วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สมาคมชาวแฟลต 1

จากแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอน  มาเล่นละครบทชีวิตหนัก  จากพ่อแม่มาก๊อก  ก๊อก                  บ่ายโมงกว่าๆ ของวันเสาร์ ผมกำลังเพลินกับเสียงเพลงจาก คอมอันแสนไพเราะก็ต้องสะดุดอารมณ์ด้วยเสียงเคาะประตูสองสามครั้ง                  ผมลุกจากที่นอนด้วยอาการเซ็งๆ เพราะวันหยุดทั้งทีจะได้นอนฟังเพลงสบาย ๆ บ้าง หลังจากที่ต้องทำงานจันถึงศุกร์                  ผมเปิดประตูออกไปเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาซีดๆยืนอยู่ด้วยอาการกล้า ๆ กลัว ๆ คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นหน้า                   “ขอโทษครับพี่ ผมอยู่ห้อง 415 ตรงโน้นนะครับ”                  “อืม...แล้ว”                  “ผมอยากจะรบกวนยืมเงินพี่สักร้อยนึงนะครับ  ผมยังไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว แม่ยังไม่ส่งเงินมาให้จากต่างจังหวัดนะครับ”                  ผมสังเกตเห็นน้องเขามีอาการโรยๆ คงจะเกิดจากความหิวจริง ๆ                   “เฮ้ย....แล้วอยู่ได้ไง หิวมากหรอ”                  “ครับ...ผมจะเป็นลมอยู่แล้วครับพี่” น้องเขาพูดแล้วก็มีอาการเซ ๆ ผลรีบเข้าไปพยุง                  “เข้ามาในห้องพี่ก่อน” ผมพยุงน้องเขาเข้ามาในห้องพามานั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องที่ผมจัดไว้เป็นโต๊ะกินข้าว                  “ขอบคุณครับ ผมหิวจนไม่มีแรงจะยืนแล้ว”                  “งั้นเดี๋ยวพี่หาข้าวให้กิน”                  “ไม่เป็นไรครับ รบกวนเปล่า ๆ แค่พี่ให้ผมยืมเงินก็เป็นพระคุณแล้วครับ เดี๋ยวผมไปซื้อกินเองได้”                  “เฮ้ย...ไม่รบกวนหรอก เรื่องเงินพี่ไม่มีปัญหาหรอก แต่ตอนนี้ท่าทางนายจะไม่มีแรงแม้แต่จะเดินลงไปซื้อข้าวแน่ ๆคงตกบันไดตายก่อน  นี่ชั้น 4 เชียวนะ”                  ผมเปิดตู้เย็นขนาด5.5 คิว รินน้ำเย็น ๆ ให้น้องเขาดื่ม                  “ดื่มน้ำก่อน  แค่ค่อย ๆจิบนะเดียวจะแสบกระเพาะ”น้องยกมือไหว้แล้วรับแก้วน้ำไปค่อย ๆ ดื่ม อืม ไอ้เด็กคนนี้ใช้ได้มือไม้อ่อนมีสัมมาคารวะด้วย                  ผมเปิดหม้อข้าวแล้วตักข้าวใส่จานแล้วเปิดฝาชีดูกับข้าวที่ผมเพิ่งกินไปเมื่อตอนเที่ยงยังเหลือกะว่าจะเก็บไว้กินตอนเย็น ผมลำเลียงผัดบวบใส่ไข่ แกงจืดวุ้นเส้น  และพะแนงหมูมาวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่น                  “กินตามสบาย รองท้องให้มีแรงก่อน แล้วค่อยไปซื้อหาไรกิน”                  “ขอบคุณครับ” น้องเขายกมือไหว้แล้วรีบตักแกงใส่กับข้าวก้มหน้าก้มตากินแบตายอดตายอยากจริงๆ                   สงสัยจะหิวจริงๆ อย่างที่น้องเขาว่า                  ผมเขยิบออกมานั่งพิงมองอยู่ห่างๆ เพราะกลัวน้องเขาจะเขินไม่กล้ากิน แล้วมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้น                  เป็นหนุ่มผิวขาวเหลืองๆ ผิวพรรณดี รูปร่างสมส่วน ไม่อ้วนแต่ไม่ผอมจนแห้ง  อายุไม่น่าเกิน 20  นุ่งกางเกงนักเรียนสีดำขาสั้นใส่เสื้อยืดสีเขียวเหมือนทหารตัดผมสั้นรองทรง ที่ข้อมือมีด้วยสีคล้ำๆผูกไว้สองสามเส้น  ต้นคอขาวเนียนมีสายร่มคล้องไว้                  “พี่ครับ  เสร็จแล้วครับ”                  เสียงของน้องเขาทำให้ผมตื่นจากผวัง”                  “อ้าวอิ่มไวจัง” ผมพูดแก้เขินทันที                  “ผมกินของพี่หมดเลยครับ”                  “อิ่มมั้ยล่ะ”                  “อิ่มมากเลยครับ ขอบคุณพี่อีกครับหนึ่งครับ”น้องเขายกมือไว้อีกครั้ง                  “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ไปไงมาไงถึงมาเคาะห้องพี่ล่ะ” ผมเริ่มถามประวัติ                  “ผมชื่อเต้ครับ เป็นคนสกลคร มาเรียนที่.................... ได้ปีกว่า ๆ แล้วครับผมเรียนสาขาอีเล็กทรอนิกส์”                  “คนอีสานเหมือนพี่เลย พี่คนโคราช”                  “นั่นแหละครับ ทำให้ผมกล้าที่จะเคาะห้องพี่ เพราะผมได้ยินพี่เปิดเพลงไมค์  คิดว่าพี่ต้องเป็นคนอีสานเหมือนผมแน่ ๆ ”                  “อ๋อ.......” ผมถึงบางอ้อเลย                  “ผมเห็นพี่หลายครั้งแล้วครับ แต่ไม่คิดว่าพี่จะเป็นคนอีสาน  คิดว่าพี่เป็นคนใต้”                   “อ้าว...ทำไมคิดว่าพี่เป็นคนใต้ล่ะ”                  “ก็จมูกพี่โด่ง ผิวก็ออกเข้ม ๆ และแฟลตนี้ก็มีแต่คนใต้อยู่เกือบทั้งนั้น” แฟลตที่ผมอยู่ย่านคลอตันส่วนใหญ่จะเป็นคนใต้  อยู่เป็นครอบครัวก็เยอะ  เด็กมาเรียนรามก็ไม่ใช่น้อยเลยเหมือนเป็นย่านคนใต้ บางวันมีแต่ทองแดงเกลื่อนไปหมด                  “คนโคราชผิวก็แบบนี้แหละจะออกเข้ม ๆ”                  “ครับ...”                  “แล้วทำไมเราถึงหิวโซมาขนาดนี้ ไม่มีเงินติดตัวเลยหรอ”                  “ผมเอาเงินค่ากินไปซื้ออุปกรณ์การเรียนนะครับ  แม่บอกว่าจะส่งเงินมาให้แต่ก็เงียบไปผมโทรไปหาแม่ก็ไม่มีสัญญาณ ผมเหลือเงินติดตัวอยู่ร้อยกว่าบาทหมดไปตั้งแต่วันพุธนะครับ แล้วผมก็ไมได้กินอะไรลงท้องอีกเลย”                  “เฮ่ย...หลายวันเชียวนะ แล้วทำไมไม่ยืมเพื่อน ๆ ละ”                  “ผมไม่กล้านะครับ เพราะดูเพื่อน ๆ ก็คงไม่ต่างจากผม”                  คงเป็นอย่างที่น้องเขาว่าเพราะสถานศึกษาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะมีลูกคนรวยมาเรียนก็คงเป็นประเภทหาเช้ากินค่ำเพื่อส่งลูกเรียน คงจะไม่มีใครให้ยืมแน่ ๆ                   “แล้วโทรกลับบ้านอีกตอนไหน”                  “ผมไม่มีเงินค่าโทรศัพท์นะครับ”                  “อ้าว เราไม่มีมือถือหรอ”                  “ไม่มีครับ ผมโทรสาธารณหาแม่ฝ่ายเดียว”                  “ งั้นเอาเบอร์มาเดี๋ยวพี่ลองโทรให้” น้องเขาควักกระเป๋าสตางค์ที่ไม่มีสตางมีแต่เศษกระดาษสี่ห้าแผ่นพับแน่นอยู่ในกระเป๋า                  ผมรับกระดาษที่มีเบอร์โทรมากดเบอร์แล้วโทรออก                  ตูด   ตูด                     “สวัสดีครับ ใช่คุณแม่ของน้องเต้มั้ยครับ”                  “แม่นค่ะ มีอีหยังค๊ะ บักเต้ไปเฮ็ดอีหยังหรือค๊ะ”  ปลายสายถามมาเป็นภาษาอีสานด้วยความตกใจ                  “ใจเย็นครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องเต้นั่งอยู่กับผมข้าง ๆ นี่แหละครับเดี๋ยวคุยกับน้องเต้นะครับ”                  “ค่ะ”                  “แม่....ผมโทรหาแม่เมื่อสองวันก่อนมันคือบ่อติดแม่บ่เปิดโทรศัพท์ติ”            “ไปนอนเถียงนามันบ่มีสัญญาณ  เป็นจังใดคือมาอยู่กับเพิน”                  “คือผมบ่มี....”ผมรีบยกมือห้ามเพราะกลัวแม่น้องเต้จะเป็นห่วง ผมเอามือปิดโทรศัพท์                  “ไม่ต้องบอกแม่หรอกว่ามาขอข้าวพี่กิน เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง”                  “ครับ”                  “ผมยืมโทรศัพท์เพินโทรมาหาแม่ แม่ส่งเงินให้ผมแล้วบ่”                  “โอ้ย....