมากสงสัยจะเงี่ยนสุดๆ มันหายใจหอบซักพักแล้วก็เริ่มนิ่งลง ผมมองหน้าตาป้องแล้วยิ้ม มันเลยจูบที่หน้าผากของผม ผมเลยหอมแก้มมันอีกครั้ง ขณะที่มือที่เปื้อนน้ำว่าวก็ยังบีบคลึงอยู่ที่แท่งยาวๆ ของตาป้อง
" พอได้แล้ว อายเป็นนะเนี่ย " มันเริ่มกลับมาอายอีกแล้วครับ
" แหม มีอายด้วยนะ ทีเมื่อกี้ละเร่งใหญ่เลย "
" ฮึ.." มันส่งเสียงเบาๆ คงจะเขินกับอาการของตัวเองเมื่อกี้ จากนั้นก็พลิกตัวมาเป็นนอนตะแคงกอดผม มันเสร็จไปแล้ว แต่ผมยัง อารมณ์ตอนนั้นก็สุดๆละ ที่จริงก็อยากให้มันทำให้บ้าง มันแข็งจนปวดไปหมดละเนี่ย แต่คิดไปคิดมา ถ้ามันอยากทำเดี๋ยวก็คงทำเองแหล่ะ มันยังกอดผมนิ่งกึ่มๆ เหมือนจะหลับแล้ว ท่าทางวันนี้ผมคงจะอด ได้นอนแข็งโด่แบบนี้ทั้งคืนแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรวันนี้จะอดทน อดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ได้ฟร่ะ.. แง่ง แง่ง -*-

ผมกอดมันแน่นๆ อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกว่า เค้าคนนี้คือของๆเรา อย่างน้อยๆก็ตอนนี้ เราอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ผมหวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอหน้ามัน หน้าขาวๆ คมๆ ในตอนนั้น ดูโดดเด่นที่สุดในกลุ่มเพื่อน ทำให้ผมแอบสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่เพราะสายตาและท่าทางในตอนนั้น ทำให้แทบไม่น่าเชื่อว่า มันจะมานอนอยู่ที่นี่ ตอนนี้ ในอ้อมกอดของผม และผมก็เช่นกัน เรากอดกัน อืม.. ความรู้สึกแบบนี้สินะ ที่ใครหลายๆคนกำลังพยายามค้นหาและไขว่คว้าอยากจะได้มันมาครอบครอง ตอนนี้ผมได้มันมาแล้ว มันอยู่ตรงหน้า แอบหวังเล็กๆไว้ว่า ความรู้สึกของไอ้คนที่นอนอยู่ข้างหน้าตอนนี้ จะเป็นแบบเดียวกันกับผม และอยากให้ยังคงอยู่ต่อไปอีกแสนนาน
คืนแรกของเราผ่าน ไป ผมรู้สึกตัวเกือบๆสว่าง พบว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดของตาป้อง มันยังนอนหลับตาพริ้ม เห็นแล้วน่าหมั่นเขี้ยว คงจะหลับสบายสินะ ก็เสร็จสมอารมณ์หมายไปแล้ว ส่วนผมสิ ยังค้างเติ่งตั้งแต่เมื่อคืน สงสัยว่าวันนี้สิวเงี่ยนคงจะขึ้นแน่ๆ คิดแล้วก็...ซักยกจะดีมั้ยน๊า (แฮะๆ แค่คิดเล่นๆ ...แต่ถ้าเป็นจริงๆ ก็คงจะดี o.O")

จนถึงตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นจากความรู้สึกของผมจริงๆ เกิดเพราะผมรู้สึกแบบนั้นกับมัน และผมก็แค่แสดงออกไปตามความรู้สึก แต่สำหรับไอ้คนตรงหน้า ผมก็ไม่สามารถจะคาดเดาได้ ว่าสำหรับมัน เกิดจากความรู้สึกจริงๆ หรือแค่เพราะว่ามีระดับแอลกอฮอล์เพิ่มเข้าไปในกระเเสเลือดทำให้มันควบคุมตัว เองไม่ได้ ถ้าบางทีเช้านี้มันตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นอีกคน ผมควรจะทำยังไง