แม่ลืม คาแต่ยุ่งเรื่องนั่นยุ่งเรื่องนี่ แม่บักโตนมันถืกรถชนตาย คาแต่ซอยงานศพเพิน”                  “ตายมือใด”                  “วันพุธตอนคำ มันออกไปใสดุ  ถืกอีแต็นชนตายคาทางแยกเข้าหมู่บ้าน”                  “เสร็จงานศพแล้วบ่”                  “ยังดอก  รอบักโตนมันกลับมาก่อนเดี๋ยวแม่ไปส่งเงินให้เด้อ  แค่นี้ก่อนเขามาตามไปงาน”                  “ครับ ๆ”                    เต้วางสายคุยกับแม่แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผม ด้วยอาการหงอย ๆ                   “อ้าวไม่ดีใจหรอติดต่อกับแม่ได้แล้ว”                  “แม่ยังไม่ส่งเงินมาเลยนะซิรับ”                  “เอาน่า  แค่นี้เอง  เดี๋ยวเอากับพี่ไปก่อน แม่ส่งมาแล้วค่อยเอามาให้พี่”                  ผมพูดเสร็จก็หยิบกระเป๋าสตางเปิดออกหยิบใบร้อยยื่นให้เต้ไป5 ใบ                  “ผมเกรงใจพี่นะครับ”                  “ไม่ต้องเกรงใจหรอก กว่าเงินจะมาถึงคงอีกหลายวัน ถ้าไม่พอก็มาบอกพี่นะ”                  “ขอบพระคุณมากครับพี่”                  “เรียกพี่ว่าต๊ะก็ได้”                  “ครับพี่ต๊ะ”                  “ว่าแต่เมื่อกี้เห็นบอกว่าแม่โตนตาย  พอเราได้ยินทำไมถึงตกใจ”                  “แม่โตนคือญาติห่าง ๆ ของผมนะครับ  เจ้าโตนก็เหมือนลูกพี่ลูกน้อง  อายุเท่าผมเรียนมาด้วยกันเล่นมาด้วยกัน  พอจบ ม.3 มันไม่ยอมเรียนต่อ  มันอยากทำงาน มากกว่า  ชวนมันมาเรียนที่กรุงเทพด้วยมันก็ไม่มา  ผมเลยมาเรียนคนเดียว”                  “อ้าวแล้วนี่เรามาอยู่คนเดียวหรอ”                  “ผมอยู่กับอาพรครับ” อาพรที่เต้พูดถึงคือน้องพ่อที่มาทำงานที่กรุงเทพอาชีพพนักงานขายเครื่องสำอางค์                   “แต่อาพรเป็นน้องพ่อครับ แกเช่าห้องไว้แต่ไม่ค่อยอยู่ห้อง บางทีหายไปทีสองเดือน  แกก็เลยชวนผมให้มาอยู่กับแกเพื่อเฝ้าห้องให้อาพรด้วยและก็เรียนไปด้วยครั้งนี้แกไปได้ เดือนกว่าแล้วครับ เห็นบอกว่าไปเปิดบูธที่สุราษ”                  ผมสังเกตหน่วยก้านท่าทางจะเป็นเด็กรักดีจากเมื่อสักครู่ก่อนเข้ามาหน้าตาอิดโรย แต่ตอนนี้หน้าและแววตาสดใส    ยิ้มเก่งอัธยาศัยดี                   ผมมองหน้าชัดๆ จัดได้ว่าหน้าตาดีทีเดียว จมูกโด่ง แต่ไม่ถึงกับโด่งมาก ปากได้รูป  หน้าเรียว คิ้วหนาเป็นแผงเลย  มีไรหนวดอ่อน ๆ ขึ้นริมฝีปาก                   “ผมรบกวนพี่มากเลยกินไปหรือเปล่าครับ  เดี๋ยวผมขอกลับห้องก่อน”                  “เฮ้ย...ไม่เป็นไร รบกวนที่ไหนล่ะ  พี่ก็อยู่คนเดียวมีเต้มาเป็นเพื่อนคุยแก้เซ็ง  จะรีบไปทำธุระที่ไหนหรือเปล่าล่ะ”            “ไม่มีครับ”                  “งั้นดีเลย อยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อน เดี๋ยวกินข้าวเย็นแล้วค่อยไป”                  “จะเป็นการรบกวนพี่มากเกินไปนะซิครับ”                  “ไม่หรอกพี่จะได้มีเพื่อนกินข้าวด้วย”                  “งั้นเดี๋ยวผมกลับไปห้องก่อนนะครับเดี๋ยวมาใหม่”                  “ตามสบาย”             น้องเต้ลุกออกจากห้องผมเดินไปปิดประตูมองตามหลังน้องเต้เห็นน้องเต้หันมายิ้มแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง 415                   **********************            ก๊อก ก๊อก
ดูบันทึกคะแนน

ไม่มีความคิดเห็น:

เด็กหอ 8 CP

มื่อกานต์เก็บของจากห้องตัวเองเสร็จ จึงมาหาอาจารย์ภัทรที่ห้อง ส่วนภัทรอาบน้ำทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อย ควยของภัทรแข็งรอกานต์อยู่นานแล้ว &...