ก่อนที่ความคิดของผม จะทำร้ายความรู้สึกของผมเองไปมากกว่านี้ ก็จำเป็นต้องหยุดความคิดนั้นไว้ หากจะมีอะไรเกิดขึ้นจากนี้ ก็สุดแล้วแต่มันจะเป็นไป ตอนนี้ก็มีความสุขดีแล้ว ผมคิดในใจพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจตัวเอง พอดีกับที่ตาป้องลืมตาขึ้นมาพอดี

" เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย นอนยิ้มคนเดียว.. " มันทักทายผมแทนคำว่า - อรุณสวัสดิ์ครับ ที่รัก - (555+ คิดเอาเองครับ )
" ไม่รู้ดิ มันเป็นค้างๆคาๆ ตั้งแต่เมื่อคืน เหมือนคนไม่เสร็จอะ สมองเลยสั่งการผิดเพี้ยนมั้ง " ได้โอกาสผมเลยแย็บมันไปเบาๆ
" หึหึ.." มันหัวเราะเบาๆ แล้วก้มหน้างุดๆ ลงบนหมอน ท่าทางจะอายอีกตามเคย ดูๆ ไปแล้วนอกจากจะหล่อแล้วมันก็ยังน่ารักมากๆ ด้วย

ซักพักมันก็เงยหน้าขึ้นมา หันซ้ายหันขวา แล้วก็จุ๊บที่แก้มผม ก่อนที่เริ่มต้นมุดลงหมอนอีกครั้ง ผมทั้งอึ้งทั้งขำกับพฤติกรรมของมัน (อีกทั้งเริ่มจะสงสัยแล้วว่า ในหมอนมันมีอะไรแน่ เห็นไอ้นี่มันมุดจัง) ผมเองก็ไม่อยากน้อยหน้า เห็นหน้ามันแล้วอดใจไม่ไหว จุ๊บมันคืนทันทีพร้อมกับลากจมูกวนทั่วแก้มมัน

" พอแล้วววว... จั๊กจี้..." มันว่าพร้อมกับเอามือดันหน้าผมออก จากนั้นมันก็ตั้งหน้าตั้งตามุดหมอนอีกรอบ (นั่นไง..ผมว่าละ มันต้องมีอะไรอยู่ในหมอนแน่ๆ มันมุดเอาเป็นเอาตายซะขนาดนี้ )
" ตื่นไปล้างหน้าล้างตาได้แล้วไป๊ เดี๋ยวก็ได้เวลาเป่าปลุกละ " ผมบอกมันเพราะเห็นว่านี่ก็เกือบจะ 6 โมงเช้าแล้ว วันนี้มันเข้าผู้ช่วยสิบเวร มีหน้าที่เป่านกหวีดปลุกตอน 6 โมงเช้า เดี๋ยวอีกสักพัก เวรกองร้อยฯ ก็คงจะเดินมาปลุกผู้ช่วยสิบเวร คงไม่ดีแน่ถ้าหากเวรกองร้อยฯ มาปลุกผู้ช่วยฯแล้วมาเจอช็อตคลอเคลียแบบนี้

" อืม.." มันตอบเบาๆ อย่างคนว่าง่าย ยิ้มให้ทีนึงก่อนจะเดินตัวปลิวไปที่ตู้ของตัวเอง หยิบผ้าเช็ดตัวกับขันใส่อุปกรณ์อาบน้ำเดินออกไป

ผมนั่งมองดูมันจนเดินพ้นกอง ร้อย แล้วก็นอนหงายลงบนเตียง ยิ้มให้ตัวเองด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ความกังวลก่อนหน้านี้หายไปจนหมด มันยังเป็นคนเดิม คนเดียวกับเมื่อคืน นั่นแสดงว่าทุกอย่างระหว่างผมกับมัน เกิดขึ้นเพราะความรู้สึก ไม่ได้เกิดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ จริงอยู่ที่แอลกอฮอล์ก็มีส่วน แต่ก็แค่ช่วยให้เรากล้าแสดงความรู้สึกจริงๆที่มีต่อกันแค่นั้นเอง เพียงแค่นี้ก็ทำให้หัวใจผมพองโต มีความสุขมากมายจนแทบจะหุบยิ้มไม่ลง...

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...